ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

พายุฝนถล่มสหรัฐและจีน​

​

เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนกลางของสหรัฐ ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างรวดเร็ว ส่วนจีนก็เกิดพายุฝนฟ้าคะนองทำให้เกิดฝนตกหนักในกรุงปักกิ่งและหลายพื้นที่ในตอนกลางและตะวันออก

ฝนที่ตกหนักติดต่อกันทำให้หลายพื้นที่ในเขตมิดเวสต์ของสหรัฐจมอยู่ใต้น้ำ โดยที่เมืองบิสมาร์ค รัฐนอร์ธ ดาโกต้า บ้านเรือนประชาชนจำนวนมากที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำมิสซูรี่ได้ถูกน้ำท่วมเสียหาย เส้นทางคมนาคมถูกตัดขาด ทำให้ต้องอพยพประชาชนหลายพันคน คาดว่าจะมีฝนตกหนักลงมาอีกในไม่กี่วันนี้ ส่วนที่รัฐมิชิแกน พายุฝนฟ้าคะนองทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันที่เมืองชานเมืองดีทรอยต์และฟอร์ต แกรเที้ยตและส่งผลให้น้ำที่ทะเลสาบฮูรอนไหลทะลักล้นฝั่ง

ส่วนที่จีนก็เกิดพายุฝนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงปักกิ่งซึ่งการจราจรได้กลายเป็นอัมพาต หลังจากเกิดฝนตกหนักหลายชั่วโมงในช่วงเย็นวานนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาเร่งด่วน ทำให้เกิดน้ำท่วมขึ้นที่สถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง จนต้องหยุดให้บริการในบางเส้นทาง นอกจากนี้ยังทำให้เที่ยวบินกว่า 170 เที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกจากกรุงปักกิ่งต้องล่าช้าและถูกยกเลิก

พายุฝนยังพัดถล่มมณฑลเหอหนานและชานตงทางตอนกลางและตะวันออกของจีน โดยที่มณฑลเหอหนานนั้นฝนได้ตกหนักติดต่อกันนาน 3 ชั่วโมงที่เมืองหนานหยาง ทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ซึ่งก่อนหน้านี้มีปัญหาภัยแล้ง จึงถือว่าเป็นผลดีต่อเกษตรกร แต่คาดว่าจะมีฝนตกลงมาอีก และที่เมืองฉงชิง ฝนที่ตกหนักทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำหวยหย่วนไหลทะลักล้นฝั่งและเกิดน้ำท่วมฉับพลันทำให้สะพานหม่าถาน ซึ่งเป็นสะพานเก่าแก่หลายร้อยปีและเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญระหว่าง 3 หมู่บ้านจมมิดอยู่ใต้น้ำ เหลือเพียงราวสะพานโผล่ขึ้นมา กระทบต่อชาวบ้านราว 10,000 คน

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ประชุมจี 20 ที่ฝรั่งเศสเน้นประเด็นอาหาร​

​

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของกลุ่ม 20 ชาติหรือจี-20 ต่างก็เห็นพ้องต้องกันในการสร้างกลไกต่างๆขึ้นมาเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาอาหารโลก

นายบรูโน่ เลอ แมร์ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของฝรั่งเศสได้กล่าวในระหว่างการเปิดแถลงข่าวที่กรุงปารีสซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมสุดยอดรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของกลุ่ม 20 ชาติเมื่อวานนี้ว่า ที่ประชุมต่างเห็นด้วยกับการนำมาตรการต่างๆมาใข้เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาอาหารโลก หลังจากที่เกิดความผันผวนขึ้นอย่างทันทีทันใด อันเนื่องมาจากความไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองโดยเฉพาะในประเทศยากจน

สำหรับมาตรการที่จะนำมาใช้นั้น นายเลอ แมร์ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นด้วยกับการจัดตั้งระบบที่โปร่งใสขึ้นมาตรวจสอบปริมาณอาหารโลก การจัดตั้งระบบอาหารสำรองในยามฉุกเฉิน รวมทั้งการวิจัยเพื่อให้ได้ข้าวสาลีสายพันธุ์ใหม่เพื่อบรรเทาภาวะการขาดแตลน รวมทั้งการจัดตั้งกลไกสนองตอบแบบฉับพลันเพื่อรับมือกับภาวะความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นในประเทศผู้ผลิตสินค้าการเกษตร-โดยมาตรการทั้งหมดนี้ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฝรั่งเศสกล่าวว่า จะเป็นการวางรากฐานให้กับการเกษตรแนวใหม่ การเกษตรแบบยั่งยืน การเกษตรที่มีเอกภาพและอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ข้อบังคับด้านการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

ส่วนกลไกสำคัญที่จะนำมาใช้ควบคุมตลาดอาหารโลกนั้น นายรอเบิร์ต โซลิค ประธานธนาคารโลกกล่าวว่า จะมีการจัดตั้ง "ระบบข่าวสารด้านตลาดการเกษตร"ขึ้นมาคอยสอดส่องดูแล ทั้งนี้ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เกิดการเก็งกำไรสินค้าการเกษตรขึ้นอย่างตื่นตระหนกในหมู่นักเก็งกำไรในตลาดโภคภัณฑ์ อย่างเช่นที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการขาดข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องชัดเจนเกี่ยวกับปริมาณอาหารโลก

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เผยภาพภูเขาไฟชิลีปะทุล่าสุด​

​

ที่ชิลี ได้ส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศบันทึกภาพการปะทุของภูเขาไฟปูเยฮูล่าสุด เพื่อนำไปประเมินว่า การเคลื่อนไหวของภูเขาไฟตอนนี้จะส่งผลต่อกระทบมากน้อยแค่ไหนทั้งต่อเที่ยวบินและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ช่างภาพของกองทัพอากาศชิลีกล่าวว่า เขาพยายามที่จะจับภาพการเคลื่อนไหวของภูเขาไฟปูเยฮูในมุมที่เห็นชัดที่สุดเพื่อบันทึกภาพเถ้าถ่านที่พวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟและนำไปประเมินความเสี่ยงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะความเสี่ยงของเที่ยวบินต่างๆ

รายงานระบุว่า ในช่วงสัปดาห์นี้เริ่มเกิดลาวาพวยพุ่งออกมา ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เตือนว่า จะเกิดหินหลอมละลายและจะเกิดการปะทุครั้งรุนแรงมากขึ้น

ภูเขาไฟปูเยฮูที่เริ่มปะทุตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมาทำให้เที่ยวบินทั้งในอเมริกาใต้และออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ได้รับผลกระทบ ซึ่งเมื่อวานนี้สนามบิน 2 แห่งทางใต้ของชิลีคือ เทมูโค่และวัลดีเวียยังปิดให้บริการ เที่ยวบินทั้งขาเข้าและออกทุกเที่ยวบินถูกยกเลิก ขณะที่ลมที่เปลี่ยนทิศทางยังทำให้เถ้าถ่านภูเขาไฟส่งผลกระทบต่อสนามบินสำคัญอีก 2 แห่งคือ วิลลาริก้าและปูค่อน ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินบางเที่ยว

ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

"ปลูกทุกอย่างที่กิน"และ"กินทุกอย่างที่ปลูก"






​

ในอดีตประเทศไทยของเราก็เช่นเดียวกันกับประเทศต่างๆในโลก ที่ประชาชนล้วนดำรงชีพจากวิถีการผลิตเพื่อกินเพื่อใช้และอาศัยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ โดยจะปลูกผลผลิตทางการเกษตรและเลี้ยงสัตว์เพื่อใช้บริโภคในส่วนที่มีอยู่ไม่เพียงพอตามธรรมชาติ การปลูกจะปลูกพืชในลักษณะปลูกทุกอย่างที่กินและกินทุกอย่างที่ปลูก โดยไม่คำนึงถึงว่าขายได้หรือไม่

ดังนั้นผู้คนในแต่ละหมู่บ้านจึงมักปลูกผักผลไม้ที่เหมาะกับพื้นที่ และเป็นผักผลไม้ตามฤดูกาลเพื่อไว้กินไว้ใช้ในครอบครัวรวมถึงไว้แจกแก่เพื่อนบ้านเพื่อสร้างมิตรไมตรี วิถีการผลิตดังกล่าวสร้างให้เกิดภาวะสมดุลทำให้สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติไม่ถูกทำลายลงไป ระบบนิเวศของธรรมชาติจะคงความสมบูรณ์สามารถสร้างผลผลิตเกื้อกูลให้แก่ผู้คนในหมู่บ้านได้กินได้ใช้อย่างเพียงพอโดยตลอด

ทำให้ในอดีตผู้คนในตำบลหมู่บ้านอยู่กันอย่างมีความสุขไม่ต้องดิ้นรนให้เดือดร้อนอะไรมากมาย ต่อมาเมื่อการพัฒนากระแสหลักได้เข้ามามีอิทธิพลมากขึ้น วิถีการผลิตแบบเดิมของคนไทยได้เปลี่ยนไปสู่วิถีการผลิตเพื่อการค้ามากขึ้น ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านต่างๆ เริ่มหันปลูกพืชทางเศรษฐกิจตามความต้องการของตลาด เพื่อมุ่งหากำไรตามแบบอย่างในการทำธุรกิจการค้ามากขึ้น การปลูกพืชมักจะเป็นพืชเชิงเดี่ยวที่ผู้คนในหมู่บ้านไม่ได้ใช้บริโภค เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด

การปลูกพืชดังกล่าวมีการลงทุนจำนวนมาก เพราะต้องจ้างรถไถ ซื้อปุ๋ย จ้างแรงงาน ทำให้ผู้คนในหมู่บ้านซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรเริ่มประสบปัญหาขาดทุน และขาดทุนสะสมมากขึ้นๆทุกปี ผู้คนในหมู่บ้านเริ่มเข้าสู่วงจรการกู้เงินทั้งในและนอกระบบ ท้ายที่สุดก็ได้ค่อยๆ เกิดการล้มละลายในภาคเกษตรทั้งระบบ ผู้คนในหมู่บ้านไม่สนใจทำงานในภาคการเกษตรเพราะมีหนี้สินล้นพ้นตัว ต้องทิ้งถิ่นฐาน ทิ้งครอบครัวเพื่อเข้าไปหางานทำในเมือง ในชนบทจะเหลือเพียงเด็กและคนแก่ไว้เฝ้าบ้าน

ทำให้ครอบครัวขาดความอบอุ่น ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมในทุกด้านเช่นปัจจุบัน การพัฒนาในภาคการเกษตรที่ละทิ้งวิถีการผลิตแบบเดิม เปลี่ยนมาเป็นวิถีการผลิตที่มุ่งหวังกำไร เช่นเดียวกับการทำธุรกิจและการค้าอย่างเต็มรูปแบบ ถือว่าเป็นการหลงทางในการพัฒนาภาคเกษตรในประเทศไทยอย่างมาก เพราะพบว่ายิ่งเกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจโดยมุ่งกำไรมากขึ้นเท่าใดก็ยิ่งขาดทุนมากขึ้นเท่านั้น หรือ “ยิ่งทำยิ่งจน” ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาที่เดินตามกระแสที่ผิดทางตลอดมา

ดังนั้นผู้เขียนจึงเห็นว่าเกษตรกรควรเริ่มเปลี่ยนวิธีคิด หันกลับเข้าไปสู่วิถีการผลิตแบบเดิมของเราได้แล้ว เราควรกลับมาเน้นในการ “ปลูกทุกอย่างที่กินและกินทุกอย่างที่ปลูก” ดังเช่นในอดีตของเรา

พืชผักสวนครัวรั้วกินได้ควรเริ่มรื้อฟื้นกลับมา แต่ต้องเป็นการทำโดยจิตสำนึกที่อยากทำ ไม่ใช่ทำโดยใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมากดังที่เคยเกิดปัญหา หากมีพื้นที่จำนวนมากต้องการจะปลูกพืชทางเศรษฐกิจเพื่อหากำไร ก็ไม่ควรทุ่มสุดตัว ควรเหลือพื้นที่สำหรับการปลูกเพื่อกินเพื่อใช้จนเพียงพอในครอบครัวตนเองเสียก่อน ผู้เขียนมั่นใจว่าหากสิ่งเหล่านี้กลับคืนมา ก็มีส่วนช่วยทำให้วิถีชีวิตที่สุขสงบในด้านอื่นๆ ของหมู่บ้านค่อยๆ กลับคืนมาเหมือนเดิม

ดร.บุญช่วย พาณิชย์กุล
๑๓ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

ที่มา http://panichkul.blogspot.com/2010/07/blog-post_5869.html

 

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7512 ข่าวสดรายวัน


ชี้ถ้าการเมืองคลี่คลาย-เงินทุนไหลเข้าอื้อ ต่างชาติจับตาเลือกตั้งไทยแข่งดุ



นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยในงานเปิดตัวหนังสือรายงานด้านเศรษฐกิจและการลงทุนไทย (The Report: Thailand 2011) จัดทำโดยอ๊อกซŒฟอร์ด บิสสิเนส กรุ๊ป (โอบีจี) ว่า ถือเป็นความร่วมมือระหว่างบีโอไอและบีโอจีเป็นเล่มที่ 2 รายงานนี้จะเป็นข้อมูลเชิงลึกในเรื่องเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย ผ่านมุมมอง ทั้งจากเอกชนและนักการเมือง หากได้รับการตอบรับที่ดีอาจจะมีการจัดทำในเล่มต่อไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าไทยจะมีการเลือกตั้งใหม่ ผู้ที่ได้อ่านรายงานหนังสือเล่มนี้จะเข้าใจดีว่าประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริม การลงทุนที่มั่นคง แม้จะมีการเลือกตั้งใหม่ หรือเปลี่ยนขั้วรัฐบาล จะไม่กระทบต่อนโยบายด้านการลงทุน แต่ยอมรับว่ามีนักลงทุนบางส่วนกำลังจับตามองการเลือกตั้งในไทยว่าใครจะเป็นรัฐบาล หากปัญหาการเมืองเรียบร้อยคาดว่าการลงทุนน่าจะดีกว่าในขณะนี้ โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีคำขอรับส่งเสริมการลงทุน 208,000 ล้านบาท เกินครึ่งของเป้าหมายลงทุนที่กำหนดไว้ 400,000 ล้านบาท

นายเพาเลียส คุนซินาส บรรณาธิการระดับภูมิภาคเอเชีย โอบีจี กล่าวว่า ไทยยังถือว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุน แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในปี"54 จะเป็นตัววัดน้ำหนักความเชื่อมั่นของนักลงทุนในปี"54 และช่วงแรกของปี"55 ซึ่งจากข้อมูลพื้นฐานที่ได้รับมา คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตไม่ต่ำกว่า 4% ลดลงจาก 7.8% เมื่อปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ความเสี่ยงของการลงทุนไทยคงหนีไม่พ้นเรื่องความไม่แน่นอนทางการเมือง จะเป็นตัวทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทางโอบีจีคาดว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในไทยจะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ความเสี่ยงของไทยกลับสู่ภาวะปกติ ถ้าการเมืองคลี่คลายเชื่อว่าเงินลงทุนจะไหลมายังไทยอีกมาก

สำหรับเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองในขณะนี้ เชื่อว่าการเพิ่มค่าแรงจะไม่กระทบต่อการลงทุน ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มองถึงศักยภาพแรงงาน และการเข้ามาลงทุนในไทยไม่ได้มองถึงค่าแรงราคาถูก อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานทั้งที่เป็นแรงงานฝีมือและไม่มีฝีมืออย่างมาก ดังนั้นไทยต้องเปิดให้ใช้แรงงานต่างด้าว เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในเรื่องแรงงาน

ด้านนายเดวิด ไลแมน ประธานกรรมการและผู้บริหารระดับสูงด้านวัฒนธรรมองค์กร บริษัท ติลลิกี แอนด์ กิบบินส์ จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานกฎหมายที่ให้บริการลูกความในไทยและเวียดนาม กล่าวว่า ไทยกำลังเตรียมการเลือกตั้งในอีกไม่กี่วันที่คาดว่าจะแข่งขันดุเดือด ทุกฝ่ายในไทยและชาวต่างชาติรอผลการเลือกตั้งและรัฐบาลใหม่ว่าไทยจะเดินหน้าอย่างเข้มแข็งต่อหรือหยุดนิ่ง โดยนักธุรกิจต่างชาติไม่ต้องการให้เกิดวิกฤตความไม่สงบเหมือนเดือน พ.ค.53 อีก

สำหรับกรณีปัญหาการทุจริตในไทยที่สร้างความเสื่อมเสียให้ไทย ทำให้ภาพลักษณ์มัวหมอง เป็นปัญหาที่ฝังรากลึกและเกิดขึ้นเพราะความไม่ใส่ใจหรือมองข้ามและการไม่เคารพกฎหาย คงถึงเวลาแล้วที่ต้องบังคับใช้กฎหมายที่ไทยมีอยู่อย่างเด็ดขาดและจริงจัง

เปิดตัวผลงานไอเดียเด็ด! ประกวดออกแบบบ้าน9พันบาท

เจษฎา บุญประสม



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย ถือเป็นอีกปัญหาใหญ่ของผู้คนบนโลกกว่า 2 พันล้านคนในปัจจุบัน ซึ่งไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะมีบ้านเป็นของตนเอง นี่เองจึงเป็นแรงบันดาลใจให้ วีเจย์ โกวินดาราจัน และ คริสเตียน ซาร์การ์ เกิดไอเดียในการทำโครงการบ้านราคา 300 ดอลลาร์ หรือราว 9,000 บาทขึ้น ซึ่งได้รับความสนใจจากนักคิด ดีไซเนอร์ รวมถึงนักลงทุนเป็นจำนวนมาก นำมาสู่การประกวดการออกแบบบ้านเพื่อผู้มีรายได้น้อย ภายใต้ชื่อ 馄 House Project' หรือ 'โครงการบ้านราคา 300 เหรียญ' ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจส่งแบบบ้านเข้าประกวดเป็นจำนวนมาก และมีการเปิดให้โหวตแบบบ้านที่โดนใจทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งปิดโหวตไปเมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา

โดย 16 โครงการที่โดนใจชาวสังคมออนไลน์มากที่สุดจะได้รับเงินรางวัลรวม 750,000 บาท และ 3 อันดับแรกที่มีคะแนนโหวตสูงสุด จะได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปเพื่อสร้างบ้านต้นแบบ พร้อมรับเงินรางวัลรวมแล้วประมาณ 450,000 บาทอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีรางวัลพิเศษจากคณะกรรมการอีก 3 รางวัล
<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=right border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>

</TD></TR></TBODY></TABLE>


สำหรับข้อกำหนดในการออกแบบบ้านเพื่อผู้มีรายได้น้อยที่โครงการตั้งเอาไว้คือต้องออกแบบให้บ้านคงทนต่อสภาพอากาศ กันไฟ สามารถอยู่ได้ถึง 50 ปี และมีความสวยงาม ภายใต้งบประมาณไม่เกิน 9,000 บาท ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับแต่ละภูมิภาคบนโลกได้อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น บ้านจะต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 2.2 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดเล็กสุดที่กำหนดไว้ จะออกแบบให้กว้างกว่านี้ก็ได้ และต้องมีพื้นที่สำหรับการนอนและการทำอาหาร มีแสงสว่าง มีน้ำกินน้ำใช้ ไฟฟ้า และต้องมีความปลอดภัยในการอยู่อาศัยอีกด้วย

โครงการที่ได้รับเสียงโหวตจากคณะกรรมการมากที่สุดคือ 300 พอสสิบิลิตีส์ (300 Possibilities) ซึ่งเป็นแบบบ้านแยกส่วนที่ปรับให้เหมาะกับทุกสภาพอากาศและวัสดุที่มี ซึ่งเหตุผลที่ทำให้โครงการนี้ชนะใจกรรมการ คือ การที่แบบบ้านนี้ปรับให้เข้ากับทุกสภาพ ไม่ว่าจะเป็นแนวถนน หรือทิศทางลม ส่งผลให้ใช้ทรัพยากรต่างๆ ทั้งพื้นที่ แสงสว่าง และอากาศได้อย่างเต็มที่

รางวัลที่สองตกเป็นของ โครงการกราวด์-อัพ (Ground-Up) จากกลุ่มอาคิเทกเชอร์ คอมมอนส์ (Architecture Commons) ที่ใช้หลักการประหยัดโดยขนาด (Economies of Scale) ทำให้ครอบครัวสร้างงาน สร้างรายได้จากพื้นที่ว่างหน้าบ้านของตนเอง และยังพร้อมสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ถังเก็บน้ำฝน แผงโซลาร์เซลล์ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในชุมชนอีกด้วย

และรางวัลสุดท้ายตกเป็นของโครงการไฮบริด เฮาส์ (Hybrid House) ที่ปรับโครงสร้างหลังคาให้เหมาะกับสภาพอากาศของทุกภูมิภาคของโลก นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งปันสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้บ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงสามารถใช้ร่วมกันได้อีกด้วย

สำหรับโครงการที่ได้รับเสียงโหวตทางอินเตอร์เน็ตมากที่สุด และจะได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปฟรีคือ โครงการโททัลลี ทิวบูลาร์ (Totally Tubular) ที่ใช้ท่อไฟเบอร์ ดินเหนียว ตลอดจนเศษขยะและเศษหินในการก่ออิฐ ทำให้บ้านกันน้ำและแข็งแรงด้วยงบประมาณอันน้อยนิด

ต่อด้วย โครงการซูเปอร์อะโดบิ (SuperAdobe) โดย โรเจริโอ อัลเมด้า และกุสตาโว่ ธรอน ซึ่งโดนใจสังคมออนไลน์ด้วยการใช้วัสดุที่หาได้ง่าย และการออกแบบให้กำแพงมีส่วนเกินออกมา ยังทำให้สร้างบ้านหลังใหม่ต่อได้โดยใช้แรงงานและต้นทุนน้อยลงอีกด้วย

ปิดท้ายที่โครงการเอิร์ธแบ๊ก คอมมิวนิตี (Earthbag Community) ซึ่งใช้วัสดุทั่วไปที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นในการทำหลังคาและผนัง ทำให้ใช้ทรัพยากรและเงินในการสร้างน้อยลง

วีเจย์ โกวินดาราจัน หนึ่งในหัวหน้าโครงการ กล่าวส่งท้ายว่า การตอบรับในโครงการนี้ถือว่าดีมาก จากนี้เราจะก้าวต่อไปเพื่อสร้างบ้านต้นแบบ เพื่อพัฒนาเป็นบ้านจริงๆ สำหรับผู้มีรายได้น้อยต่อไป

พรรคไหนมีนโยบายสร้างบ้านเพื่อคนจน ลองเอามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสังคมไทยดูก็ไม่เลวเหมือนกัน

เอกชนสับเละนโยบายขึ้นค่าแรง



นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงนโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งว่า นโยบายต่างๆ ล้วนเป็นนโยบายที่เน้นประชานิยม เพื่อเข้าถึงคนระดับรากหญ้าให้มากที่สุด โดยเฉพาะการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่หากมีการปรับขึ้นภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพราะแรงงานกว่า 30 ล้านคนทั้งประเทศเป็นแรงงานในภาคอุตสาหกรรมถึง 12 ล้านคน ขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมก็ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ โดยปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวในระบบ 700,000 คน และนอกระบบอีก 2.5 ล้านคน ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และการหาเสียงด้วยการประกาศจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำนั้น ถือเป็นการแทรกแซงคณะกรรมการไตรภาคี ทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น

นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้สถานการณ์ส่งออกในเดือนพ.ค.54 จะมีการเติบโตไปในทิศทางบวกเกือบทุกรายการ แต่ปัญหาสำคัญที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะเร่งด่วนคือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุให้ผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมต้องยกเลิกการใช้แรงงานต่างด้าว ไร้ฝีมือภายใน 6 เดือน มีผลบังคับใช้ 24 พ.ย.54 ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถหาแรงงานได้ ดังนั้นสภาผู้ส่งออกฯ และผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออกต่างๆ จะยื่นข้อเสนอแนะต่อบีโอไอให้มีการผ่อนผันการห้ามใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือออกไปก่อน เพื่อป้องกันการปิดตัวของโครงการต่างๆ

ยิงไม่เข้าฟันไม่ออก

คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง
โดย ราม วัชรประดิษฐ์


<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>

</TD></TR></TBODY></TABLE>พระดังในอดีตที่ขึ้นชื่อลือเลื่องในพุทธคุณด้านแคล้ว คลาดยิงไม่เข้าฟันไม่ออก คงกระพันชาตรี ประเภทแรกต้องยกให้ "พระเครื่องตระกูลยอดขุนพล" ไม่ว่าจะเป็น พระร่วงหลังรางปืน พระหูยาน พระท่ากระดาน พระพุทธชินราชใบเสมา พระมเหศวร และ พระยอดขุนพลกรุต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงในเรื่องความ "เหนียว" ทั้งสิ้น

สังเกตให้ดีพระตระกูลนี้จะเป็นพระประเภทเนื้อ "ชิน" ซึ่งมีความหมายถึง "ชินะ หรือชนะ" บวกกับการผสมแร่โลหะอันมีคุณวิเศษต่างๆ ยิ่งทำให้เป็นที่เสาะแสวงหา พระเครื่องบางประเภทยังถูกผูกเข้ากับตำนานวีรบุรุษ เช่น ความแคล้วคลาดขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ถูกพระมหาอุปราชาจ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าว แต่ด้วยพุทธคุณขององค์พระที่ได้รับการอัญเชิญให้ประดิษฐานบนพระมาลาทำให้เพียงถูกขอบ จนเรียกพระมาลาเบี่ยงมาแต่นั้น ทำให้เกิดความเชื่อว่าเกี่ยวพันกับองค์พระประเภทยอดขุนพล เช่น พระร่วงหลังรางปืน พระหูยาน หรือพระพิจิตร ส่วน "พระมาลาเบี่ยง" ประดิษฐานที่พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานนั้น พระพุทธรูปที่ประดิษฐานรายรอบพระมาลาเบี่ยงเป็นพระพุทธศิลปะเขมรแบบบายน ราวพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นพระพุทธรูปทองคำรายล้อม 21 องค์ แบ่งเป็นพระพุทธรูปประทับยืน และพระพุทธรูปประทับนั่ง

นอกจากนี้พระเครื่องที่ขึ้นชื่ออีกตระกูลหนึ่งคือพระสมเด็จทุกวัด ของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ไม่ว่าจะเป็นวัดระฆังโฆษิตา ราม วัดบางขุนพรหม (วัดใหม่อมตรส) วัดไชโยวรวิหารหรือเกศไชโย นอกจากมีพุทธคุณครอบจักรวาลในฐานะจักรพรรดิแห่งพระเครื่องแล้ว ยังได้รับการร่ำลือถึงความแคล้วคลาดปลอดภัย เช่น เรื่องของ "ลุงพุฒิ" อันเป็นเจ้าของพระสมเด็จองค์งามที่เดิมเป็นของคุณฉลี ยงสุนทร ปัจจุบันอยู่กับ "รังใหญ่" คุณไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ (โป๊ยเสี่ย) กล่าวกันว่าลุงพุฒิแกขี้เมาพกพระสมเด็จฯ เดินไปเดินมา คนก็จ้องจะดักตีเอาพระ แต่ไม่เคยดักตีแกได้เลยไม่ว่าแกจะเมาขนาดไหน

อีกทั้งยังมีเรื่องจริงไม่อิงนิยายที่คุณนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รอดจากการถูกรุมสกรัมตอนม็อบบุกมาได้ ทั้งเนื้อทั้งตัวแขวนพระสมเด็จวัดระฆังฯ อยู่องค์เดียว

ไม่นับการยิงอดีตส.ส.ประชา ประสพดี ที่แขวนพระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ซึ่งถูกลั่นกระสุนใส่ขณะกำลังเอี้ยวตัวเก็บพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมให้เข้าไปในอกเสื้อพอดีทำให้กระสุนถูกที่ไม่สำคัญ

พระเครื่องอีกประเภทหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงเรื่องเหนียว ได้แก่ พระ 25 พุทธศตวรรษ ทั้งเนื้อชินและเนื้อดิน มีเรื่องเล่าว่า ฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม พกพาติดตัวเป็นประจำทำให้รอดพ้นจากการลอบสังหารด้วยยาพิษ และอาวุธต่างๆ อย่างน่ามหัศจรรย์ และเป็นที่กล่าวขวัญในวงการนักเลงโดยเฉพาะเนื้อดินว่าสมัยก่อนคนจะทัดไว้กับใบหู มีนักโทษแหกเรือนจำแย่งปืนจากผู้คุมแล้วรัวยิงปรากฏว่ากระสุนไม่ระคายผิวผู้คุมดังกล่าวแม้แต่นัดเดียว เรียกว่าเป็นของดีราคาถูก

ส่วนพระที่ทุกคนรู้จักกันดีในทางแคล้วคลาดได้แก่พระของพระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านทำไว้แจกชาวบ้านให้อยู่รอดปลอดภัย เรียกว่าใครแขวนหลวงปู่ศุขไว้ไม่มีอันตรายใดๆ มาแผ้วพาน ได้รับความนิยมทั้งสองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจากปากคลองมะขามเฒ่าจนถึงกรุงเทพฯ

เช่นเดียวกับพระเครื่ององค์สำคัญ พระวัดรังสี (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งคณะเหลืองรังสี วัดบวรนิเวศวิหาร กทม.) ถึงขนาดสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงนิพนธ์ไว้ในของดีกรุงรัตนโกสินทร์ว่า "ผู้ใดมีพระวัดรังสี ผู้นั้นชีวีไม่วางวาย" นอกจากนี้ยังมีพระประเภทหนึ่งสมัยก่อนเขาฝนให้วัวกินแข่งขวิดกันเรียกว่าอีกตัวขวิดไม่เข้า ได้แก่ พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรี ที่ได้รับการยกย่องเป็นสุดยอดพระเครื่องในเบญจภาคีนั่นเอง

ช่วงนี้อยู่ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ใครใคร่อาราธนาพระเหนียวๆ เอาไว้ป้อง กันตัวก็เลือกกันเอาเองแล้วกันครับผม

พึ่งพ่อคูณ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>

</TD></TR></TBODY></TABLE>กลุ่มรักประชาธิปไตยพะเยา ได้ติดป้ายไวนิลขนาดใหญ่ซึ่งเป็นภาพของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ตามถนนทางแยกต่างๆ และในเขตชุมชนทั่ว จ.พะเยา รณรงค์ไม่ขายสิทธิ์ขายเสียง












2หมวยดาวแพลงกิง สร้างสรรค์-บูมท่องเที่ยว

สกู๊ปพิเศษ


<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ปรากฏการณ์ 'แพลงกิ้ง' หรือ การนอนคว่ำหน้าตามสถานที่แปลกๆ แล้วถ่ายรูปที่ฮิตระบาดไปทั่ว เพิ่งเป็นข่าวดังในเมืองไทยเมื่อเร็วๆ นี้

หลังจากเป็นข่าวดังมาพักใหญ่ในข่าวต่างประเทศ โดยเฉพาะสอง หมวยแห่งเกาะไต้หวัน ผู้โด่งดังในกลุ่มแพลงเกอร์ มีแฟนๆ ติดตามความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กกว่า 100,000 คน

สำนักข่าวรอยเตอร์มาสัมภาษณ์ทำสกู๊ปพิเศษของสองสาวเผยแพร่ไปทั่วโลก เมื่อปลายเดือนที่แล้ว

ในรายงานของรอยเตอร์ ระบุว่า แม้จะเคยเกิดกรณีหนุ่มออสเตรเลียทำแพลงกิ้งตกลงมาเสียชีวิต และอีกรายบาดเจ็บสาหัส รวมถึงอีกหลายกรณีที่หวาดเสียวในออสเตรเลีย ดินแดนต้นตำรับของการแพลงกิ้ง

แต่สองสาว คาร์เรน กับ จินหยู แพลงกิ้งในทางสร้างสรรค์ โดยเป็นช่องทางส่งเสริมการท่องเที่ยวไต้หวันไปในตัว ไม่เฉพาะกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่ แต่รวมไปถึงผู้คนทั่วโลก

ทั้งสองร่วมทีมกันในนาม "ผูเจีย เกิร์ล" ภาษาจีนกลางมีความหมายว่า "ล้มลงบนพื้นถนน" นอกจากนี้ยังมีภาษาจีนกวางตุ้งว่า "ปุ๊กไก่" หมายถึง "ทำล้มตายกันไหม" โดยทำแพลงกิ้งกันตามถนนหนทางที่ปลอดภัย โดยเลือกจุดที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และเขียนข้อความให้คนตามไปเที่ยว

เช่น หน้าอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ก หน้าโรงละครแห่งชาติในกรุงไทเป

รวมถึงสถานที่ที่ผู้คนคุ้นเคย เช่น หน้าสถานีรถไฟ ข้างป้ายรถเมล์ หรือข้างตู้ไปรษณีย์



"ต อนแรกเราทำกันเล่นสนุกๆ แต่ต่อมาเห็นว่าภาพมันสะดุดตามากๆ ดังนั้นคงจะเป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพมากในการส่งสารต่างๆ" จินหยู วัย 25 ปีกล่าว

ในช่วงที่สองสาวออกทำแพลงกิ้งแรกๆ กลุ่มวัยรุ่นมักจะเดินเข้ามาขอถ่ายรูป ส่วนผู้ใหญ่จะมองด้วยสายตาแปลกๆ

มีนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงเห็นทั้งสองเข้าก็อุทานด้วยความดีใจว่า "นั่นปุ๊กไก่...ปุ๊กไก่ จริงๆ ด้วย"

คาร์เรน เป็นช่างภาพอาชีพ ขณะที่ จินหยู วัย 25 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยกำลังเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งคู่เดินสายออกรายการทีวีระดับชาติหลายรายการเพื่อสาธิตการทำแพลงกิ้งและสอนวิธีการทำที่ถูกต้องและปลอดภัย

นอกจากการทำแพลงกิ้งในสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อเชิญชวนให้มาเที่ยว สองสาวเลือกทำแพลงกิ้งในเวอร์ชั่นที่ปลอดภัยและเป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น ทำแพลงกิ้งกับสุนัขจรจัด เพื่อกระตุ้นให้คนช่วยเหลือสัตว์

ทั้งสองเขียนในเฟซบุ๊กว่า "กฎทอง 3 ข้อที่ต้องปฏิบัติตามคือ เราต้องไม่รบกวนผู้อื่น เราต้องไม่ทำร้ายตัวเอง และเราจะไม่ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ"

คาร์เรน สาววัย 28 ปี ซึ่งแต่งตัวเลียนแบบตัวการ์ตูนมังงะของญี่ปุ่นและสะพายเป้สีแดง กล่าวโดยมีคู่หูนั่งพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ใกล้ๆ ว่า จริงๆ แล้ว การทำแพลงกิ้งไม่ได้ยากอะไรและตนก็ไม่ได้ห่วงว่าจะสกปรกอะไร

แฟนคลับคนหนึ่งเขียนว่า "ฉันชอบมาก มันเป็นศิลปะ!"

 

"สันตติ"
​

สันตติ คือ การสืบต่อเนื่องกันไปไม่ขาดสายของขันธ์ 5 โดยสืบต่อเนื่องจากจิตดวงหนึ่งที่ดับไป จิตดวงใหม่ก็เกิดขึ้นต่อกันในทันที, หรือรูป ๆ หนึ่งดับไป รูปใหม่ ๆ ก็เกิดต่อกันไปในทันที หรือบางทีรูปเก่ายังไม่ดับรูปใหม่ก็เกิดขึ้นมาสำทับกันเข้าไปอีก
สันตติเป็นกฎธรรมชาติ เป็นนิยามห้ามไม่ได้ เว้นแต่จะดับขันธปรินิพพานแล้วเท่านั้น สันตติจึงจะไม่เป็นไป, แม้ในอสัญญสัตตภพ และผู้เข้านิโรธสมาบัติท่านก็ยังจัดว่ามีสันตติของจิตอยู่นั่นเอง​

สันตติที่เกิดขึ้นสืบต่อกันไปอย่างรวดเร็วไม่ขาดสายนี้ จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่า ขันธ์ 5 ไม่เกิดไม่ดับ ทั้งที่ความจริงแล้วเกิดดับต่อกันวินาทีละนับครั้งไม่ได้ ในคัมภีร์ท่านจึงกล่าวว่า "สันตติปิดบังอนิจจลักษณะ" เพราะอนิจจลักษณะเป็นเครื่องกำหนดความไม่สืบต่อของขันธ์ 5 ที่มีขอบเขตของเวลาในการดำรงอยู่จำกัดมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับสันตติที่ต่อกันจนดูราวกับว่าไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย​

การที่ยังพิจารณาอนิจจลักษณะว่า "ขันธ์ที่ยังไม่เกิดก็เกิดมีขึ้น พอมีขึ้นแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นไม่มีไปอีก"เป็นต้น ไม่บ่อย ไม่ต่อเนื่อง หรือเพิ่งเริ่มกำหนด จึงยังไม่เกิดความชำนาญ อนิจจลักษณะที่กำหนดอยู่ก็จะไม่ชัดเจน ไม่เข้าใจกระจ่างเท่าไหร่ สันตติจึงยังมีอำนาจรบกวนไม่ให้กำหนดอนิจจลักษณะ ได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง​

ข้อมูลดีๆ จาก : http://www.watnai.org​

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปักกิ่งจมบาดาล ฝนตกหนักทำรถติดทั่วเมือง-95 เที่ยวบินยกเลิก (ชมภาพชุด)</TD><TD vAlign=baseline width=102 align=right></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 มิถุนายน 2554 17:34 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>รถยนต์จอดเสียจมอยู่ใต้น้ำใต้สะพานเหลียนฮัว บนถนนวงแหวนรอบที่ 3 ทางทิศตะวันตกของกรุงปักกิ่งเมื่อเย็นวาน (23 มิ.ย.)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ASTVผู้จัดการ – เกิดเหตุฝนตกครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปีของกรุงปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสบดี (23 มิ.ย.) ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ต้องจมอยู่ใต้น้ำ บางเขตท่วมสูงถึง 1.5 เมตร ขณะที่ระบบขนส่งมวลชนเกือบทุกอย่างได้รับผลกระทบหมด ขณะที่สนามบินต้องยกเลิก 95 เที่ยวบิน ประชาชนโวยระบบระบายน้ำสุดห่วย
</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> วานนี้ (23 มิ.ย.) นครปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีนเกิดเหตุฝนตกหนักครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี โดยฝนเริ่มตกในพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงปักกิ่งเมื่อเวลาประมาณ 16.30น. และในเวลาไม่นานท้องถนนและทุกพื้นที่ในเขตเมืองนั้นก็เจิ่งนองและเอ่อล้นไปด้วยน้ำท่วมขัง ด้านอุตุนิยมวิทยาของปักกิ่งได้ทำการประเมินว่าปริมาณฝนที่ตกเฉลี่ยทุกพื้นที่ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงนั้นมากถึง 50 มิลลิเมตร

ภายหลังฝนตกได้ 4 ชั่วโมง เมื่อเวลา 20.30น. สถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (ซีซีทีวี) ก็รายงานว่า ทั่วกรุงปักกิ่งมีน้ำท่วมขังอยู่ตามแยกต่างๆ 42 แยก ขณะที่แยกเดินรถที่มีน้ำท่วมขังสูงที่สุดคือแยกเหลียนฮัวเฉียวที่ระดับน้ำท่วมสูงถึง 1.5 เมตร โดยมีรถบางคันต้องจอดเสียบริเวณทางลอดแยกจนน้ำท่วมขึ้นมาถึงระดับหลังคา

ขณะเดียวกันรถไฟใต้ดินและรถไฟฟ้าหลายสายในกรุงปักกิ่งก็ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสายที่ 1, สายที่ 13, สายอี้จวง เป็นต้น โดยสายที่ 1 เกิดเหตุน้ำฝนไหลเข้าไปในทางเดินรถใต้ดินปริมาณมาก ทำให้ต้องหยุดเดินรถเป็นบางช่วงเพื่อตัดไฟ และดำเนินการแก้ไข ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็ได้ตัดสินใจแก้ไขเรื่องปัญหาการเดินทางกลับที่พักของประชาชนด้วยการขยายเวลาการปิดให้บริการรถไฟใต้ดินและรถไฟฟ้าทั้ง 12 สายออกไปอีก 1 ชั่วโมง ในช่วงคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

ในส่วนของสายการบินต่างๆ ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศที่แปรปรวนเช่นกัน โดยเที่ยวบินเข้า-ออกจากสนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่งต้องล่าช้ากว่ากำหนดถึง 66 เที่ยว และต้องยกเลิกเที่ยวบินอีกกว่า 95 เที่ยว

ด้านชาวปักกิ่งที่เกิดและเติบโตขึ้นในมหานครแห่งนี้จำนวนมากให้ความเห็นว่า เหตุการณ์ฝนตกหนักครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษเลยเดียว ขณะที่โลกออนไลน์ของจีนก็มีประชาชนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การบริหารจัดการเรื่องการระบายน้ำของกรุงปักกิ่งนั้นย่ำแย่มาก
</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ​

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300><TBODY><TR><TD vAlign=top width=300 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE>น้ำเจิ่งนองบนลานบินสนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่งจนทำให้เที่ยวบินต้องล่าช้า 66 เที่ยวบินและยกเลิกเกือบร้อยเที่ยว</TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000077331</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ต่อไป แม่น้ำโขงน่าห่วงมากเลย
เหล่านาคทั้งหลาย เดือดร้อนมาก จากสารพัดเขื่อนของจีน
จะแผลงฤทธิ์เมื่อไหร่ไม่รู้

 

คาดเป็นผลมาจากพายุไหหม่า
24 มิ.ย.54 รายงานข่าวแจ้งว่า กรมอุตุฯ ได้ออกประกาศเตือนภัย ฝนตกหนัก-น้ำท่วมฉับพลัน และคลื่นลมแรง ฉบับที่ 2 ว่าพายุโซนร้อน ไหหม่า (Haima) บริเวณอ่าวตังเกี๋ยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 250 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม
กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกและจะขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามในวันนี้ (24 มิ.ย.54) โดยจะมีกำลังอ่อนลงเป็นลำดับ คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเข้าประเทศลาวในระยะต่อไป
ลักษณะเช่นนี้จะมีผลกระทบทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในหลายพื้นที่ ในช่วงวันที่ 24-26 มิถุนายน 2554 นี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดลมกระโชกแรง น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก
เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยตามที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน ระมัดระวังภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย



แท็กซี่ไทย

นักธุรกิจญี่ปุ่นปลื้มน้ำใจแท็กซี่ไทยเก็บกระเป๋าภายในมีทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า4ล้านส่งคืนผ่านวิทยุสวพ.91
24 มิ.ย. รายงานข่าวแจ้งว่า ที่สถานีวิทยุสวพ.91 นายอุดม โพธิ์ลังกา คนขับรถแท็กซี่ทะเบียน ทร 4305 กทม. และน.ส.อริสา ศรีขวัญ อายุ 29 ปี ผู้โดยสาร พบเห็นกระเป่าภายในมีทรัพย์สินมีค่า นาฬิกาข้อมือแบรนด์เนม 5 เรือน ปากกา และแหวนทอง 1วง มูลค่ารวมกว่า 4 ล้านบาท จึงแจ้งสวพ.91 ประสานจนพบเจอเจ้าของ คือ นาย อลอง ลี นักธุรกิจเรือเช่า ชาวญี่ปุ่น เพื่อรับมอบกระเป๋าคืน
ทั้งนี้ นายอลอง ลี กล่าวว่า รู้สึกดีใจและแปลกใจมากที่ นายอุดม และน.ส.อริศรา จะนำของกลับมาคืนให้ จึงรู้สึกได้ทันที่ว่า คนไทยมีน้ำใจ มีจิตใจดี โดยตยได้เดินทางเข้ามาอยู่ประเทศไทย มากว่า 29 ปีแล้ว ทราบว่ามีเหตุอาชญากรรมรายวัน จึงไม่คิดว่าจะได้รับของคืน เป็นเรื่องที่ประหลาดใจมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายอุดม และน.ส.อริศราได้มอบกระเป๋าสัมภาระคืนให้กับเจ้าของแล้ว นายลอง ลีได้มอบสินน้ำใจให้กับนายอุดมเป็นเงิน 5,000บาท และน.ส.อริศรา 3,000บาท

Mthai News

 

รายงานข่่าววันที่ 25 มิถุนายน 2554 นี้ เกิดแผ่นดินไหว ศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดตรัง ประมาณ 3 ริคเตอร์

 

สาวจีนฮีโร่-"จูบ"ช่วยหนุ่มจ่อฆ่าตัว

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7513 ข่าวสดรายวัน





ชาวจีนวัย 19 ปี กลายเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตหนุ่มน้อยวัย 16 ปีผู้สิ้นหวังที่กำลังจะฆ่าตัวตาย ด้วยการจูบปลอบใจทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

เหตุเกิดในห้างสรรพสินค้าที่เมืองเสิ่นเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ทางใต้ของจีน น.ส.หลิว เหวินซิ่ว อาชีพพนักงานโรงแรมวัย 19 ปี กำลังเดินช็อปปิ้งอยู่ เห็นผู้คนในห้างมุงดูชายคนหนึ่งไปยืนตรงนอกระเบียงชั้นสูงสุดของห้าง ถือมีดจ่อหน้าอก ตัวเอง แต่ทุกคนได้แต่มอง ไม่มีใครเข้าไปช่วยอะไร

หญิงสาวกล่าวว่า ตอนนั้นคิดแต่ว่าจะช่วยชายคนนั้น แต่ตำรวจไม่ยอมให้เข้าไป จึงโกหกว่าเป็นแฟนของตน ต้องการฆ่าตัวตายเพราะตน ตำรวจจึงยอมให้เข้าไปพูดเกลี้ยกล่อม ตนตรงเข้าไปถามว่าเป็นอะไร ชายคนดังกล่าวบอกว่ากำลังสิ้นหวัง เศร้าเสียใจ เพราะตนเองมาจากครอบครัวที่บ้านแตก ซึ่งตนก็เป็นเด็กบ้านแตกเหมือนกัน จึงเข้าใจชายคนนี้เป็นอย่างดี จากนั้นสาวหลิวก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด คือจับตัวชายคนนั้นเข้ามากอดแล้วจูบที่ริมฝีปาก สร้างความตกตะลึงให้กับผู้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้สติแล้วเข้าช่วยเหลือหนุ่มคิดสั้นรายนี้ไว้ได้ในที่สุด สำหรับน.ส.หลิว เกิดที่มณฑลอานฮุย ฐานะยากจนต้องเลิกเรียนกลางคันเพื่อออกหางานทำเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย หญิงสาวกล่าวว่า ตนและน้องสาวต้องใช้ชีวิตลำบากมาก พอมาเห็นชายหนุ่มจนตรอกคิดสั้นจึงรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองเมื่อครั้งอดีต

หลังเหตุวุ่นวายจบลง น.ส.หลิวก็กลับบ้านแต่ตำรวจต้องตามตัวกลับมาอีกครั้ง หลังหนุ่มน้อยบอกกับตำรวจว่าจะไม่ยอมให้ปากคำหากผู้หญิงที่ช่วยชีวิตไม่อยู่ด้วย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้คุยกันผ่านสายโทรศัพท์เพียงเท่านั้น แต่ก็ได้แลกเบอร์โทรศัพท์มือถือกันเป็นที่เรียบร้อย

 

ประเทศที่เจอลูกหลงภัยธรรมชาติจากจีนบ่อย ก็เวียดนามนี่แหละ คิดอย่างตรรกะก็คงเพราะภูมิประเทศเอื้อ ส่วนถ้าคิดอีกอย่าง ก็น่าจะต้องตรวจดวงเมือง ว่ามีอะไรเหมือนกันไหม











<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>พายุฝน กระหน่ำเวียดนาม ฟ้าผ่าตาย 7 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=middle align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=middle align=left>25 มิถุนายน 2554 </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=middle align=center></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>คณะกรรมการควบคุมอุทกภัยและพายุแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยวันนี้ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน ในจำนวนนี้ 7 คน เสียชีวิตจากการถูกฟ้าผ่า ขณะกำลังทำงานอยู่ในทุ่งนา หลังเกิดพายุและฝนตกหนักทางภาคเหนือของประเทศ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีผู้สูญหายอีก 3 คน

ขณะที่มีรายงานว่า เกิดพายุหมุนในเมืองท่าไฮฟอง ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายเกือบ 1,000 หลัง

เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนระวังอันตรายจากโคลนถล่มในพื้นที่แถบภูเขา


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่าเหตุแห่งความแปรปรวนของบรรยากาศในช่วงนี้เกิดจากอิทธิพลของลมสุริยะที่เกิดขึ้น

 

18 มิ.ย. 54<O</O
อย่าหลง ดีใจ ภัยไม่มา<O</O
ที่ไม่มา เพราะเวลา นั้นไม่ใช่<O</O
ถ้ามันมา แล้วผม จะบอกไป<O</O
รีบแจ้งภัย ให้เตรียมการ มารมันมา<O</O
<O</O
หลาน หลาน แจ้งบอก กลางเดือนนี้<O</O
ไม่ใช่ที่ ผมรู้มา นั้นไม่ใช่<O</O
ก็แจ้งตอบ กับหลาน ได้บอกไป<O</O
ถ้าว่าใช่ หน่วยเหนือ ต้องเตือนมา
<O</O<O</O
สิ่งที่ห่วง คือคนกลาง เก่งการเงิน<O</O
มาดำเนิน เป็นผู้นำ ของประเทศ<O</O
ถ้ามันจริง ตามที่ว่า จะเกิดเหตุ<O</O
ก็ต้อง said แผ่นดินไหว จะตามมา
<O</O<O</O
สองปีมา ที่ผมเปิด ฐานผาแบ่น<O</O
เพื่อจะแบ่ง การทำงาน ของหน่วยเหนือ<O</O
มาวันนี้ ใกล้จะปิด การช่วยเหลือ<O</O
เวลาเหลือ นั้นไม่มาก จึงแจ้งมา
<O</O<O</O
สิ้นมิ.ย. ฐานผาแบ่น ปิดสนิท<O</O
แจ้งมิ่งมิตร รีบเข้ามา อย่าชักช้า<O</O
เพราะเวลา เหลือน้อยไม่คอยท่า<O</O
เดี๋ยวจะว่า ผมไม่เตือน จึงแจ้งมา<O</O
<O</O
องค์อินทร์ ๙๗<O</O
ทำการแทน
<O</O<O</O
25 มิ.ย. 54 รัชดากับไม้กางเขน<O</O
<O</O
ภาพนิมิตผมได้ยินคำว่ารัชดาพร้อมกับได้เห็นไม้กางเขน<O</O
พอจะตีความหมายได้ดังนี้ รัชดาน่าจะสื่อถึงสถานเริงรมย์ส่วนไม้กางเขนจะสื่อถึงความตาย (จากนิมิตวันที่ 24 มิ.ย.54)
<O</O<O</O
องค์อินทร์ ๙๗<O</O
ทำการแทน
<O</O<O</O
หมายเหตุ เนื่องจากเครื่องส่งผมเออเร่อบ่อยไม่สามารถจะส่งผ่านแนวร่วมได้ จึงขอส่งผ่านทางเว็บฯแทน <O</O<O</O

 

ชาวฟิลิปปินส์ 90,000 คน อพยพหนีพายุโซนร้อนมิอาริ​

​

มะนิลา 25 มิ.ย.- ประชาชนฟิลิปปินส์เกือบ 90,000 คนต้องอพยพออกจากที่พักอาศัย หลังเกิดอุทกภัย ซึ่งเป็นผลจากพายุโซนร้อนมิอาริ ที่พัดถล่มในหลายพื้นที่ของฟิลิปปินส์ และทำให้มีผู้สูญหายแล้ว 15 คน

ประชาชนราว 25,000 คน ในเขตชานกรุงมะนิลา ต้องไปพักอาศัยในศูนย์อพยพชั่วคราว หลังเกิดน้ำท่วมอย่างหนัก และในเวลานี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า ประชาชนจะกลับไปยังที่พักของตนเองได้เมื่อใด ขณะที่ชาวประมง 10 คนในพื้นที่ดังกล่าวสูญหายไป แต่ล่าสุดทางการฟิลิปปินส์สามารถช่วยเหลือชาวประมงคนหนึ่งไว้ได้แล้ว นอกจากนี้ สตรีรายหนึ่งถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดหายไป และเด็กอีก 2 คนสูญหายไปหลังเกิดเหตุน้ำท่วมและดินถล่มบริเวณชานกรุงมะนิลา

ด้านสถานีพยากรณ์อากาศของฟิลิปปินส์ รายงานว่า พายุโซนร้อนมิอาริ มีความเร็วลมสูงสุดถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีศูนย์กลางอยู่ทางตอนเหนือของกรุงมะนิลา ราว 600 กิโลเมตร และกำลังเคลื่อนไปยังประเทศจีน อิทธิพลของพายุดังกล่าวทำให้เกิดฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดการเรียนการสอนและเที่ยวบิน 26 เที่ยวถูกยกเลิกตั้งแต่เมื่อวานนี้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่เหมาะต่อการเดินทาง.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 25 มิ.ย. 2554

พายุฤดูฝนกระหน่ำภาคกลางของจีนอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง​

​

25 มิ.ย.- พายุฤดูฝนที่กระหน่ำภาคกลางของจีนอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง และแผ่นดินถล่มหลายจุด ทางการต้องเร่งอพยพประชาชนหลายร้อยคน ไปยังที่ปลอดภัย

ที่เขต กงชาน ในมณฑลยูนนาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ทหารและตำรวจได้ผนึกกำลังกับหน่วยดับเพลิงช่วยกันอพยพประชาชน ที่อาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำปี้ปี้หลี่ ไปยังที่ปลอดภัยขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องมาจากต้นไม้ และดินโคลนที่ถล่มจากภูเขา ได้ทะลักลงสู่แม่น้ำเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีรายงานเกิดแผ่นดินถล่มหลายแห่ง พื้นที่การเกษตรเสียหายอย่างหนัก ถนนหลายสายถูกตัดขาด กระแสไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ ส่วนที่เมืองฉงชิ่ง ในเขตหยุนหยาง ก็เกิดแผ่นดินถล่มและโคลนทะลักลงท่วมทับหมู่บ้านตามแนวเชิงเขาและไหลเลยมาท่วมถนน ทำให้ถนนถูกตัดขาด และเป็นอุปสรรคต่อการติดต่อกับโลกภายนอกอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด อุทกภัยที่มาพร้อมกับฤดูฝนของจีนในปีนี้ เกิดขึ้นรุนแรงในภาคกลางและตะวันออกของจีน คร่าชีวิต ผู้คนไปแล้ว อย่างน้อย 175 คน สูญหาย 86 คน คิดมูลค่าความเสียหายโดยตรงทางเศรษฐกิจถึง 35,000 ล้านหยวน ภาวะฝนตกหนักในจีนได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนนี้ และต่อเนื่องมาจนขณะนี้ ทำให้จำนวนผุ้อพยพหนีอุทกภัยจากพื้นที่ต่างๆ ในขณะนี้เพิ่มเป็น กว่า 1.64 ล้านคน ทำให้ทางการจีนต้องอนุมัติเงินช่วยเหลือผุ้ประสบอุทกภัยฉุกเฉินอีก 340 ล้านหยวน เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา. -สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 25 มิ.ย. 2554

พายุพัดกระหน่ำเวียดนาม มีผู้เสียชีวิต 10 คน​

​

ฮานอย 25 มิ.ย. – คณะกรรมการควบคุมอุทกภัยและพายุแห่งชาติเวียดนาม เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 คน ในจำนวนนี้ 7 คน ถูกฟ้าผ่าในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและพายุรุนแรงในพื้นที่ตอนเหนือของประเทศ

รายงานระบุว่า ผู้เคราะห์ร้ายถูกฟ้าผ่าขณะทำนา และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน จากการถูกกระแสน้ำพัดเมื่อวันพุธที่ผ่านมา และอีก 3 คนสูญหาย นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิตอีกสองคนและบาดเจ็บอีก 60 คน จากพายุพัดกระหน่ำเมืองท่าไฮฟองทางตอนเหนือ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และมีบ้านเรือนเกือบ 1,000 หลัง ได้รับความเสียหาย ทางการออกประกาศเตือนอันตรายจากแผ่นดินถล่มบริเวณเชิงเขา ขณะที่พื้นที่ตอนเหนือมีฝนตกวัดปริมาณได้ถึง 200 มิลลิเมตร นับแต่เมื่อวันพุธ ทั้งนี้ ฤดูน้ำหลากและพายุกระหน่ำเวียดนามจะไปสิ้นสุดในราวปลายเดือนตุลาคม และแต่ละปีคร่าชีวิตผู้คนไปหลายร้อยคน.-สำนักข่าวไทย

วันเสาร์ ที่ 25 มิ.ย. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

 

****ฟังหูไว้หู****
น่าทึ่ง!!! John Titor มนุษย์อนาคตผู้ย้อนเวลามาจากปี ค.ศ. 2036

​

หลายสิบปีที่ผ่านมา มีข่าวลือมากมายถึงเรื่องมนุษย์จากอนาคต ปรากฏกายขึ้นในโลกปัจจุบัน หรือช่วงเวลาที่เป็นอดีตกาลของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นจอห์น ไตเตอร์ นายทหารจากโลกอนาคตเดินทางย้อนเวลาตามหาเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM รุ่นแรก แอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน ผู้ใช้ความรู้ทางประวัติศาสตร์สร้างผลกำไรมหาศาลจากตลาดหุ้นและการลงทุน หรืออีลอย โคล เดินทางมายับยั้งการทดลองการสร้างหลุมดำจำลองที่นำไปสู่หายนะของโลกในอนาคต​

เรื่องเล่าของคนเหล่านั้น เป็นที่กังขาของคนส่วนใหญ่เพราะขาดวัตถุหลักฐานยืนยัน จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีคนสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติในภาพถ่ายอายุ 70 ปีของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในประเทศแคนาดา เป็นภาพคนแต่งกายทันสมัย ถือกล้องถ่ายภาพขนิดพกพายืนอยู่ท่ามกลุ่มคนและภาพนี้ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า เป็นภาพถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบแต่งแต่อย่างใด
​

คอมพิวเตอร์กู้โลก​

จอห์น ไตเตอร์ (John Titor) ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในห้องพูดคุยสาธารณะแห่งหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.2000 โดยครั้งแรกเขาได้ลงทะเบียนชื่อว่า “Timetravel_0” และได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อ “John Titor” ในภายหลัง​

แน่นอนว่าชื่อ John Titor เป็นนามแฝง John เป็นชื่อสามัญเหมือนกับชื่อ สมชาย ของคนไทย ส่วน Titor เป็นคำย่อของคำว่า Time Travelor โดยเล่นคำสะกดพยางค์สุดท้าย Travelor ด้วย or แทนที่จะเป็น Traveler สะกดด้วย er

เขาออกตัวว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากอนาคตเมื่อปี ค.ศ.2036 ด้วยเครื่องย้อนกาลเวลาที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 2034 โดยบริษัท GE (General Electronic) เพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาเป็นความจริง จอห์นได้โพสต์ภาพถ่ายเครื่องย้อนกาลเวลา (Time Machine) และคู่มือการใช้งานเครื่องให้ทุกคนได้เห็น​

​

แน่นอนว่าผู้คนที่เข้าร่วมวงสนทนาไม่เชื่อน้ำมนต์ของนายจอห์น ไตเตอร์ หลายคนพยายามยิงคำถามต่างๆนานาเพื่อจับผิดเขา แต่ดูเหมือนจอห์นจะสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ทั้งหมด แถมยังสอนมวยกลับมายังคนลองภูมิอีกด้วย​

หลายๆคำถามที่จอห์น ไตเตอร์ ยิงกลับมายังผู้ร่วมสนทนา ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เมื่อไปค้นคว้าดูในภายหลังพบว่ามันล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ชั้นสูงทั้งสิ้น อีกทั้งคำเตือนเรื่องจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคสมองฝ่อ (Mad Cow Disease) ได้เกิดขึ้นจริงในปี ค.ศ.2001 ทำให้หลายคนชักจะลังเล​

ร่ำรวยด้วยความรู้ประวัติศาสตร์​

เดือน มกราคม ค.ศ.2003 หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์ (Weekly World News) ตีพิมพ์ข่าวเจ้าหน้าที่ FBI บุกจับกุมตัวแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน (Andrew Carlssin) วัย 44 ปี ในข้อหานำข้อมูลลับภายในไปแสวงหาผลประโยชน์ในตลาดหลักทรัพย์​

​

สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Security and Exchange Commission) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายแอนดรูว์ โดยสงสัยว่าเขานำข้อมูลลับของบริษัทมหาชนต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ไปแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง เพราะแอนดรูว์สร้างความร่ำรวยในเวลาเพียงชั่วพริบตาด้วยการลงทุนเพียง 800 ดอลลาร์ซื้อหุ้นต่างๆแล้วขายออกไป นำเงินที่ได้กลับมาซื้อหุ้นตัวใหม่แล้วทำชอร์ตเซลขายออกไปอีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเงินทุนเริ่มต้น 800 ดอลลาร์เพิ่มพูนขึ้นเป็น 350 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น​

แอนดรูว์รับสารภาพ โดยให้การว่าเขามีข้อมูลว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นในช่วงเวลานั้น เพราะเขามาจากโลกอนาคตในปี 2556 เขาเพียงศึกษาประวัติศาสตร์ข้อมูลทางเศรษฐกิจ นำความรู้ที่ได้ติดตัวเดินทางย้อนอดีตมาในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อช้อนซื้อหุ้น​

เดิมทีนั้นเขาตั้งใจจะลงทุนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต หากแต่ความโลภทำให้เขาหักห้ามใจไม่อยู่ เทเงินที่หามาได้ในช่วงแรกๆลงทุนซื้อหุ้นที่เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะมีราคาสูงขึ้น จนกระทั่งไปสะดุดตาเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ล.ต.​

หายตัวอย่างลึกลับ​

แอนดรูว์หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัวขึ้นศาล พร้อมกับข่าวคราวการจับกุมตัวเขา ไม่มีสื่อใดๆเสนอข่าวนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. และ FBI เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนปฏิเสธตรงกันว่าไม่เคยได้ยินชื่อแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน มาก่อน​

​

ปี ค.ศ.2006 แอนดรูว์โผล่ออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์อีกครั้ง เขาไม่ยอมเปิดเผยว่าสามารถเล็ดลอดจากการควบคุมตัวมาได้อย่างไร โดยบอกแต่เพียงว่าตอนนี้เขาทำงานบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งหนึ่งในแคนาดา​

เช่นเคยเขาใช้ข้อมูลที่เป็นประวัติศาสตร์ในยุคสมัยเขาล่วงรู้ว่า “ทรายน้ำมัน” (Tar Sands) เป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่จะมาทดแทนบ่อน้ำมันตามที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะทรายน้ำมันอัลเบอร์ตา (Alberta Tar Sands) ของประเทศแคนาดาเพียงแห่งเดียว สามารถผลิตน้ำมันได้มากถึง 3 แสนล้านบาร์เรล​

​

การรีดน้ำมันออกมาจากทรายนั้นไม่ง่ายเหมือนกับการขุดเจาะน้ำมันทั่วๆไป เขาต้องสร้างเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า “คาร์ลส์ซินนิซิตี้” (Carlssinicity) เพื่อใช้ในการแยกน้ำมันดิบออกจากทราย โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 1 ดอลลาร์ต่อ 1 บาร์เรลเท่านั้น​

เป็นที่น่าสังเกตว่ามีเพียงหนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์เท่านั้นที่ลงเรื่องราวของแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน และหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้รับสมญานามว่าเป็นหนังสือพิมพ์ประเภทลงข่าวโคมลอย เพื่อความบันเทิง (Entertainment Tabloid) อย่างไรก็ตาม มันเป็นความบังเอิญอย่างน่าประหลาดที่ต่อมาในปี 2008 สำนักงานพลังงานหลายแห่งทั่วโลกยอมรับว่าสามารถแยกน้ำมันดิบออกจากทรายน้ำมันได้จริง ซึ่งมันจะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในอนาคต และ ทรายน้ำมันอัลเบอร์ตาเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง​

​

หยุดยั้งโครงการหลุมดำ​

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หน่วยรักษาความปลอดภัยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปสามารถจับ กุมตัวอีลอย โคล (Eloi Cole) ระหว่างพยายามก่อวินาศกรรมเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hardon Collider) ของห้องทดลองเซิร์น (European Organization for Nuclear Research; CERN) ซึ่งกำลังทำการทดลองสร้างหลุมดำจำลอง (Black Hole)​

อีลอย ให้การว่าเขาลอบเข้ามาในห้องทดลองเพื่อหาแหล่งพลังงานให้กับเครื่องเดินทางข้ามเวลาของเขา และเตือนว่าการทดลองสร้างหลุมดำจำลองนี้นำไปสู่การสร้างแหล่งพลังงานที่มีอย่างไม่จำกัดในอนาคต อันเป็นการนำไปสู่หายนะของโลกในที่สุด​

อีลอย ยังบอกอีกด้วยว่าเขาเองเป็นคนที่ก่อวินาศกรรมเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 ทำให้เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่มีอุณหภูมิสูงขึ้นจนอาจก่อให้เกิดอันตราย ทำให้นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องหยุดการเดินเครื่องชั่วคราว​

เหตุการณ์ในครั้งนั้นนักวิทยาศาสตร์พบว่า ต้นเหตุคือเศษขนมปังชิ้นเล็กๆหลุดเข้าไปในเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ โดยเข้าใจว่ามีนกคาบเศษขนมปังบินผ่านเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่แล้วทำเศษขนมปังหล่นลงมา ระหว่างที่อีลอยถูกควบคุมตัวในห้องขังเพื่อรอการส่งตัวไป ยังสถานบำบัดโรคทางจิต เขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับบนสถานีตำรวจกลางกรุงเจนีวานั่นเอง​

​

หลักฐานชิ้นสำคัญ​

เดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ได้แสดงนิทรรศการภาพถ่าย เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในอดีตผ่านทางภาพถ่าย โดยหนึ่งในภาพถ่ายนั้นเป็นภาพกลุ่มคนมุงดูเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 1941​

​

ท่ามกลางฝูงชนในภาพ มีชายคนหนึ่งแต่งกายผิดแผกแตกต่างไปจากผู้คนในยุคสมัยนั้น โดยเขามีทรงผมล้ำสมัย สวมแว่นตาดำ ใส่เสื้อยืดสวมเสื้อแจ๊กเกตทับ อันเป็นแฟชั่นในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เมื่อ 70 ปีก่อน แต่ที่สำคัญกว่าการแต่งกายคือชายคนนี้ถือกล้องถ่ายรูปพกพา ที่ยังไม่ผลิตออกจำหน่ายในสมัยนั้น ภาพถ่ายใบนี้เป็นภาพถ่ายโบราณของพิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ไม่ใช่ภาพถ่ายทั่วๆไปที่คนมือบอนจะนำตบแต่งด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์กราฟิคได้พิสูจน์แล้วว่า ภาพนี้เป็นภาพถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบแต่ง มันจึงถูกกล่าวขานว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ว่ามีคนจากอนาคตเดินทางย้อนเวลามาสู่อดีตจริง​

ภาพถ่ายภาพนี้จึงกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในสังคมอินเทอร์เน็ตตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลายคนพยายามสืบค้นว่าบุคคลแปลกปลอมในภาพถ่ายเป็นใครมาจากไหน ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องการเดินทางย้อนเวลาก็พยายามหาข้อมูลมาหักล้าง ซึ่งผลการดีเบตระหว่างคน 2 ฝ่ายนี้จะเป็นอย่างไรเราก็ต้องคอยติดตามข่าวกันต่อไป​

บางส่วนจากบทสนทนากับ John Titor

What are your memories of 2036?

I remember 2036 very clearly. It is difficult to describe 2036 in detail without spending a great deal of time explaining why things are so different.

In 2036, I live in central Florida with my family and I'm currently stationed at an Army base in Tampa. A world war in 2015 killed nearly three billion people. The people that survived grew closer together. Life is centered on the family and then the community. I cannot imagine living even a few hundred miles away from my parents.

จอห์น กล่าวว่า ในปี 2015 จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 และคนจะตายเกือบ 3,000 ล้านคน คนที่เหลือรอดอยู่ จะอยู่กระจัดกระจายกันไปเป็นกลุ่มชนรุ่นใหม่

Does anything happen in the year 2012?


I've heard stories about the world ending. In my 2012, I was 14 years old spending most of my time living, running and hiding in the woods and rivers of central Florida. The civil war was in its 7th year and the world war was three years away. Yes, there are unusual events in 2012 but they do not cause the world to end.

Unfortunately, I have decided not to discuss events that you or I can do anything about. It is important that they be a surprise. Perhaps you are familiar with the story of the Red Sea and the Egyptians?

ถามว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในปี 2012 ทีว่ากันว่าจะเป็นปีสิ้นโลกหรือไม่ จอห์นตอบว่า ในปี 2012 เขามีอายุ 14 ปี ใช้ชีวิตดูเหมือนปกติทั่วไป จะมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน แต่ไม่ทำให้สิ้นโลก แต่เขาไม่บอกว่าจะเกิดอะไร อยากให้รอดูเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ บอกให้นึกถึงเหตุการณ์ทะเลแดงที่เกิดกับชาวอียิปต์ในยุคโบราณ (ตามเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ไบเบิล) สรุปคือ 2012 โลกไม่แตก

ที่มา http://news.clipmass.com

 

<TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พายุฝนในเวียดนาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 คน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">เจ้าหน้าที่บรรเทาภัยพิบัติของเวียดนาม เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 10 คน โดยในจำนวนนี้ เป็นผู้ที่ถูกฟ้าผ่า 7 คน ในระหว่างที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองติดต่อกันหลายวัน ในพื้นที่ทางเหนือของประเทศ
<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">คณะกรรมการดูแลด้านพายุและอาหารแห่งชาติ ในกรุงฮานอย ระบุว่า ผู้ที่ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตเป็นพวกที่กำลังทำนา ส่วนการเกิดน้ำท่วมเฉียบพลันเมื่อวันพุธ ได้พัดเอาผู้เคราะห์ร้ายหายไป 3 คน นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีก 60 คน จากกระแสลมในเมืองท่าไฮฟองทางเหนือของประเทศ เมื่อคืนวันพฤหัสบดี ทำให้บ้านเรือนเกือบ 1 พันหลังคาเรือน ได้รับความเสียหาย
<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">ทางการได้เตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากดินถล่มในพื้นที่บริเวณภูเขา เนื่องจากมีฝนตกหนักเมื่อคืนวันพุธ ซึ่งฤดูมรสุมและน้ำหลากของเวียดนาม สามารถกินเวลายาวนานจนถึงเดือนตุลาคม และแต่ละปีมักจะคร่าชีวิตประชาชนไปหลายร้อยคน <DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
<DD style="PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-TOP: 0px">
</DD>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

ด้านสามีเตรียมฟ้องโรงพยาบาลหลังแจ้งว่าภรรยาเสียชีวิต
25 มิ.ย. 54 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พบเหตุประหลาดเมื่อหญิงวัย 49 ปี เสียชีวิตจากเหตุหัวใจวายเฉียบพลัน ก่อนที่เธอจะสะดุ้งฟื้นขึ้นมา ขณะที่กำลังนำร่างของเธอทำพิธีฝังศพ สร้างความแตกตื่นแก่เครือญาติที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
โดย สามีของเธอเปิดเผยว่า ภรรยาของเขาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน หลังจากมีอาการเจ็บที่หน้าอกและพบว่าเธอหัวใจวายจนเสียชีวิต
ต่อมาในขณะที่กำลังจัดพิธีฝังศพ เมื่อถึงเราเปิดโรงศพขึ้น ปรากฎว่าเธอยังลืมตาและกระพริบตาอยู่ พวกเราที่ตื่นตกใจจึงรีบพาเธอกลับไปที่โรงพยาบาล แต่หลังจากที่เธอลืมตาได้อีกราว 12 นาที เธอก็เสียชีวิตลงอีกครั้ง
“ผมรู้สึกโกรธมากและอยากได้คำตอบจากปากหมอ เธอยังไม่ตายด้วยซ้ำ นั่นเป็นเวลาที่มีค่ามาก แต่พวกเขากลับไม่เหลือที่จะช่วยชีวิตเธอ” สามีของเธอกล่าว
ขณะที่ด้านตัวแทนของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองคาซาน ยังคงรู้สึกมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทำได้เพียงดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุดังกล่าวต่อไป

Mthai news




<EMBED height=81 type=application/x-shockwave-flash width="100%" src=http://player.soundcloud.com/player.swf?url=http%3A%2F%2Fapi.soundcloud.com%2Ftracks%2F17841643&show_comments=true&auto_play=false&color=ff7700 allowscriptaccess="always"></EMBED>
คลิปเสียง รมว.สุวิทย์ และ เสริมสุข โฟนอิน ThaiPBS ไทยประกาศถอนตัวเป็นสมาชิกมรดกโลก
รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจามรดกโลกไทย ได้โพสข้อความผ่านทวิตเตอร์ หลังร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ว่า
ที่ประชุมบรรจุวาระ ผมไม่มีทางเลือกครับ คงต้องถอนตัว
ผมได้เคยพูดกับสื่อไทยไปว่า หากสังคมใดดำเนินการตามใจตนเอง ไม่คิดถึงกฏระเบียบที่ลงมติโดยสมาชิกแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆที่เราจะอยู่ในสังคมแบบนี้
กำลังแถลงต่อที่ประชุมครับ คณะผู้แทนพยายามเข้าใจ อธิบาย และอดทนรออย่างเต็มที่แล้ว
ผมและคณะนำประเทศไทยถอนตัวจากการเป็นสมาชิกมรดกโลกแล้วครับ
คกก.มรดกโลกนำวาระเขาพระวิหารเข้าที่ประชุม จึงเป็นที่มาของการถอนตัวของไทยออกจากกรรมการและสมาชิกภาคีอนุสัญญา
…………………………………………………………
ทั้งนี้ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้รับทราบแล้ว อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการหรือไม่
ส่วนผลกระทบบริเวณชายแดนนั้นก็ต้องดำเนินการผ่านกรอบที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) หรือ การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี ) ทั้งนี้ยืนยันว่าทางทหารไทยพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติอยู่แล้ว
ส่วนหลังไทยถอนตัวจากภาคี คกก.มรดกโลก ไทยคงไม่สามารถขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่อื่นได้อีก ที่ขึ้นทะเบียนแล้วก็ยังคงอยู่ต่อไป

Mthai news

 

เหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดจากผลกรรมที่มนุษย์ทำไว้นั่นเอง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o></o>
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม<o></o>
<o></o>
เร่งบุญเร่งกุศลของแต่ละท่านให้พร้อมเพื่อก้าวผ่านวิกฤติสู๋ยุคใหม่ของคนดี<o></o>
มีศิลธรรม และเข้าสู่ยุคแห่งพระยาธรรมิกราช ผู้ดำรงพระศาสนาของพระพุทธเจ้า<o></o>

 

แสดงว่าเราจะรบกะเขมร

 

สงสัยจะแน่นอนครับ

 

รูปหล่อหน้าตาดีไม่น่ากระหายสงคราม มิน่าถึงสั่งฆ่าประชาชนได้ ครั้งนี้คงต้องการนำประเทศเข้าสูสงครามแน่นอน คิดอย่างไรนายกจากพรรคประชาวิ......การรบครั้งนี้คงมีการข้ามพรมแดน รัฐบาลไทยคงลืมไปว่าเราไม่ได้รบกะเขมร คือเราต้องรบกะเวีตยนาม ลาว พม่า เขมร (เขามีภาคีสัญญาในเรื่องสงคราม) ประเทศที่สนับสนุนเขา คือ ฝรั่งเศส จีน รัสเชีย อินเดีย อเมริกา (ที่สำคัญประเทศอาเซี่ยนสนับสนุนเขาทั้งหมดยกเว้นไทย) ประเทศพวกนี้หวังน้ำมันในเขมรทั้งนั้น