เรื่องเด่น บุพเพสันนิวาส : มุมมองของพระพุทธศาสนา !

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย อกาลิโก!, 27 มีนาคม 2018.

  1. อกาลิโก!

    อกาลิโก! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    609
    กระทู้เรื่องเด่น:
    531
    ค่าพลัง:
    +3,731
    series-thai-01.jpg


    @ ละครกำลังโปรโมทและพึ่งออกฉายหลายคนให้ความสนใจ "ออเจ้า" คำฮิตใหม่ที่พึ่งเกิดขึ้นเพราะละครเรื่องนี้ผมเลยว่าจะอาศัยเรื่องนี้เป็นเหตุเขียนถึง "บุพพเพสันนิวาส" ในมุมมองของพระพุทธศาสนาดูบ้างว่าจะเหมือนกับที่ละครเขาเล่นกันไหม

    แต่ผมว่าผมไม่ได้พูดถึงละครหรอก เพราะละครเป็นเรื่องของการสะท้อนเรื่องกรรมมากกว่าเรื่องบุพเพสันนิวาสเสียอีก หรือเรื่องบุพเพสันนิวาสนั่นแหละที่เป็นเรื่องกรรม เพราะมีกรรมร่วมกันจึงได้เกิดมาเป็นคู่กัน..หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ คู่เวรคู่กรรมนั่นแหละไม่แตกต่างจากนั้นสักนิด

    @ สำหรับคำว่า "บุพเพสันนิวาส" นี้ มาจากคำว่า ปุพเพ กับคำว่า สันนิวาส

    โดยคำว่า ปุพเพ แปลว่า ก่อน หรือเก่า กับคำว่่า
    สันนิวาส แปลว่า โลกที่สัตว์ทั้งหลายเกิดร่วมกัน หรือการอยู่ร่วมกัน ความอยู่ร่วมกัน
    (พระอุดรคณาธิการ (ชวิน สระคำ), ศ.พิเศษ ดร.จำลอง สารพัดนึก, พจนานุกรม บาลี-ไทย, หน้า ๗๘๙.)
    เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า การเคยอยู่ร่วมกันมาในชาติปางก่อนหรือในอดีตชาติ

    ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าบุพเพสันนิวาสนั้นเป็นเรื่องที่ดีเท่านั้น
    แต่ความจริงเรื่องบุพเพสันนิวาสนนี้ สามารถมองได้เป็น ๒ มุม คือ

    (๑) เชิงบวก คือการได้เกิดมาพบรักกันอีกในชาตินี้เป็นคู่กันแล้วไม่แคล้วกันได้

    (๒) เชิงลบ เป็นมุมที่หลายคนไม่เคยมอง เพราะมัวแต่มองว่าบุพเพสันนิวาสเป็นเรื่องที่ดีเท่านั้นแต่ส่วนที่ไม่ดีก็มีก็คือ การที่คนเรามีเวรมีกรรมกันมาก่อนแล้วก็โชคร้ายที่เกิดมาเจอกันทำให้เป็นคู่เวรคู่กรรมกันมา

    เช่น พระพุทธเจ้ากับพระเทวทัต, ยักขิณีกับหญิงชาวบ้าน, หมีกับไม้สะคร้อเป็นต้น
    ก็เป็นบุพเพสันนิวาสหรือเรียกว่าบุพเพสันนิวาสทั้งนั้นแหละ

    a5b0c3e8aa110496cb948be428b51995.jpg


    แต่คนทั่วไปไม่มองกัน จะมองเฉพาะส่วนที่เป็นมุมมองของความรักหวานแหวว แต่เรื่องอื่นๆ
    ไม่ได้มองกัน ซึ่งความจริงเรื่องของบุพเพสันนิวาส ๒ ลักษณะนั้นก็สามารถที่จะพิจารณาได้จาก

    (๑) การเกิดมาพบกันของคน ๒ คน

    (๒) ผลที่เกิดมาพบกันของคนที่จะมีความแตกต่างกันมาก
    โดยพระพุทธศาสนาได้จัดลักษณะที่เป็นผลของการเกิดมาพบกันแบบบุพเพสันนิวาสนั้น
    ไว้เป็น ๔ กลุ่ม คือ

    ๑. สามีผี (เกิดมาพบและได้) อยู่ร่วมกับภรรยาผี

    ๒. สามีผี (เกิดมาพบและได้) อยู่ร่วมกับภรรยาเทวดา

    ๓. สามีเทวดา (เกิดมาพบและได้) อยู่ร่วมกับภรรยาผี

    ๔. สามีเทวดา (เกิดมาพบและได้) อยู่ร่วมกับภรรยาเทวดา (อง.จตุกกไทย)๒๑/๕๓/..)

    @ เป็นไงครับ"บุพเพสันนิวาส" เห็น ๆ เลยแบบนี้ ซึ่งทั้ง ๔ ข้อนั้นก็สามารถแบ่งได้เป็น

    ๓ ประเภทหลัก ๆ คือ

    ๑. ข้อที่่ (๑) เป็นผลที่เป็นลบ คือ ผีกับผีมาเจอกันแบบผัวเมียพอๆกันดังเขาว่า

    ๒. ข้อที่ (๔) มีผลเป็นบวกเทวดามาอยู่ร่วมกับเทวดาได้ทำบุญทำกุศลกันตลอดไม่เหมือน

    ข้อที่ (๑) กินเหล้าเมายากหยำเปตลอดความชั่วทุกอย่างเห็นดีเห็นงามกันไปหมด

    ๓. ข้อที่ (๒) กับข้อที่ (๓) จัดเป็นประเภทที่มีผลครึ่งๆกลางๆ หมายความว่าถ้าผีกับเทวดาหรือเทวดามาอยู่ร่วมกันเมื่อไหร่ก็มีอันต้องเดือดร้อนหนัก เพราะคนดีกับผียากที่จะอยู่ร่วมกันได้
    มันเป็นเรื่องครึ่งๆ

    ในละครเรื่องนี้ เราสามารถนำหลักการนี้ไปคัดแยกบุพเพสันนิวาสของตัวละครได้นะครับว่าใครจะเกิดมาได้กับใครและเพราะสาเหตุอะไรเป็นต้นซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจในเรื่องธรรมะของพระพุทธศาสนามากขึ้นครับ

    อนึ่งหากว่าใครที่ยังไม่ตายจากชาตินี้ที่เป็นสามีภรรยาอยากไปเกิดเป็นคู่ผัวตัวเมียกันอีก
    จะต้องมีเหตุร่วมกัน ๔ อย่าง คือ

    ๑. สัทธาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา)

    ๒. สีลสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศีล)

    ๓. จาคสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยการเสียสละ)

    ๔. ปัญญาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยปัญญา)

    เมื่อมีศรัทธา มีศีล มีจาคะ คือ การเสียสละและมีปัญญาร่วมกันย่อมสร้างเหตุที่จะไปเกิดเป็นคู่สามีภรรยากันอีกครั้งในชาติหน้าได้ ถ้าไม่เชื่อก็ลองทำตามนี้ดูนะครับ

    @ อนึ่งคำว่าบุพเพสันนิวาสนี้ในมุมหนึ่งก็มีปรากฏในคำว่า บุพเพสันนิวาสานุสติญาน
    คือ ญานหยั่งรู้อดีตชาติตัวเอง และกระบวรการเกิดการตายของสรรพสัตว์หรือญานที่เข้าไปรู้ชาติหรือขันธ์ของตนเองในหนหลังหลายร้อยหลายพันชาติซึ่งผมอธิบายไว้แล้วนะครับซึ่ง
    ไม่เกี่ยวกับละครแต่ความหมายมันพ้องกันเลยนำมาอธิบายให้เข้าใจเท่านั้นเองครับ

    อย่างไรก็ตามละครก็คือละครนะครับอย่าไปมัวนั่งดูละครแล้วลืมตัวอินไปกับละครจนต้องมาโศกเศร้าเอง เพราะนั่นมันเข้าสูตร "กินข้าวบ้านตัวเองแต่ไปทุกข์กับเรื่องของคนอื่น" ผมว่ามันไม่เข้าท่าเลยสักนิด...

    ขอบคุณ :
    ดร.อธิเทพ ผาทา
    จุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัย


    --------------
    ขอบคุณที่มา
    https://www.winnews.tv/news/22899
     

แชร์หน้านี้

Loading...