ฝันถึงหลวงพ่อ

คือเมื่อวันอังคารก่อน(ก่อนเข้าพรรษา) ผมฝันเห็นหลวงพ่อ คือผมตั้งใจจะไปบวชเนขมวันที่17-19 ในฝันผมเห็นหลวงพ่อใส่จีวรสีน้ำตาลซึ่งปกติท่านใส่สีส้ม ผมก็วิ่งไปกราบท่าน ท่านบอกว่าไปจุดธูปไหว้พระพุทธเจ้า ซึ่งพอไปถึงหน้าพุทธรูปก็มีธูปครบ10ดอก พอดี แต่ว่า9ดอก ติดจนแทบจะหมดดอก คือถึงตรงก้านสีแดงๆแล้ว แต่อีกดอกยังไม่ได้จุดและรู้สึกว่าใหญ่กว่าปกติ ผมก็จุดไอ้ดอกนั้น ไม่รู้ว่ามีความหมายว่าอะไรช่วยผู้รู้ตีความให้หน่อย แต่วัดที่ผมไปบวชก็ใส่จีวรสีส้ม

 

เห็นด้วยกับคุณ jiradech panatuhk ครับ

อนุโมทนาสาธุครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
"จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครไหนมาช่วยเจ้า"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่วมสร้าง " อุโบสถเงิน" วิหารทานที่ในครั้งนึงในชีวิตไม่ควรพลาดครับ
--> http://palungjit.org/showthread.php?t=140433
พระคุณพ่อ
--> http://palungjit.org/showthread.php?p=1326572#post1326572
มาเที่ยว วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่ วัดประจำปีจอกัน
--> http://palungjit.org/showthread.php?t=136821
พุทโธหาย....?
--> http://palungjit.org/showthread.php?p=1329341#post1329341
ปรัชญาพุทธกับคนรัก(ที่ไม่รักเรา) เอ๊า!!ใครอกหักยกมือขึ้น
--> http://palungjit.org/showthread.php?p=1338677#post1338677

 

ธูปดอกที่ 10 หมายถึงโลกุตรธรรม ...
สีแดงของธูปหมายถึงสีชาด และ .... หมายถึงชาตินี้ เพราะคุณจุดธูปดอกนี้...
ธูปดอกใหญ่หมายถึงต้องพยายามมากๆ......ถ้าจุดธูปติดก็พอมีหวัง....ถ้าไม่ติดก็ใกล้เคียงแล้วครับ...
......สรุปรวมความว่าท่านมาอวยพรให้ "เพียรพยายามปฏิบัติให้ถึงนิพพานในชาตินี้" .....
ที่ท่านมาอวยพรต้องมีเหตุ.....ก็อะไรเป็นเหตุ....คงจะเห็นอุปนิสัยของท่าน.....
.....ส่วนที่ท่านใส่จีวรออกสีน้ำตาลนั้นหมายถึง วัดป่า...ซึ่งเคร่งพระธรรมวินัย ถือธุดงค์วัตร..(วัดธรรมยุตนิกาย) ท่านคงบอกเป็นนัยให้ท่านน่ะครับ
.....(จีวรสีส้มเป็นวัดบ้าน) .....
......................................อนุโมทนาด้วยครับ...สาธุด้วยครับ.............................

(เป็นความเข้าใจส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณครับ)...
........................................................................................................





<CENTER>

[SIZE=+1]มุตโตทัย[/SIZE]</CENTER>

บันทึกโดยพระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร ( ปัจจุบันพระราชธรรมเจติยาจารย์ วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ) ณ วัดป่าบ้านนามน กิ่ง อ. โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร พ.ศ. ๒๔๘๖
ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อธรรมดังต่อไปนี้





<CENTER><TABLE cellSpacing=0 cols=1 cellPadding=0 width="80%" border=0><TBODY><TR><TD>๑. การปฏิบัติ เป็นเครื่องยังพระสัทธรรมให้บริสุทธิ์
๒. การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
๒. การฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
๔. มูลฐานสำหรับทำการปฏิบัติ
๕. มูลเหตุแห่งสิ่งทั้งหลายในสากลโลกธาตุ
๖. มูลการของสังสารวัฏฏ์
๗. อรรคฐาน เป็นที่ตั้งแห่งมรรคนิพพาน
๘. สติปัฏฐาน เป็น ชัยภูมิ คือสนามฝึกฝนตน
๙. อุบายแห่งวิปัสสนา อันเป็นเครื่องถ่ายถอนกิเลส
๑๐. จิตเดิมเป็นธรรมชาติใสสว่าง แต่มืดมัวไปเพราะอุปกิเลส
๑๑. การทรมานตนของผู้บำเพ็ญเพียร ต้องให้พอเหมาะกับอุปนิสัย
๑๒. มูลติกสูตร
๑๓. วิสุทธิเทวาเท่านั้นเป็นสันตบุคคลแท้
๑๔. อกิริยาเป็นที่สุดในโลก - สุดสมมติบัญญัต
๑๕. สัตตาวาส ๙
๑๖. ความสำคัญของปฐมเทศนา มัชฌิมเทศนา และปัจฉิมเทศนา
๑๗. พระอรหันต์ทุกประเภทบรรลุทั้งเจโตวิมุตติ ทั้งปัญญาวิมุตติ






</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
​

http://www.luangpumun.org/muttothai_main.html


๑๕. สัตตาวาส ๙
เทวาพิภพ มนุสสโลก อบายโลก จัดเป็นกามโลก ที่อยู่อาศัยของสัตว์เสพกามรวมเป็น ๑ รูปโลก ที่อยู่อาศัยของสัตว์ผู้สำเร็จรูปฌานมี ๔ อรูปโลก ที่อยู่อาศัยของสัตว์ผู้สำเร็จอรูปฌานมี ๔ รวมทั้งสิ้น ๙ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ ผู้มารู้เท่าสัตตาวาส ๙ กล่าวคือ พระขีณาสวเจ้าทั้งหลาย ย่อมจากที่อยู่ของสัตว์ ไม่ต้องอยู่ในที่ ๙ แห่งนี้ และปรากฏในสามเณรปัญหาข้อสุดท้ายว่า ทส นาม กึ อะไรชื่อว่า ๑๐ แก้ว่า ทสหงฺ เคหิ สมนฺนาคโต พระขีณาสวเจ้าผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๐ ย่อมพ้นจากสัตตาวาส ๙ ความข้อนี้คงเปรียบได้กับการเขียนเลข ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐ นั่นเอง ๑ ถึง ๙ เป็นจำนวนที่นับได้ อ่านได้ บวกลบคูณหารกันได้ ส่วน ๑๐ ก็คือ เลข ๑ กับ ๐ (ศูนย์) เราจะเอา ๐ (ศูนย์) ไปบวกลบคูณหารกับเลขจำนวนใดๆ ก็ไม่ทำให้เลขจำนวนนั้นมีค่าสูงขึ้น และ ๐ (ศูนย์) นี้เมื่ออยู่โดยลำพังก็ไม่มีค่าอะไร แต่จะว่าไม่มีก็ไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งปรากฏอยู่ ความเปรียบนี้ฉันใด จิตใจก็ฉันนั้นเป็นธรรมชาติ มีลักษณะเหมือน ๐ (ศูนย์) เมื่อนำไปต่อเข้ากับเลขตัวใด ย่อมทำให้เลขตัวนั้นเพิ่มค่าขึ้นอีกมาก เช่น เลข ๑ เมื่อเอาศูนย์ต่อเข้า ก็กลายเป็น ๑๐ (สิบ) จิตใจเรานี้ก็เหมือนกัน เมื่อต่อเข้ากับสิ่งทั้งหลายก็เป็นของวิจิตรพิสดารมากมายขึ้นทันที แต่เมื่อได้รับการฝึกฝนอบรมจนฉลาดรอบรู้สรรพเญยฺยธรรมแล้วย่อมกลับคืนสู่สภาพ ๐ (ศูนย์) คือ ว่างโปร่งพ้นจากการนับการอ่านแล้ว มิได้อยู่ในที่ ๙ แห่งอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ แต่อยู่ในที่หมดสมมติบัญญัติคือ สภาพ ๐ (ศูนย์) หรืออกิริยาดังกล่าวในข้อ ๑๔ นั่นเอง

 

ฝันเหมือนกันค่ะเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมาฝันว่าเดินเข้าไปในวัดแห่งหนึ่ง พอเดินผ่านกุฏิพระก็มีชายคนหนึ่งนุ่งชุดขาวเดินออกมาจากกุฏิบอกว่าหลวงพ่อให้เข้าไปพบ ช่วงนั้นในความฝันเป็นเวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ พอเดินเข้าไปเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งอยู่จึงเข้าไปกราบท่านพระสงฆ์รูปนี้ดูท่าทางเป็นพระที่ใจดี ยิ้มง่าย ใส่แว่นตา หน้ากลม ผมสีดำสลับขาวสั้นเกรียน ในความฝันว่าเข้าไปกราบท่าน พอกราบเสร็จก็รู้สึกว่ารอบตัวมีมด ยุง สัตว์กัดต่อยมากมายรายล้อมหมายจะทำร้าย ใจคิดว่าไม่อยากฆ่ามันแต่เกรงว่าจะไม่มีสมาธิสนทนากับพระท่าน จึงท่องคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าขึ้นในใจ เมื่อท่องเสร็จสัตว์ทั้งหลายก็ไม่เข้ามาทำร้ายเพียงบินอยู่ห่างๆเหมือนมีใครเอามุ้งมาครอบตัวไว้
พระสงฆ์ที่นั่งต่อหน้าท่านก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ดีแล้วลูกเอ๋ย ยามเจ้าเจอภัยให้ระลึกถึงคาถาบทนี้ไว้ในใจนะลูกนะ" จึงได้ตกใจตื่น พอตื่นขึ้นมาจิตก็บอกกับตัวเองว่าเราคงฝันถึงหลวงพ่อฤาษีลิงดำมั้ง ความโง่เขลาเบาปัญญาทำให้ไม่รู้จักหน้าท่านจึงมาเปิดหาใน internet ดูจึงรู้ว่าใช่จริงๆ ใครก็ได้ช่วยทายฝันให้ทีว่าหมายความว่ายังไง

 

เคยฝันเหมือนกันครั้งเดียวเอง

 

เคยฝันว่าเห็นท่านนั่งฉันอยู่ แล้วตัวเองได้ไปใส่บาตรกับหลวงพ่อค่ะ แปลว่าอะไรคะ

 

เคยฝันเหมือนกันครับผม ฝันเห็นหลวงพ่อ ได้กราบท่าน กราบเสร็จหลวงพ่อท่านก็เรียกชื่อนามสกุลเรา ....

 

คืนวันศุกร์ที่แล้ว ก็ฝันว่า เห็นท่านนั่งอยู่ที่ไหนสักที่หนึ่ง ท่านไม่พูดอะไร แต่ท่านยิ้มให้ เหมือนรูปในหนังสือเลย ไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร รบกวนผู้รู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ
ขอบคุณค่ะ;k04