ประสบการณ์มโนมยิทธิ กรรม และเรื่องยุ่งๆของผม

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย softkid9, 18 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    งวดก่อนหลวงพ่อบอกหวยผมด้วย ถูก 50 บาท งวดนี้หลวงพ่อก็บอกอีกแล้ว อิอิ
     
  2. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    แฮ่ๆ ยินดีด้วยนะครับคุณเมธาวี1 เรื่องโชคลาภนี่หลวงพ่อท่านเมตตาเล่าว่าคนที่มีโชคทางด้านนี้ต้องทำบุญแบบไม่ได้ตั้งใจคือคล้ายๆกับการที่เราผ่านไปเจอวัดไหนเค้าก่อสร้างวิหารทานอยู่เราก็แวะทำบุญเลย มากน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่เราตัดสินใจทำบุญแบบเร็วๆไวๆ ไม่ต้องคิดนานแบบนี้จะทำให้เรามีโชคลาภครับ อนุโมทนากับทุกท่านด้วยคร้าบ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image1014.jpg
      image1014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      89.9 KB
      เปิดดู:
      1,017
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2014
  3. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    วันนี้ครึ้มอกครึ้มใจเลยแจกกันอีกครับเพื่อเป็นสังฆานุสสติ วันนี้แจกฟรีพระผงเกศาหลวงปู่ครูบาพรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า จังหวัดลำพูนครับ องค์นี้ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ไปทัศนศึกษาที่วัดพระพุทธบาทตากผ้า ตอนนั้นก็ไม่ค่อยมีตังค์ล่ะครับ เลยได้บูชาจากวัดมาองค์เดียว มีใบฝอยเดิมจากวัดด้วย มีอยู่องค์เดียวนะครับ โพสจองที่หน้าเว็บก่อนได้ก่อน แล้วก็pmแจ้งที่อยู่ให้ผมด้วยนะก๊าบ

    ขออนุญาตท่านเจ้าของภาพนะก๊าบ (ภาพแทนครับ)

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  4. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    [​IMG]
     
  5. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    จองคร่าพี่เก่ง แฮ่ๆ ;)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กันยายน 2014
  6. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    จัดไปเช่นกันครับน้องเฟรม ส่งที่อยู่ทางpmให้พี่ด้วยนะคร้าบ
     
  7. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    แจกกันเห็นๆ (f)
     
  8. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    อนุโมทนาเช่นกันครับคุณมาจากดิน บอกกันก่อนเจ้าของกระทู้ไม่ค่อยจะปกตินะครับ กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาก็บ่นไปตามเรื่องตามราว โม้มั่ง ฝอยมั่ง วันดีคืนดีก็แจกพระบ้าง ตามชอบใจน่ะครับ มีอะไรก็เข้ามาแบ่งปันธรรมะกันได้นะคร้าบ สาธุ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. danupon0826

    danupon0826 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +6
    สาธุธรรมครับ ผมอยากปรึกษาว่า
    1.ตอนนี้ผมใช้วิธีภาวนาบทพระจักพรรดิ์ตามสายหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้าอยู่ ถ้าผมจะไปเรียนมโนมยิทธิจะเป็นไรมั๊ยครับ
    2.แล้วถ้าปฏิบัติ 2 สายควบคู่กันไปจะเป็นไรมั๊ยครับเพราะศรัทธาในหลวงปู่ดู่ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงตาม้า มากครับตามเพจธรรมะของท่านตลอด
    3.เคยสวดจักรพรรดิ์จนหลับ แต่ฝันถึงหลวงพ่อเลยไม่รู้ว่าเป็นอุปทานของผมหรือปล่าว
    ปล.แต่ก็ศรัทธาในปฏิปทาของท่านทั้งสองตลอดครับ และก็ขอฝากตัวกับญาติธรรมทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุครับ
     
  10. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    อนุโมทนาสาธุเช่นกันครับคุณ danupon0826 ขออนุญาตตอบเป็นข้อๆไปนะครับดังนี้

    1.ไม่เป็นไรครับ เพราะทั้งสององค์ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่แล้วและคำสอนของท่านก็สอนตามพระไตรปิฎก เวลาเราจะกราบไหว้พระสักองค์ให้ดูที่คำสอนและวิธีปฏิบัติของท่าน ถ้าขัดกับใน
    พระไตรปิฎกแล้วโดยปกติเชื่อไม่ได้ครับ

    2.ต้องตอบว่าไม่เป็นไรเช่นเดียวกับข้อ 1 ครับ สามารถปฏิบัติควบคู่กันไปด้วยกันได้ หลวงพ่อฤาษีท่านยังให้ลูกศิษย์ไปกราบหลวงปู่ดู่ท่าน หลวงปู่ดู่ท่านยังเอ่ยถึงหลวงพ่อฤาษีท่านดังนี้ครับ


    ครั้งสมัยหลวงพ่อฤๅษีลิงดำฝากศิษย์ไปกราบหลวงปู่ดู่
    .....................................................................

    (หลวงปู่ดู่ท่านเทศน์สอนคณะศิษย์วัดท่าซุงที่ได้มโนมยิทธิซึ่งได้เดินทางไปกราบหลวงปู่ดู่ ตามคำสั่งหลวงพ่อฤาษีฯ)

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--> [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่: .....เอ้า คณะนี้มาจากไหน (แล้วหลวงปู่ท่านก็เงียบ)[/FONT]...[FONT=&quot]อ๋อเด็กฝาก[/FONT]

    [FONT=&quot]คณะมโนมยิทธิ: ...หลวงพ่อ(ฤาษี) ท่านให้มากราบเจ้าค่ะ[/FONT] [FONT=&quot]หลวงปู่รู้จักไหมเจ้าคะ[/FONT]

    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่: ...รู้จัก[/FONT]

    [FONT=&quot]คณะมโนมยิทธิ: ....หลวงปู่เจ้าคะดิฉันฝึกมโนขึ้นไปกราบพระข้างบนดีไหมเจ้าคะ[/FONT]?

    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่: .....การไปกราบพระ พบพระนั้นเป็นของดี[/FONT] [FONT=&quot]ให้หมั่นรักษาองค์พระ(ภาพพระ)เข้าไว้ พระท่านจะสอน[/FONT][FONT=&quot]ท่านจะบอกวิธีการปฏิบัติ เราก็นำมาประพฤติปฏิบัติตามด้วยความตั้งใจเคร่งครัด แต่ถ้าพบพระแล้ว ท่านสอนแล้ว ไม่นำมาประพฤติปฏิบัติหรือปฏิบัติจนพบพระแล้วไม่สามารถทำให้อารมณ์ชั่วทั้ง ๓ คือโลภ โกรธ หลง มันเบาบางลง อย่างนี้ยังใช้ไม่ได้ ถือว่าปฏิบัติผิดทาง[/FONT]

    [FONT=&quot]คนที่มัวแต่เอาสิ่งที่ตนเองได้ (ญาณ) ไปดูนั้นดูนี่ ทำนายทายทักไม่นานอุปทานก็เข้าแทนที่ ทีนี้แทนที่มันจะไปสุคติภูมิมันก็ไปอบายภูมิแทน เหตุจากการแอบอ้างคำสอนของพระเพราะอารมณ์อุปาทานนั้นเอง จงระวังไว้[/FONT]

    [FONT=&quot]ท่านมหาวีระ ท่านมีบารมีสูง มีข้างบนเป็นกำลังหนุนเป็นอาจารย์ใหญ่ สอนคนได้จำนวนมาก ข้าขอโมทนาพวกแกเกิดมาพบพระอรหันต์ที่มีบารมีสูง อย่าให้เสียทีที่ได้พบ เอาสิ่งที่ตนปฏิบัติได้(ญาณ)มาอบรมตนเอง อย่าเที่ยวไปทำนายทายทักชาวบ้าน[/FONT] [FONT=&quot]ข้ออันนั้นเห็นจะไม่ใช่จุดประสงค์ แม้ลูกศิษย์ อยู่ใกล้ข้าแท้ๆยังเฝือได้ แล้วถ้าพวกแกยังประมาท ระวังนรกจะกินหัวเอา....[/FONT]

    [FONT=&quot]คณะมโนมยิทธิ: ...เราจะรู้ได้ยังไงเจ้าคะว่าเวลาเราขึ้นไปกราบนั้น เราเห็นจริงๆ[/FONT]

    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่: ....แกลองใช้อารมณ์นั้น(ญาณ) ตรวจสิ่งที่มองไม่เห็น[/FONT] [FONT=&quot]แต่สิ่งนั้นยังมีอยู่สิ เช่น แกลองตรวจดูว่าในกระเป๋าของเพื่อนที่มาด้วยกันมีเงินอยู่เท่าไหร่ ถ้าแกตอบถูก อารมณ์ที่แกขึ้นไปกราบพระ แกก็เห็นจริง แต่ถ้าแกตอบไม่ถูก พระที่แกเห็นก็ไม่จริง...[/FONT]

    [FONT=&quot]คณะมโนมยิทธิ: ....เราถามเทวดาเลยได้ไหมเจ้าค่ะ[/FONT]

    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่: ....เอ้า เงินในกระเป๋านี้มันเป็นของหยาบ[/FONT] [FONT=&quot]แกยังมองไม่เห็นเลย นับประสาอะไรกับเทวดา[/FONT] [FONT=&quot]แกจะไปมองเห็นล่ะ กายเทวดาละเอียดกว่ากันเยอะ[/FONT]

    [FONT=&quot]คณะมโนมยิทธิ: ...ต้องตรวจอารมณ์เช่นนี้ก่อนใช่ไหมค่ะ[/FONT]

    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่: ... ใช่ ข้าก็ให้ลูกศิษย์ตรวจอารมณ์อย่างนี้ก่อนแล้วค่อยขึ้นไปกราบพระ ถ้าตรวจแล้วไม่ตรงก็ต้องหัดวางอารมณ์ใหม่ไม่นานก็ตรง คราวต่อไป ไม่ต้องกำหนด เขาจะรู้เลยว่าอะไรซ่อนอยู่ตรงไหน .....(หลวงปู่เงียบสักพัก) (แล้วท่านก็พูดขึ้นว่า)พระมหาวีระยังสอนให้แกหัดทำเวลาตอนเช้ามืด ให้ลองตรวจว่าเช้าวันนี้จะมีใครมาหาไหม เขาจะมาทำอะไรใส่เสื้อสีอะไร ใช่ไหมล่ะ[/FONT]

    [FONT=&quot]คณะมโนมยิทธิ: ....หลวงปู่รู้ได้ยังไงเจ้าคะ[/FONT]

    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่: ...ก็พระมหาวีระบอกข้า อยู่ข้างๆนี่แหละ บอกว่า..พวกแกมันลิงทะโมน ต้องจับไปมัด เฆี่ยนแล้วสอน[/FONT] ([FONT=&quot]เสียงหลวงปู่หัวเราะ แล้วพูดว่า)ต่อไปให้รีบตั้งใจปฏิบัติอย่าสนใจคนอื่น สนใจจิตตัวเองให้มากๆ รักษาจิตตนเองให้ดี[/FONT] [FONT=&quot]รักษาองค์พระ(ภาพพระ)ไว้อย่าให้หาย ชำระใจให้ปราศจากความโลภ โกรธ หลง มันก็ถึงเองแหละ

    นิพพาน[/FONT][FONT=&quot]ไม่ใช่ปากก็บอกจะไปนิพพาน แต่ไม่ชำระโลภ โกรธ[/FONT] [FONT=&quot]หลงให้ขาดไป อธิษฐานยังไงมันก็ไม่ถึงนะแก[/FONT]

    [FONT=&quot]นิพพานเข้าไม่ได้ด้วยการอธิษฐาน แต่ต้องอาศัยการปฏิบัติซึ่งจุดสำคัญคือการละอารมณ์ โลภ โกรธ หลง[/FONT][FONT=&quot]ละได้เมื่อไหร่ถึงทันที ละไม่ได้มันจะถึงแค่หัวตะพาน....[/FONT]

    [FONT=&quot]คณะมโนมยิทธิ: ...สาธุเจ้าค่ะ หลวงปู่[/FONT]

    [FONT=&quot]หลวงปู่ดู่: ...(ให้พร)......[/FONT]
    ([FONT=&quot]เครดิตเรื่องราว [/FONT]FB [FONT=&quot]วัดพุทธพรหมปัญโญ : วัดถ้ำเมืองนะ)[/FONT]
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
    3.ไม่ต้องคิดว่าเป็นอุปทานหรือไม่ อันนั้นเราถือซะว่าเป็นสังฆานุสสติกรรมฐานเพราะฝันถึงหลวงพ่อท่านละกันครับ และยินดีมากครับที่ได้มาพบปะพูดคุยกัน มีอะไรสามารถมาแลกเปลี่ยนธรรมะกันได้ สาธุ ขอความถึงที่สุดแห่งการเวียนว่ายตายเกิดจงมีแด่ทุกท่านครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 12345_n.jpg
      12345_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.8 KB
      เปิดดู:
      1,941
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2014
  11. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    ขอกราบอนุโมทนาในธรรมทานของพี่เก่งนะครับ สาธุครับ

    ผมห่างหายจากมโนมยิทธิมาเกือบ2เดือนแล้วล่ะครับ กำลังใจไม่ค่อยทรงตัวเลย พอรู้สึกตัวอีกทีว่าอยากจะกลับมาปฎิบัติแบบเดิม ก็เกรงว่าจะได้รับอุปาทานเสียแทน ถึงแม้ว่าผมยังจะพอจับหลักการปฎิบัติได้อยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่กล้าที่จะขึ้นไปกราบพระเช่นเดิม เพราะกลัวว่าจะเป็นอุปาทาน แต่ช่วง2เดือนมานี้ที่ผมห่างหายจากการปฎิบัติธรรม กลับมีเรื่องราวที่ค่อนข้างประหลาดเกิดขึ้นกับผม เช่น เดจาวู คือ เวลาที่ผมกำลังจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งในขณะนั้น แต่กลับรู้สึกว่าได้เคยทำสิ่งนั้นมาแล้ว และพอจะเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปได้ถูกต้องเป็นบางครั้งคราว เป็นต้นครับ ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผมกำลังประสบมันเป็นอะไรเหมือนกัน แต่ก็อยากจะแชร์ครับ :)

    ปล.ถึงแม้ว่าจะห่างหายจากมโนมยิทธิแต่ก็ได้ร่วมบุญต่างๆเป็นครั้งคราวตามโอกาสครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2014
  12. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    อนุโมทนากับน้องกฤษณ์และญาติธรรมทุกๆท่าน ช่วงนี้แฟนพี่ก็ไม่ค่อยได้ขึ้นไปกราบพระข้างบนเหมือนกัน ส่วนพี่นี่นอกจากวิหารทานซึ่งทำเป็นปกติแล้วก็สวดมนต์ไหว้พระไปตามปกติคร้าบ อ้อ..ช่วงนี้มีงานอดิเรกใหม่ ช่วงว่างๆก็แต่งนิยายกำลังภายใน โม้ไปตามเรื่องตามราว กะว่าจะสอดแทรกธรรมะไปด้วย ส่วนเรื่องเดจาวูที่น้องกฤษณ์กล่าวมานั้น พี่ก็เป็นบ่อยๆเหมือนกันครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2014
  13. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    สาธุจ้าน้องกฤษณ์ อันนี้พี่ขอแชร์จากประสบการณ์ส่วนตัวนะ(ผิดถูกยังไงคงต้องให้ท่านผู้รู้มาตอบอีกที) คือตอนที่พี่ฝึกมโนมยิทธิใหม่ๆ ด้วยความ

    ที่พี่เป็นคนที่ไม่ขยันทำสมาธิเลย มันเลยคล้ายกับว่าทิ้งช่วงห่างจากการฝึกสมาธิแบบมโนมยิทธิไป ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันเลยกลายเป็นว่าไม่มั่นใจ

    ในการขึ้นไปกราบพระ เพราะเกรงว่าจะเป็นอุปาทานโดนหลอกเสียเปล่าๆ ตอนนั้นพี่แก้ปัญหาด้วยการตั้งใจไปฝึกใหม่แล้วอาศัยการจดจำอารมณ์

    ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์(พระจุฬามณี)และพระนิพพาน แล้วอาศัยการฝึกพิจารณาตัดกาย(วิปัสสนาญาณ)บวกกับกำลังของสมถะ

    ภาวนา(พุทโธ+อานาปานสติ)แล้วรวมกับอารมณ์สภาวะพระนิพพานและพระจุฬามณีที่จำไว้หรือที่ใครๆเรียกกันว่าสัญญานั่นแหละ แล้วเอาจิตไป

    กราบพระ พรหมและเทวดาทั้งหลายตามปกติ ซึ่งพอพี่ทำไปเรื่อยๆจิตมันก็จะเริ่มชินไปโดยอัตโนมัติเองอ่ะจ้า



    ทีนี้ถ้าถามพี่ว่าแล้วเราขึ้นไปจริงไหม? บอกตรงๆนะพี่ฝึกแบบไม่สงสัยอะไรเลยตอนนั้น(ตามที่หลวงพ่อบอกเป๊ะๆคือให้ฝึกแบบคนโง่) แล้วพี่ก็ดัน

    บังเอิญไปสะดุดกับคำว่า"ให้จดจำอารมณ์พระนิพพานไว้" แล้วให้หมั่นไปทุกๆวัน ซึ่งพี่ก็พยายามทำตามที่หลวงพ่อท่านแนะนำไว้โดยไม่ได้คิด

    อะไรเลย จำอารมณ์(สภาวะ)มันลูกเดียว พี่เลยอยากบอกว่าถ้าคนฝึกใหม่ๆแล้วเกิดอารมณ์สงสัยขึ้นมา(ตามประสาคนทั่วไปทางโลกที่ถูกฝึกให้

    สงสัยและตั้งคำถาม) ให้พยายามตัดอารมณ์สงสัยนั้นออกไปก่อน อย่าเพิ่งไปกลัวคำว่าถูกอุปาทานหลอก เพราะระยะเริ่มแรกแบบนี้จิตมันอยู่กับ

    กิเลสมานาน จะให้ทำดีหรือถูกต้องมันค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ต้องอาศัยเวลาและการจดจำอารมณ์ต่างๆ รวมถึงความเคยชินในสมถะ(สมาธิ) ซึ่ง

    เมื่อทั้งหมดนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว ความคล่องตัวหรือเคยชินของจิตมันจะเกิดขึ้นเองจ้า



    สำหรับเรื่องอุปาทาน เผอิญตัวพี่เองไมได้ญาณ ๘ แต่อาศัยพระและพรหมเทวดาท่านสงเคราะห์เท่านั้น พี่เลยไม่ค่อยเจอเคสที่การรู้เห็นชัดเจน

    แล้วกลายเป็นมารเข้ามาหลอกซักเท่าไหร่(เลยรอดตัวไป) แล้วอีกอย่างท่านจะสอนให้พี่ระวังกิเลสมารในตัวเองมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่พี่

    ถามท่านว่ารถเมล์สายที่เราจะขึ้นจะมาในอีกกี่นาที มันจะมีทั้งถูกและผิด ซึ่งเราจะรู้เลยว่าอารมณ์ที่ผิดนั้นมันมาจากจิตของเราที่ยังมีกิเลสอยู่แต่ว่า

    เราไม่รู้ตัว เลยกลายเป็นว่าพี่จะเป็นคนที่ไม่เชื่อว่าสิ่งที่พี่รู้มานั้นจริงจนกว่าเหตุการณ์นั้นๆจะเกิดขึ้นอ่ะจ้า แล้วเวลาท่านสงเคราะห์ส่วนใหญ่จะเป็น

    ไปในทางที่สอนให้พี่รู้จักการทำความดีแทบทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเช่น ให้ไปเห็นพรหม เทวดาที่ท่านมุ่งมั่นบำเพ็ญบารมีอยู่ข้างบน เพื่อให้พี่เกิดกำลัง

    ใจและความขยันที่เพิ่มขึ้น(แก้นิสัยขี้เกียจ) หรือการฝึกให้พี่รู้จักโมทนาบุญของบุคคลอื่น เพื่อให้จิตมีมุทิตาอันเป็นการสร้างสมกำลังของพรหม

    วิหาร ๔ ให้ทรงตัว หรือการฝึกเรื่องของมานะกิเลส ในลักษณะที่ในบางครั้งพี่อยากจะพูดถึงการฝึกของตัวเองว่าเห็นอะไรบ้าง ท่านก็จะสอนให้รู้ว่า

    อันไหนเป็นอารมณ์โอ้อวดอันเป็นอุปกิเลสอย่างนี้อ่ะจ่ะ



    ปล. เรื่องพวกนี้คนที่เค้าทำบุญบารมีมาดีแล้วท่านจะไม่สอน แต่อย่างพี่นี่นิสัยที่ไม่ดีมันติดตัวมาแต่อดีตค่อนข้างหลายอย่าง จึงต้องมานั่งฝึกฝน

    ตนเองซะใหม่อ่ะจ่ะ T^T
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤศจิกายน 2014
  14. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    สาธุนะครับพี่เฟม นี่ก็มากกว่า2-3เดือนแล้วกระมังครับ ที่ผมไม่ได้ขึ้นไปกราบพระเลย

    ช่วงก่อนหน้านี้ผมเคยได้อ่านประสบการณ์มโนมยิทธิของผู้อื่นมามากพอสมควรเหมือนกันครับ

    และจะเห็นได้ว่าทุกๆคนที่ผมได้อ่านประสบการณ์ของเค้ามานั้น เวลาขึ้นไปข้างบนเทพ


    เทวดา หรือ พรหม และ พระ มักจะสงเคราะห์พวกเขาเหล่านั้นอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะอะไร

    ก็ตาม แต่เมื่อผมได้มีโอกาสขึ้นไปกราบท่านนั้นช่างแตกต่างกันมาก ตรงนี้เลยกลายเป็น

    ข้อสงสัยอยู่ลึกๆเหมือนกันครับว่า ตกลงแล้ว นั้นคือท่านจริงๆ หรือ เป็นภาพที่เราสร้าง

    ขึ้นมาเอง

    ส่วนเรื่องการจดจำอารมณ์ อืม...พูดยังไงดี ล่าสุดตอนที่ผมไปฝึกมานั้น ผมพยายาม

    จดจำอารมณ์ให้ได้เหมือนกันครับจนจิตสามารถรู้ได้ว่าตรงนี้คือพระจุฬามุณีเจดีย์สถาน

    ตรงนั้นไม่ใช่พระจุฬามณี แต่เป็นพระนิพพาน เป็นต้น

    จริงๆแล้วก็อยากกลับมาปฎิบัติอีกครั้งเหมือนกันครับ

    แต่ก็เพราะความกังวลว่าจะเป็นอุปาทานซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงขืนฝืนปฎิบัติต่อไปผมจะเพี้ยนๆเอาในอนาคต

    และผมก็อยากกลับไปฝึกใหม่อีกครั้งเหมือนกันครับ

    แต่ผมผ่านการฝึกแบบนี้มา3ครั้งแล้วที่บ้านสายลมแล้วก็ทรงอารมณ์ไม่ได้เสียที :'(

    บางทีก็คิดว่าหรือเราจะไม่เหมาะกับสายทางแบบนี้ หรือควรจะกลับไปฝึก

    ปฎิบัติแบบสายสุขวิปัสสโกดี เพราะไม่ว่าจะฝึกมากี่ครั้ง สุดท้ายก็ไม่สามารถทรงอารมณ์

    ได้อย่างถาวรเสียที นี้ก็ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าจะไปฝึกอีกทีเร็วๆนี้ดีไหม ซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้

    ทุกวันนี้ผมจึงได้แต่สวดมนต์ภาวนาและแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลก่อนนอนเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2014
  15. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    อื้ม สาธุในความดีและความตั้งใจที่จะทำความดีต่อไปจ้าน้องกฤษณ์
     
  16. yooyut

    yooyut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +1,154

    จุ๊ จุ๊ จุ๊.....คุณอุทยัพ อย่าเพิ่งทดท้อใจไปเลยนะครับ อย่าลืมว่าในกระทู้นี้น่ะ มีคนเค้าคอยเป็นกำลังใจให้กับคุณอุทยัพ เยอะแยะเลยนะครับ ผมว่าคุณน่ะเป็นวิสัยที่มีปัญญาอยู่แล้ว ช่างสงสัย ใฝ่หาความรู้เป็นทุนเดิม ดังนั้น อยากจะให้พยายามต่อไปนะครับ

    นี่กระทู้นี้เลย


    http://palungjit.org/threads/ขอคำแนะนำในการฝึกญาณ8.531834/
     
  17. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ท่าน อุทยัพ วันไหนปฎิบัติก็เยี่ยมเลย

    วันไหนไม่ปฎิบัติ ก็อ่านหนังสือสิ

    http://www.palungjit.org/smati/k40/arahan2.htm
     
  18. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112
    ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณมากๆนะครับสำหรับคำแนะนำดีๆที่มีให้ผมในกระทู้ที่ผมขอคำแนะนำ อ่านแล้วก็พอมีกำลังใจเพื่อปฎิบัติธรรมต่อไป ผมต้องขอบอกไว้ก่อนว่าตัวผมเองนั้นปราถนาที่เข้าถึงซึ่งพระนิพพานให้ได้ภายในชาตินี้นะครับ(ช่วงหลังๆมานี้กลายเป็นปราถนาแต่ปากแต่ไม่ปฎิบัติ แย่จริงๆเลยผมเนี่ย)ผมอยากจะปฎิบัติธรรมหรือขึ้นไปกราบพระแบบที่เคยทำมาเช่นกันครับ แต่ด้วยความที่ไม่มั่นใจในตัวเองเพราะไม่ไดขึ้นไปกราบท่านนานแล้ว กลัวว่าสิ่งที่เห็นนั้นจะเป็นอุปาทานไปเสีย อยากไปฝึกที่บ้านสายลมอีกเช่นกัน แต่ก็เกรงอีกว่าถ้าไปฝึกมาแล้วจะทรงกำลังใจไว้ไม่ได้แบบครั้งที่แล้วๆมา ตอนนี้ผมจึงค่อนข้างช่างใจอยู่เหมือนกันครับ เพราะช่วงนี้ภาระทางการศึกษาก็มากขึ้น สุดท้ายนผมต้องขอขอบคุณมากๆครับสำหรับคำแนะนำเรื่องขอบารมีพระชมภพภูมิทั้ง31แล้วพิจารณาเหตุและปัจจัยของแต่ละภพภูมิ ถ้ามีโอกาสได้ฝึกอีกครั้งผมจะลองทำตามคำแนะนำดูครับ
     
  19. softkid9

    softkid9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    926
    ค่าพลัง:
    +6,399
    แฟนพี่และพี่เป็นกำลังใจให้นะครับน้องกฤษณ์ อนุโมทนากับญาติธรรมพี่ๆน้องๆลูกหลานหลวงพ่อทุกท่าน ช่วงนี้ไปต่างจังหวัด ใช้สมาร์ทโฟนเลยได้แค่อ่าน พิมพ์ไม่ค่อยจะคล่องเลย ไม่เหมือนพิมพ์ในคอมฯ นี่เมื่อเดือนที่แล้วแฟนผมก็เพิ่งแท้งลูกไป หลังจากแท้งไปช่วงนี้ก็อยู่ไฟ อบสมุนไพร หลังจากแท้งสมาธิก็ไม่เหมือนเดิมนะครับ ขึ้นไปกราบพระข้างบนยังไม่ได้ ผมรู้สึกเลยเห็นถึงความไม่เที่ยง ไม่ทรงตัว น่าเบื่อหน่าย แหม!อยากจะไปอยู่บ้านใหม่ซะวันนี้พรุ่งนี้เลย ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่านครับ
     
  20. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    สาธุกับพี่เก่งและพี่ๆน้องๆทุกๆท่านด้วยนะคะ และขอแสดงความเสียใจกับพี่เก่งและแฟนพี่เก่งด้วยนะคะ ขอให้น้องไปสู่ภพภูมิที่ดีค่ะ


    สำหรับน้องกฤษณ์พี่ก็ขอเป็นกำลังใจให้มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติต่อไปนะจ๊ะ แรกๆก็อย่างนี้ล่ะ มันจะเกิดอาการไม่ชินและเกรงว่าจะเป็นอุปาทาน ซึ่งพี่ก็เป็นเหมือนกัน แต่พี่อาศัยการจับอานาปานสติกับภาพพระควบคู่กันไปเพื่อให้สมถะมีกำลังเพียงพอแล้วอาศัยการตัดกาย(ละสักกายทิฐิ)ไปกราบพระท่าน ซึ่งทั้งหมดก็อาศัยบารมีพระท่านโดยการกราบขอบารมีพระท่านจากภาพพระที่เราจับนี่แหละ แล้วตั้งใจไม่สนใจร่างกายแล้วก็ไปกับพระท่านไปยังสถานที่ๆเราต้องการเลย ซึ่งตรงนี้จะไม่ใช่การอาศัยสัญญา(การจดจำอารมณ์) เพราะเป็นสมถะและวิปัสสนาญาณแล้ว


    แต่ในครั้งแรกที่พี่แนะนำในส่วนของการใช้สัญญาก็เพราะว่า วิธีนี้พี่ก็เคยใช้ผ่านมาเหมือนกันจ่ะ แหะๆ ซึ่งวิธีที่ว่านี้พี่ใช้ของพี่แล้วไม่เคยบอกกับใคร เนื่องจากพี่เห็นว่ามันง่ายดี เพราะอาศัยการจำสภาวะแล้วเกิดความรักในสภาวะนั้น ซึ่งก็คือการรักอารมณ์พระนิพพาน แล้วก็อาศัยความรัก(ฉันทะ)ในอารมณ์นั้นแหละตัดกาย(สักกายทิฐิ)แล้วกราบขอบารมีพระไปยังพระนิพพานเลยนั่นเอง (วิธีนี้ถ้าจะว่าไปก็เหมือนสัญญา แต่ความจริงแล้วมันเป็นการใช้สัญญาขึ้นต้นแล้วทำให้เกิดกำลังของสมถะและวิปัสสนาญาณภายหลัง)


    ซึ่งวิธีการใช้สัญญา(ความจำ)นี้ พี่ได้มาจากหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ของหลวงพี่เล็ก สุธัมมปัญโญจ่ะ โดยท่านเล่าให้ฟังว่ามีพระที่ท่านได้พระอรหันต์โดยอาศัยวิธีเกาะอารมณ์พระนิพพานบ่อยๆนี่แหละ ซึ่งบางทีคนเราอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว การทำอารมณ์ใจเกาะพระนิพพานบ่อยๆ นั่นเท่ากับว่าเราได้ฝึกจิตของเราให้ทรงอยู่ในสภาวะที่ปราศจากกิเลสการปรุงแต่งบ่อยๆ อันเป็นอารมณ์ของพระอริยเจ้านั่นเอง ซึ่งการปฏิบัติแบบที่ว่านี้ จะเป็นเหตุให้กิเลสต่างๆนั้นหายไปจากใจของเราไปเรื่อยๆจนกระทั่งหมดในที่สุดนั่นเอง (ปล. สภาวะการปฏิบัติที่ว่านี้มีทั้งสมถะและวิปัสสนาในตัวเองอย่างครบถ้วนสมบูรณ์นะจ๊ะ และที่พี่พูดมาอันนี้มาจากการศึกษาคำสอนของท่านแล้วปฏิบัติ แล้วจึงนำมาบอกจากความเข้าใจจ่ะ - ซึ่งตรงนี้จะว่าไปแล้วก็คือการใช้สัญญาจดจำในอารมณ์พระนิพพาน แล้วสร้างสภาวะจิตเกาะพระนิพพานหรือจิตปราศจากกิเลส อันเป็นสมถะและวิปัสสนาญาณให้เกิดขึ้นจริงๆนั่นเอง)


    ซึ่งนอกเหนือจากวิธีการนี้ ความจริงแล้วยังมีอีกวิธีหนึ่งที่พี่ชอบมากก็คือ การจับภาพพระ(พุทธานุสติ) โดยทำอารมณ์จิตถือว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ทรงประทับอยู่ที่ใดนอกเหนือจากพระนิพพาน ดังนั้นการที่เราเห็นท่าน(พุทธานุสติ)ก็เท่ากับว่าเรานั้นอยู่ที่พระนิพพานด้วยนั่นเอง ซึ่งวิธีการนี้พี่ก็ได้มาจากหลวงพี่เล็กท่านเช่นเดียวกัน


    ดังนั้นจะถามว่าวิธีสองอย่างหลังใช้สัญญาหรือไม่ ความจริงต้องบอกว่าไม่ว่าจะปฏิบัติธรรมในแนวทางใด ก็ล้วนต้องอาศัยสัญญา(ความจำได้หมายรู้)ทั้งสิ้น เนื่องจากว่าเรายังเป็นมนุษย์จึงต้องอาศัยขันธ์ ๕ คือร่างกาย(สมอง)ในการจำธรรมนั้นแล้วนำมาปฏิบัติอยู่ ซึ่งจุดนี้พี่ก็ไม่กล้าบอกหรอก เพราะเกรงว่าจะมีคนคัดค้านมากกว่าว่าเป็นสัญญาไม่ใช่ตัวปัญญา ทั้งๆที่ความจริงแล้วทุกอย่างต้องมาจากสัญญาแล้วผ่านการปฏิบัติจนค่อยๆเริ่มเปลี่ยนเป็นตัวปัญญาและเข้าถึงความมีปัญญาอย่างถึงที่สุดซึ่งก็คือการเป็นพระอรหันต์(อธิปัญญา)กันทั้งนั้นอ่ะ


    แต่ที่พี่กล้าบอกเพราะพี่ถือว่าพี่ได้รับการคอนเฟิร์มประเด็นที่ว่านี้แล้วจากการไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พี่จึงรู้เลยว่าสิ่งที่พี่คิดนั้นไม่ผิดและทำได้(และตัวเองก็ทำมาแล้วด้วย) แล้วบังเอิญน้องกฤษณ์เกิดความไม่มั่นใจขึ้นมาพอดี พี่ก็เลยลองแชร์ดูเผื่อว่าจะชอบวิธีการปฏิบัติแบบที่ว่านี้(แต่ถ้าไม่ชอบก็ไม่ผิดนะจ๊ะ เพราะว่าคนเรานั้นจะมีความชอบความชำนาญมาไม่เหมือนกัน)


    สำหรับเรื่องของมารนั้น บอกตรงๆเลยว่ามารมีทั้งหมด ๕ อย่าง ซึ่งอันนี้ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง แล้วมารเค้าขัดขวางอะไรเราได้บ้างก็ลองไปอ่านหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ดูนะพี่ขอแนะนำเลย เพราะพี่เองอาศัยการได้ไปทำบุญและอ่านหนังสือของท่านมานี่แหละ จึงทำให้พอเอาตัวรอดจากมารมาได้พอสมควรเลย แต่สำหรับน้องกฤษณ์แล้ว พี่เข้าใจว่ามารที่น้องกฤษณ์กังวลน่าจะเป็นตัวกิเลสมาร ที่จะชักนำให้เราหลงผิด เกิดอุปาทานแล้วก็เพี้ยนไปในที่สุด ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ก็อยากจะขอแชร์ประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดให้น้องกฤษณ์ฟัง เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ (ขออนุญาตเป็นโพสต์ต่อไปนะ อันนี้ยาวมากแล้ว - -*)


    ปล. อ่านแล้วโปรดอย่าเข้าใจว่าพี่เก่งหรือรู้เรื่องพระนิพพานดีนะ เพราะสิ่งที่พี่รู้มาทั้งหมดได้มาจากการที่พระและท่านต่างๆสงเคราะห์ให้รู้ให้ทราบทั้งนั้นเลย และการที่พี่แชร์นี่ก็เพราะว่าคนเราไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ถ้ามีโอกาสได้ทำกุศลเราก็ควรรีบทำ และอีกอย่างหนึ่งก็คือการพิมพ์แบบนี้มันเหมือนเป็นการทบทวนและสอนตัวเองอีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากช่วงนี้จิตพี่มีแต่กิเลสรุมเร้า เฮ้อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...