ผ่า "หนังพระไตรปิฎก"1,200ล.ละเลงงบ-ทำลายศรัทธา

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย siam1976, 11 สิงหาคม 2007.

  1. siam1976

    siam1976 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    135
    ค่าพลัง:
    +561
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผ่า"หนังพระไตรปิฎก"1,200ล. ละเลงงบ-ทำลายศรัทธา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 สิงหาคม 2550</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากทีเดียวสำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของภาพยนตร์ "พระไตรปิฎก" ที่ดำเนินการสร้างโดยมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย จำนวน 250 ตอน ใช้ระยะเวลาในการถ่ายทำ 5 ปี ด้วยงบประมาณกว่า 1,200 ล้านบาท ทันทีที่เรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าว ก็มีเสียงคัดค้านตามมาอย่างมากมาย ทั้งเรื่องภาพลักษณ์ของนักแสดงผู้จะมาสวมบท เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีชื่อว่า "มาร์ค สงกรานต์ ทัพมณี" (รองอันดับ 2 หนุ่มเอ็มไทยแลนด์ ปี 2005) เนื่องจากที่ผ่านมาเขาทำมาหากินอยู่กับเนื้อหนังมังสา ท่าทางทรมานใจหนุ่มมาโดยตลอด

    ไม่ว่าจะเป็นงานเดินแบบ ถ่ายปกหนังสือแนววาบหวิวในชุดว่ายน้ำ อวดสรีระจนกลายเป็นนายแบบประจำหนังสือแนวผู้ชายที่ได้รับการชื่นชมว่ามี "สายตาที่จิก" มากๆ

    เพียงแค่ประวัติเก่าๆ รวมถึงวิถีปฏิบัติเพื่อการดำรงชีพของมาร์ค ก็อาจจะถูกตั้งข้อสังเกตแล้วว่า เหมาะสมหรือไม่กับการมารับบทบาทบุคคลสำคัญของโลก ที่ต้องสูงไปด้วยความน่าเคารพ เลื่อมใส

    นอกจากนี้ตัวแสดงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ"ภาพยนตร์ศักดิ์สิทธิ์" เรื่องนี้ ก็ดูจะร้อนแรงทะลุพิกัดไปมาก ไม่ว่าจะเป็น ธนายง ว่องตระกูล (กระดุม) หนุ่มโดมอนกล้ามใหญ่ , เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ ดารารุ่นเก๋า ผู้ที่มีสีสันในเรื่องของชีวิตคู่แบบสุดๆ , รวมไปถึง การ์ตูน อินทิรา (นางร้ายช่อง 7) ซึ่งถูกเลือกให้ถ่ายแนวเซ็กซี่ นิตยสารแนวเสือป่าอย่าง FHM มาหมาดๆ ถามว่าทั้งหมดนี้จะเหมาะสมจริงๆ หรือ ที่จะถ่ายทอดเนื้อหาของพระไตรปิฎก ออกมาจากงานถ่ายแบบของเขาในอดีตที่ผ่านมาล่วนแล้วแต่เป็นไปในลักษณะของภาพวาบหวิวปลุกใจสาวแก่แม่ม่ายทั้งสิ้น

    **โครงการอึมครึม-งบงุบงิบ
    ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถัดมาก็คือ ที่มาที่ไปของโครงการสร้างภาพยนต์เรื่องนี้ ซึ่งมีการอนุมัติตั้งแต่ปี 2546 ในยุครัฐบาลทักษิณ คำถามที่คนส่วนใหญ่สงสัย คือ ด้วยงบประมาณจากรัฐฯ ที่สูงในหลักพันล้านเช่นนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว ทำไมถึงไม่ปรากฏเป็นข่าวออกมาเลย จะรู้กันในวงแคบเพียง นายอนุรักษ์ จุรีมาศ อดีต รมว.วัฒนธรรมในยุคนั้น กับมหาเถรสมาคม ที่มีชื่อของเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ สมเด็จเกี่ยว แห่งวัดสระเกศ เข้ามาเกี่ยวข้อง

    ที่สำคัญก็คือ จนถึงวันนี้ มีการเตรียมงานสร้างกันไปแล้ว (กำหนดเปิดกล้องอย่างเป็นทางการ วันที่ 23 ต.ค.50) จะมีใครกล้าการันตีได้ว่า เงินภาษีของประชาชนที่ถูกใช้จ่ายออกไปอย่างมหาศาลนี้ จะเกิดมรรคผลประโยชน์ที่คุ้มค่าเพียงใด เมื่อมองไปยังเครดิตความน่าเชื่อถือทั้งในส่วนของทีมงานผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็น "สนั่น สุขดี" กรรมการผู้จัดการ บริษัทไตรรัตน มีเดีย ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง , หัวหน้าผู้กำกับ "พยุงเวทย์ พยกุล" ผู้กำกับหนังบู๊รุ่นเก่า ประเภทระเบิดภูเขา เผากระท่อม เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้ว รวมถึงนักแสดงตัวหลักที่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ไม่มีความคุ้นชื่อแต่อย่างใดอีกว่า 30 ชีวิต หรือแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าบริหารโครงการ - ค่าเตรียมการ อีกกว่า 100 ล้านบาท

    ทั้งนี้ หนึ่งในเหตุผลของการจัดสร้างภาพยนตร์เรื่อง"พระไตรปิฎก" จากคณะของผู้จัดทำก็คือ ต้องการจะให้เรื่องราวคำสอนที่อยู่ในพระไตรปิฎก ได้รับการเผยแพร่ออกมา ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นเจตนาที่ดี ทว่า การที่ต้องใช้งบรัฐ ที่สูงถึง 1,200 ล้านบาทนั้น ทำให้มีคำถามว่า คุ้มค่าหรือไม่

    นายสามารถ มังสัง หนึ่งในผู้ดำเนินรายการเกี่ยวกับธรรมะ ทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ได้อย่างถึงแก่น ว่า

    "ถ้ามองในเรื่องของเนื้อหา พระไตรปิฎกนั้นจะมีอยู่สามส่วนนะครับ คือ พระวินัย พระสูตร และ พระอภิธรรม ทั้งสามส่วนนี้ มันเป็นเนื้อหาธรรมะหมดเลย ถ้าจะสร้างเป็นภาพยนตร์ คนเดียวเทศน์ไปเรื่อยๆ ก็ได้ แต่มันจะเป็นหนังได้อย่างไร..." หนึ่งในผู้ที่ศึกษาเรื่องของธรรมะ และพระไตรปิฎกมานาน อย่าง "สามารถ มังสัง"

    "อย่างในส่วนของพระวินัย มันก็เป็นส่วนที่พระควรรู้ ใครบวชคนนั้นก็รู้ ถ้าไม่บวชก็ไม่รู้ จะรู้ไปทำไม เพราะมันเป็นเรื่องของพระโดยตรง ผมเชื่อว่าไม่คุ้มนะครับ กับทุนที่ลงไป เอาทุน 1,200 ล้าน ไปให้เป็นทุนการศึกษาสำหรับเรียน เรื่องพระพุทธศาสนาจะดีกว่าเยอะเลย เป็นต้นว่าให้ทุนพระสำหรับการศึกษา 2 มหาวิทยาลัยให้ศึกษาให้จบ แล้วนำไปเผยแพร่ มีเงื่อนไขผูกพันในการใช้ทุนอย่างนั้นจะดีกว่าเยอะ"

    "หรือถ้ามองว่า พระไตรปิฎกที่อยู่ในตู้มันไม่มีคนสนใจ จะหยิบไปอ่าน เลยต้องสร้างเป็นหนังเพื่อให้ดูง่าย ถ้าเช่นนี้แล้วทำไมคุณไม่เอาออกจากตู้ แล้วนำไปเผยแพร่โดยการย่อยให้เป็นเอกสารทั่วไปล่ะ ให้มาเขียนในหนังสือพิมพ์ หรือสิ่งตีพิมพ์ก็ได้ แยกย่อยออกมา นำออกจากตู้ แล้วนำมาอธิบายด้วยภาษาตลาดก็ได้ มันใช้งบน้อยกว่า ได้ผลมากกว่า"

    เชื่ออย่างไรเสียก็ไม่คุ้ม เพราะว่ากันแค่เนื้อหาของพระไตรปิฎกที่มากมายมหาศาลก็เป็นโจทย์ที่ยากมากๆ แล้ว ที่สำคัญนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์อะไรแล้วดีไม่ดีอาจจะมีผลร้ายอีกต่างหาก

    "เสี่ยงต่อการทำลายศรัทธาเลยนะ เพราะถ้าเอาคนที่มีพฤติกรรม หรือมีจริยวัตรไม่เหมือนพระพุทธเจ้ามาแสดง มันจะกลายเป็นตัวตลกทันทีเลยครับ การเป็นพระพุทธเจ้าที่ไม่สอดคล้องกับของจริง ทีนี้ก็ยุ่งล่ะสิ แทนที่จะรวบรวมศรัทธา สร้างศรัทธา มันจะกลายเป็นทำลายศรัทธาไปนะ มันจะยุ่งนะครับ"

    **ละเลงงบ
    "อย่างซื้อควายมา 300 ตัวนี่ เอามาทำอะไร ผมวาดภาพนะ คนที่เป็นพระพุทธเจ้าแล้วมานั่งเทศน์ มันจะบอกอะไรบ้าง เผลอๆ คนที่มาเป็นพระพุทธเจ้ายังอ่านพระไตรปิฎกไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำไป แล้วถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง แล้วคุณจะสอนอย่างไร คุณก็นั่งท่องตามตำรา เหมือนท่องบทน่ะ แล้วมันจะได้อะไรล่ะ"

    "ธรรมะนี่คุณต้องเข้าใจไว้อย่างนะ มันไม่ใช่รู้ด้วยสัญญานะครับ แต่ต้องรู้ด้วยการปฏิบัติ นำทฤษฎีไปปฏิบัติ พอรู้ผลจากการนำไปปฏิบัติแล้วค่อยนำไปเผยแพร่ แต่ถ้าเอาคนที่นั่งท่องบทมาเทศน์ ผมว่ามันยุ่งแน่ เพราะมันไม่สื่ออะไรเลย คุณลองวาดภาพคนที่เป็นพระพุทธเจ้า มาแสดงธรรม แต่ตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลยสิ ว่ามันจะตลกไหม"

    มั่นใจคนส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ก่อนทิ้งท้ายฝากให้ผู้รับผิดชอบกลับไปทบทวนโปรเจ็กต์ที่ว่านี้อีกครั้ง

    "ผมเชื่ออย่างนั้นนะ คนที่เป็นพุทธด้วยพุทธจริงๆ นะ ไม่ใช่พุทธ สักแต่ว่า พุทธ นะ คนที่เป็นพุทธ ด้วยการเรียนรู้ และปฏิบัติ ไม่เห็นด้วยแน่นอน เพราะว่าอะไรรู้ไหม เพราะว่าคำสอนของพุทธ นั้นจะรู้ต่อเมื่อ เรารู้แล้วนำไปปฏิบัติ ส่วนการนั่งดูหนังมันก็เกิดสันทนาการ หรือเกิดบันเทิงอย่างเดียว มันไม่ได้อะไรหรอก คนไปนั่งฟังหนังธรรมะ ผมว่าหลับเป็นแถวเลยล่ะ"

    "ผมว่าสำนักพุทธก็ดี มหาเถรก็ดี น่าจะทบทวนเรื่องนี้นะครับ เพราะเมื่อหนังสือมันอยู่ในตู้ได้ คุณคิดหรือว่า ตัวซีดีมันจะอยู่ในกล่องซีดีไม่ได้" นายสามารถ กล่าว

    [bw-cry] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. chollathich

    chollathich สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +14
    วันหนึ่งผมได้ทีวีดู ซึ่งหาโอกาสได้ดูช่วงเย็นน้อยมาก เพราะเป็นช่วงที่กลับจากที่ทำงานและมีโอกาสนั่งดูการ์ตูนกับลูก พอดีไปเปิดเจอ มิลินทปัญหา ภาคการ์ตูน ที่ผมไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง ทำได้ดีครับ เมื่อก่อนเป็นหนังสือเล่มหนาๆสมัยผมบวชมีคนมาขายหนังสือที่วัด ผมซื้อเอาไว้ ภายในเป็นการถามตอบปัญหาธรรมะ ผมสอนลูกว่าการ์ตูนเรื่องนี้สอนเกี่ยวพระพุทธศาสนา ซึ่งเด็กเองอาจจะได้อะไรหลายอย่าจากตรงนี้ ลูกผมเรียนโรงเรียนคริสต์แต่ลูกผมไหว้พระสวดมนต์ทุกวัน ผมว่าอะไรก็ทำเถอะครับ ตู้พระไตรปิฎก สมัยเมื่อสมัยผมบวช ผมไปเปิดอ่านมีแต่พระเก่ามองผม ซึ่งปัจุบันนี้ผมยังไม่เข้าใจว่า ท่านมองเพราะอะไร เท่าที่ทราบก็คือพระไตรปิฏกเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องสูง เป็นอะไรที่พระบางองค์ท่านเคารพตู้พระไตรปิฎกมากกว่าที่ศึกษาครับ ผมมีโอกาส 4-5 ปีหลังผมไปซื้อมาอ่านที่บ้านจากร้านหนังสือ ก็ได้ความรู้เยอะครับ จริงๆแล้วพระพุทธศาสนาไม่ได้ปิดกั้นเรื่องพระไตรปิฏก แต่เราๆท่านๆทำไมไม่แนะนำให้ศึกษาหาความรู้บ้าง อย่างน้อยเราก็ภูมิใจในความเป็นพุทธ ของเรา อย่าเก็บไว้เพียงเคารพบูชา เราต้องสืบทอดเจตนาของ พระพุทธเจ้าด้วย.
     
  3. s_thit

    s_thit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +3,027
    มองด้านร้ายมากไปหรือปล่าว ด้านดีก็มีนะแล้วเยอะด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2007
  4. {ผู้ชนะสิบๆทิศ}

    {ผู้ชนะสิบๆทิศ} เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +917
    ก็เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยนะ ในเมื่อคุณเอางบแผ่นดินไปใช้ คุณก็จะต้องถูกตรวจสอบจากประชาชนว่าโปร่งใสหรือไม่ การที่ผู้กำกับออกมาจะเอาอย่างใจตัวเองคงไม่ได้หรอกครับ

    ในเมื่อเงินที่คุณใช้สร้างหนังเรื่องนี้มันเป็นงบแผ่นดินที่,ซึ่งเป็นเงินที่ประชาชนทุกคนเสียภาษีให้รัฐ (ไม่เหมือนที่Sponcerให้คุณ คุณจะทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้นิ ) และเป็นหนังที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางศาสนาซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ถ้าคุณทำเพี้ยนไปนิดเดียว คนจะเข้าใจผิดไปเลย สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...