ประวัติหลวงพ่อเงิน พุทธโชติ ตามบันทึกวัดท้ายน้ำ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 3 กรกฎาคม 2008.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG]
    ประวัติหลวงพ่อเงิน​
    วัดท้ายน้ำ ตำบลท้ายน้ำ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร
    หลวงพ่อเงิน เกิดที่บ้านบางคลาน หมู่ที่ ๑ ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตรตรงกับสมัยรัชกาลที่๑ แห่งรัตนโกสินทร์ สำหรับวันเกิดของท่านนั้นไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดยืนยันได้แต่จากการสอบถามกับปีที่ท่านอุปสมบทแล้ว น่าเชื่อได้ว่า ท่านเกิดในปี พ.ศ. ๒๓๕๑ ค่อนข้างจะแน่นอน คุณลุงแปลก สุขนวล ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ทันรับใช้หลวงพ่อบอกว่า ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน ๑๐ ปีมะโรง พ.ศ.๒๓๕๑ และมรณภาพเมื่อวันศุกร์ เดือน ๑๐ แรม ๑๑ค่ำปีมะแม เวลา ๐๕.๐๐ น. ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๖๒ รวมอายุได้๑๑๑ ปี ๙๐ พรรษา (ถ้าหากเกิดในปีฉลู จะมีอายุเพิ่มขึ้นอีก ๓ ปี เป็น ๑๔๔)
    สำหรับวันเกิดของท่าน หากมีหลักฐานอื่นใดที่เป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันได้แน่นอนก็จะทำให้ทราบอายุของท่านที่แท้จริงได้ถูกต้อง
    หมายเหตุ หลวงพ่อเงิน วัดคงคาราม หลวงพ่อเงิน วัดท้ายน้ำ และ หลวงพ่อเงิน
    วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) คือองค์เดียวกัน
    ชาติภูมิ
    บิดาของหลวงพ่อเงินเป็นชาวบางคลาน มารดาเป็นคนบ้านแสนตอ อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร มีพี่น้องทั้งสิ้นรวม ๖ คน ดังนี้
    (๑) ตาพรหม เป็นพี่ชายคนโต
    (๒) ยายทับ (ไม่ทราบนามสกุล)
    (๓) ตาทอง หรือ ตาภุมรา
    (๔) หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ
    (๕) ตาหลำ (ไม่ทราบนามสกุล)
    (๖) ยายรอด (ไม่ทราบนามสกุล)
    เมื่อหลวงพ่อเงินอายุได้ ๓ ขวบ ตาช้างซึ่งเป็นลุงของหลวงพ่อเงินได้นำเอาหลวงพ่อไปเลี้ยงไว้ที่กรุงเทพฯ ด้วย ต่อมาเป็นวันเดือนปีใดไม่ทราบ หลวงพ่อเงินได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดตองปุ (ปัจจุบันคือวัดชนะสงคราม จังหวัดพระนคร) เมื่ออายุ๑๒ ขวบ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นอุปัชฌาย์ พออายุได้ ๒๐ ปี บิดา มารดา และบรรดาญาติพี่น้องมีความประสงค์จะให้หลวงพ่ออุปสมบท แต่หลวงพ่อไม่ยอมบวช เพราะเกรงว่าอายุของท่านจะไม่ครบบริบูรณ์จริงบรรดาญาติก็อนุโลมตาม จนกระทั่งหลวงพ่ออายุได้ ๒๒ ปี ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๓ และได้กำหนดวันอุปสมบทในปีนี้
    จากปีที่อุปสมบทดังกล่าวนี้เอง ทำให้ค่อนข้างแน่ใจว่าท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๕๑ ซึ่งเชื่อถือได้มากกว่าปีอื่น ๆ
    อุปสมบท
    ก่อนที่หลวงพ่อเงินจะบวชเป็นพระ ท่านได้สึกจากการเป็นสามเณรเมื่ออายุครบ ๑๐ ปี และได้กลับไปสู่บ้านเกิดเมืองนอนคือจังหวัดพิจิตร ระหว่างที่สึกออกมานี้ ด้วยความที่เป็นวัยฉกรรจ์ ท่านได้ไปชอบพอกับสาวชาวบ้านชื่อ เงิน เช่นเดียวกัน แต่ด้วยมิใช่เนื้อคู่ จึงทำให้ต้องแคล้วคลาดจากกัน มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อครั้งที่ท่านไปมาหาสู่ที่บ้านสาว ตอนขึ้นบ้าน ชั้นบันไดเกิดหักขึ้นมา ทำให้ท่านตกบันได หลวงพ่อเงินจึงคิดความละอายและไม่ได้ไปหาสาวคนนั้นอีกเลย
    การอุปสมบทของหลวงพ่อนั้น ไม่ทราบแน่ชัดว่าทำกันที่กรุงเทพฯ หรือที่อำเภอบางคลานปกติจะอุปสมบทใกล้บ้าน ในหมู่เครือญาติ โดยหลักการปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อน่าจะบวชที่บ้านเกิดมากกว่าเข้าไปบวชในกรุงเทพฯ ซึ่งไกลจากบิดามารดาและญาติพี่น้อง
    ระหว่างที่ท่านบรรพชาเป็นสามเณรนั้น ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาบาลีจนแตกฉานพอสมควร เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้เดินทางกลับไปศึกษาเพิ่มเติมอีก รวมทั้งด้านวิปัสสนาธุระด้วยประมาณ ๓-๔ ปี พอดีคุณปู่ป่วยหนัก จึงถูกตามตัวกลับอำเภอโพทะเล หลังจากนั้นไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่า ท่านได้เดินทางกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อศึกษาเพิ่มเติมอีกหรือไม่
    ชีวประวัติที่คลุมเครือ
    เมื่อท่านกลับไปอำเภอบางคลานแล้ว ขณะนั้นก็คงมีอายุราว ๒๕-๒๖ ปี ท่านได้ไป
    จำพรรษาอยู่ที่วัดคงคารามเป็นเวลาประมาณ ๑ ปี ซึ่งอุปนิสัยของทานเข้ากับอาจารย์โห้ซึ่งเป็น
    เจ้าอาวาสวัดคงคามในขณะนั้นไม่ได้ เพราะอาจารย์โห้เป็นพระที่พูดเสียงดัง เอะอะโวยวายไม่เหมือนกับท่านเป็นพระสันโดษ ใฝ่วิปัสสนา จึงแยกตัวออกไปตากวัดคงคาราม ตอนนี้หลักฐานได้จากการสอบถามผู้สูงอายุที่ยังมีชีวิตอยู่ที่บ้านท้ายน้ำหลายท่านในขณะนี้เช่น ลุงเลียบ พูลชัยนาท อายุ๘๗ ปี และ ลุงโพธิ์ สุจริต อายุ ๘๗ ปี ท่านยืนยันว่าหลวงพ่อเงินท่านมาอยู่ที่วัดท้ายน้ำก่อนไปอยู่ที่วัดบางคลานแน่นอน ท่านมาอยู่ที่วัดท้ายน้ำเป็นเวลานานมาก ก่อนที่จะย้ายไปวัดวังตะโกหรือวัดบางคลานในปัจจุบัน
    ขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ได้อยู่ร่วมกับหลวงพ่อเขียว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำในขณะนั้น หลวงพ่อเขียวเป็นคนแถบอยุธยา เป็นผู้ที่เรืองวิชาอาคมเช่นเดียวกับหลวงพ่อเงินเดิมทานอาศัยอยู่ที่แพริมน้ำใต้ต้นโพธิ์หน้าวัด เมื่อหลวงพ่อเงินมาอยู่ด้วยใหม่ ๆ ก็ลงไปอยู่ที่แพแต่อยู่กันคนละห้อง ต่อมาเมื่ออาคารถาวรของวัดท้ายน้ำเสร็จ ท่านจึงได้ขึ้นมาอยู่ในบริเวณวัด
    หลวงพ่อเงินได้สร้างถาวรวัตถุไว้ในบริเวณวัดท้ายน้ำมากมาย เช่น ศาลา โบสถ์ หอระฆัง สิ่งก่อสร้างของท่านทำด้วยไม้ แต่กาลเวลาทำให้ชำรุดทรุดโทรมลงไป ตอนสร้างโบสถ์มีหลวงพ่อองค์อื่นที่มีชื่อเสียงมาร่วมด้วยมากมาย เช่น หลวงพ่ออินทร์ วัดพังน้อย หลวงพ่อเทียน วัดหนองดง หลวงพ่อเทียนนี้เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับหลวงพ่อเงิน คือไปเรียนวิชามาจากหลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่าด้วยกัน หลวงพ่อโพธิ์เป็นพระมอญเดิมอยู่ที่บ้านเนินมะขวิด จังหวัดปทุมธานี
    หลวงพ่อเงินขณะอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ท่านไม่ต้องการตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้น คือ เพียงมาอาศัยอยู่ในฐานะลูกวัด แต่ก็มีผู้เลื่อมใสท่านากกว่าพระองค์อื่น ๆ ในวัด ท่านสนิทสนมกับกลวงพ่อเขียวมากผู้เฒ่าในหมู่บ้านท้ายน้ำหลายท่านซึ่งมีชีวิตอยู่ในขณะนี้สามารถยืนยันเกตุการณ์ในอดีตได้เป็นอย่างดี
    ที่ว่าประวัติคลุมเครือก็เพราะหลวงพ่อเงินมีอายุยืนยาวมาก ถ้าท่านออกจากวัดคงคารามเมื่ออายุก่อน๓๐ ปี แล้วท่านจะไปอยู่ที่ใดจึงมาอยู่ที่วัดท้ายน้ำเอาเมื่ออายุเกือบ ๘ ปี ลุงเลียบ พูลชัยนาท บอกว่า หลวงพ่อเงินมาอยู่วัดท้ายน้ำเมื่อท่านยังเป็นเด็ก และจากไปอยู่วัดบางคลานเมื่อท่านอายุได้ประมาณ ๑๕ ปี ปัจจุบันท่านอายุ ๘๗ ปี แสดงว่าหลวงพ่อเงินจากวัดท้ายน้ำไปเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๗ นั่นเอง และไปอยู่วัดบางคลานอีกไม่กี่ปีก็สิ้นบุญ ท่านยืนยันอย่างนั้น
    มีทัศนะเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ เมือท่านจากวัดคงคาราม นำต้นโพธิ์มาปลูกแล้ว อาจจะ จำพรรษาอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง พ.ศ.๒๓๗๗ ออกจากวัดคงคาราม พ.ศ.๒๓๗๕-๒๓๗๗ อยู่วัดท้ายน้ำร่วมกับหลวงพ่อเขียว พ.ศ.๒๓๗๗-๒๔๒๗ แล้วจึงออกธุดงค์ไปที่อื่นนานถึง ๕๐ ปี แล้วจังกลับไปอยู่วัดบางคลานที่ท่านริเริ่มสร้างไว้ ที่ท่านอยู่วัดบางคลานไม่กี่ปีเพราะเนื่องจากถาวรวัตถุที่วัดบางคลานที่ท่านสร้างไว้มีน้อยมากเปรียบเทียบแล้วสู่วัดท้ายน้ำไม่ได้ข้าวของเครื่องใช้ของท่านก็มีหลงเหลืออยู่ที่วัดท้ายน้ำมากวัดบางคลานถูกทิ้งร้างมานาน พ.ศ.๒๓๗๕-๒๓๗๗ อยู่วัดท้ายน้ำร่วมกับหลวงพ่อเขียว พ.ศ.๒๓๗๗ ออกจากวัด
    เมื่อหลวงพ่อเงินย้ายกลับไปอยู่วัดบางคลานในระยะสุดท้ายของชีวิต ท่านไม่ได้ทอดทิ้งวัดท้ายน้ำและวัดคงคาราม ท่านยังกลับมาช่วยบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุต่าง ๆ ด้วย เมื่ออาจารย์โห้ให้เจ้าอาวาสวัดคงคารามสิ้นแล้ว ท่านก็ยังกลับไปสร้างศาลาให้วัดคงคารามอีก นอกจากนี้ท่านยังเดินทางไปวัดท้ายน้ำบ่อย ๆ สมัยก่อนไม่มีถนนหนทางสะดวกอย่างทุกวันนี้ มีข่างเล่ากันว่า บางครั้งหลวงพ่อเงินเดินทางจากวัดท้ายน้ำกลับไปวัดบางคลาน ท่านยังหลงอยู่ในป่าเป็นเงลานาน เพราะสมัยก่อนเป็นป่าดงดิบจริง ๆ ไม่ใช่ทุ่งนาอย่างในสมัยนี้ ระยะทางระหว่าง ๒ วัดนี้ ถ้าหากวัดระยะทางเป็นเส้นตรง ก็จะได้ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร
    ที่มา http://www.wadtrynum.pongcomputer.c...53&PHPSESSID=f885cd25ec8ae843979746a5d92bc325
     
  2. civil60

    civil60 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +60
  3. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    ก็จะนำประวัติท่านมารวมไว้ในกระทู้นี้แต่เพียงกระทู้เดียวครับและจะมีวัตถุมงคลอันเนื่องจากหลวงพ่อเงินมาลงด้วยครับ
     
  4. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]
    หลวงพ่อมีชื่อในทางคงกระพัน
    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    หลวงพ่อเงินมีชื่อในทางคงกระพัน
    คุณลุงแปลกกับคุณครูจิตได้เล่าให้ท่านเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำองค์ก่อน (ทานพระครูวิจิตร วุฒิกร) ฟังว่า หลวงพ่อเคยทะเลาะกับชายของท่าน คือ ตาภุมรา ซึ่งเป็นหมอใหญ่มีชื่อในเขตนั้นหรืออำเภอบางคลาน ตาภุมราผู้นี้ชอบดื่มสุรามากที่สุด วันหนึ่งควายของตาภุมรามาขวิดกับควายของหลวงพ่อ ขวิดกันอยู่นานมาก ผลปรากฏว่า ควายของตาภุมราแพ้และมีเลือดออกตามบาดแผลมาก ส่วนควายของหลวงพ่อนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บเลย ตาภุมราโมโหควายของหลวงพ่อมาก ในตอนเย็นวันนั้นตาภุมราจึงได้ดื่มสุราเมาจนถึงขนาดหนักมาจากไหนไม่ทราบได้ข้ามฟากไปหาหลวงพ่อ และร้องเรียกหลวงพ่อว่า “ท่านเงิน ๆ เขาว่าท่านเก่งหรือ” หลวงพ่อเห็นพี่ชายเมาสุรามากก็ถามว่า “พี่ภุมรา ข้าจะเก่งอย่างไร ข้าเป็นพระเป็นสงฆ์” ตาภุมราคงจะโมโหในเรื่องที่ควายของตนแพ้จึงพูดต่อไปว่า “เขาลือว่าท่านเก่ง และอยู่ยงคงกระพันชาตรีหรือ” หลวงพ่อตอบไปว่า “ข้าไม่มีดีอะไรหรอก”
    ตอนนี้ตาภุมราจะคิดอย่างไรไม่ทราบ หรือเพราะฤทธิ์สุราก็เป็นได้ จึงข้ามฟากกลับไปบ้านเพื่อเอาปืน แต่ปืนสมัยนั้นคงเป็นปืนคาบหินหรือไม่ก็ปืนแก๊ป เมื่อได้ปืนแล้วก็กลับมาที่หลวงพ่อเพื่อจะทดลอง เมื่อถึงวัดก็เรียกหาหลวงพ่อว่า “ท่านเงินอยู่ไหน ผมเอาปืนมาจะลองท่าน” หลวงพ่อก็แน่เหมือนกัน ตอบพี่ชายไปว่า “ข้าอยู่นี่ พี่ภุมราเลือกยิงเอาให้เหมาะก็แล้วกัน” ฝ่ายตาภุมราไม่รอช้าเอาปืนประทับไหล่ยิงทันที เสียงสับนกอยู่ ๓-๔ ครั้ง ไม่ดังเลย เมื่อยิงไม่ดังแล้วก็ลดปืนลงจากบ่า ปรากฏว่ามีน้ำไหลออกมาจากปากกระบอกปืน หลวงพ่อคงโมโหมากจึงพูดว่า “ถ้าไม่ใช่พี่ชายจะตีเสียให้” แล้วภุมราจึงกลับบ้าน เหตุนี้เองที่ทำให้ชาวบ้านทราบว่า หลวงพ่อเงินมีความศักดิ์สิทธิ์ จึงพากันไปขอเครื่องรางของขลังจากหลวงพ่อ เช่น ตะกรุด ฯลฯ ต่อมาจนวันเดือนปีใดไม่ทราบ เมื่อตาภุมราถึงแก่กรรม ปรากฏว่า หลวงพ่อเงินมิได้ไปเผาศพพี่ชายเลยแต่ให้ลูกศิษย์นำผ้าไตรไปช่วยในงานศพ นับว่าหลวงพ่อมีใจเด็ดเดี่ยวมาก
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา option=com_content&task=view&id=41&Itemid=53&PHPSESSID=f885cd25ec8ae843979746a5d92bc325
     
  5. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG]
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">ความศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับการเทน้ำไม่ออก </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    ความศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับการเทน้ำไม่ออก
    ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเงินเลื่องลือไปถึงไหน ก็ทำให้คนที่ทราบอยากได้เครื่องรางของขลังจากท่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลวงพ่อเงินนี้เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไปทั้งใกล้ไกล รวมทั้งชาวจีนก็นับถือมากเช่นกัน วันหนึ่งชาวจีนคนหนึ่งได้มาหาหลวงพ่อเพื่อขอน้ำมนต์เอาไปอาบที่บ้านเพื่อจะให้เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ทั้งจะทำให้การประกอบอาชีพร่ำรวยยิ่ง ๆ ขึ้นไป จึงเอาน้ำใส่กระบอกไม่ บางทานก็บอกว่าใส่กระถางน้ำ เมื่อชาวจีนผู้นั้นบอกความประสงค์แก่หลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อก็จุดเทียนไว้ แล้วนั่งคุยกับชาวจีนผู้นั้นนับว่าชาวจีนผู้นี้คุยถูกคอท่านมาก คุยกันอยู่เป็นเวลานาน ชาวจีนผู้นั้นเห็นว่านานมากแล้ว จังเอ่ยถามหลวงพ่อว่า “เมื่อไรหลวงพ่อจะทำน้ำมนต์สักที” หลวงพ่อตอบว่า “ทำเสร็จแล้ว” ชาวจีนผู้นั้นก็เถียงว่าไม่เห็นหลวงพ่อลงมือทำเลย ก็นั่งคุยอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หลวงพ่อก็ตอบยืนยันไปว่า “ทำเสร็จแล้ว” ตามคำเดิม ชาวจีนผู้นั้นคงจะนึกฉุนก็ลุกขึ้นเทน้ำออกจากถัง ปรากฏว่าน้ำในถังนั้นไม่ไหลออกจึงเป็นเหตุให้เลื่องลือมากขึ้น หลวงพ่อองค์นี้แปลกกว่าพระองค์อี่น ๆ ตรงที่ว่า ท่านเป็นพระที่ไม่ถือเนื้อถือตัวและไม่ดุด้วย แต่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ คนที่ไปหำม่ว่าจะมาจากไหน ท่านก็ให้การปฏิสันถารเป็นอย่างดีแก่ชนทุกเหล่า ไม่เลือกวรรณะใด ๆ ทั้งสิ้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา option=com_content&task=view&id=42&Itemid=53&PHPSESSID=f885cd25ec8ae843979746a5d92bc325
     
  6. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]
    ใช้ให้ลูกศิษย์แย่งอาหารจากปากจระเข้

    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG]</TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    ใช้ให้ลูกศิษย์แย่งอาหารจากปากจระเข้

    คุณลุงแปลก สุขนวล ได้เล่าว่า หลวงพ่อชอบเลี้ยงสัตว์บกตลอดจนสัตว์น้ำ คือหลวง พ่อได้เลี้ยงจระเข้ไว้ เพราะในสมัยนั้นแถวบ้านบางคลานมีจระเข้ชุกชุมมากและดุร้ายด้วย วันหนึ่งหลวงพ่อจะไปธุระ ได้เห็นจระเข้กำลังจะกินปลาอยู่กลางแม่น้ำ หลวงพ่อนึกสนุกอย่างไรไม่ทราบ จึงใช้ให้ลูกศิษย์ของทานชื่อนายกลิ้ง (ไม่ทราบนามสกุล) ให้ไปแย่งปลาจากปากจระเข้ และสามารถแย่งมาได้โดยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ข้าพเจ้าเข้าใจว่า หลวงพ่อคงจะทำอะไรคุ้มกันให้นายกลิ้งก็เป็นได้
    ยิงกระสุนทางอ้อมได้
    มีลูกศิษย์วัดของหลวงพ่อคนหนึ่งชื่อ ตานาค ซึ่งตานาคผู้นี้เป็นคนชอบนอนตื่นสายเสมอหน้าที่ของตานาคก็คือ เป็นคนหาบสำรับของหลวงพ่อเวลาออกบิณฑบาต วันหึ่งตานาคนอนตื่นสายผิดปกติ เมื่อหลวงพ่อทราบจึงเอากระสุนยิงไปในทางตรงข้ามที่ตานาคอยู่ แต่ปรากฏว่ากระสุนนั้นไปถึกตานาคที่นอนอยู่ในกุฏิจนต้องร้องโอย หลังจากวันนั้นมีคนไปถามว่า หลวงพ่อยิงกระสุนมานั้นเจ็บไหม ตานาคบอกว่าไม่เจ็บแต่ก็โนเหมือนกัน​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG]

    ฟันตะกั่วและกระดาษไม่ถูก
    เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งหลวงพ่อสั่งให้ตาเจี้ยมตัดตะกั่ว เพื่อจะทำอะไรนั้นไม่ทราบแน่ชัดหลวงพ่อบอกว่า “ให้ตาเจี้ยมแค่นั้นแหละ” เมื่อตาเจี้ยมใช้มีดฟันลงไปที่ตะกั่วกลับไม่ถูกตะกั่วเลยฟันอยู่หลายครั้งหลายคราว และอีเรื่องหนึ่ง ตาแพ (ไม่ทราบนามสกุล) ศิษย์ของหลวงพ่อเงินอีกคนหนึ่ง กลวงพ่อได้เขียนอักขระใส่ในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ไว้ แล้วให้ตาแพฟันกระดาษนั้นปรากฏว่า ตาแพฟันกระดาษแผ่นนั้นไม่ถูก หลวงพ่อเงินหัวเราะชอบใจมาก เพราะสิ่งที่ท่านได้ทำไปเป็นเพียงขั้นทดลองดูวิชาเท่านั้นเอง
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">อภินิหารหลวงพ่อเงินย่นระยะทางได้ </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    อภินิหารหลวงพ่อย่นระยะทางได้
    การย่นนะยะทางได้นั้น จะกระทำได้ก็ต้องเป็นพระที่เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐานหลวงพ่อนี้มีวิชาที่สามารถย่นนะยะทางไกลให้เป็นระยะทางใกล้ได้ ครั้งหนึ่งหลวงพ่อได้ชวนอาจารย์แก้วไปเอาตำราที่เกาะศรีมาลา ณ เมืองพิจิตรเก่า อาจารย์แก้วนี้คงจะเป็นญาติพี่น้องกับหลวงพ่อ เพราะเป็นคนบ้านแสนตอ หลวงพ่อและอาจารย์แก้วเดินทางเพียง ๓ ก้าวเท่านั้นก็ถึงเกาะศรีมาลา พบตำราและมีดหมอ ๑ เล่มอยู่ในโอ่ง ส่วนของหลวงพ่อจะเอาตำรา แต่อาจารย์แก้วจะเอามีดหมอ ซึ่งหลวงพ่อไว้มิให้เอามาเพราะเจ้าของไม่อนุญาต อาจารย์แก้วเอามีดหมอมาได้เพียงคืนเดียวก็ต้องเอาไปคืน เพราะเหตุว่า เจ้าของมีดมารบกวน ครั้นต่อมาอีกหลายเดือนอาจารย์แก้วได้กลับไปที่เกาะศรีมาลาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่พบโอ่งและมีด ไม่ทราบว่าหายไปข้างไหนเที่ยวเดินหาอยู่ก็ไม่สามารถพบเห็นอีก​
    ที่มา http://www.wadtrynum.pongcomputer.c...d=53&PHPSESSID=f885cd25ec8ae843979746a5d92bc3
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG] [​IMG]
    ช่างถ่ายรูปหลวงพ่อไม่ติด
    ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเลื่องลือไปไกล คนที่อยู่ไหล ๆ ก็อยากจะได้รูปของท่านไว้สักการบูชาจะได้เป็นศรีสวัสดิ์แก่ครอบครัว แรถ่ายรูปในสมัยนั้นก็ไม่ค่อยแพร่หลายเช่นในปัจจุบันนี้ เพราะประชาชนทั่วไปเกรงว่า การถ่ายรูปทิ้งไว้จะทำให้อายุสั้น จึงเป็นเหตุให้พวกรุ่นเราท่านไม่ค่อยได้รูปปู่ย่าตายายเก็บได้ดังนี้เป็นต้น วันหนึ่งได้มีช่างถ่ายรูปเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เพื่อจะถ่ายรูปหลวงพ่อ ซึ่งช่างถ่ายรูปนั้นมิใช่คนไทยเป็นชาวอินเดีย (ตามภาษาชาวบ้านเรียกว่า “แขก”) หลวงพ่อก็ยินดีให้ถ่าย แต่การถ่ายครั้งแรกนั้นไม่ติดเพราะกระจกแตก แขกเห็นเช่นนั้นก็นึกอัศจรรย์ จึงของหลวงพ่อถ่ายใหม่ หลวงพ่อก็ให้ถ่ายอีกเช่นเดิม ปรากฏว่าการถ่ายครั้งนี้รูปของหลวงพ่อติดเพียงซีกเดียว แขกนั้นก็หาได้ลดละความพยายามไปไม่ คนนั้นเลยนอนค้างที่วัด ๑ คืน (คือวัดวังตะโก) จนรุ่งเช้า หลวงพ่อก็ให้แขกถ่ายรูปเป็นครั้งที่สาม รูปหลวงพ่อจึงติดสมประสงค์ของแขกหรือช่างถ่ายรูป นี่ก็ได้แสดงความศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน
    ที่มา http://www.wadtrynum.pongcomputer.c...d=53&PHPSESSID=f885cd25ec8ae843979746a5d92bc3[/center]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG]
    หลวงพ่อใบ้หวยได้
    ข้าพเจ้าบันทึกตามคำบอกเล่าของครูบุหรง นิ่มทอง ครูโรงเรียนวัดบ้านบางลายใต้ ต.บางลายใต้ อ.โพทะเล จ.พิจิตร ว่ามารดาของครูบุหรงเคยเล่าให้ฟังเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ (หมายถึงคุณแม่) ท่านเคยเป็นชาวเรือได้ล่องเรือไปมาค้าขาย ซึ่งในเวลานั้นหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่วันหนึ่งมารดาของครูบุหรงและพี่สาวได้ล่องเรือข้าวจะไปขายที่ปากน้ำโพหรือที่กรุงเทพฯ ไม่ทราบแน่ชัดและพูดไว้ว่า ล่องเรือไปเที่ยวนี้จะไปขอลาภจากหลวงพ่อ เมื่อเรือล่องไปถึงบ้านบางคลานจึงขึ้นจากเรือไปหาหลวงพ่อวัดวังตะโก เมื่อนมัสการหลวงพ่อเสร็จแล้ว ก็พูดว่า “หลวงพ่อฉันมาเที่ยวนี้ จะมาขอลาภจากหลวงพ่อ” หลวงพ่อก็ตอบไปว่า “ฉันไม่มีอะไรให้ดอก แต่ขามาเที่ยวนี้ขอให้โยมซื้อจากมาฝากด้วย” ขากลับมารดาของครูบุหรงได้ขอน้ำมนต์ไปด้วย เมื่อถึงเรือก็เทน้ำมนต์ใส่โหลเก็บไว้ท้ายเรือ ป้าของครูบุหรงมาดูดอกน้ำมนต์ในโหลเห็นเป็นตัว “จ” จึงบอกมารดาของครูบุหรงว่า “หนูง้วย หลวงพ่อให้ลาภ” มารดาครูบุหรงไม่ยองเชื่อ เลยไม่ได้ซื้อหวยและแย้งว่า “ถ้าท่านจะให้ คงบอกตรง ๆ นี่คงไม่จริง” แต่ปรากฏให้เห็นว่า เมื่อหวย ก.ข.ออกรุ่นนั้น ออกเป็นตัว “จ” จริงๆ

    ที่มา http://www.wadtrynum.pongcomputer.com/index.php?option=com_content&task=view&id=52&Itemid=53&PHPSESSID=f885cd25ec8ae843979746a5d92bc3
     
  10. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]
    สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส
    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส

    พระองค์เจ้าชายมนุษย์นาคมานพ หรือ สมเด็จพระมหาสมณะเจ้า กรมพระยาวชิรญาณ
    วโรรสซึ่งเป็นโอรสในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งรัตนโกสินทร์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๔๗ ในเจ้าจอมมารดาแพ ครั้งหนึ่งท่านสมเด็จพระมหาสมณะเจ้าออกตรวจตามวัดต่าง ๆ ในเขตมณฑลภาคเหนือ ตอนที่มานั้นท่านจะดำรงตำแหน่งอะไรไม่ทราบชัดแต่ท่านตรวจงานคณะสงฆ์ทั่วไป การมาก็ไม่ปรากฏชัดว่าจะมาในปีเดือนวันอะไรอีกเช่นกันแต่สมเด็จพระมหาสมณะเจ้าได้เสด็จมาทางชลมารค เรือมาตามลำน้ำยม ผ่านวัดต่าง ๆ มาโดยลำดับ พอมาถึงวัดวังตะโก สมเด็จฯ ถามหาหลวงพ่อเงิน เพราะได้ยินกิตติศัพท์ของหลวงพ่อเมื่อพระองค์ผ่านมา จึงใคร่จะดูรูปโฉมโนมพรรณของหลวงพ่อเงินว่าเป็นอย่างไร พอดีเวลานั้นหลวงพ่อเงินไม่อยู่ ท่านไปอยู่ที่วัดท้ายน้ำ (วัดเก่าของหลวงพ่อเงิน) เพราะที่วัดท้ายน้ำนี้ หลวงพ่อท่านได้สร้างถาวรวัตถุไว้มากมาย และประกอบกับมีญาติพี่น้องอยู่แถวนั้นมาก เมื่อมีคนมาส่งข่าวให้หลวงพ่อทราบ หลวงพ่อท่านก็ให้พระรูปหนึ่งที่มีความชำนาญในการเข้าหาพระผู้ใหญ่ในสมัยนั้นนำดอกไม้ ธูปเทียน ไปถวายสมเด็จพระมหาสมณะเจ้าฯ สมเด็จฯ ท่านรับแล้วถามว่า หลวงพ่อเงินไปไหน พระก็ตอบว่า อยู่ที่วัดท้ายน้ำ มีธุระยังทำไม่เสร็จ ท่านใช้ให้กระหม่อมนำธูปเทียนแพ ดอกไม้มาถวาย เมื่อท่านรับธูปเทียนดอกไม่แล้ว สมเด็จฯจึงมอบผ้าไตรแพร ๑ ไตรให้นำไปถวายกลวงพ่อเงิน พระรูปนั้นเมื่อกลับมาวัดท้ายน้ำ และนำผ้าไตรแพรมาให้หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อท่านยังสัพยอกกับพระรูนั้นว่า “สู้ข้าไม่ได้” (ข้าไม่ได้ไปก็ยังได้ไตรแพร) ส่วนสมเด็จฯ ก็ได้เดินทางตรวจเยี่ยมขึ้นไปจนสุดคณะสงฆ์ภาคเหนือเมื่อหมดภาคเหนือแล้ว ได้ล่องกลับตามลำน้ำยมอย่างเดิม พอมาถึงวัดวังตะโกได้แวะพักอีก ๑ คืน เพื่อรอหลวงพ่อเงิน พอหลวงพ่อเงินได้ทราบข่างว่า สมเด็จพระมหาสมณะเจ้าฯ ไม่ยอมเสด็จกลับกรุงเทพฯ หลวงพ่อจึงเดินทางจากวัดท้ายน้ำกลับไปวัดวังตะโก เมื่อมาถึงหลวงพ่อเงินได้ทักทายปราศรัยพอสมควรและได้อยู่สนทนากันจนตลอดแจ้งซึ่งไม่มีใครทราบ ดู ๆ ไม่มีเวลาหลับนอนเลย ทราบมาภายหลังว่า สมเด็จในกรมท่านขอเรียนวิปัสสนาธุระกับหลวงพ่อจนสำเร็จ เมื่อพระองค์เรียนสำเร็จแล้ว ท่านจึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ สมเด็จในกรมเมื่อตอนเสด็จกลับ ได้ขอธูปเทียนมาจุดเวียนพระอุโบสถ ๓ รอบ (ได้คำบอกเล่าจากคูณหมอแปลก สุขนวล) ซึ่งเล่าว่า ขณะนั้นคุณหมอยังได้เห็นสมเด็จในกรมฯ เวียนพระอุโบสถแต่พระองค์เดียว เห็นแต่ธูปและเทียนเท่านั้น ส่วนองค์สมเด็จฯ แลไม่เห็น นี่ก็ย่อมแสดงว่า พระองค์ได้ศึกษาทางวิปัสสนาจนสำเร็จ เมื่อสมเด็จ ฯ จะเสด็จกลับ หลวงพ่อเงินที่ท่านให้พระลูกวัดเจริญชัยมงคลคาถา (ชะยันโต) เพื่อเป็นสิริมงคลแด่สมเด็จและวัดสืบต่อไป
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.wadtrynum.pongcomputer.c...d=53&PHPSESSID=f885cd25ec8ae843979746a5d92bc3
     
  11. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    [​IMG]
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">หลวงพ่อเงินทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    หลวงพ่อเงินทราบเหตุการณ์ล่วงหน้า
    คุณครูจิตร ปั้นเพ็ง ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ในรัชกาลที่ ๕ หรือที่ ๖ ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าวันหนึ่งหลวงพ่อเงินได้สั่งให้ลูกศิษย์หรือพระลูกวัดจัดการกวาดลานวัดให้สะอาดเรียบร้อยโดยหลวงพ่อท่านบอกกับพระลูกวัดว่า “เสือจะมา” ให้เตรียมรัวไว้ให้ดีเสียก่อนจะอายเขา เมื่อทำความสะอาดวัดเรียบร้อยแล้วก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไร ต่อมาไม่กี่วัน หลวงพ่อก็มาบอกกับพระลูกวัดอีกว่า “วันนี้เสือจะมาถึง” ให้คอยเตรีนมตัวต้อนรับด้วย ซึ่งคำว่าเสือในที่นี้หมายถึง “พระองค์เจ้าชายอาภากรฯ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์เป็นโอรสองค์ที่ ๒๘ ยองพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาบที่ ๕ แห่งนครหลวงกรุงเทพธนบุรี ในเจ้าจอมมารดาโหมดต้นตระกูล” “อาภากร ณ อยุธยา” ได้เสด็จมากับมหาดเล็ก โดยทางเรืออย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะถึงวิดวังตะโกได้แวะที่วัดมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท เพื่อศึกษาวิชากับหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า (หลวงพ่อศุข) เป็นเวลา ๑๕ วัน จนสำเร็จนี่ก็แสดงให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์ของท่านโดยชัดแจ้งแล้วว่า หลวงพ่อเงินท่านสามารถนั่งวิปัสสนาทราบว่าจะมีผู้มาหาและสามารถรู้ด้วยว่าเป็นวันนั้นวันนี้ เมื่อกรมหลวงชุมพรฯ ได้เล่าเรียนวิชาต่าง ๆ จนสำเร็จแล้ว ท่านจึงเสด็จกลับ วันที่กรมหลวงชุมพรฯ เสด็จกลับ หลวงพ่อเงินได้จัดทำพิธีให้พระภิกษุเจริญชัยมงคลคาถา (ชะยันโต) เพื่อเป็นสิริมงคลแก่กรมหลวงชุมพรฯ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
     
  12. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]
    ความศักดิ์สิทธิ์ของชานหมากหลวงพ่อเงินที่วัดท้ายน้ำ
    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    ความศักดิ์สิทธิ์ของชานหมากที่วัดท้ายน้ำ
    คุณหมอเย็นได้เล่าให้ฟังว่า “ ตามปกติหลวงพี่เงินชอบฉันหมากมาก บรรดาลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดต้องตำหมากกันทุกวัน วันไหนอารมณ์ดี ตอนเย็น ๆ ท่านจะออกมานั่งที่ที่สำหรับรับแขกร้องเรียกเด็กวัดให้มาใกล้ ๆ แล้วหว่านชานหมากที่ท่านฉันนั้นให้เด็ก ๆ บรรดาเด็กเหล่านั้นก็จะเข้าแย่งกัน จนถึงขนาดต่อยกันตกใต้ถุน บางคนก็ตีกัน แต่ก็ปรากฏว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและถ้าใครได้ชานหมากไว้ เท่าที่ได้เห็นกับตา ชานหมากของท่านนั้นเป็นทองแดง ซึ่งอาตมาเคยประสมมาหลายครั้ง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,697
    ขอนมัสการพระคุณเจ้า
     
  14. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]
    สิ่งปรากฏในตัวของหลวงพ่อที่วัดท้ายน้ำ
    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    สิ่งปรากฏในตัวของหลวงพ่อที่วัดท้ายน้ำ
    ตามคำบอกเล่าของญาติโยมที่อยู่ใกล้ชิดบอกว่า เวลาหลวงพ่อจะสรงน้ำตอนไหนก็ตามจะมีบรรดาชาวบ้านที่เป็นโรคกลาก เกลื้อน หรือเป็นผื่นคันประเภทต่าง ๆ คอยเฝ้าดู และบางคนจะตักน้ำมาให้ท่านสรง เพื่อจะคอยรองน้ำที่ใต้ถุน ขณะที่หลวงพ่ออาบอยู่ ถ้าใครได้น้ำที่พ่อหลวงพ่อใช้สรงเพียง ๒-๓ ครั้ง ก็ปรากฏว่า เกลื้อนหรือกลากเหล่านั้นจะอันตรธานไปหมดสิ้นแม้แต่เดี่ยวนี้ก็ยังมีผู้ทำกันอยู่ คือที่รูปจำลองของหลวงพ่อเงินที่วัดท้ายน้ำ
    เวลานำเอารูปจำลองของหลวงพ่อเงินออกสรงน้ำในยามเทศกาลปรากฏว่าประชาชนยังลงไปรองน้ำที่ใต้ถุนเป็นจำนวนมาก เพราะเคยได้รับคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่ถึงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. kosabunyo

    kosabunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,045
  16. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]
    หลวงพ่อเสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตน
    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    หลวงพ่อเสกใบมะขามเป็นต่อเป็นแตน
    มีอยู่ครั้งหนึ่งจะเป็นวันเดือนปีใดไม่ปรากฏ มีพระอาจารย์ทองซึ่งอยู่ที่วัดใดไม่ทราบแต่ต่อมาภายหลังมาทราบที่อยู่ของท่านว่าอยู่ที่กรุงเทพฯ ไม่ทราบที่อยู่แน่นอนว่าอยู่ที่ไหนพระอาจารย์ทองได้ยินคำเล่าลือหรือไม่ ท่านเดินทางมาหลายวัน โดยได้นำเอาใบมะขามห่อผ้าติดตัวมาด้วย เมื่อเดินทางมาถึงวัดท้ายน้ำไม่พบหลวงพ่อเงิน จึงได้ถามพระในวัดว่า หลวงพ่ออยู่ที่ไหน ซึ่งได้รับคำชี้ แจงว่า หลวงพ่อเดินทางไปทุ่งอ่างทองหัวหนองยาวใต้ร่มไทรนั้น หนทางจากวัดท้ายน้ำไม่ไกลนัก พระอาจารย์ทองก็เดินทางต่อไปตามที่พระได้บอกไว้ เมื่อเดินทางไปถึงก็แลเห็นหลวงพ่อเงินกำลังนอนเล่นอยู่ จึงตรงเข้าไปกราบคารวะถึง ๓ ครั้ง ตามแบบอย่างการไปมาหาสู่แบบพระทั่ว ๆ ไป พระอาจารย์ทองยังไม่ทันได้กล่าวว่าอย่างไรเลย แต่หลวงพ่อเงินท่านรู้ด้วยฌานอะไรไม่ทราบท่านจึงพูดขึ้นว่า​
     
  17. - เงาะป่า -

    - เงาะป่า - เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +565
    อนุโมทนาสาธุครับ
    ------------------------------------------------------------------------------------------------------
    พระคุณพ่อ
    --> http://palungjit.org/showthread.php?p=1326572#post1326572
    มาเที่ยว วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่ วัดประจำปีจอกัน
    --> http://palungjit.org/showthread.php?t=136821
    พุทโธหาย....?
    --> http://palungjit.org/showthread.php?p=1329341#post1329341
    ปรัชญาพุทธกับคนรัก(ที่ไม่รักเรา) เอ๊า!!ใครอกหักยกมือขึ้น
    --> http://palungjit.org/showthread.php?p=1338677#post1338677
     
  18. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]
    อภินิหารตะกรุดหลวงพ่อเงิน
    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    อภินิหารตะกรุดหลวงพ่อเงิน
    ได้รับคำบอกเล่าจากชาวบ้านห้วยน้ำ จะเป็นวันหรือเดือนปีใดไม่ปรากฏชัด และจะเป็นพรรษาที่เท่าใดผู้เล่าจำไม่ได้ หลวงพ่อท่านสัพยอกกับพระที่เป็นเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำในสมัยนั้นชื่อหลวงพ่อเขียวว่า ปีนี้หรือพรรษานี้ ลองตะกรุดกันดูทีว่าใครจะดีกว่ากัน เมื่อถึงกำหนดเข้าพรรษาหลวงพ่อเขียวตั้งใจจะทำตะกรุดครบไตรมาสนี้ ๓ เดือน โดยการปลุกเสกอย่างแม่นยำ พอถึงฤดูออกพรรษาหลวงพ่อเขียวใช้ให้ลูกศิษย์ไปนำเอาอาวุธ (ปืน) มา เพื่อพิสูจน์ดูว่าระหว่างหลวงพ่อเขียวกับหลวงพ่อเงินใครจะแน่กว่ากัน เมื่อทดลองตะกรุดของหลวงพ่อเขียวแล้วปรากฏว่ายิงไม่ดังถึง ๓ ครั้ง คราวนี้เป็นของหลวงพ่อเงินบ้าง หลวงพ่อเงินท่านเรียกเด็กวัดให้ไปเอาฝาบาตรมา แล้วใช้ให้เด็กม้วนฝาบาตรทองเหลืองที่ถือมาแล้วนำไปวางไว้ให้ทดลองดูบ้าง ปรากฏว่าปืนดัง แต่ลูกปืนไม่ออกจากปากระบอก หลวงพ่อเงินท่านเลยพูดสัพยอกกับหลวงพ่อเขียวว่า​
     
  19. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <P><IMG id=picture title="Click the photo to tag a friend" src="http://photos1.hi5.com/0044/581/956/Pfh4Ex581956-02.jpg" proto="Picture"></P>
    <P>
    <TABLE class=contentpaneopen>
    <TBODY>
    <TR>
    <TD class=contentheading width="100%">หลวงพ่อเงินอายุล่วงเข้าวัยชราภาพ </TD>
    <TD class=buttonheading align=right width="100%"><A title=PDF href="javascript:void window.open('http://www.wadtrynum.pongcomputer.com/index2.php?option=com_content&amp;do_pdf=1&amp;id=58', 'win2', 'status=no,toolbar=no,scrollbars=yes,titlebar=no,menubar=no,resizable=yes,width=640,height=480,directories=no,location=no');"><IMG alt=PDF src="http://www.wadtrynum.pongcomputer.com/images/M_images/pdf_button.png" align=middle border=0 name=image><FONT color=#000000> </FONT></A></TD>
    <TD class=buttonheading align=right width="100%"><A title=พิมพ์ href="javascript:void window.open('http://www.wadtrynum.pongcomputer.com/index2.php?option=com_content&amp;task=view&amp;id=58&amp;Itemid=53&amp;pop=1&amp;page=0', 'win2', 'status=no,toolbar=no,scrollbars=yes,titlebar=no,menubar=no,resizable=yes,width=640,height=480,directories=no,location=no');"><FONT color=#000000><IMG alt=พิมพ์ src="http://www.wadtrynum.pongcomputer.com/images/M_images/printButton.png" align=middle border=0 name=image> </FONT></A></TD>
    <TD class=buttonheading align=right width="100%"><A title=ส่งเมล href="javascript:void window.open('http://www.wadtrynum.pongcomputer.com/index2.php?option=com_content&amp;task=emailform&amp;id=58', 'win2', 'status=no,toolbar=no,scrollbars=yes,titlebar=no,menubar=no,resizable=yes,width=400,height=250,directories=no,location=no');"><FONT color=#000000><IMG alt=ส่งเมล src="http://www.wadtrynum.pongcomputer.com/images/M_images/emailButton.png" align=middle border=0 name=image> </FONT></A></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=contentpaneopen>
    <TBODY>
    <TR>
    <TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2><SPAN class=small><STRONG><FONT color=#999999 size=1>เขียนโดย Administrator </FONT></STRONG></SPAN>&nbsp;&nbsp; </TD></TR>
    <TR>
    <TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR>
    <TR>
    <TD vAlign=top colSpan=2>
    <P align=center>หลวงพ่อเงินอายุล่วงเข้าวัยชราภาพ<BR>หลวงพ่อเงินได้มรณภาพด้วยโรคชรา&nbsp; อายุของหลวงพ่อเงินเมื่อได้ประมวลดูแล้ว&nbsp; อายุ&nbsp; ประมาณ&nbsp;&nbsp; ๑๑๑&nbsp; ปี&nbsp; ทานได้มรณภาพเมื่อวันศุกร์&nbsp; แรม&nbsp; ๑๑&nbsp; ค่ำ&nbsp; เดือน&nbsp; ๑๐&nbsp; ปีมะแม&nbsp; เวลา&nbsp; ๐๕.๐๐&nbsp; น.&nbsp; ตรงกับวันที่&nbsp; ๒๐&nbsp; กันยายน&nbsp; พ.ศ.&nbsp; ๒๔๖๒&nbsp; ณ&nbsp; วัดวังตะโก&nbsp; ตำบลบางคลาน&nbsp; อำเภอบางคลาน&nbsp; จังหวัดพิจิตร&nbsp; ส่วนทางคุณลุงแปลก&nbsp; สุขนวล&nbsp; เล่าว่า&nbsp; หลวงพ่อมรณภาพเมื่อวันศุกร์&nbsp; ปีมะเมีย&nbsp; เดือน&nbsp; ๑๐&nbsp; ท่านพระครูวิจิตรวุฒิกร&nbsp; อดีตเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ&nbsp; ได้เขียนแสดงความเห็นไว้ว่า&nbsp; “อาตมาเทียบปฏิทินแล้วไม่ตรง&nbsp; คุณหมอแปลกบอกว่า&nbsp; หลวงพ่ออายุ&nbsp; ๑๐๗&nbsp; ปี&nbsp; แต่ทางอื่นได้สอบสวนแล้วว่า&nbsp; หลวงพ่อเงินมีอายุประมาณ&nbsp; ๑๑๑&nbsp; ปี&nbsp; มีพรรษา&nbsp; ๙๐&nbsp; ฉะนั้นอาตมาจึงสิบหาเหตุผลมาพิจารณา&nbsp; ถ้าใครรู้แน่นอนแล้วก็ให้นำมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่”&nbsp; ส่วนการมรณภาพของหลวงพ่อเงินนั้น&nbsp; นำความเสียใจมาสู่บรรดาญาติโยมและลูกศิษย์ของหลวงพ่อเป็นอย่างมากศพของหลวงพ่อบรรจุไว้ในหีบ&nbsp; เก็บรักษาไว้เป็นเวลา&nbsp; ๑&nbsp; ปี&nbsp; พอครบกำหนด&nbsp; ๑&nbsp; ปี&nbsp; บรรดามรรคทายกและคณะศิษยานุศิษย์ได้จัดให้มีงานแลงศพอย่างมโหฬาร&nbsp; ขณะเริ่มประชุมเพลิงศพยังไม่ทันจะไหม้ดีบรรดาลูกศิษย์และญาติ ๆ&nbsp; ได้เก็บอิฐของหลวงพ่อไปไว้สักการบูชา&nbsp; แม้แต่จีวรและสบงก็เก็บไปกันจนหมด&nbsp; เพราะเหตุว่าอัฐิหรือส่วนต่าง&nbsp; ๆ&nbsp; ในร่างกายของหลวงพ่อเงินนั้นอยู่ยงคงกระพันดีนักแล<BR></P></TD></TR></TBODY></TABLE></P>
     
  20. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">[​IMG]
    หลวงพ่อเงินกับสมเด็จพุฒาจารย์โต
    </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="70%" colSpan=2>เขียนโดย Administrator </TD></TR><TR><TD class=createdate vAlign=top colSpan=2>Wednesday, 18 October 2006 </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    หลวงพ่อเงินกับสมเด็จพุฒาจารย์โต
    พระเถระนามอุโฆษ ๒ องค์นี้ ได้ไปร่ำเรียนหาความรู้จากวัดตองปุ (วัดชนะสงคราม) ด้วยกันทั้งคู่ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตมีอายุแก่กว่าหลวงพ่อเงิน ๒๐ ปี คือ ท่านชาตะเมื่อ พ.ศ.๒๓๓๑ หลวงพ่อเงินชะตะเมือ พ.ศ.๒๓๕๑ สมเด็จพระพุฒาจารย์โตสิ้นชีพตักษัยเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๑๕ นั้นหลวงพ่อเงินอายุได้ ๖๕ ปีพอดี
    ที่แน่นอนก็คือ หลวงพ่อเงินเป็นศิษย์ผู้น้อง แต่จะเป็นศิษย์โดยตรงของสมเด็จโตหรือไม่ไม่มีหลักฐานใดระบุไว้ ชาวบางคลานก็ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อเงินพูดถึง
    วัดตอบปุ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจำพรรษาอยู่มากในยุคนั้น ส่วนใหญ่เป็นพระมอญ และวัดนี้ก็มีชื่อเป็นภาษามอญมาแต่เดิมตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา และชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ไปเรียกว่า “วัดกลางนา” มาตั้งดั้งเดิมอยู่แล้ว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...