ผมยังติดกามราคะทางเพศอยู่ แต่ศีล ทาน ภาวนาครบบริบูรณ์ครับ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ศีลทานภาวนา, 12 กุมภาพันธ์ 2022.

  1. ศีลทานภาวนา

    ศีลทานภาวนา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2021
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +7
    ก่อนที่ผมจะเข้าสู่ปัญหาส่วนตัวของผม ผมขออนุญาติเท้าความนิดนึงนะครับ

    ผมหันเข้าหาพุทธศาสนาและเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจังมาได้ปีกว่าๆ แล้วครับ โดยสิ่งที่ผมเพียรพยายามมาโดยตลอดคือ

    เท้าความ :

    ๑. ศีล ----> ๕ ถึง ศีล ๘ ส่วนมากจะเป็นศีล ๘ ครับ เพราะผมทำงานที่บ้าน จึงสามารถทำได้
    ๒. ทาน ----> ผมทำทานทุกวันวันละ ๒๐๐ บาท โดยกระจายทำบุญไปตามวัดต่างๆ ในกิจการต่างๆ รวมถึงใส่บาตรพระภิกษุ ๒ รูปทุกเช้า และถวายภัตตาหารพระพุทธที่บ้าน นอกจากนั้นยังมีทำบุญพิเศษอีกในกรณีได้รับค่าจ้างพิเศษบางอย่างมาด้วยครับ
    ๓. ภาวนา ---> ผมนั่งสมาธิเช้า-กลางวัน-เย็น ครั้งละ ๑ ชม. และเจริญมหาสติปัฏฐาน ๔ ตลอดวัน คือรู้สึกตัวทั่วพร้อม พร้อมจับลมหายใจเท่าที่นึกได้ เช่น เวลาไม่ได้นั่งทำงานหรือทำงานบ้าน นั่งฟังธรรมะก็จะหันมาจับลมหายใจรู้ลมเข้าลมออก

    เวลาผ่านมาปีกว่าๆ ผมได้เผชิญสภาวะธรรมมากมาย ได้พบเห็นหลายอย่างที่ผมเกิดความศรัทธาในคำสอนของพระศาสดาอย่างมาก โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของ "สติ" ที่จะคอยปัดเป่าความคิดจรและกิเลสต่างๆ ที่เข้ามาในแต่ละวันได้ตลอดเวลา ดูเหมือนเขาจะมีกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ จิตโปร่ง โล่ง สบาย อาการนอนไม่หลับหายไป ส่วนเรื่องเหนือธรรมชาติผมขอไม่เล่าให้ฟังนะครับ แต่โดยรวมคือชีวิตผมเปลี่ยนไปมากทั้งทางธรรมและทางโลก หน้าที่การงานดีขึ้น ทำอะไรช้าลง ระวังตัวมากขึ้น

    ปัญหาที่จะถามครับ :

    ถึงแม้ผมจะปฏิบัติอย่างจริงจัง แต่ผมก็ยังเป็นฆาราวาสทั่วไป ยังมีความรู้สึกทางเพศอยู่เนืองๆ ซึ่งผมก็หมั่นพิจารณา ส่วนมากสติผมก็จะคอยปัดความคิดเหล่านั้นให้หายไป แต่มันก็มาใหม่ เกิดๆ ดับๆ จะเป็นมากในช่วงสายจนถึงเย็น และเขาจะหายไป เป็นเช่นนี้ทุกวันครับ ซึ่งบางครั้งผมก็พ่ายแพ้ให้กับมัน ก็คือต้องช่วยตนเองเพื่อปลดเปลื้องความรู้สึกให้มันบรรเทาลง ทำให้ศีล ๘ ขาด แต่ศีล ๕ ยังอยู่ครบ ซึ่งอาจเป็นเช่นนี้ติดๆ กันในช่วง 2-3 วัน ก่อนที่สติจะมีกำลังมากขึ้นมาทำให้ผมสามารถหยุดการช่วยตนเองลงได้ และก็จะกลับมาสู้กันในระหว่างวันเช่นนี้ไปเหมือนเดิม ซึ่งผมก็จะรักษาศีล ๘ ได้ไปตลอดนานอีก 2-3 เดือน คือ ไม่มีการช่วยตนเองอีกเลยครับ ก่อนจะกลับมาพ่ายแพ้กับมันอีก ชนะเป็นส่วนใหญ่ แพ้ส่วนน้อย

    ผมมีคำถามว่า ถ้าหากผมไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ แต่ผมยังรักษาการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิต

    - สติผมจะมามีกำลังพอมิให้กามราคะทางเพศมาปรากฎในจิตสุดท้าย เพื่อให้ผมใช้สติในการพาตนเองขึ้นสุคติภูมิได้ไหมครับ?

    - หากว่าชาตินี้ผมได้เริ่มปฏิบัติธรรมและเข้าใจในคำสอนอย่างเป็นสัมมาทิฐิแล้ว นั่นหมายความว่าวิถีดวงจิตผมได้ลอยสูงขึ้นไปในหนทางแห่งพระนิพพานแล้วหรือยังครับ? คือ ไม่มีโอกาสกลับไปอบายภูมิหรือนรกภูมิอีก แต่ผมเข้าใจว่าผมยังไม่บรรลุพระโสดาบัน แต่แค่คิดว่าผมได้ใฝ่ดีในชาตินี้แล้ว และหากเกิดเป็นมนุษย์อีก ก็จะเกิดในครอบครัวที่นับถือพุทธเป็นสัมมาทิฐิ และผมอาจได้ปฏิบัติธรรมมากขึ้นไปอีกเพื่อโอกาสบรรลุธรรมในขั้นใดขั้นหนึ่งในชาติต่อไป

    ที่มาถามนี้ เพราะผมไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะกามกิเลสทางเพศได้ไปตลอดในชาตินี้ครับ แต่ผมจะไม่ลดละการปฏิบัติธรรม ไม่สงสัยในคำสอนขอพระพุทธเจ้า ไม่ละเมิดศีล ๕ เป็นอย่างน้อย อย่างแน่นอนครับ

    กราบอนุโมทนาสาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2022
  2. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,367
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒
    อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต


    [​IMG]
    [๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
    เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อม
    ไป เหมือนความเป็นผู้มีมิตรดี ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลมีมิตรดี กุศล
    ธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป ฯ

    [๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
    เป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น หรือกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อม
    ไป เหมือนการประกอบอกุศลธรรมเนืองๆ ไม่ประกอบกุศลธรรมเนืองๆ ดูกร-
    *ภิกษุทั้งหลาย เพราะการประกอบอกุศลธรรมเนืองๆ เพราะการไม่ประกอบกุศล
    ธรรมเนืองๆ อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว
    ย่อมเสื่อมไป ฯ

    [๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
    เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อมไป
    เหมือนการประกอบกุศลธรรมเนืองๆ การไม่ประกอบอกุศลธรรมเนืองๆ ดูกรภิกษุ
    ทั้งหลาย เพราะการประกอบกุศลธรรมเนืองๆ เพราะการไม่ประกอบอกุศลธรรม
    เนืองๆ กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อม
    เสื่อมไป ฯ

    [๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
    เป็นเหตุให้โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น หรือโพชฌงค์ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมไม่ถึง
    ความเจริญบริบูรณ์ เหมือนการใส่ใจโดยไม่แยบคาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคล
    ใส่ใจโดยไม่แยบคาย โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด ย่อมไม่เกิดขึ้น และโพชฌงค์ที่เกิด
    ขึ้นแล้ว ย่อมไม่ถึงความเจริญบริบูรณ์ ฯ

    [๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่
    เป็นเหตุให้โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด ให้เกิดขึ้น หรือโพชฌงค์ที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมถึง
    ความเจริญบริบูรณ์ เหมือนการใส่ใจโดยแยบคาย ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคล
    ใส่ใจโดยแยบคาย โพชฌงค์ที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และโพชฌงค์ที่เกิดขึ้น
    แล้ว ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ ฯ

    [๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมญาติมีประมาณน้อย ความเสื่อม
    ปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ฯ

    [๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยญาติมีประมาณน้อย ความเจริญ
    ด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงสำเหนียก
    อย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญด้วยปัญญา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอ
    ทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล ฯ

    [๗๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมแห่งโภคะมีประมาณน้อย ความ
    เสื่อมแห่งปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ฯ

    [๘๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเจริญด้วยโภคะมีประมาณน้อย ความ
    เจริญด้วยปัญญาเลิศกว่าความเจริญทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึง
    สำเหนียกอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเจริญโดยความเจริญด้วยปัญญา ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล ฯ

    [๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมยศมีประมาณน้อย ความเสื่อม
    ปัญญาชั่วร้ายที่สุดกว่าความเสื่อมทั้งหลาย ฯ


    ที่มา https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=20&A=291

     
  3. paprica

    paprica Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +58
    การมีอารมณ์เพศเป็นเรื่องธรรมชาติในคนวัยสืบพันธุ์ พระสงฆ์ก็มีอารมณ์เพศแต่จะมีตอนหลับเรียกว่าฝันเปียกเป็นไปโดยไม่ได้ตั้งใจอันนี้ไม่ผิด ถ้าไม่อยากมีอารมณ์เพศให้ปรึกษาหมอจิตเวชกินยารักษาไบโพล่าร์ ซึ่งดิฉันก็กินอยู่ทำให้อารมณ์เพศลดลงถ้ากินในปริมาณน้อย แต่ถ้ากินยาปริมาณมากจะตายด้านไปเลย ดิฉันเคยเป็นมาก่อน
     
  4. ศิษย์ธรรมเทพ

    ศิษย์ธรรมเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +786
    ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ วัดเทพศิรินทร์ เคยกล่าวว่า ผู้ที่จะทำอสุจิให้แห้งได้ต้องถึงซึ่งอนาคามี
    นั่นหมายความว่า กามตัณหานั้น มีแก่มนุษย์ แม้อริยะบุคคลเบื้องต้น โสดาบัน หรือ สกิทาคามี ก็ยังคงมีอยู่ แต่ศีล สมาธิ ปัญญา จะคอยควบคุมให้กายสังขารนั้นสงบ ระงับ มีกำลังจิต ให้เพิ่มขึ้นจนเหนือธรรม (ธรรมชาติของกายสังขาร) ได้นั่นเอง
    ขอให้ท่านเจริญธรรม และ เข้มแข็งปฏิบัติต่อไป
    ศิษย์ธรรมเทพ
     

แชร์หน้านี้

Loading...