บันทึกบุญ ของข้าพเจ้า

ในห้อง 'อนุโมนาบุญ - อุทิศบุญส่วนกุศล' ตั้งกระทู้โดย ปานโสม, 30 สิงหาคม 2007.

  1. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    จุดประสงค์ ของการตั้งกระทู้ ก็เพื่อ ให้เพื่อนๆ ได้อนุโมทนา บุญ
    รวมบุญ เพื่อเป็นบุญต่อบุญ และบันทึกฝากเอาไว้ ที่เว๊บพลังจิตแห่งนี้
    เพื่อให้ตัวเองกับครอบครัวและลูกๆได้อ่าน ได้ทำตาม.
    (หากแม่ไม่อยู่ ก็ให้น้องอ้อน น้องออม น้องอีฟ น้องไอ่ไอซ์ ได้ทำต่อ)

    เป็นเพราะ ชาได้โอกาส ทำบุญ-กุศลมาก
    จริงอยู่มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ปัจจัย หรือ ความมาก-น้อย
    แต่ทว่า เพราะชาโชคดี มีโอกาส ทำเสมอต้นเสมอปลาย
    ซึ่งหลายๆคน อาจมีจิตใจที่ใสและกว้างใหญ่กว่าฟ้า
    แต่หาโอกาส ทำเหมือนชาไม่ได้บ่อยๆ
    จึงมาเขียนเพื่อให้ อนุโมทนากัน ดังนี้

    เพื่อ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
    พร้อมทั้งอุทิศอนิสงค์ผลบุญให้ บิดา-มารดา ครูบา-อาจารย์
    เจ้ากรรมนายเวร เจ้าบุญนายคุณ ทั้งหลาย ทั้งปวง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2009
  2. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151

    (rose)สมัยที่ฝึก มโนมยิทธิ กับอาจารย์ไก่ครั้งแรก

    อาจารย์ก็ไล่ไปทีละคนว่า ใช้มโน ไปถึงไหนกันบ้าง
    ปรากฏว่า ส่วนใหญ่ ก็ไปกันได้ถึงจุดหมาย...แต่ของชา
    ไปยังไง ก็ไปนั่งอยู่ในมือ ของพระพุทธรูปสีขาว องค์ใหญ่กว่าภูเขา
    แล้วท่านก็พาเหาะ ขึ้นไปบนฟ้า...ฝึกกี่หน กี่หนก็ได้เห็นตัวเอง
    นั่งแต่ในอุ้งพระหัตถ์


    ทำให้นึกว่า โอละหนอ...นี่กระมังอนิสงค์ผลบุญ ที่เราเคยร่วมสร้างพระพุทธรูป
    เมื่อคราวใดๆ เมื่อไหร่ก็ตาม ท่านจักปรากฏ ให้เป็นพุทธานุสติเสมอๆ

    วันที่ 24 สิงหาคม ได้มีความตั้งใจ ร่วมสร้าง


    ..พระพุทธรูป 19ศอก ณ พระพุทธบาท 7รอย
    ที่ วัดพระพุทธบาทนำทิพย์ จังหวัด สกลนคร
    *จำนวนเงิน หนึ่งหมื่นบาท

    หลวงพ่อ โทรมาถาม ว่าจะรับวัตถุมงคลไหม
    ชาตอบว่า ของดีที่หลวงพ่อมี ชาขอสัก 2-3ชิ้นได้ไหม
    เพื่อให้ลูกให้หลานไว้ติดตัว...
    ท่านอวยพรสั้นๆ ว่า "ขอสมปรารถนา "
    ชาขนลุกทั้งตัวเป็นเม่น คำอวยพรเดินทางไกล
    เป็นแค่กระแสจิตที่ส่งมา
    นี่ละหนา บุญ รับ แบบเต็มๆ


    ผู้ที่บอกบุญ คือ คุณแม่บ้าน MBNY และ พี่ Noi
    อนุโมทนา สาธุ กับพี่ๆทั้งสองด้วยเถิด.

    24 สิงหาคม 2550
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  3. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    ชาได้ขอ เบื้องบนว่า...ชาได้เงินมาแบบไม่เหนื่อยมาก
    วันนี้จะทำบุญ ขอให้ท่านแนะนำด้วยว่าทำอะไรจักได้อนิสงค์ผลบุญ
    ทุกประการ แก่ เขาเหล่านั้นทั้งหลาย....

    ชาไปธนาคาร ตั้งใจว่า วันนี้ หากจะใช้จ่ายอะไรก็ขอให้ได้ทำบุญก่อน
    ได้เจอ มูลนิธิพุทธรรมนิมิตร...
    จะมีงานล้างป่าช้าเร็วๆนี้
    ชาจึงสำรวมจิต แผ่เมตตา ปรารถนาว่า ขอให้บุญถึงพวกเขาด้วยเถิด..
    จึงร่วมบุญและซื้อโลงศพ
    เป็นเงิน 5500 บาท

    อนิสงค์ การสงเคราะห์ เผาสรีระร่างกายของคนอนาถา ที่มีแต่ร่างกระดูก..
    จะอำนวยให้ได้รับยศถาบรรศักดิ์ และบริวารถึง 8000 กัปป์
    นี้เป็นครูอาจารย์บอกมา

    หมายเหตุ
    แต่ทว่า ...ตอนทำบุญนั้นไม่ได้หวังผลเช่นนี้
    หวังอย่างเดียวว่า ขอให้เขาเหล่านั้นสุขกายสบายใจ และได้รับอนิสงค์ผลบุญทุกประการให้ได้ไปสู่สุขคติภูมิ ตามกำลังบุญ จวบจนกว่าพวกเขาจะถึงพระนิพพานเทอญ.
     
  4. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    เมื่อประมาณ อาทิตย์ที่ผ่านมา...

    เจ้านายของสามีชามา จากต่างประเทศ...

    ทุกคนยุ่งมาก จึงให้น้องตุ๊ก เป็นคนพาเจ้านายและครอบครัว
    ไปทำบุญที่วัดพระแก้ว และวัดอื่นๆ

    ทีนี้ตุ๊ก ก็พา เขาทั้งหลายไปหยอดเงินใสบาตรพระ ...
    ต่างชาติถามว่า หยอดทำไม น้องตุ๊ก ไม่รู้จะตอบยังไง
    จะตอบว่าไม่รู้ก็อายฝรั่งเขา
    เลยมั่วๆ เอาว่า...เกิดชาติหน้าจะได้รวยๆ ฝรั่งก็งง..งง..


    พอชารู้เรื่องเข้า ก็ได้แต่อมยิ้ม เขาก็ว่าถูก ของเขาแหล่ะ
    หลายคน ทำบุญ ทำกันประจำ ทำเผื่อไว้ ทำกันเหนียว
    ด้วยเจตนาอะไรก็ตามถือว่าดี...

    นี่ก็ได้อนิสงค์ หลายทาง

    ว่าในส่วนของอนิสงค์ ของการพาคนไปทำบุญก่อน


    พระพุทธพจน์บทหนึ่งกล่าวว่า
    "...บุคคลบางคนในโลกนี้ถวายทานด้วยตนเองแต่ไม่ได้ชักชวนคนอื่น
    เขาย่อมได้โภคะสมบัติ แต่ไม่ได้บริวารสมบัติในที่ที่ตนเกิดแล้ว

    บุคคลบางคนถวายทานด้วยตนเอง และชักชวนให้คนอื่นไปทำบุญด้วย
    เขาย่อมได้โภคะสมบัติ และบริวารสมบัติในที่ที่ตนเกิดแล้ว

    บุคคลบางคนไม่ยอมถวายทานด้วยตนเอง
    และไม่ชักชวนคนอื่นไปทำบุญด้วย
    เป็นมิจฉาทิฐิ เขาย่อมเป็นคนอดอยาก
    ย่อมไม่ได้แม้กระทั่งข้าวพอจะกินให้อิ่มท้อง
    ย่อมเป็นทุกข์อนาถาในที่ที่ตนเกิดแล้ว...."


    อนุโมทนา สาธุ กับน้องตุ๊ก และพวกคนต่างชาติกลุ่มนี้ด้วยเถิด.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  5. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    สองอาทิตย์ที่แล้ว จำวันไม่ได้...ชาฝันตอนตี 4

    ฝันว่า น้องชายห่มผ้าเหลือง เป็นพระ นำกำไล และแหวน
    ที่มีพญานาคเจ็ดเศียรมาสวมให้...แหวนพญานาคเจ็ดเศียร ใส่ให้ตรงนิ้วชี้
    แหวนเป็นรูปกรวยแบบสวมครอบ...
    ชาร้องโวยในฝันว่า มาจับมือพี่ได้ไง เอ็งเป็นพระแล้ว ไม่อาบัติหรอกหรือ...
    พอเขาใส่แหวนใส่กำไลให้แล้ว ชาก็ตื่น...


    พอ 7โมงเช้าลูกสาวคนโต น้องอ้อน
    ก็มาเซ้าซี้ให้ไปงานบุญเปิดสถานปฏิบัติธรรม...
    ชาก็ไป นึกอยู่ว่าจะแต่งตัวอย่างไรน๊า
    จึงได้เลือกผ้าไหมสีครีมอมขาวมาใส่ ให้เหมาะสมกับความเป็นมารดา...


    ไปถึงงาน จึงตลึง ทุกคนใส่สีครีมหมด..เหมือนนัดกันมา
    ยิ่งได้เห็นพระพุทธประธานแล้วก็อึ้งใหญ่...
    เป็นพระพุทธสิริสัตตราช (หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์) เป็นครั้งแรกในชีวิต
    โถ...ชาเพิ่งฝันเห็น นาค 7เศียรเช่นนี้เอง..
    ได้นั่งปลื้มปิติ กราบหลวงปู่สอ พนธุโล จากวัดป่าบ้านหนองแสง


    วันนั้นได้ทำมหาบุญ
    ทั้งเคริ่อง สังฆทาน ดอกไม้ ธูปเทียน ผ้าไตรจีวร ภัตตาหาร คาว-หวาน
    และปัจจัย...

    อนุโมทนาบุญ เอาเถิดทุกท่าน
    สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  6. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    พี่ตุ๋ย บุคคลที่กำลังเผชิญกับวิบากกรรม มารุมเร้าในชีวิต
    ทำอะไรก็ติดขัด หนี้สินล้นท่วมหัว
    ลูกสาววัย 3 ขวบเติบโตก้าวร้าว

    ตื่นก็เป็นทุกข์ นั่ง เดิน ยืนนอนก็จมอยู่ในห้วงทุกข์...


    ชาได้ พาพี่ตุ๋ยไปถือศีลอุโบสถ อยู่ที่วัดเป็นเวลา 3 วัน
    เมื่อว่างจากการ เจริญภาวนา ก็พาล้างจาน และกวาดลานวัด
    บอกพี่แกง่ายๆ ว่า อธิฐานให้อุปสรรคทั้งหลาย
    จงสลายหายไปเหมือนจานที่ล้างลานวัดที่กวาด..


    อนิสงค์ ของการถือ ศีลอุโบสถ ปัจจุปัน
    ทำให้มีศัตรูน้อย..เป็นผู้ไม่ขาดสติ ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
    ส่วนอนิสงค์ของสัมปรายภพนั้น เมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดเป็นเทวดา หรือเป็นมนุษย์ เป็นอย่างน้อยและจะมีรูปลักษณ์สวยงาม ไม่เป็นคนทุพพลภาพ..จนสุดท้านเมื่อบุญกุศลถึงพร้อม จักได้เกิดเป็นพระราชา หรือพระจักรพรรดิ์
    **ตรงนี้ครูอาจารย์บอกมา.


    ชาก็ว่ามีตุ๋ยเขาเป็นคนที่สวยงามอยู่แล้ว ทั้งรูปร่างหน้าตา..
    แสดงว่าทำบุญมาดีแต่ทำไมอุปสรรคเยอะจังน๊า...


    พอวันลาศีล 8 ก็ได้พาพี่เขาร่วมทำบุญ
    ปล่อยชีวิต โคกระบือ...บริจาคค่านำ-ไฟ สร้างโรงพยาบาล
    สร้างถนน-หนทาง และ บริจาคทุนให้ พระ-เณร เพื่อการศึกษาพระธรรม.


    อนุโมทนาบุญกับพี่ตุ๋ย พี่ปุย จากอุบลด้วยกัน เถิด..
    สาธุ สาธุ

    **ทำบุญหมดไป2000 พัน มีคนฝากเงินมาให้ สามพันแน่ะ
    ก็เลยนำไปซื้อผ้าไตร-จีวรถวาย 3ชุด เดี๋ยวมาเล่าต่อ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2007
  7. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    ถวายผ้าไตร-จีวร กับหลวงปู่บุญฤทธิ์

    ชาได้พา สามี และครอบครัวมีคุณแม่ คุณยาย คุณน้า...และพี่ตุ๋ย
    ไปกันประมาณเกือบ 20 คน น้องสาวชา น้อง เจเจ
    ปกติอยู่ต่างประเทศกลับมาเมืองไทยก็ปีละ 2-3หน...


    วันนั้นเป็นวันที่อิ่มบุญมาก...คุณยายทวด อายุมากแล้วปลื้มจนร้องไห้..
    ดีใจลูกหลานอยู่กันพร้อมหน้า ทำบุญกันครบถ้วน

    ชาและครอบครัวถวายผ้าไตร-จีวร
    พร้อมทั้งปัจจัยและดอกไม้ธูปเทียน


    1.อันตรวาสก คือ สบง
    2.อุตตราสงค์ คือ จีวร
    3.สังฆาฏิ คือ ผ้าพาดบ่าของพระภิกษุ
    ทั้งสามอย่างนี้รวมกันจึงเรียกว่าผ้าไตรจีวร

    สามีชาถวาย ซิการ์ ชาก็นึกๆอยู่ว่า
    เอ..เดียวพอตายไปไปเกิดแถวไร่ใบซิการ์ทำไงอิอิ


    อนิสงค์การถวาย ขอเล่าให้อ่าน จากเรื่องเมณฑกเศรษฐี
    ในสมัยศาสนาของพระวิปัสสีพระพุทธเจ้า เมณฑกเศรษฐีได้เกิดเป็น กุฏุมภี
    ชื่อว่า อวโรชะ เป็นผู้ที่มีความเลื่อทใสในพระพุทธศาสนามาก
    และได้ทำบุญบริจาค การกุศลตลอดมา...
    จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ก่อนตายได้ถวายผ้าไตรจีวรแก่พระภิกษุสงห์จำนวน 180,000,000 รูป
    (สมัยนี้ ไม่รู้ว่ามีพระภิกษุสงฆ์จำนวนมากขนาดนี้ไหม)


    พอสิ้นอายุท่านก็ได้ไปเกิดในเทวโลกสวรรค์ เสวยทิพยสมบัติอยู่ที่นั่น
    จนกระทั่งถึงสมัยพระศาสนาของพระสมณโคดม
    จึงได้เกิดเป็นมหาเศรษฐีในเมืองสาวัตถี อุดมด้วยโภคทรัพย์
    และในบริเวณบ้านเนื้อที่ประมาณ 125 ศอก
    ข้างหลังบ้านท่าน มีแพะทองเกิดขึ้นมากมายผุดขึ้นมาเบียดเสียดกัน
    ในปากแพะทองนั้นมีกลุ่มด้าย5สี อยู่ในปาก
    ใครปราถนาอะไรก็ดึงด้าย 5สี ออกมาจากปากแพะก็จักสมปรารถนา
    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงได้ชื่อว่า เมณฑกเศรษฐี แปลว่าแพะ
    ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะอนิสงค์แห่งผลทานนั้นเอง.

    สาธุ สาธุ
     
  8. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151

    เอาเรื่องปล่อยปลาก่อน
    ที่บ้านชา มีนำตก..ทีนี้เวลาล้างบ่อที มันก็มีปลา
    ปัญหาคือ ปลามันตัวเล็ก
    พันธุ์หางนกยูง...ไม่รู้มันมาจากไหน
    ปลาหลายร้อนตัวก็ดิ้น ขลุกขลักๆ เพราะไม่มีนำ
    กลุ้มใจ...ถ้าไม่เห็นมันก็อีกเรื่อง นี่น่ะมันเห็นแล้ว
    ปล่อยให้ตายก็บาป จะช่วยก็ยาก
    ยิ่งพวกที่ติดอยู่ตามซอกใต้ระเบียง รูมันนิดเดียวพอแค่ใช้ช่วงแขนล้วง
    ระดม ลูกทั้งสามคน แม่บ้านอีกสอง ช่วยกันเอาแก้วเอาช้อนตักปลา
    ช่วยได้มาเท่าที่เห็น ไม่รู้มีหลบในบ้างไหม
    แล้วเอาไปปล่อย อ่างบัวแทน ประมาณ 200-300 ตัว
    เหนื่อยซก ทั้งบ้าน แต่ก็เอานะ ทำบุญเหมือนกัน
    จะแกล้งทำเป็นไม่เห็นก็ไม่ได้นี่นา

    คำอ้น เพื่อนชาวพลังจิต...
    เขาตั้งชมรมพุทธศาสนาที่มหาวิทยาลัย
    คำอ้นได้ชวนเพื่อนๆ ปล่อยปลา จากตลาดประจำ...อนุโมทนาด้วยจ้ะ
    ชาก็เลยฝากเงินไปให้ ตั้งใจทำทุกเดือนเดือนละ 2000 บาท
    คำอ้นกับเพื่อนๆ จะเหนื่อย วิ่งเหมา ซื้อปลา
    ที่กำลังจะโดนเชือดจากตลาด
    หิ้วไปปล่อยบริเวณวัด ได้บุญได้บุญ
    อีกหน่อย คนแถวนั้น คงไม่มีปลากิน เพราะคำอ้นเอาไปปล่อยหมด อิอิ
    :d :d :d

    อนิสงค์ของการปล่อยสัตว์ มีอะไรบ้างหนา จำไม่ได้แล้ว
    อายุยืน ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีอุบัติเหตุ หมดเคราะห์.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2007
  9. หยุย

    หยุย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +350
    บุญใดที่ท่านได้กระทำดีแล้วนี้ ข้าพเจ้าขออนุโมทนากับท่านด้วยเทอญ
     
  10. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    ถวายกฐิน

    คุณยาย และ คุณแม่ เคยเปรยออกมาบ่อยๆว่า
    แก่แล้ว งานบุญไหน ๆ ก็ไปช่วยมาตลอด
    ทำอย่างไรหนอจะได้เป็นเจ้าภาพ
    ถวายกฐินกับเขาบ้าง...หมู่บ้านที่ย้ายมาอยู่ ตั้งแต่ผู้แก่แม่เฒ่า
    บ้านนี้ ตำบลนี้ไม่เคยมีการจัดทอดกฐินเลย...
    เพราะทุกคนในตำบลอยู่กันแต่พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเท่านั้น


    ความปรารถนาท่านก็เป็นจริง เมื่อน้องสาว เจเจ ตั้งงบประมาณให้
    พี่น้องสองคน นั่งเถียงกันว่า เอาไง เรื่องเหล้าเรื่องเบียร์ พี่ละกลุ้มจริง
    มันดูเหมือนๆจะกลายเป็นประเพณี ของชาวพื้นบ้านไปแล้ว
    งานไหนๆ ก็ต้องกรึ๊บ เมา...
    สรุปกันไม่ได้ ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย
    บอกแม่เด็ดขาดว่า เงินทั้งหมดงบทั้งหมด ใช้ในส่วนงานอย่างเดียว
    ไม่รวมเหล้า ใครจะกินเหล้า หากันเอาเอง...


    วันนั้น บรรยากาศ ครึกครึ้น ทั้งเสียงดนตรีพื้นเมือง สลับเพลงกันตรึม ผลัดกันบรรเลง
    ผู้อาวุโส ของหมู่บ้านนั่งจับกลุ่มรวมตัวกัน ช่วยกันคนละไม้ละมือ
    เจอลูกเจอหลานคนไหน ก็เรียกผูกข้อแขน อำนวยอวยพร

    ชาเองก็ยังผูกข้อมือขวา มาถึงวันนี้ เพราะตอนที่ผู้เฒ่าท่านอวยพร
    ท่านมีแต่ความบริสุทธิ์ใจ ปลื้มใจ อิ่มใจ ซึ้งใจ
    ในการที่ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพบุญใหญ่
    คำอวยพรเช่นนี้จึงมีค่า ทางจิตใจสำหรับชา...


    ผ้าไหมทอมือพื้นเมืองถูกนำมาจับจีบพับประดิษฐ์เป็นรูปร่างต่างๆ เช่นดอกไม้
    โบว์ ....ประดับประดา แบบธรรมชาติ เป็นงานกฐินแบบพื้นเมืองแท้ๆ


    กองเข้าของ-สังฆทาน หลายๆสิ่งถูกนำมาจัด เพื่อนำไปถวายวัด
    อันเป็นเครื่องอุปโภคบริโภคตามความจำเป็น


    สนุกตอนที่พอพ่อเฒ่า พาทำพิธี ไหว้พระไหว้ครู และขออนุโมทนาบุญ-บารมี
    ชาวบ้านประมาณร้อยคน ก็วิ่ง ไปลูบจับข้าวของต่างๆ บรรดามี
    พร้อมกับนั้นอธิฐานทั้งในใจนอกใจ ปลาบปลื้มกันเป็นแถว
    คนแก่หลายคน และคุณยายแอบๆเข้ามากระซิบถาม ชาว่า ...
    อธิฐานด้วยอะไร จึงจะได้อนิสงค์ มากที่สุด
    หากต้องเกิดมาเป็นมนุษย์อีก...
    ชาก็ขำๆ ก็บอกว่า งั้นก็จับสังฆทานนะ และ จับให้หมดครบทุกอย่างเลย ฮา...
    แต่ตอนอธิฐาน ต้องอธิฐานด้วยจิตที่มั่นคง ศรัทธาในบุญ ง่ายๆแค่นี้ละยาย..
    .

    คราวนี้ถึงตาที่ชาอธิฐานบ้าง...ชาจึงเดินไปกลางแจ้ง ฟ้าสว่างใสแดดก็ไม่ร้อน
    เห็นแล้วว่าบางคนทำทั้งบุญทำทั้งบาป ในเวลาเดียวกัน
    คนฆ่าหมู คนฆ่าไก่...คนกินเหล้า
    จึงบอกว่า หมูและไก่ทุกๆตัวว่า
    วันนี้ เป็นวันอันเป็นบุญของท่าน เลือดเนื้อที่ท่านมีก็อย่าได้หวงเลย
    สละเป็นบุญ-ทาน ถวายพระให้ท่านได้ฉันท์ ให้คนได้อิ่ม
    และกุศลผลบุญอันใด ที่ข้าพเจ้าและคนทั้งหลายนี้พึงจะได้รับ
    ก็ขอให้ท่านทั้งหลายได้รับโดยถ้วยหน้า ไปสู่สุขติตามกำลังบุญ-กุศลเถิด.

    แล้วจึง สำรวมจิต บอกพระยายมราชว่า...
    ลูกนี้ มีที่บริสุทธิ์แห่งใจและศรัทธาเป็นที่ตั้ง
    ขออธิฐานว่า...วันนี้เวลานี้ ทุกคน(ทุกตน ทุกวิญญาณ)ที่ได้มาร่วมบุญกฐิน
    หากเมื่อใด พวกเขามีเหตุพลาดพลั้งต้องตกนรก
    ลูกขอให้ท่านช่วยเป็นพยานบุญ-กุศล
    ที่พวกเขาได้ทำในวันนี้ด้วยเถิด สาธุ สาธุ

    หลังจากนั้นจึงได้ เคลื่อนขบวน ไปวัด...
    นี่จึงเป็นงานกฐิน งานแรกตั้งแต่หมู่บ้านนี้ได้จัดตั้งมา..หลายช่วงอายุคน.
    อิ่มบุญ อิ่มบุญ

    เดี๋ยวมาเล่า อนิสงค์การถวายกฐิน...
     
  11. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    อนิสงค์การถวายกฐิน

    พุทธองค์ตรัสแสดงอานิสงค์ของการถวายกฐินดังนี้
    "บุคคลที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธา สร้างถวายกฐินจักได้อนิสงค์ 80 กัลป์"
    (rose) (rose)(rose)

    บุญกฐินถือเป็นทานที่ทำยาก ไม่เหมือนทานทั่วไป เพราะเป็นกาลทาน
    ทานทั่วไปนั้น เรามีศรัทธา มีสิ่งใดก็ถวายได้ตามความปรารถนา
    แต่กฐิน ต้องอาศัยกาลสมัย หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว
    จำกัดระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
    คือตั้งแต่วันแรมหนึ่งคำ เดือนสิบเอ็ด ถึงวันขึ้นสิบห้าคำ เดือนสิบสอง
    ตามที่กำหนดในพระธรรมวินัยใน
    แต่ละปี วัดหนึ่งสามารถรับกฐินได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
    ถ้านอกเหนือจากนั้นจะถือว่าเป็นผ้าป่า
    กฐินจึงถือว่า มีอนิสงค์แรงกล้า กว่าอนิสงค์ของการให้ทานอื่น.


    กฐินยังมีอานิสงค์แก่ภิกษุผู้รับถึง 5 อย่างดังนี้


    1.สามารถกั้นอาบัติบางข้อแก่ภิกษุผู้รับกฐิน
    เช่นภิกษุอยู่ในอารามจะเข้าไปบ้านในเวลาวิกาลจะต้องบอกภิกษุอื่น
    ถ้าเข้าโดยไม่บอกลาเป็นอาบัติ
    แต่เมื่อรับกฐินแล้ว ท่านอนุญาติให้เข้าโดยไม่บอกลา ไม่ถือว่าอาบัติ


    2.ภิกษุทุกรูปจะต้องรักษาผ้าครองของตน คือ สังฆาฏิ จีวร สบง
    ถ้าไปสถานที่อื่น ถ้าไม่นำผ้าครองทั้ง 3ผืนไปด้วย จะเป็นอาบัติ
    แต่เมื่อรับกฐินแล้วนำไปสองผืนก็ได้ไม่เป็นอาบัติ

    3.เมื่อมีผู้ศรัทธานิมนต์ไปฉันท์ภัตตาหาร
    ถ้าเขานิมนต์โดยออกชื่ออาหารไปฉัน
    ไม่ได้ถือว่าผิดพระวินัย แต่เมื่อฉันแล้วก็เป็นอาบัติ
    แต่เมื่อรับกฐินแล้ว ผู้มานิมนต์ออกชื่ออาหาร จะรับนิมนต์ไปฉันไม่เป็นอาบัติ.


    4.พระภิกษุสงฆ์ ผู้ที่ได้รับกฐิน เมื่ออนุโมทนากฐินแล้ว
    ยังมีอานิสงค์ยืดออกไปอีก คือ ตั้งแต่วันเพ็ญเดือนสิบสอง
    จนถึงวันเพ็ญเดือนสี่ในระยะนี้สามารถเก็บจีวรที่ไม่ต้องการใช้ไว้ได้

    5.ลาภสักการะทั้งหลายที่มีผู้มาถวายแก่วัดนั้นๆ
    จะเป็นของภิกษุสามเณร หรือผู้จำพรรษา
    ตลอดไตรมาสครบสามเดือนให้ได้แจกปันกันใช้สอย
     
  12. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    อนิสงค์จากการช่วยเด็กตกน้ำ


    สมัยก่อน ตอนชา ยังเป็นเด็ก อายุประมาณ 5-6ขวบ
    พอจำได้ลางๆ บ้านคุณตาเนี่ย จะมีซุ้มประตูหน้าบ้านติดถนนใหญ่
    เดินสักประมาณ 30ก้าวเด็ก จึงจะถึงตัวบ้าน...

    มีคูคลองที่ค่อนข้างลึก เป็นคลองส่งน้ำเข้าไปหล่อเลี้ยงตัวอำเภอ
    พอหน้าแล้งมันก็แล้ง...ผู้ใหญ่จึงต้องขุดบ่อ ลึกลงไปอีก
    เพื่อเก็บน้ำให้มากขึ้นและซึมน้ำจากใต้ดินด้วย
    คลองหน้าบ้านจึงเป็นสภาพ บ่อซ้อนคลอง

    ช่วงวันนั้นเป็นฤดูฝน ฝนตกพรำๆ ทั้งวัน
    ชากับน้องสาวจึงไปเล่นจับลูกกบ ลูกอ๊อด
    ท่ามกลางสายฝน อยู่บริเวณสนามหญ้า สนุกสนานกันตามประสาเด็ก

    สักพักหนึ่งน้องเจเจ ก็วิ่งมาเรียก บอกชาว่า พี่ เด็กตกน้ำ!
    ไปช่วยหน่อยเร็วๆ เร็วเข้า

    ชาก็กำลังง่วนอยู่ ตอบเนือยๆว่า อือ เดี๋ยวก่อน กำลังจับกบอยู่..อย่าเพิ่งกวน
    น้องเจเจ ก็วิ่งกลับไป ชาก็ลืมสนิทเลยว่าเขาบอก ว่ามีเด็กตกน้ำ


    สักพัก คราวนี้ น้องเจเจ วิ่งกลับมาอีก มาดึงเสื้อ พร้อมลากไป
    ชาก็โวย ร้องดุน้องว่า ทำไมกวนใจจัง เห็นไหม กบหายหมดเลย
    น้องเจเจ เริ่มร้องไห้ เราก็เอะใจ อ้าวพี่ดุแค่นี้ทำร้องไห้ โอ๋ หยุดร้องนะ

    เจเจบอกว่า ไม่ได้ร้องเพราะโดนดุ แต่ร้องเพราะมีคนตกน้ำ กำลังจะตาย
    ชาก็...อ๋อ ยังไม่ตายมั้ง ปะปะ พี่ไปดูก็ได้
    คือนิสัยชาเป็นคนเฉยๆมากนึกว่าน้องแกล้งอำเล่น
    เพราะ นึกไม่ออกว่าเด็กที่ไหน จะมาตกน้ำหน้าบ้านเรา


    พอไปถึงริมคูคลอง อ้าว...เด็กมันไถลไปลงบ่อลึก มือยังยึด ขอบบ่อไว้
    มันก็ลื่นๆ เพราะเป็นดินเหนียว ชาก็ยืนเกาหัวแกรกๆ จะช่วยไงดีหนอ

    ร้องตะโกนก็ไม่มีใครอยู่ คนเขาออกไปทำงานกันหมด
    ที่บ้านก็ไม่มีผู้ใหญ่สักคนอยู่ เพื่อนบ้าน ก็ไม่อยู่...

    แถวนั้นไม่มีกิ่งไม้ หากจะวิ่งกลับไปเอาไม้กวาด มาให้เขายึดด้าม
    ก็ คงไม่ทันเพราะตัวบ้านห่างจากตัวคลองนี้ เป็นช่วงระยะเวลาที่ต้องวิ่ง
    เด็กคงยึดไม่ไหวแล้ว..


    จึงตัดสินใจคลานกระดึบๆ เป็นหนอน นอนเอาลำตัวพาด ครึ่งริมคลอง
    ให้น้องเจเจ ช่วยยึด ดึงขาไว้ ยื่นมือไปฉุดเด็ก
    ชากับน้องสาว ทุลักทุเลกันมาก ใช้ความพยายามที่สุดของชีวิต
    เพราะตัว เราตัวน้องเจเจ ตัวเด็กตกน้ำ นี่ตัวเล็กๆ พอๆกัน

    ฝนก็ยังตกพรำๆ ตอนนี้ ชาเริ่มร้องไห้แล้ว...บอกเจเจว่า
    เจเจ ยึดขาสองข้างพี่ไว้ให้แน่น นั่งคล่อมทับไว้นะ ไม่ว่ายังไงก็ห้ามปล่อย

    สองคนพี่น้องช่วยไปร้องไห้ไป เด็กคนที่ตกน้ำ ก็ตกใจเกินกว่าจะร้องไห้แล้ว
    ยึดมือชาไว้แน่น จึงค่อยๆ ตะเกียกตะกาย ฉุดขึ้นมาบนฝั่งได้
    นั่งหอบหายใจแฮกๆ ภูมิใจ ที่ช่วยสำเร็จ...


    พวกชาทั้งสามคน นั่งตากฝนอยู่กันริมคลอง กลางสนาม ไม่มีคำพูดจา
    เพราะเหนื่อย ตกใจ อึ้งใจ...จนกระทั่ง สติกลับมา

    จึงร้องถามว่า ไอ้น้อง บ้านเอ็งอยู่ไหน แล้วทำไม ถึงมาตกน้ำแถวนี้
    น้องเริ่มนำตาซึม บอกว่า อยู่ข้างหลังบ้านพี่ไป ในนา โน่น
    บ้านหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างไง เดินประมาณ ครึ่งกิโล
    โห...น้องมาจมน้ำไกลจัง ชานึกในใจ


    สักพักหนึ่งมีผู้หญิงวัยกลางคนวิ่งร้องตะโกนมาแต่ไกล ร้องตามหาลูก
    ชานึกในใจอีก ทำไมตอนเด็กกำลังจมน้ำไม่ยักกะโผล่มา มาอะไรตอนนี้

    พอผู้หญิงคนนั้นเขามาถึงก็ไม่พูดไม่จา กลับฟาดลูกเขาอย่างแรง
    ฟาดตีไปด่าไป แล้วดึงหูลากเดิน กลับบ้าน


    ชากับน้องเจเจ มองหน้ากัน...เห็นตรงกันว่าเขาดุ และใจร้าย
    ลูกตนเองตกใจเพราะจมน้ำเกือบตาย ก็ไม่ปลอบ ไม่กอด กลับดุตี
    สองพี่น้องก็เลยเดินจูงมือกันตามประสาเด็กไปนั่งไล่จับลูกกบต่อ


    สังเกตุ สมัยก่อนนี่ ตากฝนกันเล่นได้ทั้งวัน ไม่ค่อยป่วยหรอก
    สมัยนี้ 5นาทีก็เป็นหวัดแล้ว


    เดี๋ยวมีต่อข้างล่างค่ะ เรื่องนี้ยาว
     
  13. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    (rose)
    หลังจากนั้นจึงพอทราบได้ว่า ที่แม่ใจร้ายคนนั้น เขาตีลูกเขาเพราะเขาตกใจ
    ห่วงลูก รักลูก แต่ทำอะไรไม่ถูก กลัวลูกตาย จึงต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด
    เพื่อไม่ให้ลูกทำอีก นั่นเอง.

    หลังจากนั้น ชาและน้องสาวก็ ได้ย้ายไปอยู่กับคุณพ่อ ที่จังหวัดสุรินทร์
    คุณพ่อรับราชการ จึงย้าย ไปตามวาระ.

    ตอนนี้ก็โตขึ้นมาอีกขวบปี หรือไม่ก็สองขวบปี
    เพราะมานั่งเขียนนี่ ต้องเค้นความทรงจำ ถือว่าความจำยังโอเคอยู่
    เพราะมันเป็นเหตุการณ์ ที่ใครก็ไม่น่าจะลืมกันลง

    จมน้ำ ที่สระวัด
    หลังวัด บ้านไผ่ จะมีสระชื่อว่าสระหม่อม
    รอบๆสระ จะมีต้นตาลปลูกเรียงกันไปหมด
    เด็กรุ่นๆ เดียวกันกับพวกชา จะชอบไปเล่นน้ำ และเก็บลูกตาลที่มีจาวกิน
    หวานอร่อย อันดับแรกก็เก็บผลตาลที่มันเริ่มออกรากและออกยอดมา
    ใช้มีดอีโต๊ ผ่ากลางก็ได้นั่งแทะจาวตาลหวานๆ มีความสุขแบบเด็กๆ

    พอร้อนก็กระโดนลงสระ ดำผุดดำว่าย กันแสนจะสนุก
    ชาเองว่ายน้ำไม่เป็นหรอก พ่อก็ห้ามไว้ไม่ให้หนีไปเล่น
    ห้ามเด็กไม่ให้หนีเล่นน่ะห้ามได้ที่ไหน ปากก็รับคำ ค่า...
    แต่พอพ่ออกไปทำงานก็วิ่งแจ้นละ

    วันนั้น คึกคักมาก กระโดดน้ำ จ๋อมๆ เล่นได้แต่ตรงตื่นๆ ขอบๆสระ
    แต่คราวนี้ ไม่สะใจ รวบรวมความกล้า ขยับไปทีละคืบๆ
    อยากไปเล่นเขตลึกเหมือนคนอื่นๆบ้าง
    พอขยับขาไปเรื่อยๆ มันร่วงลงไปเลย
    ระดับความลึกมันไม่เทะเลตามประเพณีการขุดสระนี่นา
    มันลึก แบบแนวตัด ไม่ใช่แนวลาด

    ชาก็บุ๋งๆๆ ตะกายกลับ แต่ยิ่งตะกายก็ยิ่งไหล ลงไปจมลง
    อุปทานอย่างไรไม่ทราบ เหมือนมีมือหลายมือ
    มาดึงขาเอาไว้ไม่ให้ตะกายกลับคืน...ชากลัว...
    นึกแล้วว่าต้องเป็นมือผีเพราะชาว่ายน้ำไม่เป็นก็จริง
    แต่เรื่องตะกาย พุ้ยๆแบบท่าหมาตกน้ำนี่ มันพอทำได้
    แต่นี่พอจะพุ้ยๆกลับ เขาก็ช่วยกันดึงขาไว้...ชาจมน้ำแล้ว
    จมน้ำ หายใจไม่ออกแล้ว กำลังทำใจจะเตรียมตัวตาย

    นึกถึงพ่อ ขอโทษพ่อในใจ...ลูกไม่น่าดื้อเลย
    ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ที่กักอยู่ในปอด กำลังจะคลายออก
    เสี้ยวแห่งความตายมันสั้นๆเอง...เด็กอายุแค่นี้ รู้จักแล้วว่า
    กำลังจะตายเป็นอย่างไร....


    ทันใดนั้น ก็มีมือที่แข็งแรงมาก มาล็อกคอเอาไว้ แล้วค่อยๆลากชาเข้าหาฝั่ง
    ชาจำได้ว่า ความนึกคิดของชา คือ...ทำไมคนนี้ช่างแข็งแรงจังนะ
    เขาไม่จมน้ำ เขาไม่โดนฉุดลง พอขึ้นฝั่งมาได้ ชาก็มึนงง
    หลายคนช่วยปฐมพยาบาล...หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้
    รู้แต่ว่ากลับมาถึงบ้านแล้วนั่งรอคุณพ่ออยู่ ด้วยความกลัว...


    พ่อกลับมา พ่อรับทราบจากผู้ใหญ่หลายคนว่า
    ลูกสาวตนเองหนีไปเล่นน้ำ และเกือบตาย
    พ่อหยิบไม่เรียวมา บอกว่า หันหลังกอดอก
    พ่อพูดว่า พ่อรักลูก ตีนี้ไม่ได้เกลียด แต่ลูกทำผิด พ่อจะตีสามที
    ชาก็โดนฟาด ด้วยไม่เรียวที่พอเหลามาจากไม้ไผ่...
    เพื่อลงโทษชาโดนเฉพาะ

    ทำให้ชานึกย้อนไปถึง เออหนอ เราเคยคิดว่า
    แม่คนนั้นของเด็กที่เราช่วยเขาจากการตกน้ำ นานมาแล้ว
    ท่านดุตีลูกเพราะอย่างนี้เอง เขารักเขาห่วงนะ


    หลังจากนั้นสองสามวัน ชาก็มีสติกลับมาครบถ้วน
    จึงได้ไปตามหาผู้ที่ช่วยเหลือ จึงทราบว่า
    เขาเป็นรุ่นพี่ แก่กว่าชา2-3ปี แต่ตัวโตมาก เป็นผู้หญิง...
    ชื่อว่า แม่เป้ง เพราะเขาตัวโตเกินวัยเด็ก พ่อแม่เขาจึงตั้งชื่อว่า
    แม่เป้ง...อันเป็นการแทนความหมายของนางพญามด ตัวโตๆ


    ชาเองก็เป็นหนี้ชีวิตเขา..ขออนุโมทนา ด้วยจิตด้วยใจที่รำลึกถึง
    พี่แม่เป้ง ไปตลอดๆด้วยเถิด สิ่งใดๆ ที่ชาได้กระทำลงไปดีแล้ว
    ก็ขอให้พี่แม่เป้งจักได้รับอนิสงค์ผล-บุญทั้งหลายด้วย

    ชาไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลย เพราะคุณพ่อย้ายอีกแล้ว....

    จมน้ำเกือบตายครั้งที่สอง ต่อข้างล่างนะคะ
    แปลกดี แม่ชาเคยบอกว่า หมอดู คุณตาแก่ๆ ตอนนี้แกตายไปแล้ว
    เคยบอกแม่ชาว่า ชาจะตายเพราะจมน้ำ ถึงสามหน
    ถ้ารอดก็ไม่เป็นไร ถือว่าบุญดี แต่สามหนแน่นอน...
    ชาว่าแปลกและปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่จริง หมอสมัยก่อนท่านดูแม่นนะ
     
  14. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    (rose) (rose)(rose)
    คราวนี้หนักกว่าเก่า ตกน้ำ เพราะสะพานข้ามคลองมันหักยุบตัวลงไป
    ไม้สะพานจมลงไปใต้น้ำ ชา ตกจมลงไประหว่างร่องไม้พอดี
    ไม้สะพาน 2 ชิ้นขัดคอชาเอาไว้ใต้น้ำ

    เล่าสั้นๆ เพราะจะสรุปแล้ว
    คราวนี้ย้ายไปอยู่ บุรีรัมย์ ตอนบ่ายๆ เย็นๆ ชาชอบไปเดินเล่นตามทุ่งนา
    ไปดูเบ็ดของชาวนา ที่เขาวางเอาไว้...
    ใครเคยอยู่ตามนานี่จะรู้ว่า ช่วงตะวันชิงพลบ สวยงามแค่ไหน
    เวลาแสงแดดอ่อน กระทบปลายยอดข้าว...เป็นความรู้สึกที่สงบสุข

    ชาก็เดินเตร่ไปเรื่อยๆ คนเดียว ก็ไปถึงบึงเล็ก ที่ชาวบ้านขุดไว้
    สำรองน้ำใช้และช่วงหนึ่งของบึงก็จะทำคูคลองทดน้ำออกมา
    ตรงนั้นล่ะ ที่สะพานหัก
    ชาเห็นชาวนาเขาวางเบ็ดตกกบไว้ การตกกบจะไม่เหมือนปลา
    จึงเดินข้ามสะพานเพื่อจะไปดูว่ามีเบ็ดตัวไหนติดกบบ้างไหม

    สะพานก็หักยุบลงไป...ชาติดอยู่อย่างนั้น
    โดนไม้ยึดลำคอขนาบสองด้านเลย
    จมบุ๋งๆๆๆ อยู่ใต้น้ำ ไม่รู้ว่าจะบรรยายอย่างไรในความทรมาน
    ตายแน่แล้ว ตายแน่แล้ว....คือตอนที่ชาไปนี่ไม่เห็นใครสักคน
    ตะโกนขอให้ใครช่วยก็ไม่ได้ เพราะมันจมอยู่ใต้น้ำ ปากต้องหุบไว้
    *ตรงนี้น่าคิด เพราะสมัยที่ชาเคยเพิกเฉย
    ตอนที่น้องสาวมาตามไปช่วยเด็กตกน้ำน่ะ
    ชาเฉยๆไม่ใส่ใจอยู่ตั้งนาน เด็กคนนั้นคงทรมานเหมือนชาตอนนี้


    หลังจากนั้นชาก็หมดสติไป ไม่รู้เลยด้วยว่าใครช่วยเอาไว้
    รู้สึกตัวมาอีกทีก็นอนจับไข้อยู่บ้านแล้ว
    แม่บอกว่า มีลุงแก่ๆช่วยไว้...ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้จัก
    แกเอามาส่งแล้วแกก็ไป...

    แปลกดี ไม่ว่าลุงคนนั้นจะเป็นคน เป็นเทวดาก็ตามที
    ลูกหลานขอกราบขอบพระคุณ อย่างสุดหัวใจ ถึงไม่ได้รู้จัก
    ก็จะขอรำลึกในบุญกุศล ที่ช่วยชีวิตชาในครั้งนั้นด้วยเถิด

    อนุโมทนา บุญกุศล กับคุณลุง คนนี้กันเถิดค่ะ สาธุ สาธุ

    จะเห็นได้ว่า ชาช่วยเด็กคนที่ตกน้ำ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
    แต่ชาถูกช่วยไม่ให้จมน้ำตายถึงสามครั้งด้วยกัน
    ชาถ่วงไถเวลา ชาเองก็จำต้องติดทรมาน อยู่ใต้น้ำจนหมดสติ
    นี่ กรรม แท้ๆเลยใช่ไหม


    ครั้งที่สามนี้
    ไม่เล่าละเอียดนะคะ เขียนมากเหนื่อย บอกคร่าวๆว่า
    ครั้งที่สาม ชาโดนกระแสน้ำหลากพัด ไปติดอยู่กลางบึงใหญ่มาก...
    หาขอบไม่เจอ เกาะไม้ไผ่ อยู่เป็นชั่วโมง
    ก็มีคนแหวกลุยกระแสน้ำเชี่ยวมาช่วยไว้ พร้อมกับคุณพ่อของชา.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2007
  15. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    อ่านไป ขนลุกไปด้วย ทุกตัวอักษรที่เขียนมา เหมือนมีพลังดึงดูด........ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับคุณชาด้วยคนนะคะ บุญอันใดที่คุณชาได้กระทำ แนนขอร่วมอนุโมทนาและร่วมรับผลบุญเหล่านั้นร่วมกับคุณชา ทุกๆ บุญ และผลบุญที่ได้รับนี้ ขออุทิศให้กับ คุณวิืทย์ อาม่าสุจินต์ แม่เฉลียว พ่อบังเกิด แม่บังเกิดทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เทวดา นางฟ้า พระภูมิ เจ้าที่ พระแม่ธรณี พระแม่คงคา เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผี อสูรกาย เปรต สัมพเวสี ทั้งหลาย จงได้รับผลบุญนี้ร่วมกับข้าพเจ้า ด้วยเทอญ สาธุ..........
    ( ป.ล. เมื่อคืนฝันถึงคุณชา ฝันว่าคุณชาไปปฏิบัติธรรม นุ่งขาว ห่มขาว กับผู้หญิงอีกสองคนค่ะ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ตุลาคม 2007
  16. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    แฮ่ะ แฮ่ะ แฮ่ะ..............มาเอาบุญทางลัดกะคุณชาค่ะ
    (b-ping)(b-ping)(b-ping)(b-ping)(b-ping)
     
  17. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    มาให้กำลังใจ และร่วมอนุโมทนาบุญ พอสมควรเลย

    ขอบคุณ ค่ะ คุณอักขรสัญจร ท่านแรกที่แวะมา
    เห็นชื่อ คุณ ฝุ่นเมื่อไร ทำให้นึกถึง อักขระโบราณ
    วันนี้จะเขียนนอกเรื่องถึงเรื่องการเรียนยันต์อักขระเล็กน้อยโพสข้างล่างนะคะ.


    พี่ภูเขา เมาท์,ชื่อพี่เมาท์นี่ดีนะ ให้ความรู้สึกหนักแน่นมั่นคงเหมือนภูเขา
    พี่แอน แม่บ้าน ...น้องแนน แก้มป่องๆ
    คุณหยุย คุณ DITCE คุณkong_sorakrit

    ชาเองก็ขอ ร่วม อนุโมทนา ใน กุศลจิต ของพวกท่าน ทุกคน ด้วยเถิด


    พี่โอม ขอบคุณเช่นกันค่ะ
    ชาคิดว่าหลายๆคน ก็คงมีครูบา-อาจารย์มาเมตตาสอนเช่นกัน
    ชาขอตอบอย่างสั้นๆที่สุด นะคะ
    เป็นเช่นนั้นจริง...สมัยที่ชายังไม่เคยรู้จัก
    พระอริยะสงฆ์ หรือครูอาจารย์ท่านไหนๆ เลย
    ชานั่งกรรมฐาน แบบที่มุมานะ อย่างเดียว
    ครั้นได้เจอครูอาจารย์ก็ ไม่รู้จักท่าน น้อยครั้งที่จะได้สนทนา
    เพราะเวลาท่านมา ท่านจะสอนแบบธาตุต่อธาตุ ธรรมต่อธรรม
    แสดงธรรมให้รู้ ด้วยสภาวะ

    น้อยครั้งที่จะมีการพูด สนทนาเพราะว่า
    หากมีสนทนาเมื่อไร ชาไม่แคล้วต้องปรุงแต่ง แน่นอน
    ครูอาจารย์ท่านเอง จึงไม่ให้เรายึดในภาพ ในเสียง
    ในสัมผัส หูตาจมูกลิ้นกายใจ.
    ครั้นเวลาผ่านไป จึงได้เจอะได้เจอ รูปเหมือนของท่านบ้าง
    จึงได้รู้ว่าท่านเป็นใคร บางท่าน ผ่านไปปีที่สี่ จึงได้รู้
    บางครั้งหลวงปู่ ท่านมาสอน 3-4 หนติดกัน กว่าจะได้มีโอกาสเปิดปากถาม.


    เรื่องราวเหล่านี้ ชาเองก็ไม่กล้าที่จะนำออกมาเขียนมาเล่านัก
    เมื่อถึงเวลา หากครูอาจารย์ท่าน อนุญาติ อาจทำเป็นบันทึกไว้มากกว่า
    ทั้งนี้ทั้งนั้น ชาเองก็ต้องละเอียดมากกว่านี้
    เพราะหากผิดพลาดเพียงแค่ตัวอักษร คนตีความหมายผิดไป
    ก็จักกลายเป็นอกุศลกรรม แทนที่จะได้กุศลกรรม.
    สาธุ ค่ะ ทุกท่าน.
     
  18. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    วันนี้ขออนุญาติเขียนคั่น...

    เพื่อเป็นการยกคำอธิบาย ให้เห็นภาพ จากโพสข้างต้น


    ตกช่วงกลางคืน ชาไม่เคยว่างเว้นการภาวนา สุดแต่ว่า
    สถาณการณ์ จะเอื้ออำนวยในการฝึกปฏิบัติเช่นไร
    บางวันเจริญ ฌาณ บางวันเจริญกายคตสติ บางวันก็อานาปาณสติ


    อาจารย์อีกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นอาจารย์ฆราวาส ของชา ท่านตักเตือนเสมอๆ
    ให้ชาศึกษา ให้แตกฉานทั้งทางพระอภิธรรม และ อักขระยันต์คาถา.

    ชาก็เกาหัวแกรกๆ พระอภิธรรม นี่ชาก็ไม่ใช่พระ ไม่ได้บวชเรียน
    คิดในใจว่ายาก ยาก อีกทั้งขี้เกียจ อักขระนี่ยิ่งไปใหญ่ ใครจะมาสอนให้.


    พอตกดึก ก็โน่น...ไปโผล่แถววัด โบราณ
    ชาก็เดินเล่นไปเรื่อยๆจนไปถึงกุฏิไม้หลังหนึ่ง
    เชื่อว่าต้องสร้างขึ้นก่อนช่วงสมัยรัชกาลที่ 2-3แน่นอน
    วัดนั้นยังไม่มีอะไรมาก พิ้นทั้งหมดยังเป็นลานดินอยู่

    ได้เจอ หลวงปู่ที่ท่านสูงวัย อย่างน้อยๆประมาณ 96 ปีแน่ๆ
    ชาจึงหยุดเดิน เพราะเห็นท่านกวักมือเรียก จึงคลานเข้าไปกราบท่าน

    ท่านหันไปทางซ้ายมือ ยกมือขึ้น ก็ปรากฏกระดาษแบบบางเฉียบสีขาวขุ่นๆ
    เป็นกระดาษที่ไม่ใช่แบบที่เราใช้กันทุกวันนี้
    กระดาษนั้นลอยลงมาตรงหน้าท่านท่านเรียกชาไปนั่งใกล้อีกนิด
    แล้วสั่งว่า ตั้งใจมอง ตั้งใจดู แล้วจำไว้ให้ดี


    ชานั่งพนมมือไหว้ สักพักท่านก็ใช้มือเปล่าขีดเขียน ยันต์อักขระ
    แบบที่ชาไม่รู้จักสักตัว หนึ่งตัวต่อหนึ่งแผ่น
    ตอนท่านเขียน ยันต์ก็นูนออกมาเป็นอักขระตัวโตๆ ใหญ่พอๆ กับแผ่นกระดาษ
    พอสักพักยันต์ก็กลายเป็นสีขาวแล้วซึมหายไปในเนื้อกระดาษ
    ท่านเน้นมาอีกให้ชาตั้งใจดู

    พอเสร็จหนึ่งอักขระ ท่านก็เหวี่ยงมือ กระดาษนั้นก็ลอยเข้ามากลางลำตัวชา
    พอเสร็จ 9 อักขระ ยันต์กระดาษใสๆนั้นก็ลอยเข้ามาตามจุดต่างๆในตัวชา
    ทั้งหมดรวมเก้าจุด

    เมื่อครบ 9 แล้วท่านจึงหยุดหันมาถาม ชาว่า จำได้มากแค่ไหน
    ชาตอบว่า เพราะไม่เคยเรียน ไม่เคยเห็น จึงจำได้แค่ 3 ตัว
    ท่านพยักหน้าบอกว่า ต้องขยันกว่านี้ แล้วจะจำได้เอง
    แล้วบอกว่าชามานานแล้ว ถึงเวลาที่ควรกลับ.

    ชาร้องบอกหลวงปู่ว่า เดี๋ยวเถิดเจ้าค่ะ ลูกขอกราบขอบพระคุณ
    และขอทราบนามหลวงปู่ เถิด...แล้วที่นี่เป็นที่ไหน

    หลวงปู่ นิ่งเงียบ ไม่ตอบนาม (ชาซื่อบื้ออีกแล้ว ใช่ไหม)
    ท่านตอบกลับมาว่า นี่คือ วัดพิชัยญาติ ชื่อเรียกในปัจจุปัน
    หลวงปู่ เคย อยู่ที่นี้ (เจ้าอาวาส)
    นั่นก็นานก่อนสมัย องค์รัชกาลที่ 3จะบรูณะวัด

    ชา....ก็ ??? ชาจำไม่ได้หรอก.


    ขอเขียนเพื่อเป็นตัวอย่างแต่เพียงเท่านี้
     
  19. ลมรำเพย

    ลมรำเพย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +503
    คุณปานโสมเพียบพร้อมด้วย ทาน ศีล ภาวนา
    ถ้าไม่มีความปรารถนาอื่น..
    คุณคงถึงที่สุดทุกข์ในเร็ววัน
    ขออนุโมทนาในบุญของคุณปานโสมด้วยครับ
     
  20. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    ชา กำลังเขียน เรื่องของการปล่อยโค-กระบือ อีกแง่มุมหนึ่งนะคะ

    เขียนเสร็จแล้วจึงจะนำมาโพส


    (i)ป.ล.ขอบพระคุณมากค่ะ คุณ ลมรำเพย
    และชาขอ อนุโมทนากลับในกุศลจิต เช่นกัน

    อาทิตย์ที่จะถึงนี้ ชาได้ตระเตรียม เพื่อจะถวายชุดพระไตรปิฏก
    ตั้งใจจะทำไปเรื่อยๆ เชิญ พี่-เพื่อน-น้องร่วมตั้งใจ อนุโมทนาบุญกันเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...