เรื่องเด่น ปริศนาธรรม 3 ประการจากพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย rachotp, 10 พฤศจิกายน 2021.

  1. rachotp

    rachotp เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    1,218
    กระทู้เรื่องเด่น:
    251
    ค่าพลัง:
    +23,891
    E (ปก).PNG

    พินัยกรรมของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช จักรพรรดิผู้รุกรบชนะไปครึ่งค่อนโลก อเล็กซานเดอร์ที่ 3 แห่งมาซีดอน หรือ อเล็กซานเดอร์มหาราช (อังกฤษ: Alexander III of Macedon หรือ Alexander the Great, กรีก: Μέγας Ἀλέξανδρος, Mégas Aléxandros) ประสูติ 20 หรือ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 187 เพลลา, มาซิโดเนีย ครองราชย์ พ.ศ. 207-220 หรือ 356-323 ปีก่อนคริสตกาล) สวรรคคต 10 หรือ 11 มิถุนายน พ.ศ. 220 (32 ชันษา) ที่เมืองบาบิโลน

    เป็นกษัตริย์กรีกจากแคว้น มาซิโดเนีย ผู้สร้างชื่อเสียงมากที่สุดของราชวงศ์อาร์กีด เป็นผู้สร้างจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ยุคโบราณ เมื่อปีที่ 356 ก่อนคริสตกาล ได้รับการศึกษาตามแบบกรีกดั้งเดิมภายใต้การกำกับดูแลของอริสโตเติล นักปรัชญากรีกผู้มีชื่อเสียง

    เมื่อปีที่ 336 ก่อนคริสตกาลหลังจากที่พระบิดาถูกลอบสังหารสวรรคต การพิชิตดินแดนของพระองค์ส่งผลสืบเนื่องต่อมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ อเล็กซานเดอร์ถือเป็นหนึ่งในบุรุษผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกยุคโบราณ ในความสามารถทางการรบ ยุทธวิธี และการเผยแพร่อารยธรรมกรีกไปในดินแดนตะวันออก

    อเล็กซานเดอร์เอาชนะชาวเปอร์เซียครั้งแล้วครั้งเล่า นำทัพข้ามซีเรีย อียิปต์ เมโสโปเตเมีย เปอร์เซีย และแบคเทรีย ทรงโค่นล้มกษัตริย์ดาริอุสที่ 3 แห่งเปอร์เซีย และพิชิตจักรวรรดิเปอร์เซียได้ทั้งหมด พระองค์ไล่ตามความปรารถนาที่ต้องการเห็น "จุดสิ้นสุดของโลกและมหาสมุทรใหญ่ที่เบื้องปลาย" จึงยกทัพบุกอินเดีย


    ปีถัดจากการสวรรคตของอเล็กซานเดอร์ เกิดสงครามกลางเมืองทั่วไปจนอาณาจักรของพระองค์แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่มรดกของอเล็กซานเดอร์ที่ยืนยงคือการเผยแพร่วัฒนธรรมที่ติดตามมาจากการพิชิตดินแดนเหล่านั้น


    B.PNG

    ก่อนจะสิ้นพระชนม์


    ท่าน ว. วชิรเมธี กล่าวไว้ในบทความชิ้นหนึ่งว่า พระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช นั้นเป็นจักรพรรดิเป็นมหาราชที่รุกรบชนะไปครึ่งค่อนโลก ทะลุทะลวงมาจนถึงอินเดีย แต่อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งพระองค์ก็ทรงแพ้ภัยตัวเองหนีไม่พ้นพญามัจจุราช และก่อนจะสิ้นพระชนม์ได้โปรดให้ข้าราชบริพารเข้าเฝ้าโดยรับสั่งให้ทำพินัยกรรมเป็นปริศนาธรรม 3 ข้อ คือ…


    1) ในงานศพของข้าพเจ้า ขอให้นายแพทย์เป็นผู้แบกโลงศพ

    2) ขอให้นำเอาทรัพย์สมบัติประดามีที่ข้าพเจ้าไปตีชิงมาได้จากบ้านน้อยเมืองใหญ่ทั้งหมด หว่านโปรยตลอดเส้นทางที่แห่ศพข้าพเจ้าไปยังเชิงตะกอน
    3) ขอให้เอามือของข้าพเจ้าโผล่ออกมานอกโลงทั้งสองข้างในอิริยาบถแบมือ

    เมื่อมหาดเล็กได้ยินดังนั้นก็สงสัย จึงทูลถามถึงเหตุผลว่า “ทำไมจึงโปรดให้จัดการพระศพแตกต่างออกไปจากพระราชามหากษัตริย์ทั้งโลก พระองค์มีพระประสงค์อะไร” พระองค์ก็ทรงอธิบายว่า...


    C.PNG

    ประการแรก


    "ที่เราขอให้แพทย์เป็นผู้แบกโลงศพของเรานั้น ก็เพราะเราต้องการจะบอกอนุชนรุ่นหลังว่าสุขภาพเป็นสิ่งที่เราจะต้องดูแลเอง ต่อให้มีหมอเทวดาเป็นหมอประจำตัว สุดท้ายก็ไม่มีหมอคนไหนยื้อชีวิตของท่านไว้ได้"


    ดังนั้น...โปรดอย่าวางใจว่ามีหมอที่ดีที่สุดอยู่ใกล้มือ การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องของเราทุกคน เราจะต้องลุกขึ้นมาตระหนักรู้ แล้วดูแลอย่างดีที่สุดก่อนจะถึงมือหมอ (หมายเหตุ: ตอนที่พระองค์สิ้นพระชนม์ มีพระชันษาแค่เพียง 32 ปีเท่านั้น... เพราะมัวแต่รบทัพจับศึก ไม่ได้ดูแลสุขภาพเท่าที่ควรจึงเป็นเหตุให้อายุไม่ยืน)


    ประการที่สอง


    "ที่เราให้หว่านโปรยทรัพย์สินประดามีที่เราไปตีเอามาได้จากบ้านน้อยเมืองใหญ่ครึ่งค่อนโลกนั้น ก็เพื่อจะเตือนคนที่อยู่ข้างหลังว่า...ทรัพย์สินทั้งหลายนั้น สุดท้ายต้องส่งคืนโลกหมด ครอบครองไว้ไม่ได้ สรรพสิ่งคือของใช้ อย่าเข้าใจว่าเป็นของฉัน"


    ครอบครองแค่ไหน เราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของที่แท้จริง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสมบัติของโลก สรรพสิ่งคือของใช้ อย่าเข้าใจว่าเป็นของฉัน... ฉะนั้นเราจึงควรหาเท่าที่จำเป็นจะต้องใช้ อย่าครอบครองมากมายจนกองสูงดังภูเขาเลากา เพราะวันหนึ่งก็ต้องทิ้งสิ่งนั้นไปทั้งหมด อย่าทำตัวเป็นพวกบ้าหอบฟาง หาเงินหาทองมาสะสม เสมือนหนึ่งตัวเองจะมีอายุอยู่กินอยู่ใช้ไปสักแปดหมื่นสี่พันปี ทั้งๆ ที่ในความจริง มนุษย์เราทั้งหลายอายุเฉลี่ยเต็มที่แค่ 100 ปีเท่านั้น เราจึงไม่ควรจะหมกมุ่น ไม่ควรจะมัวเมา ตกเป็นทาสของ "ยศ-ทรัพย์-อำนาจ" จนหลงลืมแก่นสารที่แท้จริงของชีวิต


    รูปปั้นของอเล็กซานเดอร์มหาราช


    D.PNG

    ประการที่สาม


    "ที่ให้เอามือของเราแบออกไปนอกโลงศพนั้นก็เพื่อที่จะบอกว่า... เมื่อตอนที่เราเกิดมานั้น เราร้องไห้จ้าและกำมือแน่น หมายมั่นปั่นมือว่าจะครอบครอง ทุกสิ่งทุกอย่าง กำโน่น กำนี่ สารพัดที่จะกำ ยศก็กำ ทรัพย์ก็กำ อำนาจก็กำ กิน กาม เกียรติ เรากำทุกสิ่ง ครอบงำเอาไว้ทั้งหมดทั้งสิ้น"


    ต่อให้มีศักยภาพ หยิบจับสัมผัสได้ ครอบครองเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างมากมายล้นฟ้าแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายก็ต้องปล่อย ถึงเราไม่ปล่อย ธรรมชาติก็จะทำให้เราปล่อยโดยอัตโนมัติ... ในท้ายที่สุด... เพียงแค่ลมหายใจซึ่งบางเบาที่สุดและแทบจะไม่กินพื้นที่ใดๆ ก็ยังไม่มีใครสามารถกำเอาไว้ได้ สุดท้ายก็ต้องแบ ต้องปล่อยออก... เมื่อยังมีชีวิตอยู่ แทนที่จะกำจนแน่น จงแบ่งซะ ปันซะ ให้ซะ แล้วบุญกุศลเหล่านั้นจะเป็นทรัพย์สมบัติติดตัวเราไป โลกิยทรัพย์ต้องเปลี่ยนเป็นอริยทรัพย์

    A.PNG

    บทสรุป พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า...


    ถ้าไฟไหม้บ้าน ทรัพย์สินสิ่งใดที่เจ้าของหยิบฉวยวิ่งหนีออกจากบ้านที่ไฟกำลังไหม้ นั่นคือ "ทรัพย์สินที่แท้จริง" ของเขา ส่วนทรัพย์สินมากมายที่กองอยู่ในบ้านแล้วขนออกมาไม่ได้ จะต้องถูกไฟไหม้ทั้งหมด ฉันใดก็ฉันนั้น... ก่อนที่เราจะตายทรัพย์สินทั้งหมดที่เราไม่เคยนำมาแปรรูป ไม่เคย "เปลี่ยนทุนเป็นธรรม" เลย ทรัพย์สินเหล่านั้นจะสูญเปล่าเหมือนทรัพย์ที่ถูกไฟไหม้


    สุดท้ายในคำกล่าวของเอล็กซานเดอร์ "ขอให้ฝังข้าพเจ้า… ไม่ต้องสร้างอนุสรณ์สถานใดๆ… ปล่อยให้มือทั้ง 2 ห้อยอยู่ข้างนอกโลง เพื่อที่โลกจะได้รู้ว่า… บุคคลผู้ซึ่งเอาชนะมาแล้วทั้งโลก… ในที่สุดก็ไม่เหลืออะไรติดมือไปเลย แม้แต่นิดเดียว"


    ปริศนาธรรมจากพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช ทั้ง 3 ประการนี้ สอดคล้องกับธรรมะเรื่อง "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" ธรรมทั้งหลายทั้งปวงอันบุคคลไม่ควร ยึด-ติด-มั่น สลายชนชั้น ให้มองมนุษย์ เท่าเทียมกัน เพราะที่สุด ต้องตายกันหมด เพราะฉะนั้น ต้องเมตตา เอื้ออาทร ทําดีต่อกัน ละชั่ว กระทําความดี ทําจิตใจให้ผ่องใส

    Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก "ปริศนาธรรม 3 ประการจากพระเจ้าอะเล็กซานเดอร์มหาราช" โดย นิตยสารซีเคร็ต
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,418
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    ส่วนตัวแน่ใจว่าท่านได้สมบัติอันลํ้าค่าจากอินเดีย นั่นคือ"สัจธรรม"ค่ะ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...