"บุญ....หลงทาง".....

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย NARKA, 3 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +4,562
    วันนี้...ไปวัดป่าหลังศาลภูเก็ต เป็นวันพระที่ 3 ก.พ.2556...
    ...ด้วยจิตมิจฉาทิษฐิมั๊ง.....จึงดูเรื่องที่เวลาญาติโยมมาทำบุญที่วัดนี้ มีดีอย่างหนึ่งคือ ท่านไม่ปล่อยให้จุดธูปเทียนถวายดอกไม้...ดังนั้นวัดจึงจะมีการตักบาตรและส่วนอื่นนำภัตราหารต่างๆมาถวายพระ...เป็นส่วนใหญ่...
    ...ทีนี้ก็มีประเด็นคือ อย่างเช่น วันนี้วันพระ ข้าวปลาอาหารมากล้น...แต่เวลาคนที่ไปวัดไปทำบุญ จะอาศัยอานิสงฆ์กินข้าววัดเพื่อเป็นสิริมงคลข้าวก้นบาตร...
    ...แต่ก็ปรากฏหลายครั้งว่า ข้าวปลาอาหารหายไป...อย่างไร้ร่องรอย....ดังนั้น เมื่อราวๆเดือนกว่าๆที่ผ่านมาผมสงสัยว่านมกล่องทำไมไม่มี ทั้งๆที่เห็นคนนำมาถวายเกลื่อนไป.....
    ...ได้รับคำตอบว่า"นำไปให้เด็กนักเรียน"...
    ดังนั้น ในวันนี้ ก็ปรากฏเหตุการณ์เช่นเดิม...คือ นมหายเกลี้ยง อาหารหายเกลี้ยง แต่ก็มีพอประปราย ถูกนำมาไว้ที่โรงครัว....
    ...แต่ก็มีที่น่าสังเกตุว่า จะมีโต๊ะเก้าอี้ แบบว่าเป็นของกรรมการหรือ ผู้ที่มาช่วยงานวัด คล้ายๆอุปฐากวัดวัดโดยการช่วยบริหารจัดการ หรือ ช่วยประเคนอาหาร เลื่อนถาดอาหาร ล้างจานฯทำนองนี้ ก็มีการกินอาหารด้วย แต่ไม่ได้เดินไปดูว่า "กินของดีๆกันหรือไม่....
    ...เรื่องนี้ เป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องส่งจิตออกนอกตัวเอง.....
    เพราะผมมีความเห็นว่า...นี่เป็นการ"ทำบุญที่ผิดวิธี...ทำบาปโดยไม่รู้ตัว"
    ...สมัยพุทธกาล ผู้คนทำบุญเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้พระปฏิบัติ...เพื่อเป็นอริยะแล้ว ก็จะกลับมาโปรด.....
    ...สมัยปัจจุบัน ผู้คนทำบุญเพื่อหวังผล...ให้ได้บุญส่วนตัวและครอบครัวญาติมิตร....
    ข้าวก้นบาตรนั้น พระป่าท่านก็คงให้นกหนูมด ต่างๆในป่าในดงที่ท่านธุดงค์
    ในเมือง ชาวบ้านก็อาศัยกินเป็นศิริมงคล...
    ...ทานที่เขาให้หมายถึง"ปัจจัยทั้งหมด เป็นของพระ" เมื่อ"เหลือจากพระ
    ก็ต้องญาติโยมที่ไปวัดได้กิน.....หลังจากนั้น จึงนำไปให้คนอื่นๆได้ แต่มิใช่กันเอาไว้ แล้วไปให้คนนอก คนในอดเยี่ยงนี้...
    ..แบบนี้เรียก"ทำบุญเอาหน้า ภาวนากันตาย"....
    ...ไม่อยากให้วัดป่า นำพฤติกรรมเยี่ยงนี้ มาใช้ในวัดเลย...รังแต่จะชักกิเลศให้มารุมเร้า...คนทำก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ปรารถนาดี แต่ทำผิดวิธี.....แทนที่จะได้บุญ กลับได้บาป เพราะผมเห็น ผมโกรธ ผมจึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของคนเหล่านี้...จิตฟุ้งซ่านไปว่า
    "นี่ถ้าได้บวช และมีอำนาจบริหารทางสงฆ์ จะไล่ออกจากวัดทุกคน"....ฮา
     
  2. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    ค่ะพี่

    ดีแล้วค่ะ ที่เอามาเตือนสติกัน

    คงไปห้ามอยากหรือไม่อยาก ใครไม่ได้
    เพราะใครๆก็อยาก รับอาหารก้นบาตร
    ทำได้เต็มที่ก็ จิตอนุโมทนา กับบุญ ที่เขาหวัง และตั้งใจทำ
    ส่วนกรรม และเศษกรรมแบบไม่รู้ตัว ก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

    :VO
     
  3. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    เจอคล้ายกันเลยค่ะ
    ปกติดิฉันก็ไปใส่บาตรทุกเช้า อยู่จันค่ะ ทำบุญกับพระป่าเหมือนกัน
    พอใส่บาตรเสร็จ กำลังขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางริมถนนมีโต๊ะ
    ตั้งแล้วจะมีคนที่คอยช่วยพระบิณฑบาตร กับผู้ญ อีก 2 ท่าน
    มาคอยเลือกอาหารไป ก็เกิดความสงสัย ก็ถามคนในตลาดว่า
    เขาเลือกอาหารที่เราใส่บาตรไปไหนกันหรือ ก็ได้คำตอบว่า
    เลือกเอาไปให้เด็กนักเรียน เพราะอาหารมาก พระฉันท์ไม่หมด
    ก็อึ้งไปเหมือนกัน ก็คิดในใจว่า มันไม่ถูกเลยนะทำไม ไม่เอาไปวัด
    ก่อนแล้วมาเลือกของกันกลางถนนแบบนี้นี่นะ แล้วก็คิดไปอีก
    แล้วคนที่เลือกล่ะ เขาจะไม่เอาไปบ้านเขาหรือ(คิดอกุศลอีก)
    ก็ดูแล้วมันแปลกๆๆ แต่จริงๆๆ ของทำบุญไปแล้วเขาจะเอาไปทำ
    อะไรก็ช่างเราทำไปแล้ว แต่ในความคิดเราว่าควรจะไปถึงวัดก่อน
    แล้วคุณจะเอาไปให้เด็ก ก็นำไปนี่เลือกกันเองตามใจชอบเลย
    เป็นงงพระเจ้าค่ะ.....
     
  4. markdee

    markdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    745
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ใครทำ ใครได้ ทำดีได้ดี ทำ...
     
  5. wondam

    wondam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +488
    นั่นสิ ทำไมคนอื่นเค้าคิดไม่เหมือนเรา เราหวังทำบุญเพื่อจะให้ได้บุญ กลัวบาปน่ะ กลัวแสนกลัว แค่คิดก็กลัวจิตจะเป็นอกุศลแล้ว แต่คนอื่นเค้าไม่กลัวเหมือนเราน่ะสิ...ถวายพระท่านแล้วเป็นของสงฆ์ จะมาแบ่งกันเองก่อน กลัวจะบาป ...คือเรากลัวผลบาปแทนคนเหล่านั้น ..ได้แต่ปลง
     
  6. Tingel

    Tingel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +184
    ทำไมทำบุญต้องคิดอะไรมากมายขนาดนั้น ทำไมคุณไม่คิดว่าทำบุญกับพระแล้วยังได้ทำบุญกับเด็กนักเรียนอีกได้บุญตั้งสองเท่า ทำไมต้องคิดอะไรมากมาย ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น
     
  7. อริยะบุคคล

    อริยะบุคคล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +476
    อย่างนี้เรียกว่าสังขาร คือการปรุงแต่งทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการให้คนในวัดก่อนหรือให้เด็กก่อนก็ดีทั้งนั้นถ้าให้จริง แต่เราไปวัดมักสังเกตเห็นเองแต่อย่าให้จิตตกไปเข้าทางกิเลสตามกระทู้ว่าไว้ส่งจิตออกนอกเป็นทุกข์ เมื่อทำบุญแล้วก็จบ จงมีสติเท่าทันกิเลสเถอะเพื่อนธรรมทั้งหลาย
     
  8. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +4,562
    พอดีแวะมาอ่านความเห็น จึงขออนุญาตท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย อธิบายเพิ่มเติมสักเล็กน้อย....
    ในความเข้าใจของผม(คนเดียว)
    ทานที่เราทำ เช่น ตักบาตร ถวายปัจจัยเงินทอง หรือ อาหารก็ตาม มีหลักเดียวคือ
    "บุญนั้นสำเร็จด้วยจิตที่คิดทำแล้ว" หมายความว่า บางทียังไม่ทันใส่บาตร ยังไม่ทันถวายอาหารเลย.....แต่ต้องเข้าใจว่า "ได้บุญไปเรียบร้อยแล้ว"
    ดังนั้น ถ้าเชื่อในหลักการนี้ ก็จะสบายใจได้
    แต่เมื่อเรา เช่นผม เอาทางโลกมาจับนั้น มันเป็นเพียงสมมุติ เช่น สมมุติว่าทำไมของที่ให้พระ ต้องเป็นของพระ แล้วจากพระ จึงตกมาเป็นของเราที่ไปวัดหรือตักบาตร(ถ้าตามไปวัด)และหลังจากนั้น จึงเป็นทานของเด็ก...นี่ เป็นสมมุติทั้งสิ้น
    เช่นกัน เห็นโยมมาล้วงของจากบาตร เอาไปให้เด็ก นี่พระยังไม่ได้ฉันท์เลย....นี่ก็เป็นสมมุติเช่นกัน....
    ปรมัทถ์ธรรมที่แท้จริงคือ คนทำทานด้วยจิตบริสุทธิ์ คิดทำปุ๊บ ได้บุญปั๊บ...ก่อนไปจ่ายตลาดมาทำ ในขณะทำ ทำเสร็จแต่ยังไม่ไปตักบาตร ถวายของ พระยังไม่ได้รับ รับแล้วยังไม่ได้ฉันท์ฯลฯ เหล่านี้ เป็นสมมุติทั้งสิ้น...แต่ผมพยายามจะเสนอความเห็นในการ"ปรับปรุงสมมุติ" เพราะคนที่ทำสมมุติดังกล่าวว่า เป็นบุญเหมือนกัน อาจโดนวิบากกรรมเล่นงานได้ เช่นผม มีกิเลศปรุงแต่ง เห็นว่าไม่เหมาะ นี่ผมมีโทสะ เป็นเจ้ากรรมไปแล้ว เป็นต้น....
    แต่คนทำบุญไม่ว่าเราหรือใครได้บุญไปแล้ว อย่างผมได้บุญแล้ว แต่พอจิตคิดมิจฉาทิษฐิ นี่ เป็นบาปแล้ว ที่ไปตำหนิคนอื่น คือ เช้านั้น ผมได้ทั้งบุญและได้บาป พร้อมกันในวันเดียว ฮา
     
  9. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,215
    ค่าพลัง:
    +3,776
    บุญนะทำถูกแล้ว

    แต่คนที่มาเป็นเหลือบเป็นเห็บเกาะกินพระพุทธศาสนาทำลายศรัทธาญาติโยมนั้น
    เขาไม่ได้มาทำบุญ เขามาหากิน
    คนละพวกกัน

    ครูบาอาจารย์บางท่านเคยบอกไว้ว่า อาหารถ้าพระให้กินได้นั้น
    ต้องมีมติร่วมกัน เพราะเป็นของสงฆ์
    แต่อย่านำกลับไปบ้าน เพราะใครมาเห็น อาจจะทำลายศรัทธาเขา
     

แชร์หน้านี้

Loading...