พญานาคกับอดีตที่ผ่านมา

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 1 กันยายน 2012.

  1. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    อยากจะมาฟังเรื่องของรัตนวลี บ้าง ท่านคุรุวาโร เล่าให้ฟังบ้างซีจ๊ะ
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]
     
  3. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    ไม่ได้แวะมานานเลยค่ะ..ตอนนี้มีเรื่องทุกข์ใจสุดๆ เกี่ยวกับความรัก เศร้าใจเลยมาหาที่พักใจที่เก่าๆค่ะ..
     
  4. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    การได้มีความรู้สึกรัก แต่รักไม่ได้ มันเจ็บปวด..เจ็บปวดที่ความผูกพันธ์เก่าๆมันกลับคืนมาในเวลาที่ไม่เหมาะสม สัญญาเก่าหลายๆอย่างมันบอกว่่าเรารอคนนี้ รอมานาน แต่ได้พบเจอเมื่อสาย
    ต้องตัดใจทั้งๆที่รักหมดหัวใจ จะต้องทำยังงัยดีคะ T^T
     
  5. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    หรือกินรีกับพญานาคจะไม่มีสิทธิ์ได้รักกันเลย..:'(
    มันรู้สึกได้เองน่ะค่ะ..
     
  6. ฑศพล

    ฑศพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +526
    ก็เคยเป็นเหมือนกันครับ...ตัดใจทำใจแล้วลอง
    นั่งสมาธิ สวดมนต์ ให้ใจที่ลุ่มร้อนผ่อนคลาย
    ลงนะ....เข้าใจเวลาหลับยังนึกถึงเขาเลยใช่ไหม..

    เพื่อนๆทุกท่านมาปลอบหน่อย
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" ประโยคนี้ ทันสมัยอยู่เสมอนะคะ
    แต่ทำไมยังใฝ่หารักมาทุกข์กันก็ไม่รู้ มันคงจะเจ็บๆ คันๆ มันส์ๆ ในอารมณ์
    เพราะรักไม่เป็นหรือเปล่า จึงได้ทุกข์ซ้ำซากกับคำว่า "รัก"
    ความแยบคายของจิต ความแยกคายของกลไกแห่งกรรม
    เพียงทำจิตให้ละเอียดเพียงพอที่จะนำทุกข์เหล่านั้นมาพิจารณา
    ความทุกข์ที่ว่านั้น ก็คงไม่มีตัวตนของทุกข์ ผู้ที่ทำให้ทุกข์ และผู้ทุกข์
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
     
  8. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,816
    ค่าพลัง:
    +15,099
    บางครั้งสายลมทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย
    บางครั้งสายลมทำให้เรารู้สึกเหน็บหนาว
    บางครั้งสายลมหวนกลับมาพร้อมเรื่องราว
    เจ็บทุกคราวที่พลิ้วไปตามสายลม!
     
  9. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,276
    ค่าพลัง:
    +82,733
    หากเจ็บนักพักใจไว้หน่อยเถิด
    ด้วยมัวเพลิดเำพลินไปในความหลง
    อาจชอกช้ำระกำหนักพักมิลง
    ใจนี้คงระกำช้ำเพราะลม
     
  10. oil-Nudchanat

    oil-Nudchanat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +508
    ขอบคุณค่ะ สำหรับคำปลอบใจ ตอนนี้เราทั้งสองคนกำลังพยายามอยู่ค่ะ แม้จะยากเย็น แต่ถ้าหากทำไม่ได้ ก้อขออยู่คนเดียวต่อไปแบบนี้ เพื่อปฏิบัติธรรมเผื่อชาติหน้าภพหน้าจะได้มีวาสนาได้อยู่ด้วยกัน แปลกนะคะ
    ไม่รู้จะเริ่มรักทำไม ในเมื่อรู้ว่าต้องทุกข์แบบนี้ ..เศร้าจังเลยค่ะ
     
  11. แหมบศรี

    แหมบศรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2012
    โพสต์:
    422
    ค่าพลัง:
    +1,067
    สวัสดีคะทุกท่าน แวะมาอ่านนิทานคะ
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ศาสนาพุทธในทิเบต

    แวะเอาความรู้ทั่วไปมาฝาก ปยานาคคคคค ค่ะ

    ศาสนาพุทธของแดนหิมาลัย

    ทิเบตเป็นประเทศหนึ่งที่มีประชาชนศรัทธาในศาสนาพุทธมาก และใช้ชีวิตอย่างสงบ มีผู้นำคือ “ทะไลลามะ” ปัจจุบันเป็นทะไลลามะองค์ที่ 14 ท่านเทนซิน กยัสโส ศาสนาพุทธของทิเบตเป็นการผสมผสานนิกายมหายานของอินเดียและจีน ได้เป็นนิกายวัชรยาน แบ่งเป็นการศึกษา 3 ระดับ

    ระดับต้น ศึกษาเถรวาท (นิกายดังเดิม)
    ระดับกลาง ศึกษามหายาน (เปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ละที่)
    ระดับสูง ศึกษาวัชรยานและมนตรยาน

    ในทิเบตไม่เคยมีการประดิษฐานภิกษุณีสงฆ์ในประวัติศาสตร์ มีแต่พระภิกษุสงฆ์ หรือลามะ และสามเณรีเท่านั้น ดังที่ ปีเตอร์ สกีลลิง ผู้เชี่ยวชาญทิเบต และบาลีสันสกฤต ชี้แจงว่า “ในหิมาวันตประเทศ ได้มีภิกษุนิกายมูลสรวาทสติวาทินเข้ามาเผยแผ่หลักธรรม ในคริสต์ศตวรรษที่ 8 (ประมาณ พ.ศ. 1300) แต่ไม่มีหลักฐานปรากฏว่าได้จัดพิธีอุปสมบทภิกษุณีสงฆ์เลย” ทั้งนี้เพราะเหตุผลทางภูมิศาสตร์ การเดินทางไปทิเบตนั้นยากลำบากมากตามที่องค์ทะไลลามะกล่าวไว้ทำให้การบรรพชาอุปสมบทภิกษุณีที่ต้องมีปวัตตินี และกรรมวาจาจารย์ รวมทั้งภิกษุณีสงฆ์ และภิกษุสงฆ์อีกฝ่ายละ 10 รูป ในการบวชภิกษุณีอย่างน้อยต้องมี 22 รูปขึ้นไป จึงจะทำพิธีอุปสมบทกรรมได้ แต่สามเณรีในทิเบตมีมานานแล้ว ทั้งมีระบบการศึกษาพุทธธรรมที่เข้มข้นอีกด้วย แม้องค์ดาไลลามะที่ 14 แห่งทิเบต ที่ลี้ภัยในอินเดียในปัจจุบัน ยังได้กล่าวไว้ในคราวประชุมศากยธิดา สมาคมสตรีของชาวพุทธนานาชาติครั้งแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย “เนื่องจากการเดินทางในอดีตลำบากมากภิกษุณีจึงไม่สามารถเดิมทางไปทิเบตได้ และเพราะไม่มีภิกษุณีวงศ์ในทิเบต พระสงฆ์ทิเบตจึงไม่ต้องอาบัติข้อที่เกี่ยวกับภิกษุณีตลอดไป นี้ถือว่าเป็นอานิสงส์ที่เราได้จากการไม่มีภิกษุณีในทิเบต” แต่นอกเขตทิเบตอย่างประเทศเนปาล, ภูฏาน และบางส่วนของอินเดีย มีการบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์ในศาสนาพุทธแบบทิเบตด้วย(ในประเทศไม่อนุญาติให้มีการบวชภิกษุมานานแล้ว จึงมีแต่แม่ชี แม้สามารถไปบวชได้ที่ศรีลังกาก็ได้เพราะไม่ได้แก่นแท้ของเถรวาท)

    อีกอย่างที่แปลกก็คือการกราบของทิเบต ซึงปกติเวลาเรากราบลงไปกับส่วนร่างกายที่สัมผัสมี หน้าผาก มีทั้งสองข้าง เข่าทั้งสองข้าง แต่เขากลับกราบลงไปทั้งร่างกายหรือทั้งตัว เพราะเชื่อกันว่ายิ่งกราบมากยิ่งได้บุญกันมาก และชาวทิเบตก้มีการแสวงบุญซึ่งเดินเท้าโดยเดินสามก้าวแล้วกราบแบบนี้จนถึงที่หมาย

    ที่มา: ศาสนาพุทธของแดนหิมาลัย | nonlapa
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของกลุ่มบุคคลคณะหนึ่ง ซึ่งเดินทางไปภูเขาควาย ประเทศลาวค่ะ

    อจินไตยไสยศาสตร์มนต์ดำ

    ในการสนทนากับหลวงปู่เณรและลูกศิษย์ของท่านในค่ำคืนวันที่ 10 มีนาคม 2555 นั้น มีช่วงหนึ่งที่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องไสยศาสตร์มนต์ดำที่หลวงปู่เณรและลูกศิษย์ได้เผชิญมา

    หลวงปู่และลูกศิษย์ช่วยกันเล่าให้ฟังว่า เมื่อคราวที่ท่านและลูกศิษย์ไปบำเพ็ญภาวนาที่ภูลังกา ได้เผชิญกับพวกเล่นของหรือหมอธรรมฝ่ายมิจฉาทิฏฐิ พวกมารได้ปล่อยของออกมาเล่นงานท่านหลายครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านทราบว่าพวกมารจะรวมหัวกันส่งของมาเล่นงานชุดหนัก ท่านและลูกศิษย์จึงได้ไปปักหลักที่ภูลังกา ตั้งปะรำขอบเขตโดยปักด้ายสายสิณจน์ล้อมรอบ ให้เณรน้อยสององค์นั่งข้าง ให้สิบเอกอารีและลูกศิษย์อีกคนยืนถือหอกอยู่ใกล้ๆ ส่วนลูกศิษย์มีทั้งหญิงและชายที่เหลือให้อยู่ในวงสายสิญจน์

    เมื่อถึงเวลา ปรากฏมีลมพัดกระหน่ำเหมือนในหนัง เต๊นท์ปลิวกระจายไปไกลเกือบกิโลเมตร คณะของหลวงปู่เณรยังตั้งมั่นอยู่ในวงสายสิญจน์ สักครู่ปรากฏมีตะปูและวัตถุพุ่งใส่สิบเอกอารีและลูกศิษย์ที่ยืนถือหอกอยู่ จึงต้องหลบกันพัลวัน เณรน้อยที่อยู่ด้านข้างโดนไปหลายดอก หลวงปู่กดหัวเณรน้อยให้หมอบลง มีวัตถุวิ่งแหวกอากาศมากระทบกับต้นไม้ กับเสา กับคน กับหลวงปู่ กับเณร กับลูกศิษย์ หลายชุด มีทั้งตะปูขนาดใหญ่ กระดูก เส้นผม ก้อนอิฐก้อนหิน ฯลฯ ต่างบาดเจ็บไปตามๆกัน เมื่อเล่าไปถึงตอนนี้ ลูกศิษย์ของท่านต่างพูดกับผมว่า ทำไมพวกเขาไม่เจอลูกแก้ว เพชรนาคา และพระพุทธรูปเสด็จเหมือนผมหนอ มีแต่อะไรก็ไม่รู้ พูดไปก็หัวเราะกันไป

    หลวงปู่เล่าต่อไปว่า บางครั้งท่านได้ยินเสียงสวดเป็นภาษาเขมรและเห็นอักษรธรรมวิ่งเข้ามาเป็นระยะๆ ท่านจึงโต้ตอบกลับไปด้วยบทสวดธรรมจักรฯ สู้กันไป บางครั้งท่านเหนื่อยจนแทบหายใจไม่ทัน เพราะฝ่ายตรงข้ามมีกันหลายคน ท่านจึงขอให้โยมช่วยกันสวดต่อท่านขอหยุดพักหายใจก่อน แต่สุดท้ายด้วยอำนาจธรรมของท่านจึงทำให้พวกมารพ่ายแพ้กลับไป
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ณ ปัจจุบัน ท่านจึงกลายเป็นผู้ทำหน้าที่ปราบมารควบคู่ไปกับการสร้างพระ สร้างวัด และคอยช่วยเหลือผู้คนที่โดนเล่นงานด้วยไสยศาสตร์มนต์ดำ รวมทั้งโดนผีสิง โดนวิญญาณร้ายและอาถรรพ์ต่างๆ

    และที่แปลกและพึ่งได้ยินก็คือ มีชายคนหนึ่งโดนของของพวกอิสลามอาการหนักมาก ซึ่งกำลังนอนรักษาอยู่บนศาลานี้ด้วย ตอนเช้าผมก็เห็นผู้หญิงโดนวิญญาณร้ายมาให้ท่านช่วยรักษา ผมเห็นการบำเพ็ญของท่านแล้วก็ได้แต่อนุโมทนา เฮ้อ ทำไมมันมีแต่ความทุกข์กันมากมายนักหนา มนุษย์เอย เทวดาเอย วิญญาณเอย ทำไมถึงวุ่นวายกันนักหนาหนอ แทนที่พระคุณเจ้าท่านจะได้มีเวลาไปบำเพ็ญภาวนาเพื่อความหลุดพ้น กลับต้องมาเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ เพราะความเมตตาของพระคุณเจ้าแท้ๆ หลวงปู่ท่านพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า "เพราะคนบุญ คนภาวนา คนปฏิบัติธรรมมันน้อยลง พวกมารมันจึงมีพละกำลังกันมากขึ้น ขอให้ด็อกเตอร์มาภาวนามาช่วยกันเด้อ" เฮ้อ ผมพูดไม่ออกกับสิ่งเหล่านี้ คงจะมีแต่ความเมตตาในกมลสันดานของผมเท่านั้น ที่จะคอยคุ้มครองตัวผมและผู้อยู่ใกล้ชิด คงไม่มีสิ่งใดเป็นเกาะป้องกันได้ดีเท่ากับคุณธรรมที่มีอยู่ในตัวเราอีกแล้ว ขอให้พวกเราจงช่วยกันเร่งสร้างคุณธรรมให้เกิดขึ้นภายในตัวตนของตัวเองให้ได้ แล้วจักปลอดภัยจากสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายได้เอง แต่หากยังไม่มั่นใจ ก็จงหาวัตถุมงคลทั้งหลายติดกายไว้ ผมเองก็ได้มอบถวายสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำแด่หลวงปู่เณรหนึ่งเส้น แต่ท่านจะเก็บรักษาไว้เพื่อมอบให้เณรน้อยในอีกสองปีข้างหน้า (ต้องรอให้อายุถึง 15 ปีก่อน) เพราะหากใช้ตอนนี้มันจะหนักไป (พลังพุทธานุภาพของสร้อยประคำมากนั่นเอง)

    ท่านทั้งหลาย นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผมรับฟังมา แล้วอยากจะถ่ายทอดให้ทุกท่านได้พิจารณา

    ผมเองเคยอยู่กับการร่วงหล่นของลูกแก้ว เพชรนาคา เหล็กไหล พระแก้วมณีโชติ และพระพุทธรูปทั้งทองคำ สัมฤทธิ์ และเนื้อดินเสด็จมาทางอากาศมากมายจนเป็นเรื่องปรกติธรรมดา เพราะผมอยู่กับสิ่งเหล่านี้มาเป็นเวลาร่วม 6 ปีเข้าแล้ว ซึ่งมันต่างกันลิบลับกับเรื่องของหลวงปู่เณร แต่ความมหัศจรรย์หรืออจินไตยนั้นมันคือเรื่องเดียวกัน แต่ต่างกันตรงฝ่ายเทพและฝ่ายมารเท่านั้น เรื่องนี้มันเป็นปัจจัตตัง และนานาจิตตัง จงเป็นผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท ดั่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสสั่งสอนไว้ดีแล้ว

    (เรื่องนี้เล่าโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล)
     
  15. นิตยา11

    นิตยา11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +355
    สวัสดีค่ะ พญานาคถ้ำนี้คงพากันไปนอนหมดแล้ว มีเรื่องเล่ามาฝากค่ะ อ่านกันเป็นนิทานอย่าเก็บไปคิดมากนะ
    ชักจะเล่าไม่ค่อยถูกซะแล้วซิ มันงงๆ เพราะว่าพัวพันกันหลายคนเหลือเกิน ไม่เล่าดีกว่า เอาไว้เรื่องราวลงตัวกว่านี้ก่อนแล้วกัน จะมานำเสนอใหม่นะคะ
    เอาเรื่องนี้มาให้อ่านกันดีกว่าค่ะ จากบ้านบูชาพญานาค ขอตัดตอนบางช่วงมาแล้วกันนะ


    จ้าวหล้าฯ : ชานีเอ๋ย...! สิ่งที่ข้ากำลังทำอยู่นั้นย่อมไม่เหมือนกับในวัดแน่นอน พญานาคในวัดนั้นเป็นพญานาคที่ไม่ใช่ “โอปะปาติกะเทพนาคราช” เหมือนดั่งที่ข้าให้เจ้าสร้าง สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่นี้ มีลักษณะเฉพาะเพื่อการกราบไหว้สักการะบูชา อันพญานาคและนาคนั้นมีอยู่ ๔ การกำเนิด
    ๑. โอปะปาติกะนาคราช กำเนิดขึ้นเองด้วยบุญญาบารมี
    ๒. สังเสทะชะนาคราช กำเนิดจากเถ้าไคล
    ๓. ชลาพุชชะ กำเนิดมาจากในครรภ์
    ๔. อัณฑะชะ กำเนิดมาจากไข่ลักษณะเหมือนการงูทั่วไป

    พญานาคตามวัดนั้น บ้างก็สร้างไว้ตามศาลา ไว้ที่หน้าบรรณ ไว้ที่หน้าศาลาทางขึ้นลงตามบันไดวัด ไว้ที่ช่อฟ้า หลังคาโบสถ์ ฯลฯ สุดแท้แต่ผู้ที่ออกแบบก่อสร้างจะวางไว้จุดไหน?

    แต่....เจ้าเคยเห็นมนุษย์คนใดยกมือขึ้นไหว้ พญานาคบนศาลา โบสถ์วิหารบ้าง...? เปล่าดาย...ไม่มีเลย เพียงแต่มองเห็นเป็นเพียงของประดับโบสถ์วิหารเท่านั้น

    ส่วนพญานาคที่หน้าบันไดโบสถ์ยิ่งน่าสงสารเสียยิ่งนัก...ผู้คนเดินขึ้นเดินลงลูบไปลูบมาเหมือนของเล่น ลูบเศียรคลำเล่นก็มี...เป็นที่น่าเวทนาเหลือเกิน เพราะดั่งนี้ ข้าจึงรับโองการจากองค์นาคาธิบดีผู้เป็นใหญ่ให้สร้างโอปะปาติกะเทพนาคราช ขึ้นมาให้มนุษย์ได้สักการะบูชา และมิได้ให้เอาไปตั้งวางเล่น เช่น ของสวยงามทั่วไปแต่ท่านไม่ได้กำหนดว่าจะไม่ให้คนบ้านไกลเมืองอื่น (ชาวต่างประเทศ) ที่ไม่เข้าใจ เอาไปบูชาไม่ได้ ถ้ามันเข้าใจก็เอาไปได้ แต่ถ้ามันเข้าใจ...รู้จักเหมาะจักควร

    ชานีเอ๋ย...เจ้าว่างู...สีอะไร ?
    ชนารันรัตน์ (ชานี) กำลังถามจ้าวหล้า พญาธนบดีศรีสัตตนาคบาดาล อยู่ดี ๆ ท่านก็วงกลับมาถามคืนกลับบ้าง ตัวชานีก็เลย งง... อยู่พักหนึ่งก่อนตอบท่านว่า...

    ชานี : งูมีหลากหลายสีมาก ๆ เลยท่าน จนข้าฯ นั้นไม่สามารจะนับได้ถ้วน มีทั้งสีดำ สีน้ำตาล อย่างงูเห่า งูจงอาง มีสีเขียวอย่างงูเขียวต่าง ๆ มีสีหลาย สึในตัวเดียวกันก็มีอย่างงูแสงอาทิตย์ งูสายรุ้ง แถมตอนนี้มนุษย์ยังมีการผสมพันธุ์งูหลามทอง สีขาวปนทองขึ้นมาอีกสีงดงามมาก ถ้าจะนับจริง ๆ นั้นคงไม่สามารถนับได้ครบถ้วนหรอกท่านว่างูสีอะไร ...เพราะงูมีหลายชนิดจนนับไม่ถ้วน

    จ้าวหล้าฯ : สีของพญานาค...ก็เป็นดั่งนั้นแล...(ชานียังงง ๆ อยู่ว่าจ้าวหล้าฯ ตอบว่าอย่างไร? ท่านจึงเฉลยต่อว่า...)
    พญานาคนั้นมีมากมายหลายสีหลายสรรมาก จนไม่สามารถนับสีได้ถูกเหมือนกับที่เจ้านับไม่ถูกว่างูมีสีอะไร...นั่นแหละ จึงบอกไม่ได้ว่า ใครเห็นผิด ใครเห็นถูก และแยกแยะออกมาว่าใครเห็นองค์ไหน? นอกจากมนุษย์ผู้ที่เห็นจะสื่อสารกับท่านได้พระองค์ท่านเป็นองค์ใด เวียงวัง ของพระองค์ท่านอยู่แห่งหนใดเพราะท่านจำแลงแปลงองค์เป็นอะไรก็ได้ หลายสี หลายรูปลักษณ์ แปลงเป็นคน เป็นงู เป็นกระรอก เป็นผีเสื้อ เป็นแมลง ฯลฯ ได้ทุกอย่างสุดแท้แต่ท่านจะเนรมิตอินทรีย์ดั่งมโนท่านปรารถนา
     
  16. ผู้มีจักร

    ผู้มีจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2012
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +222
    ยินดีต้อนรับ หัวหน้าเผ่ากลับมาห่างหายไปนานคิดถึงจังหลังจากนี้คงแวะเข้ามาเรื่อยๆ
     
  17. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ท่านประธานครับ ช่วยดูเมืองตรงบ้านหมอ สระบุรี ครับผม
     
  18. marisa23

    marisa23 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีทุกๆท่านค่ะ เจอคุณ mukmik บ่อยๆในกระทู้พลังจิตค่ะ ^______^
     
  19. mukmik

    mukmik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,143
    ค่าพลัง:
    +10,382
    มันเป็น ธรรมดา ของคนขี้โม้ คร้า อิอิ
     
  20. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    มาช่วยดันกระทู้ครับ

    เรื่องเล่าประสบการณ์ดีๆ เราอยากศึกษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...