ประวัติและปฏิปทา : หลวงปู่ครูบาอาจารย์เฒ่าทองรัตน์ กนฺตสีโล

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 23 เมษายน 2012.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ท่านพระอาจารย์ทองดีและพระอาจารย์อวนเล่าตรงกันว่า ลูกศิษย์ที่ภาวนาไม่ถึง ปฏิบัติไม่จริง จะถูกท่านอาจารย์ทองรัตน์เรียกหาบ่อย ถ้าไม่ปฏิบัติ ไม่รู้จักนิสัย จะอยู่ไม่ได้ ใครเห็นผิด มีทิฐิมานะ ปฏิบัติผิดทุกเช้า ช่วงฉันอาหารท่านจะอบรมสั่งสอนทันที ทำไม่ดีอยู่ไม่ได้ ท่านชอบทดสอบลูกศิษย์เป็นประจำ ชักชวนให้ลูกศิษย์ทำผิด ถ้าใครทำตาม ท่านจะว่าคนไม่มีปัญญา พระอาจารย์ปุ่นมักจะเล่า หรือยกตัวอย่างท่านครูบาจารย์ทองรัตน์อยู่เสมอ โดยเฉพาะความสันโดษไม่สะสมสิ่งใด ๆ ชีวิตเรียบง่าย ประหยัด กุฏิก็อยู่หลังเก่า ๆ เล็ก ๆ มุงหญ้าคาหญ้าแฝก ยกพื้นขึ้นนิดพอดีนั่งถึง ไม่ต้องขึ้นบันได ใครมาสร้างกุฏิหลังใหม่ให้ก็ไม่อยู่ ชอบอยู่กุฏิเดิมเช่นเดียวกับบูรพาจารย์ท่านหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น

    บางคนไม่เข้าใจอุบายที่ท่านกระทำเพื่อให้ญาติโยมได้ทำบุญตักบาตร ท่านใช้อารมณ์ขันแม้เวลาไปบิณฑบาต บางคนอาจมองว่าพระอะไรไม่สำรวม ข้าวไม่สุกก็ยืนคอยจนข้าวสุก หลวงพ่อจะบิณฑบาตไม่เคยขาดแม้ในวัยชรา ท่านจะไปทุกหลังคาเรือน ถามว่าข้าวสุกหรือยัง มาตักบาตรพ่อด้วย แม้ฝนตก ท่านก็บอกว่าเดี๋ยวจะเปียก ไม่ต้องออกมา และท่านจะเดินเข้าไปถึงบันไดบ้าน

    เนื่องจากชาวบ้านคุ้มเป็นบ้านป่า ไม่คุ้นเคยกับพระและการทำบุญตักบาตร ท่านจึงฝึกหัด และออกอุบายให้ชาวบ้านตักบาตรทุกวัน จนต่อมาทุกครัวเรือนก็ทำบุญตักบาตร และเข้าวัดฟังธรรม

    เมื่อครั้งครูบาจารย์ทองรัตน์พำนักที่บ้านโนนหอม สกลนคร ท่านพระอาจารย์อวนเล่าว่า วันหนึ่งครูบาจารย์ไปบิณฑบาต ได้แต่ข้าวเปล่า ๆ ท่านจึงพูดว่า บ้านโนนหอมใส่บาตรมีแต่ให้หมากิน ไม่มีข้าวให้คนกิน ไม่เหมือนบ้านสามผง ชาวบ้านโนนหอมโกรธมาก หลายปีต่อมาชาวบ้านถือข้าวไปทำไร่ ลืมเอากับข้าว นั่งกินเปล่า ๆ เหมือนกับที่เคยโยนก้อนข้าวเหนียวให้หมากิน จึงนึกถึงคำพูดของหลวงปู่

    ด้วยการที่ไม่ติดในเสนาสนะและสันโดษของพระอาจารย์ทองรัตน์ ท่านจึงจำพรรษาอยู่ที่ใดไม่นานก็ย้ายที่ไปเรื่อย ๆ

    หลวงปู่กิ ศิษย์คนหนึ่งของท่านเล่าว่า

    ท่านเคารพนับถือพระอาจารย์เสาร์มาก และมีสัญญากับหลวงปู่เสาร์ในการมาสร้างวัดที่บ้านชีทวน ตำบลชีทวน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ประมาณปี พ.ศ. 2480-2481 พระอาจารย์เสาร์ได้แยกกับหลวงปู่มั่น เดินทางกลับจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อสร้างและขยายวัดทางจังหวัดอุบลราชธานีที่ท่านเคยพำนัก และเป็นบ้านเกิดมาก่อนให้เจริญรุ่งเรือง หลวงปู่เสาร์ได้ให้หลวงปู่ทองรัตน์ไปสร้างวัดป่าบ้านชีทวนขึ้น และหลวงปู่เสาร์เองได้ไปสร้างวัดที่บ้านป่าโคม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่ติดต่อระหว่างอำเภอเขื่องในกับอำเภอเมือง อุบลราชธานี หลวงปู่ทองรัตน์ได้จำพรรษาและพำนักอยู่ที่วัดป่าบ้านชีทวนนานถึง 9 ปี เมื่อหลวงปู่เสาร์ได้มรณภาพลงที่นครจำปาศักดิ์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หลวงปู่ทองรัตน์ก็ได้ธุดงค์ต่อไป แม้ชาวบ้านทัดทานอย่างไร ท่านก็ยังจากไป
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ในปีหนึ่งท่านได้ธุดงค์ไปถึงบ้านคุ้ม ตำบลหนองไฮ อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบัน บ้านคุ้มขึ้นอยู่กับตำบลโคกสว่าง อำเภอสำโรง) ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบท ห่างจากบ้านนาส่วง อำเภอเดชอุดม ประมาณ 17 กิโลเมตร ในสมัยนั้นไม่มีทางรถยนต์เข้าหมู่บ้าน มีแต่ทางเกวียน ชาวบ้านยังไม่มีวัด บางคนก็นับถือผี อุปนิสัยคนในหมู่บ้านซึ่งเป็นชาวส่วยเป็นลาว เป็นผู้ไม่คุ้นเคยกับพระและวัด หมู่บ้านนี้ยังไม่เจริญ ทั้งห่างไกลที่ตั้งอำเภอประมาณ 30 กว่ากิโลเมตร เป็นหมู่บ้านกันดาร

    พ่อใหญ่เขียน ศรีสุธรรม ชาวบ้านคุ้มซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากคนสำคัญที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้เล่าว่า

    ครั้งแรกที่ท่านหลวงปู่มาถึงบ้านคุ้ม ไม่ทราบว่าท่านมาทางไหน อย่างไร มาถามชาวบ้านว่าป่าช้าหมู่บ้านอยู่ตรงไหน ชาวบ้านก็ชี้มือไปทางใต้หมู่บ้าน คืนแรกที่มาถึง หลวงปู่ได้ไปบำเพ็ญภาวนาและปักกลดที่กลางป่าใต้หมู่บ้าน ซึ่งกลางป่าแห่งนี้มีเนินดินบริเวณกว้างประมาณ 6 ไร่ เนินแห่งนี้เดิมรกทึบมากมีเถาวัลย์ขึ้นเต็ม และชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปในเนินนี้เพราะเชื่อว่าเจ้าที่แรง ใครไปเก็บลูกสะบ้าจากเนินนี้มาก็จะมีอันเป็นไป เป็นไข้ตายบ้างหรืออื่น ๆ ชาวบ้านจึงกลัวมาก

    หลวงปู่ทองรัตน์ได้ไปอาศัยโคนไม้ในดงนี้เป็นที่บำเพ็ญภาวนา มีชาวบ้านศรัทธาในปฏิปทาของท่าน เข้าไปกราบนมัสการ และช่วยเหลือท่าน และคอยรับใช้หลายคน และหลวงปู่ได้ตัดสินใจสร้างเป็นวัด แต่ระยะแรกก็เพียงถากป่าให้โล่ง ปลูกศาลา และกุฏิมุงหญ้า พอได้อาศัยนานวันเข้า ก็มีผู้เลื่อมใสมาเป็นศิษย์มากขึ้น แม้จะสร้างวัดหลายปีมีพระเณรลูกศิษย์มาฝากตัวจำพรรษา พำนักอยู่ด้วยปีละ 20 กว่ารูป หลวงปู่ทองรัตน์ก็ไม่ได้สร้างวัดใหญ่โต คงให้ญาติโยมสร้างพอได้อาศัยให้พอแก่พระเณร ท่านได้ปรารภกับลูกศิษย์ว่า ท่านจะไม่ไปไหนจะตายที่นี้

    พ่อใหญ่สอน นามฮุง ศิษย์อีกคนที่เคยบวชกับหลวงปู่แม้เพียง 1 พรรษา ก็ยังซาบซึ้งในตัวหลวงปู่ และเล่าว่า

    หลวงปู่ไป ๆ มา ๆ ออกพรรษาแล้วจะธุดงค์ไปครั้งละนาน ๆ เมื่อเข้าพรรษาจึงกลับมาวัด ท่านพำนักอยู่ที่วัดบ้านคุ้มนานประมาณ 10 ปีกว่า จึงนับเป็นวัดอีกวัดหนึ่งที่หลวงปู่ทองรัตน์จำพรรษาอยู่นาน หลังจากออกจากสำนักหลวงปู่มั่นแล้ว
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ธรรมโอวาท

    พ่อใหญ่สอน นามฮุง ได้เล่าถึงการสั่งสอนศิษย์และญาติโยมว่า หลวงปู่เอาใจใส่เคร่งครัดในข้อวัตรปฏิบัติ ถือธุดงควัตร สม่ำเสมอ ท่านพูดน้อยทำมาก และเอาใจใส่ลูกศิษย์ทุกคน และสั่งสอนให้เอาตัวอย่างท่านในการปฏิบัติ ลูกศิษย์เคารพยำเกรงท่านมาก ไม่มีใครกล้าทำผิด การฉันจะฉันครั้งเดียว ฉันในบาตร ไม่ออกปากขอหากมิใช่ญาติ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ถึงแม้ท่านจะมีอารมณ์ขัน บางคนหาว่าท่านไม่สำรวม แต่จริง ๆ แล้วท่านสำรวมระวังและสั่งสอนพระเณรให้สำรวมระวังอย่างยิ่ง ข้าวที่ท่านฉัน ท่านจะแยกเอาไว้จากที่เขาเจตนาตักบาตร ส่วนที่ท่านออกอุบายให้เขาตักบาตร ท่านจะแยกไว้ต่างหากและให้ทานแก่ญาติโยม

    พระอาจารย์ปุ่น ฉนฺทาโร เล่าให้ฟังว่า

    การแสดงธรรมอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ของท่านครูบาจารย์ใหญ่ทองรัตน์นั้น สูงมาก กิริยาวาจาดุดันรุนแรง แต่จิตใจจริง ๆ ไม่มีอะไร

    ครั้งหนึ่งมีศิษย์ถามเรื่องวิธีการปฏิบัติธรรม ท่านครูบาจารย์พูดเสียงดังมาก พร้อมกับชี้ไปที่ตอไม้ใหญ่ใกล้ ๆ กุฏิของท่านว่า เห็นตอไม้ไหมนั้น ทำอย่างตอไม้นั่นละ

    ครั้งหนึ่งพระอาจารย์ปุ่นและสานุศิษย์ได้ติดตามธุดงค์ ระหว่างทาง ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีหญิงชาวบ้านมาร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญกับท่านครูบาจารย์ทองรัตน์ ที่ลูกชายได้ตายจากไป ให้ช่วยชีวิตคืน

    ท่านครูบาจารย์จึงพูดขึ้นว่า "ให้มันตาย ให้มันตายหมดโคตร หมดเชื้อหมดแนวมัน หมดพ่อหมดแม่มัน" หญิงคนนั้นหยุดร้องไห้ฟูมฟายทันที แล้วท่านจึงเทศนาโปรดอบรมให้คลายทุกข์คลายโศกร่ำพรรณนา ให้เข้าใจรู้เท่าทันวัฏสังขาร

    อีกครั้งหนึ่งขณะพักธุดงค์ระหว่างทางการแสวงหาที่วิเวก ชาวบ้านหามไก่มาหลายตัวทั้งตัวผู้ตัวเมีย

    ท่านครูบาจารย์ทองรัตน์จึงถามคณะลูกศิษย์ที่ติดตามว่า "เขาหามอะไรนี่"

    บางรูปก็ว่าไก่ตัวผู้ บางรูปก็ว่าไก่ตัวเมีย บางรูปก็ว่าไก่ตัวผู้ตัวเมีย ถกเถียงกัน

    ท่านพระอาจารย์จึงตะโกนดัง ๆ ว่า "มันสิไก่ตัวผู้ตัวเมียได้อย่างไร มันไม่ใช่ตัวผู้ตัวเมีย ไม่ใช่ไก่ เป็นสิ่งสมมติทั้งนั้นละ" อย่าติดสมมุติ

    พระอาจารย์อวน ปคฺโน ลูกศิษย์ที่ได้ศึกษาธรรมในช่วงตอนปลายชีวิตของท่านได้เล่าว่า

    ธรรมโอวาทที่ครูบาอาจารย์ย้ำเตือนอยู่เสมอคือ พระวินัยและศีล ใช้แนะนำปฏิบัติเบื้องต้น จะแนะนำวินัย มีวินัยเป็นวัตร วินัยจะทำให้เกิดศีลบริสุทธิ์ ทำศีลให้บริสุทธิ์ ศีลจะนำไปสู่การเป็นสมาธิ เกิดสมาธิจะนำไปสู่การเกิดปัญญา ปัญญาจะเกิดขึ้นเอง รักษาวินัยให้แน่วแน่ตั้งจิตให้เป็นหนึ่ง พิจารณาขันธ์ 5 ท่านจะไม่เทศน์พรรณนาอย่างกว้างขวางหรือแยบยลแต่ให้ปฏิบัติ

    โอวาทที่ท่านเน้นในการสอนญาติโยมก็คือ เน้นการให้ทาน การรักษาศีล และสมาธิ สำหรับการสอนพระเณร หลวงพ่อเน้นข้อวัตรปฏิบัติธรรมวินัย ให้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ให้สำรวมระวัง รวมทั้งธุดงควัตร การปฏิบัติภาวนา การมีสติ เป็นคนมักน้อยสันโดษ

    พ่อใหญ่สอน นามฮุง เล่าว่า

    หลวงปู่เป็นผู้มีฌานที่น่าประหลาด และหลายครั้งที่ท่านได้ประสบ ท่านสามารถหยั่งรู้จิตคน บางคนไม่เคยไปหาท่านเลย เมื่อพบหน้าท่านก็เรียกชื่อถูก ครั้งหนึ่งมีโยมเอากล้วยมาถวาย และซ่อนกล้วยไว้ก่อนเข้าวัด เมื่อไปถึงถวายกล้วย ท่านก็ทักขึ้นว่า "โยมเสี่ยงกล้วยไว้ดีบ่ละ ย่านลิงมันเอาไปกินก่อนเด้" (โยมซ่อนกล้วยไว้ดีไหมละ กลัวลิงมันจะเอาไปกินก่อนนะ) จนผู้ถวายกล้วยอาย และยอมรับกับหลวงปู่

    แม้แต่วาระสุดท้ายที่ท่านจะมรณภาพ ศิษย์ทั้งหลายก็เชื่อว่าท่านรู้ล่วงหน้าเป็นที่น่าอัศจรรย์

    พ่อใหญ่เขียนและพ่อใหญ่สอน ช่วยกันเล่าว่า

    ในปีที่ท่านจะมรณภาพ ท่านบอกให้ญาติโยมรวมทั้งพ่อใหญ่ทั้งสอง ช่วยกันหาฟืนมาไว้ให้เต็มโรงครัวถึง 4 ห้อง ท่านบอกว่าปีนี้จะมีการใช้ฟืนมาก ในต้นเดือนกันยายน ท่านให้ทำประตูโขงเข้าวัด จะมีรถยนต์มามาก ชาวบ้านแปลกใจมาก เพราะตั้งแต่เกิดไม่เคยมีรถยนต์เข้ามาถึงหมู่บ้านเลย เหมือนกับว่าท่านจะรู้วันมรณภาพ และปลงสังขารไว้ก่อน
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นจริงประมาณกลางเดือนกันยายน พ.ศ. 2499 หลวงปู่ทองรัตน์ได้ปวดท้องกะทันหัน ทั้งที่ท่านสุขภาพดีอยู่ ญาติโยมจะไปตามหมอ ท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นอะไรมาก" ชาวบ้านได้พากันไปตามเจ้าหน้าที่อนามัยที่บ้านโคกสว่างมาดูอาการท่าน ในวันที่สองของการอาพาธ แต่หมอยังมาไม่ถึง ท่านก็ได้มรณภาพไปก่อนด้วยอาการสงบ ก่อนมรณภาพ ท่านได้สั่งไว้ว่าให้นำศพท่านไปเผาริมห้วย ขี้เถ้าและกระดูกให้โปรยลงน้ำให้หมด ท่านบอกว่า "ต่อไปมันซิเอากระดูกพ่อไปขาย" (ต่อไปคนจะเอากระดูกพ่อไปขาย)

    ก่อนหน้าที่หลวงปู่จะมรณภาพ ศิษย์คนสำคัญคือ พระอาจารย์บุญมาก แห่งวัดภูมะโรง แขวงนครจำปาศักดิ์ ประเทศลาว ได้เดินทางจากประเทศลาว มานมัสการหลวงปู่กลางพรรษา และได้เป็นประธานในการจัดการศพหลวงปู่ทองรัตน์ เหตุที่ได้เดินทางมาทันงานศพ เนื่องจากเกิดนิมิตภูมะโรงสั่นสะเทือน 3 ครั้ง จึงคิดถึงอาจารย์มาก และคิดว่าน่าจะมีเหตุร้าย จึงเดินทางมารีบด่วน โดยไม่มีใครแจ้งข่าว หลวงปู่ทองรัตน์เคยพำนักอยู่วัดภูมะโรงกับท่านบูรพาจารย์หลวงปู่เสาร์

    หลังหลวงปู่ทองรัตน์มรณภาพ ประชาชนและศิษยานุศิษย์ ยานพาหนะต่าง ๆ ต่างก็เข้ามายังบ้านคุ้มเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ชาวบ้านไม่เคยเห็นรถยนต์เลยก็ได้เห็น

    หลวงปู่ทองรัตน์ กนฺตสีโล ได้ละสังขารจากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2499 ณ วัดบ้านคุ้ม ตำบลโคกสว่าง อำเภอสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี รวมอายุ 68 ปี อายุพรรษาได้ 42 พรรษา ประชาชน ลูกศิษย์ ที่เคารพรักท่านได้ร่วมกันฌาปนกิจศพท่านหลังมรณภาพไม่นาน แต่ไม่ได้ฌาปนกิจศพตามแบบที่ท่านสั่ง ศิษย์บางคนก็ได้อัฐิท่านไปไว้สักการะ และอัฐิของท่านส่วนหนึ่ง ชาวบ้านคุ้มได้บรรจุไว้ในเจดีย์ที่สร้างไว้กลางเนินวัดป่าบ้านคุ้มเพื่อไว้เคารพสักการะมาจนบัดนี้
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ปัจฉิมบท

    พระสุปฏิปันโนที่เป็นสานุศิษย์ของครูบาจารย์ทองรัตน์ สายมหานิกาย ที่ไม่ได้ญัตติเป็นธรรมยุติ ตามกำหนดของท่านบูรพาจารย์ใหญ่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ ได้แก่ หลวงปู่กินรี จนฺทิโย, พระอาจารย์บุญมาก จิตฺตปญฺโญ แห่งวัดภูมะโรง จำปาศักดิ์, หลวงปู่พรหม บ้านโคกก่อง ยโสธร, หลวงปู่บน, หลวงปู่บุญมี เพชรบูรณ์, อาจารย์คำดี ผุดผ่อง, พระอาจารย์อวน ปคฺโณ, พระอาจารย์ชา สุภทฺโท, พระอาจารย์ปุ่น ฉนฺทาโร ที่ญัตติเป็นธรรมยุติ เช่น หลวงปู่กิ ธมฺมตฺตโม เป็นต้น

    ขอเมตตาบารมีแห่งภูมิจิตภูมิธรรม ของท่านพระอาจารย์ทองรัตน์ กนฺตสีโล จงบันดาลแผ่ซ่านสู่จิตใจของสรรพสัตว์ผู้ทนทุกข์ทรมานในห้วงแห่งสังสารวัฏ ได้แก่นธรรมเห็นธรรม เกิดธรรมจักษุ ที่เป็นแก่นพุทธธรรม แทนเปลือก แทนกระพี้ พิธีพราหมณ์และพุทธพาณิชย์ด้วยเทอญ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...