บาปกรรม !...ล้างไม่ได้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย TUK2800, 17 ตุลาคม 2008.

  1. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    <TABLE cellSpacing=20 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>บาปกรรม !...ล้างไม่ได้
    โดย พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

    วัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร
    ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี


    ชีวิตสังคมในเมืองใหญ่ยังคงต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด บางคนต้องการอำนาจหน้าที่ในทางสังคม แต่สำหรับ พระจุลนายก หรือ พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดญาณสังวราราม วรมหาวิหาร อายุ ๕๗ ปี พรรษา ๓๐ (เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗) ได้ออกค้นหาสัจธรรมชีวิตในป่าดงพงไพร บนเขาชีโอน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ด้วยการแสวงหาจากหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อนำมาสอนให้กับบุคคลที่ต้องการเรียนรู้ความเป็นไปของโลกในพระพุทธศาสนา ​

    ในวันนี้ พระอาจารย์สุชาติ เป็นผู้ดูแลพระสงฆ์ในวัดญาณสังวรารามฯ แทน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ไม่ว่าใครจะมาบวชที่วัดแห่งนี้ ท่านจะเป็นผู้ดูแล พร้อมทั้งให้แนวทางการเรียนรู้หลักธรรมกับผู้ที่สนใจ เช่นเดียวกับ นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ก็ได้มาบวชเพื่อทบทวนชีวิต ณ วัดแห่งนี้ โดยท่านจะเน้นย้ำไม่ให้พระรูปใดไปยึดติดกับวัตถุสิ่งของนอกกาย ​

    ธรรมะข้อหนึ่งที่พระอาจารย์สุชาติมักพูดกับญาติโยมเสมอๆ ว่า
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ที่นำสาระ ดี ๆ มาให้อ่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p



    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     
  3. เห็นเป็นจริง

    เห็นเป็นจริง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +23
    พิจารณาดูครับ

    245 กรรม เหตุของกรรม และวิธีดับกรรม

    ปัญหา กรรมคืออะไร อะไรเป็นเหตุของกรรม จะดับกรรมได้ดีโดยวิธีใด ?

    พุทธดำรัสตอบ
     
  4. tuconvergence

    tuconvergence สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอร่วมอนุโมทนากับองค์ความรู้และหลักคำสอนของพระคุณเจ้าด้วยนะครับ..
     
  5. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    สภิยสูตรที่ ๖ การล้างบาป

    [๓๖๗> ลำดับนั้น สภิยปริพาชก ชื่นชมอนุโมทนาภาษิตของพระผู้มี
    พระภาคแล้ว มีใจชื่นชม เบิกบาน เฟื่องฟู เกิดปีติโสมนัส ได้ทูลถามปัญหา
    ข้อต่อไปกะพระผู้มีพระภาคว่า

    บัณฑิตกล่าวบุคคลผู้บรรลุอะไรว่าเป็นพราหมณ์ กล่าวบุคคลว่า
    เป็นสมณะ ด้วยอาการอย่างไร กล่าวบุคคลผู้ล้างบาปอย่างไร และอย่างไรบัณฑิตจึงกล่าวบุคคลว่า เป็นนาค (ผู้ประเสริฐ) ข้าแต่พระผู้มีพระภาค พระองค์อันข้าพระองค์ทูลถามแล้ว
    ขอจงตรัสพยากรณ์แก่ข้าพระองค์เถิด ฯผู้ใดมี กิเลสสงบแล้ว ละบุญและบาปได้แล้ว ปราศจากกิเลสธุลี รู้โลกนี้และโลกหน้าแล้ว ล่วงชาติและมรณะได้ ผู้คงที่ เห็น ปานนั้น บัณฑิตกล่าวว่าเป็นสมณะ ผู้ใดล้างบาป ได้หมดใน โลกทั้งปวง คือ อายตนะภายในและภายนอกแล้ว ย่อม ไม่มาสู่กัปในเทวดาและมนุษย์ผู้สมควร ผู้นั้นบัณฑิตกล่าว ว่าผู้ล้างบาป ผู้ใดไม่กระทำบาปอะไรๆ ในโลก สลัดออก ซึ่งธรรมเป็นเครื่องประกอบและเครื่องผูกได้หมด ไม่ข้องอยู่ ในธรรมเป็นเครื่องข้องมีขันธ์เป็นต้นทั้งปวง หลุดพ้นเด็ดขาด

    พระผู้มีพระภาคตรัสพยากรณ์ว่า
    ผู้ใดลอยบาปทั้งหมดแล้ว เป็นผู้ปราศจากมลทิน มีจิตตั้งมั่นดี
    ดำรงตนมั่น ก้าวล่วงสงสารได้แล้ว เป็นผู้สำเร็จกิจ (เป็น
    ผู้บริบูรณ์ด้วยคุณมีศีลเป็นต้น) ผู้นั้นอันตัณหาและทิฐิไม่
    อาศัยแล้ว เป็นผู้คงที่ บัณฑิตกล่าวว่าเป็นพราหมณ์
    ผู้คงที่ เห็นปานนั้น บัณฑิตกล่าวว่าเป็นนาค ฯ



    เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๘๗๘๒ - ๙๐๐๖. หน้าที่ ๓๘๓ - ๓๙๒.
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=25&A=8782&Z=9006&pagebreak=0
     
  6. dhammashare

    dhammashare เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    432
    ค่าพลัง:
    +189
    อาสวะ เป็นกิเลส เ ป็นบาปอย่างหนึ่ง เป็นอกุศลอย่างหนึ่ง

    อาสวขยญาณ เป็นความรู้สูงสุดในพุทธศาสนา จะเปรียบเทียบกับการล้างบาปก็ได้
    ดังนั้น ควรใช้วิจารณญาณในการอ่านข้อมูลในกระทู้นี้ให้ดี ศึกษาควบคู่กับพระไตรปิฏกด้วย
     
  7. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,185
    "...บาปที่ได้ทำไปแล้วย่อมมีผลตามมาไม่ช้าก็เร็ว การทำบุญทำทาน การรักษาศีล
    ไม่ใช่เป็นการชำระบาป แต่เป็นการชำระจิตใจให้สะอาดหมดจด..."
     
  8. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    [​IMG] อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ

    [​IMG] สาธุ สาธุ สาธุ [​IMG]
     
  9. sunan

    sunan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2008
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +35
    ขอกราบอนุโมทนา สาธุ เป็นสิ่งที่ดีที่ให้ความรู้เพิ่มเติ่มสำหรับเรื่องบุญและบาป แต่การทำอะรัยแล้วหวังผลประโยชน์นั้นได้บุญมัยครับ จะเป็นรูปแบบของสงฆ์ก็ดีที่อยากจะได้ยศ พระครู พระเทพ ชั้นราช และยอมเสียเงินวิ่งเต้นเพื่อที่จะได้มา เป็นต้น
     
  10. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,244
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,001
    ถูกครับ บาปไม่มีวันล้างได้ เราต้องใช้หนี้จากมันอย่างเเน่นอนไม่ช้าก็เร็ว เเต่บาปนั้นสามารถบรรเทาเบาบางลงได้ ยิ่งถ้าเราทําดีมากขึ้นเท่าไหร่ บาปมันจะตามเราไม่ทัน เพราะฉะนั้น ทําดีเข้าไว้ในทุกวัน กรรมไม่ดีที่เรามีอยู่ มันจะไม่มีวันตามเราทันครับ อนุโมทนาทุกคนครับ
     
  11. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    ตัดกรรม..ตัดเวร... โดยพระราชสังวร (พุธ ฐานิโย)


    <HR align=center width="100%" color=#d1d1e1 noShade SIZE=1>

    การตัดกรรม คือ การหยุดทำความชั่ว หยุดทำบาป
    <O:p</O:p

    ส่วนการตัดเวร คือ การหยุดการพยาบาทอาฆาตจองเวรซึ่งกันและกัน คือไม่แก้แค้นซึ่งกันและกัน รู้จักคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน และผู้ที่ทำผิดก็ให้รู้จักคำว่า "ขอโทษ" ผู้ที่ถูกขอโทษก็รู้จักคำว่า "ให้อภัย" อันนี้เป็นอุบายตัดกรรมตัดเวร

    พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า ใครทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้

    กัมมัสสะโกมหิ (เรามีกรรมเป็นของ ๆ ตน)
    กัมมะทายาโท (เราจะต้องรับผลของกรรมนั้น)
    กัมมะโยนิ (เรามีกรรมนำเกิด)
    กัมมะพันธุ (เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์พวกพ้อง)
    กัมมะปะฏิสะระโน (เรามีกรรมเป็นที่พึ่งที่อาศัย)
    ยัง กัมมัง กะริสสามิ (เราทำกรรมอันใดไว้)
    กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา (เป็นบุญหรือเป็นบาป)
    ตัสสะทายาโท ภะวิสสามิ (เราจะต้องรับผลของกรรมนั้น)
    อภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง (พึงพิจารณาเห็นเนือง ๆ ดังนี้)

    ไปทำพิธีตัดกรรมก็เป็นการลบล้างคำสอนของพระพุทธเจ้า กรรมใดใครก่อไว้แล้ว ในเมื่อใจเป็นผู้จงใจทำลงไปแล้วเป็นกรรมอันเป็นบาป ภายหลังจึงมานึกได้ และไม่ต้องการผลของบาปมันก็หลีกเลี่ยงปฏิเสธไม่ได้ เพราะใจเป็นผู้สั่งให้กาย วาจา ทำลงไป พูดลงไปใจตัวนี้ต้องรับผิดชอบ โดยความเป็นธรรม โดยหลักของธรรมชาติ เพราะฉะนั้นการที่ไปทำพิธีตัดกรรมนี่ หมายถึงตัดผลของ บาปนั้นมันตัดไม่ได้อย่าไปเข้าใจผิด

    ถ้าเข้าใจว่าทำบาปทำกรรมแล้ว แล้วไปทำพิธีล้างบาปได้ ทำพิธีตัดกรรมแล้วมันหมดบาป ประเดี๋ยวก็ทำกรรมชั่วแล้วมาหาหลวงพ่อ หลวงพี่ตัดบาปตัดกรรมให้ มันก็ไม่กลัวต่อบาปเพราะฉะนั้นอย่าไปเข้าใจผิดว่าทำกรรมอันเป็นบาปแล้ว ตัดกรรมให้หมดไปได้มันเป็นไปไม่ได้

    ****** ยกตัวอย่างเรื่องกรรมบางส่วนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ******

    ชาติหนึ่งเคยเกิดเป็นนักเลงชื่อ "ปุนาลี" ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้า พระนามว่าสุรภิ ผู้มิได้ประทุษร้ายใครด้วยผลแห่งกรรมนั้นต้องไปท่องนรกสิ้นกาลนาน เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีด้วยกรรมที่เหลือในภพสุดท้ายก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกาซึ่งเป็นนักบวชหญิงถูกพวกเดียรถีย์ใช้ให้ทำเป็นไปค้างคืนกับพระสมณโคดมให้ใครต่อใครหลงเข้าใจพระองค์ผิด ทั้งที่นางค้างที่อื่น

    แต่รุ่งเช้ามาก็ทำท่าโผเผมาจากเชตวนารามที่พำนักของพระพุทธองค์ อีกสองสามวันต่อมามีคนโจษจันเรื่องนี้กันแล้ว พวกเดียรถีย์ก็จ้างนักเลงไปฆ่านางสุนทริกาเพื่อป้ายความผิดว่านางถูกพระพุทธองค์ฆ่าปิดปาก คนทั้งหลายก็สงสัยว่าอาจจะเป็นจริงร้อนถึงพระราชาต้องส่งราชบุรุษไปสืบเรื่องดูตามร้านสุรา เมื่อได้ความชัดแจ้งก็จับนักเลงที่ฆ่านางสุนทริกากับเดียรถีย์ที่จ้างฆ่านางสุนทริกา มาลงโทษทั้งหมด

    อีกชาติหนึ่งเกิดเป็นพราหมณ์ผู้มีความรู้ มีผู้เคารพสักการะเป็นผู้สอนมนต์แก่มานพ ๕๐๐ คน และได้ใส่ความภีมฤษีผู้มีอภิญญา มีฤทธิ์มากหาว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม มานพทั้งหลายก็พลอยชื่นชมยินดีไปด้วยเมื่อไปภิกขาจารในสกุล ก็เที่ยวกล่าวแก่มหาชนว่าฤษีนี้เป็นผู้บริโภคกาม

    ผลของกรรมนั้นภิกษุ ๕๐๐คนเหล่านี้ทั้งหมดพลอยถูกใส่ความด้วย เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกาที่ถูกนักเลงฆ่า และป้ายความ ผิดให้พระพุทธองค์ รวมทั้งภิกษุทั้งหลายที่อยู่ในเชตวนารามก็พลอยถูกหาว่าร่วมกันฆ่าปิดปากนางสุนทริกาและถูกด่า ว่าด้วยจนกระทั่งพระราชาจับนักเลง และเดียรถีย์ที่ร่วมกันฆ่านางได้ เรื่องราวจึงได้สงบ

    อีกชาติหนึ่งไปกล่าวใส่ความพระสาวกของพระสัพพาภิภูพุทธเจ้า มีนามว่านันทะจึงต้องท่องไปในนรกหลายหมื่นปี เมื่อเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ถูกใส่ความมาก และด้วยกรรมที่เหลือ ชาติสุดท้ายนี้จึงถูกนางจิณจมาณวิกาใส่ความว่าพระองค์ทำให้นางตั้งครรภ์

    ชาติหนึ่งเคยฆ่าน้องชายต่างมารดา เพราะเหตุแห่งทรัพย์ ได้ผลักน้องชายต่างมารดาลงในซอกเขา เอาหินทุ่มใส่ด้วยผลแห่งกรรมนั้น จึงถูกพระเทวทัตเอาหินทุ่มใส่ที่เขาคิชกูฏ จนสะเก็ดหินกระเด็นถูกหัวแม่เท้าห้อพระโลหิตในชาติสุดท้าย

    จะเห็นว่าแม้ขณะเป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย พระองค์ยังต้องได้รับผลของกรรมเก่าที่ทำไว้ในชาติก่อนมาสนองหลายอย่าง จึงเห็นได้ว่าเรื่องของกรรมนั้นตัดไม่ได้

    แต่ตัดเวรนี้มีทางเป็นไปได้ เวร หมายถึงการผูกพยาบาทคอยแก้แค้นกันอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นฆ่าเขาตาย เมื่อนึกถึงกรรมแล้วกลัวเขาจะอาฆาตจองเวร จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา ถ้าหากว่าเขาได้รับส่วนกุศล เขาได้รับความสุข เขาเลื่อนฐานะจากภาวะที่ทุกข์ทรมานไปสู่ฐานะที่มีความสุข เมื่อเขานึกถึงคุณความดีนึกถึงบุญคุณ เขาก็อโหสิกรรมให้ ไม่ตามล้างตามผลาญกันอีกต่อไป อันนี้คือตัดเวรซึ่งตัดได้

    บางท่านอาจจะคิดว่าพระพุทธเจ้าช่างโหดร้ายจริง ๆ ทำอะไรก็บาปแต่แท้ที่จริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้โหดร้ายอย่าเข้าใจท่านผิด พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้กฎความเป็นจริงของธรรมชาติ คือ รู้ว่าฆ่าสัตว์เป็นบาป ลักทรัพย์เป็นบาป ผิดกาเมเป็นบาป มุสาเป็นบาป ดื่มสุราและสิ่งมอมเมาเป็นบาป

    แต่บาปที่กล่าวมานั้น มันมีมาก่อนที่พระพุทธเจ้าจะประสูติแล้ว ไม่ใช่พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์มาประสูติแล้วมาบัญญัติขึ้นเอง หรือมาบัญญัติบาปกรรม และโทษทัณฑ์อะไรไว้ลงโทษสัตว์ทั้งหลาย

    การทำบาปทำกรรมนั้น สิ่งที่เรียกว่าเป็นบาปเป็นการกระทำด้วยกาย วาจา โดยมีใจเป็นผู้เจตนา คือ มีความตั้งใจทำลงไปแล้วเป็นบาปทันที คือ การละเมิดศีลห้าข้อเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครรักษาศีลห้าข้อได้บริสุทธิ์บริบูรณ์ จึงเป็นการตัดทอนผลของบาป

    บาปกรรมที่ทำไว้ในอดีตเมื่อวานนี้หรือเมื่อเช้านี้ ย่อมตัดกรรมไม่ได้แล้ว และจะต้องให้ผลต่อไป แต่เราจะตัดการทำกรรมชั่วในปัจจุบันได้ และไม่ต้องรับผลของกรรมชั่วในอนาคตเมื่อเราตั้งใจรักษาศีลห้าข้อให้บริสุทธิ์ตั้งแต่วันนี้ ตั้งแต่ขณะปัจจุบันนี้ ได้ชื่อว่าตั้งใจตัดเวรตัดกรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าหากเราสามารถปฏิบัติต่อ ๆไปได้จนกระทั่งตลอดชีวิตของเรา เราก็จะได้ตัดกรรมตัดเวรตลอดชีวิตเรานี่คือการตัดกรรมตัดเวรที่ถูกต้อง

    ศีลห้านี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นแม่บทแห่งศีลทั้งหลายทั้งปวง เป็นหลักธรรมที่เป็นข้อมูล เป็นจุดเริ่มแห่งการทำความดี ผู้ใดปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดาเป็นประโยชน์ให้เกิดทางมรรคผลนิพพานอย่างแท้จริง

    ขอให้ยึดมั่นในศีลห้าประการ เมื่อท่านมีศีลห้าข้อนี้ครบโดยบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว ความเป็นมนุษย์ของท่านสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านจะปลูกฝังความดีอันใดลงไป คุณความดีนั้นก็จะฝังแน่นในกาย วาจา และในใจของท่าน

    http://www.larnbuddhism.com/webboard/showthread.php?t=1258
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2008
  12. Nutuk

    Nutuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +347
    [​IMG] ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    " การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง "






    ขอบอกบุญต่อด้วยจ้า บริจาคอวัยวะที่ http://www.organdonate.in.th/ บริจาคดวงตาที่ http://www.eyebankthai.com/
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ต้องการบริจาคนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ <!-- / sig -->
    <!-- / message -->
     
  13. Thamonwan17

    Thamonwan17 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +8
    ยังไงก็คงต้องยอมรับ และรับความจริง กับบาปกรรมที่เคยก่อค่ะ

    อนุโมทนาบุญ สาธุค่ะ
     
  14. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
  15. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    บุญ..บาปมีจริง และให้ผลจริง
    นั่นก็คือกรรมมีจริง..กรรมให้ผลจริง

    ผลของกรรมตรงตามเหตุจริง น่าจะเคยได้ยินได้ฟังกันมาแล้วนับครั้งนับหนไม่ถ้วน และก็น่าจะพากันลืมเสียสนิทอย่างนับครั้งนับหนไม่ถ้วนเช่นเดียวกัน

    จึงพากันทำกรรมที่เป็นบาปอกุศลมิได้ว่างเว้น ลืมกลัวผลร้ายที่จะเกิดตามมา พากันเดือนร้อนด้วยผลร้ายแรงต่าง ๆ นานา โดยหารู้ไม่ว่านั่นเกิดแต่ตนได้ทำไว้ด้วยตนเอง เป็นการทำร้ายตนเอง มิใช่มีใครมาทำร้ายรังแกอย่างเป็นที่เข้าใจอยู่ทั่วไป

    พาให้ก่อกรรมอันเป็นบาปอกุศลเพิ่มขึ้นไม่รู้จบสิ้น ด้วยการคิดตอบโต้ผู้ที่คิดว่าเป็นผู้ทำร้ายตน ทั้งที่ความจริงทุกคนที่ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน หนักบ้างเบาบ้าง จากเหตุนั้นเหตุนี้หาใช่เป็นเหตุที่ผู้อื่นทำทั้งสิ้น ตนเองทำตนเอง แต่อาจมิใช่ในภพภูมิปัจจุบันที่จำได้ อาจเป็นภพภูมิในอดีตที่นานไกล ซึ่งไม่อาจระลึกรู้ได้ กลายเป็นผู้อื่นทำเราทั้งนั้น การตอบโต้ให้หายเจ็บแค้น จึงเกิดตามมาไม่จบสิ้นเป็นเวรเป็นกรรมต่อกัน ไม่รู้แล้ว

    กรรมหมายถึงการกระทำ ๓ ประการ คือ

    การกระทำทางกาย คือ ใช้ไม้ ใช้มือ
    การกระทำทางวาจา คือ พูด
    การกระทำทางใจ คือ คิด

    ทำดี พูดดี คิดดี คือกรรมดี
    ทำชั่ว หรือทำไม่ดี พูดชั่ว หรือพูดไม่ดี คิดชั่ว หรือคิดไม่ดี คือกรรมชั่ว หรือกรรมไม่ดี

    ส่อแสดงให้เห็นจิตใจของผู้ทำดี ผู้พูดดี ผู้คิดดี ว่าเป็นผู้มีจิตใจดี และส่อแสดงให้เห็นจิตใจของผู้ทำไม่ดี ผู้พูดไม่ดี ผู้คิดไม่ดี ว่าเป็นผู้มีจิตใจไม่ดี นี้เป็นความจริง

    ปราชญ์ท่านจึงกล่าวว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จด้วยใจ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงภาษิตไว้ มีความว่า

    ...โลกถูกจิตนำไป ถูกจิตชักไป สัตว์ทั้งปวงอยู่ในอำนาจแห่งจิตอย่างเดียว..

    ประโยค หรือวลีที่แทบทุกคนเคยเอ่ยปากพูด หรือไม่ก็เขียน หรือไม่ก็กราดเกรี้ยวอยู่ในใจ ก็คือไม่ได้อย่างใจเลย ไม่ได้ดังใจจริง ๆ แสดงถึงจิตใจของผู้คนส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ของผู้เป็นปุถุชนทั้งปวงว่า ไม่ตั้งใจให้เป็นเหตุตรงตามที่ปรารถนาให้เกิดผล เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องไม่ได้อย่างใจ

    ดังที่เอยปากรำพันกันอยู่เป็นประจำ แทบจะไม่มียกเว้นเลยสักคน แม้ต้องการผลอย่างใด ต้องทำเหตุให้ตรง จึงจะได้อย่างใจ และทุกคนแน่นอนที่ต้องการแต่อะไร ๆ ที่ดีที่งามทั้งนั้น เพื่อให้สมหวัง ให้ได้อย่างใจ จึงต้องทำเหตุที่ดีที่งาม ไม่เช่นนั้นก็ต้องผิดหวังต้องไม่ได้อย่างใจตลอดไป

    ผลย่อมเกิดแต่เหตุ แน่นอนเสมอ

    ทำเหตุใดย่อมได้รับผลนั้น ตรงตามเหตุที่ได้กระทำแล้ว จะไม่เกิดผลที่ไม่ตรงตามเหตุที่ได้กระทำ และไม่มีผลใดเกิดแต่เหตุที่ไม่ได้กระทำแล้ว และไม่มีเหตุใดที่ได้กระทำแล้ว จะไม่ส่งผลให้เกิดตรงตามเหตุที่ได้กระทำ

    กล่าวสั้น ๆ ดังปรากฏในพระพุทธศาสนา ที่ได้ยินได้ฟังกันแทบทุกเวลาก็คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว แน่นอนเสมอไป

    : ทำบุญแผ่นดินไทย ๒๕๔๕

    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=17694
     
  16. DD.

    DD. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    556
    ค่าพลัง:
    +103
    ขอร่วมอนุโมทนากับองค์ความรู้และหลักคำสอนของพระคุณเจ้าด้วยนะครับ..
    <!-- / message -->
     
  17. Nutuk

    Nutuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +347
    [​IMG] ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    " การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง "






    ขอบอกบุญต่อด้วยจ้า บริจาคอวัยวะที่ http://www.organdonate.in.th/
    บริจาคดวงตาที่ http://www.eyebankthai.com/
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ต้องการบริจาคนะคะ สาธุ สาธุ สาธุ <!-- / sig -->

    <!-- / message --><!-- / message -->
     
  18. ถนอม021

    ถนอม021 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,098
    ค่าพลัง:
    +3,163
    อนุโมทนาสาธุด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

    และขออุทิศบุญกุศลทั้งปวงแด่เจ้ากรรมนายเวรทุกภพทุกชาติ
    ให้ทุกท่านมีความสุขกายสุขใจตลอดไป ขอให้อโหสิรรมและ
    ขออโหสิกรรมกับทุกรูปทุกนามด้วยเถิด ให้ทุกท่านได้พระนิพพาน
    ในชาตินี้ด้วยเถิด

    ถนอม สุพัตรา ถกนธ์ พร้อมครอบครัวและญาติมิตร

    หลังจากสวดบูชาพระรัตนตรัยเสร็จเรียบร้อยแล้วสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลามาก แนะนำบทสวดพุทธมนต์แบบย่อ ๆ แต่มีพลานุภาพมาก มีอานิสงส์มาก สวดไม่เกิน 5 นาทีจบ ดังนี้

    นะโม 3 จบ


    หัวใจ อิติปิโส ว่า
    อิสะวาสุ

    นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะพะกะสะ นะมะอะอุ

    หัวใจพาหุง
    พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ
    หัวใจพระเจ้าสิบชาติ
    เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว
    หัวใจบารมี 30 ทัส
    ทา สี เน ปะ วิ ขะ สะ อะ เม อุ
    หัวใจพระอาการวัตตาสูตร
    มุนินทะ วะทะนัมโพชะ คัพพะสัมภาวะ สุนทะรีปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะ ยะตัง มะนัง
    หัวใจพระธารณะปริตร
    ทิฏฐิลา ทัณฑิลา มันติลา โรคิลา ขะระรา ทุพพิลา เอเตนะ สัจจะ วัชเชนะ โสตถิ เม โหตุ สัพพะทา
    หัวใจพระไตรปิฎก
    จิเจรุนิ
    หัวใจพระคาถาชินบัญชร
    ชะ จะ ต ะ สะ สี สัง หะ โก ทะ กะ เก นิ กุ โส ปุ เถ เส เอ ชะ ระ ธะ ขะ อา ชิ วา อะ ชิ สะ อิ ตัง
    คาถาบูชาพระพุทธเจ้า 16 พระองค์
    นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มะหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ

    [​IMG]สวดจบควรแผ่เมตตาทุกครั้ง[​IMG]

    แผ่เมตตาจิต
    ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะสัมฤทธิ์ผลนั้น เกิดจากกรรม 3 อย่าง คือ มโนกรรม เป็นใหญ่ แล้วค่อยแสดงออกมาทางวจีกรรม หรือกายกรรมที่เป็นรูป การบำเพ็ญสมาธิจิตเป็นกุศลดีกว่า เพราะว่า การแผ่เมตตา 1 ครั้ง ได้กุศลมากกว่าสร้างโบสถ์ 1 หลัง ขณะจิตที่แผ่เมตตานั้น จะเกิดอารมณ์แจ่มใส สรรพสัตว์ไม่มีโทษภัย ตัวท่านก็ไม่มีโทษภัย ฉะนั้น เขาจึงว่านามธรรมมีความสำคัญกว่า

    อานิสงส์การแผ่เมตตา
    ...ผู้ปฏิบัติธรรมนั้น ต้องรู้จักคำว่า แผ่เมตตา คือต้องเข้าใจว่า ความวิเวกวังเวงแห่งการคิดนึกของเราแต่ละบุคคลนั้น มีกระแสแห่งธาตุไฟผสมอยู่ในจิตและวิญญาณกระจายออกไปเ มื่อจิตของเรามีเจตนาบริสุทธิ์ เมื่อจิตของเราเป็นมิตรกับทุกคน เมื่อนั้นเขาก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา เสมือนหนึ่งเราให้เขากินอาหาร คนที่กินอาหารนั้นย่อมคิดถึงคุณของเราหรืออีกนัยหนึ่งว่า เราผูกมิตรกับเขาๆก็ย่อมเป็นมิตรกับเรา แม้แต่คนอันธพาล เราแผ่เมตตาจิตให้ทุกๆวัน สักวันหนึ่งเขาก็ต้องเป็นมิตรกับเราจนได้ เมื่อจิตเรามีเจตนาดีต่อดวงวิญญาณทุกๆดวง ดวงวิญญาณทุกๆดวงย่อมรู้กระแสแห่งจิตของเรา เรียกว่ามนุษย์เรานี้มีกระแสธาตุไฟออกจากสังขาร เพราะเป็นพลังแห่งการนั่งสมาธิจิต วิญญาณจะสงบ ธาตุทั้ง 4 นั้น จะเสมอแล้วจะเปล่งเป็นพลังงานออกไป

    ฉะนั้น ผู้ที่นั่งสมาธิปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จิตแน่วแน่แล้ว โรคที่เป็นอยู่มันจะหายไป ถ้าสังขารนั้นไม่ใช่จะพังเต็มทีแล้ว คือไม่ถึงวาระสิ้นอายุขัย หรือว่าสังขารนั้นร่วงโรยเกินไปแล้ว ก็จะรักษาให้มันกระชุ่มกระชวยได้หรือจะให้มันสบายหาย เป็นปกติดั่งเดิมได้

    ประโยชน์จากการฝึกจิต
    ...ผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนมีสมาธิแน่วแน่ เมื่อจิตนิ่งก็รู้ตน เริ่มพิจารณาตน รู้ตนเองได้ ปัญญาก็เกิดขึ้น ปัญญานี้เรียกว่า ปัญญาภายในจากจิตวิญญาณ ซึ่งเราจะใช้ปัญญานี้ได้แน่นอน เมื่อเกิดมีปัญหาขึ้นในชีวิตตลอดระยะเวลาอันยาวนานข้างหน้า

    นี่คือประโยชน์ของการฝึกจิตแล้ว คุณของสมาธิยังเป็นพลังป้องกันไม่ให้เกิดโรคภัย เจ็บป่วยได้ กล่าวคือ การบำเพ็ญจิต จนจิตสงบนิ่งแล้ว ระบบต่างๆทางประสาทจะได้รับการพักผ่อน เป็นการปรับธาตุในกายให้เกิดพลังจิตเข้มแข็ง กายเนื้อก็จะแข็งแรงกระชุ่มกระชวยด้วย โลหิตในร่างกายจะหมุนเวียนสะดวกขึ้น ความตึงเครียดตามร่างกายและประสาทต่างๆ จะผ่อนคลายเป็นปกติ โรคต่างๆจะลดน้อยลงโดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดัน โลหิตสูง หายป่วยได้ด้วยการฝึกจิตและเดินจงกรม



    จากหนังสือ เรียน ธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี
     
  19. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    จะดีหรือเลว ทุกคนรู้อยู่แก่ใจ
    จะบุญหรือบาป เวรกรรมจะติดตามไป
    แต่ชีวิตคน ต้องตัดสินใจ
    จะทำเช่นไร จะเลือกเดินทางไหน
    **ขอเพียงแค่ทำความดี
    ขอเพียงแค่มีน้ำใจ
    เพื่อคุณธรรม เพื่อสังคมไทย
    ทำดีได้ดี แน่นอน ทำดีได้ดี แน่นอน
     
  20. TUK2800

    TUK2800 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    1,766
    ค่าพลัง:
    +1,161
    ทำบุญล้างบาปได้ไหม<!--QuoteEnd-->
    <!--QuoteEEnd-->
    ตอบ ไม่ได้ครับ แต่ลดความรุนแรงของวิบากได้

    บาปเปรียบเหมือนเกลือ บุญเปรียบเหมือนน้ำ เติมน้ำไปเรื่อย ความเค็มย่อมลดลง จนสามารถดื่มได้

    ปรากฏในพระไตรปิฏก ดังนี้
    http://larndham.net/index.php?showtopic=29375&per=1&st=2&#entry446544
    ____________________________________

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต

    http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=20&A=1003&Z=1058

    สัตว์ที่ไตร่ตรองอรรถแห่งธรรมที่ตนทรงจำไว้ได้
    มีเป็นส่วนน้อย สัตว์ที่ไม่ไตร่ตรองอรรถแห่งธรรม
    ที่ตนทรงจำไว้ได้ดี มีประมาณมากกว่า โดยแท้

    !
    สัตว์ที่กระทำพระนิพพานให้เป็นอารมณ์แล้ว
    ได้สมาธิ ได้เอกัคคตาจิต มีเป็นส่วนน้อย
    สัตว์กระทำพระนิพพานให้เป็นอารมณ์แล้ว
    ไม่ได้สมาธิ ไม่ได้เอกัคคตาจิต มีประมาณมากกว่า
    โดยแท้
    ---------------------------------------
     

แชร์หน้านี้

Loading...