ผลของการให้ทาน

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 12 กุมภาพันธ์ 2018.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    BuddhaSuchada.jpg
    ผลของการให้ทาน

    ผลแห่งทาน
    คหบดี ! บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยไม่เคารพ ไม่ทำความนอบน้อมให้ ไม่ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่เหลือ ไม่เชื่อกรรมและผลของกรรม ให้ทาน ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอย่างดี
    ย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดีย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดีย่อมไม่น้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้นคือ บุตร ภรรยาทาส คนใช้ คนทำงาน ก็ไม่เชื่อฟัง ไม่เงี่ยหูฟัง ส่งจิตไปที่อื่นเสีย.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? ทั้งนี้เป็นเพราะ ผลแห่งกรรมที่ตนกระทำโดยไม่เคารพ.
    คหบดี ! บุคคลให้ทานอันเศร้าหมองหรือประณีตก็ตาม แต่ให้ทานนั้นโดยเคารพ ทำความ
    นอบน้อมให้ ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เหลือ เชื่อกรรมและผลของกรรม ให้ทาน ทานนั้นๆ บังเกิดผลในตระกูลใดๆ ในตระกูลนั้นๆ จิตของผู้ให้ทานย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคอาหารอยางดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคผ้าอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคยานอย่างดี ย่อมน้อมไปเพื่อบริโภคกามคุณ ๕ อย่างดี แม้บริวารชนของผู้ให้ทานนั้น คือ บุตร ภรรยา ทาส คนใช้ คนทำงาน ก็เชื่อฟังดีเงี่ยหูฟัง ไม่ส่งจิต
    ไปที่อื่น. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?ทั้งนี้เป็นเพราะผลของกรรมที่ตนกระทำโดยเคารพ.

    คหบดี ! เรื่องเคยมีมาแล้ว มีพราหมณ์ชื่อเวลามะ พราหมณ์ผู้นั้นได้ให้ทานเป็นมหาทานอย่างนี้ คือ
    ได้ให้ถาดทองเต็มด้วยรูปิยะ ๘๔,๐๐๐ ถาด ถาดรูปิยะเต็มด้วยทอง ๘๔,๐๐๐ ถาด ถาดสำริดเต็มด้วยเงิน ๘๔,๐๐๐ ถาด ให้ช้าง ๘๔,๐๐๐ เชือก มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง ให้รถ ๘๔,๐๐๐ คัน หุ้มด้วยหนังราชสีห์ หนังเสือโคร่ง หนังเสือเหลือง ผ้ากัมพลเหลือง มีเครื่องประดับล้วนเป็นทอง มีธงทอง คลุมด้วยข่ายทอง ให้แม่โคนม ๘๔,๐๐๐ ตัว มีน้ำ นมไหลสะดวก ใช้ภาชนะเงินรองน้ำ นม ให้หญิงสาว ๘๔,๐๐๐ คน ประดับด้วยแก้วมณีและแก้วกุณฑล ให้บัลลังก์ ๘๔,๐๐๐ ที่ ลาดด้วยผ้าโกเชาว์ ลาดด้วยขนแกะสีขาว เครื่องลาดมีสัณฐานเป็นช่อดอกไม้ มีเครื่องลาดอย่างดีทำ ด้วยหนังชมด มีเครื่องลาดเพดาน มีหมอนข้างแดงทั้งสอง ให้ผ้า ๘๔,๐๐๐ โกฏิ เป็นผ้าเปลือกไม้ ผ้าแพร ผ้าฝ้าย เนื้อละเอียดจะป่วยกล่าวไปไยถึงข้าว น้ำ ของเคี้ยว ของบริโภค เครื่องลูบไล้ ที่นอน ไหลไปเหมือนแม่น้ำ .
    คหบดี ! ท่านพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า สมัยนั้น ผู้อื่นไม่ใช่เวลามพราหมณ์ผู้ที่ให้ทานเป็นมหาทานนั้น. คหบดี ! แต่ท่านไม่ควรเห็นอย่างนี้ สมัยนั้น เราเป็นเวลามพราหมณ์ เราได้ให้ทานนั้นเป็นมหาทาน
    ก็ในทานนั้น ไม่มีใครเป็นพระทักขิเณยยบุคคล ใครๆ ไม่ชำระทักขิณานั้นให้หมดจด.
    คหบดี ! ทานที่บุคคลถวายให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ (พระโสดาบัน) ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่าทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว.
    ทานที่บุคคลถวายให้พระสกทาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ๑๐๐ ท่านบริโภค.
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอนาคามีผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระสกทาคามี ๑๐๐ ท่านบริโภค.
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระอนาคามี
    ๑๐๐ ท่านบริโภค.
    ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปเดียวบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันต์ ๑๐๐ รูปบริโภค.
    ทานที่บุคคลถวายให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ รูปบริโภค.
    ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวาย
    ให้พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าบริโภค.
    การที่บุคคล สร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากจาตุรทิศ มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลถวายให้ภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขบริโภค.
    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่า ทานที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์ อันมาจากจาตุรทิศ.
    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ จากการดื่มน้ำ เมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ.
    การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่า การที่บุคคลมีจิต
    เลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ.
    และการที่บุคคลเจริญอนิจจสัญญาแม้เพียงเวลาลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่า การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม.
    (นวก. อํ. ๒๓/๔๐๕/๒๒๔.)
    ....................... RoseUnderline.gif
     
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    ผลแห่งทาน....เรื่องเล่าจากพระธุดงค์

    สุขใจ
    Published on Mar 23, 2017
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    สัปปุริสทานสูตร (๒๒/๑๔๘) พระพุทธเจ้าตรัสถึงทาน ๕ ประการ
    ๑. ทานที่ให้ด้วยศรัทธา ทำให้ร่ำรวยและมีรูปงาม
    ๒. ทานที่ให้โดยเคารพ ทำให้ร่ำรวยและมีบุตร ภรรยา บริวารที่เชื่อฟัง
    ๓. ทานที่ให้โดยกาลอันควร ทำให้ร่ำรวยตั้งแต่ปฐมวัย
    ๔. ทานที่ให้ด้วยจิตอนุเคราะห์ ทำให้ร่ำรวยและพอใจใช้ของดีๆ
    ๕. ทานที่ให้โดยไม่กระทบตนและผู้อื่น ทำให้ร่ำรวยและทรัพย์นั้นปลอดภัย
    จาก ไฟ น้ำ หรือการแย่งชิงของผู้อื่น
    ทานสูตร (๒๓/๔๙) พระพุทธเจ้าตรัสถึงการให้ทาน ๗ อย่าง
    ๑. การให้ทานด้วยคิดว่า ตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ เมื่อตายแล้วย่อมเกิด
    ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
    ๒. การให้ทานด้วยคิดว่า ทานเป็นการดี เมื่อตายแล้วย่อมเกิดในสวรรค์
    ชั้นดาวดึงส์
    ๓. การให้ทานด้วยคิดว่า บิดามารดา ปู่ย่า ตายายเคยให้ เราไม่ควรทำให้
    เสียประเพณี เมื่อตายแล้วย่อมทำให้เกิดในสวรรค์ชั้นยามา
    ๔. การให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากินได้จะไม่ให้ทานแก่สมณะผู้ไม่หุงหา
    ไม่สมควร เมื่อตายแล้วย่อมเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
    ๕. การให้ทานด้วยคิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทานเหมือนฤษีครั้งก่อน
    เมื่อตายแล้วย่อมเกิดในสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
    ๖. การให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใสเกิดความ
    ปลื้มใจสุขใจ เมื่อตายแล้วย่อมเกิดในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
    ๗. การให้ทานเพื่อเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต เมื่อตายแล้วย่อมเกิดในพรหมโลก
    (ชั้นสุทธาวาส) ภายหลังย่อมปรินิพพานในภพนั้นเอง (อรรถกถาอธิบายว่า เขา
    ไม่อาจไปเกิดในพรหมโลกด้วยทาน แต่ด้วยจิตอันประดับด้วยทานนั้น เขาทำ
    ฌานและอริยมรรคให้บังเกิด ย่อมเกิดในพรหมโลกด้วยฌาน)
    อรรถกถาธรรมบท ภาค ๔ กล่าวถึงทาน ๔ ประการ คือ
    ๑. ให้ทานด้วยตน ไม่ชักชวนผู้อื่น ย่อมได้โภคสมบัติ ไม่ได้บริวารสมบัติ
    ๒. ชักชวนผู้อื่น ไม่ให้ด้วยตน ย่อมได้บริวารสมบัติ ไม่ได้โภคสมบัติ
    ๓. ไม่ให้ด้วยตน ทั้งไม่ชักชวนผู้อื่น ย่อมไม่ได้โภคสมบัติ ไม่ได้
    บริวารสมบัติ
    ๔. ให้ด้วยตนเอง ทั้งชักชวนผู้อื่น ย่อมได้ทั้งโภคสมบัติ และบริวารสมบัติ
    อรรถกถากล่าวว่า ทานที่มีผลมากประกอบด้วยองค์ ๓ คือ
    ๑. ผู้รับมีศีลมีคุณธรรม
    ๒. ของที่ให้ได้มาอย่างสุจริต มีประโยชน์และสมควรแก่ผู้รับ
    ๓. มีเจตนาบริสุทธิ์ มีจิตใจที่ยินดี แจ่มใส เบิกบาน ทั้งก่อนให้ ขณะให้
    และเมื่อให้แล้ว
    DanaSutre.jpg
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    ผลแห่งการให้ทานอย่างไม่เต็มใจ

    ในสมัยพุทธกาลก็มีตัวอย่างเรื่องผลแห่งการให้ทานอย่างไม่เต็มใจมาเล่าสู่กันฟังดังนี้

    ณ กรุงราชคฤห์ มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินแบกอ้อยมาตามถนนพร้อมกับถืออ้อยกินไปด้วยอย่างสบายอารมณ์ และมีอุบาสกคนหนึ่งเดินจูงเด็กน้อยตามหลังชายหนุ่มแบกอ้อยไปด้วย เด็กเห็นชายหนุ่มกัดกินอ้อยอย่างเอร็ดอร่อยก็ร้องอยากจะกินบ้าง ทำให้อุบาสกกล่าวขอแบ่งอ้อยจากชายหนุ่มคนนั้น ซึ่งตอนแรกก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่พอเด็กร้องไห้หนักขึ้นก็เลยต้องให้อ้อยไปอย่างเสียไม่ได้ โดยหักอ้อยไปท่อนหนึ่งแล้วขว้างให้อุบาสกไปตามเก็บ

    เพียงแค่กรรมที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยนี้แต่มีผลใหญ่ เพราะความตระหนี่ถี่เหนียวนี้เป็นเหตุทำให้เขาต้องไปเกิดเป็นเปรตด้วยวิสัยขี้งก และบาปกรรมที่ได้กระทำต่อเด็กน้อยและอุบาสกคนนั้นจึงเกิดเป็นไร่อ้อยแน่นหนา พอจะเข้าไปหักอ้อยมากินก็ถูกใบอ้อยเชือดเฉือนเป็นอาวุธมีคมและท่อนอ้อยก็จะตีจนสลบ

    วันหนึ่งเปรตตนนี้เห็นพระโมคคัลลานะเดินผ่านมาเพื่อไปบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์ จึงได้ถามถึงกรรมที่ตนเองทำไว้และพยายามขอร้องให้ท่านช่วย ท่านโมคคัลลานะจึงแนะนำให้เดินถอยหลังเข้าไปจึงจะหักอ้อยกินได้ เปรตทำตามก็สามารถหักอ้อยกินได้และยังได้หักอ้อยมาแบ่งถวายพระโมคคัลลานะด้วย

    พระโมคคัลลานะคิดจะสงเคราะห์ช่วยเหลือเปรตจึงให้เปรตตนนั้นแบกมัดอ้อยไปจนถึงวัดพระเวฬุวัน ให้เปรตได้ถวายอ้อยแก่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าและภิกษุทั้งหลายได้ฉันอ้อยแล้วก็อนุโมทนาบุญ เปรตก็มีจิตน้อมเลื่อมใส ถวายนมัสการลากลับ ตั้งแต่นั้นมาเปรตก็สามารถไปหักกินอ้อยได้สบาย พอตายจากสภาพที่เป็นเปรตแล้วก็กลายเป็นเทวดาอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องของเปรตตนนี้ให้สาธุชนทั้งหลายฟัง เพื่อให้ผู้คนได้ละเว้นซึ่งความตระหนี่หมั่นบริจาคทานเพื่อชะล้างจิตใจให้ใสสะอาด เพียงแค่จิตคิดตระหนี่และสร้างวิบากกรรมเพียงเล็กน้อยยังต้องไปเกิดเป็นเปรตอย่างนี้ ถ้าหากมีจิตตระหนี่ถี่เหนียวมากๆ สะสมอยู่ในสันดานคงต้องรับผลวิบากกรรมหนักยิ่งกว่าที่เป็นดังในตัวอย่างนี้แน่นอน

    ดังนั้น “การให้” ใดๆ ก็ตามหากจะเป็นการให้ที่ก่อให้เกิดประโยชน์จริง ก็ควรเป็นการกระทำที่ทำอย่างเต็มใจทำจึงจะเกิดผลบุญสูงสุด
    :-
     

แชร์หน้านี้

Loading...