ผู้ก่อตั้งโบสถ์ชินชอนจีขอโทษ เกาหลีใต้ติดโควิด-19 พุ่งเกิน 4.3 พันคน

เกาหลีใต้วิตก ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่งไม่หยุด กว่า 4,300 คนแล้ว เสียชีวิต 26 ขณะที่ผู้ก่อตั้งโบสถ์ชินชอนจี คุกเข่าขอโทษ ที่โบสถ์สาขาในเมืองแทกู เป็นศูนย์กลางการระบาดโควิด-19 ในเกาหลีใต้


เมื่อ 2 มี.ค. 63 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน นายอี มัน ฮี ผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งเยซู ชินชอนจี ในเกาหลีใต้ ออกมาคุกเข่าขอโทษต่อชาวเกาหลีใต้เพื่อนร่วมชาติ ที่โบสถ์สาขาของโบสถ์แห่งเยซู ชินชอนจี ในเมืองแทกู ได้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 หลังจากพบว่าสมาชิกคนหนึ่ง ล้มป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา จนเชื้อได้แพร่ระบาดไปสู่คนอื่นที่มาโบสถ์ เป็นเหตุให้ขณะนี้ มีชาวเกาหลีใต้ติดเชื้อแล้วกว่า 4,000 คน


นายอี มัน ฮี ผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งเยซู ชินชอนจี ในเกาหลีใต้

นายอี มัน ฮี ยังเรียกการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า เป็น ‘มหาภัยพิบัติ’ ระหว่างแถลงข่าวบริเวณด้านนอกโบสถ์ ชินชอนจี สาขาอำเภอคาพย็อง จังหวัดคย็องกี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโซล พร้อมทั้งกล่าวว่า ทางโบสถ์แห่งเยซู ชินชอนจี ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้


นายอี มัน ฮี ผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งเยซู ชินชอนจี แถลงข่าวและขอโทษต่อชาวเกาหลีใต้ ที่โบสถ์สาขาในเมืองแทกู เป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศ

อย่างไรก็ตาม การออกมาขอโทษของ นายอี มัน ฮี วัย 88 ปี มีขึ้นหลังจากชาวเกาหลีใต้จำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจที่โบสถ์ชินชอนจี กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดของโควิด-19 อีกทั้งทางการกรุงโซลได้ขอให้อัยการเริ่มดำเนินการสืบสวน เพราะอาจตั้งข้อหาผู้ก่อตั้งโบสถ์แห่งนี้ อันเกี่ยวข้องกับการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จนทำให้มีผู้คนติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก และก่อนหน้านี้ ทางเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ ระบุว่าโบสถ์ชินชอนจีต้องรับผิดชอบ ที่ปฏิเสธให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทางการในความพยายามหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19



ขณะเดียวกัน รอยเตอร์ รายงานสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในเกาหลีใต้ ว่า ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 599 คน ในวันที่ 2 มี.ค.63 ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 4,335 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 26 ราย ขณะที่กระทรวงศึกษาฯ ประกาศจะเลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไปอีก 2 เดือน จนถึง 23 มีนาคม


อ่านเพิ่มเติม…

ขอบคุณที่มา
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1785008