เรื่องเด่น ปฏิทินพลังจิตธรรมสัญจร 55 ตอน ร่วมบุญสร้างลานปฏิบัติธรรมกับ คบ. วิจิตร มนฺญโญ P. 44

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย ญ.ผู้หญิง, 14 ธันวาคม 2011.

  1. เดือนสาม

    เดือนสาม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +45
    จองธรรมสัญจร (๕) และ ธรรมสัญจร (๗) ทริปละ 2ที่ (เมารถ )
    :VO
     
  2. Piticha

    Piticha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +2,057
    เก่งค่ะ เว้นทริปสัญจร 6 ไว้ทำไมค่ะ 55555
     
  3. bhothisata

    bhothisata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    394
    ค่าพลัง:
    +5,182
    มีข่าวจากวงในว่า หลวงตาวัชรชัยท่านพยายามที่จะรวบรวมลูกๆหลวงพ่อที่ประจำตามจุดต่างๆ เช่นเดียวกับงานรวบรวมประจำปี ท่านจึงนิมนต์ลูกๆหลวงพ่อมาในงานวันที่ ๒๖ กุมภา อย่างไรก็รอดูกันว่าจะเป็นอย่างไร ทางภาคตะวันออกแว่วๆว่าจะจัดที่วัดเทพบุตร อ.บางละมุง จึงแจ้งข่าวมาให้ทราบครับ จะเห็นว่างานนี้ลูกๆหลวงพ่อทั้งนั้น แล้วก็ช่างบังเอิญลาพักหนาวตรงงานพอดี คงไม่ไปไม่ได้แล้ว ว่าจะเลี่ยงๆงานธุดงค์ งานประจำปี ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะต้องมีงานตรงนี้อีก คิดถึงหลวงพ่อจนจับใจ ย้อนไปถึงอดีตที่เริ่มฝึกมโนฯใหม่ๆ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจะมาแบบท่านจัดให้ อย่างไรอย่างนั้นเลย
     
  4. จุติญาณ

    จุติญาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +91
    จองทริป5 วัดท่าซุงหนึ่งที่ครับ ตอนแรกว่าจะไปเอง แต่ถ้าพี่หญิงจัด ไปกะพี่หญิงดีกว่า
     
  5. JitKrajang

    JitKrajang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มกราคม 2010
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +1,593
    จองทริป (5) มโนมยิทธิเต็มกำลัง 2 ที่ค่ะ
     
  6. vena

    vena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +590
    (kiss)ขอจองทริปธรรมสัญจร ( ๕ ) วัดท่าซุง - ๑ ที่นั่งค่ะ
     
  7. AEKNARINS

    AEKNARINS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +248
    จองทริป ธรรมสัญจร (๗) วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) 1 ที่ ครับ
     
  8. odinid

    odinid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +878
    ธรรมสัญจร (๗) ๑ ที่ครับ
     
  9. เดือนสาม

    เดือนสาม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +45
    คุณพี่vena กับ Piticha ไปขึ้นเขาวงพระจันทร์ด้วยกันเถอะนะ จะได้เป็นราวให้ผู้สูงอายุได้พึ่งพิง ส่วนคุณพี่vena ไม่ต้องห่วง น้องจะคอยดันหลังให้จ้า;aa8
     
  10. vena

    vena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +590
    จะอึ๋ย ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้เป็นแก่ดันของน้องเก่ง คิดหนักอยู่
    เห็นจำนวนขั้นบันได หน้าพี่เหี่ยวลงไปเลยอ่ะ ปอดพี่ก็แยกเป็น 2 ส่วน
    pig_ballet
     
  11. izeberry

    izeberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2010
    โพสต์:
    340
    ค่าพลัง:
    +1,482
    จองทริป ธรรมสัญจร 7

    2 ที่ อะ
     
  12. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    แจ้งสรุปเิงินร่วมบุญทริปพลังจิตธรรมสัญจร (๓)

    ขอแจ้งยอดเงินที่ชาวคณะและกัลยาณธรรมทุกท่านร่วมบริจาคทำบุญในพลังจิตธรรมสัญจร (๓) งานออกนิโรธกรรมครูบาเหนือชัย โฆษิโต วัดถ้ำป่าอาชาทอง (พระขี่ม้าบิณฑบาตร)-งานมหกรรมพืชสวนโลก ราชพฤกษ์ ๕๔-ไหว้พระสักการะสิ่ิงศักดิ์สิทธิ์เมืองล้านนา จ. เชียงราย-เชียงใหม่ วันที่ ๒๐-๒๒ ม.ค. ๕๕ เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบและอนุโมทนาบุญร่วมกัน ดังนี้



    [​IMG]
    ครูบาเหนือชัย โฆษิโต

    - ถวายปัจจัยใส่บาตรวันออกนิโรธกรรมพระครูบาเหนือชัย โฆษิโต ๑๖,๐๐๐ บาท พร้อมเครื่องกันหนาวและชุดสังฆทาน
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆื และปัจจัยซื้อที่ดิน วัดป่าปาชาทอง ๔,๐๐๐ บาท
    - ถวายปัจจัยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) ๒,๐๐๐ บาท
    - ถวายปัจจัยพระเถรานุเถระอธิษฐานจิตสืบชะตาหลวง ๕๐๐ บาท
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดแสงแก้วโพธิญาน ๑,๒๐๐ บาท

    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดพระสิงห์ ๑,๕๒๐ บาท
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดเจดีย์หลวง ๑,๓๐๐ บาท
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ๑,๖๐๐ บาท
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดพระธาตุหริภุญชัย ๑,๖๐๐ บาท
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดพระธาตุลำปางหลวง ๑,๒๐๐ บาท
    - ถวายวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน ชำระหนี้สงฆ์ วัดพนัญเชิง ๙๐๐ บาท

    รวมเงินที่ชาวคณะเป็นตัวแทนถวายปัจจัยร่วมบุญ จำนวน ๓๑,๘๒๐ บาท


    - กราบขอบพระคุณเว็บพลังจิต/วัดท่าขนุน/สะพานบุญ และเจ้าหน้าที่ที่ได้มอบพื้นที่สำหรับกิจกรรมบุญในครั้งนี้
    - กราบโมทนากัลยาณธรรมทุกท่านที่ได้ร่วมบุญ ร่วมอนุโมทนาในครั้งนี้
    - และขอขอบคุณสมาชิกทั้ง ๑๕ ท่านที่ไ่ด้ร่วมเดินทางสืบสานต่อกิจกรรมบุญกันตามธรรมะจัดสรร


    พบกันใหม่กับกิจกรรมบุญ
    ธรรมสัญจร (๔) งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปี และเป่ายันต์เกราะเพชร วัดท่าขนุน จ. กาญจนบุรี ๒๘ ม.ค.คลิก



    ;aa59
    * เตรียมรับชมรูปภาพจากกล้องของสมาชิกได้ที่ ประมวลภาพพลังจิตธรรมสัญจร ๕๕
     
  13. sunisa005

    sunisa005 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +298
    ขอจอง 2 ที่นั่ง (ทริป 5) คะ ต้องทำอย่างไรบ้างคะ อยากไปนานแล้ว
     
  14. baimaingam

    baimaingam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    634
    ค่าพลัง:
    +880
    คงไม่ได้ไป แต่ก้อขอโมทนาบุญกับผู้ที่ไปทำบุญด้วยเทอญ...
     
  15. sutanee

    sutanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    904
    ค่าพลัง:
    +3,248
    จองทริปเขาวง2ที่นะค่ะทดสอบสุขภาพ
     
  16. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    มารู้จักสถานที่ ๆ จะไปในธรรมสัญจร (๕) กันเถิด...

    [​IMG]

    ๑. วัดจันทราราม (ท่าซุง)

    วัดท่าซุง มีชื่อว่าวัดท่าซุง เพราะว่าสมัยที่การล่องซุงทางน้ำ แพซุงมักจะพักแวะที่หน้าวัดแต่ชื่อเดิมของวัดชื่อว่า วัดจันทาราม ตั้งชื่อตามอดีตเจ้าอาวาสชื่อ จันทร์ อดีตเจ้าอาวาสอีกหนึ่งองค์ที่มีความสำคัญ คือหลวงปู่ไหญ่ ,หลวงปู่เล่ง ,หลวงพ่อไล้ และหลวงปู่ขนมจีน สำหรับหลวงปู่ใหญ่ และหลวงปู่ขนมจีน พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานได้สร้างรูปเหมือนและสร้างมณฑปไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้สักการะบูชา เดิมก่อนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจะมาอยู่ วัดท่าซุงทรุดโทรมมาก พระครูสังฆรักษ์อรุณ อรุโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าซุง จึงได้นิมนต์พระเดชพระคุณหลวงพ่อมาจากวัดสะพาน จังหวัดชัยนาท เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เพื่อมาช่วยบูรณะปฏิสังขรวัด

    วัดท่าซุง แต่เดิมมีเนื้อที่ประมาณ ๖ ไร่เศษ ปี ๒๕๑๗ คณะศิษย์และลูกหลานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ร่วมกันซื้อที่ดินฝั่งตรงข้ามวัดเก่า เพื่อสร้างโบสถ์แทนโบสถ์เก่าที่ชำรุดทรุดโทรม ต่อมาก็มีสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายวัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันนี้วัดมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ ๕๑๐ ไร่ โดยแยกเป็นเนื้อที่วัด ๒๘๐ ไร่ เนื้อที่ป่า ๒๓๐ ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างและถาวรวัตถุมากมายอาทิเช่น
    - ห้องปฏิบัติพระกรรมฐาน
    - ศาลา ๒ ไร่
    - ศาลา ๓ ไร่
    - ศาลา ๑ ไร่
    - ศาลา ๑๒ ไร่
    -
    มหาวิหาร ๑๐๐ เมตร
    - วิหารสมเด็จองค์ปฐม
    -
    วิหารสมเด็จพระศรีอรียเมตไตรย์
    สิ่งก่อสร้างที่เลื่องลือกันมากที่สุดคือ ศาลา ๑๒ ไร่ และมหาวิหาร ๑๐๐ เมตร

    สมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก ๔ ศอก เป็นพระหล่อด้วยโลหะผสมทองคำ ภายในบรรจุุพระบรมสารีริกธาตุ มณฑปทั้งหมดบุแก้วทั้งข้างนอกข้างในสวยงามมาก

    มหาวิหาร ๑๐๐ เมตร
    เป็นตึก ๒ ชั้น หลังคาเป็นจตุรมุข ๓ ยอด ด้านนอกด้านใน
    ปิดกระจกจากชั้น ๒ ถึงยอดหลังคา ภายในปิดกระจกเสาทุกต้น ข้างฝาและเพดานทั้งวิหาร พระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ประดับด้วยกระจกเงาใสสะท้อนสวยงามมาก ดูเด่นเป็นสง่า ไม่ว่าจะมองใกล้หรือไกล ตัวตึกสร้างสูงยกพื้น ๑.๕ เมตร มีขนาดกว้าง ๒๘ เมตร ยาว ๑๐๐ เมตร สูง ๘ เมตร ภายในวิหารมีพระประธานแบบทรงพระพุทธชินราช จ.พิษณุโลก นอกจากนั้นยังมีรูปปั้นพระอรหันต์ ๗ องค์ เช่น พระโมคลาน์, พระสารีบุตร อยู่หน้าพระพุทธชินราช ฯลฯ
    มีรูปหล่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อลักษณะยืนถือไม้เท้า เพดานวิหารมีช่อไฟระย้าทั้งช่อใหญ่่และช่อเล็กรวมทั้งหมด ๑๑๙ ช่อ สวยงามมาก และมีบุษบกตั้งศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็ตั้งอยู่ในมหาวิหารนี้ด้วย

    พระวิสุทธิเทพ
    เป็นพระองค์สำคัญของวัดท่าซุง ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อจำลอง
    ของจริงบนพระนิพพานชั้นดาวดึงส ์ประดับด้านในพระจุฬามณีเจดียสถาน

    พระจุฬามณี ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดท่าซุง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา และอยู่ใกล้ ๆ กับอนุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช
    ระวิสุทธิเทพจำลองพร้อมวิหาร "พระจุฬามณี" ในโลกนี้มีอยู่แห่งเดียวที่วัดท่าซุงซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้สร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๒๓ จะนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ได้

    อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้วัดท่าซุงอย่างมากคือการเป่ายันต์เกราะเพชร การเป่ายันต์เกราะเพชร เป็นการอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้บทพระพุทธคุณจุดกลางยันต์ เมื่อเข้าไปรักษาคนจะอยู่ที่กระหม่อม แล้วจะวนรอบทั่วร่างกายใช้ป้องกัน และแก้โรคไสยศาสตร์ได้ สำหรับยันต์เกราะเพชร เป็นยันต์ยอดธงมหาพิชัยสงครามสมัยสุโขทัย สมัยนั้นตอนเรารบทำสงครามกันจะมีผู้ถือยันต์นำหน้าทัพ ยันต์เกราะเพชรเป็นยันต์ที่ทำไว้สูงกว่ายันต์พิชัยสงคราม
    เป็นยันต์ยอดธง ซึ่งทางวัดท่าซุงย่อส่วนลงมาให้เล็กลง ผ้ายันต์แดงเป็นยันต์พิชัยสงคราม ยันต์เกราะเพชรเป็นผ้าสีขาว

    ท่านสาธุชนสามารถมาปฏิบัติธรรมที่วัดได้ โดยค้างที่วัดได้คราวละอย่างมาก ๗ วัน ต้องมีบัตรประชาชนมาแสดงด้วย หากเป็นพระต้องมีใบรับรองจากเจ้าอาวาสที่ท่านสังกัดมาแสดงโดยทางวัด จะฝึกกรรมฐานทั้งแบบมโนมยิทธิและกรรมฐานแบบปกติในเวลา ๑๒.๓๐ - ๑๔.๐๐ น. เตรียมเสื้อผ้าที่สุภาพมาให้เพียงพอ ทางวัดมีที่พักและห้องน้ำไว้บริการเพียงพอ แต่ห้ามไม่ให้ดื่มเหล้า และเล่นการพนันรวมทั้งอบายมุขทุกอย่าง สำหรับเวลาเปิด - ปิดมหาวิหาร ๑๐๐ เมตร มีสองเวลาคือ ระหว่าง ๙.๐๐ - ๑๒.๓๐ น. และ ๑๔.๐๐ - ๑๗.๐๐ น.

    " จงอย่าสนใจจริยาของบุคคลอื่น และการเจริญสมาธิจงอย่าทำเพื่อโอ้อวด การเจริญสมาธิ
    ที่จะทำให้ดีได้ ให้ถือใจความพระพุทธเจ้าว่า ใครเขาจะมีกินมาก ใครเขาจะมีกินน้อย ใครเขาอ้วนมาก ใครเขาอ้วนน้อย ใครเขามีสาวกมาก ใครเขามีสาวกน้อย คนนั้นมีสมบัติมาก คนนั้นมีสมบัติน้อย คนนั้นเจริญสมาธิ วิปัสสนาญาณ แล้วยังแต่งตัวสวย ยังผัดหน้า ยังทาแป้ง ใครเขาจะดีจะชั่วอย่างไร เป็นเรื่องของเขา จงอย่าไปสนใจ เราจะนั่งสมาธิก็จงอย่านั่งให้บุคคลอื่นเห็น ถ้าหาก
    ไปทำอย่างนั้นพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ยังมีกิเลสอีกมาก "


    ขอบคุณที่มา :
    คัดจากคำสอนที่สายลม เดือนสิงหาคม ๒๕๒๒



    [​IMG]

    ๒. วัดสังกัสรัตนคีรี

    ตั้งอยู่เชิงเขาสะแกกรัง เดิมชื่อหมู่บ้านสะแกกรัง หมู่ ๓ บ้านน้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี เป็นวัดราษฎร์ มีประวัติความเป็นมาหมู่บ้านสะแกกรัง สมัยสุโขทัย เรียกว่า อู่ไทย หมายถึงที่อยู่ของคนไทย เป็นเมืองหน้าด่านสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นสมรภูมิสำคัญในการขับไล่พม่าสมัยกรุงธนบุรี ย้ายเมืองอู่ไทยมาไว้ที่บ้านสะแกกรัง จนกลายเป็นชุมชนเติบโตถึงปัจจุบัน

    สมเด็จพระวันรัต วัดมหาธาตุฯ มีนามเดิมว่า เฮง หรือ กิมเฮง นามฉายาว่า เขมจารี เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน ๓ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีมะเส็ง จ.ศ. ๑๒๔๓ ตรงกับวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๔ ณ บ้านท่าแร่ ต.สะแกกรัง อ.เมือง จ.อุทัยธานี บิดาเป็นจีนนอก ชื่อตั้วเก๊า แซ่ฉั่ว เป็นพ่อค้า มารดาชื่อ ทับทิม ยายชื่อ แห อุปถัมภ์เลี้ยงดูพระวันรัต วัดมหาธาตุฯ ครั้นอายุย่างเข้า ๘ ปี ป้าชื่อ เกศร์ ได้พาท่านไปฝากให้เรียนหนังสือไทยอยู่ในสำนักพระอาจารย์ชัง วัดขวิด จนมีความรู้หนังสือไทยเขียนได้อ่านออก ครั้นอายุย่างเข้า ๑๑ ปี ยายและป้าพาไปพักอยู่ในสำนักพระปลัดใจ (ซึ่งต่อมาเป็นพระราชาคณะ ที่พระสุนทรมุนี เจ้าคณะจ.อุทัยธานี) เจ้าอาวาสวัดทุ่งแก้ว ซึ่งต่อมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ รวมวัดขวิดกับวัดทุ่งแก้วเข้าด้วยกัน ตั้งชื่อว่า วัดมณีสถิตปิตถาราม สุดถนนท่าช้างในเขตเทศบาลเมือง

    พ.ศ. ๒๓๓๕-๒๓๔๒ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้นำพระพุทธรูปขนาดย่อมที่ชำรุดไปไว้ตามหัวเมืองต่าง ๆ เมืองอุทัียธานีได้รับ ๓ องค์ พระพุทธรูปองค์ที่ ๑ นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดขวิด เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นพระเนื้อทองสำริด ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๓ ศอก สร้างในสมัยพระเจ้าลิไท ฝีมือช่างสุโขทัยยุค ๒ มีส่วนเศียรกับส่วนองค์พระเป็นคนละองค์ เข้าใจว่าคงซ่อมเป็นองค์เดียวกันก่อนนำมาไว้ที่เมืองอุทัยธานี
    ต่อมาเมื่อยุบวัดขวิดไปรวมกับวัดทุ่งแก้ว จึงได้ย้ายพระพุทธรูปองค์นี้ไปไว้ที่วัดสังกัสรัตนคีรี และได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในพระเศียร พร้อมกับถวายนามว่าพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ สร้างมาแล้วนาน ๒๑๔ ปี

    ชาวอุทัยธานีเชื่อกันว่าหากได้มากราบไหว้ขอพระพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ที่ วิหารนมัสการพระพุทธบาทและสักการะพระราชนุสาวรีย์ปฐมบรมราชชนกบนยอดเขาสะแกกรังนี้แล้วพลานิสงส์ที่ได้คือ ความเป็นสิริมงคลความสำเร็จสมหวังในความปรารถนาประสบแต่ความสุขความ รุ่งเรืองในชีวิต วัดสังกัสรัตนคีรีมีงานประเพณีตักบาตรเทโว ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ หรือเดือนตุลาคมของทุกปี (ออกพรรษา) จะมีพระสงฆ์กว่า ๓๐๐ รูปออกบิณฑบาตโดยเดินลงบันไดกว่า ๔๐๐ ขั้นจากยอดเขาสะแกกรัง นับเป็นงานตักบาตรเทโวที่สวยงาม และยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

    ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย


    <table class="text" width="100%" bgcolor="#f0f0f0" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="center" align="center">[​IMG]</td> <td width="6">[​IMG]</td> <td width="1" bgcolor="#999999">[​IMG]</td></tr></tbody></table>
    ๓. วัดปากคลองมะขามเฒ่า

    วัดปากคลองมะขามเฒ่า วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ ตำบลมะขามเฒ่า เป็นวัดที่ตั้งอยู่บริเวณปากคลองมะขามเฒ่า (แม่น้ำท่าจีน) แยกจากแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากตัวเมืองชัยนาทประมาณ ๒๕ กิโลเมตร ไปทางอำเภอวัดสิงห์ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๓๑๘๓ กิโลเมตรที่ ๓๖-๓๗ เนื่องจากเดิมมีต้นมะขามเก่าแก่อยู่ต้นหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัด วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่มีทิวทัศน์ที่สวยงามน่ารื่นรมย์ และมีชื่อเสียงด้านพระเครื่องด้วย
    วัดนี้มีความสำคัญ คือ เป็นวัดที่เคยมีพระเกจิอาจารย์ ชื่อดัง เป็นเจ้าอาวาสอยู่ ซึ่ง ก็ คือ "พระครูวิมลคุณากร (ศุข)" หรือที่ชาวบ้านรู้จักในนาม "หลวงปู่ศุข" ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ชื่อดังเป็นอาจารย์ของเสด็จใน "กรมหลวงชุมพรเขตตุอุดมศักดิ์" พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๕ บิดาแห่งกองทัพเรือ เรื่องที่ทำให้กรมหลวงชุมพร ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ศุข มีอยู่ว่า

    <table align="left" border="0"> <tbody><tr> <td>[​IMG]</td> </tr> <tr> <td>
    "หลวงปู่ศุข"
    </td> </tr> </tbody></table> วันหนึ่งขณะที่กรมหลวงชุมพร ท่านล่องเรือเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยา ท่านได้มาเทียบท่าเพื่อพักการเดินทางที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านได้เห็นพระภิกษุชราผู้หนึ่ง กำลังเล่นแกล้งลูกศิษย์เด็ก ๆ ท่านเห็นพระภิกษุชราผู้นั้น เก็บหัวปลีกล้วยมาเสกเป็นกระต่ายให้ลูกศิษย์วิ่งไล่จับ พอจับได้จึงกลายเป็นหัวปลีกล้วยดังเดิม เสด็จในกรมเห็นดังนั้น เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวจึงเข้าไปหา และทราบชื่อว่าท่านคือ หลวงปู่ศุข นั่นเอง

    เสด็จในกรมมาหาท่านบ่อยมาก ถึงขนาดชาวบัานแถบนั้นรู้จักท่านเกือบทุกคน รู้กระทั่งเสด็จในกรม ท่านโปรดปราณ "อ้ายเป้" เป็นพิเศษ อ้ายเป้ก็คือ การเอาข้าวมาหมักจนได้ที่ก็จะกลายเป็นสุราชนิดหนึ่ง รสชาติดีมาก หลวงปู่ศุขได้สอนวิชาอาคมให้เสด็จในกรม จนท่านเป็นผู้มีอาคมชั้นเลิศ สามารถแก้ทางปืนไม่ให้โดนได้ เสกผ้ายันต์ได้เสมอหลวงปู่ศุข สามารถแปลงเป็นจระเข้ได้ (ตามคำบอกเล่าของคนรุ่นเก่า) ท่านสามารถยิงปืนนัดเดียว ทะลุทีละ ๒๐ กว่าคนหรือหมดทัพได้ (ตามคำบอกเล่าของคนรุ่นเก่า)

    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td> <table class="text" width="100%" bgcolor="#f0f0f0" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> <td width="100%" bgcolor="#999999">[​IMG]</td> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td height="6">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td width="1" bgcolor="#999999" height="13">[​IMG]</td> <td width="6">[​IMG]</td> <td valign="center" align="center">[​IMG]</td> <td width="6">[​IMG]</td> <td width="1" bgcolor="#999999">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> <td height="6">[​IMG]</td> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#999999">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> </td> </tr> </tbody></table>
    ในปัจจุบันวัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้รับการปรับปรุงจนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่ง ที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาประจำ ภายในวัดคุณจะได้พบกับภาพฝีพระหัตถ์กรมหลวงชุมพรเขตตุอุดมศักดิ์ ที่ท่านวาดให้หลวงปู่ศุขเมื่อตอนสร้างโบสถ์ และ ศาลากุฏิเก่าหลวงปู่ศุข ท่านสามารถนมัสการ รูปหล่อหลวงปู่ศุข และกรมหลวงชุมพรเขตตุอุดมศักดิ์ ภาพถ่าย ที่มีมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่ศุขท่านยังมีชีวิตอยู่ หุ่นขี้ผึ้งหลวปู่ศุข และมณฑปเก่าที่หลวงปู่ศุขยังสร้างไม่ทันเสร็จ ก็ มรณะภาพเสียก่อน ทางจังหวัดได้บูรณะจนสวยงาม และวัตถุโบราณที่เกี่ยวพันกับหลวงปู่ศุข

    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td> <table class="text" width="100%" bgcolor="#f0f0f0" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> <td width="100%" bgcolor="#999999">[​IMG]</td> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td height="6">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td width="1" bgcolor="#999999" height="13">[​IMG]</td> <td width="6">[​IMG]</td> <td valign="center" align="center">[​IMG]</td> <td width="6">[​IMG]</td> <td width="1" bgcolor="#999999">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> <td height="6">[​IMG]</td> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#999999">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> </td> </tr> </tbody></table>
    - ภาพฝีพระหัตถ์กรมหลวงชุมพรเขตุอุดมศักดิ์ -

    <table align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td> <table class="text" width="100%" bgcolor="#f0f0f0" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> <td width="100%" bgcolor="#999999">[​IMG]</td> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td height="6">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td width="1" bgcolor="#999999" height="13">[​IMG]</td> <td width="6">[​IMG]</td> <td valign="center" align="center">[​IMG]</td> <td width="6">[​IMG]</td> <td width="1" bgcolor="#999999">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> <td height="6">[​IMG]</td> <td colspan="2" rowspan="2" width="7">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td bgcolor="#999999">[​IMG]</td> </tr> </tbody> </table> </td> </tr> </tbody></table>
    - หน้าวัด บริเวณปากคลองมะขามเฒ่า (แม่น้ำท่าจีน) - การเดินทาง มีรถประจำทาง สาย ๑๐๖๕ ชัยนาท-วัดสิงห์, สาย ๑๙ กรุงเทพฯ-วัดสิงห์ ผ่าน

    ขอบคุณที่มา :
    http://www.dhammathai.org/watthai/central/watpakklong.php

    [​IMG]
     
  17. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    มารู้จักสถานที่ ๆ จะไปในธรรมสัญจร (๖) กันเถิด...

    [​IMG]

    ๑. พระพุทธบาทพลวง (คิชฌกูฎ)

    การพบรอยพระพุทธบาทจันทบุรี ออกจะเป็นบุญญาภินิหารของชาวจังหวัดจันทบุรีมิใช่น้อย นับว่าเป็นโชคของพุทธศาสนิกชน และเป็นมิ่งขวัญของชาวจังหวัดจันทบุรี และพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศไทย

    เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๗ โดยมีนายติ่งพร้อมด้วยพวกหลายคนด้วยกัน ได้พากันเดินทางขึ้นไปบนเขา เพื่อหากฤษณากะลำพักมาขายทำที่พักไว้บนเขาหลายวัน ตอนกลางวันต่างคนต่างก็ออกไปแสวงหาโชคลาภ วันหนึ่งพากันกลับที่พักไม่ถูก ต่างพากันขึ้นไปพักเหนื่อย เพื่อนคนหนึ่งของนายติ่งได้ถอนหญ้าเพื่อจะนอนพักก็พบแหวนใหญ่ขนาดสวมหัวแม่เท้าได้ เมื่อช่วยกันตรวจดูก็ปรากฏว่าเป็นแหวนทำด้วยนาค เมื่อพบโชคลาภเช่นนี้ก็ช่วยกันถอนหญ้าเพื่อแสวงหาโชคกันใหญ่ ตอนนี้ไม่พบอะไร นอกจากหินแผ่นหนึ่งมีพื้นที่เป็นรูปก้นหอย หลังจากนั้นก็กลับบ้านได้อย่างสะดวกง่ายดาย ต่อมานายติ่ง นายนำ นายปลิ่มได้นำบุตรชายไปอุปสมบทที่วัดพลับ อ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อบวชลูกชายเรียบร้อยแล้ว จึงกลับบ้านไม่ทัน จึงค้างคืนที่วัดนั้น

    รุ่งขึ้นก็เป็นงานเทศกาลปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง นายติ่งจึงซื้อทองไปปิดรอยพระพุทธบาทจำลองนั้น เมื่อปิดแล้วจึงพูดขึ้นว่า พระพุทธบาทที่เขาเช่นนี้ทางบ้านผมก็มีเหมือนกัน พระได้ยินเช่นนั้นก็จึงเรียนให้เจ้าอาวาสวัดทราบ สมัยนั้น หลวงพ่อเพชรเป็นเจ้าอาวาสวัดพลับ จึงเรียกนายติ่งเข้าไปไต่ถาม นายติ่งจึงเล่าความว่าเป็นความจริง เจ้าคณะจังหวัดจึงให้พระไปพิสูจน์ดู นายติ่งเป็นผู้นำทางเมื่อไปพบเข้าก็เป็นความจริงดังที่นายติ่งบอก จึงได้นำแหวนจากนายติ่งไปถวายเจ้าคณะจังหวัด ต่อมาเจ้าคณะจังหวัดได้ไปดูด้วยตนเองไปดูก็เป็นความจริง จึงได้ตรวจดูตามบริเวณนั้นทั่วไป ก็พบสิ่งแปลกประหลาดและสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่าง ดังนี้

    พบรอยพระพุทธบาท นั้นท่านทรงเหยียบจารึกไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ บรรจุคนนั่งได้เป็นร้อยกว่าคน บนยอดเขาสูงสุด กว่าง ๑ เมตร ยาว ๒ เมตร และทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งใหญ่มาก หินก้อนนี้เรียกกันว่า "หินลูกพระบาท" ตั้งขึ้นมามองแล้วน่าแปลกใจและมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ไม่น่าตั้งอยู่ได้เลย มองดูแล้วคล้าย ๆ ลอยอยู่เฉย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นคนก่อน ๆ เล่ากันต่อมาว่า เขาเคยเอาด้าย สายสิญจน์คล้องแล้วหลุดมาได้ พิสูจน์ดูแล้วก็น่าจะเป็นไปได้ ดูโปร่ง ๆ คล้าย ๆ ไม่ติดอะไรเลยและยังมีหินอีกลูกหนึ่งใหญ่มากเหมือนกัน อยู่ตรงกันข้ามกับลูกพระบาทนี้ ก็มีรอยพระหัตถ์นั้น ห่างกันประมาณ ๕ เมตร และยิ่งแปลกไปกว่านั้นในก้อนหินนั้นตรงกันข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่อันนี้เรียกว่า "รอยเท้าพญามาร" เพียงแหงนหน้าขึ้นไปมองจะเห็นได้ทันที สูงประมาณ ๑๕ เมตร ต่อจากนั้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากหินลูกนี้ไปเพียง ๑๕ วา ก็มีหินลูกข้างบนเป็นลานจะมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน นี่ก็น่าแปลกมาก ยืนบนหินลูกนั้นมองลงไปทางทิศเหนือจะเห็นถ้ำเต่า บนหลังถ้ำจะมองเห็นเป็นรูปเต่า ลักษณะคล้าย ๆ เต่าปลวก ต่อจากนั้นก็หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาท ก็จะพบกับถ้ำช้าง ถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทไป จะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้างจริง ๆ เลยจากช้างไปสูงสุดนั้น เราเรียกว่าห้างฝรั่ง ที่เรียกว่าห้างฝรั่ง ก็เพราะฝรั่งไปตั้งห้างส่องกล้องเพื่อทำแผนที่ มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งเรียกันกว่า ถ้ำสำเภา เพราะมีก้อนหินก้อนหนึ่ง ข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำเภา จึงเรียกว่าถ้ำสำเภา ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งใต้พระบาทนี้เรียกว่าถ้ำตาฤาษี

    ที่ของชื่อเขาคิชฌกูฏนั้น ในตำนานศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่าเขาคิชฌกูฎอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ แปลว่าภูเขาแร้งกระพือปีก มีคันธกุฎีอยู่บนยอดเขา และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต เป็นความดำริของพระครูธรรมสรคุณ (ท่านพ่อเขียน) ซึ่งเป็นกรรมการและเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวงตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้เสนอใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง) เหตุผลเพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่พุทธศาสนาเจริญกว่าเมืองไหนๆ แม้กระทั่งประเทศอินเดีย จึงน่าจะใช้ชื่อนี้เป็นที่ระลึกถึงพระบรมศาสดา ในทุกๆ ปีจะมีพิธีเปิดและพิธีปิดการขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี

    ขอบคุณที่มา: (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, ๒๕๔๔:๙๗-๙๙)



    [​IMG]

    ๒. พระครูธรรมสรคุณ (ท่านพ่อเขียน ขนฺธสโร)

    ท่านพ่อเขียน ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๓ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ณ บ้านกะทิง ต.พลวง อ. เขาคิชฌกูฎ (ขณะนั้นเป็นอำเภอมะขาม) จ.จันทบุรี เป็นบุตรของนายอยู่ และ นางมุ้ง ทองคำ ในครอบครัวของท่านประกอบอาชีพพวกเกษตรกรรม และการหาของป่าสมุนไพร ดังนั้นท่านจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาพืชสมุนไพรและของป่าบนเขาคิชฌกูฏจนมีความชำนาญ ในช่วงวัยเรียน ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดกะทิง ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี จนกระทั่งพอท่านมีอายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ โดยมีพระครูนิเทศคณานุสิฏฐ์ วัดหนองอ้อ ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูพุทธบทบริบาล วัดพลวง ต.พลวง กิ่ง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ขนฺธสโร” หลังจากนั้นท่านได้สอบไล่นักธรรมชั้นตรี และได้รับภาระตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระทิงสืบต่อจากหลวงพ่อรุ่ง อดีตเจ้าอาวาสวัดกระทิง ที่ได้มรณภาพลงในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ และในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูธรรมสรคุณ และในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ ท่านก็ได้ริเริ่มโครงการนำวัดเข้าสู่โรงเรียน แล้วนำโดยการปฏิบัติจริง จากนั้นอีก ๓ ปีต่อมา ท่านได้พิมพ์หนังสือเรื่อง นำวัดเข้าสู่โรงเรียน เพื่อให้เด็กวัดรู้จักอารยธรรมของชาวจันทบุรี และวิถีชีวิตของคนจันทบุรีในสมัยก่อน จากผลงานของท่านที่ได้ปฏิบัติมา สมเด็จพระญานสังวร สมเ็ด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้พระราชทานปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ แด่พระครูธรรมสรคุณ ในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งได้รับโล่เกียรติคุณผู้ทำคุณประโยชน์ด้านการแนะแนวชีวิตและสังคม ประจำปี พ.ศ. ๒๕๔๖ จากกระทรวงศึกษาธิการ หลวงพ่อเขียน ท่านเป็นคนมีน้ำใจ ทุกครั้งที่เวลาหน่วยงานราชการ องค์กรการกุศล โรงเรียน ได้ขอความอนุเคราะห์จากท่าน ท่านไม่เคยปฏิเสธ ท่านจะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นอย่างเต็มที่ หลวงพ่อเขียนท่านเป็นคนที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดิน อย่างเช่นเหตุการณ์ที่น้ำท่วมในจันทบุรีในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ และเวลาผู้คนเดินทางขึ้นมาบนเขาคิชฌกูฏมานมัสการกราบท่าน ท่านก็จะให้โชคให้ลาภ ให้เงินทอง ให้ความสุขกับผู้คนที่มีจิตใจเคารพท่าน และเวลามีเรื่องร้ายใด ๆ ท่านก็จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่

    ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย




    [​IMG]

    ๓. วัดเขาสุกิม

    วัดเขาสุกิม เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของเมืองจันท์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระอาจารย์สมชาย ฐิตวิริโย ตั้งอยู่บนเขาแพร่งขาหยั่ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญภาวนาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    นักท่องเที่ยวสามารถเลือกได้ว่าจะฝึกความแข็งแรงของร่างกาย โดยการเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้า ๆ หรือจะเลือกนั่งรถรางไฟฟ้าขึ้นไปแทนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้น บริเวณวัดมีพื้นที่กว้างขวางประมาณ ๓,๒๘๐ ไร่ อยู่สูงขึ้นไปบนเนินเขา ทางวัดได้สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้นมัสการ และมีบ่อเลี้ยงปลาคาร์ฟขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้าวัดใกล้ ๆ กับบริเวณทางขึ้นรถรางไฟฟ้า ด้านบนมีสถานที่ทำบุญหลายจุด และอาคารสี่ชั้นชื่อ ตึก ๖๐ ปีเฉลิมพระเกียรติ ภายในจัดแสดงศาสนสมบัติ ศาสนวัตถุและวัตถุโบราณล้ำค่าต่าง ๆ มากมายรวมถึงมุมทำบุญถวายสังฆทาน บริเวณชั้น ๔ หรือชั้นดาดฟ้าของตึกจะมีวิหารบูรพาจารย์อุทิศ ซึ่งเป็นห้องพิพิธภัณฑ์จัดแสดงหุ่นขี้ผึ้งเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มรณภาพไปแล้วหลายองค์ ได้แก่ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง จังหวัดหนองคาย, หลวงปู่กงมา จิรปุญโญ วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร, หลวงปู่ดุล อตุโล วัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์, หลวงปู่ฟั่น อาจาโร วัดป่าอุดม จังหวัดสกลนคร, พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ฯลฯ ซึ่งแต่ละองค์ดูงดงามและเหมือนจริงมาก นอกจากนั้นยังมีการจัดแสดงโต๊ะเก้าอี้ฝังมุก และแจกันขนาดใหญ่แบบจีน เวียดนาม จำนวนหลายใบอีกด้วย


    ขอบคุณที่มา : วัดเขาสุกิม



    [​IMG]

    ๔. อ่าวคุ้งวิมาน

    หาดคุ้งวิมาน อยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ ๕๐ กิโลเมตร จากถนนสุขุมวิทหลักกิโลเมตรที่ ๓๐๑ มีแยกเลี้วซ้ายเข้าไปอีก ๑๘ กิโลเมตร ก่อนที่จะถึงอ่าวคุ้งวิมานประมาณ ๑ กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายเข้าไปจุดชมวิวอยู่บนเนินเขา อ่าวคุ้งวิมานมีลักษณะเป็นหาดทรายสีเหลือง ที่ริมชายหาดมีร้านค้าบริการ อาหารเครื่องดื่มและห้องอาบน้ำจืด บรรยากาศเงียบสงบเหมาะแก่การพักผ่อน มีสถานที่สำหรับพักแรม อ่าวคุ้งกระเบนอยู่ถัดจากหาดคุ้งวิมาน ประมาณ ๘ กิโลเมตร มีหาดทรายสีขาวสะอาดและมีบริการที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว จุดเด่นอยู่ที่ จุดชมวิวเนินพญา อยู่ปลายสุดทางหลวง

    ขอบคุณที่มา :
    http://www.thai-tour.com





    [​IMG]

    ๕. วัดพลับ

    วัดพลับ
    ตามหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานว่าพื้นที่ชุมชนวัดพลับและบ้านบางกะจะคงมีอายุในราว พ.ศ. ๒๓๐๐ เป็นบริเวณที่กองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราชได้ใช้พักไพร่พล สิ่งก่อสร้างในวัดมีด้วยกันหลายสมัย ตู้พระไตรปิฎกไม้ลงรักปิดทองเขียนลายรดน้ำศิลปะแบบอยุธยาตอนปลาย เจดีย์ทรงปรางค์สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๑ หอไตรกลางน้ำเป็นอาคารไม้ เสารองรับหลังคาเป็นของเดิมมีเขียนลายรดน้ำปิดทอง อายุเก่ากว่าสมัยก่อนอยุธยา ได้รับการซ่อมครั้งล่าสุด เมื่อพ.ศ. ๒๕๑๘ เจดีย์กลางน้ำเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบรัตนโกสินทร์ วิหารไม้หลังคาทรงจตุรมุขที่มีอายุนับร้อยปี ภายในประดิษฐานพระประธานปางทุกรกิริยา สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน เมื่อครั้งเสด็จเมืองจันทบุรี และพระอุโบสถแห่งนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกมุรธาภิเษกในสมัยต้นราชวงศ์ จักรี (มุรธาภิเษก คือ น้ำรดพระเศียรในงานราชาภิเษก หรือพระราชพิธีอื่นๆ - พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕)

    ด้านหลังวัดเคยมี "สำซ่าง" ซึ่งเชื่อว่าเหลืออยู่ที่วัดนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เป็นที่เผาศพแบบโบราณ มีลักษณะเป็นหลังคาลดชั้น ๕ ชั้น ยอดแหลมมุงด้วยกระเบื้องเกล็ดเต่า (กระเบื้องดินเผาปลายตัดเป็นมุมแหลม ผิวด้านสีแดงตามเนื้อดิน ใช้มุงหลังคา โบสถ์ วิหาร : พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๒๕) แต่ปัจจุบันพังทลายลงไปแล้ว

    ขอบคุณที่มา : วัดพลับ


     
  18. ญ.ผู้หญิง

    ญ.ผู้หญิง ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,419
    ค่าพลัง:
    +26,932
    มารู้จักสถานที่ ๆ จะไปในธรรมสัญจร (๗) กันเถิด...

    [​IMG]

    ๑. วัดเขาวงพระจันทร์

    วัดเขาวงพระจันทร์ เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตำบลห้วยโป่ง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ปัจจุบันมี พระมงคลภาวนาวิกรม พระราชาคณะชั้นสามัญ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ซึ่งชาวลพบุรีจะเรียนท่านว่า หลวงปู่ฟัก

    การเดินทางไปสักการะรอยพระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์ จะมีบันไดขึ้นไปสู่ยอดเขาประมาณ ๓,๗๙๙ ขั้น ยอดเขานี้สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ ๖๕๐ เมตร ถ้าวัดจากเชิงเขาถึงยอดเขาโดยแนวบันไดจะยาว ๑,๖๘๐ เมตร ใช้เวลาเดินทางจากเชิงเขาถึงยอดเขาประมาณ ๒ ชั่วโมง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยป่าไม้ขึ้นสลับซับซ้อนเต็มไปหมด บางแห่งจะเป็นที่ลาด บางแห่งจะเป็นที่ชัน เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขาวงพระจันทร์จะมองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างได้ไกลสุดสายตา สถานที่นี้เป็นแหล่งสะสมวัตถุโบราณ ของหายากมากมาย และพระพิมพ์ต่าง ๆ มากมาย เพราะ หลวงปู่ฟัก เจ้าอาวาสท่านเป็นนักส่องพระมาก่อนที่ท่านจะบวช ซึ่งมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ได้ชมกันอีกด้วย ปัจจุบันมีพระครูสมถวิกรม หรือหลวงปู่ฟัก เป็นเจ้าอาวาส

    ประวัติเขาวงพระจันทร์ ท้าวกกขนาก ยักษ์ตนสุดท้ายที่ไม่ยอมแพ้พระราม จึงถูกพระรามแผลงศร โดนยักษ์กระเด็นลอยละลิ่วข้ามมหาสมุทรอินเดียมาตกที่ยอดเขาลูกนี้ แล้วพระรามก็สาปให้ศรปักอกเอาไว้หากวันใดที่ศรเขยื้อนให้หนุมานลูกพระพาย (ลูกลม ถ้าตายเมื่อต้องลมพัดผ่าน จะกลับฟื้นคืนชีพ หนุมานจึงไม่รู้จักตาย) เอาฆ้อนมาตอกย้ำลูกศรให้ปักอกไว้เช่นเดิม แต่ยักษ์โดนเข้าขนาดนี้ก็ยังไม่ตายนอนรอความตาย ฝ่ายนางนงประจันทร์ลูกสาวยักษ์ก็เหาะตามพ่อมาเพื่อปฏิบัติพ่อ เพราะพ่อยังไม่ตาย นอนแอ้งแม้งอยู่ในถ้ำยอดเขานางพระจันทร์นี้และนางทราบว่าหากได้น้ำส้มสายชูมารดที่โคนศรแล้วศรจะเขยื้อนหลุดออกมาได้ แต่หากศรเขยื้อน ไก่แก้วก็จะขันเรียกหนุมานเอาฆ้อนมาตอกศร ตำนานนี้เป็นผลให้ลพบุรีไม่มีน้ำส้มสายชูขายมานาน จากตำนานนี้จึงเรียกเขาลูกนี้ว่า เขานงประจันต์หรือนางพระจันทร์ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๖ หลวงพ่อโอภาสี ได้ขึ้นมาบนเขานี้ และเห็นว่าบริเวณเขาทั้ง๔ ด้าน เป็นรูปเขาโค้ง มองทางไหนก็เห็นเป็นวงโอบล้อมอยู่ จึงขนานนามว่า "เขาวงพระจันทร์"

    สิ่งมหัศจรรย์ ๙ อย่างของเขาวงพระจันทร์
    ๑. มีรอยพระพุทธบาทแท้ (รอยพระบาทที่ ๔)
    ๒. มีรอยเขี้ยวแก้วพระพุทธเจ้าแท้
    ๓. หลวงปู่ฟัก อายุ ๙๓ ปี เจ้าอาวาสปัจจุบัน(ฉันมังสะวิรัติตลอดชีวิต, ไม่อาบน้ำตลอดชีวิต)
    ๔. มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาเองจำนวนมาก
    ๕. มีพิพิธภัณฑ์พันล้าน
    ๖. มีบันไดขึ้นเขา ๓,๗๙๙ ขั้น
    ๗. มีต้นปลัดขิกธรรมชาติ
    ๘. มีความ ๓ เขาแห่งเดียวในโลก
    ๙. มีงาช้างสีดำแห่งเดียวในโลก

    ในหน้าเทศกาลเดือนสาม ประชาชนโดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนทั้งใกล้และไกล จะหลั่งไหลกันมานมัสการรอยพระพุทธบาท และพระพุทธรูปบนยอดเขาแห่งนี้อย่างเนืองแน่นเป็นประจำทุกปี สิ่งก่อสร้างและรูปแบบของการแสดงความเคารพที่วัดนี้จึงค่อนข้างจะมีอิทธิพลจีนหรือฝ่ายมหายานอยู่มาก เขาวงพระจันทร์ได้ชื่อว่าเป็นเขาที่สูงที่สุดของจังหวัดลพบุรี และเป็นภูเขาที่สร้างชื่อเสียงให้ผู้คนรู้จักเมืองลพบุรีมาช้า

    ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย



    [​IMG]

    ๒. วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร

    ตั้งอยู่ที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ตามพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า มีพระภิกษุไทยคณะหนึ่ง เดินทางไปยังลังกาทวีป เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาท พระสงฆ์ลังกากล่าวว่า ประเทศไทยก็มีรอยพระพุทธบาทอยู่แล้วที่เขาสุวรรณบรรพต จึงได้นำความกราบทูลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมให้ทรงทราบ และได้สืบหาจนพบรอยพระพุทธบาท เพื่อเป็นที่สักการะบูชา เป็นศูนย์รวมแห่งพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ พระพุทธบาทสระบุรีเป็นพระอารามหลวงที่พระมหากษัตริย์แทบทุกพระองค์ทรงทำนุบำรุงและเสด็จไปนมัสการตลอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์

    ประเพณีนมัสการสักการะรอยพระพุทบาทเดือน ๓ ครั้ง ๑ และเดือน ๔ ครั้ง ๑

    ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย


    [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma][​IMG][/FONT]

    ๓. วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)

    ตั้งอยู่ที่วัดเขาวง บ้านเขาวง หมู่ ๕ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท ห่างจากตัาอำเภอพระพุทธบาท ประมาณ ๓ กิโลเมตร ที่ปากถ้ำมีอักษรมอญโบราณ (ปัลลวะ) ซึ่งเป็นแบบอักษรของชาวอินเดียฝ่ายใต้ ปรากฎมีในภาคกลาง และภาคใต้ของประเทศไทยในสมัยก่อนสุโขทัย จนวิวัฒนาการมาเป็นอักษรขอมและ มอญโบราณ ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงมหาราชทรง นำมาดัดแปลงประดิษฐ์เป็นต้นกำเนิดอักษรไทย จนถึงทุกวันนี้อักษรจารึกถ้ำนารายณ์ มีข้อความ ๓ บรรทัด ถูกจารึกในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๒ (ยุคทวาราวดี) ในยุคนั้น ชนชาติมอญมีอำนาจรุ่งเรือง อักษรจารึก เขียนเป็นคำบอกร้อยแก้ว กรมศิลปากรแปลไว้ว่า

    “กัณทราชัย ผู้ตั้งแคว้นอนุราธปุระ ได้มอบให้พ่อลุงสินาธะ
    เป็นตัวแทนพร้อมกับชาวเมือง (อนุราธปุระ) จัดพิธีร้องรำ
    เพื่อเฉลิมฉลอง(สิ่ง)ซึ่งประดิษฐานไว้แล้วข้างในนี้”

    อ้างอิงจาก
    (เทิม มีเต็ม และจำปา เยื้องเจริญ กองหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ‘จารึกบนผนังปากถ้ำนารายณ์’ ในวารสารศิลปากร หน้า ๕๓-๕๗ ม.ป.ป.)


    <table width="95%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td>
    [​IMG]
    </td><td> จารึกนี้บอกให้ทราบว่า ท้องถิ่นแถบนี้มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นเวลานาน และอาจจะเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง มาก่อน ซึ่งคำว่า ‘อนุราธปุระ’ เป็นชื่อเมืองโบราณในประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นเกาะทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย และอาจจะแสดงว่าชาวลังกากับคนท้องถิ่นนี้ (มอญโบราณ) มีการติดต่อสัมพันธ์กัน จึงมีการอ้างชื่อเมือง เพื่อกำหนดให้ระลึกถึงกัน พร้อมทั้งจารึกอักษรไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้เปรียบเทียบศึกษาจาก บันทึกในพงศาวดารหลายฉบับระบุว่า ในสมัยอาณาจักรสุโขทัย และกรุงศรีอยุธยา รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ.๒๑๖๓-๒๑๗๑) เคยมีปรากฏคณะสงฆ์ไทยเดินทางไปเมืองลังกาเพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาทที่เขา สุมนกูฏ แต่พระภิกษุลังกาได้บอกว่ามีรอยพระพุทธบาท ในประเทศไทยที่เขาสุวรรณบรรพต และเกิดการค้นพบรอยพระพุทธบาทบริเวณเทือกเขานี้ในเวลาต่อมา หรืออาจจะหมายถึงการแลกเปลี่ยน วัฒนธรรมพระพุทธศาสนาลังกาวงศ์และสยามวงศ์ตามที่ปรากฏในพงศาวดารของชาติไทย เราด้วย ก็อาจจะเป็นได้
    </td></tr></tbody></table>
    วัดเขาวง ตั้งอยู่เลขที่ ๖๒/๑ หมู่ที่ ๕ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยได้รับอนุญาตสร้างวัดเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ และได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดตามลำดับ จนกระทั่งได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๑ มีบริเวณกว้าง ๓๐ เมตร ยาว ๕๑ เมตร เนื้อที่ ๑,๕๐๐ ตารางเมตร ดำเนินการผูกพัทธสีมาเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๖

    สถานที่ แห่งนี้เป็นศาสนสถานมาเป็นเวลายาวนาน สืบความไปถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงเสด็จจากวังนารายณ์เมืองละโว้(ลพบุรี) ไปว่าราชการที่กรุงศรีอยุธยา ทรงผ่านประทับแรม ณ ถ้ำนารายณ์ ... และสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งทรงเสด็จมานมัสการรอยพระพุทธบาท ก็ได้เสด็จประทับพักแรมในถ้านารายณ์ ซึ่งมีอากาศเย็นสบายตลอดปี และจากจารึกอักษรผนังปากถ้ำก็ปรากฏหลักฐานว่า ถ้ำนี้ได้เคยเป็น ที่บำเพ็ญกุศลมาตั้งแต่สมัยอนุราธปุระ เมื่อกว่า ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว ผ่านความรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมและฟื้นฟูขึ้นเป็นวัดตามประเพณีการปกครอง แผ่นดินและ การสืบพระพุทธศาสนา ดังกล่าวข้างต้น

    </td></tr><tr><td>
    [​IMG][​IMG][​IMG]
    </td></tr><tr><td> ปัจจุบันนี้ โดยการนำของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) และพระธรรมสิทธินายก (ธงชัย สุขญาโณ) แห่งวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร วัดเขาวง ได้พัฒนาขึ้นมาสู่สภาพวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนของกรมศิลปากรแล้วเมื่อวัน ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๕ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙ ตอนพิเศษ ๑๑๙ ง และยังเป็นแหล่งพันธุ์ไม้และสัตว์หาดูยาก คือโมกราชินี (Wrightia SIRIKITIAE D.J. Middleton&Santisuk) จันผา, นกหัวจุก, กระรอกเผือก ฯลฯ เพื่อรักษาไว้เป็นมรดกวัฒนธรรมศาสนาของชาติไทยสืบไป
    วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสระบุรี และปฏิบัติกรรมฐานตามสาย พระเดชพระคุณพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) มีหลักเจริญภาวนา มหาสติปัฏฐานสูตร รับผู้เข้าพัก ปฏิบัติธรรมตลอดทั้งปี ตามระเบียบและจารีตของสำนัก

    ขอบคุณที่มา : http://www.watkhaowong.com




    [​IMG]

    ๔. รายนามพระอาจารย์นั่งอธิษฐานจิตพิธีพุทธาภิเษก
    </td></tr></tbody></table> ​
     
  19. vena

    vena เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +590
    จองทริปธรรมสัญจร (๖) เขาคิชณกูฎ ๑ ที่นั่งค่ะ
     
  20. klu

    klu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,320
    จองทริปธรรมสัญจร ๕ มโนมยิทธิ 1 ที่
    -----------------------------------
    ถ้าทริปธรรมสัญจร ๗ วัดเขาวง
    ออกเดินทางประมาณเที่ยงคืนวันเสาร์
    ขอจอง 1 ที่
     

แชร์หน้านี้

Loading...