ประจักษ์ปาฏิหาริย์เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 31 มกราคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ประจักษ์ปาฏิหาริย์'เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช'

    [​IMG]

    เป็นอีกเรื่องที่
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 69225_64506.jpg
      69225_64506.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.6 KB
      เปิดดู:
      13,588
    • 69225_64507.jpg
      69225_64507.jpg
      ขนาดไฟล์:
      17.7 KB
      เปิดดู:
      6,449
    • 69225_64508.jpg
      69225_64508.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      6,838
  2. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ตำนานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช


    [​IMG]

    อีกแง่มุมหนึ่งของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี
    ถึงแม้เรื่องจะยาวไปนิด แต่ก็อยากจะให้อ่านกันครับ
    รับรองว่าเนื้อหาสนุกและชวนติดตามเป็นอย่างมาก

    ขอบารมีของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดเมตตาคุ้มครองทุกๆท่านที่นับถือพระองค์ท่าน
    โอมสิโน ราชาเทวะ ชะยะตุภะวัง สัพพะศัตรู วินาศสันติ


    ตำนานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

    (ตอนที่ ๑) Introduction

    นี่เป็นการสนทนาระหว่างหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน (ในหนังสือเรียกท่านว่าพระครู) หลวงปู่เทพโลกอุดร (ในหนังสือเรียกท่านว่าหลวงพ่อในป่า) พระบัวเฮียวและพระภิกษุเจ้าตาก รูปแรกใช้กายมนุษย์ ส่วน ๓ รูปหลังใช้รูปของพลังงาน (กายทิพย์) ในการสนทนาซึ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี ๒๕๒๘ แต่หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์เมื่อปีที่แล้วนี่เอง (ก.ค. ๒๕๔๙) ขออนุญาตปรับการนำเสนอเป็นรูปแบบคล้าย script บทละคร เพื่อให้ง่ายต่อการพิมพ์และทำการย่นย่อ เก็บใจความสำคัญมา แต่พยายามคงอรรถรสการสนทนาไว้ ถ้าท่านใดสนใจรายละเอียดรวมทั้งเรื่องอื่นๆที่น่าสนใจช่วงหลวงพ่อไปจาริกบุญที่อินเดียกรุณาหาอ่านได้จาก
    เล่มเต็มของหนังสือ
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จ ณ วัดอินทาราม

    [​IMG]

    พระวิญญาณเสด็จ ณ วัดอินทาราม

    จากหัวเรื่อง ทำไมต้องเขียน "พระวิญญาณเสด็จที่วัดอินทาราม" นั่นก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งเคยมีผู้สัมผัสกับดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ที่นั่น วัดอินทารามมีความสำคัญอย่างไรกับพระองค์ท่าน ก็เพราะเป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เคยเสด็จฯ มาทรงประกอบพระราชกุศลและปฏิบัติกรรมฐาน และที่นี่ยังเป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชชนนี แม้เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ สวรรคต ก็มีการนำพระศพของพระองค์มาฝังไว้ที่วัดอินทารามนี้ ภายในวัดยังมีโบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์ท่าน ขณะยังมีพระชนมชีพอยู่มากมาย เช่น พระราชอาสน์ที่พระองค์ประทับทรงศีล และเจริญกรรมฐาน พระแท่นบรรทม รวมไปถึงพระเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์และพระอัครมเหสี

    ความเป็นมาของวัดอินทารามนี้ สมัยก่อนเล่ากันว่า มีอาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โตกว่าปัจจุบันมาก แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 20 กว่าไร่ วัดอินทารามจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนเทอดไทย แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ วัดนี้เป็นวัดโบราณมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า "วัดบางยี่เรือนอก" คู่กับ "วัดบางยี่เรือใน" คือวัดราชคฤห์ วัดอินทารามไม่ปรากฏว่าผู้ใดสร้างและสร้างมาแต่ครั้งใด ปรากฏอยู่ในพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ร่วงโรยมาก และเป็นวัดเล็ก ต่อเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ทรงพบวัดนี้เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงทรงมาบูรณะปฏิสังขรณ์ แล้วสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ วัดอินทารามในสมัยโบราณเรียกว่าวัดบางยี่เรือนอก เพราะเดิมในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองธนบุรีตั้งอยู่ที่วัดคูหาสวรรค์ (วัดศาลาสี่หน้า) ในคลองบางกอกใหญ่ จากเมืองเก่าต้องถึงวัดราชคฤห์ก่อน จึงเรียกวัดนี้ว่าวัดบางยี่เรือใน และถึงวัดจันทาราม ซึ่งอยู่ตรงกลาง จึงเรียกวัดบางยี่เรือกลาง แล้วจึงถึงวัดอินทาราม จึงเรียกวัดนี้ในอดีตว่าวัดบางยี่เรือนอก

    บางยี่เรือในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีลักษณะเป็นป่าสะแกทึบ แต่ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ลุ่ม และมีกกขึ้นอยู่ในน้ำตื้นๆคล้ายป่าพรุ ถ้ามีเรือล่องมาในลำคลองจะต้องอ้อมคุ้งมองเห็นได้ชัด จึงเหมาะเป็นชัยภูมิ ซุ่มยิงได้ดี จึงเรียกว่า "บังยิงเรือ" ต่อมาได้เพี้ยนเป็นบางยี่เรือ เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงปราบดาภิเษกแล้ว ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดอินทาราม และทรงถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชชนนี ในวันพฤหัสบดี แรม 5 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ.2318 ซึ่งเป็นงานใหญ่โต มีการละเล่นมหรสพต่างๆ จำนวน 522 โรง แสดงประมาณ 29 วัน

    มาในยุคปัจจุบัน วัดอินทารามเป็นวัดที่เคยปรากฏเรื่องเล่าถึงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ซึ่งชาวฝั่งธนบุรีเชื่อว่าดวงพระวิญญาณของพระองค์ท่านยังสถิตอยู่ ณ วิหารน้อย วัดอินทาราม เพื่อคอยปกปักรักษาลูกหลานไทย และทุกปีในวันที่ 28 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันตากสินมหาราช ชาวฝั่งธนบุรีจะประกอบพิธีบวงสรวงที่วิหารน้อยอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงตรากตรำทำสงครามเพื่อคนไทยมาตลอดชีวิตของพระองค์
    ชาวธนบุรีเคยมีเหตุการณ์ประหลาดอันเกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เมื่อหลายสิบปีก่อนตรงกับพุทธศักราช 2498 ครั้งนั้นมีการแยกการปกครองของกรุงเทพฯ ออกเป็น 2 ส่วน แบ่งเป็นเทศบาลนครกรุงเทพฯ และเทศบาลนครธนบุรี ทำให้ความเจริญทั้งหลายหลั่งไหลไปอยู่ที่เทศบาลนครกรุงเทพฯหมด ส่วนเทศบาลนครธนบุรีหรือกรุงธนบุรีเดิมนั้นห่างไกลความเจริญไปทุกขณะ น้ำก็ไม่ไหล ไฟก็ไม่มี ถนนหนทางคับแคบ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนชาวธนบุรี เสียงร่ำร้องคงกึกก้องไปถึงพระองค์ท่าน วันหนึ่งจึงเกิดปาฏิหาริย์ดวงพระวิญญาณเสด็จมาที่วัดอินทาราม

    วันนั้นคือ วันที่ 12 กรกฎาคม 2498 เวลา 08.00 น. เล่ากันมาว่า ขณะที่แม่ชีเหรียญคนดูแลวิหารน้อย เอากุญแจมาเปิดวิหารตามปกติเพื่อให้คนมาสักการบูชาดวงพระวิญญาณพระเจ้าตากสินฯ เมื่อแม่ชีปัดกวาดเช็ดถูเสร็จก็กลับออกไป จากนั้นเวลาประมาณเก้าโมงเศษ ก็มีหญิงแปลกหน้าวัยกลางคนสวมเสื้อผ้าชุดแดงทั้งชุดเดินเข้ามาในวิหารน้อย เมื่อมาถึงก็ก้มลงกราบที่หน้าพระแท่นบรรทม จากนั้นก็ก้าวขึ้นไปนั่งหลับตาทำสมาธิเป็นเวลานาน ทำให้สตรีที่เห็นเหตุการณ์ผู้หนึ่งไม่พอใจ ตรงเข้าไปต่อว่าที่หญิงชุดแดงทำตัวไม่เหมาะสม แต่พอหญิงคนนั้นได้เห็นแววตาและใบหน้าของหญิงในชุดแดงจังๆก็ถึงกับเข่าอ่อน ต้องทรุดลงนั่งกราบอยู่ตรงนั้น เธอเล่าว่ามองเห็นใบหน้าของคนโบราณไว้หนวดยาวเฟื้อยซ้อนอยู่กับใบหน้าหญิงชุดแดงคนนั้น และยังตวาดเธอดังลั่นว่า "มึงบังอาจมาก ก็ที่ของกูเคยประทับ กูจะขึ้นมามิได้รึ มึงจงรู้เถิดว่า กูพระเจ้ากรุงธนบุรีได้มาอาศัยร่างของอีคนนี้ มาพบปะกับพวกมึง เพราะวันหนึ่งๆ พวกมึงพากันร่ำร้องถึงความเดือดร้อนจนกูอยู่ไม่เป็นสุข กูจึงต้องมาพบพวกมึง"
    วันนั้นที่วัดอินทารามผู้คนไม่รู้มาจากแห่งหนตำบลไหนพากันแห่มาดูพระเจ้าตากสินฯที่วิหารน้อยกันเนืองแน่น จนการจราจรที่หน้าวัดติดขัด เพราะบ้างก็มาขอพร มากราบ และมาขอหวย บางคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ดีก็มาถาม จนสุดท้ายตำรวจต้องมาพาหญิงชุดแดงไปสอบสวนที่โรงพัก ปรากฏความจริงว่า หญิงชุดแดงนั้นชื่อ นางเพี้ยน ลิ้มลาย อายุ 35 ปี ขายยาเส้นอยู่ใกล้วัดอินทาราม สติไม่ดี อ่านและเขียนหนังสือไม่เป็น ไม่เคยมีความรู้ในประวัติศาสตร์มาก่อน และยังไม่รู้ตัวด้วยว่าเข้ามาในวิหารน้อยได้ยังไง แถมยังพูดจาฉะฉาน ตอบคำถามในเรื่องประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดีและถูกต้อง

    สรุปว่าชาวบ้านฝั่งธนบุรีต่างเชื่อสนิทใจว่าเป็นเพราะดวงพระวิญญาณฯ เสด็จผ่านร่าง และที่ทรงเลือกหญิงสติไม่ดีก็เพื่อให้คนแน่ใจว่าเป็นพระองค์มาจริงๆ ไม่ได้เป็นการแกล้งทำ ลูกหลานไทยทุกคนมีแผ่นดินอาศัยอยู่จนทุกวันนี้ก็เพราะพระบารมีของพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นบุญคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ในฐานะผู้เขียนได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นก็เพื่อให้คนไทยได้เข้าใจประวัติศาสตร์ในความเป็นจริงอีกแง่มุมหนึ่ง และเพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์ท่าน "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ของเราชาวไทยตลอดกาลนาน


    อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก
    ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
    ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา
    แด่ศาสนา สมณะ พระพุทธโคดม
    ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี
    สมณะพราหมณ์ ปฏิบัติ ให้พอสม
    เจริญสมถะ วิปัสสนา พ่อชื่นชม
    ถวายบังคม รอยบาท พระศาสดา
    คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า
    ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา
    พระพุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา
    พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน

    ที่มา:นิตยสารหญิงไทย
    ฉบับที่ 759 ปีที่ 31 ปักษ์หลัง เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    -----------
    ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล:
    http://www.oknation.net/blog/chaiunpenteeruk/2007/09/11/entry-2
     
  4. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    พระเครื่องที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้าง


    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>[​IMG]

    พระยอดธง"พระเจ้าตาก" กรุวัดพลับ บางกะจะ จันทบุรี

    พระเครื่อง เป็นประติมากรรมที่จำลองรูปสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มีขนาดเล็ก เพื่อสามารถนำติดตัวไปบูชา เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ ความเป็นสิริมงคล และเป็นเครื่องคุ้มครองภยันตรายต่างๆ รวมไปถึงการสืบพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นได้ว่า แต่ละเมือง แต่ละจังหวัดที่มี ประวัติศาสตร์อันยาวนานมักจะมีการสร้างพระเครื่องอันมี ศิลปะและเอกลักษณ์ของแต่ละเมืองไว้เป็นพุทธานุสรณ์ อาทิ เมืองลำพูนก็มี พระรอด พระคง ศิลปะสกุลช่างหริภุญไชย, พระซุ้มกอ เมืองกำแพงเพชร, พระหูยาน ลพบุรี หรือ พระร่วง เมืองศรีสัชนาลัย สุโขทัย เป็นต้น

    ทางด้านชายฝั่งทะเลตะวันออก ก็มีของดีไม่น้อยหน้าเมืองใดโดยเฉพาะจังหวัดจันทบุรี ดินแดนที่อุดมไปด้วย พืชพันธุ์ธัญญาหาร ผลไม้หลากหลายชนิด แหล่งกำเนิดพลอย ที่โด่งดังไปทั่วโลก และเป็นเมืองสำคัญที่มี บันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของชาติไทย นอกจากนี้ เมืองจันทบุรี ยังมีพระเครื่องอันโด่งดัง
    ประจำจังหวัดอีกด้วย ที่รู้จักกันในนาม "พระยอดธง พระเจ้าตาก วัดพลับ บางกะจะ" ที่มาของ พระยอดธง พระเจ้าตาก วัดพลับ บางกะจะ มีที่มาเกี่ยวเนื่องกับ ประวัติศาสตร์การกู้ชาติของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อย่างไร ทำไมจึงเรียก พระยอดธง นี้ว่า พระยอดธงพระเจ้าตาก มีมูลเหตุดังนี้

    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระนามเดิมว่า สิน เป็นคนไทยเชื้อสายจีน พำนักอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เข้ารับราชการทาง หัวเมืองเหนือ มีความดีความชอบจ นได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าเมืองตาก พุทธศักราช ๒๓๐๙ พม่ากรีฑาทัพ มาล้อมกรุงศรีอยุธยา พระยาตาก ถูกเกณฑ์ลงมาช่วยรักษาพระนคร ได้เป็นผู้นำต่อสู้กับพม่า อย่างเข้มแข็ง รักษาพระนคร ไม่ให้พม่าบุกเข้ากรุงได้ มีความดีความชอบ ได้เลื่อนยศเป็น พระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ถึงคราวชะตา บ้านเมืองถึงกาลวิบัติ จึงดลบันดาลให้ พระเจ้าเอกทัศน์ เกรงสนมกรม ในแก้วหูแตกมากกว่ากลัวจะเสียกรุง จึงออกคำสั่งว่า ผู้ใดจะยิงปืนใหญ่ต้อง ขออนุญาตจากศาลาลูกขุนเสียก่อน พระยาวชิรปราการ ซึ่งบัญชาการอยู่ทางด้านตะวันออก เห็นพม่ารุกไล่เข้ามา ก็ยิงปืนใหญ่ต่อสู้โดยพละการ ไม่ได้ขออนุญาตจากศาลาลูกขุน มีโจทย์ฟ้องแทบถูกลงโทษ แต่ด้วยเคยมีความดีความชอบมาก่อน จึงโดนภาคทัณฑ์ไว้ นับเป็นความโง่เขลาเบา ปัญญาของชนชั้นปกครองในขณะนั้น ด้วยเหตุนี้ ทำให้พระยาวชิรปราการ เกิดความท้อแท้ และเล็งเห็นว่า กรุงศรีอยุธยาคงจะแตกในไม่ช้า อยู่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ จึงได้รวบรวมสมัครพรรค พวกรวม ๕๐๐ คน ตีฝ่าทัพพม่าออกไป
    ทางด้านตะวันออก พม่าได้ส่งทหารจำนวน ๒,๐๐๐ คน ออกติดตามไปทันกัน ที่บ้านโพธิสังหาร พระยาตากและ พรรคพวกก็ต่อสู้เป็นสามารถ ฆ่าฟันทหารพม่าล้มตาย เป็นจำนวนมาก จากนั้นได้พาไพร่พลไปตั้งมั่นอยู่ที่บ้านพรานนก และได้รบกับพม่าที่ดงศรีมหาโพธิ์ จนได้รับชัยชนะอีกครั้ง และออกเดินทางไปจนถึงเมืองปราจีนบุรี ตลอดทางที่ผ่านราษฎรที่ทราบข่าว จึงพากันมาขอเป็นสมัครพรรคพวกจำนวนมาก พระยาตาก ยกทัพลงไปถึงเมืองจันทบุรี แต่ พระยาจันทบุรี ไม่ยอมอ่อนน้อม กลับปิดประตูเมืองสั่งทหารเข้าประจำหน้าที่ ทำการป้องกันอย่างเข้มแข็ง พระยาตากได้ล้อมเมืองจันทบุรี อยู่เป็นเวลานานยังไม่สามารถหักเอาเมืองได้ ทางฝ่ายพระยาจันทบุรีถึงแม้จะมีไพร่พลมากกว่า แต่ก็มิกล้านำพลออกรบเพราะครั่นคร้ามต่อกิตติศัพท์ด้านการรบของทัพพระยาตาก สืบต่อมาวันหนึ่ง หลังจากทหารหุงข้าวเย็นกินกันเป็นที่เรียบร้อย จึงมีบัญชาให้ทหารทุบหม้อข้าวและ เทอาหารที่เหลืออยู่ทั้งหมดทิ้งเสีย แล้วกล่าวว่า ถ้าไม่สามารถบุกเข้ายึด เมืองจันทบุรีในคืนนี้ให้ได้ ก็มีหวังอดตายด้วยกัน ...นับเป็นกุศโลบายอันลึกล้ำและเลื่องลือมาจนกระทั่งทุกวันนี้ พอย่ำค่ำ พระยาตากจึงให้ทหารเข้าประจำหน้าที่คอยฟังสัญญาณปืน ทำการเข้าปล้นเมืองเมื่อได้เวลายามสาม พระยาตากขี่ช้างชื่อ ช้างพังคีรีบัญชร ให้ยิงปืนเป็นสัญญาณเข้าปล้นเมืองพร้อมกัน พระยาตากขับช้างเข้าพังประตูเมือง ข้าศึกยิงกระสุนต่อต้าน ท้ายช้างกลัวพระยาตาก จะเป็นอันตรายจึงบังคับช้างให้ถอยออกมา พระยาตากโกรธมากชักดาบ จะฆ่าท้ายช้างให้ตาย แต่ท้ายช้างขอชีวิตไว้ จึงขับช้างเข้าพังประตูทลายลง ทหารก็กรูเข้าเมืองได้ ชาวเมืองพากันแตกตื่นตกใจ ไม่คิดต่อสู้ขัดขืน ...
    พระยาตากจึงสามารถตีเมืองจันทบุรีได้ในคืนนั้น หลังจากนั้น พระยาตากจึงเกลี้ยกล่อมให้ผู้คนที่แตกตื่นหนีภัย ให้กลับมาอยู่ตามภูมิลำเนาเดิม ทำการจัดเมืองจันทบุรีให้สงบเรียบร้อย จึงได้รวบรวมไพร่พล ฝึกกองทัพให้กล้าแข็ง และต่อเรือไว้ใช้ในการศึกเตรียมการกู้อิสรภาพ

    พระยาตาก เป็นผู้ที่เลื่อมใสและ ศรัทธาในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่งถึงแม้จะมีภาระในการปกครองบ้านเมือง ก็มิได้ลืมทำนุบำรุง พระพุทธศาสนา โดยจะเห็นได้จากการไปปราบก๊ก พระยานครศรีธรรมราช เวลากลับได้สั่งให้นำ พระไตรปิฎก มาคัดลอกไว้ แล้วส่งต้นฉบับคืน
    ณ ตำบลบางกะจะ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี อันเป็นบริเวณที่พระยาตาก ส้องสุมรี้พลต่อเรือรบ ปัจจุบันยังปรากฏหลักฐานป้อมค่ายต่างๆ ใต้บริเวณดังกล่าว เป็นที่ตั้งวัดสำคัญ เรียกกันว่า วัดพลับ กล่าวกันว่า เป็นวัดที่พระยาตากได้สร้างพระเจดีย์และ บรรจุพระเครื่องชนิดหนึ่งไว้เป็นพุทธานุสรณ์ ในการที่รบได้ชัยชนะพระเครื่องดังกล่าวนิยมเรียกว่า "พระยอดธงพระเจ้าตาก"

    พระยอดธงพระเจ้าตาก เป็นพระหล่อแบบโบราณ พุทธลักษณะองค์พระเป็น แบบลอยองค์ประทับนั่งไม่มีอาสนะหรือฐาน มีทั้งแบบปางมารวิชัยและปางสมาธิ ที่ใต้องค์พระจะปลายกฏเดือยลักษณะเป็นแท่งกลมยื่นออกมาพอประมาณ รายละเอียดขององค์พระไม่ค่อยจะมีความประณีตงดงามนัก พระเนตร (ตา) พระนาสิก (จมูก) ไม่ค่อยติดชัดเจนพอเห็นเป็นเค้าเท่านั้น ส่วนพระโอษฐ์จะเป็นเหมือนรอยเส้นเว้าลึกลงไปในเนื้อ เท่าที่พบมี ๒ ขนาดด้วยกันคือ พิมพ์ใหญ่ และ พิมพ์เล็ก ในด้านเนื้อหาของ พระยอดธงพระเจ้าตาก นี้
    เป็นพระที่สร้างด้วยเนื้อชินเงิน แต่ส่วนมากผิวพระจะเกิดสนิมขุมกัดกร่อน มีรอยร้าวระเบิดแตกปริ สนิมจัดที่เรียกกันว่าสนิมตีนกานับเป็นพระเครื่องที่น่าภาคภูมิใจของจังหวัดจันทบุรีอีกพิมพ์หนึ่ง


    ประวัติวัดพลับ บางกะจะ จันทบุรี

    วัดพลับ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกะจะ อ.เมือง เป็นวัดที่เก่าแก่วัดหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี ตามหลักฐานทางโบราณคดีสันนิษฐานว่า พื้นที่ชุมชนวัดพลับและบ้านบางกะจะ เป็นชุมชนโบราณ คงมีอายุในราว พ.ศ. 2300 วัดนี้นามเดิมว่า "วัดสุวรรณตัมพรุธาราม" แปลว่าอารามที่มีผลมะพลับทองเนื่องจากมีต้นมะพลับสาขา ใหญ่โต เมื่อเวลามีผลสุกจะเหลืองอร่ามเหมือนสีทอง ต่อมาประชาชนนิยมเรียกว่า "วัดพลับ"
    เป็นบริเวณที่กองทัพของพระเจ้าตากสินมหาราชได้ใช้พักไพร่พล สิ่งก่อสร้างในวัดมีด้วยกันหลายสมัย มีสิ่งสำคัญคือ ตู้พระไตรปิฏกไม้ลงรักปิดทองเขียนลายรดน้ำ ศิลปะแบบอยุธยาตอนปลาย เจดีย์ทรงปรางค์
    หอไตรกลางน้ำซึ่งสร้างเป็นอาคารไม้เสารองรับหลังคาเป็นของเดิม มีเขียนลายรดน้ำปิดทอง อายุเก่ากว่าสมัยก่อนอยุธยา เจดีย์กลางน้ำเป็นเจดีย์ทรงระฆัง รูปแบบ รัตนโกสินทร์ วิหารไม้หลังคาทรงจตุรมุขที่มีอายุนับร้อยปี ภายในประดิษฐานพระประธานปางทุกรกิริยา ซึ่งแตกต่างจากวัดทั่วไปตรงที่มักจะมีพระประธานปางมารวิชัย วิหารนี้สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน เมื่อครั้งเสด็จเมืองจันทบุรีและพระอุโบสถแห่งนี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ปลุกเสกมุรธาภิเษกหรือน้ำพระพุทธมนต์
    สำหรับรดพระเศียรในงานราชาภิเษกของพระมหากษัติย์ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ในสมัยต้นราชวงศ์จักรี ด้านหลังวัดเคยมี " สำซ่าง "ซึ่งเป็นที่เผาศพแบบโบราณ ที่เชื่อว่าเหลืออยู่ที่วัดนี้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ในเจดีย์วัดพลับนี้ มีพระยอดธงบรรจุอยู่ ต่อมาเจดีย์ได้แตกออกปรากฎว่ามีพระยอดธงเป็น จำนวนมากซึ่งมีอภินิหารป้องกันภัยได้ทั้งภาคพื้นดินและอากาศรวมถึงในน้ำ จนหมู่นักเลงพระกล่าวขานขนานนามว่าพระยอดธงดีต้องพระยอดธงพระเจ้าตากของ วัดพลับ บางกะจะ
    ( ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก วันที่ 3 มิถุนายน 2546 )


    จากหนังสือหลวงพ่อจรัล วัดอัมพวัน

    ไม่ใช่แต่พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น
    ที่พบความมหัศจรรย์ของบทคาถาพาหุงมหากา
    แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ทรงพบเช่นกัน
    โดยมีบันทึกโบราณบอกไว้ว่าดังนี้

    "เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้ว ก็ทรงเห็นว่าสงครามการกู้ชาติ
    ต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว จึงทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธง
    แบบศรีอยุธยาขึ้น แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลายมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้
    ในองค์พระ และพระองค์ก็เจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    ด้วยการเจริญพาหุงมหากาจึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ"


    มูลเหตุแห่งการค้นพบพระชัยมงคลคาถา
    โดยหลวงพ่อจรัญวัดอัมพวัน
    เมื่ออาตมาได้พบกับสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว....

    คืนหนึ่งอาตมานอนหลับ แล้ว ฝันไปว่า อาตมาได้เดินไปในสถานที่แห่งหนึ่ง ได้พบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งครองจีวรคร่ำ สมณสารูปเรียบร้อยน่าเลื่อมใส อาตมาเห็นว่าเป็นพระอาวุโส ผู้รัตตัญญู จึงน้อมนมัสการท่าน ท่นหยุดยืนตรงหน้าอาตมา แล้วกล่าวกับอาตมาว่า

    "ฉันคือสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้วแห่งกรุงศรีอยุธยา ฉันต้องการให้เธอไปที่วัดใหญ่ชัยมงคลเพื่อดูจารึก ที่ฉันได้จารึกถวายพระเกียรติแด่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้เป็นเจ้า เนื่องในวาระที่สร้างพระเจดีย์ฉลองชัยชนะ เหนือพระมหาอุปราชแห่งพม่า และประกาศความเป็นอิสระของประเทศไทย จากหงสาวดีเป็นครั้งแรก เธอไปดูไว้แล้วจดจำมาเผยแพร่ออกไป ถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้แล้ว"

    ในฝันอาตมารับปากท่าน ท่านก็บอกตำแหน่งที่บรรจุให้ แล้วก็ตกใจตื่นตอนใกล้รุ่ง อาตมาก็ทบทวนความฝัน ก็นึกอยู่ในใจว่า เราเองนั้น กำหนดจิตด้วยกรรมฐาน มีสติอยู่เสมอ เรื่องฝันฟุ้งซ่านเป็นไม่มี อาตมาก็ได้ข่าวในวันนั้นแหละว่า ทางกรมศิลปากรทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ใหญ่ ในวัดใหญ่ชัยมงคล และจะทำการบรรจุพระบรมธาตุที่ยอดพระเจดีย์ อันเป็นนิมิตหมายการสิ้นสุดการบูรณะ แล้วจะรื้อนั่งร้านทั้งหมดออกเสร็จสิ้น

    อาตมาจึงได้ขอร้อง ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร บอกนายภิรมณ์ ชินเจริญ ให้เลื่อนการปิดยอดบัวไปอีกวันหนึ่ง เพื่อที่อาตมาจะได้นำพระซุ้มเสมาชัย ซุ้มเสมาขอที่อาตมาได้สร้างขึ้น ตามแบบดั้งเดิมที่พบในเจดีย์ใกล้กับวัดอัมพวัน ซึ่งพังลงน้ำ ที่ก๋งเหล๋งเป็นคนรวบรวมเอามาให้อาตมา ตั้งแต่เมื่อเริ่มมาพัฒนาวัดใหม่ ๆ แต่แตกหัก ผุพัง ทั้งนั้น หลายสิบปี๊บ อาตมาได้ป่นเอามาผสมสร้างเป็นองค์พระใหม่ไปร่วมบรรจุไว้ที่ยอดพระเจดีย์บ้าง

    วันนั้นอาตมาเดินทางไปถึง ก็ได้เดินขึ้นไปบนเจดีย์ตอนที่สุดบันได แล้วมองเห็นโพรงที่ทางเข้าทำไว้สำหรับลงไปด้านล่าง มีร้านไม่พอไต่ลงไปภายใน ตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่า ลงไปคราวนี้ ถ้าพลาดตกลงไปจากนั่งร้านไม้ ก็ยอมตาย คนที่ร่วมเดินทางมา เขามัวแต่ไปบนลานชั้นบน อาตมาก็ดิ่งลงไปชั้นล่าง มีไฟฉายดวงหนึ่ง เวลานั้นประมาณ ๙.๐๐ น. อาตมาลงไปภายในพบลานทองคำ ๑๓ ลาน ดังที่สมเด็จพระพนรัตน์ได้บอกไว้จริง ๆ อาตมาจึงได้พบว่า แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ท่านได้จารึกถวายพระพร ก็คือ บทสวดมนต์ที่เรียกว่า "พาหุง มหาการุณิโก" ท้ายของนิมิตนั้นระบุว่า "เราสมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว ศรีอโยธเยศ คือผู้จารึกนิมิตรจนาเอาไว้ ถวายพระพรแด่พระมหาบพิตรเจ้า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช"


    พาหุงมหาการุณิโก คืออะไร

    พาหุงมหากา คือ บทสวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วก็ พรพาหุงอันเริ่มด้วย พาหุงสะหัส จนไปถึง ทุคคาหะทิฏฐิ แล้วเรื่อยไปจนถึง มหาการุณิโกนาโถหิตายะ และจบลงด้วย "ภะวะตุสัพพะมังคะลัง สัพพะพุทธา สัพพะธรรมา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เต" อาตมาเรียกรวมกันว่า "พาหุงมหากาฯ"

    อาตมาจึงเข้าใจในบัดนั้นเองว่า บทพาหุงนี้คือ บทสวดมนต์ที่ สมเด็จพระพนรัตน์ วัด ป่าแก้ว ได้ถวายให้พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ไว้สวดเป็นประจำ เวลาอยู่กับพระบรมราชวัง และในระหว่างศึกสงคราม จึงปรากฏว่า พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า ทรงรบ ณ ที่ใดทรงมีชัยชนะอยู่ตลอดมา มิได้ทรงเพลี่ยงพล้ำเลย แม้จะเพียงลำพังสองพระองค์กับสมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า ท่ามกลางกองทัพพม่า ด้วยการกระทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา ณ ดอนเจดีย์ปูชนียสถาน แม้ข้าศึกจะยิงปืนไฟเข้าใส่พระองค์ในตอนที่เข้ากันพระศพของพระมหาอุปราชาออกไปราวกับห่าฝนก็มิปาน แต่ก็มิได้ต้องพระองค์ ด้วยเดชะพาหุงมหากา ที่ทรงเจริญอยู่เป็นประจำนั่นเอง อาตมาได้พบตามที่นิมิตแล้วก็ไต่ขึ้นมาด้วยความสบายใจ ถึงปากปล่องที่ลงไป เนื้อตัวมีแต่หยากไย่ เดินลงมาแม่ชีเห็นเข้ายังร้องว่า หลวงพ่อเข้าไปในโพรงนั่นมาหรือ แต่อาตมาไม่ตอบ

    ตั้งแต่นั้นมา อาตมาจึงสอนการสวดพาหุงมหากาฯ ให้แก่ญาติโยมเป็นต้นมา เพราะอะไร เพราะพาหุงมหากานั้น เป็นบทสวดมนต์ที่มีค่ามากที่สุด มีผลดีที่สุด เพราะเป็นชัยชนะอย่างสูงสุดของพระบรมศาสดา จากพญาวัสดีมาร จากอาฬาวกะยักษ์ จากช้างนาฬาคีรี จากองคุลิมาล จากนางจิญมานวิกา จากสัจจะกะนิครนธ์ จากพญานันโทปนันทนาคราช และท่านท้าวผกาพรหม เป็นชัยชนะที่พระพุทธองค์ทรงได้มา ด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ และด้วยอำนาจแห่งบารมีธรรมโดยแท้ ผู้ใดได้สวดไว้เป็นประจำทุกวัน จะมีชัยชนะ มีความเจริญรุ่งเรือง ตลอดกาลนาน มีสติระลึกได้จะตายก็ไปสู่สุคติภูมิ

    ขอให้คุณโยมช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วยนะ ว่าให้สวดพาหุงมหากากันให้ถ้วนหน้า นอกจากจะคุ้มตัวแล้วยังคุ้มครอบครัวได้ สวดมาก ๆ เข้า สวดกันทั้งหลายประเทศ ก็ทำให้ประเทศมีแต่ความรุ่งเรือง พวกคนพาลสันดานหยาบก็แพ้ภัยไปอย่างถ้วนหน้า

    ไม่เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเท่านั้น ที่พบความมหัศจรรย์ของพบพาหุงมหากา แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงพบเช่นกัน โดยมีบันทึกโบราณบอกไว้ดังนี้

    "เมื่อพระเจ้าตากสินมหาราชตีเมืองจันทบุรีได้แล้วก็ทรงเล็งเห็นว่า สงครามกู้ชาติต่อจากนี้ไปจะต้องหนักหนาและยืดยาว จึงทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระยอดธงแบบศรีอยุธยาขึ้น แล้วนิมนต์พระเถระทั้งหลายมาสวดบทพาหุงมหากาบรรจุไว้ในองค์พระ และพระองค์ก็ทรงเจริญรอยตาม พระบาทสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยการเจริญพาหุงมหากา จึงบันดาลให้ทรงกู้ชาติสำเร็จ"


    อานิสงส์ของการสวดพระชัยมงคลคาถา และพุทธคุณ

    ที่มาของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา อาตมาได้ตำราเก่าแก่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เป็นใบลานทองคำจารึกของ "สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว" ปัจจุบันเรียกว่า วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา ได้รจนาถวายพระพรชัยมงคลคาถาแด่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระพนรัตน์เป็นอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    อานิสงส์ของบทสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากาฯ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไม่เคยแพ้ทัพ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่เคยแพ้ทัพ นั้นมาจากบทพาหุงมหากาฯ

    ผู้ใดสวดมนต์ชัยมงคลคาถา หรือพาหุงมหากาฯ เป็นประจำทุก ๆ วันแล้ว มีแต่ชัยชนะทุกประการ เรียนหนังสือก็เกิดปัญญา มีแต่ความเก่งกล้าสามารถ ผู้ใดสวดทุกเช้าค่ำ คิดสิ่งใดที่ดีเป็นมงคล จะสมความปรารถนาทุกประการ

    "สวดมนต์เป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำ อโหสิกรรมเสียก่อนและเราก็แผ่เมตตา
    มีเมตตาดีแล้ว ได้กุศลแล้วเราก็อุทิศเลย"
    พาหุงมหากาฯ" บทสวดที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    ทรงสวดก่อนทำศึกสงคราม

    ๑. พาหุงสะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง เมื่อพญามารเนรมิตแขนมากเป็นพัน ถืออาวุธในมือ
    คิริเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ขี่ช้างคิริเมขละ สะพรึบพร้อมด้วยกองทัพอันน่าสะพรึงกลัว
    ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยทานบารมีเป็นต้นอันชอบธรรม
    ตันเตชะสา ภะวะ เม* ชะยะมังคะลานิ ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๒. มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง เมื่ออาฬวกยักษ์ผู้ดุร้าย หยาบช้า และโหดเหึ้ยม
    โฆรัง ปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง เข้ามาราวีตลอดทั้งคืนยิ่งกว่าพญามาร
    ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยการใช้พระขันติเป็นอุบายสั่งสอน
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๓. นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง เมื่อพญาช้างนาฬาคิรีตกมันหนักดุร้ายเหลือ
    ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง แล่นเข้ามาราวกับไฟไหม้ป่า ดุจจักราวุธ เหมือนฟ้าผ่า
    เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยน้ำพระเมตตา
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๔. อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะ สุทารุณันตัง เมื่อโจรองคุลีมารผู้ดุร้าย ถือดาบเงื้อง่า
    ธาวัง ติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง วิ่งไล่ติดตามไปเป็นหนทาง ๓ โยชน์
    อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยการบันดาลอิทธิฤทธิ์
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๕. กัคตะวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา เมื่อนางจิญจาเอาผ้าห่อไม้ทำเป็นท้องเหมือนหญิงมีครรภ์
    จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ กล่าวคำใส่ร้ายในท่ามกลางหมู่ชน
    สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยความสงบนิ่งอันประเสริฐ
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๖. สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง เมื่อสัจจกนิครนถ์ละทิ้งความจริงแท้ ชูธงประกาศความเห็นของตนว่าถูกต้อง
    วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง เป็นผู้มืดบอดอย่างยิ่ง ประสงค์จะโต้คารม
    ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยพระปัญูญูาดุจประทีปอันโชติช่วง
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๗. นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง เมื่อนั้นโทปนันทนาคราชผู้หลงผิด แผ่อิทธิฤทธิ์ใหญ่
    ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต พระจอมมุนีโปรดให้พระเถระพุทธบุตรผู้ประเสริฐไปปราบ
    อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ทรงชนะด้วยการแสดงอิทธิฤทธิ์
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า

    ๘. ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง เมื่อพรหมนามว่าพกะ ผู้บริสุทธิ์ ผ่องใส มีฤทธิ์ มีหัตถ์
    พรัหมัง** วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ถูกงูคือมิจฉาทิฏฐิขบกัดแล้ว
    ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท พระจอมมุนีทรงชนะด้วยพระญาณโอสถ
    ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ. ด้วยพระเดชนั้น ขอชัยมงคลจงมีแก่ข้าพเจ้า
    เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา
    โยวาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันทีหิตวานะ เนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ
    โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถิ ภะวันตุ เม*
    ขอจงมีสรรพมงคล ขอปวงเทวดาจงคุ้มครอง ขอข้าพเจ้าจงมีความสวัสดีด้วยพุทธานุภาพทั้งปวงเสมอ
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถิ ภะวันตุ เม*
    ขอจงมีสรรพมงคล ขอปวงเทวดาจงคุ้มครอง ขอข้าพเจ้าจงมีความสวัสดีด้วยธรรมานุภาพทั้งปวงเสมอ
    ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถิ ภะวันตุ เม*
    ขอจงมีสรรพมงคล ขอปวงเทวดาจงคุ้มครอง ขอข้าพเจ้าจงมีความสวัสดีด้วยสังฆานุภาพทั้งปวงเสมอ

    * ถ้าสวดให้คนอื่น ให้เปลี่ยนจากคำว่า เม เป็น เต
    ** อ่านว่า พรัมมัง

    [​IMG]

    [​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ----------------
    ขอขอบคุณที่มาของข้อมูล:
    http://www.oknation.net/blog/chaiunpenteeruk/2007/09/11/entry-3



    [​IMG]
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->ย้อนรอยดินแดนแห่งประวัติศาสตร์

    จุดเริ่มต้นวีรบุรุษกู้แผ่นดิน พระเจ้าตากยอดนักรบสยาม

    [​IMG]


    [​IMG]



    จังหวัดระยอง นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยว แล้ว ยังมีสถานที่สำคัญ ๆ ทางพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ขณะที่กรุงศรีอยุธยา ใกล้จะเสียกรุงให้แก่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2310 กล่าวคือ เมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้แตก พระยาตากสิน หรือ พระยาวชิรปราการ ได้รวมพลประมาณ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกมาทางตะวันออก ผ่าน นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และมาพักแรม ที่เมืองระยอง จนเมื่อทราบว่ากรุงศรีอยุธยาแตกแล้ว ชาติไทยได้ว่างกษัตริย์ลง จึงได้ประกาศตนขึ้นเป็น เจ้า ท่ามกลางชุมนุมเหนือคชสาร ดังข้อความในพงศาวดาร ฉบับทนุมาศ ว่า

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2009
  5. aom-am 1

    aom-am 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +731
    สาธุๆๆ
    ประเทศไทยโชคดีที่มีแต่กษัตริย์ผู้รักความเป็นชาติไทย
    อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  6. เลือดเย็น

    เลือดเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +262
    ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก สวยมากค่ะ
    ศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีมีสาระค่ะ
     
  7. kurochang

    kurochang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +111
  8. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    โมทนาสาธุบุญครับ........เพิ่งเคยอ่านของหลวงพ่อจรัญ...ดีมากครับ.......เนื้อหาคล้ายๆกับที่ผมเคยอ่านมาในเล่มหนึ่งนะ....ชื่อว่า ใครฆ่าพระเจ้าตากสิน เขียนโดย ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห์...อ่ะ.....เคยอ่านไมครับ...เนื้อหาใกล้กันมาก......แต่ที่ไม่เหมือนจำไม่ผิดนะเล่มนั้นกล่าวว่าพระเจ้าตาก เป็นพระโพธิสัตว์อ่ะ.....
     
  9. พ่อน้องหนุน

    พ่อน้องหนุน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,369
    ค่าพลัง:
    +5,562
    สนใจบูชาเหรียญ ไม่ทราบพอจะทราบราคาบูชาไหมครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ บทความดีมากมายครับ./
     
  10. นักรบเเห่งสยาม

    นักรบเเห่งสยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    882
    ค่าพลัง:
    +607
    ถ้าไม่มีท่านกู้ชาติไทยเราตอนนี้จะอยู่อย่างไร
     
  11. nanthitiphat

    nanthitiphat สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +17
    ปลื้มปิติ ยินดีเป็นที่สุด ขอบคุณมาก
     
  12. kacher

    kacher เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +235
    รักกษัตริย์ไทยทุกพระองค์ค่ะ
     
  13. gan1859

    gan1859 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +4
    โมทนาบุญที่ได้เผยแพร่ข้อมูลอันมีค่าและพระบารมีของพระองค์ท่านให้ปวงชนชาวไทยได้ทราบถึงบารมีของพระองค์ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  14. JtoS

    JtoS Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +72
    โมทนาสาธุ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้อย่างถึงแก่นจริงๆ จะร่วมบริจาคทรัพย์ในการสร้างพุทธมณฑล จ.จันทบุรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์นี้ รวมตลอดถึงพระมหากษัตริย์ในอดีตถึงปัจจุบัน ทุกพระองค์ผู้ร่วมทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
    ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา
    แด่ศาสนา สมณะ พระพุทธโคดม
    ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี.....สาธุ
     
  15. sirmai

    sirmai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    134
    ค่าพลัง:
    +98
    อยากรุ้ว่า ใครได้รับไม้เท้าครับ

    พระมหากษัติเราสุดยอดมากครับ

    ดีใจครับที่ได้เกิดเป็นคนไทย
     
  16. turtohnual

    turtohnual เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +232
    ขอนุโมทนาครับ ผมได้อ่านประวัติศาสตร์กรุงธนบุรีที่ไม่มีในพงศาวดารเล่มใดกล้าเขียน
    นับว่าหลวงพ่อ พระเจ้าตากท่านมีพระคุณกับแผ่นดินอย่างหาที่สุดมิได้
    ใครคิดคดทรยศแผ่นดิน ขอให้ทราบไว้ว่า ยังมีบูรพมหากษัตริย์ทุกพระองค์
    คอยปกป้องแผ่นดินอยู่ ไม่ให้ผู้ใดมาคิดร้ายได้
     
  17. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    ย้อนรอยดินแดนแห่งประวัติศาสตร์

    จุดเริ่มต้นวีรบุรุษกู้แผ่นดิน พระเจ้าตากยอดนักรบสยาม

    [​IMG]


    [​IMG]



    จังหวัดระยอง นอกจากจะเป็นเมืองท่องเที่ยว แล้ว ยังมีสถานที่สำคัญ ๆ ทางพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ขณะที่กรุงศรีอยุธยา ใกล้จะเสียกรุงให้แก่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2310 กล่าวคือ เมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้แตก พระยาตากสิน หรือ พระยาวชิรปราการ ได้รวมพลประมาณ 500 คน ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกมาทางตะวันออก ผ่าน นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และมาพักแรม ที่เมืองระยอง จนเมื่อทราบว่ากรุงศรีอยุธยาแตกแล้ว ชาติไทยได้ว่างกษัตริย์ลง จึงได้ประกาศตนขึ้นเป็น เจ้า ท่ามกลางชุมนุมเหนือคชสาร ดังข้อความในพงศาวดาร ฉบับทนุมาศ ว่า

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. อุดรเทวะ

    อุดรเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,925
    ค่าพลัง:
    +130
    ผมมีความเชื่อว่าดวงพระวิญญาณท่านยังคงปกป้องคุ้มครองดูแลประเทศไทยของเราอยู่
     
  19. จิตต์ปภัสสร

    จิตต์ปภัสสร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2007
    โพสต์:
    670
    ค่าพลัง:
    +4,545
    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]
     
  20. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,687
    ค่าพลัง:
    +13,541
    โมทนาสาธุครับ
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า....หัวหมู่"เส่ย"(นามในอดีต)
    ตำแหน่ง "หัวหมู่ทะลวงฟัน" & "พลแม่นธนู"
    (จริงหรือไม่เพียงใดยังต้องไขปัญหาให้พบ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...