ผูกพยาบาทโดยไม่ได้ตั้งใจ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย anne23, 19 ธันวาคม 2012.

  1. anne23

    anne23 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +64
    ธรรมดาของอารมณ์มนุษย์ เรื่องเริ่มตรงที่เจอกับผู้ชายคนหนึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยม เป็นเพื่อนกันและคบในระยะไม่มากมันมีความเป็นเพื่อนบังหน้าที่กลายมาเป็นคนคบกัน แต่เราไม่ได้พูดกันตรง ๆ ว่าจะคบเป็นแฟน ลักษณะว่าดิฉันเป็นเพื่อนผู้หญิงที่เค้ามาหา มารับไปกินข้าว ดูหนัง มาหาที่บ้านกลับดึกได้โดยที่พ่อแม่ไม่ว่าอะไร เรียกได้ว่า มากกว่าเพื่อนผู้หญิงคนอื่น ๆ เพื่อนในกลุ่มก็ทราบดี แต่ก็ไม่ได้แซวจนทำให้อึดอัด พอเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบได้ที่เรียนกันคนละที่อยู่คนละจังหวัด ติดต่อกันได้สักพัก จู่ ๆ เค้าก็หายไป มันเป็นความรักครั้งแรกด้วยค่ะทำให้เสียใจมากเขียนจดหมายหาดิฉันฉบับเดียวก็หายไปเฉย ดิฉันคิดใจใจว่าเราทั้งคู่ไปมีสังคมใหม่ สนุกกับเพื่อนใหม่ สถานที่ใหม่ อาจทำให้เราลืมกันไป แต่ไม่คิดว่าจะหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างนี้ แต่ดิฉันก็ไม่ได้มีความพยายามที่จะติดต่อผู้ชายหรอกนะค่ะ ตัวดิฉันเองก็ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปี 1 อายุประมาณ 18 จนตอนนี้ อายุ 30 กว่าแล้ว ไม่เคยลืมเค้าเลยถึงจะมีแฟนใหม่ แต่ก็คิดถึงเค้ามันเป็นความคิดถึงลึก ๆ ที่อยู่ในใจ กลับบ้านที่ต่างจังหวัดที่ไรก็มักคอยถามข่าวคราวของผู้ชายอยู่ตลอด ครอบครัวรู้จักกันค่ะ เรื่องของเขาก็เข้าหูอยู่เรื่อย ๆ มันทำให้เรายิ่งลืมเค้ายากขึ้น แต่เจอกันบ้างตอนเลี้ยงรุ่น นานๆๆๆๆๆๆที พอเจอก็ไม่พูดอะไรกัน ตัวดิฉันเองมีแต่ความคิดถึงเท่านั้นที่ให้เค้าและคิดในใจว่าไม่คิดจะพยามติดต่อเค้าทั้งทีสามารถทำได้ง่ายมาก แต่แล้วเป็นเพราะกรรมที่ทำให้ต้องมาใช้กันให้หมดหรือเปล่าก็ไม่รู้ จังหวัดที่ดิฉันทำงานอยู่ติดกันกับจังหวัดที่เค้าทำงานค่ะ ขับรถ 3 ชั่วโมงก็ถึง กรรมจัดสรรให้วันหนึ่งเค้าเข้ามาคุยออนไลน์กับดิฉัน ตอนตกใจและดีใจมาก คุยกันไปมาก็เลยนัดหมายว่าจะไปเที่ยวหาเค้าประกอบกับเพื่อนสนิทของดิฉันก็ทำงานอยู่ที่จังหวัดที่เค้าทำงานอยู่ (กรรมจัดสรรจิง ๆ) เพราะคิดถึงเค้าเสมอ ไม่คิดเยอะ ไปทันที เจอกันดิฉันมีความสุขมาก นับตั้งแต่นั้นมา เราไปเที่ยวกัน ติดต่อกันเรื่อย ๆ กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเค้าก็มาหาดิฉันทุกวัน กลับมาทำงานก็คุยโทรศัพท์กันทุกวัน แสดงออกแบบคนเป็นแฟนกันเลยค่ะ สุขไม่รู้จะสุขยังไงแล้วชีวิตตอนนั้น มันเป็นความสุขที่ไม่มองถึงปัญหาค่ะ และสุขได้ไม่นานด้วยถ้าทำไม่ดี ปัญหาคือ เค้ามีแฟนแล้ว เรื่องนี้ดิฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ตั้งแต่ยังไม่เจอกัน แต่เพราะตลอดเวลาคิดถึงเค้ามาตลอดอำนาจฝ่ายต่ำมันทำให้ให้เราไม่สนใจอะไรแล้ว คิดอยู่อย่างเดียวแค่ได้อยู่กันเค้าก็พอ ไม่พยามรับรู้เรื่องของแฟนเค้า อยู่ด้วยกันแฟนโทรหาดิฉันต้องรับสภาพผู้ชายก็อึดอัด คิดอย่างเดียวมีเรากับเค้าพอ ดิฉันชั่วมากค่ะ แต่แล้วความลับไม่มีในโลกค่ะ แฟนเค้าโทรศัพท์มาหาดิฉัน เค้าไม่พูดอะไรในสาย ดิฉันงง เลยโทรกลับ ก็ไม่รับ เลยโทรหาผู้ชายเค้าบอกว่าแฟนมา ทะเลาะกัน ผู้หญิงเสียใจมากเพราะไม่คิดว่าผู้ชายจะไปมีใคร ดิฉันตกใจ มีความรู้สึกว่าเมื่อแฟนเค้ารู้เรื่องของเราแล้ว ดิฉันเห็นใจผู้หญิงเหมือนกันค่ะ เราจะต้องเลิกกันแน่ แต่ก็ยังคิดถึงเค้ามากจนไม่อยากเลิก(ชั่วมาก) หลังจากนั้นเราก็ได้คุยกับผู้ชายว่าเราควรจะต้องเลิกติดต่อกัน เอาเข้าจริงดิฉันก็ทนไม่ได้ขอเจอกันอีก สุดท้ายตัวผู้ชายก็เป็นคนเด็ดขาดบอกดิฉันว่าต้องเลิกติดต่อกันจริง ๆ ดิฉันเข้าใจทุกอย่างนะค่ะ ดี ชั่ว ก็รู้ ถูกผิด ก็รู้ รู้ทุกอย่าง เรียกว่ารู้ไปหมดแต่อดที่จะทำไม่ได้ คุยกันกับผู้ชายด้วยดีค่ะ ไม่ได้ทะเลาะกัน เข้าใจในเหตุผล ดิฉันคิดย้อนไปว่าถ้าดิฉันเป็นแฟนของเค้าและรู้ว่าแฟนตัวเองไปมีคนอื่นก็เสียใจไม่แพ้กัน คิดถึงแต่ต้องตัดใจเพราะดิฉันต้องนึกถึงความรู้สึกของฝ่ายผู้ชายด้วยเพราะก็อึดอัดกลับเรื่องนี้เหมือนกัน ดิฉันบอกเค้าว่าคนผิดเรื่องนี้คือตัวดิฉันเองรู้ว่าเค้ามีเจ้าของก็เข้าไปยุ่ง หากสมาชิกกระทู้อ่านแล้วคงคิดว่าดิฉันสร้างภาพเป็นนางเอก ด่าดิฉัน ดิฉันไม่โกรธเลยนะค่ะ เพราะดิฉันยอมรับว่าเลวตั้งแต่ต้น และตั้งใจเลวเพราะกิเลสราคะมันเยอะ ผลลัพธืที่ตอบกลับมามันก็ต้องหนักเป็นธรรมดา พอเลิกกัน บางทีอดไม่ได้โทรไปหาผู้ชายก็รับสายแล้วบอกว่าต้องเข้าใจในเหตุผล บอกด้วยว่าถ้าโทรมาหาอีกจะไม่รับสายแล้ว ต้องตัดใจ ดิฉันก็เข้าใจอีกนั่นแหละ แต่อดไม่ได้ ....สรุป กรรมเก่าที่มีต่อกันมันอาจจบลงแล้วระหว่างดิฉันกับผู้ชาย.... ร้องไห้เพราะเสียใจบ้าง ร้องไห้เพราะโกรธบ้าง แต่ไอ้ตอนร้องไห้เพราะความโกรธนี่หล่ะค่ะ คือ กรรมใหม่ที่ดิฉันก่อขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ... ตอนร้องไห้เพราะความโกรธมันเกิดความผูกพยาบาทอยู่ลึก ๆ แอบนึกกับตัวเองหลายครั้งมาก ๆ ว่าน้ำตาที่หยดลงไปเท่าไหร่เพราะความเสียใจ ขอทำให้ตัวดิฉันกับผู้ชายได้กลับมาใช้เวรกันอีกครั้ง เวรกรรมที่มีต่อกันไม่ว่าใครเป็นเจ้ากรรมนายเวรใครก็ให้กลับมาใช้เวรกันให้หมด จบกันชาตินี้ กรรมที่มีจะหมดไปก็ต่อเมื่อขออโหสิกรรมกัน อย่าต่อเวรกันไปอีกชาติหน้า (เลวสุด ๆ ตัวเองไปยุ่งกับเค้าเอง) เป็นคำถาม ค่ะ
    1.ให้ความพยาบาทที่ดิฉันนึกตอนโกรธนั้น มันจะให้ผลให้ดิฉันกับผู้ชายกลับมาเจอกันเพื่อใช้เวรกรรมกันจริง ๆ ในชาตินี้หรือเปล่าค่ะ
    2. การผูกพยาบาท ผูกเวร มันมีความหมายทางพุทธศาสนา อย่างไรค่ะ
    3. ความพาบาทมันฝังอยู่ในจิตและสามารถตามไปจนถึงชาติหน้าได้หรือเปล่าค่ะ ดิฉันกลัวว่าจะต้องกลับมาใช้เวรกันอีก (หากสมากชิกในกระทู้จะประนามดิฉัน ก็ขอน้อมรับโดยดุษฎี คนเลวอย่างดิฉันสมควรได้รับคำด่ามากกว่าการชื่นชมค่ะ ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ)
     
  2. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ชื่อกระทู้ก็"ต่าง"จากสิ่งที่เกิดในเจตนาแท้จริงของท่านจขกท.เสียแล้ว...หากไม่มีความตั้งใจ ความพยาบาทจะเกิดขึ้นได้อย่างไร หรือว่าท่านจขกท.เบลอไป?..แม้อาการเบลอก็็ไม่ว่างจากเจตนาเลยนะครับ..

    ท่านจขกท. กำลังเพลิดเพลินบันเทิงยิ่งนักในการปล่อยใจตนให้ถูกตัณหาครอบงำอย่างไม่คิดดิ้นรนต่อสู้ขัดขืน...เมื่อตัณหาราคะกล้าจัดเต็มที่ สิ่งที่ตามมาคือ พยาบาทวิตก โลภอยากได้ของที่มีเจ้าของ เพ่งเล็งอยากได้สิ่งนั้นมาเป็นของตน...

    เหล่านี้ล้วนเป็นการล่วงอกุศลกรรมบททั้งสิ้นที่มีผลนำเกิดในนรกอบายภูมิ...เวลานั้น ท่านจขกทคงไม่มีเวลาหรือโอกาสได้เข้าเว็บ เพื่อสอบถามใครๆว่า.".ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้ามาอุบัติในที่นี้ด้วกรรมอันใด..?"..

    แม้เศษกรรมที่เหลือก็ย่อมคอยตามมาเบียดเบียนในอัตภาพต่อๆไปตามสมควรแก่เจตนาที่ตั้งไว้แต่แรกนั่นแหละ..

    กว่าจะได้เกิดมาในอัตภาพมนุษย์ก็ยากเต็มที เพราะปัจจัยที่ดีมีได้ลำบากในนรกและอบายภูมิทั้งหลาย..แต่กำลังตัณหาที่แรงกล้านั้น อาจมีมากจนไม่คิดกลัวภัยในนรก เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติอีกเช่นกัน ..เพราะตัณหาจะบงการว่า "ไม่เป็นไรหรอก อะไรก็ได้ยอมแกหมด..เพียงเพื่อให้ได้เสพสิ่งที่ปรารถนาในบัดนี้เท่านั้น...!"

    การคิดว่าเขาหรือใครเป็นเจ้ากรรมฯอะไรๆของตัวนั้นนับว่าเป็นความเห็นที่ไม่ถูกต้อง พึงทราบว่าที่ตนต้องทุกข์เรื่องรักไม่สมหวังในบัดนี้ก็เพราะตัณหาของตนเท่านั้น การที่ลากจูงตนไปเกี่ยวข้องกับชายมีคู่แล้ว ทั้งๆที่ทราบอยู่ แม้ใครๆก็เห็นว่าปัญหาไม่สมหวังจะตามมา แต่ท่านจขกท.กลับมองไม่เห็นจึงไม่ยับยั้งใจตนไว้ในฝ่ายของมนุษย์ผู้มีใจสูง แต่ปล่อยให้กิเลสบงการไปเพราะกำลังของหิริโอตตัปปะอ่อนแอเหลือเกิน ครั้นฝ่ายชายเห็นว่าเขากำลังทำสิ่งที่โลกติเตียนอยู่ เขาก็มีสติดีที่จะยุติการคบหาสมาคมกับท่าน ซึ่งนับว่าเกื้อกูลแก่การยุติการทำบาปเเละเวรภัยแก่ตนเองของท่านจขกทอย่างยิ่ง...แต่ดูเถิด ท่านจขกท.กลับถือเอามาเป็นเหตุเพื่อกระทำย่ำยีตนด้วยอาการล่วงอกุศลกรรมบทดังกล่าวแล้วในตอนต้น...ก็การทำบาปแม้เล็กน้อยย่อมนำแต่ทุกข์โทมนัส และสิ่งเลวร้ายนานัปการ"มาให้ตน"..(ไม่มาให้ใครอื่นหรอกครับเพราะเจตนาอยู่ที่ใจใครคนนั้นก็ย่อมรับผลเองเท่านั้น)..แล้วนี่ถึงกับล่วงอกุศลกรรมบถ จะเลวร้ายทบเท่าทวีคูณสักปานใด นับว่าเกินคาดหมายได้จริงๆ..

    ท่านจขกท. พึงมีเมตตาปรารถนาดีต่อตนเองให้มาก เพราะท่านจะไม่ไปนรกเพราะไม่ได้คบชายคนนั้นเลย..แต่จะไปด้วยเจตนาของตนเท่านั้น อันความคิดว่าเวรกรรมอันใดมีต่อใครๆ แล้วตนจะขอวนเวียนในเวรกรรมนั้นเพื่อให้หมดเวรกรรมกันไปนั้น เป็นความสิ้นคิดของคนเขลาที่ไม่เคยสดับพระธรรมมาเลย..

    ..ไม่มีใครว่างเว้นจากการทำกรรมแม้เพียงชั่วขณะกระพริบตา และกรรมไม่ได้หมดไปแบบเหลือศูนย์เพียงเพราะการอโหสิกรรมกันได้..เรื่องนี้ พึงศึกษาให้ชัดเจน จะได้ไม่เข้าใจผิดอันจะเป็นปัจจัยแก่การล่วงทุจริตทั้งทางกาย วาจาและใจอันจะนำแต่ทุกข์โทษมาสู่ตน..

    ท่านจขกท. ลองตรองดูว่า ท่านเองไม่ได้เพิ่งเกิดมาในชาตินี้เป็นชาติแรก..แท้จริงท่านเกิดและตายมานับชาติไม่ถ้วนแล้วในสังสารวัฏอันหาเบื้องต้นไม่พบ..ก็ไม่เพราะการที่ท่านเคยพยาบาทใครๆมาจนนับไม่ถ้วนแล้วในอดีต หรือใครๆพยาบาทท่านมาในทำนองเดียวกันหรอกหรือ ท่านจึงเข้าถึงฐานะเช่นนี้ในปัจจุบัน...ถามตนเองดูเถิดว่า..ท่านชอบใจสภาวะนี้ดีหรือ?..หรือมีความร่าเริงยินดีแท้ในความประจวบกับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา?..หากท่านยินดียิ่ง เหตุใดจึงคิดผูกพยาบาทเพื่อจะได้ไปพบเจอเหตุการณ์ทำนองนี้อีกเล่า?..

    ท่านจขกท เกิดมาแล้วในอัตภาพของคน อันได้ยากยิ่ง นี่เพราะเหตุืคือบุญที่ท่านเคยทำมาไว้ดีแล้ว..เรียกว่ามาสว่าง..ท่านพึงเร่วขวนขวายวิตกถึงบุญยกิริยาวัตถุให้มาก เพื่อรองรับการได้อัตภาพในสุคติภูมิในอัตภาพหน้าเถิด เพราะเราทั้งนั้นอาจหมด"ชาตินี้"และเข้าถึง"ชาติหน้า"แม้ด้วยความเร็วเพียงชั่วหายใจเข้าแล้วไม่หายใจออก หรือออกแล้วไม่เข้า..ใครจะรู้ว่าตนจะยังหายใจอยู่ในนาทีหน้า ....

    ท่านจขกท. พึงสมาทานรักษาศีลให้มั่นคง ยุติการคิดถึงเรื่องราวหรือชายที่มีเจ้่าของ ถ้าจะคิดถึงใคร ก็ลองคิดถึงพ่อแม่ที่รอเราอยู่ด้วยรักและห่วงใยยิ่งว่า เราดูแลท่านบ้างหรือยัง เราจะทำอะไรๆให้ท่านสุขใจได้บ้างใหม?..เมื่อว่างมากก็พึงศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ให้ดี เพราะนี่จะเป็นปัจจัยแก่ปัญญาสามารถพาตนพ้นทุกข์และความหลงหรือบอดเขลาทั้งมวลได้ นี่คือที่มาของความเกษมปลอดภัยในที่ทั้งปวง..แม้จะยังไม่อาจตัดกิเลสตัณหาให้หมดไปได้ แต่กำลังของเขาจะถูกบั่นทอนลงให้อยู่ใต้กรอบแห่งศีลอันจะคุ้มครองตนให้พ้นอบายได้..

    ขอให้ท่านจขกท มีสติคืนสู่ปรกติโดยเร็วพลันครับ..


    ป.ล. ถ้าจะพยาบาทใคร ก็พึงพยาบาทกิเลสของตนเถิด ตั้งใจว่าจะต้องทำลายกิเลสในใจตนให้หมดสิ้นให้ได้ คิดสิ่งนี้ ให้มาก ให้บ่อยจนชำนาญ เป็นอธิษฐานในใจ ย่อมเข้าถึงความเกษมปลอดภัยในที่ทั้งปวง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2012
  3. anne23

    anne23 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +64
    ขอบคุณค่ะ ddman สำหรับคำแนะนำที่ทำให้ดิฉันได้คิด ความรู้ดีรู้ชั่วของดิฉันมันแพ้อำนาจของกิเลส แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือการยอมให้จิตใจไหลลงสู่ความต่ำของตัณหาราคะ อันที่จริงดิฉันก็คิดได้อยู่เหมือนกันว่าตัวผู้ชายนั้นได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ฉันก็หลงหน้ามืดตัวมัวอยากได้เค้ามาเป็นเจ้าของ ดิฉันอาจเป็นคนประเภทมือถือสากปากถือศีล ปากบอกว่ารู้สำนึกแต่ใจมันก็คิดจะทำเลวอยู่ตลอด กลับกันถ้าตัวผู้ชายเกิดร่วมมือกับดิฉันพร้อมใจกันโดยแอบคบกันไปเรื่อย ๆ บทสรุป คือ ดิฉันคงต้องเสียใจเหมือนแฟนของเค้า ถ้าวันหนึ่งเค้าแอบไปมีใครอีกนอกจากดิฉัน ดิฉันคิดในใจได้ว่าตัวผู้ชายตัดความสัมพันธ์กับดิฉันเพราะความหวังดีไม่อยากให้ดิฉันเสียใจเพราะรู้จุดจบของเรื่องนี้ว่าได้ดิฉันต้องเป็นที่สองอยู่ดี เลิกติดต่อกันไปดีว่า ดิฉันคิดอีกว่าตัวเองคงพอมีบุญอยู่บ้างมั้งที่ผู้ชายบอกเลิกเพื่อใม่ให้ก่อบาปต่อไปอีก กลับกลายเป็นดิฉันเองที่อยากทำบาปต่อ บุญนำพาให้ตาสว่างได้ขนาดนี้ต้องตัดใจ ถ้าตัวเองมีบาปกรรมติดตัวมาคงมีเหตุให้ก่อบาปสร้างกรรมกับตัวผู้ชายต่อไปเรื่อย ๆ สวรรค์เมตตาปิดทางในการทำชั่ว ดิฉันจะคิดเช่นนี้ค่ะ ขอให้บุญกุศลจากคำแนะโดยปราศจากการกล่าวโทษ พร้อมกับการให้สติแก่คนเขลาอย่างดิฉัน ส่งผลให้คุณมีความสุขความเจริญน่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งจากใจค่ะ
     
  4. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ขออนุโมทนาสาธุการในความมีบุญของคุณanne23 ที่เข้าใจและคิดได้ในสิ่งที่ควร ขออนุญาตเพิ่มเติมว่า..ตั้งแต่นี้ไป ขอให้ทำไว้ในใจดังนี้..

    ข้าพเจ้าขอถอนความผูกพยาบาทกับใครๆทั้งหมด แม้นานเท่าไรก็ตาม ขอเลิกจองเวรในที่ทั้งปวง..ข้าพเจ้าให้อภัยแก่ทุกผู้ที่เคยล่วงเกินข้าพเจ้ามา และขออโหสิกรรมแก่ผู้ที่ข้าพเจ้าเคยล่วงเกินไว้ ทั้งทางกายวาจาใจ..


    ทำให้บ่อยๆนะครับเพื่อเป็นการสั่งสมอุปนิสัยไม่พยาบาทผูกโกรธใครง่ายๆในคราวต่อไป

    ขอบุญอันดีทั้งหลายของคุณanne23 ปกปักรักษาให้พ้นทุกข์ ห่างไกลจากบาปกรรมทั้งปวง ให้พบทางแห่งปัญญาเพื่อความสิ้นไปแห่งทุกข์ทั้งมวล แม้ความปรารถนาที่ดีงามพึงสำเร็จสมประสงค์โดยพลันครับ
     
  5. ketsila

    ketsila Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +88
    ผูกพยาบาทโดยไม่ได้ตั้งใจ
    อ่านเรื่องราวก็น่าเห็นใจนะ คงมีใครอีกมากที่เป็นแบบนี้ อาจจะเป็นเวรกรรมเก่าเป็นเชื้อจัดสรรให้มาพบกันสร้างกรรมให้เข้มข้นเพิ่มไปอีกไม่สิ้นสุด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุ ความบังเอิญไม่มีในโลก โทษเวรกรรมอย่างเดียวก็ไม่ได้ มันมีกรรมใหม่เข้ามาเกี่ยวด้วย คือกรรมจากความคิด คิดถึง ห่วงหาอาทร อยากพบอยากเจอฯลฯ กระแสความคิดในอารมณ์นั้นๆเมื่อมีความเข้มข้นมากๆจะเกิดแรงดึงดูดมหาศาล ให้สิ่งนั้นเข้ามาหาตัว นั่นคือกฏธรรมชาติ กฏแห่งการดึงดูด อาจเคยได้ยินคำว่า ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ เกลียดสิ่งใดย่อมได้อย่างนั้น อะไรประมาณนี้ เพราะว่าอารมณ์โกรธเกลียดมันรุนแรง จะดึงดูดสิ่งนั้นๆเข้ามา อารมณ์อื่นก็เช่นกัน ศาสนาจึงสอนให้เราคิดดี ทำดี ปฏิบัติแต่สิ่งที่ดี ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตคุณนั้น คุณเองเป็นผู้ดึงดูดเข้ามาก็เพราะคุณมีมโนภาพเกี่ยวกับสิ่งนั้นอยู่ในใจ สิ่งที่คุณคิดสำคัญที่สุด อะไรก็ตามที่คุณกำลังคิด คุณก็กำลังจะดึงดูดสิ่งนั้นให้เข้ามาหาตัวคุณเองในที่สุด กิเลสปรุงแต่งให้เราตกอยู่ในอำนาจ ขาดสติ รู้ไม่เท่าทัน หรือจงใจที่จะกระทำตามอารมณ์นั้น ทำให้เราประพฤติผิดศีลธรรม สร้างกรรมต่อไปอีกไม่จบสิ้น สิ่งสำคัญคือสติ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ากำลังสติไม่มากพอ อาจทำให้ไหลไปตามอำนาจของกิเลสได้ เราไม่จำเป็นต้องให้ชีวิตเป็นไปตามกฏแห่งกรรมทุกเรื่อง เพียงมีสติยับยั้งช่างใจ มีความละอายต่อการทำชั่วเกรงกลัวต่อผลของการกระทำ มีศีล๕บริบูรณ์ไม่ด่างพร้อยเป็นเกราะป้องกัน ความประพฤติของตน เวรกรรมจะเบาบางและสิ้นสุดเมื่อเราเข้าสู่นิพพาน
     
  6. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    เทวดาดีกว่ามนุษย์ตั้งเท่าไร ยังมีเมียเป็นนางฟ้าได้ตั้งเป็นร้อยเป็นพัน แล้วมนุษย์ขี้เหม็นๆถือดีอะไรกว่าเทวดามีเมียแค่คนเดียว

    เทวดามีหิริโอตัปปะ เกรงกลัวในบาป ถ้าการมีเมียหลายคนไม่ดีจริงๆ เทวดาก็ต้องมีเมียคนเดียวสิจริงมั้ย

    ถ้าเป็นผมไม่มีทางเลิกเด็ดขาด จะอยู่ด้วยกันทั้ง3คนนั่นล่ะ ใครจะว่าจะด่าก็ช่างมันปะไร ไม่ได้ขอเงินใครแดก 555++
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ถ้า ผู้หญิงที่เป็นแฟนของชายคนนั้น ทั้งสองคนยังไม่แต่งงานกัน
    จขกท ก็ไม่บาป และอีกประการหนึ่งถ้า จขกท
    ชอบชายคนนั้นเฉยๆ ไปไหนมาไหน คุยโทรศัพท์ คิดถึง แค่นั้น
    ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรก็ไม่บาป

    ส่วนเรื่องแรงอาฆาตนั้นมีผลต่อการทำให้อีกฝ่ายได้รับ
    เคราะห์กรรมจริง ยิ่งอาฆาตมาก ยิ่งสามารถทำให้ถึงตายได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  8. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    บทความมาฝากคะ
    เป็นบทความดูดวงแฝงธรรมะ
    บางทีอาจช่วยให้ จขกท. อ่านแล้วมีแรงบันดาลใจ ได้สติ มีความเข้มแข็งพอที่จะพาตัวเองออกมาจากการตกอยู่ในฐานะมือที่สามได้






    ถาม – ถ้าเราไปมีความสัมพันธ์กับคนที่มีครอบครัวแล้ว จะทำยังไงดีคะ รู้ว่าคำถามนี้เป็นคำถามที่ซ้ำซาก แต่เป็นทุกข์จริงๆ ค่ะ


    อันที่จริงปัญหาของมนุษย์จะวนเวียนอยู่ไม่กี่เรื่องค่ะ สำหรับลูกค้าที่มาตรวจดวงแล้วประเด็นที่สุดฮิตคือเรื่องความรัก และปัญหาที่หนักสุดคือเรื่องมือที่สาม เท่าที่เคยสนทนากับทั้งฝ่ายภรรยาหลวงและภรรยาน้อย พบว่าต่างฝ่ายต่างทุกข์ แต่คนที่มาทีหลังมีทางเลือกเดียวคือถอยออกมา เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายที่มาก่อนยอมรับให้คุณเป็นอีกบ้านหนึ่ง อย่างนั้นคงจะพออยู่ร่วมกันได้ แม้กระนั้นความน้อยเนื้อต่ำใจในฐานะคนที่เป็นรองก็เป็นความทรมาน ยังไม่รวมถึงเส้นทางกรรมในภายภาคหน้าด้วยค่ะ


    กรณีศึกษาในฉบับนี้ เป็นเรื่องของลูกค้าหญิง (นามสมมติว่าคุณเด็บบอรา) เมื่อคำนวณดวงชะตาแล้วก็เห็นว่าลูกค้ามีพื้นฐานจิตใจที่ดี แม้จะเจ้าอารมณ์ไปบ้างแต่ไม่ใช่คนอาฆาตแค้นใคร มีอารมณ์ขัน ร่าเริง นับว่าน่าคบหาคนหนึ่ง ลูกค้าถามว่าช่วงนี้ความรักและคนที่คบอยู่เป็นอย่างไรบ้าง อ่านดวงแล้วเห็นว่ามีปัญหามากเหลือเกิน จึงตอบไปตรงๆ ใจความว่าช่วงนี้ไม่ดี ระวังต้องตกเป็นมือที่สาม ความสัมพันธ์ก็ไม่ยั่งยืนเสียด้วย ถามลูกค้ากลับไปว่าคนที่คบอยู่เขามีเจ้าของแล้วหรือยัง ควรจะสืบประวัติให้ดีๆ ก่อนนะคะ คุณเด็บบอราตอบว่าผู้ชายที่คบหาและมีสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยนั้น (ขอสมมตินามว่าคุณนิโคลา) เขาแต่งงานแล้ว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้มาตั้งแต่ต้น แต่ว่าก็เผลอใจไปมีสัมพันธ์ โดยที่คุณนิโคลาบอกไว้ก่อนแล้วว่าถ้าภรรยาเขารู้เรื่องเข้า ก็ต้องจบกันนะ นั่นแปลว่าคุณเด็บบอราเองไม่มีอนาคตในความสัมพันธ์นี้มาตั้งแต่ต้น แม้จะทุกข์มากแต่ตัดใจยังไม่ได้ค่ะ


    อันที่จริงโดยมากแล้วคนเราก็รู้ดีนะคะ ว่าแต่ละปัญหามันควรจะแก้ไขอย่างไร ติดตรงที่ว่าทำใจไม่ได้ที่จะดำเนินการนี่แหละ ในกรณีของคุณเด็บบอรานั้น ฟังแล้วก็ให้กำลังใจลูกค้าไปว่าเรื่องอย่างนี้รู้ดีค่ะว่าพูดง่ายแต่ทำยาก แต่อยากขอให้ลูกค้าพิจารณาให้ดี ถ้าไม่มองในแง่บาปบุญคุณโทษ มองแต่ผลประโยชน์ที่เห็นได้ก็จะพบว่าคุณนิโคลาไม่เสียอะไรเลย ถ้าภรรยาจับได้ เขาตอบไปตามจริงว่าคุณเด็บบอรารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาเลือกภรรยาแน่นอน คราวนี้คนที่จะเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง นอกเหนือจากการร่วมผิดศีลธรรมกับคุณนิโคลาแล้ว คือตัวลูกค้าเองเท่านั้น ที่สุดแล้วฝ่ายชายเลือกอยู่กับภรรยา ส่วนคุณเด็บบอราจะไม่เหลือใครเลย นอกจากความทรงจำแย่ๆ ที่จะย้อนมาทำร้ายจิตใจได้เรื่อยๆ มิหนำซ้ำถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มีคนรับรู้ความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องนี้ เธอยิ่งจะไม่เหลือที่ยืนในสังคม ปลอบปลุกใจลูกค้าว่าควรพาตัวเองออกจากถนนสายบาปเส้นนี้ เพราะนอกจากจะเจ็บปวดตลอดเส้นทางแล้ว สุดท้ายที่ปลายถนนก็จะไม่ได้อะไรเลย เธอเองมีกรรมทางด้านความรักที่ไม่ดี ก่อนหน้านี้เคยไม่สมใจในรัก จึงไม่ควรจะไปทำบาป ซ้ำเติมชีวิตตัวเองเข้าไปอีก อันที่จริงแล้วชีวิตในด้านอื่นก็แทบไม่มีอะไรเสียหาย เว้นเรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น สรุปว่าความสัมพันธ์นี้มีแต่เสียกับเสีย เพราะฉะนั้นพาตัวเองออกมาเถอะค่ะ อย่าปล่อยชีวิตไว้อย่างนี้เลย


    ลูกค้าเปิดใจให้ฟังว่า เหตุผลหนึ่งที่ไม่อยากบอกเลิกคุณนิโคลาเพราะว่ากลัวจะเป็นบาปที่เป็นฝ่ายทอดทิ้งเขาตอบคุณเด็บบอราไปว่านี่ไม่ใช่การทอดทิ้ง แต่เป็นการปลดปล่อยเธอและเขาออกจากความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งถ้ารู้สึกดีกับคุณนิโคลาเท่าไร ยิ่งต้องจบความสัมพันธ์ให้เร็วขึ้นเท่านั้น จะได้ไม่ร่วมเส้นทางบาปไปมากกว่านี้ อีกทั้งยังเป็นการพาตัวเองออกจากความรู้สึกผิดบาปอีกด้วย จากที่ตรวจดวงและพูดคุยกันมา รู้ดีว่าคุณเด็บบอราไม่ได้เป็นคนใจคอโหดร้ายอะไร แต่บางครั้งคนเราก็พลาดท่าให้กับกิเลสได้ค่ะ ปุถุชนคนธรรมดาจึงไม่ควรประมาท อย่าคิดว่าคุยกันนิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไร เพราะความสัมพันธ์มันก่อร่างสร้างตัวได้จากทีละเล็กทีละน้อยนี่แหละ โดยเฉพาะคนที่ตกอยู่ในอารมณ์เหงา อกหัก มีปัญหาชีวิต ฯลฯ ยิ่งต้องระวังค่ะ


    ในประเด็นความเหงานี้ เท่าที่เก็บข้อมูลมาพบว่าหลายคนกลัวการเผชิญความอ้างว้าง ทั้งๆ ที่จริงแล้วการอยู่กับความเหงานั้นทุกข์น้อยกว่าการอยู่อย่างอกหัก ไม่สมใจในรัก หรืออยู่กับรักที่ผิดศีลธรรม เป็นนางรองในมุมมืดของชีวิตผู้ชายสักคน[/COLOR] ดังนั้นจึงได้บอกกับคุณเด็บบอราเหมือนกับที่เคยบอกลูกค้าที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ว่า เหมือนคนอุ้มลูกทุเรียนไว้ กอดไว้แน่นๆ เพื่อที่อ้อมแขนจะได้ไม่ว่าง เพราะกลัวว่าจะต้องอยู่กับอ้อมแขนที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรให้กอด แม้จะโดนหนามแหลมของมันทิ่มจนเลือดไหล เจ็บปวด ทรมาน แต่ก็ทำใจไม่ได้ที่จะวางลูกทุเรียนลงเพราะกลัวจะไม่มีอะไรให้ยึดถือ อันที่จริงแล้วแค่วางลงไป แล้วเอาแขนสองข้างมากอดอก กอดตัวเองไว้ ก็อบอุ่นได้เหมือนกัน ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าความเหงาน่ะรับมือง่ายกว่าความทรมานใจเพราะการเป็นมือที่สาม[/COLOR] (เรื่องการบริหารจัดการกับความเหงา เคยเขียนไว้นานแล้วในตอน "เกี่ยวก้อยกับความเหงา" (คลิก)) เท่าที่ได้รับฟังจากลูกค้าหญิงที่ผ่านสถานะนี้มาก่อน พวกเธอเปิดเผยตรงกันว่าภูมิใจที่พาตัวมาสู่แสงสว่างได้ ไม่ต้องหลบในมุมมืดอีกต่อไป จากนั้นได้บอกคุณเด็บบอราถึงเหตุการณ์ในช่วงเวลาต่างๆ ที่จะต้องเผชิญนับจากนี้ไป ตอบคำถามเกี่ยวกับชีวิตด้านอื่นๆ จนครบถ้วน ปิดท้ายด้วยการให้กำลังใจให้ลูกค้าผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปให้ได้เร็วที่สุดค่ะ


    เส้นทางบางสายนั้น ไม่ควรแม้เพียงเฉียดกรายไปใกล้ แต่พลาดพลั้งก้าวเดินไปบนหนทางนั้นแล้ว ก็ควรรีบถอยออกมาให้เร็วที่สุด อย่าฝืนเดินดุ่มต่อไปอีกเลย เพราะสุดถนนนั้นมีเพียงดงหนามและความเจ็บปวดรอคอยอยู่ ไม่มีใครคนใดรออยู่ที่นั่น จึงเป็นเส้นทางที่เจ็บปวดและอ้างว้างอย่างแท้จริง ดังนั้นใครก็ตามที่พลาดเข้ามาในทางสายนี้ ควรหักใจ เลี้ยวหลังกลับในทันที เพราะนอกจากความภาคภูมิใจในตนเองที่จะได้รับแล้ว ยังไม่ต้องมีความทรงจำเลวร้ายฝังใจไปยาวนานด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2014
  9. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ตอบ

    1. กรรมยังไม่หมดก็ต้องได้เจออีก ขออโหสิกรรมกันเสียจะได้จบๆไป

    2. ความพยาบาทนั่นคือไฟที่จะเผาไหม้ตัวคุณเอง

    3. หากยังไม่หยุด ไม่ขออโหสิกรรมต่อกันก็จองเวรกันต่อไป มีความเสียใจกันต่อไปอีก เราไม่ได้บอกให้คุณหยุดรัก แต่เปลี่ยนเป็นความปรารถนาดีต่อกันเช่นเพื่อนเป็นห่วงเพื่อน
     
  10. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,666
    ค่าพลัง:
    +6,165
    1.ให้ความพยาบาทที่ดิฉันนึกตอนโกรธนั้น มันจะให้ผลให้ดิฉันกับผู้ชายกลับมาเจอกันเพื่อใช้เวรกรรมกันจริง ๆ ในชาตินี้หรือเปล่าค่ะ
    ถ้าชาตินี้คิวเต็มก็ไปลงชาติหน้่า
    2. การผูกพยาบาท ผูกเวร มันมีความหมายทางพุทธศาสนา อย่างไรค่ะ
    ผูกพยาบาทเป็นมโนกรรม ผูกเวรกว้างกว่า วจีกรรมกายกรรมก็เป็นเวร
    3. ความพยาบาทมันฝังอยู่ในจิตและสามารถตามไปจนถึงชาติหน้าได้หรือเปล่าค่ะ ดิฉันกลัวว่าจะต้องกลับมาใช้เวรกันอีก
    มันฝังในจิตถึงเรียกว่าพยาบาท พยาบาทหยาบกว่าโทสะ ตัดง่ายกว่า ทุกอย่างที่คิดพูดทำในปัจจุบันรวมกับกรรมเก่าจะเป็นตัวสร้างรูปแบบชีวิตเราในชาติต่อ ๆ ไป ( ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดเป็นคน )
     

แชร์หน้านี้

Loading...