ปัญหาการยึดวัดพุทธไชโย แจ้งผู้นับถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำทราบ+เตรียมเปิดเผยการปาราชิก

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย inzee, 5 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92
    "แต่ถ้าท่านเหล่านั้นรู้กันถึงชั้นผู้ใหญ่เราจะปกป้องยังไงครับ"


    ถ้าพูดถึงทางฝ่ายปกครองเขารู้ถึงกันอยู่แล้วครับ และ เป็นอย่างนี้มานานแล้วด้วย แต่เราก็

    สู้ด้วยใจที่เป็นธรรมและเราก็จะชนะได้ในที่สุดแน่นอนครับ วันนี้ผมได้อ่านข้อสรุปของคุณ

    คอนสวรรค์ที่ทางทีมงานได้นำขึ้นหน้าหนึ่งของการทู้นี้อีกครั้ง รู้สึกมั่นใจว่ายุทธศาสตร์นี้

    สำเร็จได้แน่ๆครับ

    ถ้าพร้อมแล้วเดินหน้าต่อได้เลยครับ
     
  2. คณะปลาวาฬ

    คณะปลาวาฬ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบคุณคุณนิรันตรังครับขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ

    ดีใจครับที่มีแนวร่วมอย่างคุณเป็นกำลังทางภาคใต้

    มีความรู้สึกว่าไม่ได้ทำงานอย่างเดียวดายครับ

    มีทั้งกำลังใจกำลังบุญบารมีกำลังอธิษฐานบารมีที่ลูกๆหลานๆได้ร่วมด้วยช่วยกัน

    ขอโมทนาบุญทุกอย่างที่คุณได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันครับ

    ร่วมกันเดินเคียงข้างและเดินหน้ากันอย่างเต็มความสามารถและกำลังบุญครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. inzee

    inzee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +2
    ทีมกฏหมายดำเนินการแล้ว

    ทีมงานได้ส่งหลักฐานทั้งที่เปิดเผยแล้วและหลักฐานลับ
    ให้ทีมกฏหมายดำเนินการต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ขอคณะลูกศิษย์ทุกท่าน ทุกคณะร่วมทั้งคณะผู้ก่อตั้งและผู้อุปถัมภ์
    โปรดช่วยกันอธิษฐานจิตขอบารมีพระให้เรื่องนี้สำเร็จโดยฉับพลันด้วยเถิด

    ขอบุญกุศลที่ทีมงานและทุกๆท่านที่ร่วมกันช่วยสนับสนุนให้เรื่องนี้สำเร็จส่งผลให้สำเร็จตามความปราถนาทุกๆด้าน ทุกๆประการด้วยเถิด

    <iframe src="http://www.youtube.com/embed/rSTmFTdnWvo" allowfullscreen="" frameborder="0" height="510" width="640"></iframe>

    การลงรายชื่อให้การสนับสนุน สามารถทำได้ 3 ช่องทาง

    1.ช่องทาง E-mail

    ดาวน์โหลดแบบฟอร์มตามลิ้งค์นี้นะครับ แบบฟอร์มแล้วแสกนส่งไปที่เมล์ srisumatro@hotmail.com

    หากไม่ใช้แบบฟอร์ม สามารถส่งรายละเอียดไปที่เมล์ได้เลยระบุตามนี้ครับ
    คำนำหน้าชื่อ
    ชื่อ
    นามสกุล
    เลขที่บัตรประชาชน
    เบอร์ติดต่อ (มือถือ/บ้าน/ที่ทำงาน ก็ได้ เผื่อมหาเถระสมาคมตรวจสอบว่ามีตัวตนจริงไม่ได้เมคชื่อขึ้นมา)

    2.ช่องทางไปรษณีย์
    ส่งรายละเอียดส่วนตัวตามข้อที่ 1 หรือส่งแบบฟอร์มที่ลงชื่อแล้ว ส่งมาที่ (แนะนำส่งแบบลงทะเบียน)
    ชื่อผู้รับ คุณผุสดี
    เลขที่70 ซอยสายลม ถนนพหลโยธิน8 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ 10400

    3.ลงชื่อได้ที่ตึกกรรมฐานบ้านสายลมทุกวันทำการ

    นอกจากนี้ตัวแทนแต่ละคณะที่รับลงชื่อ ควรตรวจสอบว่าเป็นใคร เพราะอาจมีคนแอบอ้างเพื่อลดทอนจำนวนรายชื่อของเราได้ครับ

    เร็วๆนี้จะเปิด Call Center เพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2011
  4. bankbb1

    bankbb1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +284
    ขอให้ลูกหลานขององค์หลวงพ่อจงชนะหมู่มารทั้งหลายทั้งปวงด้วยเทอญ..
     
  5. awatan

    awatan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    ขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า


    [​IMG]



    [FONT=&quot] ความชั่ว ไม่ทำเสียเลย ดีกว่า[/FONT]
    [FONT=&quot]พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ขึ้นชื่อว่าทุจริต แม้เพียงเล็กน้อยบุคคลไม่ควรทำ ด้วยความสำคัญว่า [/FONT]“[FONT=&quot]ชนพวกอื่นย่อมไม่รู้กรรมนี้ของเรา[/FONT]” [FONT=&quot]ส่วน สุจริตนั่นแหละ เมื่อคนอื่นแม้ไม่รู้ก็ควรทำ[/FONT], [FONT=&quot]เพราะว่าขึ้นชื่อว่าทุจริต แม้บุคคลปกปิดทำ ย่อมทำการเผาผลาญในภายหลัง[/FONT], [FONT=&quot]ส่วนสุจริตย่อมยังความปราโมทย์อย่างเดียวให้เกิดขึ้น ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-[/FONT]

    [FONT=&quot]กรรมชั่ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า[/FONT],[FONT=&quot] เพราะว่า กรรมชั่ว ย่อมเผาผลาญในภายหลัง[/FONT],
    [FONT=&quot]ส่วนบุคคลทำกรรมใดแล้ว ไม่ตามเดือดร้อน[/FONT],[FONT=&quot] กรรมนั้น เป็นกรรมดี อันบุคคล ทำแล้ว ดีกว่า[/FONT]”
    ([FONT=&quot]จาก...พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท)[/FONT]


    มหานิมิตร
    <iframe src="http://www.youtube.com/embed/S-YFfQJrf00" allowfullscreen="" frameborder="0" height="349" width="425"></iframe> หลวงปู่ดู่มักจะกล่าวเตือนศิษยานุศิษย์ ทั้งที่ใกล้ชิดและห่างไกล ตลอดจนสาธุชนญาติโยมทั้งหลาย ให้พึงสังวรอยู่เสมอก็คือ เรื่องควรงดเว้นกระทำกรรมชั่วโดยเด็ดขาด โดยท่านจะนำเอาพุทธพจน์ที่ว่า “ขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า” มาเป็นข้อเตือนสติแก่ทุกคน เพราะการกระทำกรรมใด ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมเลวก็ตาม จิตของผู้นั้นจะบันทึกเก็บงำข้อมูลเอาไว้โดยละเอียด เมื่อใดที่ถึงกาลมรณะ จิตตัวนี้จะเป็นตัวชี้นำไปสู่สุคติ หรือทุคติอย่างชัดเจน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 สิงหาคม 2011
  6. I Love NIPPan

    I Love NIPPan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +479
    จะลงชื่อสนับสนับสายเราได้อย่างไรค่ะ

    นับดิฉันรวมไปได้เลยนะคะ
     
  7. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92

    จัดหนัก และ จัดเต็ม เลยนะครับ ทีมกฏหมายครับ
     
  8. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92
    ความชั่ว ไม่ทำเสียเลย ดีกว่า


    พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ขึ้นชื่อว่าทุจริต แม้เพียงเล็กน้อยบุคคลไม่ควรทำ ด้วยความ

    สำคัญว่า “ชนพวกอื่นย่อมไม่รู้กรรมนี้ของเรา”

    ส่วน สุจริตนั่นแหละ เมื่อคนอื่นแม้ไม่รู้ก็ควรทำ


    เพราะว่าขึ้นชื่อว่าทุจริต แม้บุคคลปกปิดทำ ย่อมทำการเผาผลาญในภายหลัง,



    ส่วนสุจริตย่อมยังความปราโมทย์อย่างเดียวให้เกิดขึ้น


    ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-

    “กรรมชั่ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า, เพราะว่า กรรมชั่ว ย่อมเผาผลาญในภายหลัง,

    ส่วนบุคคลทำกรรมใดแล้ว ไม่ตามเดือดร้อน,

    กรรมนั้น เป็นกรรมดี อันบุคคล ทำแล้ว ดีกว่า”

    (จาก...พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท) คัดลอกจากข้อความของคุณเอกีภาวะ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2011
  9. ฟาร่าห์

    ฟาร่าห์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +0
    *ตื้นตันและซาบซึ้งในน้ำใจทุกๆดวงจิตที่ห่วงใยกันและกันนะคะ
    *ขอขอบคุณบทเพลงจากคุณ เอกีภาวะ ด้วยค่ะ ยิ้มสู้ เพราะเรารู้ว่ามีชัย แน่นอนค่ะ
    *ขอบคุณ คณะปลาวาฬ เช่นกันค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านที่ เหน็ดเหนื่อยกับการทำหน้าที่ๆหนักและสำคัญแทนพวกเราทุกคนด้วยนะคะ...
    *ลูกหลานหลวงพ่อ รู้รักสามัคคี ยามศึกเรารบ ยามสงบเราภาวนา...
    *ธงไชยแห่งพระศาสนาจะปักตระหง่านพัดพริ้วปลิวสบัด สง่างามมั่นคง ด้วยแรงศรัทธาแท้แห่งผู้ปรารถนาซึ่งพระนิพพานโดยแท้...
    สาธุการกับทุกๆท่านค่ะ...~
     
  10. * ลูกพ่อ *

    * ลูกพ่อ * สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +0
    คำสอนจาก ณาณ 8 บ้านสายลม..

    - ถ้าเราเป็นคนดีคนหนึ่ง ในผืนแผ่นดินไทย...
    ก็เท่ากับว่าเราได้เป็นศรี ให้กับประเทศชาติ....

    - ขออนุโมทนาผลแห่งบุญในทุกๆความดีที่ได้ปฎิบัติมาแล้ว กับทุกๆท่านครับ สาธุการ -
     
  11. Saizen

    Saizen สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +0
    อย่าเพิ่งวางใจกันนะครับ เพราะทางคณะศิษย์เราเคยไปปรึกษาถึงคณะหนกลางมาแล้ว ท่านก็กล่าวว่าทำนองว่า ทางหัวหินเขาแต่งตั้งไปแล้วทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็เข้าใจท่านนะครับ

    แต่ผมคิดว่าคณะศิษย์ที่ไปขอคำปรึกษาจากท่าน ต้องการความยุติธรรมมากกว่าได้รับคำตอบมาแค่นี้ครับ เพราะประวัติหลักฐานมีให้เห็นกันชัดๆว่าหลวงพ่อฤาษีสั่งสร้างวัดนี้และ 99% เงินบริจาคมาจากคณะศิษย์หลวงพ่อฤาษีไปร่วมทำบุญเพื่อสร้างวัดนี้ขึ้นมา....

    ผมว่าต่อไปประชาชนและสงฆ์ทุกฝ่ายน่าจะร่วมกันสังคยณาพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ให้มีความรัดกุม รอบคอบ เป็นธรรม ให้มากกว่านี้
     
  12. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92

    เห็นด้วยกับข้อความนี้ครับ ว่าไม่ควรวางใจเป็นอย่างยิ่ง แต่จากได้ศึกษาหนังสือ

    ขอเมตตาคราวก่อนมันหนักแน่นไม่พอครับ คิดว่าตอนนั้นเรายังตั้งหลักไม่ทัน

    แต่ตอนนี้ คิดว่าความหนักแน่นน่าจะถึงระดับ พลังคงสามารถเคลื่นภูเขาได้

    ในเมื่อเราทักท้วงโดยธรรม เป็นที่ประจักษ์ เป็นลายลักษณ์อักษร มีพยานหลัก

    ฐานแวดล้อมประกอบ มีเหตุมีผลเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของวัด และ กิจการ

    ภายในวัด ที่สำคัญกิจการของศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นธุระกันดาร ตามพระ

    ราชประสงค์ฯด้วยอย่างนี้ ถ้ายังไม่ยกเป็นเหตุให้ทบทวนไหม่ ก็ต้องไปสู้กันที่

    ศาลยุติธรรม เป็นคดีความกันต่อไป ก็เท่านั้น เพราะข้อผิดจริยาชัดเจน เข้าข่าย

    ๑๕๗ ชัดๆ


    สู้นะครับทุกคน สู้จนถึงที่สุด มีกำลังบารมี ๑๐ ทัศน์เท่าไหร่ มาช่วยกันลงไปใน

    งานนี้ให้หมดเลยนะครับ ลุยมันตั้งแต่่ตอนนี้แหละ เอาความถูกต้อง ชอบธรรม

    คืนมาสู่วงการการแต่งตั้งตัวแทนสงฆ์ในการบริหารงานสำคัญของพระพุทธ

    ศาสนาในประเทศไทยให้ได้ตั้งแต่เดี่่ยวนี้เป็นต้นไป ถ้าเราไม่ลุยให้เห็น รับรอง

    ได้การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ มีแต่จะแย่ลง


    ถ้าอ้างแต่กฏมหาเถระสมาคมในด้านการแต่งตั้งอย่างเดียว ไม่เอากฏของจริยา

    มาประกอบด้วย ไม่เอาวิจารณญานด้านคุณธรรม ความถูกต้องชอบธรรมมา

    ประกอบด้วยซึ่งผู้ถือเพศบรรพชิตต้องมีสูงกว่าคนทั่วไปนั้น มันจะไม่แย่ลงๆได้

    อย่างไร งานนี้เราต้องหาทางนำเรื่องขึ้นสู่ศาลให้ได้นะครับ ทีมกฏหมายครับ คิด

    ว่าคงไม่เกิน วิริยะบารมี ปัญญาบารมี ขันติบารมีของทีมกฏหมายของเรานะครับ


    สมมุตินะครับ ต่อไป เจ้าคณะอำเภอที่วัดท่าซุงตั้งอยู่ ร่วมกับเจ้าคณะตำบล กับ

    เจ้าอาวาสอีก ๓ วัดที่เจ้าคณะอำเภอแต่งตั้งตามกฏ ร่วมกันพิจารณา หลวงพี่

    ที่ไหนก็ไม่รู้มาดำรงตำแหน่งรักษาการณ์เจ้าอาวาสวัดท่าซุง ไปได้สักไม่กี่วันให้

    พอเข้าเกณฑ์ แล้วเจ้าคณะจังหวัดก็ตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าซุง อย่างนี้ พอ

    เราไปทักท้วงก็บอกว่า ตั้งไปแล้วทำถูกต้องตามกฏมหาเถระสมาคมทุกอย่าง

    อย่างนี้เขาเป็นรักษาการณ์มาก่อนแล้วเหมาะสมกว่าองค์อื่นทั้งหมดอย่างนี้


    ใครรับรองได้ว่าเรื่องอย่างนี้จะไม่เกิดขึ้นกับวัดใหญ่ของเราในอนาคต

    เพราะฉะนั้น วัดย่อยนี่แหละ สู้จนแตกหักให้ได้เราจะได้รู้จุดอ่อน จุดแข็งของเรา

    เป็นประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง สมมุติว่าแพ้เราก็จะได้รู้เล่ห์กลของอีกฝ่าย

    หนึ่งเอาไว้แก้ตัวไหม่ในศึกครั้งหน้า แต่ผมคิดว่าอย่างไรเสียเราก็ไม่มีวันแพ้ ถ้า

    เราเป็นธรรมที่แท้จริง เพราะธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ เป็นพุทธดำรัสของพระ

    สัมมาสัมพุทธเจ้า จะเป็นการเตรียมการป้องกันรักษาวัดใหญ่ไว้ในภายภาคหน้า

    อีกทางด้วยนะครับ


    หมายเหตุ ตอนหลวงพ่อของเรามรณะภาพในปี 2535 มีความพยายามที่จะดำเนินการในลักษณะนี้มาครั้งหนึ่งแล้วนะครับ แต่ไม่สำเร็จ และไม่มีทางสำเร็จตลอดไป เำพราะคนประพฤติทุจริตมีแต่จะย่อยยับไป ย่อยยับไปสถานเดียว เพราะคนประพฤติสุจริตรวมพลังกันเฝ้าระวัง และพร้อมลุยด้วยบุญบารมีทั้งหมดที่เรามีอยู่ ตลอดเวลา และ ตลอดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  13. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92

    ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอตั้งสัจจาธิษฐาน อ้างเอาบุญบารมีที่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้

    ร่วมกับองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยานมหาเถระวัดท่าซุง ได้สร้างไว้แก่ชาติ ศาสนา

    พระมหากษัตริย์ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงชาติปัจจุบัน และ ขอพุทธบารมีของพระสัมมาสัม

    พุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้ง

    หลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เทพพรหมเทวดาทั้งหลาย และผู้มีอุปการะคุณทั้งหลาย

    ตลอดถึงบุญบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลมหาราช สมเด็จพระนางเจ้า

    พระบรมราชินีนารถ และพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐทุกๆพระองค์ ขอได้โปรด

    ดลบันดาลให้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ได้หลุดพ้นจากความทุกข์กาย ทุกข์ใจ ด้วยประการ

    ทั้งปวง ประสบแต่ความสุขกาย สุขใจ มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปในทุกๆด้านนับ

    ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน


    การใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายในนามลูกหลานและลูกศิษย์ขององค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    มหาเถระวัดท่าซุง ได้รวมพลังกันบำเพ็ญ เพื่อประโยชน์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แล้ว

    ไซร้ ขอให้การทุกอย่างนั้นสำฤทธิ์ผลทุกอย่างทุก

    ประการ
    โดยฉับพลัน นับตั้งแต่บัดนี้

    เป็นต้นไปเทอญ



    อิมัง สัจจวาจัง อธิษฐามิ

    ทุติยัมปิ อิมัง สัจจวาจัง อธิษฐามิ

    ตติยัมปิ อิมัง สัจจวาจัง อธิษฐามิ
     
  14. คณะปิดทอง

    คณะปิดทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +363
    ทราบมาว่าในตอนนั้นสมเด็จปู่วัดสามพระยาได้เข้ามาช่วยกู้วิกฤติในครั้งนั้น

    แต่ครั้งนี้วัดสาขาหลวงพ่อจะโดนศึกหนัก เพราะมีลูกศิษย์หลายกลุ่มไปปรึกษา

    พระผู้ใหญ่ในประเทศไทยหลายท่านที่มีตำแหน่งใหญ่ๆทั้งนั้นในองค์กรปกครอง

    แต่ได้รับคำตอบเหมือนๆกัน ไม่แน่ใจว่าเป็นเครือข่ายเดียวกันหรือไม่ สังเกตุ

    จากคำบอกเล่าที่เจ้าคณะจังหวัดประจวบพูดกับโยมที่หัวหินว่าใหญ่แค่ไหนก็ไม่

    กลัว เข้าใจว่าเจ้าคณะทั้งหลายคิดว่าอำนาจอยู่ในมือใครก็ไม่สามารถทำอะไร

    ได้


    แต่ครั้งนี้หลักฐาน พยานเราชัดเจนมาก หากคณะปกครองไม่รับฟังก็ถือว่า

    ประพฤติโดยมิชอบ และควรที่จะเปลี่ยนพระราชบัญญัติคณะสงฆ์จริงๆ

    กันเสียที และควรตรวจสอบการวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งในวงการผ้าเหลืองให้หมด

    สิ้นไปจากแผ่นดินไทยประเทศที่เป็นเอกแห่งพระพุทธศาสนา

    ------------------------------------------------------

    ข้อคิดจากหนังสือบันทึกของท่านเจ้ากรมเสริม
    พระกับชาวบ้านต่างก็อาศัยซึ่งกันและกัน คือพระก็อาศัยปัจจัย 4 จากชาวบ้านชาวบ้านอาศัยพระด้วย 2 ประการ
    1.ฟังธรรมจากท่านเพื่อจะได้เห็นทางบรรลุสุขอันเป็นอมตะ

    2.เมื่อพระปฏิบัติธรรมให้เป็นพระอริยะ (พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์) เวลาชาวบ้านเขาถวายทาน ทานเขาก็จะมีอานิสงฆ์เพิ่มขึ้นอย่างประมาณไม่ได้ (เหมือนดังประมาณไม่ได้ว่าน้ำในมหาสมุทรมีกี่ทะนานทีเดียว)

    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสอนให้พระทั้งหลายปฏิบัติตัวให้เป็นพระอรหันต์ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ในทั้งสองข้อ ท่านทรงบอกว่าอย่าเอาแต่กินแล้วก็นอน เป็นการเปลืองข้าวชาวบ้านเขาเปล่าๆ

    นักศึกษาทั้งหลายจะต้องไม่เอาตัวอย่างพระที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า มาเป็นมาตรฐานประเมิณค่าของพระพุทธศาสนา เพราะในทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาแล้ว พระอริยะเจ้าไม่เป็นกาฝากของสังคมเลย<!-- google_ad_section_end -->

    -------------------------------------

    ขออาราธนาบารมีสมเด็จองค์ปฐม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ

    พระองค์ พระอริยเจ้าทุกๆพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ ท่านท้าวมหาพรหม พรหมทั้งหลาย

    เทวดาทั้งหลายทุกระดับชั้น ท่านปู่ท่านย่าพระอินทร์ ท่านท้าวจาตุมหาราชทั้งสี่ พระสยามเทวาธิราช

    โปรดเมตตาสงเคราะห์ให้เกิดความเป็นธรรม ความยุติธรรมในพระพุทธศาสนาเพื่อให้เป็นที่อยู่ของคนดี

    สืบต่อไปด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้า

    ขอบารมีท่านท้าวพยายมราชโปรดเมตตาสงเคราะห์ให้คนชั่วคิดร้ายหาประโยชน์กับพระพุทธศาสนาหากินบนความศรัทธาของประชาชนให้จงสลายไปด้วยกระแสแห่งความดีของพุทธศาสนิกชนโดยฉับพลันด้วยเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2011
  15. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92

    เมื่อเกิดภัยพิบัติ สงคราม วัดหลวงพ่อและศูนย์ฯ และสาขาต่างๆมีความหมายอย่างไร

    หลวงพ่อเคยบอกเล่าไว้



    สาธุ ช่่่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เกิดภัยพิบัติมาก สังเกตไหม? เวลาเกิดภัยพิบัติที่ไหนที่ผ่าน

    มาก็ตาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนารถ และ

    พระบรมวงศานุวงศ์ ต่างก็มีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

    ทุกครั้งไป จะดีแค่ไหน ถ้าเราในนามคณะศิษย์พระราชพรหมยานวัดท่าซุง ที่มีศูนย์ฯอยู่ใน

    มือ ได้ร่วมสนองงานพระองค์ท่านอย่างเต็มกำลัง ทุกๆครั้งที่ชาติเรามีภัย อาจจะแผ่ไปถึง

    ประชาคมโลก มีภัยด้วยก็ได้ ใครจะไปรู้เหตุการณ์ในอนาคต ถ้ากิจการศูนย์ของเรามั่นคง

    พอ




    เรื่องดีๆแบบนี้ พาลชนไม่เข้าใจหรอก เขาจึงไม่เห็นศูนย์สงเคราะห์ฯที่ตั้งอยู่ในวัดอยู่ในสายตา

    เพราะฉะันั้น เราต้องช่วยกันทำให้ผู้ใหญ่ฝ่ายปกครอง และ มหาชนทั้งหลายได้รู้ถึงความสำคัญ

    ของศูนย์ฯและการดำเนินงาน ว่าสร้างคุณประโยชน์มากมายต่อสังคมโดยรวมอย่างไร เราถึงได้

    คัดค้านว่่า การแต่งตั้งของพวกท่านนั้น มันจะทำให้งานศูนย์ฯไปไม่ได้

    เมื่อตั้งไปแล้วเราก็อนุโลมตาม แค่ขอให้พระที่เป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ เข้ามาช่วยท่าน ด้าน

    ดำเนินงานของศูนย์ ซึ่งท่านไม่รู้ ไม่เข้าใจ ท่านก็ขัดขวาง โดยอ้างมติสงฆ์ อย่างนี้ คำว่า

    สงฆ์ของท่าน มีใครร่วมประชุมบ้าง ถ้ามีบรรทึกการประชุม ก็ต้องถามทั้งหมด ทั้งองค์

    ประชุมนั่นแหละว่า ท่านค้านด้วยเหตุผลใด เหตุผลพอที่จะพ้น ม.๑๕๗ ทั้งคณะไหม?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2011
  16. นิรันตรัง

    นิรันตรัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +92
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ คณะปิดทอง


    ข้อคิดจากหนังสือบันทึกของท่านเจ้ากรมเสริม


    พระกับชาวบ้านต่างก็อาศัยซึ่งกันและกัน คือพระก็อาศัยปัจจัย 4 จากชาวบ้านชาวบ้าน

    อาศัยพระด้วย 2 ประการ

    1.ฟังธรรมจากท่านเพื่อจะได้เห็นทางบรรลุสุขอันเป็นอมตะ

    2.เมื่อพระปฏิบัติธรรมให้เป็นพระอริยะ (พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์) เวลาชาวบ้านเขา

    ถวายทาน ทานเขาก็จะมีอานิสงฆ์เพิ่มขึ้นอย่างประมาณไม่ได้

    (เหมือนดังประมาณไม่ได้ว่าน้ำในมหาสมุทรมีกี่ทะนานทีเดียว)



    ด้วยเหตุนี้ท่านจึงสอนให้พระทั้งหลายปฏิบัติตัวให้เป็นพระอรหันต์ เพื่อจะได้เป็นประโยชน์

    ในทั้งสองข้อ ท่านทรงบอกว่าอย่าเอาแต่กินแล้วก็นอน เป็นการเปลืองข้าวชาวบ้านเขา

    เปล่าๆ



    นักศึกษาทั้งหลายจะต้องไม่เอาตัวอย่างพระที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

    มาเป็นมาตรฐานประเมิณค่าของพระพุทธศาสนา เพราะในทั้งสองเรื่องที่กล่าวมาแล้ว พระ

    อริยะเจ้าไม่เป็นกาฝากของสังคมเลย

    ------------------------------------------------------------------------------------


    ระยะหลังมานี้ เน้นส่งเสริมให้นักบวชเรียนให้ได้ปริญญา ตรี โท เอก กันมาก แล้วก็วัด

    ความดีกันด้วยวุฒิการศึกษานี้ แทนที่จะวัดกันด้วยคุณธรรมคุณงามความดีตามพระพุทธ

    ประสงค์ แทนที่จะวัดกันที่ความเป็นพระอริยะเจ้า มีพระโสดาบันเป็นต้น

    มันเป็นการเดินไปสู่ความเสื่อมของวงการนักบวชโดยแท้ พวกท่านจะรู้หรือเปล่า



    อีกอย่างหนึ่งเรื่องยศฐาบรรดาศักดิ์ ตอนนี้ ก็หลงกันอย่างหนัก ทุกหัวระแหง ถึงขั้นวิ่งเต้น

    ซื้อยศ ซื้อตำแหน่่งกัน มันเป็นความหายนะของวงการนักบวช พวกท่านรู้บ้างไหมหนอ

    ต่อไปนักบวชประเภทนี้ ก็จะไม่มีค่าอะไร ท่านก็รู้แต่ในกลุ่มพวกท่านนั้นแหละว่า

    ท่านเป็นใหญ่ ชั้นนั้น ชั้นนี้

    ท่านก็หลงอยู่ในหมู่พวกท่านนั่นแหละ ชาวพุทธที่ตื่นรู้แล้ว เขาไม่สนในตำแหน่งของพวก

    ท่านหรอก เขาสนแต่ว่า ท่านดีหรือไม่ดีเท่านั้น

    เป็นนักบวชที่ดีหรือเปล่า?


    ระยะต่อไปนี้ ผู้ได้อภิญญา ฌานโลกีย์ ก็ดี พระอริยะเจ้าก็ดี จะมีมากในเพศของฆราวาส

    ก็ด้วยเหตุนี้



    สาธุ ขอผู้ที่ทรงอภิญญาก็ดี ผู้ทรงคุณธรรมทั้งหลายก็ดี

    ที่มีอยู่ ณ.ตอนนี้

    ได้โปรดให้ความเมตตามาร่วมแรงร่วมใจช่วยกันในงานนี้เถิดขอรับ

    มันหนักหนาสาหัสจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2011
  17. คณะปลาวาฬ

    คณะปลาวาฬ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอเรียนเชิญลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงพ่อ


    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี)ทุกๆท่าน


    ทุกรุ่นทุกวัยทั้งผู้ปรารถนาพุทธภูมิ - สาวกภูมิ -


    ผู้ทรงอภิญญาสมาบัติ - ผู้ทรงคุณธรรม - ผู้ทรง


    ความเป็นพระอริยะเจ้า - อริยะบุคคล - ผู้ทรง


    ฌานสมาบัติ ทั่วทุกทิศทั้งในประเทศและต่าง


    ประเทศ ช่วยกันตั้งจิตอธิษฐานต่อท่านผู้มีพระ


    คุณทุกๆพระองค์ ตลอดถึงพรหมเทวดาทุกชั้น


    ท่านพ่อหลักเมือง ท่านพ่อทรงเมือง ท่านพ่อเสื้อ


    เมือง พระสยามเทวาธิราช ท้าวมหาราชทั้ง 4


    คุณครูบาอาจารย์ทุกๆองค์ทุกๆท่าน บรรพ


    กษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ตลอดจนถึงบารมีพระ


    บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙


    ในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2554


    เวลา 8.00 น.


    จะทำพิธีบวงสรวงขอพร


    สิ่งศักดิ์สิทธิ์


    ในการดำเนินงานเรื่องวัดพุทธไชโยให้สำเร็จโดย

    ฉับพลัน


    ขอทุกท่านได้ร่วมรวมพลังกันอธิษฐาน


    สำเร็จ สำเร็จ สำเร็จ สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2011
  18. awatan

    awatan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    ขอลูกจงจำ การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้เราตั้งศูนย์สงเคราะห์คนยากจนในถิ่นทุรกันดาร แล้วทรงประทานพระราชทรัพย์ร่วมมาด้วย และของที่โดยเสด็จพระราชกุศลก็มา "ควรทำต่อไป"

    "ถ้าพ่อตายแล้ว พวกลูกยังทำกิจนี้อยู่ ก็ชื่อว่าลูกยังเกาะชายจีวรของพ่ออยู่"ใน ช่วงเวลาที่พ่อเปลี่ยนหน้าเทป มองไปทางด้านโน้นเขาเตรียมเพลงอะไรบ้างก็ไม่รู้ เห็นจะเป็นเพลงมอญ เล่นกัน เท่งทึ้ง ๆ เพื่อคลอเสียงพ่อพูด แต่เขาอยู่ไกลออกไป
    ลูกเห็นไหมลูก นี่แหละเรื่องของโลกจะต้องเป็นอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ใจตัวเองเป็นสำคัญ

    .....................................................

    โลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย

    จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน (พิเศษ)

    การทำงานทุกอย่างต้องเป็นประเภท โลกไม่ช้ำธรรมไม่เสีย” จะ ถือว่า ฉันต้องการสงบ ฉันมีกำลังใจสงบสงัดดีแล้ว ใครจะมายุ่งไม่ได้ต้องตามใจฉัน ถ้าทำแบบนี้ก็ชื่อว่า ฝืนคติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นคือ เขายังเดินแนวทางไม่ถูก เนื้อแท้จริง ๆ แล้ว พระพุทธเจ้าเทศน์ไว้ ๓ แบบ คือ

    ๑.พระธรรมวินัย
    ๒.พระสุตตันตปิฎก
    ๓.พระอภิธรรม

    ถ้าจะเล่นเถนเด่ (พ่อไม่เรียกเถนตรง เรียกว่าเถนเด่) ว่า ฉันต้องการสงบสงัดอย่างเดียว นั่น ต้องดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านทำอะไรไว้บ้าง ควรจะดูตอนท่านทรมานชฏิล ท่านทำยังไง ท่านนั่งเทศน์หลับตาปี๋อย่างเดียวยังงั้นรึ หรือว่าเวลาที่พระองค์ทรมานบุคคลทั้งหลาย เช่น พระเจ้าชมพูบดี ท่านทำยังไง ซึ่งตอนนั้นเป็นการแสดงละครโรงใหญ่กันจริง เป็นละครฉากใหญ่
     
  19. awatan

    awatan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    "...ในขณะเวียนเทียนให้ตั้งใจนึกถึงบารมีขององค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ พรหม เทวดา และบรรพบุรุษทั้งหมด ขอให้ปกปักรักษาเผ่าไทยให้เป็นอิสรภาพ ปราศจากความเป็นทาส คิดว่าให้ศัตรูของประเทศชาติ จงพินาศสลายตัวไป ให้ไทยเป็นไท ใครคิดคดทรยศต่อคนไทย ขอให้บุคคลคนนั้นฉิบหายบรรลัยไป."
    คำอธิษฐานเมื่อหลวงพ่อไปยกฉัตรที่ดอยตุง


    เรื่องของสามเณรที่มาเกิดเป็นพระเจ้าพรหมมหาราช
    เจ้าราชาขอมดำมันถามว่า “เณรมาจากไหน” พวกที่ใส่บาตรก็ตอบว่า “เณรเป็นลูกคนไทย” มันว่ายังไงรู้ไหม

    "ไอ้ลูกไทยใจทาส ห้ามไม่ให้มันกิน"
    "ใครใส่บาตรไปแล้วเท่าไร จับบาตรมันเททิ้งไปให้หมด อย่าให้มันกิน"
    "ไอ้ไทยทาสนี่ จะไปคบหาสมาคมกับมัน"
    "ต่อไปห้ามเข้าเขตของขอม"
    "เมื่อมันอยากจะกิน ก็ให้มันกินของคนไทยด้วย อย่ามากินของขอม"
    (ความจริงเขตนั้นเป็นเขตของไทย)


    สามเณรน้อยได้ฟังคำพูดของพญาขอม ดังนั้น ก็รู้สึกสลดใจ สลดใจเพราะเธอได้ฌานสมาบัติ แต่เธอไม่ถึงกับเสียใจร้องไห้ จึงได้มาคิดในใจว่า
    "โอหนอ คนไทยนี่เป็นเจ้าของประเทศ แต่ถูกขอมเนรเทศไป ขอมกลับคิดว่าคนไทยเป็นทาส"
    คนไทยนี่มีความลำบากมากอย่างนี้
    "เรา ในฐานะที่เป็นหนี้ความดีของคนไทยทั้งชาติ จึงได้ขอบารมีขององค์สมเด็จพระบรมโลกนารถ ได้โปรดสงเคราะห์ให้คนไทยได้มีความสุขตามกำลังที่เราจะทำได้" อันนี้เป็นความคิดของสามเณร
    สามเณรคิดว่า ในเมื่อเขาไม่ให้ข้าวเราก็ไม่เป็นไร เณรไม่โกรธ เพราะทรงฌาน และอาจจะมีวิปัสสนาญาณด้วย โดยเฉพาะในตอนกลางคืนเห็นฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการขององค์สมเด็จพระพิชิตมารพวยพุ่งมาจากพื้นดินก็ดีใจ

    เณร จึงได้กลับเข้าไปบูชาพระรัตนตรัย ขออนุมัติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าจะหาถ้ำที่ใดสักที่หนึ่งเป็นที่ อาศัย ก็เดินไปไม่ช้าก็เจอะถ้ำเล็ก ๆ ถ้ำหนึ่ง ก็นึกในใจว่า
    "เรา เป็นหนี้สินของคนไทย คนไทยก็คือปู่ย่า ตายาย ของเราเอง ฉะนั้นตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะใช้ชีวิตของเราเป็นเครื่องสนองความดีของคนไทยทั้งชาติ จะไม่ยอมให้คนไทยอยู่ใต้อำนาจของขอมต่อไป เราไม่มีกำลังรบ เราไม่มีสรรพาวุธ อาวุธสำคัญของเรามีอย่างหนึ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ นั่นก็คือ เมตตาบารมี” ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ตรัสกับพระว่า "เธอเข้าไปในป่า เธอต้องมีอาวุธไปด้วย ในบทกรณีที่ขึ้นต้นด้วย เมตตัญญะสัพพะโร"

    แต่ว่าสามเณรองค์นี้ ใช้วิธีแผ่เมตตาจิต คือ พรหมวิหารสี่ ว่า"ขอ บารมีขององค์สมเด็จพระชินสีห์ บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พรหม และเทวดาทั้งหมด และท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย ขอได้โปรดช่วยให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส" ให้พ้นจากการตกอยู่ใต้อำนาจของขอม”

    แล้วสามเณรก็เข้าฌานสมาบัติ ตั้งจิตอธิษฐานว่า
    ตั้งแต่ บัดนี้เป็นต้นไป "เราจะไม่ถอนจากฌานสมาบัติจนกว่าชีวิตินทรีย์จะหาไม่" เราจะอาศัยฌานเป็นธรรมปีติ เมื่อชีวิตทรงได้ก็ทรงไป ทรงไม่ได้ก็แล้วไป"แต่ถ้าบังเอิญเราจะพึงตาย เพราะอาศัยฌานสมาบัติ ก็ ขอบารมีขององค์สมเด็จพระพิชิตมาร ได้โปรดให้ข้าพระพุทธเจ้าได้มีโอกาสเกิดเป็นคนไทย และได้ช่วยคนไทยทุกแง่ทุกมุม ไม่ใช่เฉพาะการรบ การเศรษฐกิจ การปกครอง แม้แต่การรบ ทุกอย่างให้ครบถ้วน ให้คนไทยพ้นจากความเป็นทาส"

    เวลานั้นเณรไม่ได้คิดพิฆาตเข่นฆ่าใคร ที่ ตำนานเขาบอกว่า เณรเอาบาตรเทินหัวขอเกิดเป็นคนไทย ขอกลับมาฆ่าขอมน่ะไม่จริง ทำอย่างนั้นก็ลงนรก จิตตั้งบาป นี่เณรตั้งใจแบบนี้ อาศัยสามเณรที่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระชินสีห์ และเป็นเด็กมีบุญญาธิการมาก มีท่านบอกว่าสามเณรองค์นี้ ก็คือ พระเจ้ามังราย ลูก ชายพระเจ้าอชุตราช รวมความว่าเป็นรัชกาลที่ ๒ ของราชวงศ์นี้นั่นเอง พระเจ้าพังคราชเป็นรัชกาลที่ ๓๗ สามเณรองค์นี้เดิมเป็นพระเจ้ามังราย รัชกาลที่ ๒ ดูซิลูกรัก สมัยหนึ่งเคยเป็นลูกกษัตริย์ มีอำนาจมาก ขยายอาณาเขตไปสี่เท่าจากที่พระราชบิดาปกครองเดิม มาชาตินี้กลายเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา แล้วก็มาบวชเณร ถูกขอมย่ำยี แม้แต้ข้าวที่อยู่ในบาตรเขาก็เททิ้ง

    ลูกรักฟังไปแล้ว อย่าฟังเป็นนิทานนะลูกนะ ฟังไปแล้วก็ต้องคิดว่า

    ชีวิตเป็นของไม่แน่นอน ความเกิด ความตายเป็นของธรรมดา เมื่อเกิดขั้นมาแล้วก็เป็นของยุ่งยาก ในที่สุดมันก็ต้องตาย ถ้ากิเลสเรายังไม่หมดเพียงใด ก็ต้องกลับมาเกิดใหม่ มาใช้ชีวิตที่ไม่มีความสุข


     
  20. awatan

    awatan สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +13
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> <ins style="display:inline-table;border:none;height:280px;margin:0;padding:0;position:relative;visibility:visible;width:336px"> <table class="tablebg" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr class="row1"><td class="profile" valign="top">ขอบารมีพระสยามเทวาธิราช
    </td><td valign="top"> <table cellspacing="5" width="100%"><tbody><tr><td>
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table></ins>

    [​IMG]
    พระสยามเทวาธิราช นี่นะ เริ่มมีเมื่อสมัยก่อน รัชกาลที่ ๔ มีนะ แต่ก่อนพระเจ้า
    แผ่นดินสมัยนั้นก็บูชาเทวาชื่อนั้นชื่อนี้ ที่เป็นญาติผู้ใหญ่เป็นคนสำคัญ ขออย่างนั้นอย่างนี้
    ต่อมา สมัยรัชกาลที่ ๔ ท่านเป็นนักปราชญ์ เป็นนักบาลี ก็มาตั้งชื่อใหม่ว่า
    พระสยาม-
    เทวาธิราช
    หมายถึงว่า เทวดาทั้งหมดที่รักษาประเทศสยาม ทีนี้ที่ถามว่า ให้คุณให้โทษ
    ทางไหน ให้โทษนี้ก็ไม่ทราบ ให้คุณนี่ก็ไม่รู้ แต่ท่านเป็นเทวดา
    เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เมื่อปี ๒๕๑๘ ปีนั้นพระเจ้าอยู่หัวนิมนต์เข้าไป ที่ไป
    พระที่นั่ง-
    ไพศาลทักษิณ
    พอเข้าไปทำบุญ วันจักรี พอเข้าไปนั่งปั๊บไม่ต้องคุยกับใครละ บรรดา
    พระสยามเทวาธิราชมากันเยอะแยะเลย โอ้โฮ้ไม่ใช่องค์เดียว ๒ องค์นะ ไม่ทราบว่าจะมาก
    เท่าใดในบริเวณเต็มไปหมด ไม่ใช่เฉพาะในวังนะ เราก็ชักสงสัยว่าองค์ไหนชื่อ
    พระสยาม-
    เทวาธิราช
    พอถามว่าองค์ไหนชื่อ พระสยามเทวาธิราช ให้บอก ชี้องค์นั้นก็ไม่ใช่ ชี้
    องค์นี้ก็ไม่ใช่ ต่างคนต่างบอกชื่อของตัวหมด ก็เลยนึกขึ้นมาว่า เออ ยังไงเทวดานี่ เลยบอก
    ว่า ถ้าไม่ใช่ พระสยามเทวาธราช แล้วมาทำไมล่ะ พระเจ้าอยู่หัวก็ดี พระราชินีก็ดี ท่าน
    ทำบุญเพื่อ พระสยามเทวาธิราช ท่านก็บอกว่า เขาอยากเรียกผมอย่างนั้นทำไมล่ะ
    ผมไม่ได้ชื่อนั้นนี่ ก็รวมความว่า พระสยามเทวาธิราช จริงก็เป็นเทวดาที่รักษาประเทศไทย
    ทั้งหมด สมัยก่อนเรียกประเทศสยามใช่ไหม

    ถ้าถามว่าให้คุณแบบไหน ก็ต้องถือว่า เทวดามีความดีอะไรบ้าง แต่ละคนมีความสามารถ
    ไม่เสมอกัน อันนี้ตอบไม่ได้ เกินวิสัย
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...