ประวัติพระมหาเถระผู้เลิศด้วยฤทธิ์ญาณตบะ "หลวงปู่ชอบ ฐานสโม"

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย แดนโลกธาตุ, 12 มิถุนายน 2007.

  1. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    ชีวประวัติและปฏิปทา
    </TD></TR><TR><TD>
    พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    </TD></TR><TR><TD>
    จากหนังสือ ฐานสโมปูชา
    </TD></TR><TR><TD>
    ที่ระลึก ในมหามงคลพิเศษ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    </TD></TR><TR><TD>
    ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
    </TD></TR><TR><TD>
    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
    </TD></TR><TR><TD>
    เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานเพลิงศพ
    </TD></TR><TR><TD>
    พระเดชพระคุณหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    </TD></TR><TR><TD>
    ณ เมรุวัดป่าสัมมานุสรณ์ อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
    </TD></TR><TR><TD>
    วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๙
    </TD></TR><TR><TD>
    คุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัต ผู้เขียนและเรียบเรียง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]



    พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม มีชาติกำเนิดในสกุล
     
  2. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    ภาพหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    ๒. ปฐมวัย
    ชีวิตตอนเป็นเด็กของท่าน นับว่ามีภาระเกินวัย ด้วยเกิดมาเป็นบุตรหัวปี ต้องมีหน้าที่ช่วยบิดามารดาทำงานในเรือกสวนไร่นา พร้อมทั้งต้องทำหน้าที่พี่ใหญ่ ดูแลน้อง ๆ หญิงชายทั้งสามด้วย
    บ้านโคกมนในปัจจุบันนี้ แม้ว่าผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านจะคุยให้เราฟังว่า มีความเจริญขึ้นกว่าเมื่อเจ็ดสิบแปดสิบปีก่อนอย่างหาที่เปรียบมิได้ แต่ในสายตาของเราชาวกรุง ก็ยังเห็นคงสภาพเป็นบ้านป่าชนบทอยู่มาก ดังนั้นหากจะนึกย้อนกลับไปสมัยที่ท่านยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ณ ที่นั้น บ้านเกิดของท่านก็ยังคงมีลักษณะเป็นบ้านป่าเขาที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง สมาชิกทุกคนในครอบครัว ต้องช่วยกันตัวเป็นเกลียวโดยไม่เลือกว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ระหว่างที่พวกผู้ใหญ่ต้องไถ หว่าน ปักกล้า ดำนา เด็ก ๆ ก็ต้องเลี้ยงควาย คอยส่งข้าวปลาอาหาร เด็กโตหรือลูกหัวปีอย่างท่าน ก็ต้องช่วยในการไถ ปักกล้า ดำนาด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องคอยดูแลน้อง ๆ กลับจากทำนา ก็ต้องช่วยกันหาผักหญ้า หน่อหวาย หน่อโจด หน่อบง หน่อไม้ รู้จักว่ายอดอ่อนของต้นไม้ชนิดใดในป่าในท้องนาควรจะนำมาเป็นอาหารได้ เช่น ยอดติ้ว ใบหมากเม่า ผักกระโดน...
    โดยมากเด็กชายบ่อจะพอใจช่วยบิดามารดาทางด้านเรือกสวนไร่นามากกว่า กล่าวคือ จะช่วยเป็นภาระทางด้านเลี้ยงควาย ไถนา เกี่ยวข้าว หาผักหญ้า แต่ด้านการหาอาหารที่ต้องเกี่ยวเนื่องด้วยชีวิตผู้อื่น เช่น การจับปู ปลา หากบ เขียด มาเป็นอาหารประจำวันอย่างเด็กอื่น ๆ นั้น ท่านไม่เต็มใจจะกระทำเลย ยิ่งการเล่นยิงนก กระรอก กระแต ที่เด็กต่าง ๆ เห็นเป็นของสนุกสนานนั้น ท่านจะไม่ร่วมวงเล่นด้วยอย่างเด็ดขาด พูดง่าย ๆ ท่านไม่มีนิสัยทาง
     
  3. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    ๓.จิตโน้มน้าวไปสู่ธรรม
    เมื่อท่านอายุครบ ๙ ขวบ ย่างขึ้นปีที่สิบ โยมบิดาก็ถึงแก่กรรม มารดาแต่ผู้เดียวต้องทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว รับผิดชอบเลี้ยงดูลูกเล็กถึง ๔ ปาก ๔ ท้อง เด็กชายบ่อในฐานะพี่ชายคนโตก็กลายเป็น
     
  4. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๔. เริ่มชีวิตเป็นผ้าขาวน้อย
    เมื่อเด็กชายผู้
     
  5. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]



    ๕. ทดสอบก่อนออกบวช
    สมควรจะกล่าวแทรกไว้ในที่นี้ด้วยว่า แม้ว่าขณะนั้นจิตใจของท่าจะมุ่งมั่นไปสู่แดนผ้ากาสาวพัสตร์แล้วก็ตาม แต่ท่านก็เป็นผู้มีความรอบคอบอยู่มาก ระหว่างใจหนึ่งฮึกเหิมว่า
     
  6. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    ภาพในหลวง กับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ,หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ (บน)
    หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต,พระอุปัฐากหลวงปู่ชอบ (ล่าง)
    ในงานฉลองเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ วัดภูทอก อ.ศรีวิไล
    จ.หนองคาย
    -------------------------------------------------------
    ๖. สู่เพศพรหมจรรย์
    เมื่อท่านอายุย่างเข้า ๑๙ ปี พระอาจารย์พาได้จัดการดูแลให้ผ้าขาวศิษย์รักได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบ้านนาแก บ้านนากลาง อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี ด้วยเป็นวัดใกล้บ้านกับที่ลุงของท่านผู้เป็นพี่ชายโยมมารดามีหลักฐานบ้านช่องอยู่ อัฐบริขารนั้นโยมมารดาและยายช่วยกันจัดหาให้ด้วยความศรัทธา
    ท่านใช้ชีวิตระหว่างเป็นสามเณรอยู่ถึง ๔ ปีกว่า โดยท่านอาจารย์พามิได้หวงแหน ให้ศิษย์ศึกษาอบรมอยู่กับท่านแต่ผู้เดียว ท่านได้ให้ศิษย์รักออกไปศึกษาธรรมกับครูบาอาจารย์ตามสำนักต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้มีความรู้แตกฉานกว้างขวางขึ้น หลวงปู่จึงได้มีโอกาสไปกราบเรียนข้อปฏิบัติกับพระอาจารย์องค์อื่น ๆ บ้าง เช่น พระอาจารย์สุวรรณ สุจิณโณ วัดโยธานิมิต เป็นอาทิ
    ครั้นท่านมีอายุครบ ๒๓ ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดสร่างโศก ซึ่งปัจจุบันมีชื่อว่า วัดศรีธรรมาราม อำเภอเมืองยโสธร ซึ่งขณะนั้นยังเป็นอำเภอหนึ่งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ยังมิได้ตั้งขึ้นเป็นจังหวัดยโสธร เช่นทุกวันนี้
    หลวงปู่บวชเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ มี พระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌายะ พระอาจารย์แดง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า
     
  7. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๗. ได้พบพระกัลยาณมิตรทางธรรม
    แม้จะเป็น นวกภิกษุ คือภิกษุบวชใหม่ แต่หลวงปู่ก็ได้ว่านชีวิตการธุดงค์มาหลายปีแล้ว เริ่มแต่ระยะทีท่านอาจารย์ของท่านพาดำเนินมาในฐานะผ้าขาวน้อย ๔ ปี และต่อมาในฐานะสามเณรอีก ๔ ปี ฉะนั้นเมื่อบวชแล้ว อยู่รับการอบรมจากพระอุปัชฌายะและพระกรรมวาจาจารย์ ให้รู้จักพระธรรมวินัยให้พอรักษาตัวได้ ใกล้จะถึงเวลาเข้าพรรษา พรรษาแรก พ.ศ. ๒๔๖๘ ท่านจึงขอต่ออุปัชฌายะไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดป่านาคำใหญ่ ซึ่งเป็นวัดป่า เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็มิได้อยู่ห่างไกลจากวัดสร่างโศกที่พระอุปัชฌายะของท่านอยู่จำพรรษานัก เพราะต่างอยู่ในเขตอำเภอยโสธรด้วยกัน
    ออกพรรษาแล้ว ท่านก็ออกธุดงค์ไปตาป่าเขาใกล้เคียง ถึง พรรษาที่สอง พ.ศ. ๒๔๖๙ ท่านไปจำพรรษาที่ วัดศรีมงคลเหนือ อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม ซึ่งปัจจุบันนี้ได้แยกออกเป็นจังหวัดมุกดาหารแล้ว
    ระยะนี้ญาติพี่น้อง โดยเฉพาะโยมมารดาได้ขอร้องให้ท่านมาโปรดบรรดาญาติบ้าง ดังนั้น ใน พรรษาที่ สาม พ.ศ. ๒๔๗๐ หลวงปู่จึงได้เดินทางกลับมาจังหวัดอุดรธานี มาจำพรรษา ณ วัดป่าหนองบัวบาน อำเภอเมือง ซึ่งไม่ไกลจากอำเภอเชียงพิน บ้านที่อยู่ของบรรดาญาติพี่น้องของท่านเท่าใดนัก
    วัดป่าหนองบัวบานนี้ เป็นวัดเก่าแก่ อยู่ริมหนองน้ำใหญ่ แต่ไม่ใช่วัดเดียวกับวัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน ที่ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เพื่อสหธรรมิก ของท่านสร้างในภายหลัง
    [​IMG]
    หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ (ศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น)
    วัดป่านิโครธาราม อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
    ณ วัดป่าหนองบัวบานแห่งนี้เอง นอกจากจะเป็นที่ภาวนาดีแล้ว หลวงปู่ยังได้มีโอกาสพบเพื่อนภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งในชีวิตสมณเพศอันยาวนานในภายหลังต่อมาเกือบ ๖๐ พรรษกาลนั้น ได้เป็นกัลยาณมิตรต่อกันตลอดมา...ภิกษุรูปนั้นแม้จะมีอายุมากกว่าท่านกว่าสิบปี แต่มีพรรษาอ่อนกว่าท่านเล็กน้อย ก็มิได้ถือตัวประการใด คงใกล้ชิดสนิทสนม ร่วมปฏิบัติธรรม สนทนาธรรม แลกเปลี่ยนธรรมสากัจฉาต่อกันเป็นอย่างดี
    ภิกษุท่านนั้น คือท่านที่เรารู้จัก เราเคารพบูชากันในภายหลัง ในนามว่า หลวงปู่ขาว อนาลโย แห่ง วัดถ้ำกลองเพล นั่นเอง
    ปกติหลวงปู่เป็นผู้เงียบขรึม พูดน้อย ไม่ค่อยสนิทกับใครง่าย ๆ หรืออีกนัยหนึ่ง ท่านเป็นผู้เลือกคบมิตร ท่านทราบดีว่า
     
  8. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    <TABLE class=img_caption_table cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TH>

    พระอาจารย์ใหญ่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    </TH></TR><!-- END title --><!-- BEGIN caption --><TR><TD>

    วัดป่าหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ---------------------------
    ๘. พบท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตมหาเถระ
    หลวงปู่บวชแล้วถึง ๔ ปี จึงได้มีโอกาสพบท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ..!!
    ความจริง พระอาจารย์พา อาจารย์องค์แรกผู้พาท่านออกดำเนินทางธรรมโดยให้เป็นผ้าขาวน้อยเดินรุกขมูลไปกับท่าน จนกระทั่งเป็นธุระให้ท่านบวชเณร...ก็เป็นศิษย์องค์หนึ่งของท่านพระอาจารย์มั่น ท่านเคยเคารพเลื่อมใสพระอาจารย์พา อาจารย์ของท่านมาก และอดคิดแปลกใจไม่ได้ที่ท่านพระอาจารย์พาเล่าให้ฟังถึงท่านพระอาจารย์มั่น อาจารย์ของท่านด้วยความเคารพเทิดทูนอย่างสูงสุด
    ท่านว่าพระอาจารย์พาเคร่งครัด ในเรื่องข้อวัตรปฏิบัติมากอยู่แล้ว
    แต่ท่านพระอาจารย์พา บอกว่าท่านพระอาจารย์มั่นเคร่งครัดในเรื่องข้อวัตรปฏิบัติมากมี่สุด
    ท่านว่า พระอาจารย์พา ฉลาดรอบรู้ในการเทศนาธรรมมากอยู่แล้ว
    แต่ท่านพระอาจารย์พากล่าวว่า ท่านพระอาจารย์มั่น อาจารย์ของท่านฉลาดรอบรู้ในการเทศนาธรรม ได้กว้างขวางพิสดารมากที่สุด
    ท่านว่า พระอาจารย์พา อ่านใจคนได้มากอยู่แล้ว
    แต่ท่านพระอาจารย์พายืนยันว่า ท่านพระอาจารย์มั่น อาจารย์ของท่านอ่านใจคน ดักใจคน รู้จิตใจคนได้ทุกเวลา ทุกโอกาสมากที่สุด
    ท่านพระอาจารย์มั่น เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบ ซึ่งในสมัยนี้นากที่จะพบ
     
  9. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    <TABLE class=img_caption_table cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TH>หลวงปู่ชอบ ฐานสโม </TH></TR><!-- END title --><!-- BEGIN caption --><TR><TD>วัดป่าสัมมานุสรณ์ (วัดเหนือ)
    บ้านโคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ----------------------------------------------------​
    ๙. โปรดโยมมารดา
    ดังได้กล่าวแล้วว่า หลวงปู่จากบ้าน ออกไปถือศีลแปดเป็นผ้าขาวน้อยธุดงค์ไปกับท่านอาจารย์ตั้งแต่เมื่ออายุ ๑๔ ขวบ กลับมาบ้านชั่วคราวสั้น ๆ ก็ไปเป็นผ้าขาวอีก และได้ออกบวชเป็นสามเณร จนกระทั่งเป็นพระภิกษุ ตลอดช่วงเวลาสิบกว่าปีนี้แทบจะไม่ให้มารดาญาติพี่น้องได้ชื่นชมโดยใกล้ชิดเท่าไร เมื่อท่านยอมมาจำพรรษาที่วัดป่าหนองบัวบาน จังหวัดอุดรธานี เมืองเดียวกับ ตำบลเชียงพิน บ้านที่ญาติพี่น้องพำนักอยู่ โยมมารดาจึงดีใจด้วยได้มีโอกาสไปปรนนิบัติวัฏฐาก
     
  10. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    <TABLE class=img_caption_table cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TH>
    หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร (ศิษย์หลวงปู่มั่น)
    </TH></TR><!-- END title --><!-- BEGIN caption --><TR><TD>
    วัดถ้ำผาบิ้ง
    บ้านนาแก ต.ผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    -------------------------------------------​
    ๑๐. พบคู่กัลยาณมิตรอีกองค์หนึ่ง
    ในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ อันเป็นพรรษาที่ ๖ ของท่านนั้น เดิมหลวงปู่คิดว่า ท่านจะจากวัดป่าหนองบัวบานที่จำพรรษามาถึง ๓ ปีติดต่อกันนี้ ไปจำพรรษากับท่านพระอาจารย์มั่น แต่ท่านพระอาจารย์มั่นก็ได้หนี้จากหมู่คณะไปจังหวัดเชียงใหม่แล้วแต่ในปลายปี ๒๔๗๒ ส่วนที่หลวงปู่จะกลับมาจำพรรษาที่วัดป่าหนองบัวบานดังเดิม ท่านก็คิดว่า หลังจากที่ได้จำพรรษามาถึง ๓ ปีติดต่อกันแล้ว ก็ควรจะหาที่สงัดวิเวกแห่งใหม่ต่อไป เพราะธรรมชาติของมนุษย์นั้น เมื่ออยู่ที่ใดนาน ๆ ก็มักจะมีความสนิทสนมคุ้นเคยต่อบุคคลในละแวกนั้น ต่อสถานที่บริเวณนั้น อย่างที่เรียกกันว่า
     
  11. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    หลวงปู่หลุย จันทสาโร และหลวงปู่ชอบ ฐานสโม "เพชรคู่แฝด"
    บนยอดมงกุฎแห่งจังหวัดเลย
    ------------------------------------
    ๑๑. พระนางมัทรีเสด็จมาในกลางป่า
    ระหว่างที่จำพรรษาอยู่ ณ วัดป่าหนองวัวซอนี้ ได้มีเหตุการณ์ที่น่าจะบันทึกไว้อย่างหนึ่ง คือ เวลากลางวันวันหนึ่ง หลังจากที่หลวงปู่ได้ทำความเพียรอย่างเต็มที่แล้ว ท่านก็พักจำวัดอยู่ในกุฏิ เผอิญวันนั้นโยมมารดาของท่านที่บวชเป็นชี และยังอยู่ที่วัดป่าหนองบัวบาน ได้มาเยี่ยมท่านที่วัด ท่านเล่าว่า กำลังจำวัดอยู่เพลิน ๆ เพราะเพิ่งจะพักจากการทำความเพียรอย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่ง อากาศก็เป็นใจด้วยฝนกำลังตกอยู่ ตกใจตื่นด้วยเสียงโยมมาเรียกท่าน
    เร็ว ๆ เข้า รีบไปศาลาโดยด่วนเถอะ คุณลูก นิมนต์ไปศาลา พระนางมัทรีมาอยู่ที่ศาลาแน่ะ...!
    เร็วเถอะท่าน พระนางมัทรีมา โยมเร่ง
    ท่านบอกว่า ตื่นขึ้นด้วยเสียงเรียกของโยมมารดา ทั้งเร่งเร้า ทั้งทุบประตูกุฎี เสียงโยมว่า มีคนมา นิมนต์ให้ไปศาลา ท่านรีบครองผ้าแล้วก็ลงมาจากกุฎีมาทันที เพื่อตามใจโยม ไม่ทันคิดว่าเป็นใคร มาทำไม ธุระอะไร โยมให้รีบไป ท่านก็ตามใจโยม
     
  12. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER>
    หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
    วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
    </CENTER><CENTER>----------------------------------------------</CENTER>
    ๑๒. คำพยากรณ์ของท่านพระอาจารย์มั่น
    ในบรรดาศิษย์รุ่นใหญ่ของ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตมหาเถระ หลวงปู่ดูเหมือนจะมีประสบการณ์คล้ายกับบูรพาจารย์ของท่านมากที่สุด โดยเฉพาะด้านการรู้เห็นติดต่อกับสิ่งลึกลับที่อยู่ต่างภพต่างภูมิมาขอความอนุเคราะห์จากท่าน... ขอสร้างบุญ สร้างกุศล ทำบุญกับท่าน ขอฟังธรรมให้ท่านเทศน์โปรด
    ความอันนี้ ดูจะเป็นที่สังเกตและทราบตั้งแต่เมื่อท่านเป็นพระผู้น้อยเข้าไปกราบท่านพระอาจารย์มั่นใหม่ ๆ
    เวลาที่ท่านภาวนา...ทุกคืน ได้เห็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ปรากฏซ้ำคล้ายกันแทบทุกคืน วันหนึ่งอดใจไม่ได้ ก็คลานเข้าไปกราบเรียนถามข้อสงสัย
    กล่าวคือ ท่านภาวนาเห็นพระอาจารย์มั่นถือไม้เท้าไปเคาะดูตามกุฏิลูกศิษย์หลังโน้นหลังนี้ทุกคืน ท่านพระอาจารย์มั่น ดู ๆ แล้วก็กลับไม่ทราบว่าพ่อแม่ครูอาจารย์ไปด้วยเหตุผลกลใด
    ท่านพระอาจารย์มั่น ฟังแล้วแล้วก็นิ่งมองพระน้อยองค์นี้ แทนที่จะตอบคำถาม ท่านกลับปรารภออกมาดัง ๆ ต่อหน้าพระเณรทุกองค์ว่า
     
  13. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม มาเยี่ยม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    ณ.วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

    --------------------------------------------------
    ๑๓. เหล่ากายทิพย์เทวดามาเบื้องบนมาขอฟังธรรม
    ออกพรรษาแล้ว หลวงปู่ก็ออกจากวัดป่าบ้านหนองวัวซอ จาริกไปหาป่าหาเขาอันสงัดวิเวกที่ถูกกับจริตนิสัย ท่านชอบเที่ยวอยู่ในป่าในเขาเป็นปกติ ถึงเวลาเข้าพรรษาก็กลับเข้าบ้านเมืองสักครั้งหนึ่ง ท่านออกพรรษาแล้ว ก็ออกจาริกธุดงค์ต่อไป
    พรรษาที่ ๗ พ.ศ. ๒๔๗๔ ท่านจำพรรษาที่วัดป่าบ้านเหล่างา หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า วัดป่าวิเวกธรรม อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น พรรษาที่ ๘ และ ๙ พ.ศ. ๒๔๗๕- ๒๔๗๖ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าสาละวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
    [​IMG]

    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม (ศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น)
    วัดป่าสาลวัล อ.เมือง จ.นครราชสีมา

    ระยะนั้น ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ศิษย์รุ่นผู้ใหญ่ของท่านพระอาจารย์มั่น กำลังตั้งกองทัพธรรมสั่งสอนประชาชนทางภาคอีสานให้รู้จักหลักพุทธศาสนาที่แท้จริง ให้เลิกนับถือผีไท้ ผีฟ้า ผีปู่ตา กลับมารับพระไตรสรณาคมน์ มีพระกรรมฐานมาชุมนุมอยู่ที่วัดป่าสาละวันและวัดป่าวิเวกธรรมมาก นอกจากองค์ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม แล้วก็มี ท่านพระอาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล ท่านพระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เป็นต้น
    วัดป่าสาละวันนี้ มีกำเนิดมาจาก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน ปธ. ๕) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระเทพเมธี เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา ได้มีบัญชาเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ให้พระกรรมฐานที่มีอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ไปรวมกันที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่ออบรมเทศนาสั่งสอนประชาชนร่วมกับข้าราชการ พระคณะกรรมฐาน ซึ่งมีท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เป็นหัวหน้า จึงพาหมู่พวกเดินทางไปจังหวัดนครราชสีมาเพื่อเผยแพร่หลักธรรมทางพุทธศาสนา ปละใน พ.ศ. ๒๔๗๕ นี้เอง ที่ พ.ต.ต. หลวงชาญนิยมเขต ได้ถวายที่ดินหลังสถานีรถไฟ จำนวน ๘๐ ไร่เศษ ให้สร้างเป็นวัด ท่านพระอาจารย์สิงห์ จึงได้สร้างวัดขึ้น ตั้งชื่อว่า วัดป่าสาละวัน ให้เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการอบรมกรรมฐาน
    ระหว่างที่หมู่พวกกระจายกันไปตั้งวัดโดยรอบวัดป่าสาละวัน เช่นสร้างวัดศรัทธาวนาราม ข้างกรมทหาร ตำบลหัวทะเล สร้างวัดป่าคีรีวัลย์ อำเภอท่าช้าง วัดป่าอำเภอกระโทก วัดป่าอำเภอจักราช วัดป่าสะแกราช อำเภอปักธงไชย วัดป่าบ้าใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว วัดป่าบ้านมะรุม อำเภอโนนสูง ฯลฯ ... เป็นกองทัพธรรม กระจายแยกย้ายกันไปเทศนาอบรมประชาชน หลวงปู่ก็แยกจากหมู่พวกเข้าไปในป่าลึกอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
    โดยที่ ท่านนิสัยขรึม พูดน้อย ไม่ชอบเกี่ยวข้องด้วยพระเณรและประชาชนจำนวนมาก ท่านจึงเห็นประโยชน์ของการเข้าไปอยู่ในป่าเขาอันสงัดเงียบ ประโยชน์นี้ทั้งสำหรับองค์ท่านเองและประโยชน์ของผู้ที่อยู่ในภพภูมิอื่น อันสายตามนุษย์ธรรมดาไม่สามารถจะมองเห็นได้
    พูดง่าย ๆ ขณะที่หมู่พวกเมตตาเทศนาอบรมมนุษย์ในหมู่บ้าน หลวงปู่ก็ได้ช่วยเมตตาอนุเคราะห์เทศนาอบรมเทวดาในป่าลึก...
    ท่านเล่าว่า ระหว่างที่ท่านธุดงค์เข้าไปในป่าลึก จะมีพวกกายทิพย์เข้ามาอาราธนาให้อยู่โปรดพวกเขา แม้แต่เสียงที่ท่านสวดมนต์ภาวนา ก็ทำความชุ่มชื่นรื่นรมย์ให้แก่สัตว์โลกไปทั่วทั้งปฐพี
    [​IMG]
    แทบไม่เว้นแต่ละคืน จะมีพวกมาจากภพภูมิอื่นเป็นเทวดา นาค มากราบไหว้ขอฟังธรรม ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า เทวดามาเยี่ยมฟังธรรมจากท่านเกือบทุกคืน มีจำนวนมากบ้าง น้อยบ้าง บางครั้งมีจำนวนเป็นหลักสิบ เช่น ๕๐
     
  14. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    ๑๔. จำพรรษาที่ถ้ำนายม เทวดามาอารักขาและถวายอาหารทิพย์
    ในพรรษาที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๔๗๗ ท่านจำพรรษาอยู่ ณ ถ้ำนายม จังหวัดเพชรบูรณ์ ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่ปรากฏให้ท่านเห็นในนิมิต ตั้งแต่ท่านยังอยู่ที่วัดป่าบ้านเหล่างา จังหวัดนครราชสีมา กับท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เมื่อท่านล่วงรู้อนาคตถึงถ้ำที่ท่านจะต้องไปอยู่ ท่านก็เดินทางจากนครราชสีมา บุกป่ามุ่งไปทางเพชรบูรณ์ เพื่อสืบหาถ้ำนายมที่เห็นในนิมิต
    ท่านเดินทางมากับผ้าขาวคนหนึ่ง เป็นคนบ้านนอก รักษาศีล ๘ ไปถึงเมืองเพชรบูรณ์ ถามหาถ้ำนายม แต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้จัก จนสุดท้ายจึงมาพบเข้า เป็นถ้ำที่ซอกซอนอยู่ในป่าลึก จากบ้านชาวป่าที่ใกล้ที่สุด ต้องบุกป่าไม้ไผ่อันหนาทึบเข้าไปถึง ๕ กิโลเมตร จึงจะถึงถ้ำนายม
    ท่านเล่าว่า ตั้งแต่เห็นถ้ำมา ท่านไม่เคยเห็นถ้ำที่ไหนจะใหญ่โตและงดงามเท่าถ้ำนายมนี้ ภายในถ้ำมีบริเวณอันกว้างใหญ่ เป็นหลืบเขา เป็นชั้นช่องปล่องเปลว เพดานเป็นหินระย้าย้อยงดงาม บางตอนก็เลื่อมพรายระยิบระยับประดุจแก้วมุกดา แต่ละห้องคูหาล้วนใหญ่โตมโหฬาร ต่อเนื่องกันไปดุจท้องพระโรง และห้องหอในปราสาทราชวัง บางตอนที่แยกออกไปเป็นซอกเล็ก คูหาน้อย แม้จะขาดแสงดูทึบมืดมาก แต่ก็ไม่มีอับชื้น อากาศโปร่งเย็นสบาย มีลมพัดโกรกตลอดเวลา ชวนให้นั่งภาวนาเป็นอย่างมาก ท่านว่า เป็นถ้ำอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีมด ไม่มีแมลงปรากฏ พระเณรหรือใครก็ตามจะไปทำความสกปรกในนั้นไม่ได้เลย และถ้าขี้เกียจภาวนา เห็นแก่หลับแก่นอน ก็จะถูกปลุก ถูกเตือน ดึงแขน ดึงขา เพื่อไม่ให้ประมาทในการภาวนา
    ท่านบอกว่า พิจารณาแล้ว เคยเป็นถ้ำอยู่ใต้ทะเลมาก่อน จนเดี๋ยวนี้พื้นถ้ำก็ยังคงเป็นทรายทะเลอยู่ แต่ก็น่าประหลาด ดังที่กล่าวมาแล้ว ว่าแม้พื้นถ้ำจะเป็นทราย แต่มิได้มีมดมีแมลงเล็กน้อยอาศัยอยู่ในพื้นทราย ดังที่เคยพบในพื้นทรายแถบอื่นเลยสักตัวเดียว ดูราวกับมีผู้มาปัดกวาดทำความสะอาดให้ดูราบเรี่ยมเอี่ยมสำอางอยู่ตลอดเวลา
    บริเวณหน้าถ้ำ มีกระทะเหล็กใหญ่ ๆ หม้อ ไห มากมาย ถามดูก็ไม่ทราบว่าเป็นของใคร ชาวบ้านบอกว่า ได้ยินปู่ย่าตายายเล่าสืบ ๆ กันมาว่า เคยเห็นข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้อยู่หน้าถ้ำนี้มานานนักหนาแล้ว เวลาชาวบ้านจะมีงานฉลองปีหนึ่ง ก็ได้ใช้ ถ้วยชาม หม้อ ไห กระทะเหล่านี้ครั้งหนึ่ง ใช้แล้วก็เก็บล้างนำมาคืนที่หน้าถ้ำ วางไว้เฉย ๆ ไม่ต้องเก็บงำซุกซ่อนอะไร ไม่มีใครกล้าไปฉกลัก ยึดเอามาเป็นสมบัติส่วนตัวสักราย
    ท่านกล่าวชมเชยผ้าขาวที่ไปอยู่ด้วยกับท่านมาก ว่าปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรได้อย่างน่าสรรเสริญ วันหนึ่งระหว่างนั่งภาวนา ท่านเห็นเทวดาองค์หนึ่งเหาะลอยมา แต่ผ่านท่านไปอย่างไม่สนใจ และไปกระซิบอะไรไม่ทราบใส่หูผ้าขาวนั้น พอเสร็จภาวนาแล้ว โยมผ้าขาวก็มาถามท่านว่า
     
  15. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    ๑๕. สถานที่ซึ่งมีบุญคุณที่สุดที่บรรลุอมตธรรม

    ปกติหลวงปู่มีนิสัยเด็ดเดี่ยว อาจหาญ ชอบไปและอยู่ตามลำพังองค์เดียว นาน ๆ จะชวนเพื่อนชวนหมู่ไปด้วยสักครั้งหนึ่ง แต่ก็จะเลือกเฉพาะผู้ที่ใจเด็ด ใจถึง ตายเป็นตาย เท่านั้น ท่านอธิบายว่า การไปคนเดียว อยู่คนเดียว ทำให้มีสติรู้ตัว สังวรระวังอยู่ตลอดเวลา ไม่ประมาทมัวแต่จะนึกอาศัยเพื่อนหรือผู้อื่น ทั้งไม่ต้องมีเรื่องมาก ต้องคอยพูดคุยสนทนากันในบางโอกาสบางเวลา ไปคนเดียว ไม่ต้องรั้งรอกัน คิดจะไป เพียงเก็บบริขารใส่บาตร คว้ากลดร่มก็ไปได้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลารอโน่นรอนี่ หรือคำท้วงติง....
     
  16. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๑๖. เดินธุดงค์เข้าเขตพม่าและจำพรรษาในพม่า
    ไม่เป็นการผิดเลยที่จะกล่าวว่า สำหรับหลวงปู่แล้ว
     
  17. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๑๗. พระอรหันต์สมัยพุทธกาลมาเยี่ยมท่าน
    ระหว่างท่านวิเวกอยู่ในเขตประเทศพม่า พักบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ ณ ถ้ำแห่งหนึ่งที่บ้านเมืองยางแดง ท่านได้ทำมีดหายไป หาอยู่สามสี่วันก็ไม่พบ ท่านว่าก็มิใช่มีดพิเศษพิสดารอะไรนัก เป็นมีดประเภทธรรมดาที่ชาวบ้านใช้ถางป่านั่นเอง เพราะพระกรรมฐานจะมีของวิเศษเลิศเลออะไร ท่านก็ได้อาศัยมีดถางป่าพื้น ๆ นี้เอง เป็นบริขารประจำตัวสารพัดประโยชน์...หั่น...ตัด...ถาก...ถาง...งัด...แงะสิ่งใดก็ด้วยมีดประจำตัวนี้ ท่านใช้แล้วไปอาบน้ำ คิดว่าลืมทิ้งไว้บริเวณที่อาบน้ำ แต่เมื่อออกไปหาดูโดยทั่วหมดบริเวณแถวนั้น ทั้งที่บริเวณอาบน้ำ ที่ในถ้ำ หรือแม้แต่ที่อื่นใดที่คิดว่า อาจจะลืมไว้ ก็ไม่เห็นเลย เวลาผ่านไปสามวันสี่วันก็ยังไม่พบ ทำให้ท่านออกรู้สึกรำคาญใจ
    ตอนกลางคืน ขณะมี่ท่านกำลังนั่งเข้าที่สมาธิภาวนาในเวลาดึกสงัด ปรากฏมีพระอรหันต์องค์หนึ่งเหาะมาเยี่ยมท่านทางสมาธิภาวนา ท่านเหาะลอยมาทางอากาศ มีรัศมีสว่างแพรวพราย น่าเคารพน่าเลื่อมใสอย่างที่สุด หลวงปู่รีบกราบด้วยความเคารพอย่างสูงสุด ทั้งปีติทั้งยินดีอย่างสุดจะพรรณนา พระอรหันต์องค์นั้นพอเหาะลงถึงพื้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ก็ถามทันทีว่า มีดของท่านหายไปใช่ไหม เมื่อท่านเรียนตอบรับคำ พระอรหันต์องค์นั้นก็บอกว่า ไม่ได้หายไปไหน ท่านลืมที่ต่างหาก นั่นไง... ท่านบอกพลางชี้มือ ....มีดของท่านอยู่นั่นไง ไปเอาเสียซี
    หลวงปู่เล่าว่า ตอนเช้าท่านก็ไปดูที่พระอรหันต์ท่านชี้บอกไว้ในนิมิต ซึ่งเป็นหลังก้อนหิน ก็เห็นมีดอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ประหลาดที่ว่าท่านหาอยู่หลายวันไม่เห็น และความจริงท่านก็ไม่บนบานอธิษฐานให้เทวดาหรือใครช่วยหาให้เลย แต่น่าอัศจรรย์ที่พระอรหันต์ท่านกลับทราบ ทั้งยังเมตตาช่วยบอกให้ ทำให้ท่านได้มีดคืนโดยไม่คาดฝัน
    [​IMG]
    พระอรหันต์องค์นี้ชื่อ พระพากุละ ท่านเล่าว่า พระพากุละนี้เมตตามาเยี่ยมท่านมิได้ขาด จากครั้งแรกที่มาชี้บอกเรื่องบริขารหารที่ถ้ำในพม่าแล้ว ต่อมายังให้ความเมตตามาแสดงธรรมโปรดท่าน มาเยี่ยมท่านตลอดมาจนปัจจุบันนี้ (กราบเรียนถามท่านครั้งสุดท้ายในปี ๒๕๒๙ นี้ ท่านรับว่าพระพากุละก็ยังคงมาเยี่ยมท่านอยู่)
    เมื่อเราเรียนว่า เชื่อว่าท่านและท่านพระพากุละคงจะเคยมีความผูกพันกัน ท่านคงจะเคยเป็นศิษย์ของพระพากุละกระมัง หลวงปู่ก็อธิบายว่า ...ต่างคนต่างเคยเกิดเป็นศิษย์ซึ่งกันและกัน !
    ผู้เขียนได้ยินแล้วก็อดมิได้ที่จะนึกซาบซึ้งในคุณธรรมของท่านผู้รู้อย่างสุดซึ้ง ผู้เป็นปราชญ์ราชบัณฑิตอย่างแท้จริงนั้น ท่านย่อมครองคุณธรรมด้านกตัญญูกตเวทิตาคุณตลอดกาล ภพชาติจะผ่านไปเช่นไร ศิษย์และอาจารย์ย่อมเป็นศิษย์และอาจารย์ต่อกันอย่างมิรู้ลืม เราเคยอ่านพบในพระไตรปิฎกอยู่เสมอว่า เมื่อท่านผู้หนึ่งผ่านภพแห่งโลกนี้ไปเสวยสุขได้สวรรคสมบัติหรือพรหมสมบัติแล้ว เมื่อผู้เคยเป็นศิษย์ของท่าน หรือผู้เคยเป็นอาจารย์ของท่านยังครองชีวิตอยู่ในมนุษยโลก หากหลงผิด ท่านก็จะลงมาตักเตือนหรือแนะข้อคิดที่ถูกต้องให้ หากปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ท่านก็จะลงมาเยี่ยมอนุโมทนาสรรเสริญในศีลานุจารวัตร แสดงธรรมให้เป็นที่รื่นเริงบันเทิงในจิต และระยะนี้เอง ที่ท่านผู้ยังดำรงธาตุขันธ์อยู่ในโลกมนุษย์ก็อาจจะเรียนถามข้อสงสัยในธรรมวินัยบางประการได้
    หลวงปู่ก็เช่นเดียวกัน ท่านพระพากุละมาเยี่ยมชมเชยและสรรเสริญข้อวัตรปฏิบัติของหลวงปู่มาก โดยเฉพาะด้านธุดงควัตรที่ท่านถือเคร่งควรเป็นเนติแบบอย่างของผู้สืบพระศาสนาเป็นอย่างดี ท่านได้แสดงธรรมยืนยันประโยชน์ของธุดงควัตรที่มีต่อผู้หวังผลที่สุดแห่งการปฏิบัติ อย่างไพเราะลึกซึ้ง และอนุโมทนาด้วยที่หลวงปู่ได้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ น่าเคารพเลื่อมใส จนท่านต้องมาเยี่ยมถึงที่อยู่
    ท่านเล่าว่า วาระแรกที่ท่านพาพระกุละมาเยี่ยมอนุโมทนาและแสดงธรรมนั้น ท่านมีความปีติเปี่ยมในจิต ออกจากสมาธิมาเดินจงกรม รู้สึกตัวเบาราวกับจะเหาะเหินเดินอากาศลอยตามพระอรหันต์พากุละไปฉะนั้น ท่านเดินจงกรมจนสว่างโดยมิได้นึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแต่ประการใด จิตเบา กายเบา จิตอ่อน กายอ่อน จิตสงบ กายสงบ ไม่มีอารมณ์ใดมาเกาะเกี่ยว
    ท่านว่า ปรากฏการณ์ครั้งนั้น ทำให้ท่านมีความเชื่อมั่นในธรรมมากขึ้น และมีกำลังใจที่จะบำเพ็ญความเพียรให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
    ใครจะนึกฝันว่า จะมีพระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษเมตตามาเยี่ยม บริขารหาย ท่านก็เมตตาบอกที่ให้ ปฏิบัติทำความเพียรอยู่ ท่านก็มาอนุโมทนาและเมตตาแสดงธรรมสั่งสอน ท่านเล่าว่า ท่านมิได้นึกเห่อเหิมประการใด ว่าตนมีความดี ความวิเศษเลิศเลอกระทั่งมีพระอรหันต์มาเยี่ยม แต่ท่านกลับยิ่งต้องพิจารณาใตร่ตรองเทียบเคียงข้อวัตรปฏิบัติของท่านกับธรรมคำสั่งสอนที่ได้รับ ระมัดระวังมิให้ผิดพลาดหรือเสื่อมถอยลง
    เพียร...ก็ต้องเพียรพยายามให้มากขึ้น
    พิจารณา...ปัญญาก็ต้องพิจารณาฟาดฟันกิเลสให้รอบรู้...รู้เท่ายิ่งขึ้น
    สติ...ต้องกำกับรักษาจิต พยายามไม่ให้พลั้งเผลอสักขณะจิต รวมความว่า กลับยิ่งต้องระวังรักษาตัวทุกประการให้สมควรกับที่ได้มีวาสนาประสบพบเห็นสิ่งที่ไม่น่าจะเห็น ได้ยิน ได้ฟัง สิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะได้ยินได้ฟัง
    [​IMG]
    ระหว่างที่พำนักอยู่ในพม่าเช่นกัน ท่านได้เดินธุดงค์ไปหาที่วิเวก พบถ้ำอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีชัยภูมิสงัดลี้ลับห่างจากหมู่บ้านมาก การออกบิณฑบาตจากถ้ำที่ปรารภความเพียรไปหมู่บ้านนั้นต้องใช้เวลาถึงเกือบสองชั่วโมง ไปกลับก็ร่วมสี่ชั่วโมงกว่าจะถึงที่พักได้ฉันอาหาร แต่ท่านก็พอใจที่จะอยู่บำเพ็ญความเพียร ณ ที่นั้น ด้วยเป็นที่สงัด สัปปายะแก่การภาวนา บางวันเวลาหากการบำเพ็ญเพียรเป็นไปอย่างดูดดื่มลึกซึ้ง ท่านก็พักการออกบิณฑบาตเป็นวัน ๆ ไป
    ท่านเล่าว่า คืนวันหนึ่ง พอจิตรวมสงบลงก็ปรากฏ พระมหากัสสปเถรเจ้า เหาะลอยลงมาข้างหน้าท่าน ท่านว่า เป็นภาพที่งามมาก ด้วยเห็นท่านเหาะมาแต่ไกล จนกระทั่งใกล้เข้ามาเห็นรัศมีแพรวพรายสว่างเรือง ร่างของท่านค่อยเลื่อนลอยลงสู่พื้นแล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้าท่านด้วยความสงบเยือกเย็น ใบหน้าของท่านเปี่ยมล้นด้วยความเมตตา แล้วก็มีปฏิสันถารกับหลวงปู่อย่างอ่อนโยน ท่านถามถึงธาตุขันธ์ของหลวงปู่ว่าพอเป็นไปไหวไหมกับการบำเพ็ญความเพียรอย่างอุกฤษฎ์ที่น่าอนุโมทนาเช่นนี้
    หลวงปู่เล่าว่า ท่านก้มลงกราบในนิมิตภาวนาด้วยความปีติตื้นตันใจ ดูเหมือนว่าการปฏิบัติ การภาวนาของท่านจะอยู่ในสายตาของท่านผู้รู้โดยตลอด
    เมื่อท่านกราบเรียนอย่างนอบน้อมถ่อมองค์แล้ว พระมหากัสสปะก็อนุโมทนาในกำลังศรัทธาของท่าน และแสดงธรรมเน้นหนักเรื่องธุดงควัตร เช่นที่พระพากุละได้เทศนาสั่งสอนหลวงปู่มาแล้ว ท่านยืนยันว่า ธุดงควัตรนั้นเองเป็นหลักของพระผู้มุ่งมั่นต่อความหลุดพ้นจากทุกข์ จริงอยู่ที่หลวงปู่ปฏิบัติอยู่นี้ ก็น่าสรรเสริญชมเชยอยู่แล้ว แต่ท่านก็ใคร่จะอธิบายประโยชน์เพิ่มเติมให้ส่งเสริมอุบายธุดงค์ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
    ขอให้หลวงปู่ปฏิบัติอย่าย่อท้อ เพื่อเป็นแบบอย่างดำรงอริยมรรค อริยวัตร อริยประเพณีสืบต่อ ๆ ไป
    นอกจากด้านธุดงควัตร ท่านยังเมตตาแสดงด้านธรรมวินัยให้ฟังอย่างวิจิตรพิสดารอีกด้วย รวมทั้งปัญหาธรรมต่าง ๆ ที่หลวงปู่ติดข้องสงสัยด้วย
    ท่านเล่าว่า จิตท่านดำรงอยู่ในสมาธิภาวนาระหว่างท่านพระมหากัสสปะมาแสดงธรรมและสนทนาสั่งสอน เป็นเวลาเกือบสี่ชั่วโมงจิตจึงถอนออกมา หลังจากที่ท่านพระมหากัสสปะได้ลาจากท่านไป โดยเหาะกลับไปทางอากาศเช่นเดียวกับเมื่อเริ่มมา
    ออกจากสมาธิแล้ว หลวงปู่ก็นำธรรมะที่เพิ่งได้รับฟังสด ๆ ร้อน ๆ มาครุ่นคำนึง ทั้งปีติ ทั้งอาลัยระคนกัน
    ________ ปีติ.... ด้วยได้มีโอกาสกราบไหว้พระขีณาสวเจ้าองค์สำคัญ ผู้เป็นบรมครูทางธุดงค์แห่งพุทธกาล สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญยิ่งนักว่า ท่านเป็นผู้มักน้อย สันโดษ เป็นเลิศในทางธุดงค์
    ________ อาลัย.... ด้วยนึกเสียดายไม่อยากจะให้ภาพพระอรหันตเจ้าผู้ยิ่งด้วยมหาการุณจะเลือนหายไปเลย
    อย่างไรก็ดี ท่านได้ภาวนาต่อไปจนสว่าง มีความรู้สึกเอิบอิ่มปลื้มปีติอย่างบอกไม่ถูก ธรรมทุกข้อที่ท่านพระมหากัสสปะแสดงตักเตือน ดูราวกับจะปรากฏซ้ำขึ้นอย่างแจ่มชัด โดยเฉพาะข้อที่ท่านได้พยากรณ์เป็นเชิงให้กำลังใจแก่หลวงปู่ นั้นท่านว่า ท่านรู้สึกดื่มด่ำฉ่ำชื่น มีกำลังใจมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติทำความเพียรโดยไม่ลดละ เพราะมรรคผลนิพพานที่เคยรู้สึกว่าอยู่สูงลิบเหลือกำลังสอยนั้น ดูราวกับจะลอยล่ออยู่แค่เอื้อมนี่เอง....!!
    นอกจากพระมหากัสสปะและพระพากุละ จะเมตตามาเยี่ยม กล่าวสัมโมทนียกถา เทศนาให้กำลังใจเสมอแล้ว ท่านเล่าว่ายังมีพระอรหันต์สมัยพุทธกาลอีกองค์หนึ่ง คือ พระอนุรุทธมหาเถรเจ้า ก็ได้มารากฏองค์เยี่ยมท่านอยู่เป็นปกติ
     
  18. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๑๘. กลับมาเยี่ยมแดนอีสาน
    หลังจากที่ท่องเที่ยววิเวกอยู่ในถิ่นแถบภาคเหนือ คือแถวเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง เพชรบูรณ์ ถึง ๑๔ ปี พอดีกัลยาณมิตรของท่านคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย ได้มาชวนให้ท่านกลับอีสาน ท่านจึงตกลงใจกลับมากับหลวงปู่ขาว
    [​IMG]
    หลวงปู่ขาว อนาลโย (ศิษย์ผู้ใหญ่หลวงปู่มั่น)
    วัดถ้ำกลองเพล ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
    ---------------------------------------------------
    หลวงปู่ทั้งสอง ต่างองค์ต่างจากถิ่นฐานบ้านเกิดและวงศาคณาญาติ มาแสวงหาที่สัปปายะบำเพ็ญเพียรภาวนาทางภาคเหนือ เป็นเวลาใกล้เคียงกัน และ ต่างองค์ต่างได้รู้เห็นธรรม...ตามสำนวนอันถ่อมองค์ของท่านก็ว่า ...ธรรมอันสมควรเป็นที่พึ่งแห่งตนได้.... แต่สำหรับปุถุชนธรรมดาอย่างเรา ก็คงจะแอบนึก แอบเดากันเองว่า เป็นธรรมอันสูงขั้นใด... สมควรจะกลับไปเยี่ยมถิ่นฐานบ้านเดิม และโปรดพวกวงศาคณาญาติเสียที อีกประการหนึ่งหลวงปู่มั่น ภูริทัตตมหาเถระ พระอาจารย์ของท่านซึ่งได้ล่วงหน้ากลับจากเชียงใหม่ไปก่อนหน้านั้น ท่านกำลังโปรดญาติโยมอยู่แถบอีสานเหมือนกัน จะได้มีโอกาสไปกราบเยี่ยมท่านพระอาจารย์มั่นด้วย
    ความจริง ในการกลับอีสานครั้งนี้ หลวงปู่และหลวงปู่ขาวได้ไปชวน หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ด้วย นอกจากความสนิทสนมคุ้นเคยที่ธุดงค์ผ่านป่าผ่านเขา ผ่านเป็นผ่านตายมาด้วยกันแล้ว เฉพาะหลวงปู่ชอบกับหลวงปู่แหวนต่างมีชาติกำเนิดเป็นชาวจังหวัดเลยด้วยกันด้วย ท่านจึงชักชวนให้หลวงปู่แหวนกลับไปโปรดชาวจังหวัดเลยบ้าง แต่หลวงปู่แหวนก็ได้ตอบปฏิเสธหลวงปู่ทั้งสองไป ท่านว่า ท่านจะยังไม่กลับ จะอยู่เชียงใหม่ บำเพ็ญภาวนาให้ถึงอรหัตตผลก่อน จึงจะคิดกลับ เวลานี้ยังไม่คิด อย่างไรก็ดี หากได้ผลสมปรารถนาแล้วท่านจะคิดอีกครั้งหนึ่ง ว่าควรจะไปจากเชียงใหม่หรือไม่
     
  19. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    [​IMG]
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ---------------------------------------
    ๑๙. งานช่วยท่านพระอาจารย์มั่น
    ในการกลับมากราบเยี่ยมท่านพระอาจารย์มั่น ณ วัดป่าบ้านหนองผือ ครั้งแรกท่านคิดจะกลับไปบ้านเกิดที่จังหวัดเลยโดยเร็ว เพราะได้เหินห่างจากแดนมาตุภูมิมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว อีกประการหนึ่ง หลวงปู่ขาว มิตรสนิทของท่าน ก็กราบลาท่านพระอาจารย์มั่นกลับไปอุบลราชธานีแล้ว แต่ท่านมาคิดว่า ตัวท่านนั้นได้เที่ยววิเวกห่างจากครูบาอาจารย์ไป มิได้เคยอยู่จำพรรษาด้วยท่านเลย ครั้งนี้ท่านพระอาจารย์มั่นก็มีอายุมากแล้ว แต่ได้มีพระเณรอยู่รับการอบรมจากท่านเป็นจำนวนมาก คงจะเป็นภาระอย่างมากแก่ท่าน หลวงปู่จึงคิดจะอยู่รับใช้ตอบแทนพระคุณท่านระยะหนึ่ง ก่อนกลับไปเยี่ยมบ้าน
    และก็ราวท่านพระอาจารย์จะล่วงรู้ความมีน้ำใจของหลวงปู่ (หลวงปู่ว่า แน่นอน ท่านต้องรู้แน่อย่างไม่มีปัญหา !) ท่านก็มอบหน้าที่ให้หลวงปู่หลายประการ เช่น... ให้ท่านช่วยรับแขกบ้าง ให้ช่วยท่านดูแลพระบ้าง
    ฟังดูก็เป็นเรื่องธรรมดา
    ...ช่วยท่านรับแขก ....? ถ้ามีแขก ก็ช่วยรับแขก โอภาปราศรัยแขก อย่าให้รบกวนท่านมากนัก
    ....ให้ช่วยท่านดูแลพระเณร...? แน่นอน ในฐานะที่ท่านเป็นศิษย์รุ่นพี่ใหญ่ ก็ต้องคอยดูแลตักเตือนศิษย์รุ่นน้อง ให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบอันดีงาม มีความขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญภาวนา อย่าถือเอาความเกียจคร้านเป็นสรณะ...
    [​IMG]
    สภาพภายในอาณาบริเวณเขตวัดป่าหนองผือนาใน
    อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    -----------------------------------------
    ถ้าเป็นภาระหน้าที่ธรรมดา ๆ เช่นนี้ ท่านพระอาจารย์มั่นคงจะไม่มอบหน้าที่ให้หลวงปู่แน่...!
    เพราะ...
     
  20. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    ๒๐. สถานที่ซึ่งท่านจำพรรษา
    ระหว่างที่ทราบข่าวกันว่า หลวงปู่ได้เมตตายอมให้มีการทำประวัติท่านโดยละเอียด ได้มีครูบาอาจารย์หลายองค์มาขอให้ผู้เขียนพยายามค้นคว้าลำดับพรรษาของท่านให้ได้เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาอ้างอิงของอนุชนรุ่นหลังสืบต่อมา ผู้เขียนก็ได้พยายามตะเกียกตะกายไปกราบเรียนถามครูบาอาจารย์ผู้เป็นศิษย์รุ่นใหญ่ เคยติดตามเที่ยวรุกขมูลกับท่านบ้าง ศิษย์รุ่นหลัง ๆ ที่ได้ติดตามปรนนิบัติท่านบ้าง ได้ข้อความส่วนใดมา สอบทานกันแน่นแฟ้นแล้ว จึงได้กราบเรียนถามองค์ท่านเองเป็นลำดับสุดท้าย ทั้งนี้เพื่อมิให้เป็นการรบกวนท่านมากเกินไป
    สถานที่ซึ่งท่านจำพรรษา ๙ พรรษาแรกนั้น ไม่มีใครจำได้เลยจนองค์เดียว เป็นความกรุณาที่หลวงปู่เมตตาอย่างยิ่ง
    โอกาสที่เราจะว่างและท่านจะว่างให้ตรงกันนั้นยากอยู่แล้ว ครั้นเมื่อมีเวลากราบท่านก็ยังยากต่อไปอีก เพราะท่านควรพักบ้าง หรือบางครั้งญาติโยม ศิษย์ก็ห้อมล้อมท่านแน่น ไม่ใช่ กาละ อันควรเสียแล้ว ก็ต้องรอต่อไป และเมื่อถึง กาละ อันควรที่ควรกราบเรียนถามได้ เวลาท่านตอบ จะต้องเงี่ยหูฟังกันอย่างหนัก ทางผู้เขียนเองซึ่งแสนจะไม่สันทัดในสำเนียงอีสาน ประจวบกับการที่ท่านอาพาธ ลิ้นไม่เป็นไปตามบังคับของท่าน ฟังแล้วต้องเรียนถามพระผู้ปรนนิบัติ ทั้งญาติโยมชาวจังหวัดเลยที่ติดตามท่านมา คำบางชื่อก็สามารถจดบันทึกลงได้เร็ว บางชื่อต้องกราบเรียนถามท่านซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะจับคำไม่ถนัด บางทีรบกวนท่านมากไป ก็ต้องยุติเลิกรากันไปก่อน คราวหน้าคอยหาโอกาสกราบเรียนถามท่านใหม่...เป็นเวลาหลายเดือน จึงจะได้ชื่อที่ท่านรับว่า พวกเราฟังถูกแล้ว !!
    ตัวอย่างเช่น วัดศรีมงคลเหนือ ในพรรษาที่ ๒ เป็นต้น สามคำแรก ศรีมงคล ก็ใช้เวลานานอยู่แล้ว แต่เฉพาะคำว่า เหนือ นั้น ยิ่งนานไปกว่ามาก ถึงเป็นแรมเดือน เพราะท่านออกเสียงเบา และเราได้ยินเป็นอื่นไป กว่าจะถึงบางอ้อ คิดขึ้นได้ว่า ภาษาพูดทางอีสาน ไม่ค่อยออกสียงสระ เอือ แต่เป็นสระ เอีย คำท้ายที่ได้ยินท่านว่า นะ หรือ เนีย หรือ เหนีย นั้นคงต้องแปลงเป็นสระเอือ ดังนั้น เมื่อเราฉลาดขึ้น ร้องว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...