ประวัติวิธีการสร้างภูทอก

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย พามมะวดี, 11 มิถุนายน 2015.

  1. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    ประวัติวิธีการสร้างภูทอก
    วัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก)
    บ้านคำแคนพัฒนา
    ต.นาสะแบง อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ​



    [​IMG]
    ก่อนที่จะเล่าประวัติการก่อสร้างวัดภูทอก (วัดเจติยาคิรีวิหาร) นี้
    ความจริงแล้ว ข้าพเจ้าเองก็ไม่อยากจะเล่าเลย แต่ก็ทนต่อการรบเร้า
    ของญาติโยมและท่านผู้ใหญ่หลายท่านที่ได้ไปเห็นไปชมด้วยตา
    ได้อ้อนวอนให้เล่าประวัติการก่อสร้างให้ได้ เพื่อประโยชน์แก่ผู้สนใจ
    หากจะเล่าให้ละเอียดทุกแง่ ทุกตอน ก็อาจจะเฝือมากเกินไป
    จึงขอเล่าบางตอนเท่าที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังมากที่สุดเท่านั้น
    จึงขออภัยจากญาติโยมและท่านผู้ฟังทั้งหลายล่วงหน้าไว้ก่อน



    พ.ศ.๒๕๑๒ สมัยที่มาอยู่ที่ภูทอกนี้ ครั้งแรกอาศัยถ้ำตีนเขาซึ่งเป็นป่ารกชัฏมาก
    เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด มี ช้าง เสือ หมี กวาง เป็นต้น และสัตว์อื่นอีกมาก



    (ต่อ)
    ---------------------------------
    ที่มา : หน้าที่ ๑๗๑ หนังสืออัตตโนประวัติและพระธรรมเทศนา
    พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ
    วัดเจติยาคิรีวิหาร (ภูทอก) อำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มิถุนายน 2015
  2. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    [​IMG]


    อาศัยบิณฑบาตรกับชาวบ้านนาคำแคน
    ซึ่งอพยพมาตั้งอยู่ใหม่ๆ อาหารการขบฉันก็ตามเกิดตามมี
    อยู่ในลักษณะที่ขาดแคลนมาก ตอนแรกๆ ได้ให้ญาติโยม
    ถากถางป่าพอให้เป็นที่ปักกลด มีท่านพระครูสิริธรรมวัฒน์
    (ทองพูล สิริกาโม) เจ้าคณะอำเภอบึงกาฬและอำเภอเซกา
    กับผ้าขาวเล็กๆ หนึ่งคนอยู่เป็นเพื่อน ในฤดูแล้งได้ปลูกเสนาสนะ
    เป็นลักษณะกระท่อมเล็กๆ ๔ หลัง มุงด้วยหญ้า ฝาใบตอง
    ปูด้วยฟาก ในพรรษาแรก มีพระจำพรรษาด้วยกัน ๓ รูป
    ผ้าขาวน้อย ๑ คน ในพรรษานี้ได้พาญาติโยมทำบันไดขึ้นเขา
    ใช้เวลาทำอยู่ ๒ เดือน กับ ๑๐ วัน จึงสำเร็จ ตั้งแต่เริ่มแรกทีเดียว
    คุณหมอประพักตร์ โสฬสจินดา คุณหมอขันธ์ เทศประสิทธิ์
    อาจารย์สอนอนามัย ขอนแก่น ได้เป็นกำลังพาศรัทธาญาติโยม
    มาช่วยเป็นประจำ ให้ความสะดวกปลอดภัยเสมอ ในปี ๒๕๑๓
    นายบุญที อยู่นครเวียงจันทร์ แห่งประเทศลาว สร้าพระประธานถวาย
    ไว้ที่ถ้ำพุทธวิหารชั้นที่ ๕ สิ้นเงินหนึ่งหมื่นบาท ในปีต่อมา
    ก็ได้สร้างศาลาชั้นบนและชั้นล่าง มีศรัทธาจากอุดร หนองคาย บึงกาฬ
    นครพนม ตลอดจนกรุงเทพฯ รวมกันออกปัจจัยสร้างถวายสิ้นเงินเป็นจำนวนมาก
    และจากนั้นก็มีกำลังศรัทธาจากทางกรุงเทพฯ ด้วยถวายเครื่องปั่นไฟ
    เครื่อสูบน้ำ ทำถึงน้ำประปา เขาต่อท่อลงมาชั้นล่าง ทำให้ได้ใช้กัน
    สะดวกสบายแก่ทุกๆ คนที่มาเยือน กองทัพอากาศดอนเมือง
    ก็ถวายสายไฟแรงสูง ๓ ม้วน ม้วนละ ๕๐๐ เมตร ต่อไฟฟ้าไปใช้ตามที่ต่างๆ
    กรมวเิทศสหการ ก็ได้ถวายพระพุทธรูปทองหล่อขนาดใหญ่ไว้เป็นพระประธาน
    ที่ถ้ำวิหารพระชั้นที่ ๕
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มิถุนายน 2015
  3. mmoonoy

    mmoonoy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +19
    เห็นภาพตอนแรกนึกว่าเป็นวัดในธิเบตซะอีก วัดดูสงบดีจังค่ะแต่วัดอยู่สูงและดิฉันดันกลัวความสูงซะอีกไม่รู้ว่าจะสามารถปีนขึ้นไปถึงได้ไหมแต่ถ้ามีบุญวาสนาคงจะได้แวะไปกราบท่านค่ะ ขอบคุณ คุณพามมะวดี ที่นำมาให้ชมค่ะ:d
     
  4. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    --------------------------

    การได้ทราบที่มาของภูทอก ก่อนไปสัมผัสที่ภูทอกนั้น
    เป็นเรื่องสำคัญอยู่มาก หากติดตามอ่านเรื่อยๆ จะทราบว่าภูทอกอัศจรรย์มาก
    เพราะเป็นสถานที่ ที่ค่อนข้างมีภพภูมิ
    ที่ผู้ไปภูทอกต้องสำรวม กาย วาจา ใจ ไม่กล่าวคำหยาบ ไม่ถ่มน้ำลาย
    สำหรับตัวเองเมื่ออ่านประวัติการสร้างภูทอกจบลง
    อยากไปสัมผัสสิ่งปลูกสร้างจริง ฯลฯ

    ขอเป็นกำลังใจให้คุณmmoonoy ได้ไปสัมผัสภูทอกค่ะ
    ข้างบนอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นใจดีมาก ค่อยๆเดิน ทุกย่างก้าว "สติ"
    ขึ้นไปไม่ถึงขึ้นบนสุด เพราะมีงูเลื้อยมาขวางทางแล้วนิ่ง ราวกับกั้นไม่ให้ไปต่อ
    สะพานข้างหน้าที่จะเดินต่อไปนั้น ค่อนข้าง เปราะบาง
    หากไล่งูไป แล้วทุรังเดินต่อไปข้างหน้า
    ไม่อาจคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นไหม


    ประทับใจมาก หากมีโอกาสจะไปอีกค่ะ
     
  5. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    ในปี พ.ศ. ๒๕๑๔ จะเริ่มสร้างสะพานรอบเขาภูทอกตามหน้าผา
    หมออนามัยขอนแก่นได้เชิญสถาปนิกชาวอเมริกันคนหนึ่งมา
    สำรวจดูที่จะสร้างสะพานรอบเขาได้ขึ้นไปหาข้าพเจ้าที่ชั้นพระวิหารชั้นกลาง
    ข้าพเจ้าได้ขอปรึกษาวิธีทำสะพานรอบเขาตามหน้าผาชันๆ ว่า
    จะทำได้อย่างไร ขอคุณนายช่างกรุณาแนะวิธีทำให้ด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง
    แล้วก็ได้พาไปสำราจ ตามหน้าผาต่างๆ เสร็จจาก
    การสำราวจแล้วเขาก็ได้บอกวิธีว่า ต้องทำนั่งร้านเป็นจุดๆ
    จนรอบเขาก่อนแล้วจึงจะทำได้ งบประมาณการก่อสร้าง ๑๑ ล้านบาท
    จึงจะแล้วเสร็จ ข้าพเจ้าถามเขาว่า ไม่ใช้วิธีนั่งร้าน จะอาศัยไม้ ๒ ลำ
    มัดติดเสาที่ปักไว้ให้แน่น แล้วนั่งเจาะหินใส่เสาเรื่อยๆ ไปไม่ได้หรือ
    เขาตอบว่า ไม่ได้อันตรายมาก เดี๋ยวตกตายกันหมด
     
  6. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    [​IMG]

    ข้าพเจ้าตอบว่า วิธีที่แนะนี้อาตมาทำไม่ได้เลย เขาถามว่า
    ทำไมท่านทำไม่ได้ ไม้มันเยอะนี่ ข้าพเจ้าย้อนตอบเขาว่า
    ไม่มีเงิน ๖ ล้านบาทจะมาทำ "มีแต่เฉพาะล้านเดียวเท่านั้น คุณนายช่างเอย"
    เขาถามว่า "เงินหนึ่งล้านบาทท่านเอามาจากไหน
    ท่านอยู่ในป่า ใครให้ท่าน " ข้าพเจ้าได้ตอบเขาตามเป็นจริงว่า
    "อาตมาไม่มีเงินล้าน มีแต่ล้านเดียว คือ หัวล้านเท่านั้น คุณนายช่างเอย"
    แล้วข้าพเจ้าจึงบอกเขาว่า "อาตมาจะทำตามแบบของอาตมาที่คิดไว้
    โดยไม่ต้องนั่งร้านมาแต่ข้างล่าง คืออศัยหลักตอสองหลัก
    แล้วใช้ไม้สองลำผูกมัดให้แน่นยื่นออกไปสัก ๔ เมตร
    เอาเชือกผูกปลายไม้ที่ยื่นออกไป แล้วจึงตรึงผูกใส่เสาที่ปักไว้แล้ว
    ไปนั่งเจาะหลุมได้ตามสบาย" นายช่างร้องขึ้นว่า " ไม่ได้
    ท่านทำแบบนี้นอกหลักสูตรวิชาเขา ขืนทำไปก็ตายกันหมด "
    ข้าพเจ้าแย้งเขาว่า "อย่างไรก็ตาม ก่อนลงมือทำอาตมาต้องทดสอบ
    ด้วยตนเองเสียก่อนเห็นว่าปลอดภัยจึงลงมือทำ แต่อาตมาแน่ใจทีเดียวว่า
    ไม่เป็นไร" เขาตอบว่า "แหมท่านนี้มีความคิดพิสดารเหลือเกิน
    หากผมมีโอกาสจะมาดูสะพานของท่านที่ทำตามหน้าผารอบเขา"
    สนทนากันพอสมควรก็ลากันกลับ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    [​IMG]


    ระยะต่อมาอีกไม่กี่วัน พวกนักปีนเขาเอาผึ้งตามหน้าผาชันๆ
    ก็มาหาเขาเป็นพวกเคยเอาผึ้งตามภูเขาเป็นอาชีพประจำทุกปี
    ถึงฤดูผึ้งเข้าถ้ำเริ่มแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนเป็นต้น
    ไปถึงเดือนมีนาคม โดยเฉพาะที่ภูวัวปีหนึ่งมีเกือบ ๕,๐๐๐ รัง
    ภูสิงห์สามถึงสี่พันรัง ภูทอกใหญ่ประมาณ ๘,๐๐๐ รัง
    ภูทอกน้อยที่ข้าพเจ้าอยู่นี้มีประมาณ ๕๐๐ รัง พวกนักเอาผึ้งเขารู้ดี
    พวกเขาประมูลจากรัฐบาลปีหนึ่งตกหมื่นบาท วิธีเอาผึ้งพวกเขา
    ใช้เชือกหวาย ๔ ถึง ๖ เส้น ขวั้นผูกต่อกันยาวร้อยเมตร
    สองร้อยเมตร ตามแต่ขนาดของหน้าผาเสร็จแล้วเอามาเลี่ยน
    เป็นเส้นขนานมัดผูกกันไป แล้วผูกบันไดติดให้คนไต่ลงไปเอาได้ง่าย
    ทำที่สำหรับผู้ที่จะหย่อนลงไปนั่งให้พอเหมาะ จากนั้นก็ขึ้นบนยอดเขา
    แล้วหย่อนลงไปตามหน้าผาที่มีผึ้งอยู่ ผู้ที่จะลงไปเอาต้องใส่ชุด
    ที่ต้องยัดนุ่นสำลีให้ดีกันผึ้งต่อยแล้วลงไปตามสายบันได
    พอถึงที่พวกอยู่ข้างบนก้หย่อนคบเพลิงพร้อมด้วยกระเช้าใส่รังผึ้งไปพร้อม
    พอถึงเจ้าหมอนั้นก็จะจับคบเพลิงรมที่รังแม่ผึ้งตัวไหนรักตัวกลัวตายก็บินหนีไป
    ตัวไหมหวงน้ำหวานและลูกอ่อนก็ยอมตายอยู่กับรัง พิจารณาดูแล้ว
    ไม่แปลกอะไรกับนักปล้นฆ่าชิงทรัพย์ ตัวที่หนีก็มาก
    ตัวที่ยอมตายก็มากเช่นกัน เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เมื่อแม่ผึ้งตายหรือหนีหมดแล้ว
    เขาก็ใช้มีดแหย่ที่รังให้ตกลงที่อยู่ที่รองไว้ แล้วก็ร้องให้คนข้างบนดึงขึ้นทำน้ำหวานต่อไป
    เขาทำเช่นนี้จนกว่าจะหมดรังผึ้งที่มีอยู่ในเขาแต่ละลูกๆ
    ถ้าหากสายบันไดขาดพวกเอาผึ้งก็ไม่มีหวังอยู่ได้รอด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    ที่เอาเรื่องคนเอาผึ้งมาเล่าสู่ฟังนี้ก็เพราะพวกเขา
    ทราบว่าข้าพเจ้าจะจ้างคนทำสะพานรอบเขา
    พวกเขาจึงมาสำราจดูเผื่อว่าพวกเขาอาจจะทำได้
    เมื่อสำรวจดูได้เห็นแล้วพวกเขาไม่มีความสามารถจะทำได้
    มันไม่เหมือนเอาผึ้งจะใช้สายบันได้หย่อนลงมาไม่ถูกที่ที่จะทำสะพาน
    จะห้อยโหนโยนอู่แล้วเจาะมันก็ทำไม่ได้ ปรึกษาพิจารณากันแล้ว
    จึงยอมแพ้ขอลาข้าพเจ้ากลับบ้าน
     
  9. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    ใกล้จะเข้าพรรษา ข้าพเจ้าได้ทดสอบดูวิธีที่จะทำสะพานไปตามหน้าผา
    ตามทฤษฎีของข้าพเจ้าให้พระเณรและชาวบ้านดู และก็ได้ทราบ
    แน่ว่าทฤษฏีของข้าพเจ้าทำได้แน่ๆ เว้นเสียแต่ประมาท ต้องเป็นคน
    กล้าหาญและมีเชาว์ด้วยจึงจะทำได้ ครั้งแรกก็มีคนสมัครทำด้วยเพียง
    ๒-๓ คน พอทำได้สองส่วน ยังอีกส่วนหนึ่งจะเสร็จ เห็นว่าทำวิธีนี้
    ไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้น ทำไปด้วยความสนุกสบายไม่มีเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
    ดูหน้าตากล้าหาญ ยิ้มแย้มแจ่มใสใจผ่อง เพราะทำอยู่บนอากาศ
    ลมพัดเย็นเฉื่อยๆ ไม่เหน่ื่อยไม่ร้อน พักผ่อนภาวนาไปพร้อม


    ที่ผาชันๆ พวกฆาราวาสโดยมากไม่กล้าทำ ถ้าปล่อยให้แต่
    ฆราวาสทำ เขาไม่กล้าเลยต้องถอยกลับ พวกเขากลัวตาย
    และกลัวสิ่งที่เขาคิดกลัวคือสิ่งที่ตามองไม่เห็น เขาเล่าให้ฟังว่า...
    "พอมองดูในที่ที่จะทำสะพานไปมันเกิดขนลุก ขนพอง
    เกิดกลัวตัวสั่น หัวหดใจหวิว ตัวสั่นไปหมดเลยเหมือนจะจับไข้
    หรือเหมือนผีเจ้าทรงเอาเข้าจริงๆ "
    พวกเขาไม่สามารถทำได้ ที่ผาชันๆ นี้ต้องอาศัยเณร
    เป็นกำลังสำคัญ ที่หน้าผาชันๆ สำคัญเช่นนี้ปล่อยให้ฆารวาสเขาทำไปไม่ได้
    ต้องเอากำลังพระเณรเข้าบุกจึงจะสำเร็จทุกแห่งไป ถ้าที่ไหนไม่สำคัญ
    ก็ให้ฆารวาสเขาเจาะหินต่อไป ถ้าหากมีฆารวาสบางคนเขาสมัครทำ
    ต้องให้พระเณรแทรกไปทำด้วย เพราะฆารวาสเขาไม่ค่อยชำนาญ
    ในการอบรมใจให้เป็นสมาธิเหือนกับพระเณรซึ่งได้อบรมเป็นประจำ
    กำลังใจนี้เป็นสิ่งสำคัญ ถ้ายิ่งทำให้ใจเป็นสมาธิอย่างแน่วแน่แล้ว
    ก็ยิ่งทำให้เกิดมีพลังอันยิ่งใหญ่หาประมาณมิได้ อาจสามารถนำไป
    ทำประโยชน์ให้สำเร็จได้ทุกประการ
     
  11. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    เมื่อทำสะพานชั้นกลางสำเร็จแล้วก็ทำให้เกิดประโยชน์
    ได้หลายประการ อาทิเช่น เป็นสถานที่ที่ทำวิเวกทำความพากเพียร
    เผากิเลสไม่จำกัดเพศ ใช้ได้ทั้งพระเณรเถรชี เพราะมีที่หลบซ่อน
    เร้นแดดร้อน ลมพัดได้อย่างสบาย มีที่หลบซ่อนไปเป็นแห่งๆ
    จะใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนอารมณ์ก็เหมาะสม จะใช้เป็นสถานที่
    เที่ยวทัศนาจรดูลมชมวิวตามธรรมชาติ ลมพัดเย็นสบายหายเหนื่อย
    เมื่อเมื่อยมาที่นี่แล้วก็หาย ไม่ต้องใช้พัดลมพัดไปให้ยุ่งยากเปิดปิด
    ใช้แอร์ธรรมชาติพัดอากาศเย็นสบายหายกังวล อากาศธรรมชาติ
    ที่บริสุทธิ์ย่อมเป็นยาโอสถเอกขนานหนึ่ง
     
  13. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857


    ตัวอย่างเห็นด้วยตามาแล้ว มีโยมแก่คนหนึ่งแกเป็นโรคหืดมาแล้วหลายปี
    ยิ่งตอนฤดูฝนยิ่งทรมานหนัก แกเข้าโรงพยาบาลเป็นประจำ
    ยายแกเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เป็นโรคหืดมาแล้วได้ ๑๗ ปี กินยาอะไร
    ก็ไม่เคยหายสักที ยิ่งฤดูฝนยิ่งหายใจลำบาก มันขึ้นมาปิดลำคอ
    เวลาเป็นขึ้นมาคิดอยากจะให้มันตายไปเลย แต่มันก็ไม่ตาย
    ต้องทรมานทรกรรม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ยายแกมาพักผ่อน
    ภาวนาอยู่ที่ภูทอกสิบกว่าวัน ได้ไปนั่งสูดลมบริสุทธิ์ที่สะพานตามหน้าผาทุกเช้าเย็น
    พอแกกลับบ้านแล้วภายหลังแกกลับมาเล่าสู่ฟังว่า “ โรคหืดของอีฉันหายเลยท่าน
    นับตั้งแต่ไปนั่งภาวนาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สะพานหน้าผาของท่าน
    อาการโรคหืดหายเหมือนปลิดทิ้ง แม้ขณะนี้จะไม่มีโรคหืดปรากฏ
    หายสบายดีจริงๆ นะท่าน “ คุณยายได้พูดอวดคนทั้งหลายที่แกได้สนทนาด้วยว่า
    “อยากหายจากโรคหืดให้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ภูทอก นั่งวิเวกภาวนาตากอากาศ
    ตามสะพานรอบเขาหรือที่แห่งใดแห่งหนึ่งก็หาย “ คุณยายย้ำอีกว่า “ อากาศที่ภูทอกนี้
    เป็นอากาศที่โอสถจริงๆ นะท่าน” ข้าพเจ้าตอบยายว่า “ เรื่องนี้อาจเป็นจริงไปได้
    เพราะอากาศบริสุทธิ์ อาจเป็นยาโอสถบำบัดโรคได้ชนิดหนึ่งไม่แพ้ยาอื่น
    ในขณะเดียวกันโยมก็เป็นผู้ตั้งใจภาวนาเป็นประจำ อาจจะหมดกรรมหมดเวร
    โรคหืดก็เลยหายไปเอง ขอให้คุณโยมตั้งใจปฏิบัติไปเรื่อยๆ
    นี่แหละผลการปฏิบัติธรรม สมกับธรรมช่วยรักษาผู้ปฏิบัติธรรม
    ไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว จึงเห็นเป็นตัวอย่างดังที่โยมได้รับอยู่เดี๋ยวนี้”
     

แชร์หน้านี้

Loading...