ประสบการณ์โลกทิพย์ในการออกธุดงค์ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 10 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ป่าหลวงพระบาง

    พระอาจารย์มั่นจาริกธุดงค์ไปยังหลวงพระบาง รอนแรมบุกป่าฝ่าดงอันหนาแน่นไปด้วยต้นไม้และขวากหนามเส้นทางทุรกันดารยากลำบาก วกไปเวียนมา มองไปทางไหนมีแต่ป่าแต่เขาสูงใหญ่จนอ่อนล้าเพราะหลงทิศทาง เดินไปทั้งวันก็วกกลับมาที่เดิมไม่น่าเชื่อ

    สัตว์ตัวกระจ้อยร่อยประเภทดูดเลือด เช่น ฝูงทากก็มากมาย คอยรบกวนให้ได้รับความรำคาญอยู่ตลอดเวลา ตะวันยอแสงฉาบสีทองเอิบอาบขุนเขาสูงใหญ่เบื้องหน้าเป็นภาพสวยงามตระการตารวมกับสีมณีวิเศษอันมีสีต่าง ๆ ท่านรู้สึกชื่นชมกับธรรมชาติในยามใกล้สนธยาเบื้องหน้า จึงรีบรุดตรงไปยังเชิงเขาเพื่อจะยึดเอาเขาลูกนี้เป็นที่พักแรมคืน ภูมิภาพอันสวยงามเบื้องหน้า เงาหมู่ไม้อันทอดยาว แสงสะท้อนจากกลุ่มเมฆสีขาวสลับซับซ้อนเบื้องบนเป็นสีระยับวะวับวาว ทำให้หุบเขาแห่งนั้นกลายเป็นสีรุ้งดั่งว่าเนรมิตไว้ฉะนั้น?
    ท่านเห็นภูมิประเทศแห่งนี้งามประหลาด น่าชื่นชมก็หยุดรำพึงว่า ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จท่องเที่ยวธุดงค์ไปแต่ลำพังโดยเดียว ดุจพญาราชสีห์ตัวกล้าไม่เกรงกลัวซึ่งภัยอันตรายใด ๆ ทุกฤดูกาลเพื่อแสวงหาความจริงอันเป็นสัจจะแห่งความหลุดพ้น

    พระองค์ต้องต่อสู้กับกิเลสมารอันหนาแน่นต้องกระทำทุกกรกิริยา ซึ่งมนุษย์อื่นที่แกล้วกล้าสามารถก็พากันย่อท้อทำไม่ได้

    แต่พระพุทธองค์ก็ทำได้จนภายหลังเห็นแจ้งซึ่งสังสารทุกข์เสด็จออกจากทุกข์แล้ว ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    อันความเป็นไปของพระพุทธองค์ครั้งกระโน้น ได้เป็นเนติแบบฉบับให้บรรดาพระสาวกทั้งหลายทุกยุคทุกสมัยในกาลต่อมาได้ยึดเอาเป็นเยี่ยงอย่างเจริญรอยตามยุคลบาท

    กาลบัดนี้ อันตัวเราผู้เป็นศิษย์ตถาคตกำลังดำเนินเจริญตามรอยพระองค์มิได้ลดละซึ่งความเพียรอันอาจหาญแกล้วกล้า สักวันหนึ่งข้างหน้าถ้าเราไม่ลดละเสียซึ่งความเพียรแล้ว จะต้องค้นพบพระสัจจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงประกาศไว้เป็นแน่นอน เมื่อนึกรำพึงเช่นนี้พระอาจารย์มั่นก็รู้สึกมีกำลังใจชุ่มชื่นอาจหาญร่าเริงขึ้นมามากมาย ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าที่เดินหลงทางมาทั้งวันพลันก็เบาบางลง ค่ำวันนั้น ท่านได้หยุดปักกลดที่เชิงเขาในคูหาถ้ำอันกว้างขวางสะอาดสะอ้านคล้ายมีคนมาคอยปัดกวาดไว้เป็นประจำ ที่ใกล้ ๆ มีลำธารน้ำใสไหลเย็นไหลผ่าน หลังจากลงไปอาบน้ำในลำธารเป็นที่ชุ่มชื้นเย็นกายเย็นใจแล้ว ท่านก็กลับเข้ามาในถ้ำนั่งพักผ่อนอยู่พักหนึ่ง ต่อจากนั้นจึงได้นั่งสมาธิภาวนาด้วยบท “พุทธ - โธ” เป็นวัตรปกติเสมอมา แสงเดือนกระจ่างนวลใยสาดเข้ามาในถ้ำ กระแสลมที่พัดอยู่รวยรินทำให้สดชื่นเย็นสบายใจ บรรยากาศภูมิประเทศก็เงียบสงัดวิเวกเหมาะสำหรับำบเพ็ญสมณธรรมพิจารณาขันธ์ทั้ง 5 ด้วยประการทั้งปวง

    เวลาผ่านไปอย่างสม่ำเสมอจนตกดึก ท่านจึงถอนจิตจากสมาธิ เปลี่ยนมาเป็นเดินจงกรมที่บริเวณหน้าถ้ำท่ามกลางแสงเดือนกระจ่างสว่างพราวเหมือนกลางวัน
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ผจญเสือโคร่ง

    มีเสียงเสือกระหึ่มร้องดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เสียงร้องรับกันทางโน้นทีทางนี้ที แสดงว่ามีเสือหลายตัวออกหากินในยามราตรี เสียงร้องของมันทำให้ป่าวังเวงด้วยเสียงจักจั่นเรไร ที่ร้องระงมป่าเงียบเสียงไปหมดสิ้นดั่งต้องมนต์อาถรรพณ์ ท่านพระอาจารย์มั่นมิได้สนใจ ไม่ได้นึกเกรงกลัวแต่อย่างใด ถือว่าสัตว์ป่าออกหากินไปตามประสาของมัน

    ท่านคงเดินจงกรมไปตามปกติด้วยอิริยาบถสม่ำเสมอ มีมหาสติปัฏฐานเป็นหลักคอยควบคุมกายและใจอยู่ตลอดเวลาไม่วอกแวกเสียงเสือหลายตัวคำรามหลายตัวคำราม ใกล้เข้ามาทุกที แล้วในที่สุดเสียงกระหึ่มร้องนั้นก็เงียบหายไป ท่านเดินจงกรมกลับไปกลับมาอยู่พักใหญ่ รู้สึกเฉลียวใจว่ามีอะไรผิดปกติข้างทางเดินจงกรมจึงชำเลืองมองไป

    พลันก็ได้เห็นเสือโคร่งตัวใหญ่มาก ใหญ่จริงๆ เกือบเท่าม้าล่ำพีมีจำนวน 7 ตัวกำลังนั่งจ้องมองดูท่านอยู่อย่างเงียบๆ อาการนั่งของพวกมันคล้ายสุนัขตามบ้านนั่งดูเจ้าของไม่มีผิด ท่านรู้สึกสงสัยว่า มันมานั่งจ้องมองท่านอยู่เช่นนี้เพื่อต้องการอะไรหนอ ถ้ามันต้องการจะจับตะครุบท่านกินเป็นภักษาหารมันน่าจะทำลงไปแล้ว ไม่น่าจะพากันนั่งจ้องมองไม่กระดุกกระดิกเช่นนี้เลย ดูๆ ไปแล้วก็น่ารักน่าสงสาร พอท่านคิดเช่นนี้ พลันทันใดเสือโคร่งทั้ง 7 ตัว ก็ส่งเสียงคำรามร้องกระหึ่มขึ้นพร้อม ๆ กันดังสนั่นหวั่นไหวไปหมดจนแก้วหูอื้อ เมื่อได้ยินเสียงมันคำรามขึ้นพร้อม ๆ กันเช่นนั้น ท่านก็คิดในใจว่า ชะรอยพวกมันคงจะ
    พูดบอกว่าความในใจท่านอันเป็นภาษาของมันละกระมั้ง พอท่านคิดเช่นนั้น
    มันก็พากันร้องสนั่นขึ้นอีกจนสะเทือนไปทั้งป่า? เอ....มันต้องการอะไรของมันหนอ ถ้ามาหากันอย่างมีมิตรไมตรีก็ไม่ควรจะส่งเสียงร้องให้เป็นที่รำคาญหูเช่นนี้ ควรจะนิ่งสงบอย่างมีสัมมาคารวะ ท่านรำพึงในใจอย่างนี้จบลงก็เห็นว่าเสือทั้ง 7 ตัวพากันยอบตัวหมอบลงนิ่งเงียบไปทันทีอย่างแปลกประหลาด ท่านไม่ได้นึกกลัวมันแม้แต่น้อย คงเดินจงกรมผ่านหน้ามันไปมาเป็นปกติ มันก็ไม่ทำอะไร ได้แต่จ้องมองตามอิริยาบถเคลื่อนไหวของท่านอย่างเงียบๆ อยู่เป็นเวลานาน แล้วพวกมันก็พากันถอยห่างเดินหนีหายไปในป่า
     
  3. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เสือแม่ลูกอ่อน

    ท่านพระอาจารย์มั่นเดินจงกรมอยู่พอสมควรแล้ว ก็กลับมานั่งภาวนาสมาธิที่ลานกว้างหน้าปากถ้ำ เวลานั้นแสงเดือนยังนวลสว่างอยู่นั่งภาวนาสมาธิอยู่พักใหญ่จิตหยั่งลงรวมสงบลง พลันก็รู้สึกสัมผัสทางกายอันชวนให้น่าสงสัยพิกลอยู่ ทีแรกคิดว่าคงจะเกิดจากอุปาทาน

    ขณะพิจารณาอรรถธรรมในอารมณ์อุปจาระสมาธิมากกว่า แต่ก็รู้สึกๆว่าอาการสัมผัสนั้นรุนแรงยิ่งขึ้นทุกขณะจึงกำหนดจิตตรวจสอบดูก็รู่ว่าสัมผัสนั้นมาจากภายนอก จึงถอนจิตออกจากอุปจาระสมาธิลืมตาขึ้นดู ก็ได้เห็นลูกเสือตัวเล็ก ๆ น่ารักจำนวน 3 ตัว กำลังพากันมาเคล้าเคลียอยู่ที่ตักของท่านสูดๆ ดมๆ ตามร่างกายของท่านอย่างสนใจมีตัวหนึ่งซุกซนมากปีนขึ้นมานั่งบนตักท่านแล้วใช้ลิ้นเลียมือเลียแขนท่าน

    กิริยาอันซุกซนของมันน่ารักน่าเอ็นดูมากกว่าน่าเกลียด ท่านให้รู้สึกสงสัยว่า ลูกเสืออายุน้อยเหล่านี้มันพากันมาจากไหนหนอ พอท่านคิด

    สงสัยแค่นี้ ทันใดก็ได้ยินเสียงเสือใหญ่ตัวหนึ่งกระหึ่มร้องขึ้นข้าง ๆ จนสะเทือนไปทั้งถ้ำ จึงหันไปมองดูก็พบว่ามีเสือโคร่งตัวใหญ่เกือบเท่าม้ากำลังนั่งสองขาจ้องมองท่านอยู่

    ในระยะห่างประมาณสองวา ฝ่ายลูกเสือทั้ง 3 ตัวนั้น พอได้ยินเสียงร้องของเสือใหญ่ก็พากันผละจากตักท่านวิ่งเข้าไปหาเสือตัวนั้นแล้ว

    หมอบลงนิ่งสงบอยู่ข้าง ๆ แสดงอาการเกรงกลัวท่านก็รู้ได้ทันทีว่า เสือใหญ่ตัวนี้คือแม่ของมัน เป็นเสือแม่ลูกอ่อนที่พาลูกออกท่องเที่ยวหากินในยามราตรี พอรู้ว่าเป็นเสือแม่ลูกอ่อนพาลูกมาดู

    ท่านนั่งภาวนาสมาธิท่านแปลกใจเล็กน้อย แล้วก็ไม่ได้สนใจมันอีกต่อไป ไม่ได้คิดหวาดกลัว หากคิดไปในทางสงสารมากกว่าจะคิดในทางเป็นภัย โดยคิดว่า สัตว์กับเราก็มีความเกิดแก่เจ็บตายเท่ากันในชีวิตชาตินี้แต่เรายังดีกว่าสัตว์ตรงที่เรารู้จักบุญบาปดีชั่วอยู่บ้าง

    ถ้าไม่มีคุณธรรมเหล่านี้แฝงอยู่ในใจบ้างเราก็คงมีสภาพเท่ากันกับสัตว์ดี ๆ นี่เอง

    เพราะคำว่า “ สัตว์ ” เป็นคำที่มนุษย์ไปตั้งชื่อให้พวกเขาเองโดยที่เขามิได้รับทราบจากเราเลย ทั้งๆ ที่เราก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งคือสัตว์

    มนุษย์ที่ตั้งชื่อกันเอง ส่วนพวกเขาไม่ทราบว่าตั้งชื่อให้พวกเราอย่างไร หรือไม่หรือเขาอาจจะตั้งชื่อพวกเราว่า “ ยักษ์ ”ก็ไม่มีใครทราบได้เพราะสัตว์มนุษย์นี้ชอบรังแกและฆ่าพวกเขา

    แล้วนำเนื้อมาปรุงอาหารก็มี ฆ่าทิ้งเปล่าๆ ด้วยสันดานโหดร้าย เห็นเป็นของสนุกมือก็มี? จึงน่าเห็นใจสัตว์ที่ถูกพวกมนุษย์เราชอบรังแกเอารัดเอาเปรียบเขาเกินไป ไม่ได้คิดเสียเลยว่าสัตว์ก็มีหัวใจเหมือนกัน รู้จักคิด รู้จักรัก รู้จักเสียใจ รู้จักเจ็บปวด มีภาษาพูดรู้เรื่องกันในหมู่ของพวกมัน เพียงแต่มันพูดภาษามนุษย์ไม่ได้เท่านั้น

    มนุษย์ควรจะเอาใจตัวเองไปใส่ใจสัตว์บ้างว่า ถ้าเราเป็นสัตว์แล้วโดนมนุษย์ด้วยกันข่มเหงรังแกบ้างเราจะรู้สึกอย่างไร สัตว์มีสัญชาตญาณ

    ในการระวังภัย มันมักจะรู้ได้เสมอว่าที่ไหนมีภัย ที่ไหนไม่มีภัยสัตว์หลายชนิดชอบอยู่ใกล้พระ พระอยู่ที่ไหน สัตว์มักจะไปอยู่ด้วยสังเกตดูวัดวาอารามพวกสุนัขก็ชอบมาอาศัยอยู่แหล่งน้ำหนองบึง ลำห้วย และแม่น้ำที่อยู่ใกล้วัด ก็มักจะมีสัตว์น้ำ เช่น ปลามาอาศัยอยู่ใกล้ๆ วัดชุกชุมเป็นพิเศษ เพราะมันรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าพระคือผู้ทรงธรรม ธรรมะเป็นขอเย็นกายเย็นใจยังสัตว์โลกให้ปลอดภัยจากการเบียดเบียนกัน สัตว์จึงชอบอยู่ใกล้พระด้วยประการฉะนี้

    พระอาจารย์มั่นภาวนาสมาธิต่อไป

    ไม่เอาใจใส่เสือแม่ลูกอ่อนกับลูก ๆ ของมันเลย พอถอนจิตออกจากสมาธิในตอนรุ่งเช้า ก็ปรากฏว่า เสือแม่ลูกอ่อนและลูก ๆ ของมันยังคงหมอบสงบนิ่งมองดูท่านอยู่ไม่ได้หายไปไหน ท่านรู้สึกแปลก ที่มันไม่ยอมผละไปหากินมาหมอบเฝ้าดูท่านอยู่ใต้ทั้งคืน จึงแผ่เมตตาให้ด้วยจิตคิดสงสาร ขอให้มันและลูกจงมีความสวัสดีมีสุขในทางดำเนินไปตามวิถีชีวิต

    และขอให้มันพาลูก ๆ ไปหาอาหารใส่ปากใส่ท้องเสียเถิด เดี๋ยวลูกๆ จะหิวโหยไม่เป็นการพอท่านแผ่เมตตาให้ในใจแล้วเช่นนั้น เสือแม่ลูกอ่อนก็ส่งเสียงคำรามขึ้นเบา ๆ เหมือนจะรับรู้แล้วพาลุกเดินผละจากไป ต่อมาในตอนกลางคืน มันก็พาลูก ๆ มาเฝ้าดูท่านเดินจงกรมและภาวนาสมาธิอีกอย่างเอาใจใส่ เป็นอยู่เช่นนี้ถึงสามคืนซ้อน ๆ จนท่านแปลกใจมากที่เสือดุร้ายกินเนื้อสัตว์เป็นอาหารยังชีพมีความเชื่องเหมือนแมวตามบ้านอุตส่าห์มาอยู่ใกล้ๆ มนุษย์อย่างเอาใจใส่ผิดวิสัยเสือ ท่านเกรงว่าขึ้นอยู่ที่ถ้ำนี้ต่อไป จะทำให้ลูก ๆ ของมันลำบากเรื่องอาหารการกิน เพราะแม่ไม่เป็นอันออกหากินมาเง้าท่านอยู่ได้ทุกคืน ดังนั้นพอวันที่สี่ต่อมาท่านจึงจาริกธุดงค์ค์เดินทางไปที่อื่น
     
  4. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ป่าเปลี่ยวฆ่ากิเลส

    การอยู่ป่าเป็นวัตรธุดงค์นี้ท่านพระอาจารย์มั่น เห็นว่ามีคุณประโยชน์เอื้ออำนวยให้แก่การบำเพ็ญสมณธรรมอย่างวิเศษ เพราะป่าเป็นสถานสงัดวิเวก ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ล้วนแต่ภูมิภาพอันเย็นตาเย็นใจปลุกประสาทให้ตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ประมาทนอนใจนั่งอยู่ก็มีสติ ยืนอยู่ก็มีสติ เดินอยู่ก็มีสติ นอนอยู่ก็มีสติ กำหนดธรรมะทั้งหลายที่มีอยู่รอบตัว เว้นแต่เวลาหลับเท่านั้น ในอิริยาบถทั้งสี่เต็มไปด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจ ไม่มีพันธะใด ๆมาผูกพัน มองเห็นแต่ทางมุ่งหวังพ้นทุกข์ที่เตรียมพร้อมอยู่ภายในใจไม่มีวันจืดจางและอิ่มพอ จิตใจเตรียมพร้อมอยู่ทุกขณะที่จะโลดโดดทยานขึ้นจากหล่มลึกคือตัวกิเลส

    ความจริงกิเลสก็คงเป็นกิเลส ที่ฝังอยู่ในใจตามความมีอยู่ของมันนั่นแล แต่ใจมันมีความรู้สึกไปอีกแง่หนึ่ง เมื่อไปอยู่ในป่าอันสงัดวิเวกเช่นนั้น ความรู้สึกในบางครั้งเป็นเหมือนกิเลสตายลงไปวันละร้อยวันละพันยังเหลืออยู่บ้างก็ประปรายราวตัวสองตัวเท่านั้น? นี่เป็นเพราะอำนาจของสถานที่ภูมิประเทศในป่าเขาลำเนาไพรช่วยส่งเสริมทั้งความรู้สึกโดยปกติและเวลาบำเพ็ญเพียร เป็นเครื่องพยุงใจให้มีมานะอาจหาญร่าเริงในธรรมอยู่ตลอดเวลา การธุดงค์อยู่ในป่าเปลี่ยวที่ชุกชุมไปด้วยส่ำสัตว์ร้ายนานาชนิด ย่อมเป็นสถานที่อันเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้านทำให้พระธุดงค์ผู้ปราศจากเครื่องป้องกันตัวมีความรู้สึกตื่นตัวอยู่เสมอ จิตที่ตั้งความรู้สึกไว้กับตัวย่อมเป็นทางถอดถอนกิเลสไปทุกโอกาส เพราะกาย เวทนา จิต ธรรม หรือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ที่เรียกว่าสติปัฏฐานและสัจจธรรมอันเป็นจุดที่ระลึกรู้ของจิตแต่ละจุดนั้น ย่อมเป็นเกราะเครื่องป้องกันตัวเพื่อทำลายกิเลสแต่ละประเภทได้อย่างมั่นเหมาะ ซึ่งไม่มีที่อื่นใดจะยิ่งไปกว่า ฉะนั้นจิตที่ระลึกรู้อยู่กับสติปัฏฐานหรืออริยสัจเพราะความเปลี่ยวของป่าและความกลัวเป็นเหตุ จึงเป็นจิตที่มีหลักยึดเพื่อการรบชิงชัยกับกิเลสเอาตัวรอดโดยสุคโตตามทางอริยมรรคไม่มีผิดพลาด

    พระอาจารย์มั่นธุดงค์ท่องเที่ยวอยู่ในป่าเขาแดนประเทศลาวเป็นเวลานานพอสมควรก็ข้ามฟากกลับมาฝั่งไทย จาริกธุดงค์ค์ไปตามถิ่นอีสานที่มีภูเขาลำเนาไพรโดยเฉพาะ แล้วก็ข้ามไปทางฝั่งลาวอีก กลับไปกลับมาอยู่หลายตลบเป็นเวลาหลายปี แล้วท่านก็บ่ายหน้าลงมาอยู่ทางถิ่นลพบุรี พักบำเพ็ญธรรมกรรมฐานอยู่ที่ถ้ำไผ่ขวางบ้าง เขาพระงามบ้าง ถ้ำสิงห์โตบ้าง
     
  5. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เข้ากรุงมุ่งปริยัติ

    ต่อจากนั้นก็เข้าไปจำพรรษาอยู่ที่วัดสระปทุม กรุงเทพฯ แดนนักปราชญ์ราชบัณฑิต เพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในด้านปริยัติ และหมั่นไปนมัสการเพื่อนเก่าที่บารมีสูงได้ดิบได้ดีไปแล้ว คือ ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ วัดบรมนิวาส ยศเส เพื่อสดับธรรม ซึ่งท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ ก็มีเมตตาต่อท่านพระอาจารย์มั่นเป็นอย่างยิ่งในฐานะเพื่อนเก่าลูกบ้านเดียวกันเคยเล่นหัวกันมาก่อนสมัยเป็นฆราวาส ได้อบรมข้ออรรถธรรมให้พระอาจารย์มั่นผู้อ่อนอาวุโสกว่าอย่างถึงใจทุกแง่ทุกมุมที่อับจนสงสัยจนท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ กล่าวชมเชยว่าท่านมั่นนี้เฉลียวฉลาดมากเหลือเกินบอกอะไรก็จดจำได้แม่นยำไม่มีผิดพลาด ฟังข้ออรรถธรรมครั้งเดียวก็เข้าใจง่าย จดจำได้รวดเร็วไม่ต้องให้ครูอาจารย์ต้องอธิบายซ้ำสอง บางครั้งครูอาจารย์ถึงกับหมดภูมิเมื่อถูกท่านมั่นซักถามในข้อสงสัยอันลึกซึ้งเร้นลับบางประการ
     
  6. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ถ้ำสาริกา

    ท่านพระอาจารย์มั่นได้ธุดงค์ไปยังเขาใหญ่นครนายก เมื่อไปถึงบ้านกล้วย ใกล้ทิวเขาใหญ่กว่าหมู่บ้านอื่น ท่านได้ขอร้องให้ชาวบ้านพาไปส่งยังถ้ำสาริกาเพราะไม่เคยไปไม่รู้หนทาง ชาวบ้านได้ฟังดังนั้นก็พากันตกใจหน้าซีดไปตามๆ กัน ได้ขอร้องห้ามปรามท่านไว้ไม่ให้ไปอยู่ที่ถ้ำนี้ เพราะถ้ำนี้มี ผีหลวง รูปร่างใหญ่มีฤทธิ์มากเฝ้ารักษาอยู่ พระไม่ดีจริงๆ ไปอยู่ไม่ได้ ต้องมีอันเกิดเจ็บป่วยล้มตายมาแล้วหลายองค์ พระธุดงค์หลายองค์ที่ขึ้นไปอยู่ถ้ำนี้ไม่มีใครกับลงมาเลย พอชาวบ้านตามขึ้นไปดูก็พบแต่กองกระดูก ผีหลวงตนนี้ดุร้ายมาก ไม่มีสัมมาทิฏฐิ ทำร้ายไม่เลือกพระเลือกเจ้า ยิ่งพระธุดงค์องค์ใดอวดดี อ้างว่ามีวิชชาอาคมขลังเก่งๆ เคยปราบผีมาแล้วไม่กลัวผีละ ก็ผีหลวงตนนี้ยิ่งชอบลองดี พระองค์นั้นต้องมีอันเป็นไปเร็วกว่าทุกองค์ ชาวบ้านสงสารพระอาจารย์มั่นกลัวจะถูกผีหลวงหักคอตายเสีย ได้พากันรบเร้าอ้อนวอนต่าง ๆ นานาขอร้องไม่ให้ท่านขึ้นไปที่ถ้ำผีร้ายแห่งนี้ พระอาจารย์มั่นรู้สึกสงสัย และสนใจมากได้ซักถามชาวบ้านถึงเรื่องราวของถ้ำสาริกา ชาวบ้านเล่าให้ท่านฟังว่า

    เวลาพระหรือฆราวาสขึ้นไปพักแรมอยู่ในถ้ำสาริกา เพียงคืนแรกก็เจอดีแทบทุกราย เวลานอนหลับจะต้องมีอันต้องละเมอเพ้อพกไหลหลงไปต่าง ๆ จะเห็นผีมีรูปร่างดำใหญ่ทะมึนกล้าปานยักษ์ ปักหลั่นมาหาขู่ตะคอกคุกคาม จะเอาตัวไปบ้างจะฆ่าให้ตายบ้าง โดยประกาศว่าตัวเขาเป็นเจ้าผู้รักษาถ้ำนี้มานานแล้ว เป็นผู้มีอำนาจแต่ผู้เดียวในเขตแขวงนั้น ไม่ยอมให้ใครมาลุกล้ำกล้ำกรายได้ ใครขืนอวดดีกำแหงแข็งข้อ เป็นหน้าที่ของเขาจะต้องกำจัดปราบปรามให้เห็นฤทธิ์ทันที มีพระธุดงค์หลายองค์ไม่เชื่อคำห้ามปรามของชาวบ้านได้ขึ้นไปอยู่ถ้ำนี้ อยู่ได้คืนเดียวก็ต้องรีบลงมาด้วยท่าทางที่น่ากลัวตัวสั่นแทบไม่มีสติสตังอยู่กับตัว พูดพร่ำเพ้อแต่เรื่องถูกผีหลอกหลอนเล่นงานต่างๆ นานา แล้วก็รีบหนีไปด้วยความเกรงกลัวและเข็ดหลาบ ไม่คิดจะหวนกลับมายังถิ่นถ้ำสาลิกาอีกเลย ครั้งหลังสุดมีพระธุดงค์ 4 องค์มาที่หมู่บ้านนี้ ขอร้องให้ชาวบ้านพาขึ้นไปยังถ้ำ อ้างว่ามีวิชาอาคมขลังปราบภูตผีปิศาจร้ายๆ มามากต้องการจะมาเอาเหล็กไหลและพระศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำสาริกา ชาวบ้านได้ห้ามปรามไว้ไม่ให้ไปที่ถ้ำนี้ แต่พระทั้ง 4 องค์ไม่เชื่อฟังคำเตือน ชาวบ้านจึงจำใจพาไปส่งถึงถ้ำ

    ต่อมาไม่กี่วันก็ปรากฏเป็นที่เศร้าสลดใจว่าพระธุดงค์ทั้ง 4 องค์นี้มีอันเป็นไปถึงแก่มรณภาพหมดไม่เหลือรอดลงมาเลย? เมื่อชาวบ้านเล่าให้ฟังจบลงท่านพระอาจารย์มั่นก็ยังไม่หายสงสัย คือไม่อยากจะเชื่อ เพราะปกติชาวบ้านมักจะมีอุปาทานเรื่องผีเรื่องสางฝังใจ เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นผิดปกติมักจะถือสาเหตุว่า เป็นเรื่องของผีทำเอาแล้ว เล่ากันไปปากต่อปากต่อเสริมแต่ง ให้ผู้ฟังเกิดความเสียวสยองน่ากลัวในฤทธิ์เดชอำนาจ อันพิลึกกึกกือของผีคนนั้น ๆ

    ท่านจึงบอกชาวบ้านว่าอยากจะขึ้นไปทดลองดู จะเป็นจะตายอย่างไร ก็ขอให้ได้รู้ได้เห็นด้วยตนเองก็แล้วกัน ผีจะกล้าหักคอพระผู้ทรงศีลมุ่งบำเพ็ญสมณธรรมก็ให้รู้ไป เรายอมตาย เพื่อที่จะพิสูจน์ความจริงของถ้ำนี้ให้จงได้ ไม่ใช่ท้าทายอำนาจผี และก็ไม่ใช่ประมาท แต่หากอยากจะรู้ความจริงยิ่งกว่าคำเล่าลือบอกเล่าชาวบ้านเห็นท่านมีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวเช่นนั้น ก็จำใจพาท่านไปถึงถ้ำสาลิกาด้วยความเกรงใจ ไม่อยากขัดใจพระเพราะกลัวจะเป็นบาปด้วยความเป็นห่วงท่าน ชาวบ้านได้กำชับว่า ถ้าหากท่านเห็นท่าไม่ดีแล้วละก็ขอให้รีบลงมาจากถ้ำโดยเร็ว อย่าอยู่ค้างคืนเลย

    ท่านพระอาจารย์มั่นรู้สึกพึงพอใจในถ้ำนี้มากถ้ำสะอาดเรียบร้อยดุจมีคนคอยปัดกวาดเป็นประจำทุกวัน ทำเลเหมาะสมอยู่ในที่ลับกระแสลมเย็นพัดพาให้สบายกาย รอบๆถ้ำเงียบสงัดวิเวกวังเวงใจจะมีบ้าง ก็แต่เสียงสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ออกหากินตามประสาของพวกมันเท่านั้นเหมาะที่สุดสำหรับการบำเพ็ญเพียรภาวนาแสวงหาวิมุตติ
     
  7. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ทุกขเวทนา

    ระยะ 2 – 3 คืนแรก ที่ท่านพระอาจารย์มั่นพักบำเพ็ญเพียรอยู่ถ้ำนี้ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านรู้สึกปลอดโปร่งเย็นกายเย็นใจมีความสำราญอาจหาญร่าเริงในธรรมะ จะพิจารณาอะไรก็ลุล่วงแตกฉานไปด้วยธรรมปัญญาน่าพิศวง ทำให้ท่านพึงใจคิดที่จะอยู่ถ้ำนี้ต่อไปนานๆ

    แต่พอคืนที่ 4 ต่อมา เหตุผิดปกติก็ปรากฏขึ้นนั่นคือโรคเก่าของท่านได้กำเริบขึ้นมาเฉยๆ เป็นโรคเจ็บท้องเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ที่เคยเป็นมาประจำขันธ์เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหายเอาแน่ไม่ได้? ทั้งนี้เพราะสืบเนื่องมาจากการขบฉันอาหารไม่สม่ำเสมอ

    บางวันก็ได้ฉันอาหาร บางครั้ง 4 – 5 วันถึงได้ฉันก็มีอยู่บ่อยๆ ทำให้กระเพาะอาหารพิการไปตามเรื่องตามราวของมัน อาการเจ็บปวดเสียด

    แสยงท้องไส้ครั้งนี้ ไม่เหมือนทุกครั้งพอเริ่มเจ็บก็ทวีอาการกำเริบเสิบสานขึ้นอย่างรุนแรง จนถึงขั้นขับถ่ายออกมาอย่างนั้น ได้รับทุกขเวทนาเป็นที่สุดเรี่ยวแรงกำลังวังชาก็อ่อนล้าแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหวอาการเจ็บปวดคราวนี้หนักจริง ๆ ทำให้พระอาจารย์มั่นเฉลียวใจคิดวิตกถึงคำตักเตือนของชาวบ้านที่ว่า มีพระธุดงค์ขึ้นมาตายในถ้ำนี้หลายองค์

    เราอาจจะเป็นองค์ต่อไปที่มาตายในถ้ำนี้ละกระมัง โยมชาวบ้านขึ้นไปถ้ำเพื่อดูว่า พระอาจารย์มั่นยังอยู่เป็นปกติดีล่ะหรือ เมื่อพบว่าท่านกำลังป่วยไข้หนักก็พากันวิตกเป็นอันมาก แสดงความหวาดกลัวอิทธิฤทธิ์ผีหลวงเฝ้าถ้ำ เข้าใจไปว่าที่พระอาจารย์มั่นเจ็บป่วยในครั้งนี้จะต้องเป็นเพราะการกระทำของผีร้ายแน่นอน จึงรีบนิมนต์ท่านให้ลงไปจากถ้ำเสียโดยเร็ว ถ้าเดินไม่ไหวพวกเขาก็จะช่วยกันหามไปเอง เพื่อพาไปรักษาตัวในหมู่บ้าน

    แต่ท่านพระอาจารย์มั่นไม่ตกลงด้วย ยืนยันจะอยู่ที่ถ้ำนี้ต่อไปได้ขอร้องโยมชาวบ้านเหล่านั้นให้พาท่านเข้าไปในป่าหาเก็บสมุนไพรประเภทรากไม้ แก่นไม้เอามาต้มฉันบ้าง ฝนใส่น้ำฉันบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรอาการมีแต่ทวีกำเริบทุกเวลานาที กำลังกายก็อ่อนเพลียลดน้อยถอยลงกำลังใจก็ปรากฏว่าลดลงผิดปกติ
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ยาอมตะ

    ท่านจึงหยุดฉันยาและพิจารณาด้วยปัญญา ก็พอจะรู้ว่าอาการของโรคกำเริบนี้ รักษาด้วยยาไม่หายแน่ เพราะฉันยาเข้าไปอาการมีแต่กำเริบรุนแรงเข้าทุกที จำจะต้องหยุดฉันยาเสียแล้วรักษาด้วย ยาอมตะ นั่นคือ ธรรมโอสถ ถ้ารักษาด้วยยาธรรมโอสถไม่หายจะตายก็ให้มันตายไป ไม่อาลัยเสียดายแก่ชีวิต

    เราได้บำเพ็ญเพียรทางใจมาพอสมควรจนเห็นผลและแน่ใจต่อทางดำเนินเพื่อมรรคผลนิพพานมาเป็นลำดับ ทำไมจะขี้ขลาดอ่อนแอในเวลาเกิดทุกขเวทนาเพียงเท่านี้ ก็เพียงทุกข์เกิดขึ้นเพราะโรคเป็นสาเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านี้ เรายังสู้ไม่ไหวกลายเป็นผู้อ่อนแอกลายเป็นผู้แพ้อย่างยับเยินเสียแต่บัดนี้แล้ว เมื่อถึงคราวจวนตัวเวลาขันธ์จะแตกธาตุจะสลาย ทุกข์ยิ่งจะโหมกันมาทับธาตุขันธ์และ
    จิตใจจนไม่มีที่ปลงวาง แล้วเราจะเอากำลังจากที่ไหนมาต่อสู้ เพื่อเอาตัวรอดไปได้โดยสุคโตไม่เสียท่าเสียทีในสงครามล้างอาสวะกิเลสเล่า พระอาจารย์มั่นรำพึงกับตนเอง?

    เมื่อพระอาจารย์มั่นทำความเข้าใจกับตนเองด้วยเหตุผลปัญญาแล้วเช่นนี้ ก็หยุดฉันยาในเวลานั้นทันที และเริ่มทำสมาธิภาวนาเพื่อใช้อำนาจสมาธิจิตโอสถรักษาความเจ็บป่วยอันทุกข์ทรมานและเป็นกำบำบัดบรรเทาจิตที่อ่อนแอลง
    เพราะธาตุขันธ์เป็นเหตุ ท่านเริ่มปล่อยวางไม่อาลัยเสียดายในชีวิตร่างกายอันเป็นธาตุขันธ์สมมติตัวตน ปล่อยให้เป็นไปตามคติธรรมดา สังขารเป็นของไม่เที่ยงเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีใครเลี่ยงพ้น

    ในขณะเดียวกันก็ดำเนินสติปัญญาหยั่งลงในทุกขเวทนา แยกแยะส่วนต่างๆ ของธาตุขันธ์ออกพิจารณาด้วยปัญญาอันแหลมคมใคร่ครวญไม่ลดละ ไม่สนใจคำนึงต่ออาการของโรคที่กำลังกำเริบเจ็บปวด ยกทั้งส่วนรูปกาย ทั้งส่วนเวทนา คือทุกข์ภายใน ทั้งส่วนสัญญาที่หมายกายส่วนต่าง ๆ ว่าเป็นทุกข์ ทั้งส่วนสังขารตัวปรุงแต่งว่า ส่วนนี้เป็นทุกข์ส่วนนั้นเป็นทุกข์ ขึ้นสู่เป้าหมายแห่งการวิปัสสนา

    ท่านทำการพิจารณาขุดค้นคลี่คลายด้วยสติปัญญาอย่างไม่หยุดยั้งตั้งแต่พลบค่ำจนถึงเที่ยงคืน ในที่สุดก็ลงเอยกันได้ จิตมีกำลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถคลี่คลายธาตุขันธ์จนรู้แจ่มแจ้งแทงตลอดหมดสงสัยถึงทุกขเวทนาที่กำลังกำเริบจากโรคในท้องพลันโรคก็ระงับลงอย่างสนิท จิตรวมลงสู่ความสงบอันเยือกเย็น
    โรคก็ดับทุกข์ก็ดับ ความฟุ้งซ่านของใจก็ดับ พอจิตรวมสงบลงถึงที่แล้ว (จตุตถฌาน) ก็ถอนจิตออกมาอยู่ที่ขั้นอุปจารสมาธิ
     
  9. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ผีหลวงอิทธิฤทธิ์

    เมื่อถอนจิตออกมาทรงตัวอยู่ในระดับอุปจารสมาธิหรืออุปจารฌานแล้ว พลันจิตก็สว่างออกไปนอกกายอันเป็นพลังทิพยจักษุ ปรากฏเห็นบุรุษผู้หนึ่ง มีร่างใหญ่ดำมะเมื่อมสูงมากประมาณสัก 10 เมตร ถือตะบองเหล็กใหญ่เท่าเขา ยาวราว 2 วาเดินตรงเข้ามาหา พูดกับท่านอย่างดุดันว่า จะทุบตีท่านให้จมลงไปในดิน ถ้าไม่หนีจะฆ่าให้ตายเดี๋ยวนี้ ตะบอลเหล็กที่เราถืออยู่นี้ ตีช้างสารตัวใหญ่ทีเดียวก็ตายจมดินจมมิดไม่ต้องตีซ้ำอีกเลย?พระอาจารย์มั่นกำหนดจิตถามผีร่างยักษ์ผู้ดุร้ายนั้นว่า

    " จะมาฆ่าตีอาตมาด้วยเรื่องอะไร " ผียักษ์ตอบว่า " เราเป็นเจ้าเป็นใหญ่รักษาภูเขาลูกนี้มานานแล้ว ไม่ยอมให้ใครมาครองอำนาจเหนือเราได้ ใครบังอาจมาต้องกำจัดทันที "

    พระอาจารย์มั่นตอบว่า " อาตมามิได้มาครองอำนาจบนหัวใจใคร การมาที่นี่ก็เพื่อบำเพ็ญศีลธรรมอันดีงามเพื่อครองอำนาจเหนือกิเลสบาปธรรมบนหัวใจตนเท่านั้น จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่ท่านจะมาเบียดเบียนและทำร้ายคนเช่นอาตมา ซึ่งเป็นนักบวชทรงศีลเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า ผู้มีใจบริสุทธิ์ มีอำนาจในทางเมตตาครอบ ไตรโลกธาตุ ถ้าท่านมีอำนาจเก่งจริงดังที่อวดอ้างแล้ว ท่านมีอำนาจเหนือกรรมและเหนือธรรม อันเป็นกฎใหญ่ปกครองมวลสัตว์ในไตรภพด้วยหรือเปล่า"ผีร้ายตัวใหญ่ตอบว่า " เปล่า " พระอาจารย์มั่นเห็นได้ทีจึงเทศน์ยกใหญ่ต่อไปว่า " พระพุทธเจ้าท่านเก่งกล้าสามารถปราบกิเลสตัวที่คอยอวดอำนาจว่าตัวดีตัวเก่งอยู่ภายในใจของมวลสัตว์ได้ที่ท่านคุยอวดอ้างว่าเก่งนั้นท่านได้คิดที่จะปราบกิเลสตัวอวดดีอวดเก่งในใจท่านให้หมดสิ้นไปบ้างแล้วหรือยัง "ผีร่างยักษ์ใหญ่ตอบเสียงอ่อยๆ ว่า "ยังเลย เรายังทำไม่ได้ " พระอาจารย์มั่นจึงสำทับไปว่า

    " ถ้ายัง...ก็แปลว่าท่านใช้อำนาจบาทใหญ่ไปในทางที่ทำตนให้เป็นคนมืดหน้าป่าเถื่อนต่างหาก นับว่าเป็นบาปและเสวยกรรมหนักท่านน่าสงสารมากที่ไม่มีอำนาจปราบความชั่วของตัวเองได้ แถมยังอวดฤทธิ์เดชแต่จะทำลายผู้อื่นท่าเดียว การกระทำของท่านเป็นการก่อไฟเผาตัวเอง จัดว่ากำลังสร้างกรรมหนัก

    มิหนำซ้ำยังจะมาฆ่าตีสมณะผู้ทรงศีลธรรมอันเป็นหัวใจของโลก ถ้าไม่จัดว่าท่านทำกรรมอันเป็นบาปหยาบช้ายิ่งกว่าคนทั้งหลายแล้วจะจัดว่าท่านทำความดีน่าชมเชยที่ตรงไหน อาตมาเป็นผู้ทรงศีลทรงธรรม มุ่งมาที่นี่เพื่อทำประโยชน์แก่คนและแก่โลกโดยการประพฤติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจท่านยังจะมาทุบตีสังหาร โดยมิได้คิดคำนึงถึงบาปกรรม ที่จะฉุดลากท่านลงนรกเสวยกรรมอัน
    เป็นมหันตทุกข์เลย อาตมารู้สึกสงสารท่าน ยิ่งกว่าจะอาลัยในชีวิตของตัว เพราะท่านหลงอำนาจของตัวจนถึงกับจะเผาตัวเองทั้งเป็นอยู่ขณะนี้แล้วอำนาจอันใดบ้างที่ท่านว่ามีอยู่ในตัวท่าน อำนาจอันนั้นจะสามารถต้านทานบาปกรรมอันหนัก ที่ท่านกำลังจะก่อขึ้นเผาผลาญตัวเองอยู่เวลานี้ได้หรือไม่ท่านว่า? ท่านเป็นผู้มีอำนาจอันใหญ่หลวงปกครองอยู่เขตเหล่านี้ แต่อำนาจนั้นมีฤทธิ์เดชเหนือกรรมและเหนือธรรมได้ไหม ถ้าท่านมีอำนาจและมีฤทธิ์เหนือกรรมเหนือธรรมแล้ว อาตมายินดีให้ท่านทุบตีให้ถึงตายได้ อาตมาไม่ได้กลัวตายเลย แม้ท่านไม่ฆ่าอาตมาก็ยังจักต้องตายอยู่โดยดีเมื่อกาลของมันมาถึงแล้วเพราะโลกนี้เป็นที่อยู่ของมวลสัตว์ผู้เกิดแล้วต้องตายทั่วหน้ากัน แม้แต่ตัวท่านเองที่กำลังอวดตัวว่าเก่งมีอำนาจจนกลายเป็นผู้มืดบอดอยู่ขณะนี้ แต่ท่านก็มิได้เก่งไปกว่าความตายและกฎแห่งกรรมที่ครอบงำสัตว์โลกไปได้เลย "
     
  10. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    เทวดาผู้อ่อนน้อม

    ผีหลวงร่างยักษ์ใหญ่ได้ฟังคำเทศนาอันเผ็ดร้อนของพระอาจารย์มั่นโดยทางสมาธิจิตคือพูดทางจิตก็ให้มีอาการตะลึงตัวแข็งแบกตะบองเหล็กค้างเติ่งไม่กล้ากระดุกกระดิก แสดงอาการทั้งอับอายและเกรงกลัวพระอาจารย์มั่นอย่างถึงขนาดคล้ายไม่หายใจเอาทีเดียว ครั้นแล้วอย่างช้า ๆ งก ๆ เงิ่น ๆ เขาก็ทิ้งตะบอลเหล็กอันใหญ่โตลงกับพื้น แล้วเนรมิตร่างในพริบตากลับกลายเป็นร่างมานพ
    หนุ่มรูปงามและนิ่มนวลด้วยมารยาทอัธยาศัย คุกเข่าลงคลานเข้ามากราบนมัสการพระอาจารย์มั่น แล้วกล่าวคำขอโทษอย่างบุคคลผู้เห็นโทษสำนึกในบาปกรรม ที่แสดงกิริยาหยาบคายชั่วช้าสามานย์ล่วงเกินท่าน และได้สารภาพว่า

    " กระผมรู้สึกแปลกใจและสะดุ้งกลัวท่านพระอาจารย์มั่นตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว เพราะมองเห็นรัศมีแสงสว่างที่แปลกและอัศจรรย์มากไม่เคยพบเห็นมาก่อนพวยพุ่งออกมาจากร่างพระอาจารย์ รัศมีสว่างของพระอาจารย์กระทบเข้ากับตัวกระผม ทำให้กระผมอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด ใจสั่นริก ๆ เหมือนหัวใจจะวายวางเสียให้ได้ แต่ด้วยทิฏฐิมานะถือดีทำให้กระผมฝืนใจแสดงกิริยาดุร้ายคำรามขู่จะฆ่าตีพระอาจารย์ออกไปอย่างนั้นเอง แต่ใจจริงแล้วไม่ได้คิดจะทุบตีแต่อย่างใดเลย เป็นเพียงกิริยาหยาบช้าที่แสดงออกมาตามความรู้สึกที่เคยฝังใจอยู่ใน
    สันดานมานานว่าตัวเองเป็นผู้มีอำนาจในหมู่ “ อมนุษย์ ” ด้วยกัน มีอำนาจในหมุ่มนุษย์ที่ไม่มีศีลธรรม ชอบรับบาปหาบความชั่วประจำนิสัยต่างหาก อำนาจอันชั่วร้ายนี้จะทำอะไรให้ใครได้รับความวิบัติบรรลัยเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ โดยปราศจากความต้านทานขัดขวางทิฏฐิมานะอันนี้แลทำให้วางตัวเป็นผู้มีอำนาจบาทใหญ่ แสดงความหยาบคายดุร้ายออกมาให้พระอาจารย์เห็นพอไม่ให้ตัวกระผมเองเสียลวดลาย ทั้งๆ ที่เกรงกลัวพระอาจารย์เหลือประมาณ ความจริงกระผมเป็นเทวดาแต่เป็นเทวดาผู้เต็มไปด้วยมิจฉาทิฏฐิเห็นผิดเป็นชอบ มีแต่ความชั่วร้ายจนชาวบ้านเขาตราหน้าว่าเป็นภูตผีปิศาจร้าย เห็นแก่เครื่องอามิสเซ่นสรวงบูชา เต็มไปด้วยความโลภ ความโกรธความหลง ไม่วางตัวให้สมภูมิเทวดาเอาเสียเลย กรรมอันไม่งามใดๆ ที่กระผมแสดงต่อพระอาจารย์ในครั้งนี้ขอจงได้เมตตาอโหสิกรรมแก่กรรมนั้นๆ ให้กระผมด้วย อย่าต้องให้รับบาปหาบทุกข์ต่อไปอีกเลย เท่าที่เป็นอยู่เวลานี้ก็มีทุกข์อย่างพอเพียงอยู่แล้ว ยิ่งจะเพิ่มทุกข์ให้ตัวเองมากกว่านี้ ก็คงเหลือกำลังที่จะทนต่อไปได้ไหว"

    ท่านพระอาจารย์มั่นได้ถามว่า " ท่านเป็นผู้ใหญ่มีอำนาจวาสนามาก กายก็เป็นทิพย์ ไม่ต้องหอบหิ้วเดินเหินไปมาให้ลำบากเหมือนมนุษย์ การเป็นอยู่หลับนอนก็ไม่เป็นภาระเหมือนมนุษย์โลกที่เป็นอยู่กัน แล้วทำไมจึงบ่นว่ายังทุกข์อยู่อีก "?

    มานพหนุ่มพนมมือตอบว่า

    " ถ้าพูดกันอย่างผิวเผินและเปรียบเทียบกับกายมนุษย์ที่หยาบๆ พวกกายทิพย์อาจมีความสุขมากกว่าพวกมนุษย์จริง เพราะเป็นภูมิที่ละเอียดกว่ากัน แต่ถ้ากล่าวตามชั้นภูมิแล้วกายทิพย์ก็ย่อมมีความทุกข์ไปตามวิสัยของภูมินั้นๆ เหมือนกัน กระผมเป็นรุกขเทวดาชั้นหัวหน้าเป็นเจ้าเป็นใหญ่อยู่ในภูเขาและสถานที่ต่างๆ มีอาณาเขตบริเวณกว้างขวางมาก ติดต่อกันหลายจังหวัด มีบริวารมากมายที่อาศัยอยู่ในภูเขาอันเป็นที่สงัดเงียบวิเวกห่างไกลจากผู้คนพลุกพล่านมิได้เป็นบุรุษลึกลับมีร่างกายดำสูงใหญ่ดังที่แสดงภาพกายหยาบต่อท่านเมื่อสักครู่นี้หรอกขอรับ นั่นเป็นแต่เพียงกายสมมติที่กระผมบิดเบือนเนรมิตขึ้นเพื่อแสดงการข่มขวัญท่านพระอาจารย์เท่านั้นเอง ขอท่านพระอาจารย์จงโปรดเมตตาให้อโหสิกรรมด้วยเถิด กระผมมีความเลื่อมใสเคารพในพระธรรมเป็นอย่างยิ่งและใคร่ขอปฏิญาณตนถึงพระไตรสรณคมณ์ยึดพระอาจารย์เป็นสรณะและเป็นองค์พยานด้วย และใคร่ขอนิมนต์ให้ท่านพักอยู่ที่นี่นานๆ กระผมไม่อยากจะให้ท่านจากไปอยู่ที่อื่นเลยตลอดอายุขัยของท่าน กระผมจะคอยให้อารักขาท่านเป็นอย่างดีทุกอิริยาบถจะไม่ให้มีอะไรมารังแกเบียดเบียนได้เป็นอันขาด"

    ท่านพระอาจารย์มั่นสนทนาธรรมกับหัวหน้ารุกขเทวดาองค์นี้อยู่จนถึงตี 4 เขาจึงได้นมัสการลาจากไป เมื่อท่านถอนจิตออกจากสมาธิ เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถเป็นเดินจงกรมก็ปรากฏว่า อาการของโรคปวดท้องรุนแรงทุกขเวทนา ได้หายไปหมดอย่างสิ้นเชิง เป็นอันว่าโรคประจำกายได้หายไปอย่างเด็ดขาดด้วยธรรมโอสถทางภาวนาล้วนๆ ไม่ต้องอาศัยยาสมุนไพรรักษาอีกต่อไป จึงเป็นสิ่งอัศจรรย์น่าคิดยิ่งนัก เป็นความอัศจรรย์ของอานุภาพแห่งธรรมะโดยแท้อย่างมิได้สงสัย ธรรมะยังได้ทำให้เทวดาผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิหายพยศและเกิดความเลื่อมใสอีกด้วย

    ในตอนเช้าต่อมา ก็สามารถฉันอาหารได้เป็นปกติ ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกายอีกต่อไป

    โอหนอ...ธรรมะที่พุทธเจ้าทรงพระเมตตาประทานไว้แก่หมู่ชน ช่างเป็นธรรมะที่สุขุมลุ่มลึกนี่กระไร ยากที่จะมีผู้สามารถปฏิบัติและไตร่ตรองให้เห็นจริงตามได้ พระอาจารย์มั่นเกิดความภูมิใจและอัศจรรย์ในตัวท่านเองที่มีวาสนาได้ปฏิบัติและรู้เห็นความอัศจรรย์จากธรรมะ แม้จะยังไม่สมบูรณ์เต็มภูมิที่ใฝ่ฝันมานานก็ตาม แต่ก็ยังจัดว่าอยู่ในขั้นพอกินพอใช้ ไม่ขัดสนจนมุมในความสุขที่เป็นอยู่และที่จะเป็นไปซึ่งตัวเองก็แน่ใจว่า จะถึงแดนแห่งความสมหวังในวันหนึ่งข้างหน้าแน่นอน ถ้าไม่ตายเสียในระยะกาลที่ควรจะเป็นนี้ ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า การบำเพ็ญภาวนาต่อสู้กับทุกขเวทนาในคืนนี้ ยังได้ก่อให้เกิดความรู้แปลกๆ ที่ไม่เคยรู้มาก่อนปรากฏขึ้นมากมายทั้งประเภทถอดถอนกิเลสอาสวะ และความรู้พิเศษด้วยอภิญญาจิตตามวิสัยวาสนาบารมี
     
  11. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    ลิงเพื่อนในป่า

    บ่ายวันหนึ่ง พระอาจารย์มั่นออกจากสมาธิไปนั่งตากอากาศอันรื่นรมย์ห่างจากหน้าถ้ำพอประมาณ ขณะกำลังเสวยสุขเพลินอยู่กับการพิจารณาธรรมทั้ง ฝ่ายมรรคคือทางดำเนิน และ ฝ่ายผลคือความสมหวัง เป็นลำดับ จนถึงความดับสนิทแห่งกองทุกข์ภายในใจไม่มีเหลือพอดีมีฝูงลิงใหญ่พากันเที่ยวหากินมาบริเวณหน้าถ้ำ โดยมีหัวหน้ามาก่อนเพื่อน ปล่อยระยะห่างจากฝูงประมาณ 1 เส้น

    พอหัวหน้าจ่าฝูงลิงมาถึงบริเวณหน้าถ้ำ ก็มองเห็นพระอาจารย์มั่นนั่งอยู่นิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหวลิงตัวนั้นหยุดชะงักจ้องมองด้วยความสงสัยมันค่อยๆ ด้อมๆ มองๆ วิ่งถอยไปถอยมาอยู่บนต้นไม้พิจารณาดูท่านคล้ายจะพูดว่า นั่นมันตัวอะไรกันแน่

    ท่านจึงชำเลืองมองกำหนดวาระจิตดูจิตของลิงจ่าฝูงตัวนี้ก็เข้าใจมันเป็นห่วงเพื่อนฝูงมากกลัวจะเป็นอันตราย ท่านรู้สึกสงสารมันมาก จึงแผ่เมตตาส่งกระแสจิตไปยังมันว่า เรามาบำเพ็ญธรรม มิได้มาเบียดเบียนมุ่งทำร้ายใคร อย่าได้กลัวเราไปเลย จงพากันหาอยู่กินตามสบายเถิด ลิงจ่าฝูงรีบวิ่งกลับไปหาพรรคพวกบริวารที่กำลังดาหน้ามาเป็นฝูง

    พระอาจารย์มั่นเล่าว่าตอนนี้น่าหัวเราะและน่าสงสารมากเพราะลิงมันพูดกัน ภาษาของลิงคนเราปุถุชนฟังไม่รู้เรื่อง แต่ลิงก็มีภาษาของมันเหมือนกัน ซึ่งท่านสามารถฟังเข้าใจรู้เรื่องโดยตลอดด้วยธรรมปัญญา พอลิงตัวจ่าฝูงวิ่งไปถึงพรรคพวกมันรีบร้องบอกกันอย่างตื่นเต้นว่า

    “โก้ก”กระแสเสียงของมันเป็นระดับความถี่สูงซึ่งแปลออกมาเป็นภาษามนุษย์แล้วก็ได้ใจความเต็มประโยคว่า

    “โก้ก...เฮ้ยอย่าด่วนเข้าไปที่นั่น...มีอะไรอยู่ที่นั่นเว้ย โก้ก...ระวัง”

    พรรคพวกบริวารของมันได้ยินได้ฟังเช่นนั้นก็ตื่นเต้นกันใหญ่ ร้องถามกันเซ็งแซ่ว่า

    “โก้ก..อยู่ที่ไหน” หัวหน้าลิงก็ตอบว่า“โก้ก..อยู่ที่นั่น นั่งอยู่นั่งไง เห็นไหม”

    ตอบแล้วก็หันมามองทางท่าน แล้วมันก็กำชับว่า

    “โก้กๆๆ...พวกเราอย่าพากันไปเร็วนักค่อยๆ ไป ดูเสียก่อนให้แน่ใจว่านั่นมันเป็นตัวอะไร”

    เมื่อหัวหน้าสั่งเช่นนั้นฝูงลิงก็ค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ส่วนตัวหัวหน้าฝูงรีบวิ่งขึ้นไปสังเกตดูท่านอยู่บนยอดไม้ใกล้ๆ กิริยาอาการของมันมีทั้งกลัวท่านและสงสัยเป็นล้นพ้นขณะเดียวกันก็เป็นห่วงเพื่อนฝูงจะได้รับอันตรายด้วย ท่านพระอาจารย์มั่นขันก็ขัน สงสารก็สงสาร ท่านได้ใช้วาระจิตกำหนดดูใจมันทุกระยะซึ่งเป็นเรื่องลึกลับสำหรับมนุษย์ธรรมดาจะรู้ได้

    แต่ท่านอาจารย์มั่นมีเจโตปริยญาณจึงสามารถรู้คำพูด และรู้ความรู้สึกนึกคิดของมันทุกขณะจิต มันกระโดดขึ้นกระโดดลงตามกิ่งไม้ตามนิสัยหลุกหลิกของลิงอยู่วุ่นวาย มันสังเกตสังกาดูท่านซ้ำๆ ซากๆ อยู่พักใหญ่จนแน่ใจว่าท่าไม่เป็นอันตรายต่อพวกมันมันจึงรีบลงจากต้นไม้วิ่งไปบอกสมัครพรรคพวกว่า “โก้กๆๆ...ไปได้แล้วเว้ย โก้ก...ไม่มีอันตรายแล้ว เขาไม่ทำอะไรเราหรอกพากันหากินได้ตามสบายไม่ต้องกลัว”

    ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่าถ้าไม่รู้คำที่มันพูดจะเห็นว่า เป็นเพียงเสียงที่เปล่งออกมาสั้น ๆ ธรรมดา เช่นเดียวกับเราได้ยินเสียงนกเสียงกา

    แต่ความจริงนั้น ลิงมันเปล่งเสียงออกมาชัดถ้อยชัดคำทุกประโยคเหมือนคนเราพูดจากันดีๆ นี่เอง เสียงพูดของมันที่เปล่งออกมาแต่ละครั้งนั้นมีช่วงความถี่สูงมาก ในความถี่นี้ได้บรรจุถ้อยคำไว้เต็มประโยคฟังรู้เรื่องกันเป็นอย่างดี ฝูงลิงเหล่านั้นเมื่อหัวหน้าบอกกล่าวจนแน่ใจว่าไม่มีอันตรายแน่แล้ว มันก็พากันเคลื่อนไหวด้อม ๆ มอง ๆ เข้ามารุมดูท่านเต็มไปหมด แต่อยู่ในระยะต่าง ๆ พลางก็ส่งภาษาโก้กเก้กบอกกล่าวกันให้แซ่ดแซ่ไปหมดทั้งป่าอยู่พักใหญ่ จนแน่ใจว่าไม่มีอันตรายแน่แล้วจึงพากันแยกย้ายออกเก็บผลไม้แถวนั้นกินเป็นที่ร่าเริงสนุกสนานตามประสาของพวกมัน ไม่เอาใจใส่ต่อท่านอีกต่อไป

    นอกจากฝูงลิงแล้วก็ปรากฏว่ามีสัตว์อื่น ๆ เช่นเสือ หมี งู นก เก้ง กวาง เป็นต้น พากันมาวนเวียนหากินอยู่ใกล้ ๆ ถ้ำเสมอพวกมันไม่เอาใจใส่ในตัวท่านแต่อย่างใดต่างก็หากินไปตามปกติ

    ท่านสังเกตว่า พวกสัตว์เขาก็มีความสุขดีเหมือนกัน พอใจในความเป็นอยู่ของตัวเองว่าเป็นเลิศแล้วไม่มีสัตว์ชนิดอื่นนอกจากพวกตัวจะเสมอเหมือน โดยมากพระไปอยู่ที่ไหน พวกสัตว์ชนิดต่าง ๆ ชอบไปอาศัยอยู่ด้วย ไม่ว่าสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ เพราะความรู้สึกของพวกมันคล้ายคลึงกันกับมนุษย์ เป็นแต่พวกมันไม่มีอำนาจและมีความเฉลียวฉลาดรอบด้านเหมือนมนุษย์เท่านั้น จะมีความฉลาดเฉพาะการหาอยู่หากินและหาที่ซ่อนตัวเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันหนึ่งๆ เท่านั้น
     
  12. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พบฉลาด..ยิ่งเห็นโง่

    คืนวันหนึ่ง พระอาจารย์มั่นเกิดความสลดสังเวชใจอย่างมากจนน้ำตาร่วง คือเวลานั่งสมาธิจิตรวมลงอย่างเต็มที่ เพราะการพิจารณากายเป็นเหตุ ปรากฏว่าจิตว่างเปล่า และปล่อยวางอะไร ๆ หมดโลกธาตุเป็นเหมือนไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย

    ในความรู้สึกขณะนั้น หลังจากสมาธิแล้ว พิจารณาพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ เพื่อลบล้างหรือถอดถอนความผิด ที่มีอยู่ในใจของสัตว์โลก ซึ่งเป็นธรรมที่ออกจากความฉลาดแหลมคม แห่งพระปัญญาของพระพุทธเจ้า พิจารณาไปเท่าไร ก็ยิ่งเห็นความฉลาด และอัศจรรย์ของพระพุทธองค์ และเห็นความโง่เขลาเบาปัญญาของตนยิ่งขึ้น เพราะการขบฉันตลอดจนการขับถ่าย ย่อมต้องได้รับการอบรมสั่งสอนมาก่อนทั้งนั้น การยืน การเดิน นั่งและนอนก็ต้องได้รับการอบรมให้มีสติตลอดเวลามาก่อน ไม่เช่นนั้นก็ทำไม่ถูก นอกจากทำไม่ถูกแล้ว ยังผิดหลักเจริญวิปัสสนากรรมฐานอีกด้วย การปฏิบัติจ่อจิต จึงจำเป็นต้องได้รับการอบรมสั่งสอนตามหลักที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้ ถ้าไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนก็ต้องทำผิดจริง ๆ

    อันว่าเรื่องจิตนั้นต้องมีศีลธรรมควบคุมจิต มนุษย์ไม่เลือกเพศวัยและชาติชั้นวรรณะใด ๆ เลย เพราะสามัญมนุษย์เราก็เหมือนเด็กซึ่งต้องได้รับการดูแล และอบรมสั่งสอนจากผู้ใหญ่อยู่ทุกขณะ จึงจะปลอดภัยและเติบโตได้คนเราใหญ่แต่กาย ใหญ่แต่ชาติ ใหญ่แค่ชื่อ ใหญ่แต่ยศ ใหญ่แต่ความสำคัญตน แต่ความรู้ความฉลาด ที่จะทำตนให้ร่มเย็นเป็นสุข ทั้งทางกายและทางใจโดยถูกต้องตลอดจนผู้อื่นให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขไปด้วยนั้น ไม่ค่อยเจริญเติบโตด้วย
    และไม่สนใจบำรุงให้ใหญ่โตอีกด้วย จึงเกิดความเดือดร้อนกันอยู่ทุกหนทุกแห่ง
    ไม่เลือกเพศวัยและชาติชั้นวรรณะอะไรเลย
     
  13. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    รู้ภายในภายนอก

    พระอาจารย์มั่นพักบำเพ็ญเพียรอยู่ถ้ำสาลิกาได้รับความรู้และอุบายแปลก ๆ ต่าง ๆ มากมาย ทั้งที่เป็นเรื่องภายใน อันหมายถึงการซักฟอกจิตกำจัดกิเลสอาสวะ และทั้งเกี่ยวกับเรื่องรู้เห็นภายนอก อันหมายถึงตาทิพย์ หูทิพย์ และอภิญญาข้ออื่น ๆ ที่ทำให้รู้เท่าทันโลกด้วยญาณปัญญาไม่มีประมาณ นึกอยากจะรู้เห็นอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลี้ลับซับซ้อนยากเย็นแสนเข็ญเพียงไร เป็นรู้ได้อย่างรวดเร็วถูกต้องแม่นยำ ไม่มีผิดพลาดไม่มีจำกัดขอบเขต

    ท่านเกิดความอาจหาญร่าเริงในธรรมข้อบัญญัติ จนลืมเวล่ำเวลา ไม่ค่อยได้สนใจกับวันคืนเดือนปีที่ผ่านไปอะไรนักความแตกฉานรอบรู้ภายในใจเกิดขึ้นทุกระยะเหมือนน้ำไหลรินในฤดูฝน บางวันตอนบ่ายอากาศปลอดโปร่ง ท่านก็เดินเที่ยวชมป่าเขาลำเนาไพรภาวนาไปเรื่อย ๆ ทำให้เพลิดเพลินเจริญใจสำราญในอิริยาบถ ไปตามทัศนียภาพที่มีอยู่เป็นอยู่ตามธรรมชาติของมัน เย็น ๆ หน่อยค่อยกลับลงมายังถ้ำที่พัก เวลาเดินเที่ยวในป่าเขาใหญ่ก็พบสัตว์ต่าง ๆ เช่น โขลงช้างบ้าง เสือโคร่งบ้าง หมีบ้าง ตลอดจนเก้ง กวาง กระทิง เป็นต้น หากินไปตามประสาของมัน

    เวลามันมองเห็นท่านก็เฉย ๆ ไม่ได้แสดงอาการตกใจตื่นกลัวหรือคิดจะวิ่งเข้ามาทำร้ายแต่อย่างใด ท่านเห็นแล้วก็มีแต่เมตตาสงสาร เห็นว่าพวกสัตว์ป่าทั้งหลายก็เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายเช่นเดียวกันกับคนเรา ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แม้วาสนาบารมีของสัตว์กับมนุษย์ต่างก็มีเช่นเดียวกัน ส่วนความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้นย่อมมีได้ทั้งคนและสัตว์

    นอกจากนั้นสัตว์บางตัวที่มีวาสนาบารมีแก่กล้า และอัธยาศัยดีกว่ามนุษย์บางรายก็ยังมีอยู่เป็นอันมาก แต่เวลาที่เขาตกอยู่ในภาวะความเป็นสัตว์ก็จำต้องทนรับเสวยผลกรรมเป็นสัตว์ไปจนกว่าจะสิ้นกรรมหรือสิ้นวาระของตน

    เฉกเช่นเดียวกันกับมนุษย์เรา แม้จะตกอยู่ในความทุกข์จนข้นแค้นก็จำต้องทนรับเอาจนกว่าจะสิ้นเวรกรรม เพราะฉะนั้นคนเราไม่ควรดูถูกเหยียดหยามชาติกำเนิดของมนุษย์และสัตว์ร่วมโลก เพราะขึ้นชื่อว่าสัตว์โลกทั้งหลายย่อมมีกรรมดีกรรมชั่วเป็นของตน
     
  14. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    บรรลุอนาคามี

    ขณะที่พระอาจารย์มั่นบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีธรรมอยู่ที่ถ้ำสาลิกานี้ ปรากฏว่า ในบางคืนมีพระอรหันตสาวก เสด็จมาแสดงธรรมให้ท่านฟังตามทางอริยประเพณี โดยมาปรากฏในทางสมาธินิมิต เมื่อพระอรหันตสาวกแสดงธรรมให้ท่านฟังจากไปแล้ว ท่านก็น้อมเอาธรรมนั้นมาพิจารณาใคร่ครวญอีกต่อหนึ่ง โดยแยกแยะออกเป็นแขนง ไตร่ตรองดูด้วยความละเอียด ทุกครั้งที่พระอรหันต์สาวกแต่ละองค์เสด็จมาแสดงธรรมสั่งสอน ท่านได้อุบายต่าง ๆ จากการสดับธรรมของพระอรหันต์ทั้งหลายที่มาอบรมสั่งสอนแต่ละครั้งแต่ละองค์ ช่วยส่งเสริมกำลังใจกำลังสติปัญญาตลอดมา

    ธรรมที่พระอรหันตสาวกแสดงให้ฟัง ท่านรู้สึกว่าประหนึ่งได้ฟังธรรมในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้า ใจรู้สึกอิ่มเอิบและเพลิดเพลินไปตามเหมือนโลกธาตุขันธ์ไม่มีกาลเวลามาบีบบังคับเลย ปรากฏว่ามีแต่จิตล้วน ๆ ที่สว่างไสวไปด้วยอรรถด้วยธรรมเท่านั้น

    พอจิตถอนออกจากสมาธินิมิต จึงทราบว่าตนมีภูเขาอันแสนหนักทั้งลูก คือร่างกายอันเป็นที่รวมแห่งขันธ์ ซึ่งแต่ละขันธ์ล้วนเป็นกองทุกข์อันแสนทรมาน แล้วธรรมะอันเป็นที่แน่ใจได้ปรากฏขึ้นแกท่านในถ้ำนี้ ธรรมะนี้คือ พระอนาคามีผล

    ในพระปริยัติกล่าวไว้ว่าเป็นภูมิธรรมขั้น 3 ต้องละสังโยชน์ได้ 5 อย่างคือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปรามาส กามราคะ ปฏิฆะ ผู้บรรลุธรรมขั้นนี้ เป็นผู้แน่นอนในการไม่ต้องกลับมาอุบัติเกิดในมนุษย์อีกต่อไป ไม่ต้องมาเกิดเป็นสัตว์ที่มีธาตุสี่คือดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นเรือนร่างอีกต่อไปหากแต่ยังไม่เลื่อนชั้นขึ้นถึงพระอรหันตภูมิในอัตตภาพนั้น

    ผู้บรรลุภูมิธรรมอนาคามีเวลาตายแล้วก็ไปอุบัติเกิดในพรหมโลก 5 ชั้น ชั้นใดชั้นหนึ่งตามภูมิธรรมที่ผู้นั้นได้บรรลุพรหมโลก 5 ชั้น คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี และอกนิฏฐา ซึ่งเป็นที่สถิตอยู่ของพระอนาคามีบุคคล ตามลำดับแห่งภูมธรรมที่มีความละเอียดต่างกัน(พรหมพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาพราหมณ์ก็คือพรหม 5 ชั้นนี้ หาได้ทรงภูมิธรรมขั้นสูงเทียบเท่าพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกแต่อย่างใดไม่...ผู้เขียน)

    การทำสมาธิภาวนาบำเพ็ญเพียรที่ถ้ำสาลิกาท่านเล่าว่า เกิดความอัศจรรย์หลายอย่างที่ไม่คาดฝันว่าจะเป็นไปได้ในชีวิต แต่ก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างประจักษ์ใจติด ๆ กันทุกคืน คือจิตเป็นสมาธิที่ละเอียดสุขุมมากเป็นพิเศษ นับตั้งแต่ได้บรรลุภูมิธรรมอนาคามี ความรู้เห็นทางภายใน(จิต) และ ภายนอก (อภิญญา) ได้ปรากฏขึ้นมากมายเป็นพิเศษ ถึงกับน้ำตาร่วงไหลออกมาด้วยเห็นโทษแห่งความโง่เขลาของตนในอดีตที่ผ่านมา และความเห็นคุณของความเพียรของตนที่ตะเกียกตกายมาจนได้เห็นธรรมอัศจรรย์ขึ้นเฉพาะหน้าความเห็นในคุณของพระพุทธเจ้าผู้มีพระเมตตาประสิทธิ์ประสาทธรรมไว้พอเห็นร่องรอยได้ดำเนินตาม และความรู้สลับซับซ้อนแห่งกรรมของตนและผู้อื่น ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายอย่างประจักษ์ปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยตรงตามธรรมบทว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นของตน เป็นต้น อันเป็นบทธรรมที่รวมความสำคัญของศาสนาไว้แทบทั้งมวล

    พระอาจารย์มั่นได้เตือนตนว่า แม้ท่านจะได้บรรลุธรรมเป็นพระอนาคามีแล้ว ได้ประสบความอัศจรรย์หลายอย่างมากมายควรแก่ภาคภูมิใจ แต่ก็หาได้ถึงซึ่งทางแห่งความพ้นทุกข์ไม่

    ท่านจะต้องทุ่มเทกำลังสติปัญญาและความพากเพียรทุกด้านอย่างเต็มสติกำลังอีกต่อไปเพื่อบำเพ็ญสมณะธรรมให้บรรลุขั้นสูงสุดอันเป็นทางรอดปลอดจากทุกข์โดยเด็ดขาดสิ้นเชิง นั่นคือบรรลุอรหันต์ตผลและท่านก็มั่นใจว่า ตนจะต้องบรรลุถึงธรรมแพนพ้นทุกข์สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในวันหนึ่งแน่นอน

    (การบำเพ็ญเพียรที่ถ้ำสาลิกานี้ เป็นสมัยเดียวกันกับที่ประอาจารย์มั่นได้พบกับขรัวตาที่ถูกท่านพูดดักใจที่เล่าไว้ในตอนต้น ๆ)
     
  15. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    มุ่งเชียงใหม่

    พระอาจารย์มั่นขึ้นล่องระหว่างกรุงเทพฯ กับภาคอิสานเสมอ บางเที่ยวก็โดยสารรถไฟบางเที่ยวก็เดินด้วยเท้า ที่กรุงเทพฯ ท่านพักและจำพรรษาที่วัดสระปทุม (หน้ากรมตำรวจ) สมัยนั้นท่านเจ้าคุณพระปัญญาพิศาล (หนู) เป็นเจ้าอาวาสและเป็นพระธุดงค์ชาวอุบลฯ ด้วยกันมาก่อน

    ท่านเจ้าคุณพระปัญญาพิศาล มีความเคารพนับถือในตัวพระอาจารย์มั่นมาก ขณะจำพรรษาอยู่วัดสระปทุม พระอาจารย์มั่นหมั่นไปศึกษาอรรถธรรมกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ ที่วัดบรมนิวาสเสมอ

    ครั้นเมื่ออกพรรษาแล้วหน้าแล้ง ท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ จะไปเชียงใหม่ ได้นิมนต์พระอาจารย์มั่นไปด้วย

    พระอาจารย์มั่นพักอยู่วัดเจดีย์หลวงกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ พอสมควรแล้ว ท่านก็กราบลาท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ เพื่อไปเที่ยวธุดงค์แสวงหาที่วิเวกตามอำเภอต่าง ๆ ในเขตเชียงใหม่ที่มีป่าเขามาก

    การธุดงค์บำเพ็ญเพียรเที่ยวนี้ เป็นการบำเพ็ญเพียรขั้นแตกหัก เพื่อที่จะได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดให้จงได้ จะเป็นหรือจะตายก็จะได้รู้กันคราวนี้เป็นแม่นมั่น เพราะจิตท่านทรงอริยธรรมขั้น 3 อย่างเต็มภาคภูมิมานานแล้ว (เป็นพระอนาคามี) แต่ไม่มีเวลาได้เร่งความเพียรตามใจชอบ เพราะต้องมีภารกิจไปยุ่งเกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนหมู่คณะมากมีตลอดมา
     
  16. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    สัญญาพาหลง - ปัญญา พาเห็น

    ความเห็นด้วยสัญญาพาให้ผู้เห็นมีอารมณ์มาก มักเสกสรรค์ตัวว่า มีความรู้มากทั้งที่กำลังหลงมาก จึงมีทิฏฐิมานะมากไม่ยอมลงใครง่ายๆ เราพอทราบได้เวลาสนทนาธรรมกันในวงนักศึกษา ที่ต่างรู้ด้วยความจดจำจากตำราด้วยกัน สภาธรรมมักจะกลายเป็นสภามวยฝึปากทุ่มเถียงกันหน้าดำหน้าแดงกันอยู่เสมอ โดยไม่จำกัดชาติชั้นวรรณะและเพศวัยเลย เพราะความสำคัญตนพาให้เป็นไป


    ส่วนความเห็นด้วยปัญญาเป็นความเห็นซึ่งพร้อมที่จะถอดถอนความสำคัญมั่นหมายต่าง ๆ อันเป็นตัวกิเลสทิฏฐิมานะน้อยใหญ่ออกไปโดยลำดับที่ปัญญาหยั่งถึง ถ้าปัญญาหยั่งลงโดยทั่วถึงจริง ๆ กิเลสทั้งมวลก็พังทลายไปหมด ไม่มีกิเลสชนิดใดจะทนต่อสติปัญญาขั้นยอดเยี่ยมไปได้ ฉะนั้นสติปัญญาจึงเป็นอาวุธขั้นนำของธรรมะที่กิเลสทั้งมวลไม่หายสู้ได้แต่ไหนแต่ไรมา

    พระศาสดาได้เป็นพระพุทธเจ้าก็เพราะสติปัญญา พระสาวกได้บรรลุถึงพระอรหันต์ ก็เพราะสติปัญญาความรู้จริงเห็นจริง มิได้ถอดถอนกิเลสด้วยสัญญาความคาดหมายหรือคิดเดาเอาจากทฤษฎีในตำราคัมภีร์เลย นอกจากจะนำทฤษฎีมาใช้พอเป็นแนวทางในขั้นเริ่มแรกปฏิบัติธรรมเท่านั้น แม้เช่นนั้นก็จำต้องระวังสัญญาจะแอบแฝงตัวขึ้นมาเป็นความจริงให้หลงตามอยู่ทุกระยะมิได้นิ่งนอนใจ

    การประกาศพระศาสนาเพื่อความจริงแก่โลก ทั้งพระพุทธเจ้าและพระสาวกทรงประกาศด้วยปัญญาความรู้จริงเห็นจริงทั้งนั้น ดังนั้น ผู้ปฏิบัติทางจิตภาวนาจึงควรระวังสัญญาเข้าทำหน้าที่แทนปัญญา โดยรู้เอาหมายเอาเฉย ๆ แต่กิเลสตัวเดียวก็ไม่สามารถถอดถอนออกจากใจได้บ้างเลย และอาจกลายเป็นทำนองว่า มีความรู้ท่วมหัว แต่เอาตัวไม่รอดก็เป็นได้

    ธรรมขั้นรู้เห็นด้วยปัญญานี่แล ที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่กาลามชนว่า ไม่ให้เชื่อแบบสุ่มเดา แบบคาดคะเน ไม่ให้เชื่อตาม ๆ กันมา ไม่ให้เชื่อครูอาจารย์ที่ควรเชื่อได้เป็นต้น แต่ให้เชื่อด้วยปัญญาที่หยั่งลงสู่หลักความจริงด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นความรู้ที่แน่ใจอย่างยิ่ง

    พระพุทธเจ้าและพระสาวกอรหันต์ ท่านมิได้มีคนประกันรับรองว่า ท่านได้บรรลุธรรมจริงอย่างนั้น ไม่จริงอย่างนี้ แต่สันทิฏฐิโกมีอยู่กับทุกคน ถ้าปฏิบัติธรรมที่แสดงไว้โดยสมควรแก่ธรรม

    นับแต่ออกจากวัดเจดีย์หลวงไปบำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร พระอาจารย์มั่นปฏิบัติธรรมอย่างอาจหาญเพลิดเพลินในธรรมจนลืมเวล่ำเวลา ลืมวันลืมคืน ลืมพักผ่อนหลับนอน ลืมความเหน็ดหน่อยเมื่อยล้า จิตตั้งท่านแต่จะสู้กับกิเลสทุกประเภทด้วยความเพียรเพื่อถอดถอนมันพร้อมทั้งราก ท่านเร่งรีบตักตวงความเพียรด้วยมหาสติมหาปัญญาเป็นสติปัญญาธรรมจักรหมุนรอบตัวและ สิ่งเกี่ยวข้องไม่มีประมาณตลอดเวลา
     
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    พระอรหันต์

    ครั้นแล้ววันคืนอันสำคัญก็มาถึง ในคืนวันหนึ่งดึกสงัด พระอาจารย์มั่นนั่งสมาธิภาวนาอยู่ชายภูเขาที่มีหินพลาญกว้างขวางเตียนโล่ง อากาศหลอดโปร่งเยือกเย็นสบาย มีต้นไม้ใหญ่ร่มครื้มตั้งอยู่โดดเดี่ยวต่างกลดกันน้ำค้างและฝน

    พระอาจารย์มั่นนั่งสมาธิอยู่ ณ ที่นี้มาตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว จิตของท่านสัมผัสรับรู้อยู่กับปัจจยาการคืออวิชชาปัจจยาสังขาราเป็นต้นเพียงอย่างเดียว ทั้งในเวลาเดินจงกรมตอนหัวค่ำทั้งเวลานั่งเข้าที่ภาวนา ท่านสนใจพิจารณาในจุดนั้น โดยมิได้สนใจกับหมวดธรรมอื่นใด ตั้งหน้าพิจารณาอวิชชาอย่างเดียวแต่แรกเริ่มนั่งสมาธิภาวนา โดยอนุโลมปฏิโลมกลับไปกลับมาอยู่ภายในอันเป็นที่รวมแห่งภพชาติ กิเลสตัณหา มีอวิชชาเป็นตัวการเริ่มแต่สองทุ่มที่ออกจากทางจงกรมแล้วเป็นต้นไป ตอนนี้ท่านว่าเป็นตอนสำคัญมาก ในการรบของท่านระหว่างมหาสติมหาปัญญาอันเป็นอาวุธคมกล้าทันสมัย กับอวิชชาอื่นเป็นข้าศึกที่เคย ทรงความฉลาดในเชิงหลบหลีกอาวุธอย่างว่องไว แล้วกลับโต้ตอบให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยินไม่เป็นท่า แล้วครองตำแหน่งจักรพรรดิราชวัฏฏจักรบนหัวใจสัตว์โลกตลอดมา และตลอดไปชั่วอนันตกาล ไม่มีใครกล้าต่อสู้กับฝีมือได้

    ประมาณตี 3 คืนนั้น การยุทธสงครามระหว่างพระอาจารย์มั่นกับจักรพรรดิราชวัฏฏจักรอย่างทรหดไม่ลดละ ผลปรากฏว่า ฝ่ายจักรพรรดิราชวัฏฏจักรถูกสังหารถูกทำลายบัลลังก์ลงพิเนาศขาดสูญโดยสิ้นเชิง สิ้นฤทธิ์ สิ้นอำนาจ สิ้นความฉลาดทั้งมวล ที่จะครองอำนาจอยู่เหนือใจท่านอยู่ได้อีกต่อไป

    ขณะจักรพรรดิอวิชชาดับชาติขาดภพลงไปแล้ว พระอาจารย์มั่นเล่าว่า ขณะนั้นเหมือนโลกธาตุหวั่นไหว เสียงจากโลกทิพย์ประกาศก้องสาธุการสะเทือนสะท้านไปทั่วพิภพว่าศิษย์พระตถาคตปรากฏขึ้นในโลกอีกองค์หนึ่งแล้ว เสียงจากโลกทิพย์ทั้งหลายแสดงความชื่นชมยินดีและเป็นสุขใจกับท่านอย่างกึกก้อง เป็นเสียงที่ท่านได้รู้เห็นลำพังตนเอง

    ชาวโลกมนุษย์ทั้งหลายคงไม่มีโอกาสได้รับทราบด้วย เพราะการบรรลุธรรมวิเศษในพระพุทธศาสนา ย่อมเกินวิสัยมนุษย์ปุถุชนจะหยั่งรู้ได้ ปุถุชนย่อมจะเพลิดเพลินอยู่แต่กับการแสวงหาความสุขทางโลกอย่างมัวเมางมงายไปตามวิสัย น้อยคนนักที่ใครจะสนใจทราบว่า ธรรมอันประเสริฐในดวงใจที่เกิดขึ้นในแดนมนุษย์เมื่อสักครู่นี้ เกี่ยวข้องกับการวิปริตของดินฟ้าอากาศที่พวกเขาได้ประจักษ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ได้ ผู้ที่จะรู้ได้หยั่งถึงนอกจากเทวบุตรเทวธิดาแล้วก็เห็นจะมีก็แต่พระอริยเจ้าด้วยกันเท่านั้นว่า ฟ้าดินหวั่นไหวไปทั่วโลกธาตุเมื่อสักครู่นี้คือ การปรากฏขึ้นของพระอรหันต์อีกองค์หนึ่งในโลกนั่นแล

    ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าต่อไปว่า (พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นผู้บันทึกคำเล่านี้)พอขณะฟ้าดินอัศจรรย์กระเทือนโลกธาตุผ่านไปเหลือแต่วิสุทธิธรรมภายในใจพระอาจารย์มั่นอันเป็นธรรมชาติแท้ ซึ่งแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย และจิตใจแผ่กระจายไปทั่วโลกธาตุในเวลานั้น ทำให้พระอาจารย์มั่นเกิดความแปลกประหลาดและอัศจรรย์ตัวเองมากมาย จนไม่สามารถจะบอกใครได้ ที่เคยมีเมตตาต่อโลก และสนใจจะอบรมสั่งสอนหมู่คณะและประชาชนมาดั้งเดิม
    พลันก็กลับกลายหายสูญไปหมด ทั้งนี้เพราะความเห็นธรรมที่ท่านบรรลุในครั้งนี้ เป็นธรรมละเอียดและอัศจรรย์จนสุดวิสัยของมนุษย์จะรู้เห็นตามได้ เป็นธรรมภายในใจที่ท่านรู้ได้เฉพาะคน ท่านบังเกิดความท้อใจไม่คิดจะสั่งสอนใครต่อในขณะนั้น คิดแต่จะเสวยธรรมอัศจรรย์ในท่ามกลางโลกสมมติแต่ผู้เดียว ในท่านหนักไปทางรำพึงรำพันถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครูทรงรู้จริงเห็นจริงและสั่งสอนเวไนยเพื่อวิมุติหลุดพ้นจริง ๆ ไม่มีคำโกหกหลอกลวงแฝงอยู่ในพระโอวาทแม้แต่บทเดียว บาทเดียวเลยแล้วพระอาจารย์มั่นก็กราบไหว้บูชาพระคุณ
    พระพุทธเจ้าไม่มีเวลาอิ่มพอตลอดคืน

    จากนั้นก็คิดเมตตาสงสารหมู่ชนเป็นกำลัง ที่เห็นว่าสุดวิสัยจะสั่งสอนได้ โดยถือเอาความบริสุทธิ์และอัศจรรย์ภายในใจท่านมาเป็นอุปสรรคว่า ธรรมนี้มิใช่ธรรมของคนมีกิเลสจะครองได้ เพราะเป็นธรรมขั้นสูงสุดละเอียดอ่อนอัศจรรย์พูดไม่ถูก ถ้านำไปสั่งสอนใครก็เกรงจะถูกกล่าวหาว่าท่านเป็นบ้า ไปหาเรื่องอะไรมาสั่งสอนกันก็ไม่รู้ คนดี ๆ มีสติสตังอยู่บ้าง เขาจะไม่นำเรื่องทำนองนี้มาสอนกัน

    ท่านรำพึงว่าเราเห็นจะต้องอยู่ไปคนเดียวอย่างนี้เสียแล้ว จนถึงวันตายละกระมัง ขืนไปสั่งสอนใครเข้าจะกลายเป็นว่า ทำคุณกลับได้โทษ โปรดสัตว์กลับได้บาปเปล่า ๆ นี่เป็นความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นกับพระอาจารย์มั่นขณะที่ท่านบรรลุธรรมขั้นสูงสุดในพระศาสนาใหม่ ๆ ยังมิได้คิดให้กว้างขวางออกไปเชื่อมโยงกับแนวทางการอบรมสั่งสอนตามแนวศาสนาธรรม ที่พระพุทธเจ้าพาดำเนินมา

    แต่ครั้งในเวลาต่อมา พระอาจารย์มั่นค่อยมีโอกาสได้ทบทวนธรรมที่รู้เห็น และปฏิปทาเครื่องดำเนินตลอดตัวเองที่รู้เห็นธรรมวิเศษ ท่านก็รำพึงกับตัวเองว่า เราก็เป็นมนุษย์เดินดินกินผักกินหญ้าเหมือนชาวโลกทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษแตกต่างกัน พอจะเป็นบุคคลพิเศษสามารถอาจรู้เฉพาะผู้เดียว

    ส่วนผู้อื่นไม่สามารถทั้งที่มีอำนาจวาสนาสามารถรู้ได้อาจมีจำนวนมาก จึงเป็นความคิดเห็นที่เหยียบย่ำทำลายอำนาจวาสนาของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะความไม่รอบคอบกว้างขวาง ซึ่งไม่เป็นธรรมเลย เพราะปฏิปทาเครื่องดำเนินเพื่อ มรรค ผล นิพพาน

    พระพุทธเจ้ามิได้ประทานไว้เฉพาะบุคคลเดียว แต่ประทานไว้เพื่อโลกทั้งมวล ทั้งก่อนและหลังการเสด็จปรินิพพาน

    ผู้ตรัสรู้ มรรค ผล นิพพานตามพระองค์ด้วยปฏิปทาที่ประทานไว้มีจำนวนมหาศาลเหลือที่จะนับที่จะประมาณ มิได้มีเฉพาะเราคนเดียวที่กำลังคิดมองข้ามโลกว่าไร้สมรรถภาพอยู่เวลานี้ เมื่อพิจารณาทบทวนทั้งเหตุและผลทั้งต้นและปลายแห่งพระโอวาทของพระพุทธเจ้าที่ประกาศปฏิปทาทางดำเนินเพื่อมรรคเพื่อผลว่า เป็นธรรมสมบูรณ์สุดและควรแก่สัตว์โลกทั่วไป ไม่ลำเอียงต่อผู้หนึ่งผู้ใดที่ปฏิบัติชอบอยู่ จึงทำให้พระอาจารย์มั่นเกิดความหวังที่จะสงเคราะห์ผู้อื่นขึ้นมา มีความพอใจที่จะอบรมสั่งสอนแก่ผู้มาเกี่ยวข้องอาศัยเท่าที่จะสามารถทั้งสองฝ่าย

    ท่านพระอาจารย์มั่นกล่าวว่า ตอนที่คิดว่าตนไม่มีทางจะสั่งสอนคนอื่นให้รู้ตามได้นั้น ออกจะเป็นความคิดนอกลู่นอกทางไปบ้าง ทั้งนี้ก็เพราะว่า ขณะที่ท่านบรรลุธรรมสูงสุดนั้น เป็นธรรมที่นึกไม่ถึง เป็นธรรมที่เกิดใหม่ ที่ไม่เคยพบเคยเห็น ทั้ง ๆ ที่ท่านมีธรรมอยู่กับตัวตั้งเดิมอยู่แล้ว ธรรมที่เกิดใหม่นี้ทำให้ตื่นเต้นและอัศจรรย์เหลือประมาณสุดวิสัยที่จะคาดคะเนหรือด้นเดาให้ถูกกับความจริงของธรรมชาติจริง ๆ ได้

    เปรียบไปแล้วเหมือนเราตายแล้วเกิดใหม่ แล้วพบเข้ากับความอัศจรรย์ตื่นตะลึงนั่นแล แต่ครั้นได้หยุดคิดใช้เวลาใคร่ครวญหาเหตุผลแล้วก็จะพบว่า ความมหัศจรรย์นั้นอยู่ในกรอบของเหตุผลกฎเกณฑ์ธรรมชาตินั่นเองไม่แปลกประหลาดอะไร เป็นแต่เพียงว่าธรรมสูงสุดที่ท่านค้นพบด้วยความยากลำบากมาเป็นเวลายาวนานนี้ สุดวิสัยที่คนทั่วไปจะรู้ได้ง่าย ๆ นั่นแล

    (มีต่อ)
     
  18. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    จิตอิทธิฤทธิ์

    พระอาจารย์มั่นมีนิสัยจิตผาดโผดมาตั้งแต่ดั้งเดิม นับตั้งแต่เริ่มออกปฏิบัติกรรมฐานใหม่ ๆ แล้ว จิตผาดโผนของท่านที่ว่านี้คือ เป็นจิตอยากรู้อยากเห็นช่างคิดช่างค้นคว้า มีความอาจหาญยอมตายถึงไหนถึงกัน ขอให้ได้แสวงหาเพื่อที่จะรู้ สิ่งที่อยากรู้ให้รู้แจ้งเห็นจริง จนถึงที่สุด จิตผาดโผนอยากรู้อยากเห็นของท่านเป็นนิสัยนี้เอง ทำให้ท่านเป็นพระอริยเจ้าฝ่าย “เจโตวิมุติ” มีฤทธิ์มากทรงอภิญญา 6 คือ สำเร็จอรหันต์โดยการปฏิบัติทางสมถะกรรมฐานจนได้ “ฌาน”
    แล้วใช้อำนาจฌานสมาบัติเป็นบาทฐานปฏิบัติวิปัสสนาจนบรรลุอรหันต์ผล

    พระอรหันต์ฝ่ายเจโตวิมุตินี้มีฤทธิ์มากกว่าพระอรหันต์ฝ่าย “ปัญญาวิมุติ” ที่หลุดพ้นโลกบรรลุธรรมด้วยดวงปัญญาล้วน ๆ

    พระอรหันต์ฝ่ายปัญญาวิมุติ ท่านเห็นสังขารเป็นของแห้งแล้ง ประสงค์ “สุขวิปัสโก” คือ ความสุขจากความสงบอย่างเดียวไม่สนใจอยากรู้อยากเห็นอิทธิฤทธิ์ใด ๆ ไม่ต้องการฤทธิ์ แต่ท่านก็สามารถแสดงฤทธิ์ได้บ้างเป็นบางอย่างเป็นแต่ว่าแสดงได้ช้ากว่าพระอรหันต์ฝ่ายเจโตวิมุติ


    ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าว่า แม้ขณะจิตของท่านจะเข้าถึงจุดอันเป็นวาระสุดท้าย ด้วยการสำเร็จธรรมวิเศษสูงสุดในพระศาสนา จิตของท่านก็ยังแสดงลวดลายอิทธิฤทธิ์ให้ท่านระลึกอยู่ไม่รู้ลืม ถึงกับได้นำมาเล่าให้บันดาลูกศิษย์ฟัง พอเป็นขวัญประดับใจและประดับสติปัญญา ท่านว่าจิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ยิ่งนัก พอจิตของท่านพลิกคว่ำวัฏฏจักรออกไปจากใจโดยสิ้นเชิงแล้ว จิตยังแสดงฤทธิ์ เป็นลักษณะฉวัดเฉวียดรอบตัววิวัฏฏจิตถึงสามรอบรอบที่หนึ่งสิ้นสุดลงแสดงบทบาลีขึ้นมาว่า “โลโป” บอกความหมายขึ้นมาพร้อมว่าขณะใหญ่ของจิตที่ทำหน้าที่สิ้นสุดลงนั้น คือการลบสมมติทั้งสิ้นออกจากใจรอบที่สองสิ้นสุดลง แสดงคำบาลีขึ้นมาว่า “วิมุตติ” บอกความหมายว่า ขณะใหญ่ของจิตที่ทำหน้าที่สิ้นสุดลงนั้น คือความหลุดพ้นอย่างตายตัว และการเข้าถึงพระนิพพานอย่างแท้จริง รอบที่สามสิ้นสุดลงแสดงคำบาลีขึ้นมาว่า “อนาลโย” บอกความหมายว่า ขณะใหญ่ของจิตที่ทำหน้าที่สิ้นสุดลงนั้นคือ การตัดอาลัยอาวรณ์โดยสิ้นเชิง เป็นเอกจิต เอกธรรม จิตแท้ ธรรมแท้มีอันเดียว ไม่มีสองเหมือนสมมติทั้งหลาย นี่คือวิมุตติธรรมล้วน ๆ ไม่มีสมมติเข้าแอบแฝง จึงมีได้เพียงอันเดียว รู้ได้เพียงครั้งเดียว ไม่มีสองมีสามสืบต่อสนับสนุนกัน

    พระพุทธเจ้าและพระสาวกอรหันต์ ล้วนแต่รู้เพียงครั้งเดียวก็เป็นเอกจิตเอกธรรอันสมบูรณ์ ไม่แสวงเพื่ออะไรอีก สมมติภายในคือขันธุ์ ก็เป็นขันธุ์ล้วน ๆ ไม่เป็นพิษเป็นภัยและทรงตัวอยู่ตามปกติเดิมไม่มีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามความตรัสรู้ คือขันธุ์ที่เคยนึกคิดเป็นต้น ก็ทำหน้าที่ของตนไปตามคำสั่งของจิตผู้บงการ จิตที่เป็นวิมุตติก็หลุดพ้นจากความคละเคล้าพัวพันในขันธ์ต่างอันต่างอยู่ ต่างอันต่างจริงต่างไม่หาเรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นกันดังเคยที่เป็นมา ต่างฝ่ายต่างสงบอยู่ตามธรรมชาติของตน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ธุระประจำตนจนกว่าจะถึงกาลแยกย้ายจากส่วนผสม เมื่อกาลนั้นมาถึงจิตที่บริสุทธิ์ก็แสดง “ยถาทีโป จ นิพพุโต”

    เหมือนประทีบดวงไฟที่หมดเชื้อแล้วดับไปฉะนั้น นี่คือธรรมแสดงในจิตท่านพระอาจารย์มั่น ขณะที่ท่านบรรลุธรรมวิเศษเข้าถึงความเป็นพระอรหันต์ ที่ท่านนำมาเล่านี้ใช่เป็นการอวดอุตริมนุสธรรม เป็นการเปิดเผยแย้มพรายให้ฟังเฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นพระอริยเจ้าด้วยกัน ท่านไม่ได้เล่าโดยทั่วไป เมื่อลูกศิษย์ของท่านที่เป็นพระอริยเจ้าได้รับฟังระดับบารมีตนแล้วก็บันทึกไว้เป็นเรื่องมหัศจรรย์

    พระอาจารย์มั่นเที่ยวบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่ภาคเหนือเป็นเวลานานถึง 11 ปี การจำพรรษาของท่านเท่าที่จำได้ ท่านจำพรรษาที่หมู่บ้านจอมแดง อำเภอแม่ริม 1 พรรษา ที่บ้านโป่ง อำเภอแม่แตง 1 พรรษา ที่บ้านกลอย อำเภอพร้าว 1 พรรษา ในภูเขาอำเภอแม่สวย 1พรรษา ที่บ้านปู่พระยา อำเภอแม่สวย 1 พรรษา ที่วัดเจดีย์หลวง 1 พรรษา

    ส่วนที่อื่น ๆ นั้นจำไม่ได้ทั่วถึง เพราะตลอดเวลา 11 ปี ท่านจาริกไปตามสถานที่ต่าง ๆ นับไม่ถ้วนอย่างที่เชียงราย ท่านจำพรรษาที่บ้านแม่ทองทิพย์ อำเภอแม่สาย 1 พรรษา ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ 1 พรรษา เริ่มแรกที่ท่านออกปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานในเขตเชียงใหม่ หลังจากแยกย้ายกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีฯ ที่วัดเจดีย์หลวงแล้วพระอาจารย์มั่นออกธุดงค์เข้าป่าไปเพียงลำพังผู้เดียว หลังจากท่านบรรลุธรรมวิเศษได้อรหัตตผลแล้ว จึงปรากฏว่าค่อยมีพระลูกศิษย์ทยอย
    กันขึ้นไปเชียงใหม่หาท่าน มีท่านเจ้าคุณเทศน์ อำเภอท่าบ่อ หนองคาย อาจารย์สาร อาจารย์ขาววัดถ้ำกองเพล หลวงปู่ แหวนวัดดอยแม่ปั๋ง หลวงปู่ตื้อจากนครพนม พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีร์เมธาจารย์ (ท่านพ่อลี) วัดอโศการาม สมุทรปราการ เป็นต้น

    พระลูกศิษย์ทั้งหลายที่บุกบั่นรอนแรมเข้าป่าเข้าดงไปหาพระอาจารย์มั่น ท่านจะให้อยู่กับท่านไม่นานนัก แล้วท่านก็จะสั่งให้แยกย้ายกันออกหาที่วิเวกตามที่ต่าง ๆ เพื่อบำเพ็ญเพียรภาวนามุ่งทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน ท่านให้พักตามถ้ำบ้าง ตามชายเขาและยอดเขาบ้าง การขบฉันอาหารก็ให้ออกบิณฑบาต ไปตามหมู่บ้านชาวป่าชาวเขา บางครั้ง 7-8 วันถึงได้ออกบิณฑบาต กันเพราะมัวแต่เพลิดเพลินเจริญในสมาธิวิปัสสนาจนลืมเวล่ำเวลา ลืมคืนลืมวัน แต่ก็ไม่ปรากฏว่าหิวโหยอ่อนเพลียเจ็บไข้ได้ป่วยกันแต่อย่างไร เพราะจิตสงเคราะห์มีความสุขชุ่มชื่นเย็นกายด้วยอำนาจบารมีธรรม มีพระลูกศิษย์ของท่านบางองค์มีอำนาจจิตแก่กล้าบุญญาบารมีสูง ทรงอภิญญา 6 สามารถทรงตัวอยู่ในสมาธิวิปัสสนาได้เป็นเวลานานถึง 3 เดือนก็มี ไม่ขบฉันอาหารเลยนอกจากฉันแต่น้ำอย่างเดียว นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ พระธุดงค์กรรมฐานสมัยพระอาจารย์มั่นพาดำเนิน ล้วนเป็นผู้เด็ดเดี่ยวอาจหาญมากเที่ยวแสวงหาธรรมกันในป่าในเขาถิ่นอันตรายแบบเอาชีวิตเข้าแลกจริง ๆ ไม่อาลัยชีวิตยิ่งกว่าธรรม ที่ใดมีเสือชุม พระอาจารย์มั่นจะสั่งให้พระไปอยู่ที่นั้นเพราะเป็นสถานที่กระตุ้นเตือนสติปัญญามิให้นิ่งนอนใจ ความเพียรก็จำต้องติดต่อกันไปเอง และเป็นเครื่องหนุนใจให้มีกำลังขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าปกติที่ควรจะเป็นท่านเองก็บำเพ็ญสุขวิหารธรรมอยู่โดดเดี่ยวในป่าในเขาอันชุกชุมด้วยสัตว์ร้านสงัดเงียบปราศจากผู้คนทั้งกลางวันกลางคืน

    การติดต่อกับพวกกายทิพย์ เช่น เทวบุตร เทวธิดา อินทร์ พรหม พญานาค และภูตผีที่มาจากที่ต่าง ๆ ท่านถือเป็นเรื่องธรรมดา และเป็นเรื่องมีจริง เป็นเรื่องลี้ลับพิสดารที่พระธุดงค์กรรมฐานเท่านั้นจะพานพบรู้เห็นได้ เหลือวิสัยที่จะพูดที่จะอธิบายให้ปุถุชนชาวบ้านเข้าใจได้ เพราะปุถุชนชาวบ้านทั่วไปมีความช่างสงสัยเป็นนิสัย ชาวบ้านศึกษาเรียนรู้ช่างจดช่างจำช่างสงสัยหมายรู้เอาด้วยทางวัตถุสิ่งมีตัวตนจับต้องได้มองเห็นได้ แต่ทางพระศึกษาเรียนรู้ทางจิตที่ไม่ใช่วัตถุ การรู้เห็นทางจิตจึงเป็นการรู้ด้วยสติปัญญานามธรรม ดังนั้นการเห็นการรู้ของพระและของชาวบ้านจึงแตกต่างกัน

    พระอาจารย์มั่นมีการติดต่อกับพวกกายทิพย์จากโลกวิญญาณเช่นเดียวกับมนุษย์ติดต่อไปมาหาสู่กันกับพวกมนุษย์ชาติต่าง ๆ ที่รู้ภาษากันนั่นเอง เพราะท่านชำนิชำนาญในทางนี้มานานแล้ว การพบเห็นพวกวิญญาณของท่าน ไม่ใช่สิ่งลวงตาลวงใจหรือเป็นเพียงภาพมายา หากเป็นเรื่องจริงที่ท่านพิสูจน์เห็นแท้แน่นอนในทุกแง่ทุกมุมไม่มีผิดพลาด ท่านพักอยู่ในป่าในเขา โดยมากก็ได้ทำประโยชน์โปรดสัตว์อบรมสั่งสอนข้ออรรถธรรมแก่พวกกายทิพย์ แต่ละภูมิแต่ละชั้นตามภูมิปัญญาของแต่ละภูมิแต่ละชั้นให้พวกเขาได้ซาบซึ้งในอรรถธรรม

    พวกชาวป่าชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เช่น อีก้อ ขมุ มูเซอ แม้วยางเหล่านี้ นับถือผีสางนางไม้ พระอาจารย์มั่นได้แผ่ธรรมะเข้าไปถึงชีวิตจิตใจพวกเขา ทำให้พวกเขาเคารพเลื่อมใสท่านมาก ทำให้ชาวป่าชาวเขาเป็นคนดีมีสัตย์มีศีลหันมานับถือพระ พุทธศาสนาอย่างกว้างขวาง

    ดังมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง....



    คัดลอกมาจาก....

    http://www.watpanonvivek.com
    www.agalico.com
     
  19. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    อนุโมทนาครับ

    ทั้งหมดนี้จากหนังสือเล่มไหนครับเนีย

    อยากหามาอ่านนะครับ อ่านหน้าจอไม่ไหว

    จะพังเอานะครับ
     
  20. เย็นจิต

    เย็นจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    227
    ค่าพลัง:
    +709
    น้อมรำลึกบูชาคุณพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น ด้วยเศียรเกล้า น้อมรำลึกบูชาคุณพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตาพระมหาบัว ด้วยเศียรเกล้า // ชอบเรื่องราวธุดงค์กรรมฐานมากนำมาลงให้ได้อ่านกันอีกเรื่อยๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2012

แชร์หน้านี้

Loading...