ปฏิบัติตนไม่ครบไปสวรรค์ได้ ไปนรกได้

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 3 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ปฏิบัติตนไม่ครบไปสวรรค์ได้ ไปนรกได้[​IMG]
    [FONT=CordiaUPC, BrowalliaUPC, MS Sans Serif] ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่ ๓ ของเรื่อง การหนีบาป
    การปฏิบัติตนเพื่อการหนีบาปนี่ ว่าจะรอพุดให้จบ รอคำอธิบายให้จบ บรรดาท่านพุทธบริษัทก็จะใช้เวลามากเกินไป จะรำคาญในการปฏิบัติ หรือการรับฟัง ขอนำเอาคำแนะนำขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาพูดให้เข้าใจเสียก่อน องค์สมเด็จพระชินวร คือ พระพุทธเจ้า ได้ทรงแนะนะบรรดาท่านพุทธบริษัทไว้ว่า
    "ถ้าต้องการจะให้พ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔ มีการเกิดเป็นสัตว์นรก เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นอสุรกาย เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะไม่ต้องเกิดในแดนนี้ทุกชาติไปจนกว่าจะเข้าถึงนิพพาน สมเด็จพระพิชิตมารได้ทรงให้ตัดสังโยชน์ทั้ง ๓ ประการ" คือ
    ๑. สักกายทิฏฐิ ให้มีความรู้สึกไว้เสมอว่าชีวิตนี้มันต้องตายและก็ตั้งใจไว้ว่าการตายของเราคราวนี้ เราจะไม่ยอมลงอบายภูมิทั้ง ๔ มีนรกเป็นต้น หลังจากนั้นองค์สมเด็จพระทศพลทรงแนะนำให้ยอมรับนับถือ คือหมดความสงสัยในความดีของพระพุทธเจ้า ในความดีของพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และความดีของพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ยอมรับนับถือด้วยความจริงใจด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เมื่อนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ตัดความสงสัยที่เรียกว่า วิจิกิจฉา ได้แล้ว
    ข้อที่ ๓ ก็เป็น สีลัพพตปรามาส คือปฏิบัติในศีลให้ได้ครบถ้วนทุกประการด้วยความเต็มใจการปฏิบัติศีลห้าครบถ้วนสำหรับฆราวาส มีศีลห้าใช้ได้แน่นอน ถ้าจะทำคนให้ดีจริงๆก็มีกรรมบถ ๑๐ ด้วย ถ้ามีทั้งศีลห้ามีทั้งกรรมบถ ๑๐ อย่างนี้จะมีความสุขอย่างยิ่งทั้ง ปัจจุบันและสัมปรายภพ ถ้าปฏิบัติตนได้อย่างนี้องค์สมเด็จพระมหามุนี คือพระพุทธเจ้าทรงยืนยันวาท่านทั้งหลาย เมื่อตายแล้วจากชาตินี้ก็ดีหรืออีกกี่ชาติก็ดี จะไม่พบกับคำว่าอบายภูมิเลย การเกิดเป็นสัตว์นรกก็ดี เป็นเปรตก็ดี เป็นอสุรกายก็ดี ไม่มีสำหรับท่าน แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ไม่เกิดในแดนนั้น จะเวียนว่ายตายเกิดเฉพาะการเกิดเป็นคน เป็นเทวดาหรือพรหม เท่านั้น
    ขอย้ำอีกนิดหนึ่งเผื่อว่าท่านทั้งหลายจะฟังไม่ถนัด คือการที่จะพ้นอบายภูมิทั้ง ๔ ได้คือ
    ๑. มีความรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องตาย ตั้งใจไว้ว่าก่อนจะตายจะปฏิบัติเพื่อเป็นการพ้นจากอบายภูมิทั้ง ๔ คือยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ด้วยความ
    จริงใจและเต็มใจ ถ้าฆราวาสมีศีลห้าบริสุทธิ์ ใช้ได้ แต่ว่าจะให้ดีจริงๆ ต้องมีกรรมบถ ๑๐ อีกด้วยจะดีมาก จะเป็นคนที่มีความสุขหรือมีเสน่ห์มากในสมัยที่มีชีวิตอยู่ ตายไปแล้วองค์สมเด็จพระบรมครูก็ทรงยืนยันว่าอบายภูมิทั้ง ๔ ตามที่กล่าวมาแล้วไม่มีอีก
    ตอนต้นนี้ขอย้ำให้บรรดาท่านพุทธบริษัททราบ เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องคอยพูดจบคอยพูดจบเรื่องนี่เรื่องมันมาก
    ต่อไปนี้ก็มาพูดถึงบุคคลที่ปฏิบัติทำตนไม่ครบแต่บังเอิญไปสวรรค์ได้ไปนรก ได้ไปนรกใครไม่ชอบละมั๊ง เป็นอันว่าไปสวรรค์ได้ไปนรกได้ก็แล้วกัน แต่ว่าการกลับมาเกิดนั้นไม่แน่นอนบางทีไปเป็นเทวดาหรือพรหมแล้ว แต่กลับลงมา หมดบุญวาสนาบารมีจากเทวดาหรือพรหม ก็ไม่พักที่เทวดาหรือพรหม และไม่พักที่มนุษย์ เพราะอาศัยกรรมที่เป็นอกุศลในกาลก่อน ที่ทำมาในสมัยที่เป็นมนุษย์เป็นบาปอกุศลพาตนพุ่งหลาวลงอเวจีมหานรกไปบ้าง ลงนรกขุมอื่นบ้าง เป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกายบ้าง เป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง อย่างนี้ก็มี
    ก็รวมความว่าถ้าทำตนไม่ครบถ้วนตามที่กล่าวมาแล้ว แต่เป็นความดีพอที่จะพาตนไปสวรรค์ได้ แต่ก็ไปได้แน่แต่ลงมาซิไม่แน่ ไม่ใช่จะค้างที่มนุษย์ อาจจะไปค้างที่นรกก็ได้ อสุรกายก็ได้ สัตว์เดรัจฉานก็ได้ บางท่านลงมาเป็นมนุษย์ได้เหมือนกัน แต่กรรมชั่วเก่านำผลดลใจตนให้เกิดบาปอกุศล ตายจากความเป็นคนลงไปอเวจีมหานรก อันนี้ก็มีมาก
    รวมความว่าถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจะหนีนรกกันจริงๆ ก็ขอให้ปฏิบัติตนครบทั้ง ๓ ประการตามที่กล่าวมาแล้ว
    ต่อไปนี้ก็ของดเรื่องที่จะพูดถึง "พุทธานุสสติ" ไว้ก่อน ต่อไปนี้จะขอนำเอาเรื่องเบาๆ ที่เป็น "อารมณ์ฟุ้ง" คือไม่ขาดศีล ๕ ไม่ขาดสรรณคมน์ คือไม่ทำลายพระพุทธเจ้า ไม่ติเตียนพระพุทธเจ้า ไม่คัดค้านพระธรรม ไม่ทำลายพระสงฆ์ และก็ไม่ได้ทำลายศีล แต่ว่ามีอารมณ์ฟุ้งทำตนให้เกิดในอบายภูมิ มีการเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง เป็นสัตว์นรกบ้าง เป็นสัตว์ใหญ่บ้าง เป็นสัตว์เล็กบ้าง เป็นต้น
    สำหรับคนที่มีการปฏิบัติดีอย่างยิ่ง นี่ขอนำที่ไม่เกี่ยวกับศีล เดี๋ยวจะหาว่าคนที่ละเมิด คำสั่งสอนขององค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีศีลเสียอย่างจะต้องลงนรก หรือปรามาสพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ลงนรกมันก็ไม่แน่เหมือนกัน ขอเอาเรื่องเบาๆ มา ที่ไม่เกี่ยวกับการปรามาสพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ ไม่เกี่ยวกับการทำลายศีล แต่ว่าลงนรก เอามาคุยสู่กันฟังก่อน เพื่อเป็นความรู้ของบรรดาสาวกขององค์สมเด็จพระชินวร ทั้งนี้ก็ต้องนำพระสูตรมาคุยกันดีไหม ลูกหลานตัวเล็กๆ ยิ้มแป้น บอกว่าดีครับ ดีเจ้าค่ะ ความจริงที่พูดนี่มีคนนั่งฟังอยู่ด้วยนะ และก็เลยบันทึกเสียงไว้ ให้มันพอกับเวลาที่จะฟังกันคือ ๓๐ นาที นิทานเรื่องนี้ ชาวบ้านเขาเรียกว่า "นิทาน" แต่ว่าทางพระพุทธศาสนาเขียนในบาลีเรียกว่า "พระสูตร" พระสูตรก็คือ นิทาน นิทานก็คือพระสูตร แต่นิทานในพระสูตรเป็นนิทานเรื่องจริงๆ ไม่ใช่นิทานเรื่องหลอกๆ ไม่ใช่โกหกมดเท็จ เอาเรื่องจริงมาพูดกัน
    เนื้อความมีอยู่ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นองค์สมเด็จพระบรมครูแสดงธรรมเทศนาสอนบรรดาท่านพุทธบริษัทให้พ้นจากความทุกข์ คนที่มีความเคารพพระพุทธเจ้าอย่างจริงจังมากอย่างยิ่งคนหนึ่ง ความจริงมีหลายคน มีมาก แต่ท่านผู้นี้คณะนี้มีความเคารพในองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจริงๆ หนึ่งในจำนวนที่มีคนดีหลายๆ คน นั่นคือ "พระเจ้าปัสเสนทิโกศล" กษัตริย์ของเมืองพาราณสี พระเจ้าปัสเสนทิโกศลองค์นี้มีความเคารพในองค์สมเด็จพระทศพลเป็นอย่างยิ่ง
    ต่อมาพระองค์กับภรรยาที่มีนามว่า "พระนางมัลลิกา" พระนางมัลลิกานี่ก็มีความเคารพอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระนางมัลลิกานี่เป็นบุคคลที่มีความประพฤติมีการปฏิบัติดีมาก ยากที่บุคคลอื่นพึงทำให้ คือว่าคำน้อยคำใหญ่ที่เป็นคำไม่ดีไม่เคยพูด การกระทำเล็กกระทำน้อยกระทำใหญ่ การกระทำไม่ดีทางกายไม่เคยทำ อารมณ์ใจของพระนางเต็มไปด้วยอารมณ์ของกุศล เคยถวาย อสทิสทาน กับองค์สมเด็จพระทศพล อสทิสทานนี้เป็นทานใหญ่ยิ่ง ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า พระพุทธเจ้า ๑ องค์ จะมีคนถวายอสทิสทานครั้งเดียวในชีวิต และคนที่จะถวายอสทิสทานได้นั้นต้องเป็นผู้หญิง ก็ได้แก่พระนางมัลลิกาเทวี พระนางมัลลิกาเทวีนี้มึคุณงามความดีอันประเสริฐ มีจริยานิ่มนวลเรียบร้อยมาก ไม่เคยทำความชั่วมาก่อน ก็เหมือนกับผ้าขาวบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งผืน บังเอิญถ้าไปเปื้อนอะไรนิดหนึ่งจุดเด่นมันก็ปรากฏขึ้น
    เรื่องราวก็มีอยู่ว่าในคืนหนึ่ง เวลานั้นเขายังไม่มีไฟฟ้า เขายังไม่มีไฟฟ้ากัน พระนางก็นอนกับพระเจ้าปเสนทิโกศล คือนอนกลางคืนก็ดับไฟ มันก็มืด ต่อมาพระนางปวดปัสสาวะ(ขอพูดภาษาชาวบ้าน ใช้ราชาศัพท์ก็ใช้กับเขาไม่ค่อยเป็น) พระนางจะไปถ่ายปัสสาวะ บังเอิญเท้าขวาของพระนางสะดุดพระบาท(คือเท้า) ของพระราชสวามีเข้า เพียงเท่านี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย พระนางเสียใจมาก คิดว่าตัวเองทำความชั่วมาก พระนางมีความเคารพพระราชสวามีคล้ายพระราชบิดา (อ้าว
     

แชร์หน้านี้

Loading...