ประสบการณ์การบรรลุธรรมจากต่ำสุดถึงสูงสุดแบบละเอียดของแก้วนารายณ์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Rebrrpta, 31 ตุลาคม 2014.

  1. Rebrrpta

    Rebrrpta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +176
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    เนื่องจากสมาชิกสายแก้วคนซื่อที่โพสต์ว่า"ประสบการณ์การบรรลุธรรมจากต่ำสุดถึงสูงสุดแบบละเอียดของแก้วนารายณ์" ได้พิมพ์ผิดว่าแก้วนารายณ์บรรลุธรรม ความจริงกระผมเองยังไม่ได้บรรลุธรรมแต่ประการณ์ใดเลย เพิ่งจะสังเกตุเห็นครับ จึงเรียนมาเพื่อทราบทุกท่านครับ มันเป็นเพราะว่าเค้าคิดไปเองว่ากระผมบรรลุธรรมจึงพิมพ์ไปอย่างนั้น ขออนุญาตช่วยลบข้อความบรรลุธรรมด้วยครับ ขอบคุณครับ อีกอย่างคำสาบานทั้งหมดของกระผมๆขอยกเลิกทั้งหมดเพราะไม่มีความจำเป็นจะต้องร้องเรียนอะไรอีกแล้วครับ


    :cool: พุทธภูมิ
    จะบรรลุธรรมตอนเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น หรือลาพุทธภูมิแล้ว

    :cool:พระโสดาปฏิมรรค คือ เชื่อในอริยสัจจ์ ๔ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแบบเต็มร้อยไม่มีความสงสัย ไม่แม้แต่จะคิดวิจารณ์พระพุทธดำรัสใดๆทั้งสิ้น ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    :cool:พระโสดาปฏิผลเริ่ม ถือศีล ๔ ข้อ คือ ปานา อทินา กาเม มุสาในสัมมาวาจา ละวิจิกิจฉาลงได้ คือ ไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ละสังโยชน์สักกายะทิฏฐิได้บางส่วน หรือเทียบที่มรณานุสสติดี มีพระนิพพานเป็นที่ไปเบื้องหน้า ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    :cool:พระสกิทาคามี เหมือนพระโสดาบันที่ต้องเกิดอีก ๑ ชาติ แต่เหมือนว่าจะละกามราคะ และปฏิฆะได้ ด้วยศีลอพรหมจาริยา ยังไม่ถึงขนาดใช้พรหมวิหาร ๔ กับอสุภะกรรมฐานเป็นตัวนำ คือก่ำกึ่งๆ ครึ่งๆกลางๆ ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    :cool:พระอานาคามีชั้นต่ำสุด คือ พรหมโลกชั้นที่ ๑๒ ข่มกามราคะ กับ ปฏิฆะ ด้วยพรหมวิหาร ๔ กับ อสุภะกรรมฐาน คือเปลี่ยนจากความโกรธเป็นความไม่โกรธได้ทันท่วงที กามราคะก็เหมือนกัน ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    :cool:พระอานาคามี พรหมโลกชั้นที่ ๑๓ ใช้ความเพียรกล้ามาก มักชอบนั่งสมาธิครั้งละนาน ทั้งวัน เคร่งในศีลพระวินัยมาก เรียบร้อย ยังคงใช้ พรหมวิหาร ๔ กับ อสุภะกรรมฐานอยู่ ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    :cool:พระอานาคามี พรหมโลกชั้นที่ ๑๔ เริ่มใช้สติปัฏฐาน ๔ นำแล้ว ตอนนี้เรื่มคลาย พรหมวิหาร ๔ กับ อสุภะลง คือ เหมือนไม่ได้ทำเพราะเคยชินไปแล้ว แต่ความจริงมีอยู่ตามปกติ แต่ใช้สตินำหน้าเท่านั้นเอง ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    :cool:พระอานาคามี พรหมโลกชั้นที่ ๑๕ ท่านใช้สมาธิฌาน ๔ นำหน้า เวลาเจริญสติปัฏฐาน ๔ จิตสามารถแยกออกจาก กาย เวทนา จิต ธรรม ด้วยสติในสมาธิฌานที่ ๔ ได้แล้ว ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง

    :cool:พระอานาคามี พรหมโลกชั้นที่ ๑๖ ชั้นสุดท้ายสูงสุดนี้ ท่านใช้ปัญญานำหน้า เพราะ สติผู้รู้ในองค์ฌานที่ ๔ ชำนาญดีแล้ว เริ่มพิจารณาไตรลักษณะได้เด็ดขาดขึ้นมากเกือบเทียบเท่าพระอรหันต์เลยทีเดียว คือสามารถเข้านิโรธสมาบัติเหมือนกับพระอรหันต์ได้ แต่ยังติดสติตัวรู้ในองค์ฌานที่ ๔ อยู่ ชั้นนี้ท่านไม่ใช้พรหมวิหาร ๔ ข่มกดความโกรธนำแล้ว แต่จะใช้สติระลึกรู้ในองค์ฌานที่ ๔ และปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์ ละขันธ์ ๕ ส่วนอื่นๆได้หมดยกเว้น สติระลึกรู้ในองค์ฌานที่ ๔ และปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์ คือไม่ข่มความโกรธ กับ กามราคะนำ แต่ท่านจะพิจารณาทั้ง ความโกรธ ไม่โกรธ ลงไปที่ไตรลักษณ์เลย กามราคะก็เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะคิดว่าบรรลุอรหัตผลแล้ว

    :cool:พระอรหันต์สุขวิปัสสโก เหมือนพระอานาคามีชั้นที่ ๑๖ แต่จะละสติระลึกรู้ในองค์ฌานที่ ๔ และปัญญาพิจารณาไตรลักษณ์ลงได้ เป็นจิตหลุดพ้น พอจิตหลุดพ้นแล้วก็จบกิจ รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    :cool:พระอรหันต์เตวิชโช วิชาสาม ก็เหมือนพระอรหันต์สุขวิปัสสโก แต่จะได้จุตูปปาตญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ และอาสวะขยญาณ รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    :cool:พระอรหันต์ฉฬภิญโญ ก็เหมือนพระอรหันต์สุขวิปัสสโก แต่จะได้อภิญญา ๖ ด้วย รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    :cool:พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ก็เหมือนพระอรหันต์สุขวิปัสสโก แต่ต้องได้สมาบัติ ๘ ด้วย รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    :cool:พระพุทธเจ้า กับพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ต้องได้วิชาสาม เตวิชโช ทุกพระองค์ รู้ตัวว่าจบกิจแล้วไม่มีสิ่งใดจะต้องทำอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย

    พุทธดำรัส:-ดูก่อนวัจฉะ ชนที่กล่าวอย่างนี้ว่า พระสมณโคดมเป็นสัพพัญญู มีปกติเห็นธรรมทั้งปวง ทรงปฏิญาณญาณทัสสนะไม่มีส่วนเหลือว่า เมื่อเราเดินไปก็ดี หยุดอยู่ก็ดี หลับก็ดี ตื่นก็ดี ญาณทัสสนะปรากฏแล้วเสมอติดต่อกันไปดังนี้ ไม่เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้วและชื่อว่ากล่าวตู่เราด้วยคำที่ไม่มี ไม่เป็นจริง

    “ดูก่อนวัจฉะ เมื่อบุคคลพยากรณ์ว่า พระสมณโคดมเป็นเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา ๓ ) ดังนี้แล เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่เป็นจริง ชื่อว่าพยากรณ์ถูกสมควรแก่ธรรม....

    “ดูก่อนวัจฉะ ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง..... ตลอดสังวัฎวิวัฎกัปเป็นอันมาก ในภพโน้นเรามีชื่อย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้วได้ไปเกิดในภพโน้น... เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศด้วยประการฉะนี้

    “ดูก่อนวัจฉะ ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติกำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดีตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ซึ่งเป็นไปตามกรรมว่าสัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ติเตียน พระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฐิ ยึดถือการกระทำด้วยอำนาจมิฉาทิฐิ เขาเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านี้ ประกอบด้วยกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมทิฐิ..... เบื้องหน้า แต่ตายเพราะกายแตก เข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์

    “ดูก่อนวัจฉะ เมื่อบุคคลพยากรณ์ว่า พระสมณโคดมเป็นเตวิชชะ เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ชื่อว่าไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่เป็นจริง...”

    จูฬวัจฉโคคตสูตร
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  2. kengloveyou

    kengloveyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,077

    (อย่างนี้ก็มีด้วย พิมพ์ตกไปข้อหนึ่ง หรือว่าตั้งใจพิมพ์แค่นี้ครับ?)
     
  3. Rebrrpta

    Rebrrpta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +176
    อริยะมรรคมีองค์แปดมีศีลอยู่แค่ ๔ ข้อจริงๆครับ ข้อสุราไม่มี

    พุทธดำรัส “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความรู้ในทุกข์ ในเหตุแห่งทุกข์ ในความดับทุกข์ ในทางปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ นี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ.....

    “ความดำริในการออกจากกาม ความดำริในอันไม่พยาบาท ความดำริในอันไม่เบียดเบียน นี้เรียกว่าสัมมาสังกัปปะ....

    “เจตนาเครื่องงดเว้นจากการพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ นี้เรียกว่า สัมมาวาจา...

    “เจตนาเครื่องงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ การถือเอาของที่เขาได้ให้ และการไม่ผิดลูกผิดเมียเขานี้เรียกว่า สัมมากัมมันตะ....

    “อริยสาวกในพระธรรมวินัยนี้ ละการเลี้ยงชีพที่ผิดเสีย สำเร็จชีวิตอยู่ด้วยการเลี้ยงชีพที่ชอบ นี้เรียกว่า สัมมาอาชีวะ....

    “ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ยังความพอใจให้เกิด พยายามปรารภความเพียรตั้งจิตไว้ เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามกที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อละอกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดบังเกิดขึ้น ปรารภความเพียร เพื่อความตั้งมั่นไพบูลย์ เพิ่มพูนแห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว นี้เรียกว่า สัมมาวายามะ...

    “ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นภายในกายเนืองๆ พิจาณาเห็นเวทนาในเวทนาเนือง ๆ พิจารณาเห็นจิตในจิตเนืองๆ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมเนือง ๆ อยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติพึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย นี้เรียกว่าสัมมาสติ....

    “ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม จากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก วิจาร ปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ เธอบรรลุทติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก วิจาร เพราะวิตก วิจาร สงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ให้ฌานนี้มีอุเบกขา สติ อยู่เป็นสุข เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะทุกข์และสุข และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ นี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ "

    วิภังคสูตร มหา. สํ. (๓๔-๔๑)
    ตบ. ๑๙ : ๑๐-๑๒ ตท. ๑๙ : ๙-๑๐
    ตอ. K.S. ๕ : ๗-๙


    _______________________ ​

    แม้คนขี้เมาก็อาจเป็นพระโสดาบันได้

    เมื่อเจ้าสรกานิศากยะสิ้นพระชนม์ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ว่า ท่านเป็นพระโสดาบัน พ้นจากอบายภูมิอย่างเด็ดขาด มีอันจะตรัสรู้ในเบื้องหน้า เจ้าศากยะเป็นจำนวนมากประชุมกันแล้วพูดตำหนิว่า เจ้าสรกานิศากยะประพฤติย่อหย่อนในศีลธรรมและชอบดื่มน้ำเมา ถ้าท่านเป็นพระโสดาบันได้ ใครๆ ก็เป็นโสดาบันกันทั้งบ้างทั้งเมือง ในเรื่องนี้พระพุทธองค์ทรงชี้แจงอย่างไร?

    พุทธดำรัส “ ดูก่อนมหาบพิตร อุบาสกผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะตลอดกาลนานจะไปสู่วินิบาตได้อย่างไร ? เมื่อจะพูดให้ถูก ควรพูดถึงเจ้าสรกานิศากยะว่า เจ้าสรกานิศากยะเป็นอุบาสกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะมาเป็นเวลานานแล้ว จะพึงไปสู่วินิบาตได้อย่างไร ?
    “ ดูก่อนมหาบพิตร บุคคลบางคนในโลกนี้ แม้ไม่ประกอบด้วยความเลื่อมใส อันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า.... ในพระธรรม...ในพระสงฆ์ ไม่มีปัญญาร่าเริง ไม่เฉียบแหลมและไม่บรรลุถึงวิมุต แต่ว่าเขามีธรรมเหล่านี้ คือ สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ และเขามีศรัทธา มีความรักในพระตถาคตพอประมาณ แม้บุคคลผู้นี้ก็ไม่ไปสู่นรก....ทุคติวินิบาต
    “ ดูก่อนมหาบพิตร ถ้าต้นสาละใหญ่เหล่านี้พึงรู้ สุภาษิต และทุพภาสิต
    อาตมภาพก็พึงพยากรณ์ต้นสาละใหญ่เหล่านี้ได้ว่า เป็นโสดาบัน จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า จะช่วยกล่าวไปไยถึงเข้าสรกานิศากยะ
    “ดูก่อนท้าวมหานาม เจ้าสารกานิศากยะสมาทานสิกขาได้ในเวลาสิ้นพระชนม์แล”

    สรกานิสูตร ที่ ๑ มหา. สํ. (๑๕๒๘-๑๕๓๖ )
    ตบ. ๑๙ : ๔๗๐-๔๗๔ ตท. ๑๙ : ๔๒๖-๔๒๘
    ตอ. K.S. ๕ : ๓๒๔-๓๒๖​
     
  4. Rebrrpta

    Rebrrpta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +176
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,302
    ค่าพลัง:
    +12,628
    ลุงแมวเสียดายที่คนตายไม่ได้มาอ่านนะ
    ก็พรัพุทธตรัสอย่างนั้น จะสงสัยต่อไปไหม?พระสูตรไม่น่าผิด
     
  6. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +3,090
    สุราจัดอยู่ในอบายมุข 6 ครับ
    ถ้าเปรียบกับมรรค 8
    ดื่มสุราเป็นการทำลายเบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนเงินครอบครัว ผิดสัมมาสังกัปปะ
    ดื่มสุราแล้วคิดว่าดี ไม่มีโทษ ให้ความสุข ลืมทุกข์ ผิดสัมมาทิถฐิ
    ดื่มสุราเพื่องาน ผิดสัมมาสติ รู้ว่าเป็นของไม่ดี แต่ด้วยความอยากรักษาการงานหน้าที่เพื่อให้ได้ความสุขในทรัพย์ จึงยอมดื่มยาพิษ คนรักตัวเอง ยังไงก็ย่อมเห็นว่าสุขภาพสำคัญกว่าหน้าที่การงานหรือทรัพย์สมบัติ

    คบสุราเป็นมิตร มีแต่ล่มจม เพื่อนที่ชวนดื่มสุราก็ไม่ใช่คนดี เป็นจำพวกคนพาล
     
  7. ิ์Fist of the North Star

    ิ์Fist of the North Star เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +385
    พระโสดาปฏิผลเริ่ม ถือศีล ๔ ข้อ คือ ปานา อทินา กาเม มุสาในสัมมาวาจา ละวิจิกิจฉาลงได้ คือ ไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ละสังโยชน์สักกายะทิฏฐิได้บางส่วน หรือเทียบที่มรณานุสสติดี มีพระนิพพานเป็นที่ไปเบื้องหน้า ยังไม่รู้ตัวว่าบรรลุธรรม แค่เทียบเคียงได้บ้าง


    ความจริงคือ พระโสดาบัน ละสักกายะทิฐิได้ทั้งหมดครับ ความเห็นเรื่องความเป็นตัวตน
    ไม่ย้อนกลับไปเห็นผิดอีก คือ ละได้ขาด ไม่ใช่บางส่วนครับ

    และไม่ทำผิดศีลขนาดที่จะทำให้ไปเกิดในอบายได้ คือ ไม่ทำกรรมหนัก

    ยังผิดศีลเล็กน้อย เมื่อขาดสติ แต่ถ้ามีสติอยู่ ไม่ทำผิดศีลแน่นอน

    โสดาบัน มี ศีลที่เป็นไท จากตัณหา คือ ไม่ได้ถือ เอาอานิสงส์ เอาดี

    แต่มีจากจิตที่ไม่คิดเบียดเบียน
     

แชร์หน้านี้

Loading...