บุพกรรมของพระนางอุบลวรรณาเถรี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย whimsicle, 11 ธันวาคม 2011.

  1. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    [​IMG]

    บุพกรรมของพระนางอุบลวรรณาเถรี
    หลายคนในนี้คงรู้จักกับประวัติของพระองค์มาบ้างไม่มากก็น้อย ว่าพระองค์เป็นธิดาผู้กำเนิดในตระกูลเศรษฐี ณ กรุงสาวัตถี และเนื่องด้วยความที่เป็นผู้รูปงามจนยากจะหาหญิงใดเทียบเทียม ประกอบกับวรรณะงามดั่งสีของดอกบัวสีฟ้า นางจึงได้นามว่า อุบลวรรณาเทวี แต่เนื่องด้วยบุญกุศลแต่ชาติปางก่อนส่งให้ท่านเลือเดินทางธรรม บวชเป็นพระภิกขุณี จนพระศาสดาให้ตำแหน่งท่านว่า เอตทัคคะในทางผู้มีฤทธิ์

    แต่ก็ด้วยบางส่วนของอดีตชาติทำให้ท่านโดนมารพจลให้มีอันต้องถูกคนพาลรังแกไปในทางกามา ก่อนที่คนพาลนั้นจะโดนธรณีสูบจนต้องไปใช้กรรมในเมืองนรก

    ในกระทู้นี้จะเป็นการเล่าถึงอดีตชาติของพระอุบลวรรณาก่อนหน้าที่จะถือปฏิสนธิในสกุลเศรษฐี ณ กรุงสาวัตถ


    [​IMG]

    ในบุพกาลของพระเถรี
    ได้เป็นภรรยาหน้าตาสะสวยของพ่อค้าร่ำรวยในกรุงสาวัตถี ก่อนหน้าที่สามีผู้เป็นพ่อค้าจะเดินทางไปค้าขายสินค้าที่กรุงราชคฤห์ ตามวิถีทางแห่งพ่อค้า นางผู้เป็นภรรยาก็ได้ตั้งครรภ์อ่อนๆขึ้นมาในรุ่งเช้าวันที่สามีเดินทางออกจากบ้านไปนั่นเองโดยที่นางไม่รู้ตัวว่าได้ตั้งครรภ์เข้าแล้วเมื่อเวลาล่วงไป ครรภ์ของนางก็เติบโต จนแก่เต็มที่
    [​IMG]


    ครั้งนั้นเอง แม่ผัวก็พูดกับนางว่า

    "ลูกชายเราก็จากไปเสียนานแต่เจ้ากลับตั้งครรภ์ เจ้าคงจะไปทำเสื่อมเสียมาละซิ"

    นางก็กล่าวว่า "นอกจากลูกชายของแม่ ข้าพเจ้าก็ไม่รู้จักชายอื่น"

    แม่ผัวฟังแล้วไม่เชื่อซ้ำยังโมโหนางหนักจนขับไล่นางออกจากบ้าน

    เป็นธรรมดาของแม่สามีผู้เคร่งคลัดในสมัยนั่นซึ่งไม่ยอมเชื่อใจลูกสะใภ้

    [​IMG]

    นางก็ออกเดินทางตามหาสามี ไปถึงกรุงราชคฤห์ตามลำดับ ขณะนั้น ลมกัมมัชวาตก็ปั่นป่วน นางก็เข้าไปยังศาลาหลังหนึ่งใกล้ๆ ทางแล้วก็คลอดลูก นางคลอดลูกชายคล้ายรูปทองให้นอนบนศาลาอนาถา แล้วออกไปหาน้ำข้างนอกศาลา

    [​IMG]

    [​IMG]

    ขณะนั้นนายกองเกวียนคนหนึ่ง เป็นคนไม่มีลูกเดินมาทางนั้น คิดว่าทารกของหญิงไม่มีสามี จักเป็นลูกของเรา จึงเอาทารกนั้นมอบไว้ในมือนางนม
    ต่อมา มารดาของทารกนั้น ทำกิจเรื่องน้ำแล้ว กลับมาไม่เห็นลูกก็เศร้าโศกคร่ำครวญจนมีอันล้มเลิก ไม่เข้าไปกรุงราชคฤห์ตามหาสามี แต่เดินทางต่อไปบริเวณนั้นเพื่อตามหาลูก หัวหน้าโจรคนหนึ่ง พบนางในระหว่างทางเกิดจิตปฏิพัทธ์ จึงเอานางทำเป็นภริยาของตน นางอยู่ในเรือนโจรนั้น นานมาก็คลอดลูกหญิงออกมาคนหนึ่ง

    [​IMG]


    [​IMG]


    วันหนึ่ง นางยืนอุ้มลูกหญิงอยู่ทะเลาะกับสามี สามีโจรก็โยนลูกลงบนเตียง ศีรษะของเด็กหญิงแตกหน่อยหนึ่ง
    ทะเลาะกันหนักเข้านางจึงกลัวสามี และไม่อยากอยู่ด้วยอีกต่อไป จึงหนีออกจากบ้านสามีโจรไป โดยที่ทิ้งลูกไว้กับสามีและออกเดินทางเข้ากรุงราชคฤห์ท่องเที่ยวไปตามอำเภอใจ


    [​IMG]

    หลายปีให้หลังนางได้บังเอิญไปพบหนุ่มน้อยคนหนึ่งเข้า แม้อายุจะต่างกันแต่ก็ด้วยในกาลนั้นสตรีจะแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อยราวๆ ๑๖-๑๗ทำให้นางผู้เป็นมารดายังความสวยสะพรั่งไม่สร่าง เด็กหนุ่มจึงได้เอานางทำภรรยาโดยที่ทั้งนางเองและตัวเด็กหนุ่มไม่รู้ว่าทั้งสองเป็นแม่ลูกกัน

    และแล้วก็ผีซ้ำด้ำพลอยให้ด่างพล้อยเข้าไปอีก เด็กหนุ่มใดเล่าจะชื่นชมความงามของสตรีอายุมากกว่าอย่างจริงจัง... ชายหนุ่มได้ตัดสินใจพาลูกสาวหัวหน้าโจรป่าซึ่งอายุน้อยกว่าตนเข้ามาเป็นภรรยาอีกคนยังความช้ำใจให้แก่นางภรรยาเก่าผู้ซึ่งเป็นมารดาบังเกิดเกล้าในขณะเดียวกัน เขาไม่รู้ว่าลูกสาวหัวหน้าโจรนั้นเป็นน้องสาวของตัวเอง

    [​IMG]

    ต่อมาวันหนึ่ง มารดาแก้มวยผมของลูกสาวหรือภรรยาคนที่สองของสามีตน(ลูกชาย) เพื่อหวีผมให้ ก็ตกใจต้องมีอันและช้ำใจเป็นที่สุดเมื่อพบรอยแผลบนศีรษะของสาวน้อยผู้ซึ่งก็เป็นลูกคนนึของนางนั้นเอง ด้วยความสลดใจจึงนึกปลงได้ในวิถีแห่กามกิเลส จึงไปสำนักภิกษุณีแล้วบวช เป็นภิกขุณีตั้งแต่นั้นมา

    ตอน๒

    ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ นางก็บังเกิดเป็นเจ้าหญิงในเรือนสกุล กรุงหังสวดี รู้เดียงสาแล้วก็ไปเฝ้าพระศาสดา พร้อมกับมหาชนฟังธรรม เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศของเหล่าภิกษุณีผู้มีฤทธิ์ จึงถวายมหาทานแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ๗ วันปรารถนาตำแหน่งนั้น นางกระทำกุศลจนตลอดชีวิต ท่องเที่ยวอยู่ในเทวดาและมนุษย์

    [​IMG]

    ครั้งพระกัสสปพุทธเจ้า ก็ถือปฏิสนธิในพระราชมณเฑียรของพระเจ้ากาสี พระนามว่าเจ้าหญิง กิงกี กรุงพาราณสี เป็นพระราชธิดาองค์หนึ่ง ระหว่างพระพี่น้องนาง ๗ พระองค์ คือ นางสมณี นางสมณคุตตา นางภิกขุนี (ภิกขุณี) นางภิกขุทาสิกา นางธัมมา (ธรรมา) นางสุธัมมา (สุธรรมา) และนางสังฆทาสี ครบ ๗

    พระราชธิดาเหล่านั้น ในบัดนี้ [ครั้งพุทธกาลชาติปัจจุบัน] คือพระเขมาเถรี พระอุบลวรรณาเถรี พระปฏาจาราเถรี พระนางกุณฑลเกสีเถรี (พระภัททากุณฑลเกสาเถรี) พระกิสาโคตมีเถรี พระธรรมทินนาเถรี และนางวิสาขา ครบ ๗

    ทรงประพฤติพรหมจรรย์อยู่ถึง ๒๐,๐๐๐ ปี สร้างบริเวณถวายพระภิกษุสงฆ์แล้วบังเกิดในเทวโลก

    ครั้นจุติจากเทวโลกนั้นแล้ว ก็กลับมาสู่มนุษยโลกอีก บังเกิดในสถานที่ของคนทำงานด้วยมือตนเองเลี้ยงชีวิต ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง วันหนึ่งนางกำลังเดินไปกระท่อมกลางนา ระหว่างทางเห็นดอกปทุมบานแต่เช้าตรู่ในสระแห่งหนึ่ง จึงลงสู่สระนั้น เก็บดอกปทุมนั้นและใบปทุม สำหรับใส่ข้าวตอก ตัดรวงข้าวสาลีที่คันนา นั่งในกระท่อม คั่วข้าวตอก จัดวางข้าวตอกไว้ ๕๐๐ ดอก


    ขณะนั้น ที่ภูเขาคันธมาทน์ พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ มายืนไม่ไกลนาง

    ครั้นจุติจากเทวโลกนั้นแล้ว ก็กลับมาสู่มนุษยโลกอีก บังเกิดในสถานที่ของคนทำงานด้วยมือตนเองเลี้ยงชีวิต ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง วันหนึ่งนางกำลังเดินไปกระท่อมกลางนา ระหว่างทางเห็นดอกปทุมบานแต่เช้าตรู่ในสระแห่งหนึ่ง จึงลงสู่สระนั้น เก็บดอกปทุมนั้นและใบปทุม สำหรับใส่ข้าวตอก ตัดรวงข้าวสาลีที่คันนา นั่งในกระท่อม คั่วข้าวตอก จัดวางข้าวตอกไว้ ๕๐๐ ดอก
    ขณะนั้น ที่ภูเขาคันธมาทน์ พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ มายืนไม่ไกลนาง นางเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ก็ถือเอาดอกปทุมพร้อมด้วยข้าวตอกลงจากกระท่อม ใส่ข้าวตอกลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า เอาดอกปทุมปิดบาตรถวาย
    ขณะนั้น เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าไปได้หน่อยหนึ่ง นางก็ปริวิตกว่า ธรรมดานักบวชไม่ต้องการดอกไม้จำเราจะไปถือดอกไม้มาประดับเสียเอง จึงไปถือดอกไม้มาจากมือของพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วก็คิดอีกว่า ถ้าพระผู้เป็นเจ้าไม่ต้องการดอกไม้ ก็จักไม่ให้วางไว้บนบาตร พระผู้เป็นเจ้าคงจักต้องการแน่แท้ จึงไปวางดอกไม้ไว้บนบาตรอีก ขอขมาพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว กระทำความปรารถนาว่า เจ้าพระคุณเจ้าข้า ด้วยผลของข้าวตอกเหล่านี้ของข้าพเจ้า ขอบุตรของข้าพเจ้าจงมีเท่าจำนวนข้าวตอก [๕๐๐] ด้วยผลของดอกปทุม ขอดอกปทุมจงผุดขึ้นทุกๆ ย่างก้าว ในสถานที่ข้าพเจ้าบังเกิดแล้วบังเกิดอีก พระปัจเจกพุทธเจ้าเหาะไปยังภูเขาคันธมาทน์ ทั้งที่นางเห็นอยู่นั่นแล แล้วก็วางดอกปทุมนั้นไว้เป็นเครื่องเช็ดเท้า ใกล้บันไดเหยียบของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย ณ เงื้อมเขานันทมูลกะ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  2. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    [​IMG]

    ด้วยผลของกรรมนั้น แม้นางก็ถือปฏิสนธิในเทวโลก นับแต่นางบังเกิดแล้ว ปทุมดอกใหญ่ ก็ผุดทุกๆ ย่างก้าวของนาง นางจุติจากเทวโลกนั้นแล้ว ก็บังเกิดในดอกบัวในสระปทุมแห่งหนึ่งใกล้เชิงภูเขา ดาบสองค์หนึ่งอาศัยเชิงภูเขานั้นอยู่ ดาบสนั้นไปสระแต่เช้าตรู่ เพื่อล้างหน้า เห็นดอกปทุมนั้น ก็ครุ่นคิดว่าปทุมดอกนี้ใหญ่กว่าดอกอื่นๆ แต่ดอกอื่นๆ บานแล้วดอกนี้ยังตูมอยู่ น่าที่จะมีเหตุในดอกปทุมนั้น จึงลงน้ำจับปทุมดอกนั้น ...พอดาบสนั้นจับเท่านั้นก็บาน ดาบสก็เห็นเด็กหญิงนอนอยู่ภายในห้องดอกปทุม และนับแต่เห็นแล้ว พระดาบสก็เอ็นดูรักใคร่เด็กน้อยประดุจธิดาแท้ๆในไส้ จึงนำไปบรรณศาลาพร้อมกับดอกปทุมให้นอนบนเตียง ลำดับนั้น น้ำนมก็เกิดที่หัวนิ้วแม่มือด้วยบุญญานุภาพของนาง เมื่อปทุมดอกนั้นเหี่ยว ดาบสก็นำปทุมดอกอื่นมาใหม่ให้นางนอน นับตั้งแต่นางสามารถวิ่งมาวิ่งไปได้ ดอกปทุมก็ผุดขึ้นทุกย่างก้าว ผิวพรรณแห่งเรือนร่างของนางก็เหมือนสีทองบัวบก ผิวนางไม่งามเสมอผิวพรรณเทวดา แต่ก็งามล้ำผิวพรรณมนุษย์ เมื่อบิดาผู้เป็นฤาษีเข้าป่าไปหาไปแสวงหาผลาผล นางก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ ณ บรรณศาลา

    [​IMG]

    ต่อมาวันหนึ่ง สมัยนางเจริญวัยแล้ว เมื่อบิดาไปแสวงหาผลาผล พรานป่าผู้หนึ่งพบนางแล้วคิดว่า ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ทั้งหลาย ที่จะมีรูปอย่างนี้ไม่น่ามี หน้าตาผิวพรรณนางงามล่ำมนุษย์ ดังนั้นจำเราจักดูว่านางเป็นมนุษย์หรือไม่ จึงนั่งคอยรอให้ดาบสกลับมา
    เมื่อบิดากลับมา นางก็เดินสวนทางไปรับหาบและคณโฑน้ำ และเมื่อบิดามานั่งแล้ว ก็ปฏิบัติหน้าที่ของตน
    ครั้งนั้น พรานป่านั้นก็รู้ว่านางเป็นมนุษย์ พรานป่านั้นจึงนั่งกราบดาบส
    ดาบสจึงเชื้อเชิญพรานป่านั้น ด้วยเผือกมันผลไม้กับน้ำดื่มแล้วถามว่า พ่อมหาจำเริญ ท่านจักพักอยู่ที่นี้หรือจักไป
    เขาตอบว่า

    "จักไปเจ้าข้า ในที่นี้ จักทำอะไรได้ "

    ดาบสกล่าวว่า เหตุการณ์ที่ท่านเห็นแล้วนี้ ท่านจักไม่พูดในสถานที่ท่านไปแล้วได้ไหม

    เขาตอบว่า "ถ้าพระคุณเจ้าไม่ประสงค์ เหตุไรข้าจึงจะพูดเล่า เจ้าข้า"

    [​IMG]

    พรานป่าไหว้ดาบส แล้วลอบกระทำเครื่องหมายไว้ที่กิ่งไม้และต้นไม้ เพื่อให้เป็นเครื่องหมายให้จำหนทางได้เวลาจะมาอีก แล้วกลับไป.
    พรานป่านั้น ไปกรุงพาราณสีแล้วก็เฝ้าพระราชา

    พระราชาตรัสถามว่า "เจ้ามาทำไม"

    เขากราบทูลว่า "ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระบาทเป็นพรานป่าของพระองค์ พบนางแก้วที่น่าอัศจรรย์ใกล้เชิงเขานางมีรูปโฉมงดงามเหลือ จึงมาเฝ้าพระเจ้าข้า"

    [​IMG]

    แล้วกราบทูลเรื่องถวายทุกประการ ท้าวเธอทรงสดับคำของพรานป่าแล้ว ก็รีบเสด็จไปยังเชิงเขาตั้งค่ายพักพลในที่ไม่ไกลนัก จึงพร้อมด้วยพรานป่ากับเหล่าทหารเสด็จไปที่บรรณศาลานั้น ในเวลาที่ดาบสฉันเสร็จแล้วนั่งพักอยู่ ทรงไหว้ ทรงทำปฏิสันถารแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง พระราชาทรงวางเครื่องบริขารสำหรับบรรพชิตไว้แทบเท้าของดาบสตรัสว่า ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าทำอะไรบางอย่างในที่นี้แล้วก็จักไป
    ดาบสถวายพระพรว่า โปรดแสดงไปเถิดมหาบพิตร
    พระราชาตรัสว่า "ข้าพเจ้าจักไปเจ้าข้า ได้ยินมาว่า บริษัทที่เป็นข้าศึกมีอยู่ใกล้พระคุณเจ้า บริษัทนั้นไม่สมควรแก่บรรพชิตจงไปเสียกับข้าพเจ้าเถิดนะ เจ้าข้า"

    ดาบสทูลว่า "ขึ้นชื่อว่าจิตใจของมนุษย์ ทำให้พอใจได้ยาก นางจะอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากได้อย่างไร"
    พระราชาตรัสว่า "นับตั้งแต่ข้าพเจ้าชอบใจนาง ข้าพเจ้าก็อาจจะตั้งนางไว้ในตำแหน่งสูงสุดของผู้คนทั้งหลาย แล้วทำนุบำรุงนะเจ้าข้า?
    ดาบสสดับพระราชดำรัส จึงเรียกธิดาตามนามที่ตั้งไว้ครั้งยังเล็กว่า ลูกปทุมวดี ด้วยการเรียกครั้งเดียวเท่านั้น นางก็ออกจากบรรณศาลามายืนไหว้บิดา ขณะนั้น บิดาจึงกล่าวกะนางว่า "ลูกเอ๋ย เจ้าก็โตเป็นสาวแล้ว นับแต่พระราชาทรงพบแล้วเจ้าจะอยู่ในที่นี้ ก็จะไม่ผาสุกดอกนะ จงตามเสด็จไปกับพระราชาเสียเถิดนะลูกนะ"

    นางรับคำบิดาว่า "ดีละพ่อท่าน" นางไหว้แล้วก็ยืนร้องไห้อยู่


    ตอน๓
    [​IMG]


    พระราชาทรงดำริว่า จำเราจักยึดจิตใจบิดาของนางไว้ จึงทรงวางกองกหาปณะไว้ที่ตรงนั้นนั่นเอง แล้วทรงทำอภิเษก ท้าวเธอทรงนำนางไปยังพระนครของพระองค์ นับแต่เสด็จกลับมาแล้วก็มิได้ทรงสนพระทัยสตรีอื่นๆ ทรงอภิรมย์อยู่กับนาง

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  3. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    [​IMG]

    เหล่าสตรีอื่นผู้แวดล้อมพระราชานั้นมีปกติริษยาอยู่แล้ว ประสงค์จะทำนางให้แตกกันระหว่างพระราชา จึงพากันเพ็ดทูลอย่างนี้ว่า

    "ข้าแต่พระทูลกระหม่อม สตรีผู้นี้มิใช่มนุษย์ดอกเพคะ ทูลกระหม่อมเคยทอดพระเนตรเห็นดอกปทุมผุดขึ้น ในถิ่นที่มนุษย์สัญจรไปที่ไหนเล่าเพคะ นางผู้นี้ต้องเป็นยักษิณีแน่ขอทูลกระหม่อมโปรดเนรเทศมันไปเสียเถิดเพคะ"
    พระราชาทรงสดับคำของสตรีเหล่านั้น ก็ได้แต่ทรงนิ่งอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงสนใจอะไรเพราะเข้าใจว่าเป็นธรรมดาทรงมีชายาหลายองค์ ย่อมแข่งขันกันชิงดีตามประสาหญิง

    ต่อมา เมืองชายแดนของพระราชาเกิดแข็งเมือง ท้าวเธอทรงพระดำริว่า พระนางปทุมวดีมีพระครรภ์แก่ จึงทรงพักพระนางไว้ในพระนคร แล้วเสด็จไปยังเมืองชายแดน
    ครั้งนั้น สตรีเหล่านั้นจึงให้สินบนแก่หญิงรับใช้ผู้ปรนนิบัติพระนาง สั่งว่า พอทารกของพระนางประสูติออกมา เจ้าจงนำออกไปแล้วเอาเลือดทาไม้ท่อนหนึ่งวางไว้ใกล้ๆ
    ไม่นานนัก พระนางปทุมวดีก็ประสูติ มีพระมหาปทุมกุมารพระองค์เดียวเท่านั้นที่ถือปฏิสนธิในพระครรภ์ ส่วนพระกุมารอีก ๔๙๙ พระองค์ บังเกิดเป็นสังเสทชกำเนิด
    ในเวลาที่พระมหาปทุมกุมาร ประสูติออกจากพระครรภ์ของพระมารดา ขณะนั้น หญิงรับใช้ของพระนางรู้ว่า พระนางยังไม่ได้พระสติ ก็เอาเลือดทาไม้ท่อนหนึ่งแล้ววางไว้ใกล้ ๆ แล้วให้สัญญาณแก่สตรี

    เหล่านั้น สตรีทั้ง ๕๐๐ คน ก็รับพระกุมารไปคนละองค์ส่งไปสำนักช่างกลึง ให้นำกล่องตลับมาใส่พระกุมารที่แต่ละคนรับไว้ ให้บรรทมในกล่องตลับนั้น ตีตราข้างนอกกล่องวางไว้
    ฝ่ายพระนางปทุมวดี รู้สึกพระองค์แล้วรับสั่งถามหญิงรับใช้ว่า

    "เราคลอดแล้วหรือไม่คุณ"

    หญิงรับใช้พูดตะคอกเอากะพระนางว่า

    "พระแม่เจ้าจะได้ทารกมาแต่ไหนเล่า"

    แล้ววางท่อนไม้ทาเลือดไว้เบื้องพระพักตร์ทูลว่า "นี้ทารกที่ประสูติออกจากพระครรภ์ของพระแม่เจ้าละ"
    พระนางทอดพระเนตรเห็นท่อนไม้นั้นก็ทรงโทมนัส ให้ผ่าท่อนไม้นั้นโดยเร็วแล้วตรัสสั่งว่า

    "เจ้าจงนำออกไป ถ้าใครเห็นก็จะอายเขา"
    หญิงรับใช้นั้นรับพระราชเสาวนีย์แล้ว ทำเป็นเหมือนว่าหวังดี ก็ผ่าท่อนไม้ ใส่เข้าไปในเตาไฟ..



    ฝ่ายพระราชาเสด็จกลับจากเมืองชายแดน ทรงนับถือฤกษ์ยาม ตรัสสั่งให้จัดค่ายพักพลประทับอยู่ภายนอกพระนคร ขณะนั้น สตรีเหล่านั้นพากันออกไปรับเสด็จพระราชากราบทูลว่าข้าแต่พระทูลกระหม่อม พระองค์คงไม่ทรงเชื่อพวกข้าพระบาท คำที่พวกข้าพระบาทกราบทูล เป็นเหมือนมิใช่เหตุการณ์ ขอพระองค์โปรดเรียกหญิงรับใช้ของพระมเหสีมาสอบถามสิเพคะ พระเทวีของพระองค์ประสูติเป็นท่อนไม้

    [​IMG]


    พระราชาไม่ทันทรงสอบสวนเหตุการณ์นั้น เข้าพระทัยว่าผู้นี้เห็นจะไม่ใช่ชาติมนุษย์แน่ จึงทรงขับไล่พระนางออกไปจากพระราชมณเฑียร พร้อมกับพระนางเสด็จออกจากพระราชมณเฑียร ดอกปทุมก็หายไป แม้แต่พระฉวีวรรณแห่งพระสรีระก็เผือดลงไป พระนางลำพังพระองค์ เสด็จดำเนินไประหว่างถนน

    พระนางลำพังพระองค์ เสด็จดำเนินไประหว่างถนน

    ขณะนั้นหญิงวัยแก่ผู้มีเมตตาผู้หนึ่ง และด้วยบุญกุศที่พระนางเคยสร้างมาหญิงชราก็ให้รู้สึกเอ็นดูรักพระนางประดุจว่าลูกสาวตน จึงถามว่า

    [​IMG]

    "ลูกเอ๋ย เจ้าจะไปไหนเล่า"

    พระนางตรัสตอบว่า "ดิฉันเป็นคนจรมา กำลังเดินตรวจหาที่อยู่จ้ะ"

    หญิงแก่กล่าวว่า "มาที่นี้สิลูก" แล้วพาพระนางไปที่อยู่ จัดแจงอาหารเลี้ยง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2011
  4. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    เมื่อพระนางประทับอยู่ ณ ที่นั้น โดยทำนองนี้นั่นแลสตรี ๕๐๐ คนนั้น ก็ร่วมใจกันกราบทูลพระราชาว่า ข้าแต่พระทูลกระหม่อม เมื่อพระองค์เสด็จพักค่ายอยู่ ข้าพระบาทมีความปรารถนาว่า เมื่อพระทูลกระหม่อมของพวกข้าพระบาท ชนะสงครามเสด็จกลับมา พวกข้าพระบาทจักทำพลีกรรมบวงสรวงเล่นกีฬาทางน้ำถวายแก่เทวดาแม่พระคงคา ขอพระทูลกระหม่อมโปรดประกาศความข้อนี้ด้วยเพคะ
    [​IMG]

    พระราชาทรงยินดีตามคำของสตรีเหล่านั้น ได้เสด็จไปเพื่อทรงเล่นกีฬาทางน้ำ ณ แม่พระคงคา สตรีเหล่านั้นต่างถือกล่องตลับ ที่แต่ละคนรับไว้อย่างปกปิด พากันไปยังแม่น้ำ คลุมผ้าไว้เพื่อปกปิดกล่องตลับเหล่านั้น กระโดดลงน้ำปล่อยกล่องตลับไป กล่องตลับเหล่านั้นไปพร้อมกันติดอยู่ที่ตาข่ายซึ่งเขาคลี่ไว้ใต้กระแสน้ำทั้งหมด

    จากนั้น เวลาที่พระราชาทรงกีฬาทางน้ำเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากน้ำ พวกราชบุรุษ ก็ยกตาข่ายขึ้นเห็นกล่องตลับเหล่านั้นก็นำมาถวายพระราชา

    พระราชาทรงตรวจดูกล่องตลับ ตรัสถามว่า

    "พ่อเอ๋ย อะไรอยู่ในกล่องตลับ"

    ราชบุรุษกราบทูลว่า "ไม่ทราบเกล้า พระเจ้าข้า"

    ท้าวเธอโปรดให้เปิดกล่องเหล่านั้นตรวจดู ทรงให้เปิดกล่องตลับของพระมหาปทุมกุมารเป็นกล่องแรก

    ตั้งแต่วันที่เขาให้พระกุมารเหล่านั้นทุกพระองค์บรรทมในกล่องตลับ น้ำนมก็บังเกิดที่หัวพระองคุลีของพระกุมารทุกพระองค์อันเกิดจากบุญฤทธิ์ ท้าวสักกเทวราชโปรดให้จารึกพระอักษรไว้ภายในกล่องตลับ เพื่อให้พระราชานั้นหมดสงสัยว่า พระกุมารเหล่านั้นบังเกิดในพระครรภ์ของพระนางปทุมวดีเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าพาราณสี ครั้งนั้นสตรี ๕๐๐ คน เป็นศัตรูของพระนางปทุมวดี ใส่พระกุมารเหล่านั้นลงในกล่องตลับแล้วโยนลงน้ำ ขอพระราชาโปรดทรงทราบเหตุการณ์นี้

    พระราชาครั้นพอเปิดกล่องตลับ พบพระกุมาร และทรงอ่านอักษร เมื่อทรงทราบความโดยตลอดแล้วก็ทรงยกพระมหาปทุมกุมารขึ้น รับสั่งให้รีบเร่งเทียมรถ ตรัสสั่งว่า

    "พวกเจ้าจงจัดม้า วันนี้ เราจักเข้าไปภายในพระนคร จะกระทำให้สะใจสำหรับผู้หญิงบางจำพวก"

    แล้วเสด็จขึ้นพระมหาปราสาทวางถุงทรัพย์พันกหาปณะบนคอช้าง โปรดให้ตีกลองร้องป่าวไปในพระนครว่า ผู้ใดพบพระนางปทุมวดี ผู้นั้นจงรับทรัพย์พันกหาปณะนี้ไป

    พระนางปทุมวดี สดับคำประกาศนั้นแล้วได้ให้สัญญาณแก่มารดาบุญธรรมว่า

    "แม่จ๋า จงรับถุงทรัพย์พันกหาปณะจากคอช้างสิจ๊ะ"

    มารดากล่าวว่า "แม่รับทรัพย์เช่นนั้นไม่ได้ดอกจ้ะ"

    แม้มารดาเมื่อถูกพระนางบอกครั้งที่สอง ครั้งที่สาม จึงถามว่า "ลูกเอ๋ย แม่จะพูดว่าอย่างไรเล่า จึงจะรับทรัพย์ได้"

    พระนางจึงตรัสว่า "ลูกสาวฉันเขาพบพระนางปทุมวดีจ้ะ" แล้วรับเอา

    มารดาคิดว่า เรื่องนั้นจะจริงหรือไม่ก็ช่างเถิด แล้วก็ไปรับเอาถุงทรัพย์พันกหาปณะ

    ครั้งนั้น ผู้คนทั้งหลายถามนางว่า "แม่พบพระนางปทุมวดีหรือจ้ะแม่"

    "นางกล่าวว่าฉันไม่พบดอกจ้ะ ลูกสาวฉันเขาว่า เขาพบจ้ะ"

    ผู้คนเหล่านั้นก็ให้นางพาไปพบลูกสาว หญิงแก่นั้นก็พาชนเหล่านั้นไปยังที่อยู่ของนาง เมื่อผู้คนเหล่านั้นไปถึงเห็นพระนางปทุมวดีได้ ก็หมอบลงแทบเท้าทั้งสอง เวลานั้นหญิงแก่นั้นจึงรู้ว่า ผู้นี้คือพระนางปทุมวดีเทวี จึงกล่าวว่า ข้อที่พระมเหสีของพระราชา อยู่อย่างปราศจากการอารักขาเช่นนี้ เป็นกรรมที่ทำอย่างหนักสำหรับสตรีหนอ

    ราชบุรุษเหล่านั้น ให้ทำความสะอาดที่ประทับอยู่ของพระนางปทุมวดีแล้ว ล้อมไว้ด้วยม่าน ตั้งกองอารักขาไว้ที่ประตู แล้วกลับไปกราบทูลพระราชา พระราชาทรงส่งพระวอทองไป พระนางปทุมวดีรับสั่งว่า

    หม่อมฉันจักไม่ไปโดยวิธีอย่างนี้ ขอได้ทรงโปรดให้ลาดเครื่องอันวิจิตรด้วยผ้าเปลือกไม้อย่างดี ในระหว่างตั้งแต่ที่อยู่ของหม่อมฉันไปจนถึงกรุงราชคฤห์ ให้ติดเพดานผ้าอันวิจิตรด้วยดาวทองไว้ข้างบน เมื่อเครื่องอลังการทุกอย่างที่โปรดส่งมาเพื่อประดับ ประดับตกแต่แล้ว หม่อมฉันจักเดินไปด้วยเท้า ชาวพระนครจักเห็นสมบัติของหม่อมฉัน ด้วยวิธีอย่างนี้

    [​IMG]

    พระราชารับสั่งว่าพวกเจ้าจงทำให้ต้องพระทัยของพระนางปทุมวดีเถิด

    ลำดับนั้น พระนางปทุมวดีทรงประดับเครื่องประดับทุกอย่างแล้ว ทรงพระดำริจักเสด็จไปพระราชนิเวศน์ ก็เริ่มเดินทาง

    ครั้งนั้น ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดชำแรกเครื่องลาดอันวิจิตรด้วยผ้าเปลือกไม้อย่างดี ในที่ๆ พระนางย่างพระบาทเหยียบไปๆ พระนางครั้นทรงแสดงสมบัติของพระองค์แก่มหาชน แล้วก็เสด็จขึ้นพระราชนิเวศน์ ให้พระราชทานเครื่องลาดอันวิจิตรด้วยผ้าเหล่านั้นทั้งหมดแก่หญิงแก่นั้นเป็นค่าเลี้ยงดู

    ฝ่ายพระราชารับสั่งให้เรียกสตรี ๕๐๐ คนนั้นมาแล้วตรัสว่า

    "ดูก่อนพระเทวี เราให้ผู้หญิงเหล่านี้เป็นทาสีของเจ้า"


    พระนางทูลว่า "ดีละเพคะทูลกระหม่อม ขอได้โปรดให้ประกาศไปทั่วพระนครว่า พระราชทานหญิงเหล่านี้ให้เป็นสิทธิ์แก่หม่อมฉันแล้ว"

    พระราชาก็ให้ตีกลองป่าวประกาศว่า หญิง ๕๐๐ คน ที่เป็นศัตรูของพระนางปทุมวดี

    "เราได้มอบให้เป็นทาสีของพระนางแล้ว"

    พระนางทรงทราบว่า ทั่วพระนครต่างกำหนดรู้ว่า หญิงเหล่านั้นเป็นทาสีกันแล้ว จึงกราบทูลถามพระราชาว่า

    "ทูลกระหม่อมเพคะ หม่อมฉันจะทำทาสีของหม่อมฉันให้เป็นไทแก่ตัวได้ไหมเพคะ"

    พระราชารับสั่งว่า

    "เทวี เจ้าปรารถนาก็ได้สิ"

    พระนางจึงทูลว่า

    " เมื่อเป็นดังนั้น ขอได้โปรดให้ตีกลองป่าวประกาศอีกว่า หญิง ๕๐๐ คน ที่ทรงให้ตีกลองป่าวประกาศพระราชทานให้เป็นทาสีของปทุมวดี ได้ทรงทำให้เป็นไทหมดทุกคนแล้ว"

    เมื่อพระราชาทรงทำหญิงเหล่านั้นให้เป็นไทแล้ว พระนางก็ทรงมอบพระราชโอรส ๔๙๙ พระองค์ไว้ในมือสตรีเหล่านั้นเพื่อให้เลี้ยงดู พระมหาปทุมราชกุมารพระองค์เดียว ทรงรับเลี้ยงดูด้วยพระองค์เอง

    [​IMG]

    อยู่ต่อมา เมื่อพระราชกุมารเหล่านั้น ถึงวัยเล่น พระราชาก็โปรดให้สร้างสถานที่เล่นนานาชนิดไว้ในพระราชอุทยาน คราวมีพระชันษาได้ ๑๖ พรรษา พระราชกุมารเหล่านั้น ทุกพระองค์พร้อมพระทัยกัน ทรงเล่นในสระมงคลโบกขรณีที่ดาดาษด้วยดอกปทุม ในพระราชอุทยาน ทอดพระเนตรเห็นดอกปทุมใหม่บานและดอกปทุมเก่าร่วงหล่นจากขั้ว ทรงดำริว่า

    "ชรานี้ยังมาถึงอนุปาทินนกสังขารที่ไม่มีวิญญาณครองนี้หนอ จะป่วยกล่าวไปไยว่า ชราจะไม่มาถึงสรีระของพวกเราเล่า แม้สรีระนี้ก็คงจักมีคติอย่างนี้เหมือนกัน"

    ทรงยึดถือให้เป็นอารมณ์แล้ว ก็บังเกิดพระปัจเจกโพธิญาณทุกพระองค์ เสด็จลุกขึ้นประทับนั่งขัดสมาธิ ณ กลีบดอกปทุมทั้งหลาย

    ลำดับนั้น พวกราชบุรุษที่ตามเสด็จไปกับพระราชกุมารเหล่านั้น รู้ว่าวันเวลาล่วงไปมากแล้วจึงทูลว่า พระลูกเจ้าพระเจ้าข้า ขอทรงโปรดทราบเวลาของพระองค์เถิด

    พระราชกุมารเหล่านั้นก็ทรงนิ่ง

    พวกราชบุรุษจึงไปกราบทูลพระราชาว่า

    "ข้าแต่สมมติเทพ พระราชกุมารทั้งหลาย ประทับนั่งเหนือกลีบปทุมทั้งหลาย เมื่อพวกข้าพระบาททูลก็ไม่ยอมเปล่งพระวาจาเลยพระเจ้าข้า"

    พระราชารับสั่งว่า "พวกเจ้าจงให้พระราชกุมารเหล่านั้นประทับนั่งตามความพอพระทัยเถิด"

    พระราชกุมารเหล่านั้น ได้รับอารักขาตลอดคืนยังรุ่ง จนอรุณขึ้นก็ยังคงประทับนั่งเหนือกลีบดอกปทุมอยู่อย่างนั้น

    พวกราชบุรุษเข้าเฝ้าวันรุ่งขึ้นทูลว่า

    "ข้าแต่เทวะ ขอโปรดทรงทราบเวลาเถิด พระเจ้าข้า

    พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายรับสั่งว่า พวกเราไม่ได้เป็นเทวะ พวกเราชื่อว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าต่างหากเล่า"

    พวกราชบุรุษทูลว่า

    "ข้าแต่พระลูกเจ้า พระองค์ตรัสคำหนัก ธรรมดาว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่เป็นอย่างที่พระองค์ดอก พระเจ้าข้า พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นต้องทรงผมและหนวด ๒ องคุลี ทรงบริขาร ๘ สวมอยู่ที่พระกายสิพระเจ้าข้า"

    พระราชกุมารเหล่านั้นทรงลูบพระเศียรด้วยพระหัตถ์เบื้องขวาทันใดนั้นเอง เพศคฤหัสถ์ก็หายไป บริขาร ๘ ก็สวมที่พระกาย ต่อนั้นก็เหาะไปยังเงื้อมเขาชื่อนันทมูลกะทั้งที่มหาชนเห็นๆ อยู่นั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ธันวาคม 2011
  5. whimsicle

    whimsicle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +36
    ๐ พระนางปทุมวดีเทวีเสด็จทิวงคต

    ฝ่ายพระนางปทุมวดีเทวี ทรงโศกเศร้าพระทัยว่า เรามีบุตรมาก ก็กลายเป็นคนไร้บุตรไปเสียแล้ว ด้วยความเศร้าโศกนั้นเอง ก็เสด็จทิวงคตไปบังเกิดในสถานที่ของคนทำงานด้วยมือตนเองเลี้ยงชีพ ในหมู่บ้านใกล้ประตูกรุงราชคฤห์


    ต่อมามีสามี วันหนึ่งนำข้าวยาคูไปนาเพื่อให้สามี เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์ ในจำนวนบุตรของตนเหล่านั้นเอง กำลังเหาะมาเวลาภิกษาจาร จึงรีบรุดไปบอกสามีว่า
    "นายเจ้าขา ดูพระปัจเจกพุทธเจ้าสิ เรานิมนต์ท่านมาฉันเถิด "

    สามีกล่าวว่า "ธรรมดานกสมณะเหล่านี้ ย่อมสัญจรไปอย่างนี้ แม้ในที่อื่น นกสมณะเหล่านั้น ไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้าดอกจ้ะ"

    พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น ก็ลงมาในที่ไม่ไกล จากที่คนทั้งสองกำลังพูดกัน

    หญิงคนนั้นก็ถวายโภชนะคือ ข้าวสวยและกับส่วนของตนในวันนั้นแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นแล้วนิมนต์ว่า

    พรุ่งนี้ขอท่านทั้ง ๘ องค์ โปรดรับภิกษาหารของข้าพเจ้านะเจ้าคะ

    [​IMG]

    พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า ดีละ ท่านอุบาสิกา สักการะของท่าน ก็จงมีเท่าวันนี้ อาสนะก็จงมีไว้ ๘ ที่ แต่ท่านเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าอื่นๆ มาก ก็พึงทำจิตใจของท่านให้เลื่อมใสไว้นะ

    วันรุ่งขึ้น หญิงคนนั้นก็ปูอาสนะไว้ ๘ ที่ จัดแจงเครื่องสักการสัมมานะไว้สำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์แล้วก็นั่งคอย

    พระปัจเจกพุทธเจ้าที่ได้รับนิมนต์ ก็ให้สัญญาแก่พระปัจเจกพุทธเจ้าอื่นๆ ว่า ท่านผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย วันนี้ ท่านทั้งหลายอย่าไปที่อื่น ทั้งหมดจงช่วยกันทำการสงเคราะห์มารดาของท่านเถิด

    [​IMG]

    พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นฟังคำของพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์นั้นแล้วร่วมใจกันทุกองค์ เหาะไปปรากฏองค์อยู่ใกล้ประตูเรือนของมารดา แม้นางเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามากองค์ ก็ไม่หวั่นไหว เพราะได้สัญญามาก่อนแล้ว ก็นิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นทุกองค์เข้าไปยังเรือนให้นั่งเหนืออาสนะ เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นนั่งตามลำดับ องค์ที่ ๙ ก็เนรมิตอีก ๘ อาสนะ ตนเองก็นั่งอาสนะใกล้ เรือนก็ขยายออกไปเท่ากับจำนวนอาสนะที่เพิ่มขึ้น

    เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมดนั่งเรียบร้อยแล้วอย่างนี้ หญิงนั้นก็ถวายสักการะที่ตนจัดแจงสำหรับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ องค์ จนเพียงพอแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ แล้วนำดอกอุบลขาบ ๘ กำ มาวางไว้แทบเท้าพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ตนนิมนต์มาเท่านั้น กล่าวทำความปรารถนาว่า พระคุณเจ้าข้า ขอวรรณะแห่งสรีระของข้าพเจ้า จงเป็นเหมือนวรรณะข้างในของดอกอุบลขาบเหล่านี้ ในสถานที่ข้าพเจ้าเกิดแล้วเกิดเล่าด้วยนะเจ้าคะ

    พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย กระทำอนุโมทนาแก่มารดาแล้ว ก็พากันไปยังภูเขาคันธมาทน์.

    แม้นางก็กระทำกุศลจนตลอดชีวิต จุติจากมนุษยโลก แล้วก็บังเกิดในเทวโลก ในพุทธุปบาทกาลนี้ ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น

    [​IMG]
     
  6. อุตฺตโม

    อุตฺตโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,688
    ค่าพลัง:
    +1,909
    ............อนุโมทนาสาธุ..ขอให้ท่านเจริญยิ่ง ๆขึ้นไปทั้งทางโลกในทาง

    ที่ชอบ...และทางธรรม..ขอให้บารมีเต็มเปี่ยมโดยพลัน...สาธุครับ.........
     
  7. นางสาวอยู่จ้ะ

    นางสาวอยู่จ้ะ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +3,865
    อนุโมทนาค่ะ ขอบคุณนะคะ อยากรู้มานานแล้ว
    รูปประกอบสวยมากๆเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...