พบพระพุทธเจ้า ถามเฉพาะ คนที่ได้พบนะครับ คนที่เข้ามาแนะนำอะไรไม่ต้องเข้ามานะครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รักษ์11, 28 สิงหาคม 2016.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ก็ "อย่าได้พบอีกเลย" ก็แล้วกันนะ ตลอดกาลนาน "อย่าได้เจออีกเลย" สมตามเจตนารมณ์ นั่นแหละ ไปตามนั้นเลยนะ ตามสบาย
     
  2. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    เคยได้ยินหลวงปู่ท่านว่า คนอยู่นอกคุก จะไปไหนก็ได้มีอิสระ จะมาเยี่ยมคนในคุกก็สามารถทำได้ ส่วนคนที่อยู่ในคุก ก็ได้แต่จินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ภายนอกคุกนั้น อยากจะออกไปก็ออกไม่ได้ เพราะตนยังไม่พ้นโทษ อย่าพึ่งลงความเห็นจะดีกว่าครับ ตราบใดที่ตัวท่านยังอยู่ภายในคุก เดี๋ยวก็ปรามาสธรรม ปรามาสนิพพาน ปิดประตูตัวเองเท่านั้น ถ้าตนยังเป็นปลา ไม่ใช่เต่าก็อย่าคิดว่าโลกมันมีแต่ในน้ำเท่านั้น :cool:
     
  3. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    ถ้าเผลอปรามาสธรรมเข้าแล้ว เชื่อในสิ่งที่กิเลสมันจูงไป สุดท้ายไปไม่รอดสักราย
     
  4. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +2,882
    อธิษฐานขอเฝ้าสมเด็จองค์ปฐมตอนเป่ายันต์เกราะเพชร

    ท่านแมตตาเสด็จมาให้เห็น 2 ครั้งแล้ว
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    คนที่อยู่ในโรงลิเก. ก้แต่งองค์ทรงเครื่อง อย่าง นิยตมิจฉาทิฏฐิ

    เหนคนอื่นเขาพ้น. ก้ออกโรงลิเก. มาพูดว่า. ตนก้พ้น


    คนพ้นจริงเขาก้บรรยายธรรมการพ้น. พร้อมหมดสงสัย

    แต่พวกบ้าโรงลิเก. ก้ไม่รู้เรื่องอ้างโน้นอ้างนี่ว่าตนก้พ้น แบบนิยตมิจฉาทิฏฐิ คอยออกโรงเล่นลิเกไม่เลิก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2016
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    [​IMG]

    สงฺคณิกาย สํวตฺตนฺติ โน ปวิเวกาย
     
  7. จิงทรงฌาณ

    จิงทรงฌาณ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +29
    พุทธวจน

    นิพานนังปรมังสุญญัง= นิพพานอย่างยิ่ง (ว่างจากกิเลส)

    นิพาานนังปรัมังสุขขัง=นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง(เป็นเอตค บรมสุข)

    ถ้าไม่มีตัวเรา รับความรู้สึกว่า อันไหน สุข อันไหนทุกข์

    แล้วมันจะเป็นบรมสุข ตามพุทธวจ ได้อย่างไร

    ก็มันหมดไปแล้ว เป็นสูญยากาศไปแล้ว ไม่เหลือหลอ

    จิต ตัวเรา ธรรมกายไง หรือ นามธรรมไง ยังอยู่

    ยังรับรุ้ความรู้สึกว่าสุขที่สุด (นิพานปรมังสุขขัง) หาอะไรมาเปรียบปานไมได้เลย
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ถ้ายังมี นามกายไว้รับปัจจัยการ เพื่อให้เกิดสุข

    ก้แปลว่า หา อสังขตธาตุ ไม่เจอ

    ดีไม่ดี ละ สักกายทิฏฐิ ไม่ได้ ปราสจาก สามัญผล
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    การเหน มีหลายอย่าง

    เหนด้วย ตัณหา เจตนา จงใจ ก้เหน พอหมดเจตนา ก้ย่อมไม่เหน

    เหนด้วยธรรมฉันทะ น้อมไป ก้เหน แต่พอธรรมฉันทะดับ ก้ไม่เหนอีก

    เราไม่ได้ยกสิกขาดูที่ เหน

    สิกขาบทอยู่ที่เหนการดับของ ธรรมฉันทะ
    ทำไมดับ

    จึงจะทราบ สังขต กับ อสังขต

    ทราบทั่วถึง อสังขต ไม่จำเปนต้องห่วง ว่าตอนนั้นสุข หรือทุกข์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กันยายน 2016
  10. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452

    อันนี้เก่งเกินพระุทธเจ้า

    อย่าไปเก่งเกินพระพุทธเจ้าสิ
     
  11. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452


    อันนี้ ไม่ใข่เกิดจากการปฏิบัติ แล้วได้เห็นผลจริง

    เป็นการใช้สำนวน โวหาร เท่านั้นเอง
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ถูกต้อง เป็นสำนวน โวหาร หรือ ปริยัติธรรม

    ปริยัติธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงประทานไว้ให้เป็น มุขนัย ในการตรวจสอบเพื่อความไม่ประมาท

    เน้นว่า เพื่อความไม่ประมาท และ เพื่อเป็น ศาสดาแทนตถาคต

    อสังขต เป็น ไวพจน์ของ นิพพาน

    ถ้าถือเอานิพพานด้วยความประมาท การซักฟอกด้วย มุขนัยที่ประทานไว้
    ให้ย่อมเกิด แล้ว มุ่งหมายว่า เท่านี้ใช่ อย่างอื่นเปล่า ซึ่งเป็น อาการ อุปทาน

    แต่ถ้า ใช้มุขนัยใดๆ ที่พระพุทธองค์ ประทานไว้ให้เป็น โวหาร แล้ว
    ลงกันหมด อธิบายแทงตลอดได้หมด ก็จะไม่ ขุด สัทธรรม คำใดๆทิ้ง
     
  13. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    ธรรมะของพระพุทธองค์ จะเกิดได้จริงๆ ต้องปฏิบัติจริงๆ ไม่งั้นจะเป็นเพียง

    แค่ตำรา ท่ีเค้าเขียนไว้

    จะเป็นการตีความ ของปุถุชน คนธรรมดา เรา เรา ท่าน ท่าน

    อ่านบาลี พระไตรเสร็จ ตีความ ว่า ธรรมะของพุทธค์ ต้อง งี้ๆสิ ถึงจะถูก

    คนที่ตีความ ไปถึงไหน เท่าเดิม กิเลส ท่วมเท่าเดิม
     
  14. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    ......ผมปรามาสนิพพานอย่างไร

    .....ผมบอกว่า พบนิพพานธาตุ ไม่ได้เพราะเราจะเอาอะไรไปพบ เอาจิต หรือเอาส่วนใหนไปพบ

    ....ทำไมไม่มีสิ่งที่เป็นหลักวิชาการเลย เอาแต่คนนั้นว่า คนนี้ว่า
     
  15. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ ผู้ที่กล่าวว่า "พวกที่พบพระพุทธเจ้าได้ พวกขี้โม้ทั้งเพ" นั้น เป็นการ "ลิขิตตนเอง" ไว้อย่างชัดเจนแล้ว ว่า "มีความตั้งใจไว้อย่างไร" ตรงนี้ไม่ต้อง "แช่ง" ก็เห็นได้ชัดเจน

    +++ อยากถามนิดหนึ่ง "พระพุทธเจ้า พบ พระพุทธเจ้าก่อนพระองค์" ได้อย่างไร

    +++ หากพระพุทธเจ้า "พบพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ" ท่านเอาอะไรไปพบเล่า จิต หรือส่วนใด

    +++ เมื่อพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ ปรินิพพานไปแล้ว จะเหลือแต่สิ่งหนึ่งคือนิพพานธาตุ ซึ่งเป็นอสังขตธรรม รับรู้สิ่งต่างๆจากที่เรียกว่า อายตนะนิพพาน แล้ว "พระพุทธเจ้า" เอาจิตของท่าน พบกับ นิพพานธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ หรือไง

    +++ ตรงนี้ "ใช่"

    +++ ตรงนี้ "ไม่ใช่"

    +++ หมายความว่า "การที่พระพุทธเจ้า พบ พระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ" เป็นการที่จิตพระองค์ท่าน "สร้างมาหลอกตัวเองเท่านั้น" คุณ Prasit5000 ระบุการ "ปรามาส" ตรงนี้ตรง ๆ ใช่หรือไม่

    +++ คนอย่างคุณ "ไม่ต้องแช่ง" อะไรหรอก เพราะคุณมัน "ลิขิตตนเอง" ไว้แน่วแน่แล้ว ว่า "การพบพระพุทธเจ้านั้น เป็นไปไม่ได้"

    +++ ตรงนี้คุณ Prasit5000 กำลัง ตัดสินระบุว่า การที่ "พระพุทธองค์ พบ พระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ นั้น" เป็น พวกขี้โม้ทั้งเพ หนะซิ

    +++ เรื่องที่ "หลวงปู่มั่น พบ พระพุทธเจ้านั้น" ผู้เขียนคือ "หลวงตามหาบัว" และท่านทั้งคู่ "มีอัฐิเป็นพระธาตุ"

    +++ ตรงนี้คุณ Prasit5000 ก็ระบุว่า "ทั้งหลวงปู่มั่น และ หลวงตามหาบัว" ก็เป็น พวกขี้โม้ทั้งเพ ไปด้วยกันทั้งหมด

    +++ แม้แต่กระทู้ "พบพระพุทธเจ้า ถามเฉพาะ คนที่ไม่ได้พบนะครับ คนที่เข้ามาแนะนำอะไรไม่ต้องเข้ามานะครับ" ของคุณที่ "โดนลบ" ไปแล้วนั้น ก็ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า "จิตของคุณ ไม่ยอมรับการพบพระพุทธเจ้า"

    +++ ดังนั้น "ไม่จำเป็นต้องแช่ง" อะไรหรอก จิตของคุณมัน "ลิขิตตนเอง" เอาไว้แน่นหนาถาวรแล้ว

    +++ ส่วนการอธิฐานจิต "พบพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป คือพระศรีอริยเมตรัย" นั้น ระบุได้เลยว่า ไม่สำเร็จ

    +++ และที่สำคัญที่สุด "การปรามาส" ต่อทั้ง หลวงปู่มั่น และ หลวงตามหาบัว นั้น "วิบาก" มันส่งผลยาวนาน เลยยุคของ "พระศรีอาริยะเมตไตร" ไปนานแล้ว

    +++ ส่วนเรื่องที่คุณ "ปรามาสพระพุทธเจ้า" ด้วยหรือเปล่านั้น ผมไม่ไปตัดสินอะไรด้วย ตัวใครตัวมันก็แล้วกันนะ
     
  16. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อันนี้ไม่รู้จริงไหมไม่เคยรู้และไม่มีการรับรู้ว่าพระศาสดาไปหาพระศาสดาองค์ก่อนหรือพระศาสดาองค์ก่อนมาหาพระศาสดาสมณโคดมอันนี้ไม่เคย...ไม่เคยจริงๆ...แต่รู้ว่าทั้งหมดพระศาสดาทุกพระองค์ทรงมีบุพเพนุศาสญาณอันเป็นอนันต์ทั้งอนาคตและอดีตเรื่องมีใครมาหาหรือไปหาใครไม่เห็นเคยสดับเลย...หรือเราเป็นมานพน้อยจึงไม่รู้ก็อาจเป็นได้นะ....ส่วนของหลวงปู่มั่นเชารู้แล้วว่าทำไมหลวงปู่กล่าวไว้แบบนั้นหลวงตาบัวก็รู้หลวงปู่เสาร์ก็รู้หลวงปู่ดุลย์ก็รู้หลวงปู่....ทั้งหมดนั่นแหละรู้ว่าหลวงปู่มั่นกล่าวไว้หมายถึงสิ่งใดมีแต่ปุถุชนที่ไม่รู้เห็นเป็นของดีงามเอาประดับประดาตัวยั่วกิเลสอยู่ไปวันวันเท่านั้นแหละ....
     
  17. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อันนี้ไม่รู้ว่าพอจะมองออกไหมยกมาให้อ่านเลยหรือถ้าอยากอ่านฉบับเต็มก็ลองหาดูเผื่อจะเห็นอะไรที่น่าสนใจนี่เป็นส่วนหนึ่งคับ
    3. แล้วที่ หลวงปู่มั่น เล่าเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับ เรื่องที่เห็นพระอรหันต์ที่ดับขันธปรินิพพานแล้วมาแสดงธรรมบ้าง มาแสดงท่านิพพานให้ดูบ้าง หรือ เห็นพระพุทธเจ้ามาอนุโมทนาบ้าง นั้นสามารถอธิบายตามหลักพระธรรมวินัยอย่างไร?

    ครูบาอาจารย์ผู้เขียนท่านเคยบอกว่า หลวงปู่มั่น และ หลวงตามหาบัวผู้เรียบเรียงประวัติหลวงปู่มั่น นั้น ท่านก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่หลวงตามหาบัวนั้นท่านเคารพหลวงปู่มั่นมาก เวลาท่านได้ยินได้ฟังสิ่งที่หลวงปู่มั่นแสดงธรรม ทั้งจากหลวงปู่มั่นเอง และจากพระลูกศิษย์หลวงปู่มั่นองค์อื่นๆ ก็ตาม ท่านจึงนำสิ่งที่ได้เคยยินเหล่านี้มาเรียบเรียง เป็น ประวัติหลวงปู่มั่นโดยไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมในรายละเอียดลงในประวัตินั้น

    อย่างไรก็ตามผู้เขียนเห็นว่าการที่ไม่อธิบายให้ละเอียดนั้น ทำให้ผู้อ่านหลายท่านเกิดความเห็นผิดตกไปในทาง สัสสตทิฏฐิ และทำให้มีกลุ่มบุคคลผู้ไม่ประสงค์ดีอาศัยความเข้าใจผิดนี้หาผลประโยชน์เข้าตัว อันเป็นการทำลายศาสนา จึงได้ออกมาเขียนอธิบายโดยสรุปจากคำสอนของพระพุทธเจ้าในพระไตรปิฎกและคำสอนของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่างๆ เพื่อเป็นธรรมทานแก่หมู่ชนทั้งหลาย ให้เกิดสัมมาทิฏฐิ

    ผู้ที่อธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง คือ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

    ท่านได้ตอบปัญหาของพระสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จสังฆราช (เจริญ สุวัฒโน) ดังนี้

    พระสังฆราชถาม : “มาแล้วก็ดี สงสัยปัญหาเรื่องหลวงปู่มั่น ที่อาจารย์มหาบัวเขียนว่า หลวงปู่มั่นคุยกับพระพุทธเจ้า พระอรหันต์นี่ ในหลักตำราก็พูดถึงพระนิพพานว่าดับไปแล้ว เอาอะไรมาคุยกับท่านอาจารย์มั่น”

    หลวงพ่อพุธก็เรียนตอบท่านว่า :  “มันเป็นจิตรู้ของท่านอาจารย์มั่น ในเมื่อจิตสัมผัสถึงคุณธรรมขั้นสูงแล้ว ถ้าเป็นภูมิของพระอริยสงฆ์ ก็ปรากฏเป็นภาพพระอริยสงฆ์ขึ้น ถ้าจิตถึงพระพุทธเจ้า กับพระอรหันต์ แต่ที่แท้จริงพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ไม่ได้มาหรอก เป็นจิตรู้ของท่านอาจารย์มั่น”

    พระสังฆราช : “อ้อ..มันเป็นอย่างนั้นหรือ”

    และหลวงพ่อพุธท่านยังได้อธิบายต่อไปอีกว่า

    พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านไม่มายุ่งกับใครหรอก เพราะท่านนิพพานไปแล้ว ร่างกายตัวตนท่านก็ไม่มี ท่านจะเอากายที่ไหนมาปรากฏให้เรารู้เราเห็น ท่านจะเอาปากที่ไหนมาคุยให้เราฟัง แต่ที่เป็นไปได้เช่นนั้น เพราะเป็นจิตรู้ของผู้ทำสมาธิภาวนาไปถึงขั้นหนึ่ง ถึงจิตสัมผัสธรรม ซึ่งทำจิตให้เป็นพุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ทีนี้จิตดวงนี้ก็แสดงมโนภาพขึ้นมาให้เราเห็นได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งเราเรียกว่านิมิตนั่นแหละ

    ที่ว่าเป็นนิมิต บางทีเห็นเป็นพระพุทธเจ้า พระสาวกเดินเข้ามาหาเรา หรือบางทีก็มายืนเทศน์สอนเราอยู่ แต่แท้ที่จริงไม่ใช่พระพุทธเจ้าหรือพระสาวกเหล่านั้นเดินมาเทศน์หรือมานั่งเทศน์ให้เราฟัง แต่ว่าจิตรู้ของเราเองที่มันถึงธรรมแล้วนี้ สารพัดที่เขาจะแสดงปรากฏการณ์ให้เรารู้เราเห็น เพื่อความมั่นใจในความรู้ของตัวเอง คล้าย ๆ กับว่าเขาจะสร้างมโนภาพ สร้างนิมิตขึ้นมาเสริมศรัทธาที่เชื่อมั่นอยู่แล้วให้มั่นคงยิ่งขึ้น

    นิมิตที่ปรากฏแก่ท่านพระอาจารย์มั่นนั้นน่ะ มันเป็นไปได้ในภาษิตที่พระพุทธเจ้าทรงสอนพระวักกลิว่า “โย ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ”  ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นถือว่าเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นถือว่าเห็นธรรม ผู้ใดเห็นเราเห็นธรรม ผู้นั้นเชื่อว่าเห็นพระสงฆ์ ผู้ใดเห็นธรรมเห็นพระสงฆ์ ผู้นั้นเชื่อว่าเห็นเรา

    เพราะฉะนั้น ในเมื่อท่านอาจารย์มั่นท่านมีจิตของท่านบรรลุถึงคุณธรรมที่ทำให้จิตเป็นพุทธะ เป็นจิตพุทธะแล้วนี่ ก็สารพัดที่จิตของท่านจะสร้างมโนภาพขึ้นมาให้ท่านรู้ท่านเห็น อันนี้เป็นภูมิรู้ภูมิธรรมของท่านเอง

    (อ้างอิงจาก http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-poot/lp-poot-hist-01-10.htm )

    สรุปก็คือการที่เห็นพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ที่นิพพานแล้ว ก็คือ นิมิตที่จิตปรุงขึ้นในสมาธิเท่านั้นเอง นั่นเอง คงอุปมาได้กับ ภาพถ่ายหรือวีดีโอ 3 มิติ – 4 มิติ ซึ่งแม้จะเหมือนจริงเพียงใดแต่ก็เป็นภาพไม่ใช่ของจริง และ นิมิต นั้นอย่าเข้าใจว่า เป็นสิ่งที่ผิดหรือสิ่งไม่ดี ทั้งนี้ แม้หลวงปู่มั่นท่านจะเห็นนิมิตแต่ท่านก็ไม่ได้ยึดติดกับนิมิต  สิ่งที่ผิดคือการไปยึดติดในนิมิตว่าเป็นจริงเป็นจังต่างหาก!!!!
     
  18. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ไม่รู้เหมือนกันนะว่าที่ทำลงไปจะได้โทษหรือได้คุณ...ไม่ว่าอย่างไรมันก็คือของคุณท่านทั้งหลาย หาได้กระทบกระเทือนเจตนาของผมก็หาไม่ เพราะไม่ได้คิดว่าใครผิดจริงๆแล้วกิเลสมันผิด ที่มาหลอกลวง ประมาณว่าคุณหลอกดาว อะไรประมาณนั้นนั่นแหละ
     
  19. รักษ์11

    รักษ์11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +516

    สติขาด แค่นี้ ก็ไม่เข้าใจ กระทู้ ที่ผมตั้งไว้ถาม คนท่ีเคยพบพระพุทธองค์

    ยกตัวอย่าง ผมถามคนที่เคยไปเชียงใหม่ ถามเฉพาะ คนที่ไปเชียงใหม่มา

    แล้ว

    คุณไม่เคยไป แล้วคุณมาแสดงความคิดเห็น ก็คุณไม่เคยไป คุณไม่เคยเห็น

    เชียงใหม่ สิ่งที่ผมได้จากคุณ ก็คือการเข้ามา ทำลายบรรยากาศ เข้ามา

    ก่อกวน คุณก็เป็นได้แค่คนพาล คนหนึ่ง เท่านั้นเอง กระทู้ก็บอกแล้วนะครับ

    เฉพาะคนที่เคย พบ

    คลุมเคลือ อึกๆอักๆ ไห้ชัดเจนสิครับ

    หลวงปู่มั่นท่านก็พูดชัด ไม่ต้องอธิบาย

    ก็เหมือนพุทจน หรือ พุทธพจน์ พระองค์กล่าวไว้

    ว่า พระพุทธเจ้าตรัสหนึ่ง ไม่มีสอง

    ความหมายตรัสอย่างไรเป็นอย่างนั้น

    ไม่ต้องมาว่า หรือมาตีความหมาย ปุถุชนอย่างนั้น อย่างนี้

    พระอรหันต์ ตรัสตรงอยู่แล้ว

    ท่านไม่เคยพบ ก็บอกมาว่าไม่คยพบ

    ท่านไม่เชื่อ เอามุมของท่านนะ แบบนี้ พอฟังได้นะ

    คุณไมไ่ด้รับการสัมผัส อย่าไปเหมาว่า คนอื่นเค้าต้องเป็นเหมือนคุณ

    จะด้วยเหตุอันใดก็สุดแล้วแต่ ก็คือคุณไม่เคยเห็น ไม่เคยพบ

    มันเป็นส่วนของคุณนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กันยายน 2016
  20. รักษ์11

    รักษ์11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +516
    "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราคถาคต"

    พุทวจน พุทธดำรัสนะ

    ตรัสไว้ว่า พระพุทธเจ้า "ตรัสหนึ่ง ไม่มีสอง"

    ไม่ใช่ตรัสไว้ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นต้องตีความหมายของคถาคตไห้แยบคายลงไป"

    ไม่มีเลย

    "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราคถาคต" มีความหมายเดียว ตามนี้เลย ตามพุทธวจน
     

แชร์หน้านี้

Loading...