บุญใหญ่สร้างกุฎีสงฆ์กัมมัฏฐานรับพระบรมธาตุสมเด็จองค์ปฐมกับเฟสพระบรมธาตุ

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย สุเมธ มารวย, 14 สิงหาคม 2019.

  1. สุเมธ มารวย

    สุเมธ มารวย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2019
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    "ผู้ให้ที่พักอาศัย ชื่อว่า…ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง"
    @#บุญใหญ่ประจำเดือนสิงหาคม
    รับอัญเชิญพระบรมธาตุสมเด็จองค์ปฐม,
    พระบรมธาตุข้าวบิณฑ์ หลวงพ่อครูบาชัยยะวงศา
    ขอเชิญกัลยาณมิตรผู้มีศรัทธาประสาทะ
    ร่วมสมทบทุนสร้าง #กุฏิกัมมัฏฐานให้พระสงฆ์
    .ถวายไว้ ณ.สำนักสวนป่าพุทธปารมี
    ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    ที่มาและความสำคัญ
    สำนักสวนป่าพุทธปารมี ตั้งอยู่ในพื้นที่ต.กลางดง
    อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา บนเนื้อที่ ๒ ไร่ แวดล้อมไปด้วยป่าเบญจพรรณ และ สวนผลไม้ ของประชาชนในพื้นที่ เป็นที่สัปปายะ เพราะมีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นที่สงัดสงบ ปลอดผู้คน เพราะสวนป่าอยู่ห่างจากถนน มิตรภาพ ราว ๕ กิโลเมตรเศษ
    สำนักสวนป่าแห่งนี้ ได้รับการพัฒนามาในโอกาสแรก จากพระสงฆ์นักพัฒนาและเป็นนักปฏิบัติ
    คือ พระครูปลัดธนสิทธิ์ สิทธิธัมโม เป็นผู้ดูแลสวนป่าในตอนแรก และได้รวบรวมทุนทรัพย์ปัจจัย จากบรรดาศิษยานุศิษย์ ได้สร้างศาลาการเปรียญ แล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๔๗ โดย มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม และ สวดมนต์ ของพระสงฆ์

    จากนั้นได้เริ่มสร้างเสนาสนะอื่นคือ กุฎีกัมมัฏฐาน, โรงทาน ห้องครัว, ห้องน้ำ, และ สร้างพระพุทธรูป ไว้ด้านหน้าลานธรรม ของสวนป่า ระยะแรก มีผู้มาช่วยพัฒนาเป็นอันมาก จึงเจริญมาได้ระยะหนึ่ง

    เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ ท่านอาจารย์เจ้าสำนักฯ ได้ประสบปัญหาสุขภาพ จึงได้ย้ายออกไปจำพรรษาที่บ้านเกิด ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ส่งผลให้ สำนักสวนป่าขาดผู้ดูแลอย่างเป็นกิจลักษณะ ระยะหลัง มีพระสงฆ์มาจำพรรษา บ้างประปราย และ เว้นขาดจากการมีพระเจ้าพระสงฆ์มาดูแล หลายปี สำนักสวนป่าจึงมีสภาพทรุดโทรม และรกครึ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
    กุฎีสงฆ์กัมมัฏฐานที่ได้สร้างไว้ในตอนเเรกมี ๕ หลังปลูกด้วยไม้ไผ่ สับฟาก ได้ทรุดโทรม เสื่อมสภาพตามกาลเวลา เหลือเพียง หลังเดียวที่ใช้ได้ตามปกติแต่มิค่อยสะดวกนักเพราะ หลังคาผุรั่ว และ พื้นไม้เริ่มชำรุดหักพัง ซึ่งกุฎีกัมมัฏฐานหลังนี้คณะทำงานฯ ได้รวบรวมทุนทรัพย์ปัจจัย เพื่อไปบูรณะซ่อมแซมแล้ว เวลานี้มีพระสงฆ์ที่เข้าจำพรรษา ณ. สำนักสวนป่าแห่งนี้แล้ว ท่านแจ้งความประสงค์ ขอความอนุเคราะห์ บรรดาสาธุชนคนดี ผู้มีใจศรัทธา ได้เข้าไปสร้างกุฎีกัมมัฏฐาน สถิตไว้ให้พระเจ้าพระสงฆ์ท่านได้เจริญ สมาธิ วิปัสสนา จำวัดตามสมควร

    กัลยาณมิตรที่สนใจจะร่วมสร้างกุฎีสงฆ์กัมมัฏฐาน เปรียบดังสร้างวิมานไว้ในสวรรค์ สร้างบุญใหญ่มหาทานก่อนตาย มีที่พึ่ง ที่อาศัย ในยามมอดม้วย เข้าสู่แดนสุขสัมปรายภพ อันน่าอภิรมย์ แล้ว
    สามารถแจ้งความประสงค์ มาที่ #กล่องข้อความ
    คณะทำงานฯ จักได้รวบรวมทุนทรัพย์ปัจจัย
    เป็นผ้าป่าสามัคคี เบื้องต้นตั้งเป้าหมายร่วม จะดำเนินการจัดสร้างกุฎีสงฆ์กัมมัฏฐาน จำนวน ๑ หลังก่อน
    รายละเอียดกุฎีสงฆ์กัมมัฏฐาน
    -เป็นกุฎีมุงหญ้าแฝก ฝาไม้ไผ่สับฟาก ยกพื้นสูงมีเรือนชาน ออกรับแขกได้
    -งบประมาณ ในการจัดซื้อ 35, 000 บาทต่อหลัง

    รายละเอียดการร่วมบุญและรับของสมนาคุณ
    -สำหรับกัลยาณมิตรที่ร่วมบุญสร้างกุฎีสงฆ์กัมมัฏฐานกับทางเฟสพระบรมธาตุโบราณ

    ๑.เจ้าภาพประธาน ร่วมบุญ ๑,๐๐๐ บาท
    จะได้รับอัญเชิญ,
    #พระบรมธาตุสมเด็จองค์ปฐม ๑ พระองค์
    #พระโมคคัลลานะธาตุ๑ ชุด
    #พระสารีบุตรธาตุ ๑ ชุด
    #พระบรมธาตุข้าวบิณฑ์ ๑ ชุด

    ๒.รองเจ้าภาพ ร่วมบุญ ๕๐๐ บาท
    จะได้รับอัญเชิญ,
    #พระบรมธาตุสมเด็จองค์ปฐม ๑ พระองค์
    #หรือเลือกรับพระอรหันตธาตุ* ๑ พระองค์
    ทุกรายการร่วมบุญต่อ ๑ กองบุญ เท่านั้นครับ.
    ท่านที่จะร่วมบุญยังมีพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐมอยู่นะคับ สามารถติดต่อร่วมบุญได้ที่กล่องข้อความ หรือแอดไลน์ตามคิวอาร์โค้ดไลน์ด้านล่างนะครับ
    ความจริงจากใจคณะทำงานฯ
    คณะทำงาน เฟสพระบรมธาตุโบราณ
    พระบรมสารีริกธาตุ โดยการนำของท่านประธาน คุณสุเมธ มารวย มีปณิธานให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ สัณฐาน วรรณะ ของพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุยุคโบราณ และ เผยเเพร่องค์ความรู้ด้านพระพุทธศาสนา เป็นสะพานบุญอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรือง วัฒนาสถาพร ไปโดยลำดับ ในกาลผ่านมา ทางคณะทำงานฯ กราบขอบพระคุณในกัลยาณจิตรกัลยาณธรรม บรรดากัลยาณมิตรแฟนเฟสที่ติดตามเรื่องตามราว ข่าวสารงานบุญ และได้มีโอกาสร่วมบุญ สร้างบุญใหญ่ร่วมกันกับทางคณะทำงานมาในวาระต่างๆ มิได้ขาด
    ทางคณะทำงานฯ เป็นทีมงานที่ตั้งธงว่า "เราจักทำความดีปิดทองหลังพระ เป็นมดงานพระศาสนาเงียบ เป็นไปได้จักไม่ประกาศโฆษณา จนเกินคำว่า ผู้ปิดทองหลังพระ เงินทุกบาททุกสตางค์จึงจัดสรรค์ไปเพื่อการบุญในต่างโอกาส
    ทางคณะทำงาน ฯรู้สึกซาบซึ้งในกัลยาณจิตรกัลยาณธรรมของทุกท่าน เราไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนนอกจากคำมั่นว่า จักดำเนินตามปณิธานการบุญ ที่ได้กระทำมาดีแล้ว และจักดำเนินต่อไปด้วย ศรัทธา วิริยะ และความอดทน ภาคภูมิใจในสายบุญทุกท่านที่มีคุณูประการ เสมอมา
    ท้ายสุดนี้ขออ้างอิงเอาอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่กัลยาณมิตรเคารพบูชา บุญญาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ มีสมเด็จองค์ปฐมบรมครู เป็นประธาน พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้าทุกๆพระองค์ อำนาจ ทาน ศีล ภาวนา ที่ได้กระทำมาดีแล้ว จงมีผลสัมฤทธิ์เต็มที่ สว่างไสวโชติช่วงชัชวาลดุจพระจันทร์วันเพ็ญ
    ไพศาลดุจห้วงมหรรณพอันไม่มีประมาณ ด้วยตบะ เดชะ บารมีทาน กองการกุศล จงสำเร็จเป็นพรอันประเสริฐ มีอำนาจบันดาน ทรัพย์คือ ธนทรัพย์ ธรรมทรัพย์ อริยะทรัพย์ บริวารทรัพย์ ส่งให้กัลยาณมิตรทุกท่าน จงประสบความสุข ความเจริญ สิริสวัสดิ์ พิพัฒน์มงคล สมบูรณ์พูนผล ตลอดไป เข้าถึงเอกธรรม เอกมรรค เอกผล พระนิพพาน ในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้นเทอญฯ
    มาดูอานิสงส์ของการสร้างวัด
    การสร้างวัด หรือส่วนประกอบของวัด เพื่อถวายพระสงฆ์ที่มาจากถิ่นฐานต่างๆให้เป็นที่พำนักอาศัยที่ปฎิบัติธรรมที่ประกอบกุศลกิจ อันเป็นประโยชน์ต่อผู้ทรงศีล ทรงคุณธรรมนั้นมีอานิสงส์ คือ ผลดีตอบต่อผู้ถวายอย่างยิ่งใหญ่ไพบูลย์

    พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ ดังนี้

    1. ” ผู้ใดให้ที่พักอาศัย ผู้นั้นเชื่อว่าให้สิ่งทั้งปวง “ (สังยุตตนิกาย สคาถวรรค)

    2. ผู้ให้ที่พักอาศัย ฯลฯ ย่อมมีบุญเจริญในกาลทุกเมื่อ ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน เขาตั้งอยู่ในธรรม
    สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้ไปสวรรค์ (วนโรปสูตร)

    3. ในวิหารทานกถา พระพุทธองค์ทรงยืนยันให้เห็นชัดเจนว่า การถวายวิหาร(วัด)ที่อยู่อาศัยแกภิกษุสงฆ์ เป็นสมุฏฐานก่อให้เกิดประโยชน์สุข ทั้งผู้รับและผู้ถวาย ซึ่งทรงแสดง อานิสงส์ไว้ว่า
    เป็นยอดของสังฆทาน เป็นปัจจัยให้ประสบความเกษมศานต์ จนบรรลุถึงพระนิพพาน เป็นที่สุด โดยตรัสไว้ว่า

    “เสนาสนะที่อยู่อาศัย ย่อมบรรเทาความหนาว ความร้อน ป้องกัน เนื้อร้าย ป้องกันงู และยุงได้ ป้องกันฝนก็ได้ แม้ลมแดดกล้าที่ปรากฏขึ้น ก็บรรเทาได้”

    การถวายกุฎีวิหารที่อยู่อาศัยแก่พระสงฆ์เพื่อเร้นอยู่ ของผู้ต้องการความสงบ เพื่อความสุข เพื่อฌานการเพ่ง เพื่อวิปัสสนา การเห็นแจ้งพระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่าเป็นทาน อันเลิศ
    เพราะเหตุนั้น ผู้มีปัญญา เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ของตน พึงสร้างกุฎวิหาร ที่อยู่อาศัยอันรื่นรมย์ ถวายแด่พระสงฆ์ ผู้เป็นพหูสูตเถิด อนึ่งถวายข้าว น้ำ ผ้า และเสนาสนะ แก่พระสงฆ์ ทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยน้ำใจอันเลื่อมใส ในท่านผู้ปฏิบัติตรง ทั้งทางกาย และ ทางใจ ท่านย่อมแสดงธรรม อันเป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ทั้งมวล แก่บุคคลผู้เมื่อรู้ธรรมแล้วเป็นผู้ไม่มีกิเลส ปรินิพพานในโลกนี้(เสนาสนขันธกะ พระวินัยปิฎก)

    4. ในพุทธวรรคที่1 ขุททกนิกาย อปทาน ภาค1 แสดง อดีตชาติ ของพระอรหันตสาวก ชั้นผู้ใหญ่ ว่าได้บำเพ็ญทานสร้างวัด และส่วนประกอบของวัด ด้วยศรัทธาเสื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วในชาติปัจจุบันท่านเหล่านั้นก็ได้รับอานิสงส์ผลบุญกุศลคล้ายคลึงกัน ว่าโดยสรุปก็คือ ไม่รู้จักทุคติได้โลกิยสมบัติอันน่าพึงพอใจ จนถึงชั้นสูงสุดและได้บรรลุคุณวิเศษต่างๆ อาทิ วิโมกข์ 8 ปฎิสัมภิทา 4 อภิญญา 6 อรหัตตผล สิ้นอาสวะกิเลสเป็นที่สุด

    ตัวอย่างท่านผู้ใดได้อานิสงส์ดังกล่าว คือ
    พระมหากัสสปเถระ ได้ดีเพราะสร้างพุทธเจดีย์ถวายพระพุทธเจ้า
    พระอุบาลีเถระ ได้ดีเพราะสร้างสังฆาราม(วัด) ถวายพระพุทธเจ้า
    พระอุปสีวเถระ ได้ดีเพราะสร้างอาศรม(ที่อยู่อาศัย)ถวายพระพุทธเจ้า
    พระอายาตทายกเถระ ได้ดีเพราะสร้างบรรณศาลา ถวายพระพุทธเจ้า

    อานิสงส์สร้างกุฎีวิหาร

    ในกาลครั้งนั้น สมเด็จพระบรมศาสดา เสด็จประทับอยู่ ณ ลัฏฐิวันสวนตาลหนุ่ม พระองค์เที่ยวโปรดเวไนยสัตว์ให้ได้มรรค ๔ ผล ๔ ในครั้งนั้นพระเจ้าพิมพิสาร ได้ครองราชสมบัติที่กรุงราชคฤห์ ก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า แล้วก่อสร้างกุฎีวิหารในพระราชอุทยานเวฬุวัน สวนป่าไม้ไผ่ ให้เป็นวัดแรกในพุทธศาสนาถวายแก่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าพร้อมกับภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูป พร้อมกับถวายภัตตาหารเป็นสังฆทานสมเด็จพระบรมศาสดา พร้อมกับภิกษุสงฆ์เสร็จภัตตากิจแล้ว พระเจ้าพิมพิสาร ทูลถามว่า ภนฺเต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญสาธุชนทั้งหลายมีใจศรัทธา ปสันนาการ เลื่อมใสมาก่อสร้างกุฎีวิหารถวายเป็นสังฆทานนั้น จะได้ผลานิสงส์เป็นประการใด ขอให้พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาให้ข้าพุทธเจ้า พร้อมบริษัททั้งหลายให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงแสดงพระธรรมเทศนาว่า ดูกรมหาบพิตรพระราชสมภาร บุคคลผู้ใดมีจิตศรัทธาเลื่อมใสพระรัตนตรัยแล้วก่อสร้างกุฎีวิหารศาลาคูหาน้อยใหญ่ ถวายเป็นทาน จะประกอบด้วยผลอานิสงส์มาก เป็น
    อเนกประการนับได้ถึง ๔๐ กัลป์

    พระองค์ทรงนำอดีตนิทานมาเทศนาต่อไปว่า อดีต ในอดีตกาลล่วงมาแล้ว พระพุทธเจ้ายังมิได้อุบัติบังเกิดในโลกยังศูนย์เหล่าอยู่สิ้นกาลช้านานในระหว่างนั้นพระปัจเจกโพธิเจ้าทั้งหลายก็ได้บังเกิดตรัสรู้ในโลกนี้ เมื่อพระปัจเจกโพธิเจ้าก็อาศัยในป่าหิมพานต์ อยู่มาวันหนึ่ง มีความปรารถนาเพื่อจะมาใกล้หมู่บ้านอันเป็นว่านแคว้นกาสิกราชมาอาศัยอยู่ในราวป่าแห่งหนึ่งแถบใกล้บ้านนั้นมีนายช้างคนหนึ่งอยู่ในหมู่บ้านนั้น ก็ไปป่ากับลูกชายของตน เพื่อจะตัดไม้มาขายกินเลี้ยงชีพตามเคย ก็แลเห็นพระปัจเจกโพธิเจ้านั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พ่อลูกสองคนก็เข้าไปใกล้น้อมกายถวายนมัสการแล้ว ทูลถามว่าข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าจะไปไหน จึงมาอยู่ในสถานที่นี้ พระปัจเจกโพธิจึงตอบว่า ดูกรอาวุโส บัดนี้จวนจะเข้าพรรษาแล้ว อาตมาเที่ยวแสวงหากุฏีวิหาร ที่จะจำพรรษา นายช่างก็อาราธนาให้อยู่จำพรรษาในที่นี้พระปัจเจกโพธิ ทรงรับด้วยการดุษณียภาพสองคนพ่อลูกก็ดีใจ จึงขออาราธนา
    พระผู้เป็นเจ้าเข้าไปสู่เรือน ถวายบิณฑบาตทานแก่พระปัจเจกโพธิสองคนพ่อลูกก็เที่ยวตัดไม้แก่นมาทำสร้างกุฎีวิหารที่ริมสระโบกขรณีใหญ่ และทำที่จงกรมเสร็จแล้วขออาราธนา พระผู้เป็นเจ้าจงอยู่ให้เป็น สุขเถิดพระเจ้าข้า

    ครั้นพระปัจเจกโพธิได้รับนิมนต์แล้ว สองคนพ่อลูกตั้งปฏิธานความปรารถนา ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากทุกข์ยากไร้เข็ญใจ และขอให้ข้าพเจ้าทั้งสองนี้ได้เป็นพระอรหันต์ขีณาสพผู้ประเสริฐองค์หนึ่งเถิด พระปัจเจกโพธิก็รับอนุโมทนาซึ่งบุญ นายช่างสองคนพ่อลูกอยู่จนสิ้นอายุขัยแล้วก็ทำกาลกริยาตายไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีวิมานทองเป็นที่รองรับ และเทพอัปสรแวดล้อมเป็นบริวารเสวยทิพย์สมบัติอยู่ในสวรรค์สิ้นกาลช้านานจุติจากสวรรค์นั้นแล้วก็ไปบังเกิดเป็นราชบุตรของพระเจ้าสุโรธิบรมกษัตริย์ในเมืองมิถิลามหานคร ทรงพระนามว่ามหาปนาทกุมาร ๆ เจริญวัยขึ้นได้เสวยราชสมบัติ เป็นพระยาจักรพรรดิราช ด้วยอานิสงส์ที่ได้สร้างกุฎีวิหารถวายเป็นทานแก่พระปัจเจกโพธิ ครั้นตายจากชาติเป็นพระยามหาปนาทแล้ว ก็เวียนว่ายตายเกิดในมนุษย์สมบัติสวรรค์
    สมบัติ แล้วก็มาเกิดเป็นเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฎิอยู่ในภัททิยนคร ชื่อว่า ภัททชิ ก็ได้ปราสาท ๓ หลัง อยู่ใน ๓ ฤดู ครั้นเจริญวัยได้บวชในศาสนาสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ในศาสนาของตถาคตดังนี้แล ส่วนเทพบุตรองค์พ่อนั้น ยังเสวยทิพย์สมบัติอยู่ในสวรรค์ช้านานจนถึงศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย์ลงมาตรัสสัพพัญญู เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในมนุษย์โลก ได้จุติลงมาปฏิสนธิในครรภ์ พระอัครมเหสีสมเด็จพระเจ้ากรุงเกตุมวดี ทรงพระนามว่าสังขกุมาร ครั้นเจริญวัยแล้วก็ขึ้นครองราชย์สมบัติ ทรงพระนามว่าสมเด็จพระเจ้าสังขจักรบรมกษัตริย์ มีทวีปน้อยใหญ่เป็นบริวาร พระองค์จึงได้สละราชสมบัติบ้านเมืองออกไปบรรพชา ในสำนักพระศรีอริยเมตไตรย์ กับทั้งบริวาร ๑ โกฎิ ก็ได้ถึงอรหันต์ได้เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ทรงพระนามอโสกเถระ ก็ด้วยอานิสงส์ได้สร้างกุฎีให้เป็นทานนั้นแล อันเป็นบุญให้ถึงความสุข ๓ ประการ คือ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ

    พุทธพจน์ใน “กินททสูตร”

    “บุคคลให้อาหาร ชื่อว่า…ให้กำลัง
    ให้ผ้า ชื่อว่า…ให้วรรณะ
    ให้ยานพาหนะ ชื่อว่า…ให้ความสุข
    ให้ประทีปโคมไฟ ชื่อว่า…ให้จักษุ
    ผู้ให้ที่พักอาศัย ชื่อว่า…ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง”

    ให้อาหาร ชื่อว่า…ให้กำลัง หากอดอาหารหลายวัน พละกำลังจะถดถอย แต่หากได้กินอาหาร เรี่ยวแรงกำลังก็ฟื้นฟูกลับมา

    ให้ผ้า ชื่อว่า…ให้วรรณะ วรรณะ หมายถึง ผิวพรรณ แม้หน้าตาดี มีรูปงาม แต่หากไม่มีผ้าสวมใส่หรือใส่ผ้าที่สกปรกก็ไม่น่าดูแต่ถ้าหากมีผ้าที่ดีไว้สวมใส่ บุคคลนั้นก็จะแลดูงดงามเจริญตาเจริญใจ เพราะชุดที่สวมใส่นั้นทำให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

    ให้ยานพาหนะ ชื่อว่า…ให้ความสุข เกิดความสุขจากความสะดวกสบายในการเดินทางให้ประทีปโคมไฟ ชื่อว่า…ให้จักษุ คนเราถึงแม้มีดวงตาก็ไม่สามารถมองเห็นในที่มืดได้แต่แสงประทีปจะเป็นตัวช่วยให้ดวงตามองเห็นในความมืดได้

    ให้ที่พักอาศัย ชื่อว่า…ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง หมายถึง การให้ที่อยู่อาศัยเพียงข้อเดียวนั้นถือว่าเป็นการให้ที่ครบอานิสงส์ทั้ง ๔ ข้อข้างต้น ครอบคลุมตั้งแต่ให้กำลัง ให้วรรณะให้ความสุข และให้ดวงตา

    ดังนั้น บุญที่เกิดจากการให้ที่อยู่อาศัยจึงนับว่าเป็นบุญที่ไม่ธรรมดา เพราะมีอานิสงส์มากมายถึง ๔ ข้อ ซึ่งจะขออธิบายขยายความดังต่อไปนี้

    ๑. แม้ยังไม่ได้รับประทานอาหาร แต่หากได้นอนพักในที่พักอาศัย เมื่อตื่นขึ้นมากำลังวังชาก็ฟื้นคืน

    ๒. หากโดนแดดเผาจนผิวคล้ำ แต่พอกลับเข้ามาพักในบ้าน ผิวพรรณก็กลับฟื้นคืนสภาพดีขึ้น

    ๓. เวลาออกไปนอกบ้านอาจจะเสี่ยงอันตรายหลายอย่าง เช่น หนามตำ สัตว์ร้ายขบกัด แต่พอกลับมาอยู่ในบ้านก็จะรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยจากสิ่งเหล่านั้น จึงเกิดความสุขทางกายและใจ

    ๔. เมื่อออกนอกบ้าน ดวงตาทั้งสองข้างอาจพร่ามัวเพราะแสงแดด เมื่อกลับเข้าบ้านก็อาจจะยังมองไม่เห็นสิ่งของภายในบ้าน ซึ่งอาจทำให้เดินชนสิ่งของในบ้านเสียหายได้ แต่ถ้าได้ล้มตัวนอนพักสักครู่หนึ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาดวงตาก็จะถูกปรับให้แจ่มใสขึ้นได้เอง และสามารถมองเห็นสิ่งของภายในบ้านได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...