ปริศนาธรรมจากงานศพ

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">ความหมายบางอย่าง ที่คนไทยได้สัมผัส แต่ไม่เคยรู้

เพิ่งรู้เหมือนกัน.....เอ้าอ่านๆ กันซะจะได้ปลงๆ ชีวิตก็เป็นเช่นชะนี้เอง
ความจริงแล้วปริศนาธรรมเกี่ยวกับเรื่องงานศพนั้นมีอยู่หลายข้อ
ซึ่งก็สงสัยอยู่เหมือนกันตั้งแต่เด็กมาแล้ว
แต่พ่อกับแม่ก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเลย
เหมือนกับว่าเขาให้ทำก็ทำกันไป โง่อยู่ตั้งนาน
พอได้มาอ่านหนังสือธรรมลีลาของธรรมสภาแล้วก็ตาสว่างขึ้นมีอีกหลายข้อดังนี้


1. มัดตราสังข์สามเปราะ มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก
มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี - ภรรยา
มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ
ติดอยู่สามบ่วงนี้ ไปนิพพานไม่ได้
ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น


2. เคาะโลงรับศีล ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีล
แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า
อย่าเอาแต่มัวประมาทขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน
เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้


3. สวดอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง
จึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวด
เพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรม
ไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล
ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวด
ให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้



4. บวชหน้าไฟ มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์
ความจริงนั้น ไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟ
เป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุด
มนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย
ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส แล้วพอใจในสมณะเพศ
มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน


5. การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ
เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่าตอนที่ยังอยู่
ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรม
คำสั่งสอนพระพุทธเจ้านั่นเอง จึงจะอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า


6. การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม
อันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลสตัณหาอุปทาน
ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส
เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย


7. การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ เพื่อชี้ให้เห็นว่า
น้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพาน
ต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิพย์จากพระธรรม


8. การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิ
และมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมา
เพื่อจะบอกว่าได้กลับชาติใหม่แล้ว
ตามวิบากของกรรมต่อ

ที่มา : http://webboard.mthai.com/7/2007-07-09/333776.html

</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

आपका बहुत बहुत धन्यवाद

 

ดีมากๆเลยคับ

 

อ่านไม่ออกครับ เห็นเป็นภาษาอินเดีย (มั้ง?)

 

3-4วันนี้ผมก็ไปงานศพญาติมาตลอดเป็นคนจีน
เดี๋ยวพรุงนี้ก็จะมีการทำ กงเต็ก กันเขาว่าการทำกงเต็กนี้ต้องใช้เงินมาก
ตัวผมเองเห็นว่า การเผาของต่างๆนี้คนตายคงไม่ได้รับ
แต่มันเหมือนเป็นการทำไห้คนที่ยังอยู่สบายใจซะมากกว่า
ว่าได้ไห้แล้ว

 

สวดอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง
จึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวด
เพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรม
ไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน
ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล
ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวด
ให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้

พระอภิธรรมเป็นบทธรรมล้วน ๆ เป็นคำสอนหลักที่มีค่าสูงสุด ให้มนุษย์ ตระหนักในองค์ประกอบการเป็นมนุษย์ ชี้ให้เห็นถึงรายละเอียด ของจิต
เจตสิก รูป นิพพาน และปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดเกี่ยวเนื่องกัน

เป็นการสอนคนเป็นให้ได้ตระหนักใน สัจจธรรม ในขณะเดียวกัน ผู้ตายก็ได้กุศลมาก จากการที่พระสวดบทพระอภิธรรมนี้ด้วย เพราะมีเทวดา จำนวนมากจะได้ฟังซ้ำเพิ่มเติมหลายๆ รอบ ย่อมได้มีโอกาสบรรลุธรรมสูงขึ้น
ใครสนใจพระอภิธรรม ซึ่งเป็นเนื้อธรรมคำสอนที่มีค่า ช่วยให้เข้าใจหลักธรรมและช่วยในการปฏิบัติด้วย สามารถ เรียนฟรีได้ที่วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ หรือวัดอื่น ๆ ที่เปิดสอน เช่นวัดระฆัง วัดสามพระยา เป็นต้น

 

(good)