ปาฏิหาริย์!จากการสวดมนต์ ของ..."มิ้งค์"ปอรรัชม์ ยอดเณร

ในห้อง 'ประสบการณ์ ผลของการสวด' ตั้งกระทู้โดย คนมีกิเลส, 10 พฤศจิกายน 2007.

  1. คนมีกิเลส

    คนมีกิเลส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,973
    ค่าพลัง:
    +19,431
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สรณะคนดัง-ปาฏิหาริย์!จากการสวดมนต์ ของ..."มิ้งค์"ปอรรัชม์ ยอดเณร </TD></TR><TR><TD vAlign=top></TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] ที่ผ่านมาคงมีไม่ใครทราบว่า"มิ้งค์" ปอรรัชม์ยอดเณร ที่เล่นละครมาแล้วหลายเรื่องเคยเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์มาแล้วหลายรายการ ซึ่งเธอเป็นลูกสาวคนที่สองของ นายแพทย์ปิยเมธิ ยอดเณร อดีตรองปลัดกรุงทพมหานคร
    และ คุณมาณวิกา (เปมะวิภาต) ยอดเณรอดีตผู้ประกาศข่าว และพนักงานดีเด่นของไทยทีวีสีช่อง ๓ ผู้ซึ่งเคยทำงานให้กับพรรคชาติไทยจนวันนี้เธอได้ก้าวเข้ามาสู้เส้นทางการเมืองในฐานะรองโฆษกพรรคชาติไทย ซึ่งเธอยังได้เคยผ่านเรื่องราวความเป็นปาฏิหาริย์จากผู้เป็นพ่อ
    ปอรรัชม์เล่าว่า หลายปีก่อนเส้นเลือดในสมองของคุณพ่อแตก จังหวะที่เส้นเลือดในสมองแตกท่านก็ยังขับรถกลับบ้านมาด้วยตนเอง แต่ระหว่างที่นำตัวคุณพ่อส่งโรงพยาบาล เพียงระยะเวลา ๑ ชั่วโมงสภาพร่างกายของท่านทางซีกซ้ายไม่ตอบสนองใดๆเลย จะพูดหรือกินอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น ครั้นถึงโรงพยาบาลอาการของท่านเรียกว่าหนักมาก ขนาดหมอที่รักษาคุณพ่อยังบอกให้ครอบครัวทุกคนทำใจพร้อมกับปรับเปลี่ยนชีวิตได้แล้ว
    ช่วงเวลานั้นเรียกว่าใจไม่สู้ดีนักเราสามคนแม่ลูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะให้พ่อหายจากอาการดังกล่าวจึงได้ชวนกันสวดมนต์ทุกวันและสวดทุกคาถาที่มีอยู่ในหนังสือสวดมนต์ ประกอบกับหนังสือสวดมนต์เล่มนี้ได้จัดพิมพ์ขึ้นมาเป็นที่ระลึกในช่วงปีใหม่พอดี สามเดือนแรกที่คุณพ่อผ่าตัดคุณหมอได้ผ่าตัดครั้งแรกท่านไม่ได้ให้ความหวังอะไร บอกเพียงว่าจะทำให้ดีที่สุด ในระยะเวลา ๑๐ เดือนได้เกิดปาฏิหาริย์กับคุณพ่ออย่างมาก เมื่ออาการป่วยของพ่อดีวันดีคืน จากที่ผ่าตัดแล้วไม่สามารถเดิน ยืนเองได้ แต่พอได้ทำกายภาพบำบัดบวกกับการสวดมนต์จากครอบครัวอาการป่วยของพ่อก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
    "วันนี้ชีวิตของพ่อได้กลับคืนมาสู่สภาพปกติ แล้ววันนี้ท่านก็ได้กลับไปรักษาคนได้ตามปกติ แล้วท่านยังเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่สถาบันมะเร็งด้วย จึงคิดว่านี่แหละคือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นที่สุดแล้วของชีวิต เพราะไม่คิดเหมือนกันว่าโรคที่คุณพ่อเป็นแบบนี้จะสามารถกลับมาหายได้ ขนาดคุณหมอยังบอกให้ครอบครัวเราทำใจแล้ว แต่การสวดมนต์ให้พ่อไม่รู้ว่าช่วยได้แค่ไหน แต่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าการสวดมนต์เป็นที่พึ่งทางใจ จนทำให้เรามีแรงที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา" เธอเชื่อสวดมนต์ช่วยให้พ่อหายป่วย
    มิ้งค์กล่าวต่อว่า ชีวิตที่ผ่านมามีเหตุการณ์เฉียดตายเกิดขึ้นกับตัวเองครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นได้เดินทางไปเที่ยวที่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ตอนไปก็ไม่มีอะไรน่ากลัว วันนั้นท้องฟ้าก็สดใส มีแดด ระหว่างเรือลำสุดท้ายแล่นมาถึงกลางทะเลอยู่ๆ ท้องฟ้าก็มีเมฆดำ สักพักฝนก็ตก พร้อมกับมีพายุอย่างแรง จากทะเลที่นิ่งๆ กลับมีลมพายุเกิดขึ้นถือขนาดทำให้เรือเอียง เชื่อไหมว่านั่งอยู่ชั้นสองเห็นคลื่นพัดมาใหญ่และสูงมาก โดยแต่ละครั้งเรือทำให้ชั้นสองของเรือเอียงเกือบถึงน้ำทะเล แล้วก็ได้ยินเสียงคนไทยและชาวต่างชาติร้องด้วยความตกใจดังลั่น เพราะบางส่วนไม่มีชูชีพจะใส่เนื่องจากชูชีพมีไม่เพียงพอ
    ความตกใจในตอนนั้นทำได้อย่างเดียวคือการสวดมนต์แล้วก็สวดคาถาชินบัญชรตามที่แม่เคยสอนเอาไว้ ในใจบอกตามความเป็นจริงใจตอนนั้นไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ก็พูดกับตัวเองว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ชาตินี้ทำดีได้แค่นี้พยายามระลึกถึงความดีที่ทำมา แล้วยังบอกอีกว่า แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี เกิดมายังไม่ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เลย สิ่งที่ยังทำได้อยู่ก็คือสวดมนต์ พอถึงฝั่งเห็นแม่เกือบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน เพราะแม่บอกว่าระหว่างที่เฝ้ารอเราถึงฝั่งท่านก็สวดมนต์ไปด้วย และชีวิตก็ผ่านช่วงวิกฤตที่สุด
    ในส่วนของพระเครื่องที่แขวนติดตัวคือ เหรียญเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส องค์นี้คุณพ่อบอกว่าคุณย่าได้มาอีกทอดหนึ่ง พระปางสมาธินาคปรก ได้สมัยรับขวัญตอนเกิดจากคุณแม่ และเหรียญ ร.๙ โดยด้านหลังเป็นพระมหาชนก ทั้งนี้การแขวนพระเครื่องก็เพื่อให้เราตระหนักรู้ว่าเราต้องทำความดี คือ การเป็นคนดี คิดดี พูดดี คิดว่าหากทุกคนทำได้เพียงแค่นี้ก็เชื่อว่าจะเกิดสิ่งดีกับชีวิต
    "หลักธรรมที่ได้จากเหตุการณ์รอดตายครั้งนั้น ทำให้เราคิดได้ว่า อย่างน้อยที่เรายังมีชีวิตอยู่ที่จะมาสร้างความดี ทำความดีต่อโลกนี้ได้อีกครั้ง คิดอย่างนี้ก็แล้วกันว่า ขนาดพระให้เรามีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เราต้องทำความดีดีกว่า อะไรที่เราทำแล้วสบายใจ ทำแล้วคนอื่นไม่เดือดร้อน ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ไม่เบียดเบียนใคร เชื่อว่าชีวิตเราก็อยู่ได้อย่างมีความสุข" รองโฆษกพรรคชาติไทย กล่าวทิ้งท้าย
    "สวดมนต์ให้พ่อไม่รู้ว่าช่วยได้แค่ไหน แต่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าการสวดมนต์เป็นที่พึ่งทางใจ"


    เรื่องสุทธิคุณ กองทอง
    ภาพ จุมพลนพทิพย์




    -->
    ที่ผ่านมาคงมีไม่ใครทราบว่า"มิ้งค์" ปอรรัชม์ยอดเณร ที่เล่นละครมาแล้วหลายเรื่องเคยเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์มาแล้วหลายรายการ ซึ่งเธอเป็นลูกสาวคนที่สองของ นายแพทย์ปิยเมธิ ยอดเณร อดีตรองปลัดกรุงทพมหานคร
    และ คุณมาณวิกา (เปมะวิภาต) ยอดเณรอดีตผู้ประกาศข่าว และพนักงานดีเด่นของไทยทีวีสีช่อง ๓ ผู้ซึ่งเคยทำงานให้กับพรรคชาติไทยจนวันนี้เธอได้ก้าวเข้ามาสู้เส้นทางการเมืองในฐานะรองโฆษกพรรคชาติไทย ซึ่งเธอยังได้เคยผ่านเรื่องราวความเป็นปาฏิหาริย์จากผู้เป็นพ่อ
    ปอรรัชม์เล่าว่า หลายปีก่อนเส้นเลือดในสมองของคุณพ่อแตก จังหวะที่เส้นเลือดในสมองแตกท่านก็ยังขับรถกลับบ้านมาด้วยตนเอง แต่ระหว่างที่นำตัวคุณพ่อส่งโรงพยาบาล เพียงระยะเวลา ๑ ชั่วโมงสภาพร่างกายของท่านทางซีกซ้ายไม่ตอบสนองใดๆเลย จะพูดหรือกินอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น ครั้นถึงโรงพยาบาลอาการของท่านเรียกว่าหนักมาก ขนาดหมอที่รักษาคุณพ่อยังบอกให้ครอบครัวทุกคนทำใจพร้อมกับปรับเปลี่ยนชีวิตได้แล้ว
    ช่วงเวลานั้นเรียกว่าใจไม่สู้ดีนักเราสามคนแม่ลูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไรถึงจะให้พ่อหายจากอาการดังกล่าวจึงได้ชวนกันสวดมนต์ทุกวันและสวดทุกคาถาที่มีอยู่ในหนังสือสวดมนต์ ประกอบกับหนังสือสวดมนต์เล่มนี้ได้จัดพิมพ์ขึ้นมาเป็นที่ระลึกในช่วงปีใหม่พอดี สามเดือนแรกที่คุณพ่อผ่าตัดคุณหมอได้ผ่าตัดครั้งแรกท่านไม่ได้ให้ความหวังอะไร บอกเพียงว่าจะทำให้ดีที่สุด ในระยะเวลา ๑๐ เดือนได้เกิดปาฏิหาริย์กับคุณพ่ออย่างมาก เมื่ออาการป่วยของพ่อดีวันดีคืน จากที่ผ่าตัดแล้วไม่สามารถเดิน ยืนเองได้ แต่พอได้ทำกายภาพบำบัดบวกกับการสวดมนต์จากครอบครัวอาการป่วยของพ่อก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
    "วันนี้ชีวิตของพ่อได้กลับคืนมาสู่สภาพปกติ แล้ววันนี้ท่านก็ได้กลับไปรักษาคนได้ตามปกติ แล้วท่านยังเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่สถาบันมะเร็งด้วย จึงคิดว่านี่แหละคือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นที่สุดแล้วของชีวิต เพราะไม่คิดเหมือนกันว่าโรคที่คุณพ่อเป็นแบบนี้จะสามารถกลับมาหายได้ ขนาดคุณหมอยังบอกให้ครอบครัวเราทำใจแล้ว แต่การสวดมนต์ให้พ่อไม่รู้ว่าช่วยได้แค่ไหน แต่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าการสวดมนต์เป็นที่พึ่งทางใจ จนทำให้เรามีแรงที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา" เธอเชื่อสวดมนต์ช่วยให้พ่อหายป่วย
    มิ้งค์กล่าวต่อว่า ชีวิตที่ผ่านมามีเหตุการณ์เฉียดตายเกิดขึ้นกับตัวเองครั้งหนึ่ง ช่วงนั้นได้เดินทางไปเที่ยวที่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ตอนไปก็ไม่มีอะไรน่ากลัว วันนั้นท้องฟ้าก็สดใส มีแดด ระหว่างเรือลำสุดท้ายแล่นมาถึงกลางทะเลอยู่ๆ ท้องฟ้าก็มีเมฆดำ สักพักฝนก็ตก พร้อมกับมีพายุอย่างแรง จากทะเลที่นิ่งๆ กลับมีลมพายุเกิดขึ้นถือขนาดทำให้เรือเอียง เชื่อไหมว่านั่งอยู่ชั้นสองเห็นคลื่นพัดมาใหญ่และสูงมาก โดยแต่ละครั้งเรือทำให้ชั้นสองของเรือเอียงเกือบถึงน้ำทะเล แล้วก็ได้ยินเสียงคนไทยและชาวต่างชาติร้องด้วยความตกใจดังลั่น เพราะบางส่วนไม่มีชูชีพจะใส่เนื่องจากชูชีพมีไม่เพียงพอ
    ความตกใจในตอนนั้นทำได้อย่างเดียวคือการสวดมนต์แล้วก็สวดคาถาชินบัญชรตามที่แม่เคยสอนเอาไว้ ในใจบอกตามความเป็นจริงใจตอนนั้นไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ก็พูดกับตัวเองว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ชาตินี้ทำดีได้แค่นี้พยายามระลึกถึงความดีที่ทำมา แล้วยังบอกอีกว่า แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี เกิดมายังไม่ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่เลย สิ่งที่ยังทำได้อยู่ก็คือสวดมนต์ พอถึงฝั่งเห็นแม่เกือบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่เหมือนกัน เพราะแม่บอกว่าระหว่างที่เฝ้ารอเราถึงฝั่งท่านก็สวดมนต์ไปด้วย และชีวิตก็ผ่านช่วงวิกฤตที่สุด

    ในส่วนของพระเครื่องที่แขวนติดตัวคือ เหรียญเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทราวาส องค์นี้คุณพ่อบอกว่าคุณย่าได้มาอีกทอดหนึ่ง พระปางสมาธินาคปรก ได้สมัยรับขวัญตอนเกิดจากคุณแม่ และเหรียญ ร.๙ โดยด้านหลังเป็นพระมหาชนก ทั้งนี้การแขวนพระเครื่องก็เพื่อให้เราตระหนักรู้ว่าเราต้องทำความดี คือ การเป็นคนดี คิดดี พูดดี คิดว่าหากทุกคนทำได้เพียงแค่นี้ก็เชื่อว่าจะเกิดสิ่งดีกับชีวิต "หลักธรรมที่ได้จากเหตุการณ์รอดตายครั้งนั้น ทำให้เราคิดได้ว่า อย่างน้อยที่เรายังมีชีวิตอยู่ที่จะมาสร้างความดี ทำความดีต่อโลกนี้ได้อีกครั้ง คิดอย่างนี้ก็แล้วกันว่า ขนาดพระให้เรามีชีวิตอยู่ต่อแล้ว เราต้องทำความดีดีกว่า อะไรที่เราทำแล้วสบายใจ ทำแล้วคนอื่นไม่เดือดร้อน ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ไม่เบียดเบียนใคร เชื่อว่าชีวิตเราก็อยู่ได้อย่างมีความสุข" รองโฆษกพรรคชาติไทย กล่าวทิ้งท้าย "สวดมนต์ให้พ่อไม่รู้ว่าช่วยได้แค่ไหน แต่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าการสวดมนต์เป็นที่พึ่งทางใจ"


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.komchadluek.net/2007/11/10/j001_169881.php?news_id=169881
    10 พฤศจิกายน 2550 00:54 น.
     
  2. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,129
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ


    การสวดมนต์ เป็นการทำสมาธิ มีกุศล มีพลังอันวิเศษ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 มิถุนายน 2008
  3. mmie

    mmie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,986
    ยามสวดมนต์ ให้สวดด้วยจิตที่เป็นสมาธิ แล้วปาฏิหาริย์จะเกิดกับท่านอย่างไม่ต้องสงสัย...ที่สำคัญอย่าสวดเป็นนกแก้วนกขุนทองนะ จะไม่ได้อะไรกับตัวเลย

    ขออนุโมทนา สาธุ
     
  4. เปลือกไม้

    เปลือกไม้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    15,448
    ค่าพลัง:
    +39,087
    ขณะสวดต้องให้จิตและคำบริกรรมสัมพันธ์กัน จิตจะเป็นขณิกสมาธิ
    ขออนุโมทนา
     
  5. ธรรมวิเสโส

    ธรรมวิเสโส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +640
    อนุโมทนาด้วยครับ การสวดมนต์นั้นดีจริงๆ มีบุญมีอานิสงค์มาก เพิ่มเติมบุญบารมีของเราได้อย่างง่ายๆด้วยตัวเอง และสะดวกในการทำโดยทำได้ที่บ้าน หรือที่ไหนๆก็ได้ หลังสวดแล้วควรฝึกนั่งสมาธิต่อและจบด้วยการแผ่และอุทิศบุญด้วยนะครับ แล้วท่านจะพบกับสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นกับตัวท่านเอง
     
  6. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,305
    ข้าพเจ้าก็ได้ปฎิหารย์จากการสวดมนต์เช่นกัน (เมียเล่าให้ฟัง)
    - ใจสงบ ใจเย็น มีสมาธิ
    เป็นเบื้องต้นของศิล สมาธิ และ ปัญญา (เมียก็ยังตามมาบอกต่อ)
    เมื่อสวดมนต์อย่างจริงจัง จะเป็นบันไดไปสู่ การปฎิบัติที่สูง ๆ ขึ้นไปกว่าเดิม
    Dangcarry
     

แชร์หน้านี้

Loading...