///วัตถุมงคล/เครื่องราง...เริ่มหน้า 72..//

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 20 มกราคม 2018.

  1. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่845 หลวงปู่ทวดพิมพ์รูปไข่ เนื้อว่านดำ หลวงพ่อสมนึก วัดหรงบน ปี 48
    หลวงพ่อสมนึกได้สร้างพระหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแจกให้กับทหาร 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารข้าราชการและประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เนื่องจากหลวงปู่ทวดเป็นที่รู้จักและเคารพนับถือกันอยู่แล้ว

    หลวงปู่ทวดรุ่นนี้สร้าง 3 เนื้อด้วยกันคือ 1.เนื้อว่านดำ 2.เนื้อว่านแดง 3.เนื้อว่านขาว
    มี 11 พิมพ์ แบ่งออกเป็นพิมพ์ใหญ่ 5 พิมพ์ พิมพ์เล็ก 5 พิมพ์และพิมพ์กรรมการรวมแล้วทั้งหมด 11 พิมพ์ เช่น
    1.พิมพ์กรรมการ
    2.พิมพ์เตารีด
    3.พิมพ์สี่เหลี่ยม
    4.พิมพ์จันทร์ลอย
    5.พิมพ์รูปไข่
    6.พิมพ์หยดน้ำ

    ปิดครับ
    IMG_20181104_064241.jpg IMG_20181104_064225.jpg 4-U1544495-635036963004286476-1.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2019
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ////สวัสดีครับ ขอแจ้งการบูชาครบ 1200 บาท/////
    แถม ***สมเด็จปรกโพธิ์ หลังพระแม่ธรณี เนื้อว่าน 108 ผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ และผงอิทธิเจ +ปถมัง ของหลวงปู่พรหมมา อธิษฐานจิตโดย หลวงปู่ทิม, หลวงปู่พรหมมา, หลวงปู่เคน, หลวงพ่อไสว, หลวงพ่อพูล, หลวงพ่อหงษ์ ...1 องค์ครับ**** ปิดครับ
    IMG_20181002_210857.jpg IMG_20181002_210846.jpg IMG_20181002_210533.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2018
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่846 พระสมเด็จ หลวงพ่อเฮ็น สิริวํโส วัดดอนทอง จ.สระบุรี ปี ๒๕๓๘ รุ่นราหูอมสุริยะ อดีตพระเกจิอาจารย์ผู้เข้มขลังอีกรูปหนึ่งของจังหวัดสระบุรี
    ***เสกเดี่ยวในวันที่เกิดสุริยุปราคา ท่านเป็นเกจิสายเขมรที่เข้มขลังลูกศิษย์ท่านแขวนตะกรุดเพียงดอกเดียวโดนฟ้าผ่าไม่ตาย รุ่นนี้บูชาแล้วช่วยเสริมดวงชะตา
    "หลวงพ่อเฮ็น สิริวังโส" หรือ พระครูอรรถธรรมาทร วัดดอนทอง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี เป็นพระเถราจารย์มีเชื้อสายเขมร ที่มีวิทยาคมแก่กล้ารูปหนึ่ง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาจากสาธุชนและคณะศิษยานุศิษย์อย่างยิ่ง

    อัตโนประวัติ หลวงพ่อเฮ็น เกิดในสกุล ศิริวงษ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับปีกุน ที่หมู่บ้านจางคาง เมืองปาดวง กำปงธม ซึ่งเป็นเมืองชายแดนขึ้นอยู่กับไทย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ประเทศไทยเสียดินแดนแถบนั้นไป โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอยู่และนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาอยู่หมู่บ้านจางคาง

    เมื่ออายุครบ 20 ปี ตรงกับ พ.ศ.2474 ได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดพรรณราย เมืองกำพงธม มีหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณราย เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์กุ่ย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์หมั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า สิริวังโส

    หลังอุปสมบท ได้ศึกษาพุทธาคมและพระธรรมวินัยและไสยาคมกับหลวงพ่อแก้ว เมื่อเรียนวิชาจนสำเร็จแล้ว ท่านได้ออกธุดงค์มายังเมืองไทย

    ระหว่างการเดินธุดงค์ตามป่าเขา ได้พบพระธุดงค์ด้วยกันหลายรูป จึงแลกเปลี่ยนวิชากัน อาทิ หลวงปู่สอน วัดเสิงสาง จ.นครราชสีมา, พระอาจารย์ต่วน วัดกล้วย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นต้น

    หลวงพ่อเฮ็น เคยปรารภว่า ได้ออกท่องธุดงค์รอนแรมตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติวิปัสสนาระหว่างทางในป่าเขาให้ถ้ำบ้าง ขุนเขาบ้างเป็นที่พำนัก รักษาศีล และเจริญวิปัสสนา ได้พบกับความยากลำบากต่างๆ นานา พบกับภัยธรรมชาติก็อาศัยสรรพวิชาที่ได้ร่ำเรียนมากับอาจารย์สามารถปัดเป่าไปได้ ระหว่างทางพบกับความลี้ลับมหัศจรรย์มากมาย

    "สมัยเมื่อ 40-50 ปีที่แล้ว ระหว่างชายแดนด้านประเทศเขมร มีแต่ป่าดงดิบทั้งนั้น ใครไม่แน่จริง เดินเข้าไปก็ไม่สามารถออกมาได้ กลายเป็นผีเฝ้าป่าไปเท่านั้น"

    หลวงพ่อเฮ็น เล่าว่า ในป่าดงดิบแถบนั้น การเอาตัวรอดจากภัยธรรมชาติ เป็นเรื่องมิใช่ง่าย นอกจากต้องมีพลังจิตกล้าแข็งแล้ว การผจญกับสัตว์ป่านานาชนิด บางครั้งต้องใช้วิชาไสยศาสตร์แก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าไปด้วย

    ท่านใช้เวลาธุดงค์ยาวนานหลายปีวนเวียนอยู่ในป่าเขา จนการปฏิบัติวิปัสสนาก้าวหน้ากล้าแข็งดีแล้ว จึงธุดงค์เข้ามาในเขตประเทศไทย ได้พบพระคณาจารย์ต่างๆ ของไทยหลายรูปที่ธุดงควัตรอยู่ในป่า ได้ศึกษาสนทนาธรรมแลกเปลี่ยนกัน และธุดงค์เรื่อยเข้ามาผ่านเข้ามาทาง ทุ่งนาบ้าง บ้านคนบ้าง จนกระทั่งถึงเมืองสระบุรี ท่านเดินทางไปถึงบ้านดงตะงาว กิ่งอำเภอดอนพุด ได้พบวัดดอนทอง เห็นเป็นวัดที่มีความสงบวิเวกดี มีบ้านเรือนชาวบ้านอยู่ไม่มากนัก

    จากนั้นจึงได้อยู่จำพรรษาที่ "วัดดอนทอง" เมื่อปี พ.ศ.2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพ ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา

    พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ "พระครูอรรถธรรมทร"

    ในชีวิตหลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ท่านจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

    กล่าวกันว่า ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ หลวงพ่อเฮ็นนั้น มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง โดยเฉพาะในทางเมตตามหานิยมเป็นเลิศ มีกิตติคุณกว้างไกล ท่านสร้างขึ้นตามตำรับโบราณ ด้วยพุทธาคมและพลังจิตอันกล้าแข็ง ด้วยได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อแก้ว แห่งวัดพรรณราย

    หลวงพ่อเฮ็น เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านดอนทองอย่างยิ่ง แม้กระทั่งทหารนักรบที่อาสาไปรบในสงครามเวียดนาม ต่างมาขอวัตถุมงคลจากท่าน เพื่อคุ้มครองป้องกันภยันตราย

    หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี
    แม้วันนี้หลวงพ่อเฮ็นจะละสังขารไปนานแล้ว แต่คุณงามความดียังคงปรากฏอยู่สืบไป

    ปิดครับ
    IMG_20181104_133924.jpg IMG_20181104_133915.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2019
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่847 พระผงพระพุทโธน้อย ปี 2553 วัดอาวุธฯ (ผสมผงเก่าแม่ชีบุญเรือน)
    พระพุทโธน้อย ปี 2553 จัดสร้างโดยวัดอาวุธวิกสิตาราม ด้วยการนำมวลสารพระพุทโธน้อยยุคแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติมที่จัดสร้างเมื่อปี 2494 และพระมงคลมหาลาภ ปี 2499 มาเป็นส่วนผสมจำนวนมากและใช้พิมพ์เก่ามาเป็นต้นแบบ และประกอบพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ เกจินั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก อาทิ หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน, หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว, หลวงพ่อรวย วัดตะโก พร้อมด้วยพระสายกรรมฐานทั่วประเทศ อาทิ หลวงปู่บุญหนา วัดป่าโสตถิผล จ.สกลนคร หลวงปู่บุญพิน หลวงปู่วงศ์ หลวงปู่แปลง วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร พระครูอุดมญาณโสภณ วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม จ.สกลนคร หลวงพ่อวงศ์ สภาจาโร วัดป่าคำพระองค์ จ.หนองคาย พระอาจารย์เฉลิม วัดป่าภูแปลก จ.เลย พระอาจารย์วิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย เป็นต้นครับ พระพุทโธน้อยไม่ว่าจะเป็นรุ่นแรกหรือรุ่นปี 2553 พุทธคุณไม่แตกต่างกันเด่นด้านโชคลาภ สำเร็จทุกประการตามที่หวัง เมตตามหานิยม แคล้วคลาด

    ***พระพุทโธน้อย ปี 2553
    คุณแม่บุญเรือนท่านอฐิษฐานไว้ว่าพระพุทธโธน้อย
    ถ้ามีชิ้นส่วนของดินมวลสารเก่าของท่านผสมอยู่ต่อให้
    นำไปสร้างใหม่ก็มีความศักดิ์สิทธิ์เหมือนที่คุณแม่สร้างไว้ทุกประการ ดั่ง คำพูดที่แม่ชีบุญเรือน ได้เอ่ย ว่า


    "ฉันอธิษฐานพระให้เพียงหนเดียวเท่านั้น
    และพระฉันถึงแตกหักอย่างไร
    เมื่อนำมาบดแล้วสร้างใหม่ก็ยังคงศักดิ์สิทธิ์เหมือนเดิมเช่นที่ฉันอธิษฐานให้"

    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181106_223454.jpg IMG_20181106_223446.jpg IMG_20181106_223629.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2018
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่848 พระสมเด็จพิมพ์เกศบัวตูม เนื้อผงกระเบื้องเก่า155ปี องค์พระปฐมเจดีย์
    พิธีมหาพุทธาภิเษกเมื่อ 26 ตุลาคม 2552 โดยระดมพระเกจิอาจารย์ อาทิ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม, หลวงพ่อสุข วัดเขาตะเครา, หลวงพ่ออิฐ วัดจุฬามณี, หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม, หลวงพ่ออุเทน วัดท่าไม้, หลวงพ่ออิ๊บ วัดท้องไทร เป็นต้น มาเป็นองค์เจริญจิตภาวนาพุทธาภิเษก

    "สุดยอด" องค์พระปฐมเจดีย์

    ...................คำว่า “สุดยอด” มีความหมายมากมาย ถ้าเป็น ความสูงก็สูงสุดยอด ถ้าเป็นความใหญ่ก็ใหญ่สุด ถ้าเป็น ความดีก็ดีที่สุด ถ้าเป็นความขลัง ก็ขลังที่สุด
    ...................“องค์พระปฐมเจดีย์” มียอดพระมงกุฎอยู่สูงสุดยอด ประดับด้วยกระเบื้องทั้งองค์ นับตั้งแต่เสาหารสี่เหลี่ยมขึ้นไป มีปล้องไฉน ๒๗ ปล้อง กระเบื้องที่ประดับปล้องไฉนทุกปล้อง ตั้งแต่สี่เหลี่ยมขึ้นไป มีความเก่า ๑๕๕ ปี กระเบื้องที่ติดอยู่ กับปูน ปูนก็ดี มีความเก่า ๑๕๕ ปี เมื่อกระเทาะปูนเก่าออกมา ก็พบปูนเก่ากลายเป็นสีเหลืองคล้ายสีอำพัน เรียกว่า “อำพัน” จากยอดองค์พระปฐมเจดีย์ ชาวบ้านมาพบเห็นนำไปสักการะ บูชาเกิดความศักดิ์สิทธิ์ เป็นข่าวกระจายออกไปจนถึงสื่อ มวลชน หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๒ ลงเป็นข่าวว่า อำพันเกิดที่ยอดองค์พระปฐมเจดีย์ เป็นข่าว กระจายไปทั่วโลก และมีผู้คนนำอำพันเลี่ยมห้อยคอกันเป็น จำนวนมาก
    ...................ทางวัดพระปฐมเจดีย์ ก็เก็บเอาอำพันที่ติดอยู่กับปูน ไว้ได้ส่วนหนึ่ง เก็บกระเบื้องส่วนยอดเก็บได้ทั้งหมด ในส่วนของ ปล้องไฉนจะมีแต่กระเบื้องแผ่นขนาด ๘ x ๘ เซนติเมตร มีอายุ นับได้ ๑๕๕ ปี ทางวัดพระปฐมเจดีย์ได้นำกระเบื้องส่วนยอดมา แกะเป็นพระสมเด็จพิมพ์วัดระฆัง แบบพิมพ์พระประธาน เกศบัวตูม ทรงเจดีย์ และพิมพ์สมเด็จนางพญา
    ...................ส่วนกระเบื้องเก่าที่เป็นชิ้นเล็ก ๆ ได้นำมาบดเป็นผง ผสมด้วยผงปูนเก่า ผสมด้วยอำพันที่เกิดจากยอดองค์พระปฐมเจดีย์ ผสมด้วยผงอิทธิเจ ๑๐๘ เกษร ๑๐๘ ว่าน ๑๐๘ ผสมด้วย น้ำประสาน พิมพ์เป็นพระสมเด็จพิมพ์วัดระฆัง สมเด็จนางพญา เหมือนเนื้อกระเบื้องที่แกะ เพื่อให้ผู้ที่สนใจนำไปบูชา
    ...................กระเบื้องเก่า “สุดยอด” องค์พระปฐมเจดีย์ ได้รับพลัง แร่ธาตุธรรมชาติอย่างสุดยอด ได้รับผลพลังแห่งแสงอาทิตย์ ส่องมา ๑๕๕ ปี ได้รับแสงพระจันทร์ตรี จันทร์เทวี จันทร์เพ็ญ ส่องฉายแสงอันนวล สว่างมา ๑๕๕ ปี ได้รับแสงดาวศุภฤกษ์ มีดาวอาทิตย์ จันทร์ พุธ พฤหัส ศุกร์ ๑๕๕ ปี ได้รับแสงจาก กลุ่มดาวฤกษ์ดีต่าง ๆ เช่น มหัทธโนฤกษ์ ภูมิปาโลฤกษ์ ราชาฤกษ์ สมโณฤกษ์ เทศาตรีฤกษ์ เทวีฤกษ์ นับได้ ๑๕๕ ปี ได้รับ พระพุทธมนต์จากคณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ในพิธีกรรมต่าง ๆ มา ๑๕๕ ปี ได้รับบารมีธรรมจากองค์พระมหากษัตริย์เสด็จมา องค์พระปฐมเจดีย์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ๑๕๕ ปี

    ปิดครับ
    get_auc3_img (5).jpg กระเบื้องที่แกะมาจากผิวของเจดีย์ อายุ 155 ปี
    get_auc3_img (8).jpg อำพันที่เกิดขึ้นที่ยอดองค์พระปฐมเจดีย์
    get_auc3_img (9).jpg ภาพขณะบูรณะ
    IMG_20181106_223535.jpg IMG_20181106_223526.jpg IMG_20181106_223638.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2020
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่849 พระขุนแผนน้ำมันช้างพราย รุ่นฉลองศาลา หลวงปู่มหาโส กัสสโป วัดป่าคำแคนเหนือ จ.ขอนแก่น ปี 2541
    “หลวงปู่โส กัสสโป” วัดป่าคำแคนเหนือ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น หรือ “หลวงปู่พระมหาโส” พระเถระชั้นผู้ใหญ่อีกรูปที่ได้รับการยกย่องว่าเคร่งครัดระเบียบวินัย ใส่ใจด้านการปฏิบัติกัมมัฏฐาน

    เกิดในสกุล ดีเลิศ เมื่อวันจันทร์ที่ 8 พ.ย.2458 เวลา 02.00 น. ที่บ้านก่อ ต.หนองไข่นก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี

    อายุ 19 ปี บรรพชาที่วัดบ้านก่อ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี (บ้านเกิด) เป็นการบวชหน้าไฟ ให้มารดาซึ่งถึงแก่กรรม ตั้งใจจะบวชเพียง 3 พรรษา แต่เมื่อได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ครบกำหนดแล้ว สามารถทำความรู้ในพระธรรมวินัยด้านปริยัติ จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ติดต่อกันมาทุกปี จนทำให้มีศรัทธาบวชต่อ

    ถึงปี พ.ศ.2478 อายุครบ 20 ปี อุปสมบทที่วัดบ้านก่อ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี โดยมีหลวงปู่อ่อน เป็นพระอุปัชฌาย์

    หลังอุปสมบทอยู่จำพรรษากับพระอุปัชฌาย์เป็นเวลา 3 พรรษา

    ล่วงเข้าปี พ.ศ.2480 ออกเดินทางติดตามพระอาจารย์มหาสีทน กาญจโน ซึ่งเป็นญาติ โดยมีจุดหมายปลายทางที่ จ.อุดรธานี

    ครั้นเดินทางถึงจ.อุดรธานี พระมหาสีทนนำท่านไปเปลี่ยนญัตติเป็นพระธรรมยุต ในวันที่ 17 ก.ค. 2480 ที่วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระเทพกวี (จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูศาสนูปกรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์ 1 พรรษา ซึ่งท่านตั้งใจไว้ว่าหากการไปในครั้งนี้ไปแล้วได้กำลังใจดีในการปฏิบัติธรรมจะขอบวชตลอดชีวิต

    เป็นพระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย พรรษาที่ 12 สอบเปรียญธรรมสนามหลวงเป็นพระมหาได้ และในปีเดียวกันได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีหมากหญ้า อ.เมือง จ.อุดรธานี ด้วย

    แต่เป็นได้เพียง 4 ปี หลวงปู่โสก็สละตำแหน่ง เจ้าอาวาสและออกธุดงค์ต่อ

    บำเพ็ญหาความสงบทางจิตในป่า ตั้งแต่อายุ 70 ปี หลวงปู่ไม่เคยออกจากวัดป่าคำแคนเหนือสู่สังคมทางโลกอีก สมัยก่อนท่านธุดงค์บำเพ็ญเพียรที่หุบเขาต่างๆ เช่น ภูพาน ภูผาแดง ภูเม็ง ฯลฯ และตั้งสำนักสงฆ์ที่หุบเขาภูเม็ง แต่ด้วยอุบาสกอุบาสิกาที่ไปถือศีลเป็นไข้ป่า ในปี พ.ศ.2503 ท่านจึงตัดสินใจย้ายลงมาอยู่ที่เชิงเขาภูเม็ง สร้างวัดป่าคีรีวันอรัญเขต (วัดป่าคำแคนเหนือ) ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น และอยู่จำพรรษามาจนถึงปัจจุบัน

    หลวงปู่โส เป็นพระเถราจารย์ชั้นผู้ใหญ่ใน จ.ขอนแก่น มีพระฝากตัวเป็นศิษย์สืบทอดปฏิปทาจากท่านมากมาย อาทิ หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม จ.ขอนแก่น, พระธรรมดิลก (หลวงพ่อสมาน สุเมโธ) เจ้าคณะภาค 9 ธรรมยุต วัดป่าแสงอรุณ จ.ขอนแก่น, หลวงปู่เขี่ยม โสรโย อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าถ้ำขาม จ.สกลนคร ฯลฯ

    ล่วงเข้าวัยชราภาพ แต่สุขภาพยังแข็งแรง มีความจำดีอยู่ และยังปฏิบัติศาสนกิจอยู่เสมอต้นเสมอปลาย ทั้งการอบรมธรรมะแก่พระภิกษุ-สามเณร อุบาสก อุบาสิกา การพัฒนาวัด ต้อนรับศรัทธาญาติโยมที่มากราบเยี่ยมที่วัด ซึ่งมีมาไม่เคยขาดสาย

    ช่วงบั้นปลายชีวิตของหลวงปู่โสมีอาการอาพาธบ่อยครั้งตามประสาคนวัยชรา ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ

    กระทั่ง เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2559 หลวงปู่โส ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุ 100 ปี 3 เดือน 8 วัน

    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181106_223737.jpg IMG_20181106_223727.jpg unnamed (2).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2018
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่850 พระขุนแผน อาจารย์หนู กันภัย รุ่นไหว้ครู ปี 2545 เนื้อผงพุทธคุณ จ.ปทุมธานี ขนาด 2 ซ.ม. คูณ 3 ซ.ม.
    อาจารย์หนู กันภัย ก็คืออีกท่านหนึ่ง ผู้พลิกฟื้นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของเมืองไทย ในศาสตร์ของการสักยันต์ ที่สร้างตำนานให้เป็นที่โจษจันกันในชาวไทย ชาวต่างชาติ ทั้งโซนเอเชีย ยุโรป และทั่วโลกต่างก็รู้จักอาจารย์หนู กันภัย ในฐานะจอมขมังเวทย์ศาสตร์แห่งการสักยันต์ ฆราวาสผู้เรืองอาคมในยุคกลาง ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ชุมไชยศรี อาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง ต่างก็เป็นฆราวาสที่หลงใหลในศาสตร์วิชาอาคมและการสักยันต์ ซึ่งในอดีตการสักยันต์จะมีเฉพาะกลุ่มคนไม่กว้างขวาง เนื่องจากสายตาคนภายนอกที่ดูบุคคลที่สักยันต์ต่างมองในแง่ลบ ซึ่งจริงๆแล้วต้องพิจารณาให้เป็นบุคคลไป แต่การมองของคนภายนอกซึ่งสอดคล้อง กับการกระทำของคนสักยันต์ในอดีตมักจะติดลบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นครูบาอาจารย์ที่ทำการสักยันต์ ก็ไม่ได้ให้ศิษยานุศิษย์ทุกคนที่การสักยันต์ ประพฤติปฏิบัติในแง่ไม่ดีให้เป็นภัยต่อสังคม อย่างไรก็ดีเมื่อกล่าวถึง"สำนักสักยันต์ อ.หนู กันภัย" จ.ปทุมธานี ถือว่าเป็นสำนักสักยันต์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ถือว่าเป็นสุดยอดสำนักสักยันต์สายฆราวาส และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้นิยมลายสักยันต์โดยเฉพาะลายสักยันต์ที่มีชื่อว่า "ยันต์ ๕ แถวหนุนดวง" เหล่าบรรดานักร้อง นักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมายต่างไปสักยันต์หนุนดวง ๕ แถว และขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์
    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181106_223755.jpg IMG_20181106_223745.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2018
  8. กันทิมา@บุญ

    กันทิมา@บุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2018
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +401
    จองค่ะ
     
  9. กันทิมา@บุญ

    กันทิมา@บุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2018
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +401

    จองค่ะ
     
  10. กันทิมา@บุญ

    กันทิมา@บุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2018
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +401
    จองค่ะ
     
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจอง 847, 849, 850 ครับ
     
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่851 พระขุนแผนมนต์สาวหลง เนื้อผง หลวงปู่นิเวศน์ วัดทุ่งกระเจ็ด จ.สุพรรณบุรี
    หลวงปู่นิเวศน์ วัดทุ่งกระเจ็ด พระเกจิดังเมืองสุพรรณ เจ้าอาวาสวัดทุ่งกระเจ็ด พระเกจิดังที่ไม่หวังลาภสักการะ เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เรียกว่าพระสุปฏิปันโน ในทางพระพุทธศาสนานั่นเอง
    หลวงปู่นิเวศน์ พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคม
    บวชเรียนแต่วัยเยาว์ ทั้งที่บิดาเป็นลูกน้องเสือฝ้าย แต่หลวงปู่กลับเดินสวนทางนำชีวิตฝากไว้ในพระพุทธศาสนา และได้ไปเรียนวิชาสายเดียวกับ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่

    พระเกจิอาจารย์ดังสมัยก่อนจะมีครูบาอาจารย์สอนวิชาอาคม ใครเก่งที่ไหนท่านจะเดินธุดงค์ไปหา ฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชา ศึกษาหาความรู้ หลวงปู่นิเวศน์ ได้เดินธุดงค์ออกป่าไปหาความรู้จาก หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี ได้ตำราวิชาการสร้างพระขุนแผน และพระผงพรายกุมาร ถึงขนาดหลวงพ่อคง กล่าวฝากมาว่า ให้หมั่นฝึกตนตามที่เราสอนไว้แล้วท่านจะแทนเราได้ พร้อมกันนั้นได้มอบมวลสารเป็นผงพรายกุมารมาหนึ่งกระปุก

    นอกจากนี้ยังมีพระดังเมืองสุพรรณ ที่หลวงปู่นิเวศน์ ไปขอ นั่นคือ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน ที่จังหวัดสุพรรณบุรี แลหลวงพ่อมุ่ย แห่งวัดดอนไร่ เป็นครูบาอาจารย์ผู้สอนสั่งวิชา
    ร่ำเรียนวิชาทางกรรมฐานจิต กับหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน และสืบตำราพุทธาคมมาจากพระคณาจารย์เก่งๆอีกมากมาย
    เรียกได้ว่า หลวงปู่มีวิทยาคมแก่กล้า ท่านได้สร้างสุดยอดวัตถุมงคล อันก่อเกิดประสบการณ์ดีๆต่างๆนานาอย่างมากมาย จนเป็นที่กล่าวขาน และกล่าวขวัญกันให้ทั่ว ว่าหลวงปู่นิเวศน์รูปนี้ เป็นพระแท้ เป็นพระเกจิอาจารย์แห่งยุค ที่หาตัวจับยาก ปลุกเสกวัตถุมงคลได้ขลังฉมังนัก

    ปิดครับ
    IMG_20181108_222224.jpg IMG_20181108_222212.jpg get_auc3_img (11).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กันยายน 2019
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่852 พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร วัดไตรมิตรวิทยาราม เทิด ธ 80 พรรษา ปี2550 กล่องเดิม ขนาดฐานกว้างประมาณ 2.5 ซ.ม. สูง 3.2 ซ.ม.
    เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ใน พ.ศ.2548 และทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษาใน พ.ศ.2550 คณะกรรมการจัดสร้างวัตถุมงคลและจัดหาทุน โครงการจัดสร้างพระมหามณฑปประดิษฐานพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร วัดไตรมิตรวิทยาราม จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูป เหรียญ และพระผงที่ระลึก เพื่อให้พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธานำไปสักการบูชา เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตสืบไป
    โดยพระผงมีมวลสารสำคัญประกอบด้วย
    1. เนื้อปูนที่กะเทาะจากองค์พระพุทธรูปทองคำ
    2. ผงพระพุทธนวราชบพิตร
    3. ผงพระพุทธนราวันตบพิตร
    4. มวลสารศักดิ์สิทธิ์ พระเทพภาวนาวิกรม(เจ้าคุณธงชัย วัดไตรมิตร) และอาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ
    5. มวลสารพระสมเด็จแก้วสารพัดนึก
    6. ไม้มงคล 9 ชนิด (ราชพฤกษ์, ชัยพฤกษ์, ทรงบาดาล, ขนุน, พะยุง, ไผ่สีสุก, กันเกรา, ไม้สัก และ ทองหลาง)
    7. ผงหลวงปู่คำคะนิง จุลละมณี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ จ.อุบลราชธานี
    8. ผงแร่เหล็กไหล อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
    9. ผงพระหินธาตุสามร้อยยอด อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขีนธ์
    10. ผงข้าวตอกพระร่วง อ.เมือง จ.สุโขทัย
    11. ผงเจ้าพ่อยี่กอฮง
    12. ผงดอกไม้บูชาพระและผงเถ้าธูปบูชาพระจากวัดทั่วประเทศ
    13. ผงว่าน 108
    14. ดินสังเวชนียสถาน ประเทศอินเดีย

    ปิดครับ
    IMG_20181108_222244.jpg IMG_20181108_222235.jpg IMG_20181108_222352.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2019
  14. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่853 พระซุ้มกอ หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง พิมพ์ใหญ่จัมโบ้ พ.ศ.2555 จ.ปทุมธานี ขนาด 4 cm. ตอกโค๊ตใต้ฐาน

    **วัดบางกุฎีทอง ถ.ติวานนท์ ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี ปัจจุบันมีพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง "หลวงพ่อชำนาญ อุตตมปัญโญ" ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ปัจจุบันวัตถุมงคลได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและประชาชนทั่วไปอยู่หลายรุ่น

    ***หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง ท่านเป็นผู้สืบสานตำนาน พิธีเป่ายันต์พรหมสี่หน้ามาจาก หลวงปู่สุรินทร์ เรวโต ซึ่งได้วิชานี้มาทางสาย หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก สืบสานมาจาก อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อีกทีหนึ่ง

    ปิดครับ
    องค์ที่1 IMG_20181108_222053.jpg IMG_20181108_222045.jpg IMG_20181108_222035.jpg
    องค์ที่2 IMG_20181108_222026.jpg IMG_20181108_222016.jpg IMG_20181108_222005.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2019
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่854 เหรียญของขวัญ หลังไก่ หลวงปู่สรวง วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ จ.ลพบุรี ปี2557 ตอกโค้ต
    “พระครูสุทธิวราภรณ์” หรือ “หลวงปู่สรวง วรสุทโธ” อายุ ๗๕ ปี พรรษาที่ ๕๐ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี และที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลช่องสาริกา นับเป็นเกจิอาจารย์ร่วมสมัยแห่งในยุคนี้ที่ได้รับการยอมรับนับถือในฐานะ “พระดีศรีเมืองละโว้”

    หลวงปู่สรวง เป็นผู้ให้กำเนิดวัดถ้ำพรหมสวัสดิ์เป็นเวลานานกว่า ๓๐ ปีแล้ว มีข้อวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด จริยวัตรงดงาม และปฏิปทาน่าเลื่อมใส มีเมตตาธรรมสูง อยู่อย่างเรียบง่าย เป็นผู้มีจิตมุ่งมั่นในพระพุทธศาสนามาแต่สมัยเป็นสามเณร จนกระทั่งอุปสมบทเป็นพระภิกษุ และมีความกล้าแกร่งทางจิตอันเกิดจากการฝึกฝน โดยออกธุดงค์แต่ครั้งยังเป็นพระหนุ่ม ได้พบเจอและได้รับการอบรมสั่งสอน พร้อมกับถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆจากพระอาจารย์สายกรรมฐานมากมายหลายองค์

    นอกจากนี้แล้วหลวงปู่สรวงยังเป็นพระอาจารย์ด้านวิปัสสนากรรมฐาน สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หนึ่งเดียวในลพบุรี รวมทั้งยังเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่วภาคกลาง ได้รับการยกย่องให้เป็นพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า ที่ตั้งมั่นอยู่ในสมณธรรมอย่างเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติเรียบง่าย ปฏิปทางดงาม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้ได้พบเห็น

    พ.ศ.๒๔๙๖ มีโครงการอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติถวายในหลวงเนื่องในวโรกาสเสด็จนิวัติกลับประเทศไทย ท่านจึงตัดสินใจบวชครั้งแรก ณ วัดศรีบุรีรัตนาราม อ.เมือง จ.สระบุรี แล้วไปพักที่วัดบ้านทึ่ง อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี มีโอกาสได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่แขม หรือ “อดีตเสือฝ้าย” เสือรุ่นเก่าก่อนเสือมเหศวร รวมทั้งได้ไปกราบสนทนาธรรมและเรียนวิชาจากหลวงปู่ขอม วัดไผ่โรงวัว

    พ.ศ.๒๔๙๗ ได้ลาสิกขาออกไปใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ หลังจากนั้นได้กลับไปอุปสมบทเป็นพระฝ่ายมหานิกาย เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐ ที่วัดบ้านโพนเมืองน้อย โดยมีเจ้าอธิการคำ อิณณมุตโต วัดบ้านชะแง เป็นพระอุปัชฌาย์ แล้วกลับไปจำพรรษากับหลวงปู่แขม ท่านได้สอนสรรพวิชาอาคมต่างๆ ให้จนหมดสิ้นตลอด ๒ พรรษา และยังได้เรียนวิชากับหลวงพ่อแขก วัดหัวเขา, เรียนสักยันต์กับอาจารย์ผาด หรือเสือผาด

    ต่อมาได้ออกธุดงค์ไปหาพระอาจารย์ฝ่ายกรรมฐาน โดยก่อนเดินทางได้กลับไปเยี่ยมบ้านและพบกับพระอาจารย์คำบุ ธัมมธโร สหธรรมิกของพระอาจารย์จวน ท่านจึงพาไปพบกับพระอาจารย์จวน และได้รับการแนะนำให้ญัติใหม่เป็นฝ่ายธรรมยุต เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๒ ที่วัดประชานิยม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดยมีพระครูพุฒิวราคม วัดบ้านหนองดินดำ เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการบุญมี จิตปุญโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้อยู่จำพรรษาที่วัดประชานิยมซึ่งมีพระอาจารย์บุญ ชินวังโส เป็นเจ้าอาวาส

    ระหว่างที่ธุดงค์อยู่ตามชายฝั่งแม่น้ำโขงได้ถวายตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ตาเดียว พระกรรมฐานในป่า ผู้เรียนวิชาจากสมเด็จลุน และญาท่านกรรมฐานแพง ได้เรียนวิชาตำราโบราณตะกรุดไก่แก้ว-ไก่เถื่อน สาลิกา สีผึ้งพญาหงส์ทองจาก อาจารย์ทา ฆราวาสชาวเขมรที่จังหวัดศรีษะเกษ และอาจารย์เพ็ง จังหวัดอุบลราชธานี ศิษย์ฆราวาสสมเด็จลุน หลังจากเดินธุดงค์มาสร้างวัดที่จังหวัดลพบุรีแล้ว หลวงปู่สรวงยังได้มีโอกาสถวายตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก ได้รับการถ่ายทอดวิชาการสร้างพระยันต์ นะ ครอบจักรวาลกับหลวงปู่ดู่ด้วย

    เมื่อครั้งที่ท่านธุดงค์เดี่ยวมาถึง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ได้ปักกลดอยู่ใต้ต้นมะเดื่อริมคลองพร้อมอธิษฐานจิตจำพรรษา จากนั้นได้นั่งสมาธิบริกรรมภาวนา ปรากฏในนิมิตมีเทวดา ๓ องค์มานิมนต์ให้ไปโปรดญาติโยม (อดีตชาติ) ที่อยู่ในถ้ำพรหมสวัสดิ์ ท่านจึงกำหนดจิตไปตามเทวดา ได้พบเห็นสภาพภายในถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย หลืบห้องสลับซับซ้อนสวยงามวิจิตรและถ้ำห้องโถงใหญ่ที่มีองค์เทพคอยพิทักษ์รักษา เป็นที่สัปปายะ จึงคิดสร้างวัดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ โดยเริ่มบุกเบิกพื้นที่ ก่อสร้างถาวรวัตถุ ศาสนวัตถุ และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องรวมเวลาถึง ๒๖ ปี จนกระทั่งกลายเป็น “วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์” ที่มีกุฏิเสนาสนะ และสถานที่ปฏิบัติธรรมร่มรื่นกลมกลืนกับธรรมชาติ

    “เทพเจ้าแห่งขุนเขาสาลิกา”

    "สรวง พรหมสวัสดิ์" เป็นชื่อและสกุลเกิดของหลวงปู่สรวง วรสุทฺโธ เกิดเมื่อวันพุธที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๖ ปีระกา ณ บ้านน้อยนาเวิน เลขที่ ๗ หมู่ ๑๐ ต.โพนเมืองน้อย อ.หัวตะพาน จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบัน จ.อำนาจเจริญ) บิดา นายประสาร มารดา นางสอน พรหมสวัสดิ์ มีพี่น้องทั้งหมด ๘ คน

    หลวงปู่สรวง เป็นพระที่สมถะ เรียบง่าย สงบ นิ่งบริสุทธิ์ สุขุม แม้จะไม่ใช่พระสายพุทธาอาคมขลัง เพราะโด่งดังมาตามเส้นทางสายป่าวิปัสสนากรรมฐานศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แต่ความเชื่อความศรัทธาในบุญบารมี และ “ของดี” ที่ท่านสร้างสรรค์ขึ้น ล้วนมีกระแสตอบรับที่ดีเหนือคำบรรยาย ท่านได้รับสมญานามว่า เจ้าตำรับ “ไก่ฟ้าพญาเลี้ยง” และ “เทพเจ้าแห่งขุนเขาสาลิกา” ที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร วัตถุมงคลเครื่องรางของขลังทุกรุ่น เป็นที่นิยมแพร่หลาย มากด้วยประสบการณ์เข้มขลังในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม โชคลาภ

    ปิดครับ
    IMG_20181108_221827.jpg IMG_20181108_221817.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2019
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่855 เหรียญจำลอง เทิดพระเกียรติ สมเด็จพระปิยะมหาราช บารมีมากล้นเกินรำพัน วัดพัฒนาราม จ.อุดรธานี ปี2536 โค๊ต [นะ]
    ***เหรียญแสตมป์รุ่นแรก รัชกาลที่ 5 [โสฬศ]

    ปิดครับ
    IMG_20181110_220520.jpg IMG_20181110_220511.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2019
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่856 สร้อยประคำ"กันไฟ กันฟ้า" เนื้อไม้ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม ปี 2537 พร้อมรูปถ่าย 2*2.5 นิ้ว
    ***ประคำยาว 32นิ้ว(รอบวง) เม็ดประคำเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ8มม.
    รุ่นนี้ออกปี2537 เรียกว่าสร้อยประคำ"กันไฟ กันฟ้า"
    เจตนาหลวงพ่อคงปลุกเสก เพื่อให้กันไฟ และกันฟ้า
    บูชาติดบ้าน หรือติดรถเพื่อเป็นศิริมงคล

    คุณสักการะ ปิดครับ
    IMG_20181110_215903.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2019
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่857 พระผงพระพุทธพิมพ์นาคปรก ญสส ๘๗ (ทรงเมตตาอธิฐานจิต) พิธีพุทธภิเษก วัดบวรนิเวศ (ร่วมพิธีวัดสุทัศน์ วัดบ้านไร่ วัดช้างไห้ และวัดบ้านสวน) ๓ ตุลาคม ๒๕๔๓
    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181112_220222.jpg IMG_20181112_220212.jpg IMG_20181112_220514.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2018
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่858 พระผงพระสมเด็จนางพญาพระพุทธโสธร ญสส เฉลิมพระเกียรติ ๘๙ พรรษา พิธีพุทธภิเษก วัดบวรนิเวศ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๓
    "หลวงพ่อพระพุทธโสธร" พระบูชาที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งองค์หนึ่งของประเทศไทย ที่คนทั่วโลกรู้จัก ด้วยเดชบารมีแห่งองค์หลวงพ่อโสธรได้แผ่ปรกมายังวัตถุมงคลต่างๆ ที่สร้างโดยผ่านการปลุกเสกเป็นรูปหลวงพ่อ ซึ่งปรากฏออกมามากมายหลายประเภท
    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181112_220325.jpg IMG_20181112_220313.jpg IMG_20181112_220559.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2018
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่859 พระผงหลวงพ่อศิลา รุ่นมรดกโลก วัดทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย กล่องเดิม
    หลวงพ่อศิลา เป็นนามที่ชาวบ้านวัดทุ่งเสลี่ยมเรียกขาน พระพุทธรูปนาคปรก ปางสมาธิ สกัดจากหินทรายสีเทา ทรงกรองศอพาหุรัด กุณฑล สวมศิราภรณ์ สวมมงกุฎเทริด พระพักตร์ทรงสี่เหลี่ยม ประทับนั่งขัดสมาธิราบ บนฐานขนาดนาค 3 ชั้น นาคที่ปรกอยู่เหนือพระเศียรนั้นมี 7 เศียร ด้านหลังหางนาคพาดขึ้นมาถึงลำตัว มีลวดลายแบบศิลปะลพบุรี องค์พระวัดจากฐานถึงปลายยอดเศียรนาคสูง 85.50 เซนติเมตร หน้าตักกว้าง 44 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 126.5 กิโลกรัม

    ศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงประทานความเห็นไว้ว่า

    "..พระพุทธรูปองค์นี้ ที่กระบังหน้ามีแนวขึ้นมาตรงกลาง ลักษณะเช่นนี้เป็นรูปแบบของโบราณวัตถุที่ทำขึ้นในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่า ศิลปะแบบลพบุรี เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากศิลปะเขมร เพราะแม้ลักษณะทั่วไปจะดูคล้ายกัน แต่พระพักตร์นั้นไม่เป็นแบบขอม"

    คำแนะนำที่ทรงประทานนี้ ได้รับการยืนยันโดย นายอาวุธ สุวรรณาศรัย หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งกรมศิลปากรได้ส่งมาตรวจพิสูจนอายุและคุณค่าทางศิลปวัตถุขององค์พระ ดังนี้

    "องค์พระพุทธรูปศิลานั้นแกะสลักจากหินทรายเทา มีความสมบูรณ์และมีลักษณะพิเศษที่ชัดเจนมาก กล่าวคือ มีผ้าทิพย์รองรับตัวองค์พระ ซึ่งปกติแล้วจะเดินเป็นเส้นตรงมากกว่า นอกจากนี้บริเวณด้านหลังมีลายดอกจันที่ขุดลึกลงไปในเนื้อหิน ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบมักเป็นลายขีดธรรมดา สาเหตุที่องค์พระมีความสมบูรณ์ไม่บุบสลายไปตามกาลเวลา น่าจะเป็นเพราะตั้งอยู่ในถ้ำ ไม่ได้จมอยู่ในดินเหมือนองค์อื่นๆ ที่เคยขุดพบ ลักษณะนั้นเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก สิลปะผสม ลักษณะสำคัญซึ่างบ่งชี้ว่า ไม่ใช่ศิลปะแบบบายนแท้ ก็คือ พระพักตร์จะไม่แย้มพระโอษฐ์ ผิดกับเทวรูปกษัตริย์ชัยวรมัน ซึ่งส่วนใหญ่จะแย้มพระโอษฐ์ทุกพระองค์ จากการตรวจสภาพเนื้อหิน ยืนยันได้ว่าเป็นของแท้ สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18-19 เป็นศิลปะลพบุรีที่ได้รับอิทธิพลจากเขมร มีคุณค่ามากด้านการศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะ …"

    แต่เดิมนั้นหลวงพ่อศิลาประดิษฐานอยู่ที่ถ้ำเจ้าราม ซึ่งเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ภายในมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า ชาวบ้านได้ไปหามูลค้างคาวในแถบถ้ำเจ้าราม ได้พบพระธุดงค์รูปหนึ่งซึ่งเล่าให้ฟังว่า ภายในถ้ำเจ้ารามมีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่หลายองค์ และองค์หนึ่งมีความงามโดดเด่นกว่าองค์อื่นใด เป็นพระพุทธรูปศิลานาคปรก

    เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน ชาวบ้านก็นำความมาเล่าให้พระอภัย เจ้าอาวาสวัดทุ่งเสลี่ยม ซึ่งได้หารือกับผู้ใหญ่บ้านว่า จะนำพระพุทธรูปมาไว้ที่วัดทุ่งเสลี่ยม แต่เนื่องจากพระอภัยนั้นสูงอายุ เดินทางไม่ไหว จึงได้เลิกล้มความตั้งใจ ความได้ล่วงรู้ไปถึงครูบาก๋วน เจ้าอาวาสวัดแม่ปะหลวง ตำบลแม่ปะ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ซึ่งท่านก็มีความศรัทธาจึงได้รวบรวมคนเดินทางไปอัญเชิญพระพุทธรูปปางนาคปรก ณ ถ้ำเจ้าราม เมื่อคณะเข้าสู่ภายในถ้ำเจ้าราม ได้พบพระพุทธรูปนาคปรก ซึ่งมีฦูงค้างคาวบินวนเวียนอยู่อย่างมากมาย ครูบาก๋วนจึงได้ทำพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปออกจากถ้ำ และเดินทางรอนแรมมาด้วยความยากลำบาก ผ่านหนองปลาซิว (บ้านห้วยทราย) หนองส้มป่อย (บ้านน้ำดิบ) จนกระทั่งถึงอำเภอทุ่งเสลี่ยม

    เมื่อชาวบ้านทุ่งเสลี่ยมรู้ข่าว จึงพากันจัดขบวนดนตรีพื้นเมือง และขบวนฟ้อนรำมาต้อนรับด้วยความปีติยินดีถ้วนหน้า จวบจนขบวนอัญเชิญพระพุทธรูปนาคปรกเดินทางมาถึงวัดทุ่งเสลี่ยม ก็เกิดปาฏิหาริย์ขึ้น ท้องฟ้าที่แจ่มใส แสงแดดที่ร้อนแรงของเดือนเมษายนก็ถูกบดบังด้วยเมฆฝน เกิดฝนตกหนักเป็นเวลานาน เมื่อฝนหยุดตกก็มีฝูงค้างคาวบินมาวนเวียนเหนือบริเวณวัดทุ่งเสลี่ยมแล้วจึงบินกลับถ้ำเจ้าราม

    ชาวบ้านได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปศิลา จึงไม่ยอมให้ครูบาก๋วนอัญเชิญกลับไปยังอำเภอเถิน เจ้าอาวาสวัดทุ่งเสลี่ยมจึงได้หารือไปยังเจ้าคณะอำเภอสวรรคโลก ซึ่งเจ้าคณะอำเภอได้ตัดสินให้ประดิษฐานไว้ ณ วัดทุ่งเสลี่ยม ชาวบ้านได้ตั้งชื่อพระพุทธรูปนาคปรกนี้ว่า พระศิลา เพราะเห็นว่าแกะสลักมาจากหินทราย ครูบาก๋วนจึงได้จำลองพระศิลา กลับไปประดิษฐานไว้ที่วัดปะหลวง อำเภอเถิน จังหวัดลำปางด้วยใจศรัทธา

    ครั้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2520 ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนเข้ามาโจรกรรมพระศิลาไปจากพระอุโบสถใหญ่ วัดทุ่งเสลี่ยม พระศิลาจึงได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย

    อีก 17 ปีต่อมาเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2537 กลุ่มอนุรักษ์ชาวไทยในต่างแดนได้พบข่าวพระศิลาในประเทศอังกฤษจึงได้เขียนจดหมายถึงบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์มติชนว่า ได้พบภาพพระพุทธรูปปางนาคปรก ในหนังสือประมวลศิลปวัตถุ เพื่อประมูลขายของสถาบันโซธบี (Sotheby Institute) ในกรุงลอนดอน หน้า 52

    ความทราบถึงชาวอำเภอทุ่งเสลี่ยม ชาวบ้านจึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย และกรมศิลปากรเพื่อให้ทางราชการติดตามทวงถามพระพุทธรูปที่หายไป ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน กรมศิลปากรได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาหาแนวทางติดตามทวงคืนพระพุทธรูปศิลา

    ต่อมาหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษได้แจ้งให้ไทยทราบว่า มีผู้ประมูลพระพุทธรูปศิลาไปและถูกเคลื่อนย้ายไปที่สหรัฐอเมริกาแล้วทนายความของผู้ครอบครองได้ติดต่อเข้ามาว่า ผู้ครอบครองไม่ทราบว่าเป็นพระพุทธรูปที่ได้มาจากการโจรกรรม แต่จะคืนให้ประเทศไทยโดยเรียกร้องค่าชดเชยเป็นเงิน สองแสนเหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5,200,000 บาท ในครั้งแรกทางรัฐบาลไทยพยายามจะติดตามทวงคืนพระพุทธรูปศิลาโดยอาศัยกรณีที่คล้ายคลึงกันกับการหายของรูปปั้นเทพีในประเทศอิตาลี ที่สามารถติดตามทวงคืนได้โดยดำเนินการผ่านทางกระทรวงยุติธรรมของประเทศสหรัฐอเมริกา ตามสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่เมื่อคณะผู้แทนไทย นำโดยศาสตราจารย์อดุล วิเชียรเจริญ ซึ่งทำหน้าที่หัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจเดินทางไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ทางหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา(เอฟ บี ไอ) ได้แจ้งให้ทราบว่า การติดตามเรื่องนี้มิใช่คดีอาญา จึงอยู่นอกเหนืออำนาจของเอฟบีไอ รวมถึงการยื่นฟ้องตามสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างสองประเทศก็ไม่สามารถกระทำได้

    ในที่สุดเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2539 คณะกรรมการติดตามพระพุทธรูปศิลา นำโดยร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการขณะนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบพระพุทธรูปตามรอยตำหนิ และมอบค่าชดเชยรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายเป็นจำนวนเงินสองแสนหนึ่งพันเหรียญสหรัฐ ซึ่งนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการในเครือเจริญโภคภัณฑ์ และนายวัลลภ เจียรวนนท์ กรรมการบริหารฯ เป็นผู้พิจารณาเห็นชอบให้การสนับสนุนค่าชดเชยนำพระพุทธรูปล้ำค่าของไทยกลับคืนมา

    วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ขบวนอัญเชิญหลวงพ่อศิลากลับถึงประเทศไทย ณ สนามบินดอนเมือง มีชาวทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัยได้เหมารถบัสจำนวนกว่า 10 คัน มารอรับองค์หลวงพ่อศิลา ภาพมหัศจรรย์ที่ปรากฏ คือ มีค้างคาวบินวนเวียนในสนามบินดอนเมือง ทั้งทั้งที่ความสว่างไสวของไฟสปอต์ไลท์ในสนามบินดอนเมืองนั้นไม่แพ้แสงแดดเวลากลางวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่การท่าอากาศยานหลายคนได้ยืนยันว่า เท่าที่ทำงานมาหลายสิบปีไม่เคยเห็นเช่นนี้มาก่อน

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะดำเนินการอัญเชิญหลวงพ่อศิลา นำโดยร้อยตำรวจโท เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ และผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ นำโดยนายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายวัลลภ เจียรวนนท์ กรรมการบริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ เข้าเฝ้าเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายหลวงพ่อศิลา เนื่องในปีกาญจนาภิเษก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 และรับพระราชทานคืน พร้อมทั้งอัญเชิญกลับไปประดิษฐาน ณ วัดทุ่งเสลี่ยมดังเดิมเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540

    ชาวทุ่งเสลี่ยมจึงได้จัดงานสมโภชเฉลิมฉลองหลวงพ่อศิลาเป็นประจำทุกปีในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปัจจุบันหลวงพ่อศิลาประดิษฐานอยู่ในมณฑปวิหารวัดทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย โดยมีประชาชนจากทั่วประเทศเดินทางมากราบไหว้ด้วยความศรัทธาเป็นประจำตลอดมา

    พระผงหลวงพ่อศิลา รุ่นมรดกโลก สร้างปี พ.ศ.2540 พระดีมีคุณค่าน่าบูชาสะสมมากครับ

    ปิดครับ
    IMG_20181112_220303.jpg IMG_20181112_220254.jpg IMG_20181112_220546.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2019

แชร์หน้านี้

Loading...