พบพระพุทธเจ้า ถามเฉพาะ คนที่ได้พบนะครับ คนที่เข้ามาแนะนำอะไรไม่ต้องเข้ามานะครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รักษ์11, 28 สิงหาคม 2016.

  1. รักษ์11

    รักษ์11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +516

    ผมเจ้าของกระทู้นะครับ ดูคำถามก่อนครับ

    "ถ้าเป็นนักปฎิบัติธรรมก็ พิจรณาให้มากๆใช้ปัญญาไห้มากนะครับ

    "จะได้ตอบตรงคำถามถาม เจริญสติ เจริญปัญญานะครับ

    "จะได้ ไม่ขาดตกบกพร่อง พอมีอารมณ์ ก็จะเป็นแบบคุณalkuwaitiนี่ละ

    "ไม่ถูกจริต ไม่ถูกกับอารมณ์ตัวเอง ก็จะเป็นแบบนี้นะครับ พออ่านปั๊ป ขาดการพิจรณา

    เอ๊ะ มันไม่ใช่ อย่างที่ท่านalkuwaitiคิดไว้ พอใจเร็ว มีอารมณ์ รีบตอบ ก็เลยไม่ตรงคำถาม

    ที่ผมถาม".....
     
  2. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    พระอุปคุต เป็นบุคคลที่พระพุทธเจ้าได้ทำการพยากรณ์เอาไว้ว่าหลังจากที่ท่านปรินิพพานไปแล้ว 200 ปี พระอรหันต์นามว่า อุปคุต จะมาเกิดและปราบพญาวสวัสดิมาร

    พระอุปคุต ได้ขึ้นชื่อว่ามีอิทธิฤทธิ์มากเป็นรองเพียงพระโมคคัลลานะเท่านั้น แต่จนแล้วจนรอดท่านก็ไม่เคยได้เห็นหรือได้พบพระพุทธเจ้าเลย จนท่านต้องขอร้องให้พญาวสวัสดิมารช่วยแปลงกายจำลององค์พระพุทธเจ้าตัวจริงให้ดู จากนั้นเหล่าสงฆ์ทั้งหลายก็ก้มกราบเคารพ

    คำถามคือ ทั้ง จขกท.และพวกที่กำลังหลงในเว็บนี้มีดีอะไรพระพุทธเจ้าถึงจะมาพบคุณ ขนาดพระอุปคุตยังไม่ได้พบเลย พวกคุณมีศีลธรรม ใจสูง ใจสะอาดกันแล้วหรือท่านถึงจะต้องมาพบ มาให้พวกคุณเห็น ใช้คำพูดยกตนข่มคนอื่นก็เท่านั้น อวยกันไป พากันหลงไปก็เท่านั้น


    ผมขอเตือนครั้งสุดท้ายนะครับ จะได้หายหลงกันเสียที ถ้ายังไม่หายหลงละก็ช่วยไม่ได้ละ และควรลบกระทู้ทิ้งไปได้แล้วไม่อย่างนั้นจะมีคนบ้า คนหลง ไร้สติกันมากขึ้น ด้วยเพราะความมักง่ายและไม่ศึกษาอะไร
     
  3. รักษ์11

    รักษ์11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +516
    เล่าของเพื่อนก่อน แบบลเ่าสู่กันฟัง

    เพื่อนของผู้โพสท์เป็นนักปฏิบัติธรรม ตัวจริงคนหนึ่ง

    แกเล่าว่า แกเป็นพวกเบื่อการเกิด เห็นการมีชีวิต ทุกอย่าง

    เป็นปัจจัย ของความทุกข์ เต็มไปด้วยความทุกข์ หาสุขจริงๆไม่ได้

    ก็เลย สนใจการปฏิบัติธรรม

    ,,มีครั้งหนึ่ง เพื่อนของผมนะ แกเล่าว่า วันที่พบ พระพุทธเจ้าครั้งแรก

    ตอนที่นั่งสมาธิ พระขึ้นตรงหน้าเลย มีรัศมีสว่างไสว

    เพื่อผม แกบอกว่า สวรรค์ ก็ไม่อยากไป พรหมโลกแกก็ไม่อยากไป

    สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี หมดวาระ อายุ ก็ต้องเวียนวายตายเกิดอีก เป็นคน เป็นสัตว์เดรัจฉาน

    หมุนเวียนไม่จบ ไม่สิ้น พอเพื่อนของผม ตัดสินใจแบบนี้แล้วนะ

    แกว่านะ แกบอก แกไปยืนอยู่บนมือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ซึ่งองค์ของพระท่าน สูงใหญ่ ท่วมฟ้า ท่วมภูเขา ส่วนเพื่อน ได้ไปยืนอยู่ฝ่าพระหัตถ์

    หรือฝ่ามือ ของพระท่าน พอยืนเสร็จ ก็ได้มอง แบบ 360 องศา หันมองไปรอบทิศ

    เห็นดินแดน ดินแดนหนึ่ง เห็นทางจิตนะครับ สว่างไสว ระยิบ ระยับ แพรวพราว

    มันบอกพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงสงเคาะห์ ไห้เห็น แดนสพระนิพพาน สวยสดงดงามมากๆๆ

    ดูจากสภวะภายนอก เสร็จ เพื่อนก็ ดูสภวะภายในคือใจ

    เพื่อนบอกว่า ใจ ตอนนั้นนะ มันเบา มันวาง มันว่าง มันสบายใจ ใจสดชื่น คนใจเต็มแล้ว

    มีกำลังใจเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ใจมันเต็ม สุข สงบ ไม่มีอะไรขาด ไม่มีอะไรต้องเพิ่ม

    เติม ขาด หรือ เหลือ มันพอดี มันว่าง มันละ มันวาง ทุกสิ่งทางโลก ได้สนิท

    ไม่มีกังวล ลูกเมีย พ่อแม่ สมบัติ ที่ดิน ทรัพย์สินเงินทอง ญาติ ติพี่น้องทั้งหลาย

    มันบอก มันไม่มีห่วงเลยแม้แต่นิด วางภาระได้หมด รับรู้ทุกอย่าง แต่ใจขาดจากสภาวะ

    มันเล่าไห้ฟังนะ บอกตอนนั้น อารมณ์ในสมาธิเป็นแบบนี้

    บทความนี้ เป็นของเพื่อนนักปฎิบัติธรรมของผม ผู้โพสท์นะ
     
  4. รักษ์11

    รักษ์11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +516
    เพิ่มเติมอีกนิดนะครับ

    จากเพื่อนนะ เลาไห้ฟังว่า พระวรกายพระพุทธเจ้า ที่เห็นนะ เห็นที่แดนพระนิพพาน

    เป็นเพชร เพชรแบบว่า น้ำดี ชั้น1 ชั้นยอด มีเครื่องประดับ แบบมหาจักพรรคดิ์ แต่ เป็น

    เพชร เป็นแก้วส่องรัศมี สว่างไสวทั้งองค์ มีฉัพรรณรังศี กายแบบเเทวดา แต่สวยกว่า

    ดูแล้วสดชื่นใจ

    ""ไม่ใช่กายเนื้อ อย่างที่อุปคุตป์ บอกให้พยามาร เนรมิตร่าง หรือแปลงร่าง

    ตัวเองไห้เหมือนพระพุทธองค์ สมัยทรงมีชีวิตอยู่ และเดินออกมาจากด้วน

    หลัง พระ พอเดินออกมา พระส่วนมากเป็นอรหันต์ พอเห็นปุ๊ป รีบก้มลม

    กราบทันที สังเกตไหมครับ เห็นปุ๊ป กราบปั๊ป รู็ทันทีทีว่านี่แหละ กายเนื้อ

    พระพุทธเจ้าเป็นแบบนี้ มีรูปลักษณะแบบนี้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้เล่า?

    ก็เพราะว่า พระอรหันต์ สมัยต้นๆ อภิญญา ทั้นนั้น เรื่องกล้ายๆ น้ำหว้าสุก

    สำหรับท่านที่ได้อภิญญา ถอยหลังแปปเดียว รู้แล้วว่า พระพุทธเจ้า สมัย

    พุทธกาล พระองค์มีรูปร่างหน้าตาแบบไหน ถึงได้ เห็นปั๊ป รีบก้มลงกราบกันเป็นแถว

    พระยามารเลย รีบคืนร่าง รีบโบกไม้โบกมือ ว่าพระคูณเจ้าอย่างไหว้กระผมเลยจะเป็นโทษ เป็นบาปกับผมฯลฯ...


    สาเหตุก็คือเพื่อไห้พระทั้งหลาย สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระที่เกิดไม่ทันพระองค์ท่าน

    ได้เห็นกันว่า สมัยมีชีวติ มีลมหายใจ พระพุทธเจ้า มีพระวรกาย สีรูปร่าง สีสัน วรรณะ

    แบบไหน มันคนละอย่างกัน ภาคตอนมีชีวิต มีลมหายใจที่เป็น ร่างกายมนุษย์ รอวันเน่า พุพัง สูญสลาย

    มันจบไปแล้วครับ ชีวิตที่มีลมหายใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 สิงหาคม 2016
  5. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ โอ้โห... เต้นยังกะลิงเลยนะ เขาก็บอกอยู่ทนโท่อยู่แล้วว่า "ถามเฉพาะ คนที่ได้พบนะครับ คนที่เข้ามาแนะนำอะไรไม่ต้องเข้ามานะครับ"

    +++ หมายความตรง ๆ นะว่า "ถ้าไม่เคยเจอ ก็ อย่ามาเสือก" ตรง ๆ ตามนี้แหละ

    +++ เอ็งมันไม่เคยเจอ แต่ก็ชอบ "เสือก" ตามสันดานของเอ็งนั่นแหละ

    +++ แล้วก็บอกอยู่ทนโท่ว่า "มโน ไม่เกี่ยว"

    +++ เอ็งก็ยัง "เสือก" มาว่าคนอื่น "มโน" ไอ้นี่ "สติวิปลาส" ไปเรียบร้อยแล้ว

    +++ ไอ้เจ้า alkuwaiti นี่ "เป็นนักเสือก ตัวยงค์ เลยนะเนี๊ยะ" อยากจะหาเรื่องก็ "ไม่ขัดหรอกนะ" ได้เรื่องกลับไป แน่นอน จะเอาหรือป่าวล่ะ

    +++ แล้วถ้าข้าบอกว่า "รู้จักล่ะ" มันจะไปหนัก "หัวกระบาล" เอ็งหรือเปล่า หือ...

    +++ พูดยังกับว่า เอ็งรู้จักแล้ว อย่างนั้นเหรอ เวรแท้ ๆ ไอ้นี่...

    +++ สำหรับผู้ที่เคยพบพระพุทธองค์มาแล้ว ก็แนะนำให้ลองอ่านในเรื่อง "ในวันที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต บรรลุธรรมขั้นสูงสุด" ดูนะครับ ว่าไอ้เจ้า alkuwaiti นี่มันจะ "ปิดกั้นตัวมันเอง" ได้แน่นสนิทระดับไหน ข้าระบุชื่อเอ็งตรง ๆ นั่นแหละ

    :: �ҹ�����ѡ� :: :: ��ҹ - ��ѹ�����ǧ������ ���Է��� ����ظ�������٧�ش
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,571
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ผมก็ "ขอเตือนคุณตรง ๆ เหมือนกัน" ว่า อย่าทำเป็น หลง กระทู้อีก

    +++ และถ้ายังแสดงอาการ "ป่วน" มากไประวังจะโดนแบนเอานะ

    +++ ทำไม่ได้ อ่านไม่ดี แล้วเสือก มโนเอาเอง ว่าไม่ใช่ ทั้ง ๆ ที่ "สติปัญญา" ยังบกพร่องอยู่ น่าอนาถมาก
     
  7. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +289
    เวปนี้ดีนะ...ทำให้เรารู้ว่าอะไรเพ้อเจ้ออะไรเป็นจริงเมื่อบวกกับหลักธรรมคำสอนก็ทำให้เรารู้มากมายและเมื่อนำมาเทียบเคียงแล้วล้วนได้ประโยชน์อย่างยิ่งมากกว่าการด่าทอกันเพราะทั้งหมดอาศัยสติปัญญาของตนเองในการพิจารณา
     
  8. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +289
    วิปัสสนูกิเลสน่าจะเป็นธรรมที่คนที่ถึงเจอแน่นอนแต่ผ่านไปได้หรือไม่นั้นมันอีกเรื่องหนึ่งเพราะมันทำให้เกิดสิ่งต่างๆหลายอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติที่ว่าด้วยความยึดมั่นถือมั่นนะผมว่า
     
  9. แดดร้อน

    แดดร้อน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2016
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +3
    ผมไม่กล้ากล่าวมากเพียงแต่สัมผัสได้ช่วงเวลานึง. สัมผัสถึงความแตกต่างในด้านความละเอียดที่พบ 2 ท่านในเวลาใกล้เคียงกัน. กายที่ละเอียดกว่ากันแสงสว่างๆที่ไม่มากแต่กลับสัมผัสถึงความร่มเย็นระยิบระยับ. แฮ่ๆๆๆไม่รุว่าโม้ไปใหม
     
  10. patchara2

    patchara2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +259
    เชื่อหลวงปู่มั่นครับ ไม่มีอะไรสงสัย มีแต่ยกไว้เหนือเศียรเกล้า

    มีเรื่องเล่ากันนานปีมาแล้ว ว่าท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ

    ท่านเคยเล่า ว่าคืนหนึ่งขณะท่านปฏิบัติอยู่ในป่า ใจร่ำร้องกราบพระพุทธบาทสมเด็จพระบรมศาสดา ขอประทานพระมหาเมตตาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความสมปรารถนาได้พ้นทุกข์ และสมเด็จพระบรมศาสดาก็ทรงพระเมตตาเสด็จลงให้ท่านพระอาจารย์
    ได้เฝ้าพระพุทธบาทรับประทานวิธีปฏิบัติธรรมไปสู่ความไกลกิเลสได้สิ้นเชิง ท่านพระอาจารย์ท่านเล่าว่าสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จลงให้ท่านได้เฝ้าพระพุทธบาทได้เห็นพระพุทธองค์ดั่งได้เฝ้าพระองค์จริงขณะทรงดำรงพระชนมายุสังขารอยู่ฉะนั้น ไม่ทราบว่าท่านพระอาจารย์ท่านบอกหรือเปล่า ว่าท่านทีความปีติโสมนัสเพียงไรในบุญวาสนาของท่านที่ไม่น่าเป็นไปได้ในชีวิตผู้ใดแต่ได้เกิดแก่ชีวิตท่านพระอาจารย์ท่าน
    แล้วจริงโปรดประทานพระมหากรุณาให้ท่านพระอาจารย์ท่านรู้วิธีเดินจงกรม วิธีปฏิบัติจิตใจ จนในที่สุดท่านพระอาจารย์ท่านก็ได้เป็นดั่งองค์
    แทนศิษยานุศิษย์ผู้สามารถปฏิบัติธรรมดำเนินถึงความพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ได้เป็นพระอาจารย์สายปฏิบัติธรรมองค์สำคัญที่สุดอยู่ในยุคนี้
    เป็นที่รู้กันอยู่ในบรรดาผู้ใส่ใจในการปฏิบัติธรรมทุกถ้วนหน้า เรื่องนี้ ที่ท่านพระอาจารย์ท่านได้เล่าไว้ ไม่เพียงทำให้ท่านได้เป็นอาจารย์ผู้สอนธัมมะสำคัญแก่ศิษยานุศิษย์มากหลาย แต่ทำให้ได้ความเข้าใจที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนเลย ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ว่าเมื่อสมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จอยู่ในเมืองพระนิพพานแน่ ยังทรงได้รู้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ฟัง ที่ควรแก่การได้รับพระพุทธเมตตา เช่นท่านอาจารย์มั่นท่านนั่นเอง ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่นท่านควรที่สุดแน่นอนแล้วที่จะได้รับพระมหากรุณา ผู้ปฏิบัติธรรมหรือผู้ศึกษาธรรมทั้งหลายย่อมเห็นด้วยกับความจริงนี้แน่นอน.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,295
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ปุ่มไม่เห็นด้วย ไม่มีแล้วหรอคะ อยากกดให้คนที่มองโลกในแง่ร้าย มองไม่เห็นความปรารถนาดีของคนอื่น ไม่เห็นสิ่งสวยงาม และคงยากจะเห็นแสงแห่งพระธรรม ถ้าตัดสังโยชน์ได้แล้ว กรุณาปรับปรุงตัวด่วน -_-
     
  12. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +289
    การที่เราไม่รู้จักท่านและนำคำสอนท่านมาบางส่วนนั้นมันไม่แฟร์สำหรับท่านต้องเรียนรู้จากท่านในหลายแง่มุมหรือศึกษาจากศิษยานุศิษย์ของท่านอันมีทั้งพระขีณาสพและพระอริยะเจ้าว่าวัตถุประสงค์สูงสุดนั้นมีความสำคัญถึงจุดไหนการยกมาเพียงบางส่วนเพื่อเสริมแนวคิดตนเองนั้นมันไม่สมควรคับผม
     
  13. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +289
    มันไม่ใช่ตอนจบของท่านคับผม
     
  14. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +289
    ทุกอย่างล้วนเป็นบทเรียนเพื่อการเรียนรู้ไม่ใช่ทำตามโดยความหลง
     
  15. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +289
    ตื่นแล้วก็ตื่นหลับอยู่ก็รู้ว่าหลับเราจะไม่พยายามเอาอาการหลับมาพูดกันเพราะพูดไปมันก็ได้แบบเดิมคือ...ไม่ได้อะไร...ตั้งสติดีดีเวลาเห็นหรือรับรู้สิ่งใดใด
     
  16. จิงทรงฌาณ

    จิงทรงฌาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +31

    อนุโมทนา สาธุเลยจ้าาาา

    ขอบพระคุณมากๆเลย ที่นำมาเผบแพร่

    สาธุ สาธุ สาธู
     
  17. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    635
    ค่าพลัง:
    +792
    ต่อจากนั้นพระเถระ ก็ได้ขอให้พญามาร เนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์ เพื่อจะได้เห็น เป็นพุทธานุสติบ้าง ซึ่งพญามารก็รับคำ แต่ขอร้องว่า เมื่อเห็นเขาเนรมิตกาย เป็นพระพุทธองค์แล้ว อย่าหลงกราบไหว้เป็นอันขาด เพราะจะให้เขาบาปหนัก

    ครั้นเมื่อพญามารเนรมิตกาย เป็นพระพุทธเจ้า ประกอบด้วยมหาปุริสลักษณะ และฉัพพรรณรังสี อันวิจิตร มีพระอัครสาวกเบื้องซ้าย เบื้องขวา แวดล้อมด้วย มหาสาวกทั้งหลายเป็นบริวาร เสด็จเยื้องย่าง ด้วยพุทธลีลาอันงดงามยิ่ง พระเถระ และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ก็ลืมตัวพากันถวายนมัสการ ทำเอาพญามารตกใจ รีบคืนร่างเดิม และท้วงติงว่า ทำให้ตนมีบาปหนัก แต่พระเถระ ก็กล่าวให้พญามารสบายใจว่า ทุกคนกราบไหว้พระพุทธเจ้า และพญามารก็ไม่บาปหรอก จะได้กุศลมากกว่า

    ---------------

    โดยความเคารพความเห็นของท่าน แต่ขอเห็นต่างบ้างนะครับ

    ประวัติพระอุปคุต ผมอ่านมาถึงตรงที่ยกมาแปะ ความเห็นของผมก็แตกต่างเล็กน้อยจากท่าน

    วันนั้น มีพระเถระ และพุทธบริษัท มากมายนะครับ

    คำว่าพระเถระ นี่หมายถึงว่า พระอุปคุตด้วยใช่หรือไม่ ท่านเป็นพระอรหันต์ สติย่อมบริบูรณ์ คำว่า ลืมตัว ใช้กับท่านไม่ได้ อีกอย่างท่านก็บอกแล้วว่า เป็นพุทธานุสติ พระอรหันต์แม้บรรลุ เสร็จกิจแล้ว ก็ทำกรรมฐานต่ออย่างนั้นเป็นปกตินะครับ ที่ผมเคยอ่านในพระไตรปิฎก

    ที่ท่านว่า ไม่เห็นและไม่พบ ไม่มีตอนใดกล่าวระบุเลยนะครับว่า ท่านไม่เคยเห็นแบบที่ จขกท ถาม แต่ถ้าจะบอกว่าให้ตรงคือ ไม่เห็นและไม่พบในขณะที่ทรงพระชนม์อยู่ อันนั้น แปลความได้

    เอาแค่เรื่องเห็นก่อน คนที่เห็นพระพุทธเจ้าผ่านญาณสมาบัติ นั้นมีแน่นอนครับ คือการระลึกชาติ หรือ การหยั่งรู้อดีต หรือ อนาคตนะครับ

    มีเรื่องเล่า ท่านจะเชื่อหรือไม่ ก็ใช้ดุลพินิจเอาครับ

    ก่อนหนึ่งหมื่นปี ที่จะมีพระพุทธอง เหล่ามหาฤษีทั้งหลายในชมพูทวีป เหาะมาประชุมและต่างกล่าวถึง บุรุษอันประเสริฐที่จะมาอุบัติ พวกเขาได้อภิญญา ๕ แต่ ยังต้องมาทานกันว่า ภาพที่เห็น เน้นที่เห็น มหาบุรุษมีลักษณะอย่างไร ประชุมรวมกันจนได้ตำราดูลักษณะ มหาปุริสสลักษณะ

    แปลว่า ในอดีต มีคนเห็น

    ต่อมา ในสมัยพุทธกาล ในช่วงที่พระโพธิสัตว์อายุ ๗ วัน มีมหาฤาษีหรือดาบสท่านหนึ่งทำนาย ในนั้น ไม่ได้กล่าวว่า ทำนายด้วยตำรา หรืออภิญญา คือ รู้อนาคต เห็นพระพุทธเจ้าก็เป็นได้

    ภายหลังพุทธกาล มีพระโพธิสัตว์มาเกิด แม้ในยุคนี้ เอาแค่อนิตยโพธิสัตว์ ท่านมาเล่าให้ฟังว่า ท่านระลึกชาติว่าเกิดร่วมสมัยกับพระพุทธองค์ ตอนระลึกชาติ ท่านเหล่านั้น ย่อมจะเห็นพระพุทธองค์ด้วยอภิญญาระลึกชาติ

    มาถึงตรงนี้ ท่านจะเห็นว่า กรณีพระอุปคุต แม้บรรลุพระอรหันต์ แต่อาจเหมือนเหล่ามหาฤาษีที่ต้องมาสอบทานการเห็น ว่าตรงกันไหม มีบุคคลคือพญามารมาให้สอบทาน เพราะการสอบทาน แม้บรรลุพระอรหันต์ท่านก็ไม่ได้เชื่อในอภิญญา (ผมเคยได้ยินมาว่า พระอรหันต์ท่านก็สอบทาน การหยั่งรู้ของท่าน เพราะท่านไม่ได้ยึดติดว่า ต้องอย่างนั้น อย่างนี้ ไปเลย)

    แต่ผมเชื่ออย่างหลัง ท่านต้องการให้พระเถระอื่น และพุทธบริษัท ได้ฝึกพุทธานุสติ ในเมื่อโอกาสมี ก็เป็นบุญของพุทธบริษัท

    ท่านไม่ทำเอง เพราะท่านเป็นพระครับ ผมคิดอย่างนั้น

    เอาแค่ประเด็นการเห็น การระลึกชาติ ก็มีบัญญัติในพระไตรปิฎก ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด

    ส่วนการพบแบบที่ จขกท ถาม พบพระพุทธองค์ในปัจจุบัน เป็นเรื่องอภิญญาของใครของบุคคลนั้น ซึ่งเป็นเรื่องอจินไตย

    แต่ผมไม่อยากให้ปิดกั้น เพราะว่าเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล และช่วยส่งเสริมกรรมฐานข้อ พุทธานุสติ
     
  18. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    เคส หลวงปู่มั่น นี่ก็มีหลายเคส หลายเรื่องราว ขึ้นว่า สำนักใดจะเอาไปเขียนอย่างไร

    แต่ที่ผม ฟังจาก พระป่า

    มีแต่ ท่านแสวงหาครู ทั้งๆที่ ตนสามารถปฏิบัติเข้าออก วิมานของตน
    ในสวรรคิ์เป็นว่าเล่น ระลึกชาติได้จำนวนมาก เป็นว่าเล่น

    แต่ก็ไม่สำเร็จสักที เลยด้นดั้นเข้าป่าไปพม่า ไปลาว ก็ไม่เจอครู ไม่มี
    ใครสอนได้

    เน้นว่า จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอครู ไม่มีใครมาสอนได้ จนกระทั่งเอะใจ
    ว่า ติดการปราถนาพุทธภูมิ หรือเปล่า

    เน้นว่า เอะใจว่า ตนติดปราถนาพุทธภูมิหรือเปล่า จึงได้ทำสมาธิใหม่
    แล้วอาศัยจิตที่เป็น สมาธิแรงกล้า ถอนสัจจาอธิษฐาน

    พอถอน ก็เลยสำเร็จธรรม เรื่อยมา ไม่ต้องถามใคร

    จนกระทั่ง จบกิจ

    พอตอนจบกิจ นี่ ตรงนี้มีเรื่องเล่าว่ามี พระพุทธเจ้าเสด็จมาอนุโมทนา

    อ่านเผินๆ ก็ ฮานาก้า ใช่เลย หากเห็น พระพุทธเจ้า ก็คือ สำเร็จธรรม


    แต่ถ้าอ่านอย่างมี ปฏิภาณไหวพริบ

    จะเห็นเลยว่า หลวงปู่มั่น เห็น พระพุทธเจ้า ก็ ข้าฯ ทิ้งเสีย

    คือ พอทำนิมิตมาปรากฏว่า เออนี้ พระพุทธเจ้าเสด็จมาอนุโมทนา

    หลวงปู่มั่น กระแทกเปรี้ยงไปเลย " จะมาได้อย่างไร ในเมื่อปรินิพพานไปแล้ว "
    [ เพราะว่า ตลอดมา ตลอดการปฏิบัติ จะมรณะภาพไปไม่รู้กี่หน ไม่เคยเห็นมา
    แล้วพอสำเร็จ จะมา ทำไม ]

    ซึ่งบทสนทนา ก็เป็นการ โต้แบบ คล้ายๆ พวกมาทำนิมิต แถ ไปเรื่อยเปื่อย
    อ้างว่า ที่มาได้ก็เพราะ ต้องแสดงด้วย สมมติ เพราะ อีกฝ่ายยังติดสมมติ

    หลวงปู่มั่นก็ย้ำในบทสนทนาว่า เราวิมตติแล้วแน่นอน ไม่ได้ติดสมมติแล้ว

    แต่อีกฝ่ายก็ว่าไปเรื่อย

    ดังนั้น

    บทสนทนา อันนี้แล้วแต่คนจะมอง คนชอบการเห็น ก็บอกว่า ต้องเห็นมาอนุโมทนา

    แต่บริบทของ สนทนาเต็มไปด้วย การปฏิเสธการมาปรากฏ เป็น หัวใจ หลักของ
    การโต้คำสนทนา


    ส่วนเรื่อง หลวงปู่มั่น จะก้มลงกราบ อันนี้ ก็เหมือน พระอุปคุต ก้มกราบ พยามาร

    คือ ไม่ได้กราบพยามาร หรือ รูปปั้น

    การกราบของ พระอรหันต์ กราบแบบเข้าถึง พระศาสดาจริงๆ ไม่ใช่ วัตถุ นิมิต ตรงหน้า


    เห็นพระพุทธเจ้าไหม ....ก็ต้องบอกว่าเห็น
    แต่เห็นแล้ว ดับพรึ๊บทั้งๆที่เห็นอยู่ กราบอยู่ ได้ จะอีกเรื่องหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2016
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +20,320
    การวิเคราะห์ อย่าเอาความคิดของตนเองมาเป็นเครื่องชี้นำร่อง

    แต่ให้วิเคราะห์ตามสถานการณ์จริง ตามความจริง ครับ

    ยังไม่ต้องใส่อะไร ลงไป

    เรื่องของ ลป ปู่มั่น และเรื่องเล่าอีกหลายเรื่อง ให้ใช้ใจที่เป็นกลาง รับรู้ ส่วนความจริงจะเป็นอย่างไรก็สุดแท้แต่จะเป็น สิ่งสำคัญเราได้สติปัญญาอย่างไรในเรื่องๆนี้
    นิมิตและอภิญญา มีจริง กายทิพย์แห่งพระสัมมาสัมพุทธะมีจริง อุปมาในธรรมก็มีจริง

    ความจริงทั้งปวงก็ไม้ไว้เพื่อการรับรู้ในธรรมดาของความจริง ที่สุดแล้วคือความปล่อยวางไม่ยึดมั่นครับ

    สาธุ
     
  20. Domecare

    Domecare สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +4
    เคยได้ยินแค่ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" แค่นี้แหละคับสั้นๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...