ปล่อยวางขั้นสุดท้ายคือปล่อยอะไร

ปล่อยวางคือการไม่ยึดมั่นถือมั่นในสังขาร
ขันธ์
โดยมีความ
เข้าใจและเห็นความจริงของจันธ์ 5 ว่าเป็น
อนิจจัง หรืออนัตตาก็ได้
ด้วยการพิจารณากายขันธ์แบบทะลุทะลวง
ก็ทำให้ใจปล่อยวางสิ้นการยึดมั่นถือมั่นได้
หรือพิจรณาการปรุงแต่งที่เกิดขึ้นกับจิต(วิญาญขันธ์)
ก็ทำให้ใจปล่อยวางเลิกยึดมั่นถือมั่น
ได้อีกเช่นกัน
แต่สิ่งสุดท้ายที่ต้องปล่อยวางคือตัวผู้ที่
กำลังปล่อยวาง
ที่ไม่ค่อยยอมปล่อยกัน

ดังนั้น ถ้าหากพิจารณาปล่อยวางกายสังขารได้
ปล่อยวางจิตสังขารก็ได้
แต่ลืมปล่อยวางตัว
ผู้กำลังปล่อยวาง
ก็พ้นทุกข์ไม่ได้หรอกฮับ
แค่มาเล่าให้ฟังไม่ได้โม้ฮับ

 

ผมไม่หลงกลลุงแมวหรอกครับ

ไม่บอก....

อิอิ

 

NEOWORLD.. อ่านแล้ว สังเวชใจ ไปลอกเลียนจากตำรา-เอาผล ของการปฏิบัติของอรหันต์ อริยะ ที่สำเร็จแล้ว สามารถคาดเดาได้-จากตำรา แล้วเขียนออกมาซะสวยหรู.. ปล่อยวางอย่างโน้น-ปล่อยวางอย่างนี้ได้-ดูกริยา ความสามารถตนเองบ้างไหมครับ-แค่อ่านภาษาที่คุณเขียน ก็รู้แล้วว่า ไม่เป็นภาษาเลย ไอ้กะบือเฒ่าขี้โม้ไปวันๆ..

 

มันสวยหรูยังงัยล่ะหลุก
หลวงตาหลังไมค์พูดในคลิป
สอนศิษย์รายตัว รายกลุ่มท่านก็
เตือนศิษย์แบบนี้
ลุงแมวก็เอามาเล่าสู่กันฟัง
ไม่ได้โม้เอง ถ้าไม่มีไม้เด็ดจริงๆ
จะเอามาเล่าให้ขัดใจเดียรถีทำ
ไมอ่ะหลุกเอ๊ย

 

เฮีย!! แน่นวล

ปล่อย มีสองสาม ขยัก

ปล่อยแล้ว ต้องตีลังกา ปล่อยตัว
ปล่อยอีกที

มันตรรกศาตร์ ด้น เด้า เดาไป
เรื่อย เหมือนพวก ลาดเพร้า ที่
ไปลอกเขามา .....

มรรค มีหนึ่งเดียว หากเหนถูก
ไม่ต้องมี สองสามขยัก ตีลังกา

หรือ

เล่นเปนแมวไล่งับหางตัวเอง


เฮีย!!!

 

เอาง่ายๆ นะ

ปล่อย หากกล่าวในเชิง เปนสิ่งที่เกิด
จาก การปฏิบัติ ทำท่า ทำทาง อะไร
สักอย่าง มะอึง มั่วแน่นอน

เพราะ การ ปล่อย มันเปน ผล ของ
การเหน

เหนอะไร

หากไม่ปฏิบัติมา มันจะ ด้นเด้า เดา
ไปเรื่อย คนภาวนาเปนจะดูออก ไป
ลอกเขามา พูดให้เหมือน ไปวันๆ

หากปฏิบัติมา แล้ว เหน จะไม่มานั่ง
เฮีย!! เปิดกระทู้โฆษณา แล้ว ยัง งุบ
งิบเปน ลต หนา ฮี ในกระโปรงอยู่
แบบนั้น

แล้ว ก้ ใช่ว่า จะมาลอยหน้า ลอยตา
ให้เหน หนา หัว กรวย ด้วย

เพราะอะไร

เพราะ เหนสัจจ ความเพียร มันไม่มี"..........."

ฮะเออ งง เต็ก

 

พูดอีกแง่ คือ

มันไม่มี สูตรลับ

สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ นั้นดีแล้ว

คน กตัญญูเหน ธรรม ต้องเปนแบบนี้

ในเมื่อสิ่งที่ พระพุทธองค์ ตรัสนั้นดีแล้ว

มันไม่ต้องให้ ลต หนา ฮี ที่ไหน มารอ
อธิบายหลังไมค์

 

อนุสัยกิเลส ที่นอนแช่นิ่งในสันดาน น่าจะตอบแบบนี้มากกว่า

 

สอนเก่งสอนมานานหลายปี
มีศิษย์ทรยศก็เยอะ
ปีนี้ได้กี่โมทนาแล้วล่ะจานปัง
จอมขมังเวทย์
รึยังกินไข่ จู๋นโม จู๋นไลค์ 2 หัวเถิกแดง555

 

ท่านว่า.... ปฏิบัติธรรม ฟังเดี๋ยวนี้ ต้องเข้าใจเดี๋ยวนี้ใจต้องเบาเดี๋ยวนี้
ไม่ใช่ฟังแล้วกลับไปบ้านค่อยไปนั่งเข้าใจ
ที่บ้าน
การมีสติรู้ที่ประตูใจ ต้องรู้ทันทีที่
เกิดจิตสังขาร รู้ยาวไปจนอาการจิตสังขารดับ
แลรู้การเกิดดับของจิตสังขารในรอบ
ต่อๆไป
การเกิดการดับต้องเกิดขึ้นที่ใจตั้งอยู่ที่ใจ
และดับที่ใจ( ท่ามกลางความว่างของใจ)
คนไม่เข้าใจก็มีคำถามว่าไหนล่ะใจ

ฉะนั้น ผู้มีสติปัญญา
จึงสามารถฟังเข้า และรู้ได้ด้วยตนเอง
คนไม่เข้าใจและ
ไม่มีสติก็คิดว่ามโนไปเอง

 

"เอาง่ายๆ"
นี่แหล่ะตรรกะเลยล่ะ ฮี่ธ่อ

 

ปล่อยวางจิต ไม่ไปดูมันบ่อย

 

ก็หลวงตาคุณนี่แหละ..ชอบแสดงธรรมในสิ่งที่ตนเองปฏิบัติไม่ได้ ไม่มี ในตนเอง อาบัติปราชิกนะ ไปบอกหลวงตาคุณด้วย..

 

อย่างคุณนี่นะ..จำแต่ตำรา-เอาสัญญา มาแก้ทุกข์-เอาเขามาเขียนซะสวยหรูไม่-โชงกหน้าดูเงา ความประพฤคิ ตนเองในน้ำมั่งเลยรึ โถไอ้กะบือธรรม..อิอิ