บุพกรรมที่ทำให้สัตว์โลกแตกต่างกัน

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lady_Yuna, 26 สิงหาคม 2014.

  1. Lady_Yuna

    Lady_Yuna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +359
    <CENTER>[​IMG]</CENTER> <CENTER></CENTER> <CENTER></CENTER> <CENTER></CENTER> <CENTER></CENTER> <CENTER>.</CENTER> <CENTER>.</CENTER> <CENTER>วัฏสงสาร หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ ของสัตว์โลก ด้วยอำนาจของกิเลส กรรม และวิบาก หมุนวนไปตามภพภูมิต่างๆ ๓๑ ภูมิ แบ่งเป็น</CENTER>
    ๑.โลกเบื้องต่ำ ๔ ภูมิ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน
    ๒.โลกเบื้องกลาง ๗ ภูมิ ได้แก่ มนุษย์โลก ๑ และเทวภูมิ ๖
    ๓.โลกเบื้องสูง ๒๐ ภูมิ ได้แก่ รูปพรหม ๑๖ อรูปพรหม ๔

    ในอันดับแรกนี้จะนำสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดมานำเสนอก่อน คือ มนุษย์โลก

    สัตว์ที่มาเกิดในโลกมนุษย์มี ๔ จำพวกคือ
    ๑.ผู้มืดมา แล้วมืดไป
    เป็นบุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ ยากจน ขัดสน ลำบาก ฝืดเคืองอย่างมากในการหาเลี้ยงชีพ มีปัจจัย ๔ อย่างหยาบ เช่น อาหารน้อย เครื่องนุ่งห่มเก่า ร่างกายมอซอ หม่นหมอง หรือเกิดมาพิการหูหนวก ตาบอด อัตคัดในเรื่องที่อยู่อาศัย เช่น อยู่ในสลัม เมื่อเกิดมาในสภาพนั้นแล้ว กลับประพฤติตนผิดศีลผิดธรรม เมื่อตายไปย่อม เข้าถึงแดนอบายภูมิ มีนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น

    ๒.ผู้มืดมา แล้วสว่างไป
    เป็นบุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ ยากจน ขัดสน ลำบาก ฝืดเคืองในการหาเลี้ยงชีพฯ แต่เขาเป็นคนมีศรัทธา ทำทานตามกำลัง มีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงแดนสุคติโลกสวรรค์ พรหม นิพพาน ตามกำลังวาสนาบารมี
    ๓.ผู้สว่างมา และมืดไป
    เป็นบุคคลที่เกิดในตระกูลสูง เป็นคนมีฐานะร่ำรวย มีโภคสมบัติมาก มีรูปร่างหน้าตาดี แต่กลับเป็นคนไม่มีศรัทธา ตระหนี่ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ มีใจหยาบช้า มักโกรธ ผิดศีลผิดธรรม เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงทุคติอบายภูมิ มีนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น
    ๔.ผู้สว่างมา และสว่างไป
    เป็นบุคคลที่เกิดในตระกูลสูง มีฐานะร่ำรวย มีโภคสมบัติมาก มีรูปร่างหน้าตาดี มีศรัทธาเลื่อมใสในพระศาสนา มีจิตเมตตา กรุณา ชอบทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ พรหม นิพพาน ตามกำลังวาสนาบารมี

    บุพกรรม คือ กรรมที่ทำไว้ในกาลก่อน ส่งผลให้เกิดความแตกต่างกัน ของบุคคลที่เกิดมาในโลกมนุษย์ เหตุหลักก็มาจาก บุญกริยาวัตถุ ๑๐ สรุปก็คือ ทาน ศีล ภาวนา

    เนื่องจากเรื่องกรรมเป็นสิ่งที่ละเอียดซับซ้อนมาก จึงขอสรุปโดยย่อดังนี้ :
    ผู้ที่เคยให้ทานมาในอดีต
    เกิดมาก็จะเป็นคนมีฐานะดี ไม่ขัดสน มีความเป็นอยู่ อย่างสุขสบาย บางคนรวยมาก บางคนก็รวยน้อย บางคนก็พอมีพอกินไม่เดือดร้อน ขึ้นอยู่กับทานบารมีที่ทำไว้ในอดีต

    ผู้ที่เคยรักษาศีลมาในอดีต
    เกิดมาจะเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี มีอายุยืนยาว โรคภัยไข้เจ็บน้อย มีทรัพย์สมบัติก็ปลอดภัยจากโจรภัย อัคคีภัย วาตะภัย อุทกภัย มีเพศที่สมบูรณ์ ลูกหลานบริวารเคารพเชื่อฟัง พูดจาอะไรก็มีคนเชื่อถือ และมีสติ สัมปชัญญะเป็นปกติ

    ผู้ที่เคยเจริญสมาธิภาวนามาในอดีต
    จะเป็นคนที่ฉลาด พูดคิดและทำอะไร ก็เป็นคนมีเหตุมีผล อ่อนน้อมถ่อมตน มีเมตตา สนใจในการปฏิบัติธรรม และเป็นสัมมาทิฐิ มีความเชื่อในเรื่องของกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เชื่อในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ว่าสวรรค์ นรก เป็นสิ่งที่มีจริง มุ่งมั่นทำความดี บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เมื่อตายไปก็จะไปสู่แดนสุคติภูมิ มีสวรรค์ พรหม และพระนิพพาน เป็นที่ไป

    บุพกรรมของคนที่ไม่ให้ทานไว้ในอดีต
    เกิดมาก็จะเป็นคนยากจน ขัดสนในชีวิต จะกินจะอยู่ด้วยความยากลำบาก บางคนบ้านก็ไม่มีจะอยู่ ต้องไปขอทานกินก็มี

    คนที่เคยละเมิดศีลในอดีต
    เกิดมาจะเป็นคนอายุสั้น เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เสมอ บางคนก็มีร่างกายพิกลพิการ หูหนวก ตาบอด แขนขาด ขาขาด ฯลฯ ทรัพย์สมบัติที่มีก็ถูกโจรภัย อัคคีภัย วาตะภัย อุทกภัยเบียดเบียน ได้รับความทุกข์ความเสียหาย มีเพศไม่สมบูรณ์ ลูกหลานบริวารไม่เชื่อฟัง พูดจาก็ไม่มีใครเชื่อถือ มีสติไม่สมบูรณ์ บางคนถ้าดื่มสุราเมรัยในอดีตไว้มาก เกิดมาก็เป็นโรคปวดหัวบ่อยและบางคนก็เป็นคนวิกลจริต เป็นบ้าต้องเข้าไปรักษาในโรงพยาล ซึ่งมีให้เห็นในปัจจุบันมากมาย

    คนที่ไม่เคยเจริญสมาธิภาวนาในอดีต
    เกิดมามักจะเป็นมิจฉาทิฐิ ขาดปัญญาพิจารณาใคร่ครวญ เป็นคนขาดเหตุผล ไม่เชื่อในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่เชื่อในเรื่องของกฏแห่งกรรม ไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ นรก ว่ามีจริง ก็จะละเมิดศีล ผิดศีล ผิดธรรม เป็นทางไปสู่อบายภูมิ มีแดนนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานเป็นที่ไป

    หมายเหตุ :
    ถ้ามองในสังคมรอบๆ ตัวเราถ้าพิจารณาให้ดีจะมีคนหลากหลายประเภท ให้เราเห็นตามที่กล่าวมานี้ โดยสรุปก็มาจากเหตุปัจจัย หรือกรรมที่เขากระทำไว้ในอดีตและผสมกับกรรมในปัจจุบัน ทำให้แต่ละท่านแต่ละบุคคล ประสบกับความสุข ความทุกข์แตกต่างกันไป สมดังพระพุทธพจน์ที่ทรงตรัสว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

    ที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา

    [​IMG]ร่วมเผยแผ่เรื่องกฎแห่งกรรมเป็นธรรมทาน [​IMG]

    http://www.facebook.com/LawsOfKarma
    .​
     
  2. anakiz

    anakiz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +67
    ขอขอบคุณสำหรับข้อคิดดีดีที่นำมาฝากกันครับ ศูนย์พุทธศรัทธานี่ นับว่ามีเอกสารที่ดีๆมากมายครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...