ผมฝีกสมาธิไม่เคยได้ผลเลยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jokeyvoy, 18 มีนาคม 2006.

  1. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,107
    ค่าพลัง:
    +2,695
    ขออนุโมทนาบุญทุกท่านที่ได้เผยแผ่ความรู้ที่มีอยู่ให้กับเพื่อนสหายธรรมครับ
     
  2. Sunthron Ui

    Sunthron Ui Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +79
    "ผมรู้สึกดีมากๆ วันนี้ก็อารมณ์ดีมากๆ แต่ผมว่าสักวันมารต้องบุกเข้ามา
    ทำให้ใจผมปั่นป่วนอีกแน่ แต่ว่าตอนนี้เมือ่ใจผมชนะแล้วผมต้องให้สำเร็จ
    ก่อนที่ใจจะป่วนอีกครั้งครับ ขอกำลังใจให้ผมนะครับ ขอบคุณครับ"[/quote]



    หลายวันผ่านไป คุณ jokeyvoy ยังรู้สึกดีอยู่หรือเปล่าครับ

    ถ้ารู้สึกดีอยู่ ผมขอดีใจด้วยครับ

    ถ้ายังวุ่นวายอีก จะให้ผมช่วยไหมครับ

    ผมไม่ค่อยรู้ทฤษฎี แต่ปฏิบัติผมลุยแหลกครับ

    ถ้าจะให้ช่วย มีคำถามครับ

    1. เอาแน่นะครับไม่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ นะครับ

    2. สิ่งรอบข้าง ชีวิตประจำวัน และอนาคตคงต้องเปลี่ยนแปลงนะครับ
    "จะรับได้ไหม"

    3. หากมีอันตรายถึงกายเนื้อ ว่ากันว่าอาจถึงแก่ชีวิตโดยหาสาเหตุ
    ไม่ได้ "จะเอาไหม"

    หวังว่าคงไม่มีผลลบถึงขนาดนั้นหรอกครับ แต่การที่จะแปรเปลี่ยนเรื่องของ
    กฎแห่งกรรม เป็นเรื่องใหญ่มาก ต้องใช้เทคนิค และกำลังสูง ซึ่งอาจเกิด
    อุบัติเหตุของการกระทำได้

    เปลี่ยนแล้วเอากลับที่เดิมยากมากครับ ยากมากกว่าการเปลี่ยนแปลงอีก

    ถ้าคิดจะปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบจริง ๆ แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าคิดจะ
    ปฏิบัติเพื่อหนีปัญหาชีวิตของกายเนื้อ "ยิ่งหนี ยิ่งเจอ" ครับ
     
  3. jokeyvoy

    jokeyvoy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +30
    ก็คงต้องเอาแน่ครับ สิ่งต่างๆรอบข้างต้องเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงแนวไหนครับ ดีไม่ดี หรือว่าแล้วแต่เส้นทางเดินครับ การที่อันตรายถึงกายเนื้อโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นเพราะวิญญานหรือเปล่า อันนี้ถามดูนะครับ ก็อยากปฎิบัติครับ
     
  4. Sunthron Ui

    Sunthron Ui Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +79
    การช่วยเหลือ ผมจะช่วยให้ดีขึ้นตามแนวของสากลจักรวาลนะครับ
    เพราะดีหรือไม่ดีนั้น หากพิจารณาตามแนวของแต่ละคน คงไม่เหมือนกัน

    หลักการก็คือ ต้องกลับย้อนไปในอดีตชาติเพื่อลบกรรมที่เคยบันทึกเอาไว้
    หรือเบี่ยงเบนกรรม ซึ่งปัญหาก็คือ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกรรม การเปลี่ยน
    แปลงจะไปกระทบกับสากลจักรวาล จะมีการเคลื่อนย้ายพลังของสากล
    จักรวาล ถ้าเราควบคุมได้ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าควบคุมไม่ได้ก็ยากที่จะ
    คาดเดา

    คุณน่าจะเคยได้ยินมีคนเข้าสมาธิแล้วเสียชีวิตขณะนั่งสมาธิอยู่นะครับ
    การที่กายเนื้อมีชีวิตอยู่ได้ต้องมีความสมบูรณ์พร้อมในสมดุลย์หนึ่ง

    หากขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดทั้งที่สัมผัสได้ทางโลกมนุษย์ หรือสัมผัสไม่ได้ก็ตาม
    ก็จะก่อเกิดความผิดปกติต่อกายเนื้อได้ เป็นมากก็ถึงแก่ชีวิตได้

    เรามาปฏิบัติธรรม จริง ๆ แล้ว ธรรมก็คือ ธรรมชาติ มันมี มันเป็นอยู่
    ของมันอยู่แล้ว เหมือนในป่า มันมีอยู่แล้ว เราไม่เคยเข้าไปต่างหาก
    เราเองก็ไม่รู้ว่าป่าจะให้คุณ ให้โทษ ให้อันตรายอะไรแก่เราหรือไม่

    "ถ้าเรากลัวก็คงไม่ได้เข้านะครับ"

    อันที่จริงแล้วการที่ผมจะช่วยคุณ ก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรมากหรอกครับ
    คุณก็ปฏิบัติธรรมตามปกติของคุณ คุณไม่ต้องทราบหรอกครับว่าตัวจริง
    ของผมเป็นใคร เพราะผู้ที่จะไปช่วยคุณคือ "จิตปฏิบัติ" ไม่ใช่กายเนื้อ
    ของผม

    ดังนั้นหากคุณต้องการให้ช่วย ขณะที่คุณจะเข้าสมาธิ หลังจากคุณ
    เชิญอาจารย์ของคุณให้มาควบคุมการเข้าสมาธิแล้ว (อาจารย์ของคุณ
    ก็คล้ายกับนายพรานชำนาญป่า ที่จะพาคุณเข้าป่า) คุณก็ควรที่
    จะอธิษฐานจิตให้ "จิตปฏิบัติ" ช่วยในสิ่งที่คุณต้องการให้ช่วย เช่น
    ช่วยให้มารน้อยลง จะได้ปฏิบัติบุญกุศลได้ดีขึ้น เปรียบเหมือนมีเจ้าหนี้
    มาคอยทวงหนี้ เมื่อรู้ว่าคุณจะได้ทรัพย์สมบัติ (บุญ) ที่จะได้ในการเข้าป่า
    (ปฏิบัติธรรม) ก็แห่กันมาเพื่อจะได้ทรัพย์สมบัติก่อน มาแย่งกันวุ่นวาย
    ไม่เป็นระเบียบ ทำให้คุณเข้าป่าไม่ได้ คุณก็ไม่ได้ทรัพย์สมบัติมาใช้หนี้เขา
    "จิตปฏิบัติ" ก็จะเข้าไปช่วยคุณ เจรจากับเจ้าหนี้ให้ ต่อรองให้
    จัดระเบียบใหม่
    ถ้า "จิตปฏิบัติ" สามารถใช้หนี้แทนให้ได้ ก็จัดการให้เลย ถ้าไม่ได้
    ก็หาวิธีอื่นต่อ

    ที่สำคัญที่ผมเน้นเสมอ ก็คือ หลังออกจากสมาธิแล้ว คุณจะได้
    ทรัพย์สิน (บุญ) มา ไม่มากก็น้อย ขอให้คุณแผ่เมตตา ให้อาจารย์
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณให้มาช่วยคุณปฏิบัติ ให้เจ้ากรรม นายเวร มวลหมู่
    สัตว์ในสากลจักรวาล ซึ่งคุณสามารถหาอ่านทฤษฏีได้เอง ถ้าไม่ทราบ
    ก็ถามผู้รู้ใน Web นี้ก็ได้ อย่าหวงหนี้สิน ให้ไปให้หมดไม่ต้องเหลือ
    เอาไว้ และอย่าคิดว่าคุณเข้าสมาธิแล้วจะไม่ได้อะไร

    คุณเข้าป่า คุณต้องได้อะไรมาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เขาจะเอาเราอาจไม่
    เห็นคุณค่าก็ได้ เส้นผมบังภูเขานะครับ เช่น เจ้าหนี้คุณ อาจโกรธคุณ
    มาก ถึงกับจะเอาให้ตายเลย ไม่ยอมเจรจา เมื่อคุณออกมา คุณบอกว่า
    ไม่มีอะไรจะใช้หนี้ ถอดเสื้อผ้าให้ดู คุณก็ไม่เห็นมีอะไร แต่เจ้าหนี้คุณ
    อาจจะเห็นอะไรก็ได้ เช่นเห็นที่รองเท้าของคุณที่เปื้อนโคลนเละเทะ
    สกปรก แล้วเขาบอกว่าเขาขอรองเท้านั้นก็แล้วกัน แล้วจะอโหสิกรรมให้
    คุณก็ควรจะให้ แล้วหารองเท้าใหม่ใส่ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แล้วไม่ต้อง
    ไปสงสัย หรือคิดว่าเจ้าหนี้คุณโง่ เดี๋ยวจะเป็นเวรเป็นกรรมต่ออีก

    (ถ้าเฉลยก็คือ เจ้าหนี้ของคุณพบว่ามีแร่มูลค่าสูงมาก และเขาต้องการ
    เป็นทุนอยู่แล้ว เช่น เพชรน้ำดี ติดอยู่ที่โคลนที่ติดที่รองเท้าคุณ เขาก็เอา
    แค่นั้นเขาก็ดีใจมากแล้ว)

    ผมพยายามจะเขียนให้สั้น แต่ก็ยาวจนได้ เอาแค่นี้นะครับ
    จงคิดไว้เสมอว่า การที่ผมอยากจะช่วยคุณ ผมต้องพยายามให้เกิดแต่สิ่ง
    ที่ดีต่อกายเนื้อ ณ ปัจจุบันกาล อนาคตกาลในชาตินี้และให้มีผลกระทบต่อสากลจักรวาลใ
    ห้น้อยที่สุด หรือถ้ากระทบ ก็ให้กระทบโดยทำให้สากลจักรวาลดีขึ้น จะได้บุญมาก
    ขึ้นด้วย

    ผมไม่ได้สงวนวิธีนี้สำหรับคุณ Jokeyvoy คนเดียวนะครับ ท่านผู้อ่าน
    ทั้งหลายก็ใช้วิธีนี้ได้ครับ

    ผลเป็นเช่นไรค่อยมาคุยกันอีกทีครับ แล้วจะค่อย ๆ อธิบายให้เข้าใจ
    ง่าย ๆ ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 เมษายน 2006
  5. jokeyvoy

    jokeyvoy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +30
    ถามคุณจิตปฎิบัตินิดนึงนะครับ คือผมน่ะนั่งสมาธิในที่ไม่เป็นสัปปายะ กล่าวคือไม่สงบมีความอึกทึกมากๆและอีกอย่าง ผมยังมีห่วงอยู่ค่อนข้างเยอะ ไม่ได้ห่วงตัวเองหรอกนะครับ ห่วงครอบครัวตัวเองว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร เพราะพวกเขาก็ยังไม่สบาย บ้านก็ต้องผ่อนน่ะครับ อีกอย่างกล่าวคือถ้าพูดถึงอาจารย์ที่มาสอนปฎิบัติผม พวกท่านเหล่านั้นเป็นพระครับ และตอนที่ท่านสอนท่านก็ไม่ได้สอนเป็นการส่วนตัวด้วย ไม่รู้การที่ผมอาราธนาครูบาอาจารย์แล้วท่านจะมาหรือเปล่าน่ะครับ ผมก็อยากลดกรรมที่ผมก่อไว้ในภพก่อนๆครับ แต่มันก็ติดบ่วงว่าในภพนี้หรือชาตินี้ ผมยังติดบ่วงอยู่ แต่ใจผมก็อยากปฎิบัติมากๆครับ ถ้าเช่นนั้นผมจะใช้วิธีนี้ละกัน พอตอนผมนั่งสมาธิจะนึกถึงคุณจิตปฎิบัติละกันนะครับ จะลองดูครับ ถ้ายังไงช่วยแนะนำด้วยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  6. Sunthron Ui

    Sunthron Ui Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +79
    1. นั่งสมาธิที่ไหนก็ได้ครับ ไม่ต้องกังวลสิ่งแวดล้อม

    2. เรื่องห่วงใย ใคร ๆ ก็มีครับ ใครรับผิดชอบมาก ก็ห่วงมากเป็นธรรมดา

    การเสียชีวิตในการนั่งสมาธิมีโอกาสน้อยมากครับ

    เป็นการทดสอบจิตมากกว่า ถ้าเราห่วงชีวิต ห่วงครอบครัว มารจะรู้
    จุดอ่อนของเราครับ แล้วจะใช้จุดอ่อนกวนเราตลอด เพราะฉนั้นอย่าให้มาร
    รู้จุดอ่อนครับ ตัดใจ ทำใจแข็ง เหมือนขณะที่พระพุทธเจ้าออกบวชนะครับ
     
  7. Sunthron Ui

    Sunthron Ui Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +79
    เรื่องอาจารย์ ถ้าอาจารย์ปฏิบัติอยู่แล้วเขาคงมาช่วยนะครับ (ในรูปของ
    พลังงาน) ตัวอาจารย์เองก็อาจไม่รู้เรื่องก็ได้ครับ แต่มาแล้วจะช่วยเราได้
    หรือเปล่า เป็นอีกเรื่องครับ ทุกคนก็ต้องมีข้อจำกัดของตัวเองอยู่แล้ว

    "จิตปฏิบัติ" ไม่รับลูกศิษย์นะครับ ไม่ต้องคิดมากครับ เหตุที่ไม่รับ
    ลูกศิษย์ก็เพราะ "จิตปฏิบัติ" ทำงานระดับสากลจักรวาล ทำงานใหญ่ครับ
    แล้วก็มีศัตรูที่ไม่รู้ตัว เรียกว่า อภิมหาจอมมาร นะครับ "จิตปฏิบัติ" ต้อง
    Upgrade ความรู้ ความสามารถ ด้วยอัตราเร่งสูงสุดครับ จิตทั่วไปคง
    ตามไม่ทันครับ

    และถ้ารับลูกศิษย์ มารของ "จิตปฏิบัติ" จะเล่นงานลูกศิษฐ์ด้วย เพราะ
    อยู่ในโซ่ห่วงกรรม ซึ่ง มารธรรมดา ก็แย่อยู่แล้ว เจอ อภิมหาจอมมารเข้าไป
    เละแน่เลยครับ

    และที่ "จิตปฏิบัติ" ลงมาช่วยคุณนั้น เป็นเพียง การแบ่งภาคลงมาช่วยครับ
    อยู่กับคุณตลอดเวลา จนกว่าจะเสร็จภารกิจ มีการเปลี่ยนเวรกันทำงาน ซึ่ง
    คุณไม่ต้องรับรู้หรอกครับว่า เขาทำงานอย่างไร จะให้ช่วยอะไรก็อธิษฐานจิต
    บอกก็แล้วกัน

    ขอแนะนำนะครับ ว่าอาจารย์ไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์ครับ

    ลองศึกษาดูว่าพระอาจารย์ท่านใด ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ตรงตามที่เรา
    ต้องการ แล้วจุดธูป เทียน อัญเชิญท่านมาเป็นอาจารย์ ตอนอัญเชิญพยายาม
    ให้จิตนิ่งที่สุดครับ

    ถ้าไม่รู้จะเชิญใคร ก็อัญเชิญพระพุทธเจ้าเลยก็ได้นะครับ

    อัญเชิญอาจารย์เอาให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะละเอียดได้ ใช้ภาษาไทยนี่
    แหละง่ายที่สุด ไม่ต้องแปลอีก เช่น อัญเชิญพระพุทธเจ้า ให้กำหนดด้วยว่า
    องค์ไหน ตอนไหน จุดไหน (เหมือนดูหนังนะครับ)

    เช่น เชิญพระพุทธเจ้า (นามเดิม สิตธัตถะ) ตอนออกผนวช ณ ขณะ
    ตัดใจออกจากครอบครัว ราชสมบัติ ฯลฯ

    ตัวอย่างนะครับ ไม่ได้ให้เอาตอนนี้

    อันนี้มีความหมาย พระถ้าคุณอธิษฐานเพียงแค่ พระพุทธเจ้า คุณอาจได้
    พระพุทธเจ้าตอนไหนก็ได้ ถ้าได้ตอนผจญมารเข้ามา "จิตปฏิบัติ" งานหนัก
    แน่ ถ้าได้ตอนพระเวสสันดร คุณจะไม่เหลือทรัพย์สมบัติอะไรแม้แต่ครอบ
    ครัวนะครับ
     
  8. Sunthron Ui

    Sunthron Ui Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2005
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +79
    เมื่อได้อาจารย์แล้ว ก็อธิษฐานจิดว่าจะนั่งสมาธิเพื่ออะไร

    ก็ประมาณการก็แล้วกันว่าจะเอามากน้อยแค่ไหน หวังมากก็ได้ยาก มีมารมาก
    หวังน้อยก็ได้ง่าย มารน้อย เอาอย่างเดียวก่อน อย่าโลภมากเดี๋ยวจะไม่ได้
    อะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 เมษายน 2006
  9. jokeyvoy

    jokeyvoy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +30
    ขอบคุณมากครับ สำหรับคำแนะนำครับ จะลองปฎิบัติดูครับ ผมนึกว่าเราต้องนั่งที่สงัดแล้วจึงได้ผลดี ผมเป็นคนที่อ่านตำรามากครับ ก็เลยคิดตามหนังสือ แต่ตอนนี้จะพยายามใช้ปัญญาหาทางออกเองครับ ก็ขอบคุณอีกครั้งครับ
     
  10. longhorn48

    longhorn48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2006
    โพสต์:
    377
    ค่าพลัง:
    +874
    ผมก้อเหมือนกับคุณนะครับ แต่จะต่างตรงที่ว่าผมไม่ได้ปฏิบัติสม่ำเสมอ และสามารถทำให้เข้าถึงสมาธิได้ในระดับหนึ่ง เพียงแต่ว่าจิตใจที่ฟุ้งซ่าน จะเป้นตัวขัดขวางไม่ให้เรามีสมาธิได้ แล้วผมก็ไม่มีอาจารย์มาคอยชี้แนะ ยังไงก้พยายามต่อไปครับ ผมเชื่อว่าถ้ากรรมไม่หนักจริงๆ (เช่น ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระ) ก็คงถึงซึ่งสมาธิซักวันแหละครับ
     
  11. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,119
    ขอเอาใจช่วยนะครับ อาจจะไม่เก่งพอที่จะแนะนำอะไรได้มากครับ แต่พอจะเล่าประสบการณ์ส่วนตัวทีทำอยู่ก็ประมาณนี้ครับ
    1.รักษาศีลให้บริสุทธิ์
    2.ก่อนนั่งตัดความห่วงทั้งหมด เพราะวันใดที่เราต้องตายจริงๆ อะไรก็ตามที่เราห่วงไม่ว่าจะเป็น สิ่งของ บุคคล ล้วนแล้วแต่ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน
    3.กำหนดลมหายใจเข้าออก ถ้าเริ่มต้นก็ ทีละ5 แล้วค่อยๆเพิ่ม ครับ คิดว่าในระหว่าง ที่เรากำหนดลมหายใจ 1-5 นี่เราจะไม่คิดอะไรทั้งหมด นอกจากคำภาวนา
    หรือไม่ลอง ดาวน์โหลด mp3 ทีเป็น ที่เกี่ยวกับ อานาปานสติกรรมฐาน มาลองฟังดู ครับ
    "บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร"ครับ
     
  12. penney

    penney เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เรื่องการฝึกกรรมฐานของเราก็ไม่ได้เอาให้เห็นผลนะ

    แค่เก็บเล็กผสมน้อยเอา อิอิ

    นั่งรถไปเรียนก็ภาวนาพุทโธๆ จนหลับไปทุกที

    แต่ยังดีกว่าไม่ภาวนาเลยใช่ไหม๊คะ

    ระลึกไว้ตลอดว่า วันนี้เราอาจจะตายก็ได้นะ

    อยู่ได้ไม่นานอยู่แล้วหนิ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่แน่ไม่นอน

    เป็นคนขี้เกียจด้วยมั้งคะเลยทำได้แค่นี้ แหละค่ะ

    ขอแค่หนีนรกไว้ก่อน อ่ออย่าลืม พรหมวิหาร 4 นะคะ

    ปฏิบัติตามจะดีมากๆค่ะ พยายามทำไว้ตลอดเลยค่ะ

    (อยู่ในขั้นพยายาม) อิอิ ขอให้โชคดีนะคะ
     
  13. พุทธโลกา

    พุทธโลกา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +2
    "จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย. ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์. จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค. ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ. อนึ่ง ตามสภาพที่แท้จริงของจิต. ย่อมส่งออกนอกเพื่อรับอารมณ์นั้นๆ โดยธรรมชาติของมันเอง. ก็แต่ว่า ถ้าจิตส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว. จิตเกิดหวั่นไหวหรือเกิดกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้น เป็นสมุทัย. ผลอันเกิดจากจิตหวั่นไหวหรือกระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้นๆ เป็นทุกข์. ถ้าจิตที่ส่งออกนอกได้รับอารมณ์แล้ว. แต่ไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อมไปตามอารมณ์นั้นๆ มีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นมรรค. ผลอันเกิดจากจิตไม่หวั่นไหว หรือไม่กระเพื่อม เพราะมีสติอยู่อย่างสมบูรณ์ เป็นนิโรธ. พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตไม่ส่งออกนอก. จิตไม่หวั่นไหว จิตไม่กระเพื่อม เป็นวิหารธรรม. จบอริยสัจจ์4. หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    ( ขออนุโมทนาบุญกับคุณ wisarn it ที่นำแนวทางการปฏิบัติธรรมที่ดีมากๆมาลงไว้ในกระทู้ )
     
  14. countdown

    countdown เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,018
    ค่าพลัง:
    +3,165
    countdown

    ผมฝึกมาหลายเดือนละนั่งครั้งแรกมันเป็นสมาธิจริงๆ จนไม่รู้เข้าไปฌานไหนมันดิ่งจะวูปไปเลย เลยกลัวกลับมาที่เดิม แต่เข้ามาบอร์ดบ่อย จึงมีความเข้าใจดี จากนั้นมาจะนั่งให้ได้อย่างนั้นมันไม่ไปแล้งงะ นั่งที่ไรบังคับมันไป ยังไม่ไปเลย โสน่า...
     
  15. mayl8e

    mayl8e Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2005
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +55
    แต่ก่อนผมนั่งทุกแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้นั่งเลยแต่ส่วนมากชอบท่อง บทต่างๆแทน เคยได้อฐิษฐานไปหลายอย่างก็ได้ประมาณ50%ไม่รู้ว่าบังเอิญรึเปล่าครับ
    ผมนั่งสมาธิ และก็ ฝึกกสิณแสงสว่าง ต่อมาว่าจะฝึกมโนมยิทธิ แต่รอหนังสืออยู่ครับ
    +++ทุกสิ่ง อยู่กับสมาธิ อยู่ได้นาน สนุกได้นาน ก็อยู่กับสมาธิ+++
     
  16. jokeyvoy

    jokeyvoy Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +30
    ตอนนี้ผมก็กลับมาเริ่มฝึกแล้วครับ ผมนึกถึงคำที่คุณจิตปฎิบัติพูดว่าสามารถเรียกคุณได้ ผมก็ไม่รู้ว่ามาหรือไม่มาหรอกนะครับ แต่พอนึกถึงคำพูดนึกถึงพระพุทธเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมนับถือ ผมก็รู้สึกว่าผมมีกำลังใจในการนั่งมากขึ้น มีวันนึงผมหงุดหงิดมากๆครับ นั่งไม่ได้เลย ผมรู้สึกแย่มากๆ แต่พอนึกถึงคุณจิตปฎิบัติก็รู้สึกสดชื่น และจำได้ว่าคุณจิตปฎิบัติบอกว่าให้นึกถึงอาจารย์ให้อาจารย์ท่านช่วย ผมก็รู้สึกดีขึ้นมามากๆ สุดท้ายตอนนี้ผมคิดว่าคงก้าวหน้าขึ้นมาก เพราะนึกนิมิตแล้วก็ขึ้นมาเลย ผมคิดว่าช่วงนี้คงฝึกกสิณโอทาตกกสิณ ไม่ก็กสิณแสงนะครับ รู้สึกดีมากๆเลย จะพยายามต่อไปครับ ขอบคุณทุกคนที่แนะนำครับ
     
  17. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    อุเบกขาธรรมเป็นธรรมที่ใกล้เคียงกับสภาวะบรรลุธรรมที่สุดต่างกันตรงที่ อุเบกขาที่ยังหวั่นไหวได้อยู่ก็เพราะยังเหลือเชื้อคือกิเลสอยู่ จะหวั่นไหวมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่ที่ชนิดและจำนวนของกิเลส แต่ถ้ากำจัดกิเลสหรือเชื้อให้หมดไปแล้ว อุเบกขาก็จะทรงตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะกำหนดจิตหรือไม่ได้กำหนดจิตก็ตาม เรียกได้ว่ามีจิตเป็นฌานตลอดเวลาโดยอัตโนมัติครับ (การแผ่เมตตาก็จะไม่ต้องทำอารมณ์แต่อย่างใดเพราะจิตที่ปราศจากกิเลสจะเป็นจิตที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมต่างๆและเมตตาอยู่แล้วโดยธรรมชาติครับ ก็เพียงแค่แผ่กระแสจิตในภาวะปกติออกไปเท่านั้นเองครับ)
     

แชร์หน้านี้

Loading...