ประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลฯ ชมความวิจิตรศิลปะสกุลช่าง

ประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลฯ ชมความวิจิตรศิลปะสกุลช่าง
​

งานประเพณีแห่เทียนพรรษาเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาของชาว จ.อุบลราชธานี ที่ถือเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัด โดยกำหนดจัดงานขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 และแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาของทุกปี​

ย้อนกลับไปก่อนสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองอุบลฯ ชาวอุบลฯไม่มีการหล่อเทียนแห่เทียนเช่นปัจจุบัน ชาวบ้านจะฟั่นเทียนยาวรอบศีรษะไปถวายพระเพื่อจุดบูชาจำพรรษา ครั้นในสมัยกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้เป็นผู้สำเร็จราชการที่เมืองอุบลฯ คราวหนึ่งมีการแห่บั้งไฟที่วัดกลาง มีคนไปดูมาก ในการแห่บั้งไฟมี การตีกันในขบวนแห่จนถึงแก่ความตาย เสด็จในกรมเห็นว่าไม่ดี จึงให้เลิกการแห่บั้งไฟและเปลี่ยนเป็นการแห่เทียนแทน​

การแห่เทียนแต่เดิมไม่ได้จัดใหญ่โตเช่นปัจจุบัน เพียงแต่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคเทียน แล้วนำเทียนมาติดกับลำไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ ตามรอยต่อหากระดาษจังโก (กระดาษสีเงินสีทอง) ตัดเป็นลายฟันปลาปิดรอยต่อ เสร็จแล้วนำต้นเทียนไปมัดติดกับปี๊บน้ำมันก๊าด ฐานของต้นไม้ตี เป็นแผ่นเรียบ หรือขึ้นสูงเป็นชั้น ๆ ติดกระดาษ เสร็จแล้วมีการแห่นำไปถวายวัด พาหนะที่ใช้นิยมใช้เกวียน หรือล้อเลื่อนที่ใช้วัวหรือคนลากจูง การแห่ของชาวบ้านก็จะมีฆ้อง กลอง กรับ และการฟ้อนรำด้วยความสนุกสนาน​

ประมาณปี พ.ศ. 2480 การทำต้นเทียนได้พัฒนาขึ้น ถึงขั้นใช้การหล่อออกจากเบ้าพิมพ์ ที่เป็นลายง่าย ๆ เช่น ประจำยาม กระจัง ตาอ้อย บังคว่ำ บัวหงาย ก้ามปู แล้วนำไปติดที่ลำต้นเทียน ต่อมามีการประยุกต์ใช้และประดับฐานต้นเทียนด้วยรูปปั้นสัตว์ และลายไม้ฉลุ ทำให้ดูสวยงามมากขึ้น ​

​

ในช่วง พ.ศ. 2494 ประชาชนเริ่มให้ความสนใจและเห็นความสำคัญในการทำและแห่เทียนพรรษามากขึ้น เมื่อทางจังหวัดได้ส่งเสริมให้งานเข้าพรรษาเป็นงานประเพณีประจำปี จึงมีการฟื้นฟูศิลปะการทำต้นเทียน และการแห่เทียนพรรษาของ จ.อุบลราชธานีขึ้นในปีถัดมา​

ครั้นถึงปี พ.ศ. 2520 จ.อุบลราชธานี ได้จัดงานสัปดาห์ประเพณีแห่เทียนพรรษา ให้เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่และมโหฬาร โดยจัดขึ้นที่บริเวณทุ่งศรีเมืองและศาลาจตุรมุข มีการประกวดต้นเทียน 2 ประเภท คือ ติดพิมพ์และแกะสลัก โดยขบวนแห่จากคุ้ม วัดต่าง ๆ พร้อมนางฟ้าประจำต้นเทียน มารวมกันแล้วเคลื่อนขบวนจากหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม ไปตามถนน มาสิ้นสุดขบวนที่ทุ่งศรีเมือง มีการแสดงสมโภชต้นเทียน เห็นเป็นแสงไฟต้องลำเทียนงามอร่ามไปทั้งงาน ซึ่งนับตั้งแต่ พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา งานประเพณีแห่เทียน จ.อุบลราชธานีจะมีชื่องานในแต่ละปี ​

สำหรับสีสันความครึกครื้นของชาวบ้าน เมื่อใกล้ถึงวันงาน ชุมชนในเมืองอุบลฯต่างร่วมแรงร่วมใจกันตกแต่งต้นเทียนพรรษากันเป็นการใหญ่ ซึ่งแต่ละต้นจะใช้เวลาดำเนินการไม่น้อยกว่า 2 เดือน นอกจากความร่วมมือของผู้คนในชุมชนแล้ว ยังต้องอาศัยกรรมวิธีและเคล็ดลับของแต่ละสกุลช่างในการเตรียมการแต่ละขั้นตอน ​

การตกแต่งต้นเทียนพรรษาจะมีแต่ละชุมชนทำต้น เทียนเข้าร่วมการประกวด ชุมชนแรก คือ วัดบูรพา ตั้งอยู่บนถนนพโลรังฤกษ์ หลังโรงพยาบาลอุบลรักษ์ธนบุรี เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของ จ.อุบลราชธานี อายุกว่า 200 ปี ทางวัดได้ร่วมกับชุมชนเพื่อทำต้นเทียนประกวดติดพิมพ์ส่งเข้าประกวดทุกปี และเกือบทุกปีต้นเทียนประเภทติดพิมพ์วัดบูรพามักจะได้รับรางวัลชนะเลิศ หรือรองชนะเลิศอันดับ 1 มาโดยตลอด ​

​

ชุมชนต่อมา คือ วัดทุ่งศรีเมือง ที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2356 ชุมชนแห่งนี้ ได้ทำต้นเทียนประเภทติดพิมพ์ส่งเข้าประกวดทุกปี และได้รับรางวัลมาโดยตลอดเช่นกัน มีการสืบสานงานฝีมือในด้านนี้กันด้วย โดยใครที่สนใจอยากร่ำเรียนศิลปะในการทำต้นเทียน สามารถเข้าร่วมกิจกรรมกับทางวัดได้​

รวมไปถึง วัดศรีประดู่ ตั้งอยู่บนถนนสรรพสิทธิ์ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2511 ชุมชนนี้ ได้จัดทำต้นเทียนประเภทติดพิมพ์ส่งเข้าประกวดทุกปี และได้รับรางวัลชนะเลิศสลับกับวัดบูรพามาโดยตลอด ซึ่งจะไปทำกันที่บริเวณบ้านของอาจารย์สมคิด และเปิดบ้านให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้ศิลปะในการทำต้นเทียนกันได้ เพื่อสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงไว้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ​

วัดพระธาตุหนองบัว เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่ร่วมทำต้นเทียน ได้จัดทำต้นเทียนประเภทแกะสลัก ขนาด ก. ซึ่งเป็นขนาดใหญ่ ส่งเข้าประกวดทุกปี เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่ได้รางวัลชนะเลิศแทบทุกปี นั่นก็เพราะว่าที่ชุมชนมีช่างแกะต้นเทียนที่มีชื่อเสียงและมีฝีมือนั่นเอง ​

มาที่ชุมชน วัดหนองปลาปาก ตั้งอยู่ ต.ขามใหญ่ ได้ทำต้นเทียนประเภทแกะสลัก ขนาด ก. ส่งเข้าประกวดทุกปีและได้รับรางวัลทุกปีเหมือนกัน เพราะชุมชนมีช่างแกะสลักต้นเทียนที่มีฝีมือมาก ซึ่งชาวบ้านและผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมการทำต้นเทียนกับทางวัดได้ด้วย​

ต่อกันที่ บ้านคำปุน ที่ตั้งอยู่ถนนศรีสะเกษ อ.วารินชำราบ มีลักษณะเป็นอาคารแบบไทยอีสาน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตและแหล่งเรียนรู้ในกระบวนการถัก ทอผ้าไหมของไทยที่สั่งสมมานานปี ที่มีเทคนิคและเอกลักษณ์ เฉพาะตัว รวมทั้งงานถัก ด้านการทำต้นเทียนพรรษา บ้านคำปุน ร่วมประดิษฐ์ดอกผึ้ง ต้นผึ้งและปราสาทผึ้งแบบอุบลฯที่งดงามเข้าร่วมในงานครั้งนี้​

​

ชุมชนต่อมา คือ โรงเรียนวารินชำราบ ตั้งอยู่ในหมู่บ้านท่าข้องเหล็ก ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ ได้จัดทำโครงการสอนเรื่องการแกะเทียนพรรษา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ขึ้น ทำให้มีการสืบทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น เด็ก ๆ มีความสามารถด้านการแกะเทียนพรรษา และเข้าร่วมแข่งขันแกะเทียนพรรษาในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาของ จ.อุบลราชธานีเป็นประจำทุกปี และได้รับรางวัลชนะเลิศติดต่อกันหลายปี ​

สำหรับชุมชน วัดมหาวนาราม หรือ วัดป่าใหญ่ เป็นวัดพระอารามหลวง ชั้นตรี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2322 จัดทำต้นเทียนประเภทแกะสลัก เข้าร่วมกิจกรรมประเพณีแห่เทียนพรรษาทุกปี วัดแห่งนี้มีช่างแกะต้นเทียนรุ่นใหม่และมีฝีมือสลักลวดลายได้อย่างงดงาม และให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมและ ศึกษาการทำต้นเทียนกับทางวัดได้อีกด้วย​

สุดท้ายที่ วัดมณีวนาราม หรือ วัดป่าน้อย เป็นวัดเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองของชาวอุบลราชธานี จัดทำต้นเทียนประเภทเทียนโบราณเข้าร่วมกิจกรรมประเพณีแห่เทียนพรรษาทุกปี และได้รับรางวัลชนะเลิศมาโดยตลอด เพราะมีช่างทำเทียนโบราณที่มีฝีมือในการตกแต่งต้นเทียนที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ได้ชื่นชม​

มาร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานีปีนี้ รับรองได้ว่าทุกท่านจะอิ่มตากับงานศิลปกรรมสกุลช่างไปพร้อม ๆ กับอิ่มบุญกลับบ้านโดยทั่วกัน.​

​

งานประเพณีแห่เทียนอุบลราชธานี ประจำปี 2551 และงานแสดงประติมากรรมเทียนนานาชาติ ครั้งที่ 3
กิจกรรมมีตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม 2551 โดยสัปดาห์แรกวันที่ 1-6 ก.ค.​

 

ขอบคุณครับ ยังไม่เคยไปจ.อุบล สักครั้งถ้ามีโอกาสคงได้ไปเที่ยวแน่ๆ

 

โห้นี่คุณฝรั่งศัทธามากถึงขนาดแกะสลักเทียนกับเค้าด้วยเหรอนี่

 

ผมดูคล้ายๆๆๆฝรั่งมาลอกแบบของเรานะคับ.......

 

ถ้าไปอุบล ฯ จะไปทาน ไข่กะทะ...แล้วค่อยไปดู เทียนพรรษา

.

 

น่าไปเที่ยวครับ

 

ชาวอุบลยินดีต้อนรับค่ะ

 

น่าไปเที่ยวจังเลยค่ะ

 

ถ้าจะให้ดีต้องพาเที่ยวอุบลด้วยสิคะ เที่ยวด้วยภาพก็ยังดีค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

 

ไปมะไหร่ง่า เด๋วเปงพลขับให้
ขอเกาะไปด้วยคน

 

http://travel.sanook.com/northeast/ubonratchatani/

อุบลราชธานี
​

คำขวัญ :

" อุบลเมืองแก่งสุนทรีย์ รับสุรีย์แรกอรุณ
คืนนักบุญเหล่าบัวบาน
งานเทศกาลเทียนพรรษา แหล่งอารยาก่อนประวัติศาสตร์ "
<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT><!--START--> ประวัติ :
ดินแดนแถบนี้ได้มีชนชาติ ข่า ส่วย อพยพมาจากกรุงศรีสัตตนาคนหุต เข้ามาอาศัยอยู่มาตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แล้วครับ ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงคิดจะรวบรวมผู้คนที่แตกกระจัดกระจายจากภัยสงครามให้มาอยู่เป็นกลุ่มก้อน
ดังนั้นถ้าใครสามารถรวบรวมผู้คนได้มากและอยู่กันอย่างมั่นคงก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง ด้วยเหตุนี้ในปี พ.ศ. 2329 ท้าวคำผง ซึ่งได้รวบรวมผู้คนอพยพมาตั้งหลักแหล่งทำกินอยู่
ณ บริเวณห้วยแจระแม อันเป็นที่ราบริมแม่น้ำมูล

และต่อมาภายหลังมีความชอบจากการนำกำลังเข้าช่วยกองทัพไทยตีเมืองนครจำปาศักดิ์ จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านแจระแม เป็นเมืองอุบลราชธานี และแต่งตั้งให้ท้าวคำผงเป็นพระปทุมวรราชสุริยวงศ์เจ้าเมืองครับ

ภายหลังได้ย้ายเมืองมาตั้งใหม่ที่ "ดงอู่ผึ้ง" อันเป็นที่ตั้งจังหวัดในปัจจุบัน โดยมีเมืองเทียบเท่าชั้นจัตวาขึ้นอยู่รวม 7 เมือง ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนจัดการปกครองแบบเทศาภิบาล เมืองอุบลราชธานีถูกรวมอยู่ในบริเวณหัวเมืองลาวกาว ต่อมาในปี พ.ศ. 2442 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีเมืองอุบลราชธานีเป็นที่ตั้งมณฑล และเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2443 เป็นมณฑลอีสาน ในปี พ.ศ. 2468 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงลดฐานะมณฑลอุบลราชธานีลงเป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของมณฑลนครราชสีมาเท่านั้น จนกระทั่งยุบเลิกมณฑลในปี พ.ศ. 2476 จึงกลายเป็นจังหวัด อุบลราชธานีตั้งแต่นั้นมาครับ

อาณาเขต :

ทิศเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดอำนาจเจริญ และลาว
ทิศใต้ ติดต่อกับ กัมพูชา ตามแนวเทือกเขาบรรทัด
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดยโสธร และศรีสะเกษ
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ลาว

จังหวัดอุบลราชธานีมีระยะทางห่างจากกรุงเทพฯ 647 กิโลเมตร พื้นที่ 18,906 ตารางกม. แบ่งการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ 3 กิ่งอำเภอ คือ อ.เมืองอุบลราชธานี อ.วารินชำราบ อ.เดชอุดม อ.บิณฑริก อ.นาจะหลวย อ.น้ำยืน อ.พิบูลมังสาหาร อ.โขงเจียม อ.ศรีเมืองใหม่ อ.ตระการพืชผล อ. เขมราฐ อ.ม่วงสามสิบ อ.เขื่องใน อ.กุดข้าวปุ้น อ.โพธิ์ไทร อ.ตาลสุม อ. สำโรง อ.สิรินธร กิ่ง อ.ดอนมดแดง กิ่ง อ. ทุ่งศรีอุดม กิ่งอ. นาเยีย


แหล่งท่องเที่ยว :

<TABLE borderColor=#dddddd cellSpacing=0 cellPadding=3 border=1><TBODY><TR><TH bgColor=#f4faa8 colSpan=4>แหล่งท่องเที่ยวอำเภอเมือง</TD></TR> <TR><TD align=middle>บ้านปะอาว</TD><TD align=middle>หาดคูเดื่อ</TD><TD align=middle>พิพิธภัณฑ์เปิดบ้านก้านเหลือง</TD><TD align=middle>หาดวัดใต้</TD></TR><TR><TD align=middle>พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธาน</TD><TD align=middle>ทุ่งศรีเมือง</TD><TD align=middle>วัดหนองบัว</TD><TD align=middle>วัดบ้านนาเมือง</TD></TR><TR><TD align=middle>วัดมหาวนาราม</TD><TD align=middle>วัดศรีอุบลรัตนาราม(วัดศรีทอง)</TD><TD align=middle>วัดทุ่งศรีเมือง</TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#dddddd cellSpacing=0 cellPadding=3 border=1><TBODY><TR><TH bgColor=#f4faa8 colSpan=4>แหล่งท่องเที่ยวอำเภอพิบูลมังสาหาร</TD></TR> <TR><TD align=middle>ปราสาทบ้านเบ็ญ</TD><TD align=middle>วัดภูเขาแก้ว</TD><TD align=middle>แก่งสะพือ</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#dddddd cellSpacing=0 cellPadding=3 border=1><TBODY><TR><TH bgColor=#f4faa8 colSpan=4>แหล่งท่องเที่ยวอำเภอสิรินธร</TD></TR> <TR><TD align=middle>ชายแดนช่องเม็ก</TD><TD align=middle>บ่อน้ำบุ้น</TD><TD align=middle>เขื่อนสิรินธร</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#dddddd cellSpacing=0 cellPadding=3 border=1><TBODY><TR><TH bgColor=#f4faa8 colSpan=4>แหล่งท่องเที่ยวอำเภอโขงเจียม</TD></TR> <TR><TD align=middle>แม่น้ำสองสี</TD><TD align=middle>ดอนตะนะ</TD><TD align=middle>สวนหินพลานยาว</TD><TD align=middle>อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย</TD></TR><TR><TD align=middle>ผาแมและผาขาม</TD><TD align=middle>เสาเฉลียง</TD><TD align=middle>อุทยานแห่งชาติผาแต้ม</TD><TD align=middle>อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ</TD></TR><TR><TD align=middle>วัดถ้ำคูหาสวรรค์</TD><TD align=middle>น้ำตกถ้ำบักเตวหรือน้ำตกห้วยหลวง</TD><TD align=middle>น้ำตกห้วยทรายใหญ่</TD><TD align=middle>น้ำตกแสงจันทร์(น้ำตกรู)</TD></TR><TR><TD align=middle>น้ำตกทุ่งนาเมือง</TD><TD align=middle>น้ำตกสร้อยสวรรค์</TD><TD align=middle>น้ำตกตาดโตน</TD><TD align=middle>เขื่อนปากมูล</TD></TR><TR><TD align=middle>แก่งคันเหว่</TD><TD align=middle>แก่งตะนะ</TD><TD align=middle>ถ้ำเหวสินธุ์ชัย</TD><TD align=middle>ถ้ำมืด</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#dddddd cellSpacing=0 cellPadding=3 border=1><TBODY><TR><TH bgColor=#f4faa8 colSpan=4>อำเภอทุ่งศรีอุดม</TD></TR> <TR><TD align=middle>แม่น้ำสองสี</TD><TD align=middle>ดอนตะนะ</TD><TD align=middle>สวนหินพลานยาว</TD><TD align=middle>อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย</TD></TR><TR><TD align=middle>ผาแมและผาขาม</TD><TD align=middle>เสาเฉลียง</TD><TD align=middle>อุทยานแห่งชาติผาแต้ม</TD><TD align=middle>อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ</TD></TR><TR><TD align=middle>ชายแดนช่องเม็ก</TD><TD align=middle>บ่อน้ำบุ้น</TD><TD align=middle>ปราสาทบ้านเบ็ญ</TD><TD align=middle>วัดถ้ำคูหาสวรรค์</TD></TR><TR><TD align=middle>น้ำตกถ้ำบักเตวหรือน้ำตกห้วยหลวง</TD><TD align=middle>น้ำตกห้วยทรายใหญ่</TD><TD align=middle>น้ำตกแสงจันทร์(น้ำตกรู)</TD><TD align=middle>น้ำตกทุ่งนาเมือง</TD></TR><TR><TD align=middle>น้ำตกสร้อยสวรรค์</TD><TD align=middle>น้ำตกตาดโตน</TD><TD align=middle>เขื่อนปากมูล</TD><TD align=middle>เขื่อนสิรินธร</TD></TR><TR><TD align=middle>แก่งคันเหว่</TD><TD align=middle>แก่งตะนะ</TD><TD align=middle>ถ้ำเหวสินธุ์ชัย</TD><TD align=middle>ถ้ำมืด</TD></TR></TBODY></TABLE>

<!--END--><!--area004-->

 

เป็นการประกวดการแกะสลักเทียนของนานาชาติ
มีหลายประเทศให้ความสนใจไม่เฉพาะในเอเชีย ยุโรป อเมริกาก็มี
หลากหลายวัฒนธรรมค่ะ

 

ที่อุบลฯไม่ได้อร่อยเฉพาะไข่กระทะค่ะเฮีย...


เลือกฟังเพลงเพราะๆค่ะ...http://pewchotiros.com/

 

แผ่นพับแนะนำ จ.อุบลฯ ภาษาไทย แผ่นพับแนะนำ จ.อุบลฯ ภาษาอังกฤษ


แผ่นพับแนะนำแหล่งท่องเที่ยวหน้าฝน แผ่นพับแนะนำ จ.อุบลฯ ภาษาไทย

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี ทาง วัด ศิลปากรรม ต่าง ๆ

<TABLE id=table5 style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px; BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=528 border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=528 bgColor=#dfd6ac height=21></TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" align=left width=528 bgColor=#dfd6ac height=21>แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ: วัด ศิลปากรรม / โบราณคดี / ธรรมชาติ / หาด แพริมมูล</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" align=left width=528 bgColor=#dfd6ac height=21>สถานที่พักผ่อน: โรงแรม และ รีสอร์ท </TD></TR><TR bgColor=#eaeaea><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" vAlign=top width=528 bgColor=#dfd6ac><TABLE id=table6 style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; WIDTH: 522px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px; HEIGHT: 5290px" align=center border=0><TBODY><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=599 colSpan=2 height=162>

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 bgColor=#808000 colSpan=2 height=39>เขต อำเภอเมืองอุบลราชธานี</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=599 colSpan=2 height=162>

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=39>วัดทุ่งศรีเมือง ( หอไตร )
ตั้งอยู่ที่ถนนหลวงในเขตเทศบาลเมือง มีพระอุโบสถสวยงาม เป็นสถาปัตยกรรมอีสานที่ได้รับอิทธิพลจากกรุงเทพฯ สร้างประมาณต้นสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่บ่งบอกถึงอารยธรรมและวัฒนธรรมของคนอุบลในสมัยโบราณเมื่อ 200 กว่าปีมาแล้วนอกจากนี้ยังมีหอไตรกลางน้ำ สร้างด้วยไม้ มีลักษณะผสมระหว่างไทย พม่า และลาว ลักษณะอาคารเป็นแบบไทย เป็นเรือนฝาปะกน ขนาด 4 ห้อง เก็บตู้พระธรรมลงรักปิดทอง หลังคามีลักษณะเป็นศิลปะไทยผสมพม่า มีช่อฟ้าใบระกา แต่หลังคาซ้อนกันหลายชั้น ส่วนลวดลายแกะสลักบนหน้าบันทั้งสองด้าน เป็นลักษณะศิลปะแบบลาว เป็นสถาปัตยกรรมของอีสานที่สวยงามและสมบูรณ์ที่สุด
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=599 colSpan=2 height=162>

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=39>วัดป่าใหญ่ ( พระเจ้าใหญ่อินทร์แปลง )
วัดมหาวนาราม ตั้งอยู่บน ถนนสรรพสิทธิ์ อ.เมืองอุบล เดิมชื่อว่า วัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ แต่ชาวบ้านนิยม เรียกว่า วัดป่าใหญ่ วัด นี้เป็น วัด เก่าแก่และถือเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอุบลราชธานี เหตุที่มีการสร้าง คือ เมื่อพระปทุม วรราชสุริยวงศ์(ท้าวคำผง)เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนแรก ได้ก่อสร้างเมืองอุบลราชธานีบริเวณริมฝั่งแม่น้ำมูลแล้ว ก็ได้ก่อสร้าง วัดขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ตั้งชื่อว่า วัดหลวง เพื่อให้เป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลแก่ประชาชนทั่วไป (ถือว่าเป็นวัดแห่งแรกของเมือง อุบลฯ) หลังจากก่อสร้างวัดหลวงแล้วก็ได้นิมนต์ พระธรรมโชติวงศา ซึ่งเป็นพระมหาเถระและพระภิกษุสามเณร ให้มาอยู่จำ พรรษา เพื่อสนองศรัทธาของประชาชน
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=599 colSpan=2 height=162>

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=39>วัดสุปัฏนารามวรวิหาร
ตั้งอยู่ที่ถนนสมเด็จ เป็นพระอารามหลวงในจังหวัดอุบลราชธานี และเป็นวัดธรรมยุติกนิกายวัดแรกของอีสาน สร้างใน พ.ศ. 2396 โดยพระพรหมราชวงศา (พระอุปราชกุทอง) เป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานี (สมัยรัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี) ตัววัดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล เป็นพระอารามหลวงที่อยู่ในภูมิทัศน์ที่ร่มรื่นสวยงาม พระอุโบสถเป็นศิลปะไทย-จีน-ยุโรป หน้าโบสถ์มีรูปสิงโตคล้ายของจริงสองตัว ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระสัพพัญญูเจ้า เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดเงาไม่ปิดทองที่สง่างามมาก มีหอศิลปวัฒนธรรม เก็บรักษาโบราณวัตถุ เช่น เสมาหิน ศิลาจารึก และทับหลัง
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=599 colSpan=2 height=162>

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=39>วัดหนองบัว
อยู่ชานเมืองอุบลราชธานี บนทางหลวงหมายเลข 212 สายอุบล-อำนาจเจริญ ประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีทางแยกจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 800 เมตร ภายในวัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษ ของ พุทธศาสนา ในปี พ.ศ. 2500 และได้จำลองแบบมาจาก เจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย นับเป็นวัดเดียวใน ภาคอีสานที่มีเจดีย์แบบนี้ สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปเป็นป่าโปร่ง ร่มรื่น
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=255 height=212>

​

</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" vAlign=top width=257 height=212>

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=116>วัดบ้านนาเมือง หรือ วัดสระประสานสุข
วัดบ้านนาเมือง ตั้งอยู่ที่บ้านนาเมือง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร ด้านทิศเหนือของสนามบิน เป็น วัดที่มีพระอุโบสถ แปลกตา สร้างเป็นรูป เรือสุพรรณหงส์ ซึ่งทำด้วย เซรามิค โดยมี หลวงปู่บุญมี โชติปาโล เป็นที่เคารพนับถือของ ชาว อุบลราชธานี และ จังหวัดใกล้เคียง ดูข้อมูล เพิ่มเติม เกี่ยวกับ วัดบ้านนาเมือง
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=255 height=338>

​

</TD><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" vAlign=top width=257 height=338>

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=192>วัดบ้านปากน้ำ ( ทางลง หาดศรีภิรมย์ )
หากท่าน เดินทางไปเที่ยว บริเวณ หาดศรีภิรมย์ ( หาดบุ่งสระพัง ) อย่าลืม แวะเยี่ยมชม วัดนี้ ก่อนลงเที่ยว หาด ศรีภิรมย์ ( หาดบุ่งสระพัง )ห่างจาก ตัวจังหวัด ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นวัดประจำ หมู่ บ้านปากน้ำ ต.กุดลาด อ.เมือง จ.อุบล ฯ เดิมที วัดบ้านปากน้ำ หรือ วัดปากน้ำ เป็นวัดที่โด่งดัง และ เดิมที เป็นสำนักเรียน ปริยัติธรรมบาลี สำหรับ เล่าเรียน พระธรรมวินัย และ วิชาบาลีไวยกรณ์ โดย ท่านเจ้าคุณ พระมงคลธรรมวัฒน์ , พระ ผู้ที่เป็น นักพัฒนา และ ร่มโพธิ์ ร่มไทร เคารพนับถือ ของ ชาวบ้าน ทั่วไป ล่าสุด ท่าน สมเด็จ เกี่ยว อุปเสโณ แห่ง วัดสระเกศ ได้มา ณ ที่วัดแห่งนี้ ครั้งแรก เนื่องในวาระ ทำบุญวันเกิด ของ หลวงพ่อ ครบรอบ 80 ปี และ มาครั้ง ที่สอง ล่าสุด วันที่ 11 มีนาคม 2550 เนื่อง วาระโอกาศ มอบ สมณศักดิ์ พัตรยศ เลื่อนสมณศํกดิ์ ขึ้นเป็น ท่านเจ้าคุณ " พระมงคลธรรมวัฒน์ " ภายใน วัดปากน้ำ ยังมี พิพิธภัณฑ์บ้านปากน้ำโดยมี จุดมุ่งหมายเพื่ออนุรักษ์ สิ่งของเครื่องใช้ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านเอาไว้ เพื่อให้ อนุชนคนรุ่นหลัง ได้ศึกษาค้นคว้า และให้คนรุ่นหลังเห็นคุณค่า ของสิ่งของเครื่องใช้ที่เกิดจาก ศิลปวัฒนธรรม ที่ ถ่ายทอด มาจาก ของคนรุ่นก่อน สิ่งของที่ได้ รวบรวมใน พิพิธภัณฑ์บ้านปากน้ำ ได้ รับบริจาคมาจาก ชาวบ้าน จำนวนนับ 1,000 ชิ้น โดยแยกกลุ่มเป็นกลุ่ม เกี่ยวกับ พุทธศาสนา กลุ่มยานพาหนะ กลุ่มเครื่องจักสาน กลุ่มเครื่องปั้นดินเผา กลุ่มเครื่องทอผ้า กลุ่มเครื่องมือล่าสัตว์และ เครื่องมือจับสัตว์น้ำ กลุ่มเครื่องใช้ในครัว และกลุ่มสิ่งของเครื่องใช้ทั่วไป ดูข้อมูล เพิ่มเติม ดูข้อมูล เพิ่มเติม เกี่ยวกับ
- ชีวประวัติ พระมงคลธรรมวัตน์ - หลวงพ่อเงิน - วัดป่าพระพิฆเณศวร์ - อุโบสถมิตรภาพ ไทย - อเมริกัน.
- ข้อมูลรวม บ้านปากน้ำ

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=512 colSpan=2 height=338>

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=192>วัดป่าพระพิฆเณศวร พระพิฆเณศวร ( ทางลง ก่อนถึง หาดศรีภิรมย์ )
วัดป่าพระพิฆเณศวร์ วัดพุทธ ใน ชื่อ พรามณ์ หนึ่งเดียว ใน สยาม ซึ่งเป็น วัดเก่าแก่ ของ คนโบราณ ยุคก่อน ที่มี วิถีชีวิต อาศัยติด ริมแม่น้ำมูล ตั้งแต่เมื่อสมัยก่อน ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลง ย้ายหมู่บ้าน วัด มาตั้งอยู่ ในปัจจุบัน วัดป่าพระพิฆเณศวร์ หรือ วัดป่าหลวงพ่อ พระพิฆเณศวร์ ณ แห่งนี้ เป็นวัดป่า ที่เงียบ แวดล้อมด้วยป่าไม้ นานาพันธุ์ และ ในอตีต ได้มีการค้นพบวัตถุโบราณ ณ ที่วัดแห่งนี้ เป็นพระพุทธรูป และ รูปหล่อ ของ พระพิฆเณศวร์ และ วัตถุโบราณ หลายชิ้น จึงสันนิษฐาน ได้ว่า ในครั้งอดีตกาล ในวัดแห่งนี้ ต้องเจริญรุ่งเรือง มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย ตั้งแต่ ยุคของ อาณาจักรขอม ซึ่งในยุคนั้น การนับถือศาสนา ของ คนยุคนั้น มีแต่ ศาสนาฮินดู หรือ พรามณ์ ที่ ทรงอิทธิพล ต่อการปกครอง และ การเป็นอยู่ ของ ประชากรยุคนั้น จะเห็นได้ว่า หลาย ๆ พื้นที่ ทางภาคอีสานตอนลุ่ม (ใต้ ) ตลอดถึง ประเทศเพื่อนบ้าน ที่ดินแดนติด กับ อีสานลุ่ม ที่ ลาว ตอนใต้ เมืองจำปาสัก นั่นก็คือ ก็คือ ปราสาทวัดภู และ เขมร ก็ชื่อดัง ก้องโลก นั่นคือ อังกอร์วัด เสียมเรียบ วัดป่าพระพิฆเณศวร หรือ วัดป่า หลวงปู่พระพิฆเณศวร ชื่อนี้ ได้มากจาก ที่ชาวบ้าน ได้พบ วัตถุโบราณ และ รูปหล่อ ของ พระพิฆเณศวร จึงได้ถือฤกษ์งาม ยามดี ได้ตั้งชื่อ " พระพิฆเณศวร์ " เป็นชื่อวัด ตั้งแต่นั้นมา ดูภาพเพิ่มเติม วัดป่าพระพิฆเณศวร์
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 bgColor=#808000 colSpan=2 height=25>เขต อำเภอวารินชำราบ</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=599 colSpan=2 height=691>

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=135>วัดหนองป่าพง ( พระอาจารย์ หลวงพ่อชา )
เป็นวัดที่มีบรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ เหมาะแก่การเล่าเรียนพระธรรมวินัยและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน สภาพทั่วไปเป็นหนองน้ำมีต้นพงขึ้นอยู่ทั่วไป อยู่ในอำเภอวารินชำราบ บนทางหลวงหมายเลข 2178 ห่างจากตัวอำเภอไปประมาณ 6 กิโลเมตร ตัวโบสถ์เป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สีขาวทั้งหลัง นอกจากนี้ยังมีหุ่นขี้ผึ้งของ พระอาจารย์หลวงปู่ชา พระชื่อดังสายวิปัสสนา ผู้เริ่มก่อสร้างวัดนี้ขึ้นมา และเป็นที่เคารพสักการะของคนทั่วไป
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 bgColor=#808000 colSpan=2 height=24>เขต อำเภอพิบูลมังสาหาร</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=599 colSpan=2 height=380>

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=116>วัดภูเขาแก้ว พระอุโบสถ ทำด้วย กระเบื้อง ทั้งหล้ง
วัดภูเขาแก้ว ตั้งอยู่ที่อำเภอพิบูลมังสาหาร ห่างจาก ตัว จังหวัดอุบลราชธานี 44 กิโลเมตรก่อนถึง อำเภอพิบูลมังสาหารประมาณ 1 กิโลเมตร ตามทาง หลวงแผ่นดิน
หมายเลข 217 ทาง ด้านซ้ายมือ ก่อน ถึง อำเภอพิบูลมังสาหาร วัดภูเขาแก้ว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2480 สำหรับให้พระ สงฆ์ปฏิบัติ กัมมัฎฐาน สิ่งที่น่าสนใจภาย ในวัดคือ พระอุโบสถที่ประดับด้วย กระเบื้องทั้งหลัง มีรูปแบบ สถาปัตยกรรมที่ น่าสนใจ ความงามของอุโบสถได้ถูก ถ่ายทอดจากฝีมือของช่างพื้นบ้าน โดยการออกแบบของเจ้าอาวาสองค์ ปัจจุบัน โดยได้นำรูปแบบศิลปไทย ซึ่งถ่าย ทอดอยู่ใน ส่วนบนของ ที่ทำหลังคาเป็นโครงสร้างไม่ มีมุขลดหลั่นกันสี่ชั้นทั้ง ด้านหน้าและด้านหลังมุง ด้วยกระเบื้อง เคลือบดินเผา ประดับด้วยช่อฟ้าใบ ระกาหางหงส์ โดยมีคันทรวงรองรับ ชายคาเป็นรูปนาคอยู่โดยรอบ ส่วนบริเวณกลางหลังคาตกแต่งเป็น ยอดปราสาท หน้าบันจำหลักลายรูป ปั้นลายก้านขดที่ยังคงความ อ่อนช้อยและเข้ากันได้ดีกับบัวเสา ที่ทำตาม แบบศิลปอินเดีย ในขณะที่ส่วนล่างของ บัวหัวเสาลงมาตกแต่ง แบบศิลปขอม จากที่กล่าวมาในเบื้องต้นทำให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นลักษณะทางสถาปัตยกรรมหรือลวดลาย ที่ใช้ตกแต่ง ส่วนใหญ่จะถูกถ่ายทอดมาจากลวดลายของ ปราสาทขอม ทั้งสิ้น ทั้งนางอัปสร หรือทวารบาลที่ยืนเคียงคู่อยู่ที่ประตูพระอุโบสถ ภายในพระอุโบสถ วัดภูเขาแก้ว จะตกแต่งด้วยภาพนูนสูงอยู่เหนือ บานประตูและหน้าต่างขึ้นไปเป็นเรื่อง ราวเกี่ยวกับพระะาตุที่สำคัญของ ประเทศไทย พร้อมทั้งเล่าเรื่องราวประวัติ ของพระธาตุแต่ละองค์โดยสังเขป นอกจากนี้บริเวณชั้นล่างของพระ อุโบสถยังใช้เป็นศาลาการเปรียญและ นั่งปฏิบัติกัมมัฎฐานโดย รอบผนังอาคารชั้น ล่างยังทำเป็นโต๊ะตั้งเครื่องปั้น ดินเผาอีกด้วย ดูภาพเพิ่มเติม วัดภูเขาแก้ว
</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 bgColor=#808000 colSpan=2 height=24>เขต อำเภอโขงเจียม</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=599 colSpan=2 height=349>

​

</TD></TR><TR><TD style="BORDER-RIGHT: #c0c0c0 1px; BORDER-TOP: #c0c0c0 1px; BORDER-LEFT: #c0c0c0 1px; BORDER-BOTTOM: #c0c0c0 1px" width=516 colSpan=2 height=117>วัดถ้ำคูหาสวรรค์ วัดหลวงปู่ คำคะนิง
ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 2222 ก่อนถึงอำเภอโขงเจียมประมาณ 6 กิโลเมตร วัดนี้ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2521 โดย "หลวงปู่คำคนิง จุลมณี" ซึ่งใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมจำพรรษา ปัจจุบันหลวงปู่ท่านได้มรณภาพแล้ว แต่ร่างกายของท่านไม่เน่าเปื่อย บรรดาลูกศิษย์ได้เก็บร่างของท่านไว้ในโลงแก้วเพื่อบูชา บริเวณวัดมีจุดชมวิวสามารถมองเห็นทัศนียภาพของลำน้ำโขงและฝั่งลาวได้อย่างชัดเจน ดู ภาพ และ ข้อมูล เพิ่มเติม วัดหลวงปู่คำคะนิง
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>เที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี - แหล่งท่องเที่ยว อุบลราชธานี
สถานที่ ท่องเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานี ทางโบราณคดี
สถานที่ ท่องเที่ยว จังหวัดอุบลราชธานี ทางธรรมชาติ
บ้านปากน้ำ วัดป่าพระพิฆเณศวร์ หาดบุ่งสระพัง แหล่งท่องเที่ยว อุบลราชธานี
วัดป่า พระพิฆเณศวร์ หาดศรีภิรมย์ ( ก่อนถึง หาดศรีภิรมย์ บุ่งสระพัง )
หาดบุ่งสระพัง หรือ หาดศรีภิรมย์ แพร้านอาหาร บ้านปากน้ำ อุบลราชธานี
อารยา รีสอร์ท - Araya Resort รีสอร์ท ใน อุบลราชธานี Rsort in Ubolrachthani
โชคคำพัน รีสอร์ท - Chok Khamphan Resort
โรงแรมทอแสง - Toh Sang Hotel
ทอแสง โขงเจียม รีสอร์ท - Toh Sang Khong Jiam Resort
โรงแรม อุบลบุรี รีสอร์ท - Ubolburi Resort Hotel
โรงแรม ศรีอีสาน - Sri Isan Hotel จังหวัดอุบลราชธานี Ubolrachathani
โรงแรมลายทอง - Laithong Hotel
โรงแรมเนวาด้า แกรนด์ - Nevada Grand Hotel
โรงแรมกรุงทอง - Krungtong Hotel
แบบฟอร์ม จองโรงแรม - Hotel Reservation Booking
</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

: www.southlaostour.com/<WBR>index.php?lay=show&ac=a...​

 

ว้าว......ขอบคุณคุณแอ๊ดหลายเด้อ ข้อมูลแน่น หุหุหุ เจ้าของบ้านว่าไงมีอะไรเพิ่ม เพิ่มเลยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ แล้วถ้ายิ่งมีส่วนลดอะไรให้กับเพื่อน ๆ ชาวพลังจิตล่ะก็ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ ถือว่าเป็นสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทยเพื่อกระจายรายได้ไง

 

ได้เลยค่ะ
แต่ตอนนี้มีคนใจบุญลงสถานที่ท่องเที่ยวให้แล้วนะค่ะ
อ้อ...อย่าลืมทานอาหารเวียตนามด้วยนะค่ะ ที่อุบลขึ้นชื่อมากค่ะ
เมนูแนะนำ
แหนมเนือง
ขนมถ้วย (ชื่ออาหารคาวค่ะ)
บี่บุ๋น (ขนมจีน)
อื่น ๆ อีกมากมายค่ะ
เสียดายไม่มีรูป แล้ววันหน้าจะหามาฝาก

 

วัดพระธาตุหนองบัว
เป็นวัดที่มีช่างแกะสลักเทียนที่มีฝีมือมาก ทางวัดเคยได้รางวัลที่ ๑ สามปีซ้อนจนต้องสละสิทธิ์ไม่เข้าประกวด เจ้าชายญี่ปุ่น (องค์ที่ ๒ ) ชอบแวะมาที่วัดนี้บ่อย ๆ ตอนที่ยังไม่มีอภิเษกสมรส (เคยไปรับเสด็จ) และได้มาซื้อต้นเทียนที่ได้รับรางวัลไปด้วยค่ะ
ถ้าได้มา อย่าลืมแวะเข้าไปดูการแกะสลักเทียนด้วยนะค่ะ

 

เพื่อนเราก็ไปอุบลยังไม่กลับเลยค่ะ.......แสดงว่าต้องมีของดีให้เที่ยวชมเยอะแน่ ๆ เลยค่ะ

 

มาถวายเทียนที่วัดใหม่ยายแป้นกันครับ

ท่านใดที่อยู่กรุงเทพมาถวายที่นี้ก็ได้ครับ