ปราถนาเป็นโพธิสัตว์ต้องเตรียมตัว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย มนตะระเทวะ, 23 กันยายน 2012.

  1. มนตะระเทวะ

    มนตะระเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +126
    [​IMG]
    แนวทางแห่งพระโพธิสัตว์

    "แนวทางแห่งพระโพธิสัตว์" คือ

    "ตนยอมทุกข์ทรมานเพื่อความสุขของผู้อื่น"

    แนวทางพระโพธิสัตว์นั้น ท่านมีแต่มีเมตตา

    มีแต่ให้ไม่มีการใช้ระเบียบบีบบังคับ

    ผู้ศรัทธาก็มาร่วมงาน ถ้าไม่ก็นอนอยู่บ้าน

    *ปลานั้นอยู่ในน้ำไม่เคยมารบกวนท่านเลย เหตุไฉนท่านจึงใจบาปไปทำร้ายมันเล่า เพราะฉะนั้นศีลข้อ 1 คือ ละเว้นการฆ่าสัตว์นั้น พระโพธิสัตว์ถือนัก




    การบำเพ็ญเป็นพระโพธิสัตว์

    การบำเพ็ญมหาบารมีโพธิสัตว์มี 3 ระดับ ดังนี้

    1. ระดับต้น หรือ บำเพ็ญอย่างธรรมดา เรียกว่า บารมีระดับต้น
    2. ระดับกลาง ผู้บำเพ็ญจะต้องยอมเสียเลือดเนื้อ เสียอวัยวะน้อยใหญ่
    เรียกว่า อุปบารมี
    3. ระดับสูง ผู้บำเพ็ญจะต้องยอมเสียแม้ชีวิต เรียกว่า ปรมัตถบารมี





    การเป็นพระโพธิสัตว์

    ผู้จะเป็นพระโพธิสัตว์ ต้องพยายามหาเวลาบำเพ็ญจิตของตนให้เข้มแข็ง ภาวะการเป็นพระโพธิสัตว์นั้นต้องใช้เวลาทุกวินาทีให้เป็นประโยชน์ต่อสัตว์โลกและต่อตนเอง สมมติว่ากลางวันเราโปรดสัตว์ กลางคืนเราต้องโปรดจิตวิญญาณของเราเอง

    พระโพธิสัตว์ไม่เห็นแก่กิน
    พระโพธิสัตว์ไม่เห็นแก่นอน
    พระโพธิสัตว์ไม่เห็นแก่พูดและ
    พระโพธิสัตว์ไม่เห็นแก่นั่ง
    พระโพธิสัตว์ต้องมีอารมณ์แห่งความแน่วแน่ที่จะทำทุกวิถีทางให้จิตวิญญาณของสัตว์โลกสูงขึ้น มีคุณธรรมแห่งการรับกระแสพระโพธิญาณ นั่นคืออารมณ์และสัจจะแห่งพระโพธิสัตว์

    อารมณ์แห่งการเป็นพระโพธิสัตว์

    มีอารมณ์แห่งการให้
    มีอารมณ์แห่งการอภัย
    มีอารมณ์แห่งการความไม่ยึด
    มีอารมณ์แห่งการนิ่งเฉย
    มีอารมณ์แห่งการที่จะยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในกฎของอนิจจัง อนัตตา
    พระโพธิสัตว์จะมีอารมณ์อย่างหนึ่งว่า หากแม้นเขามาขออะไรแม้แต่ร่างกายก็อุทิศแก่สัตว์โลกได้ เพื่อโพธิธรรม เพื่อโพธิญาณ ถ้าเขาขอแขนก็ตัดแขน ถ้าเขาขอตาก็ควักตา เขาขออะไรก็ต้องให้




    คุณธรรมของการเป็นพระโพธิสัตว์

    การบำเพ็ญแนวทางของพระโพธิสัตว์นั้น จะต้องมีหลัก มีเกณฑ์ มีสัจจะ มีธรรมะ เขาเรียกว่ามีคุณธรรมแห่งการเป็นพระโพธิสัตว์
    คุณธรรมของการเป็นพระโพธิสัตว์นั้น จะต้องมีความแน่วแน่ในการรับทุกขบารมีทุกอย่างแทนสัตว์โลก จะต้องทีความแน่วแน่ในการที่จะถูกอิจฉาริษยานินทากล่าวร้ายจากสัตว์โลกที่ไม่เข้าใจเราตัวเราจะต้องควบคุมจิตใจอย่าให้มีความอิจฉาริษยานินทากล่าวร้ายบุคคลอื่นที่ใส่ร้ายเรา

    พระโพธิสัตว์จะไม่มีการอวดตน
    พระโพธิสัตว์จะต้องพยายามสำรวจตัวเอง
    พระโพธิสัตว์จะต้องพยายามวางอุเบกขา
    พระโพธิสัตว์จะต้องมีความนิ่งเป็นอารมณ์แห่งสรณะ
    พระโพธิสัตว์จะต้องมีความแน่วแน่ในการที่จะตั้งสัจบารมีในการกระทำงานใด ๆ ที่มีอุปสรรค
    พระโพธิสัตว์ถือว่าการอดทนต่อการขัดขวางของมหามารเป็นการบำเพ็ญขันติบารมีอันยิ่งใหญ่


    คุณสมบัติของพระโพธิสัตว์ 3 ประการ

    มหาปรัชญา หรือ ปัญญาอันยิ่งใหญ่ หมายความว่า จะต้องเป็นผู้มีปัญญาเห็นแจ้งในสัจธรรม ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส
    มหากรุณา หมายความว่า จะต้องเป็นผู้มีจิตกรุณาต่อสัตว์ทั้งหลายอย่างปราศจากขอบเขต พร้อมที่จะสละความสุขและชีวิตของตนเอง เพื่อช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์
    มหาอุบาย หมาความว่า พระโพธิสัตว์จะต้องมีวิธีการชาญฉลาด ในการอบรมสั่งสอนผู้อื่นให้เข้าถึงสัจธรรม


    จริยธรรมของพระโพธิสัตว์ 10 ประการ

    พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่า ร่างกายจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ (มีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา)
    พระโพธิสัตว์ครองชีพโดยไม่ปรารถนาเลยว่าจะไม่มีภยันอันตราย (มีภัยอันตรายเป็นธรรมดา)
    พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีอุปสรรคในการชำระจิตให้บริสุทธิ์ (ย่อมมีอุปสรรคเป็นธรรมดา)
    พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่า จะไม่มีมารขัดขวางการปฏิบัติภารกิจ (จะต้องมีมารขัดขวางการปฏิบัติโพธิจิตเป็นธรรมดา)
    พระโพธิสัตว์คิดว่าจะทำงานให้นานที่สุด โดยไม่ปรารถนาเลยว่าจะสำเร็จผลเร็ว (ปล่อยวางเรื่องกาลเวลา ทำงานเพื่องาน)
    พระโพธิสัตว์คบเพื่อนโดยไม่ปรารถนาจะได้ผลประโยชน์จากเพื่อน (รักผู้อื่นด้วยความบริสุทธิ์ใจ)
    พระโพธิสัตว์ไม่ปรารถนาเลยว่าจะให้คนอื่นต้องทำตามใจตนเสมอไปทุกอย่าง (ไม่เห็นแก่ตัว)
    พระโพธิสัตว์ทำความดีกับผู้อื่น ไม่ปรารถนาสิ่งตอบแทน (ต้องการให้ผู้อื่นพ้นทุกข์)
    พระโพธิสัตว์เห็นลาภแล้ว ไม่ปรารถนาจะมีหุ้นส่วนด้วย (ไม่ปรารถนาในลาภและสรรเสริญ)
    พระโพธิสัตว์เมื่อถูกใส่ร้ายป้ายสี ติเตียนแล้ว ไม่ปรารถนาจะโต้ตอบ (การใส่ร้ายป้ายสี เป็นธรรมดาโลก)


    หลักปฏิบัติ 10 ประการในการบรรลุธรรมของพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
    (พระแม่กวนอิม)

    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนใจมั่นคง ไม่ท้อถอย ไม่เลิกกลางคัน
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนมีปณิธานแน่วแน่
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเรา
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนมีจิตเมตตากรุณา
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนมีความขยันหมั่นเพียร
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนที่ถือศีลห้า เป็นอย่างน้อย
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนมีจิตกุศล ทำแต่ความดี
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนรู้จักแยกแยะความชั่วกับความดี
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนมีความอดกลั้น
    ผู้จะบรรลุธรรม ต้องเป็นคนมีจิตสงบเป็นสมาธิ
    *หลักปฏิบัติ 10 ประการดังกล่าวข้างต้นคือปัจจัยแห่งการบรรลุธรรม



    การปฏิบัติตนของศิษย์พระโพธิสัตว์

    วิธีการปฏิบัติตนของสานุศิษย์ของพระโพธิสัตว์นั้น มีกฎอยู่ว่า

    จะต้องอย่ายึดติดในเรื่องโลก จะต้องเหนือโลก
    จะต้องอย่าถามในเรื่องของเขา และจะต้องพยายามมองตัวเรา
    จะต้องทีเขามาพูดจึงพูดด้วย เขาไม่พูดเราอย่าพูดเพ้อเจ้อฟุ้งซ่าน





    ปราถนาเป็นโพธิสัตว์ต้องเตรียมตัว | MAHAYARN : มหายาน
     
  2. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ปราถนาเป็นโพธิสัตว์ต้องเตรียมตัว
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->มนตะระเทวะ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_6740359", true); </SCRIPT> :cool:
    สมาชิก
    <!-- google_ad_section_end -->

    ผมขอต่อยอดเลยนะครับ ผมไม่ได้แบกตำรามา แต่ใช้ดุจพินิจ และประสบการณ์ที่มีอยู่ แต่ให้ใช้เหตุผลดู ไม่ให้เชื่อ จนงมงาย และไม่ให้ ปฏิสธ ให้วางใจไว้ ๕๐-๕๐ ก่อน แล้วพิสูตรได้เมื่อไหร่ ค่อยเชื่อ จึงพอเป็นลูกศิษย์ ตถาคตได้บ้าง แต่ยังไม่แท้ แค่นับถือ แต่ถ้าได้ถึงแก่นนั่น ถึงจะเป็นลูกท่านแท้ๆ ผมเองก็ยังเป็นลูกไม่แท้ ยังมีขึ้นมีลงครับ จริงๆแล้ว พระแม่กวนอิม เป็นามกลางๆผู้ที่จะเจริญรอยตามพระองค์ท่าน เท่านั้น ตัวจริงท่านได้ ได้เข้านิพพานไปแล้ว ซึ่งครูบาอาจารย์ได้กว่าวเอาไว้ ไม่ขอมาเอ่ย ถ้าเอ่ย คนไปปรามาสเข้า หรือเอามาเหยียบย่ำ จะมีโทษหนัก เมื่อท่านเข้านิพพานแล้ว บรรดาลูกศิษย์ หรือผู้ปราถนา พระโพธิญาณ บ้างก็ลาตามท่าน บ้างก็ทำความปราถนาต่อ มีมากมาย ที่เจริญรอยตาม

    ผมรู้จักกับหลวงพี่กฤษณะองค์หนึ่ง ท่านบวชอยู่วัดสระสี่เหลี่ยม ต.ดอนรวก อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ไม่เจอท่านนานแล้ว ว่าอยู่วัดนั้นหรือเปล่า ท่านพูดกับผมว่าท่านจะดำเนินรอยตามแทนพระแม่กวนอิม ท่านเคยพูดต่อหน้าหลวงปู่ครูบาวงค์ อ.ลี้ จ.ลำพูน ว่าท่านจะขอทำแทนพระแม่กวนอิมเองครับผม เรื่องอย่างนี้ มันมีในสมัยครั้งพุทธกาล เวลาพระพุทธองค์เปิดโลก มนุษย์เทวดาพรหม สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน จะมองเห็นกันหมด ทุกคนเห็นความอัศจรรย์ ของพระพุทธเจ้า ใครๆก็อยากจะเป็นพระพุทธเจ้า บ้าง ท่านกล่าวว่า แม้แต่มดแดง มดดำ มดต่างๆสัตว์นรกต่างๆ มนุษย์ ทำความปราถนา เป็นพระโพธิสัตว์เป็นอันมาก พระพุทธองค์ ตรัสรู้ ครั้งหนึ่ง จะเปิดโลกได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะมันเป็นกฎตายตัวของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

    เมื่อทำความปราถนาแล้วใครจะทำสำเร้จหรือไม่นั่นเป็นเรื่องหนึ่งอีกต่างหาก เหมือนในยุคปัจจุบัน หลวงปู่หลวงพ่อได้ลามาเป็นพระสาวกกันเป็นแถว มากมาย ไปหาอ่านดูได้ มีหลายพระองค์ ในยุคปัจจุบันนี้ครับ ส่วนใหญ่ที่ลากันมาก็จะบารมีใกล้จะเต็มหรือเต็มแล้วครับ พระโพธิสัตว์ แต่ละองค์ หรือลามาเป็นสาวกแล้ว ท่านแบกของจริงมาเป็นตำรา และใช้ตำราเป็นแนวทางในการปฏิบัติ พวกนี้ต้องเรียนผิดเรียนถูกด้วยตนเองเสมอมา สำหรับพวกบารมีเข้มข้นนะ ถ้ายังอ่อนป้อแป้อยู่ ถ้าบารมีต้น ผิดเสียส่วนใหญ่ ถ้าคนขึ้นสวรรค์ก็ขึ้นด้วย บางครั้งทำผิดมากๆ ก็พาพวกบริวารไปลงนรกด้วยกัน เพราะมันเชื่อกัน ก็ต้องไปด้วยกัน ที่เคยสำผัสมาพวกนี้ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าลองไม่เชื่อแล้ว เถียงหัวชนฝา ถูกหรือผิดกูไม่สนก็มี เป็นมิฏฉา ทิฏฐิ ไปเลย ที่คุณว่ามา ผมอ่านดู มัน่นาจะอยู่ในขั้นของ ปรมัตเสียส่วนใหญ่ ถ้าบารมีต้นยังอีกนาน บารมีกลาง ก็ดีขึ้นมาหน่อย ถ้าปรมัตถบารมีนี่ ฉลาดมาก เก่งทุกเรื่องเรื่องแหละ เพราะต้องฝึกมาทุกอย่าง เขาเรียกกินเองชงเอง เสียส่วนใหญ่ ถ้าถึงปรมัตแล้ว เริ่มเป็นมหาแปลว่าใหญ่ ถ้าเต็มเปรี่ยม รอคิวมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า เขาเรียกว่ามหาโพธิสัตว์ ใหญ่

    พระโพธิสัตว์ก็มี ๓ แบบ ๓ ขั้น ๓ ชั้น ต้น กลาง ปลาย ปัญญาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๔ อสงขัย กำไลยแสนมหากัป ศรัทธาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๘ อสงขัยกำไลยแสนแสนมหากัป วิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมี ๑๖ อสงขัยกำไลยแสนมหากัป มี ๓ แบบนี้เท่านั้น พระโพธิสัตว์ ที่เรียงคิวบารมีเต็มแล้ว มีจำนวนเป็นแสน พระองคื แล้วที่ยังป้อแป้อยู่ละ นับถ้วนหรือเปล่าไม่รู้ครับ กลางอีกล่ะ ถ้าคุยกันเป็นวันคงไมจบแน่นอนครับ มันมาก จริงๆ ที่จะอะบาย ใช้เวลามากครับ มีโอกาศจะเข้ามาเสริมครับตอนนี้ขอตัวก่อนครับ
     
  3. หลานศิษย์

    หลานศิษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2008
    โพสต์:
    191
    ค่าพลัง:
    +560
    ความเป็นพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ยิ่งใหญ่มาก
    เป็นมหาบุรุษ ได้อย่างแท้จริง

    สาธุ สาธุ
     
  4. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
     
  5. pramualj@hotmail.com

    pramualj@hotmail.com สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +16
    ไม่ไช่การพูด หรืออ้างตำรา ให้พากันปฏิบัติให้ถึงที่สุด ....แล้วเวลาจะเครื่องพิสูจน์
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    :cool:({) 9eikgxHoco;mk'gfbo c9j.odkixDb[y9b ตำราเป็นแนวทางเดิน การปฏิบัติ เป็นหนทางของมรรค ผล การตัดกิเลส ก้ไม่ใช่เป็นของง่าย ถ้าง่าย คงมีพระอรหันต์เต็มบ้านเต็มเมืองแล้วนะ คนปฏิบัติ จะเป็นผู้ได้มรรคผลจริงๆ หนึ่งในแสนหนึ่งในล้านคน ของพวกนักปฏิบัติ แม้แต่คนที่ได้ ฌาณสมาบัติ เขาเรียก หนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่น ถึงจะได้ หนึ่งคน เมื่อปฏิบัติแล้ว มันจะได้ทุกคนนั้น ก้แสนยาก ครับ

    ส่วนใหญ่ ผมเอง จะใช้ตำรานั้นน้อยมากครับ ที่ผ่านๆมา จะเจอของจริง เสีย ๙๐ เปอร์เซ็นขึ้นไป และกินเองชงเอง เรียนถูกและเรียนผิดเสียส่วนใหญ่ แล้วนำมาแก้ไข ทั้ง ๒ ด้าน จึงกล้ากล่าวได้อย่าง เต็มปากเต็มคำเลยทีเดียวครับ และนำความรู้ที่ได้มา โต้ตอบท่านทั้งหลาย ในพลังจิต ทุกๆกระทู้ที่เข้าไป ผมไม่ได้แบกตำรา แต่ใช้ตำราเทียบเคียงบ้าง ก้เท่านั้นเอง ถ้าเปรียบเทียบ ตำราเปรียบเหมือนดิน ส่วนการปฏิบัติ เปรียบเหมือนฟ้า เพราะบางทีมันสวนทางกันเลยครับ ลองไปถามท่านที่ทำได้ทำถึง ก้ได้ว่าจริงหรือเปล่า :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...