พม่า..ข้างบ้านเรา

​

​

​

...เช้าวันวิสาขบูชา..ราว ๆ ตีสี่..ทีองค์พระธาตุเริ่มมีผู้คนมามากมาย พร้อมข้าวของที่จะนำมาบูชาองค์พระธาตุ..น้ำค้างพร่างพราย..อากาศเย็นชื้น หายใจโล่งมากค่ะ..รู้สึกสบายอย่างมากเวลาที่สูดหายใจเข้า..เมื่อท้องฟ้าเริ่มสางก็ได้เห็นทะเลหมอกกว้างใหญ่...รอบ ๆ องค์พระธาตุ..เนื่องจากยอดเขาที่ประดิษฐานองค์พระธาตุสูงมาก โดยรอบเราจึงเห็นยอดเขารายรอบ และแต่ละยอดเขาก็มรพระเจดีย์ มีวัดแทบทุกยอดเขา..

....เป็นที่สังเกตว่าพม่าสร้างวัดและเจดีย์บูชาไว้บนยอดเขา..จึงเสมือนเป็นการพิสูจน์ศรัทธาของชาวพม่าต่อพระพุทธศาสนา..ที่มีมายาวนานในดินแดนแห่งนี้...

​

 

อ่านและชมภาพแล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเอง...ขอขอบพระคุณมากๆนะคะ

 

อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ

เคยดูในรายการอัศจรรย์มากๆค่ะ สวยงามมากด้วย

ถ้ามีโอกาสคงได้ไปบ้าง ^^

 

พี่wvichakornครับผมว่าก้อนหินกับเจดีย์

ทั้งๆที่น้ำหนักมากขนาดนั้นไม่น่าจะตั้งอยู่ได้ แต่ทำไมพระธาตุอินทร์แขวนนี้ ถึงตั้งอยู่ได้ เนื่องจากพื้นดินไต้ก้อนหินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว สร้างพระธาตุอินทร์แขวนให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุลครับพี่wvichakorn

 

ค่ะ..คุณ sriaraya5...น่าสนใจเหมือนกันตามที่คิดเห็น..แต่ที่พื้นใต้องค์พระธาตุ ก็เป็นหินค่ะ..ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปใกล้เพราะเค้าไม่ให้ผู้หญิงเข้าไปกราบที่องค์พระธาตุ แต่เท่าที่ดูก็เป็นพื้นหินเหมือนกันค่ะ ไกค์เล่าตามตำนานอีกว่าเมื่อก่อนนี้องค์พระธาตุลอยอยู่ขนาดไก่ลอดได้.แล้วลงมาเหลือนกลอดได้ และตอนนี้เหลือผมลอด..ได้เท่าที่เราเห็นค่ะ..การถ่ายภาพในมุมต่าง ๆ จะเห็นองค์พระธาตุเหมือนเอียงในมุมต่าง ๆ ค่ะ..เราก็เลยเห็นตามตาที่เห็น...ว่าตั้งอยู่ค่ะ...

 

มิงกลาบา คัมยา..
สวัสดีครับ พี่ตุ่ม น้อมอนุโมทนา สาธุกับทริปบุญนมัสการพระธาตุไจ้ก์ถิโย เมืองสะเทิม รัฐมอญ ประเทศเมียนม่าร์ ด้วยนะครับ

 

นั่นแน่..คุณkim มาทักเป็นภาษาพม่าซะด้วย
เจซูติน บาแด ..ค่ะ

 

สวยมากครับพี่สาวผู้ได้ไปมีบุญมากนัก
ขอร่วมอนุโมทนากับพี่สาวและทุกท่านด้วย
ได้รับความรู้และธรรมะจากท่านพี่มามากขอให้พี่สาวของน้องมุ่งพระ
พี่ตุ่มจะได้เจริญก้าวหน้<WBR>าในธรรม ด้วยเถิด

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=JizoBFu7r74"]YouTube - ‪คุณสมบัติพระโสดาบัน พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล 1‬‏[/ame]

 

สาธุ..ขออนุโมทนาค่ะ
ขอให้น้องชายเจริญในทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเช่นกันค่ะ

 

เจดีย์ไจ้ทิโย หรือในชื่อเรียกที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักคือ พระธาตุอินทร์แขวน โดยมีความเชื่อมาแต่ครั้งโบราณว่า พระอินทร์ได้เสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ เพื่อนำพระธาตุมาวางไว้ที่ยอดผา เพื่อให้ผู้คนได้มาเคารพสักการะ เจดีย์นี้ตั้งอยู่ในเมืองไจ้โท่ ที่อยู่ห่างจากเมืองพะโคไปทางเหนือประมาณ 70 กิโลเมตร



เจดีย์แห่งนี้ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะที่แปลกแตกต่างไปจากเจดีย์อื่นๆ คือเป็นลักษณะของก้อนหินที่ปิดทองไว้รอบๆ องค์เจดีย์ ตั้งวางอยู่บนปลายหน้าผาได้อย่างน่าอัศจรรย์ บนความสูงจากพื้นดินกว่า 1,200 เมตร การเดินทางเข้าไปสักการะเจดีย์แห่งนี้จะต้องเดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ขึ้นไประยะทาง 12 กิโลเมตรโดยใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง พระธาตุอินทร์แขวน หรือ ไจ้ทิโย หมายความว่า หินรูปหัวฤๅษี




ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวนคือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่นและท้าทายแรงดึงดูดของโลกโดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ พระธาตุอินทร์แขวนนับเป็น1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพม่าต้องไปสักการะ และยังเป็นพระธาตุประจำปีจอ (สุนัข) ที่คนเกิดปีนี้ต้องไปนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต



อนุโมทนาค่ะ . . สาธุ . .

 

โผ่ตะถ่อง เป็นพระเจดีย์ที่ประิดิษฐานพระเกศาธาตุสองเส้นของพระพุทธเจ้า โดยผนังทุกห้องของพระเจดีย์บุแผ่นทองจังโกสีเหลืองอร่าม เข้าไปนมัสการแล้วก็เดินออกไปทางซ้าย เดินไปเหลี่ยมมุมตามห้องไปเรื่อยๆ ก็จะย้อนกลับมาที่เดิม แต่เป็นคนละด้านเท่านั้นเองค่ะ



เจดีย์ชเวดากอง เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับแรกที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางไปพม่า จะต้องเข้าไปเยี่ยมชมและสักการะ

เจดีย์ชเวดากองที่แปลว่า พระเจดีย์ทองคำแห่งเมืองตะเกิง เป็นพระเจดีย์ทองคำที่สร้างขึ้นบนเนินเขา เจดีย์นี้จึงเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความโดดเด่นมากในย่างกุ้ง โดยขนาดของเจดีย์ชเวดากองนี้มีความสูงทั้งหมดประมาณ 48 เมตร มีความกว้างโดยประมาณ 105 เมตร

เจดีย์ชเวดากองนั้นเป็นเจดีย์ที่มีลักษณะซึ่งสวยงามมาก เนื่องด้วยความศรัทธาในองค์พระเจดีย์ของชาวพม่า ที่มักจะนิยมการบริจาคเพชรพลอยของมีค่าต่างๆ ให้กับพระเจดีย์ ทำให้เจดีย์องค์นี้มีเครื่องประดับมีค่าเป็นจำนวนมากกว่า 5,000 ชิ้น โดยเฉพาะเพชรที่ประดับอยู่บนยอดเจดีย์นั้น กล่าวกันว่าขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือคนเลยทีเดียว ส่วนด้านล่างรอบๆ เจดีย์จะเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปจำนวนมาก และมีไม้แกะสลักประดับอยู่อย่างสวยงาม

ผู้ที่เข้ามานมัสการหรือเยี่ยมชมจะต้องถอดรองเท้าทุกครั้งเมื่อมา ถึงทางเข้าให้เดินตามเข็มนาฬิกา



เจดีย์ไจ๊ปุ่น (พระสี่ทิศ) ไจ๊ คือ พระ หรือ เจดีย์ ปุ่น คือ 4

ดังนั้นพระเจดีย์ไจ๊ปุ่น คือ พระเจดีย์ที่มีพระ 4 ทิศ โดยพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ อายุกว่า 500 ปี หันพระพักตร์ไปยัง 4 ทิศ สร้างขึ้นโดย 4 สาวพี่น้อง ที่อุทิศตนแด่พุทธศาสนา จึงสร้างพระพุทธรูปแทนตนเอง และได้สาบานไว้ว่าจะไม่ข้องแวะกับบุรุษเพศ
ซึ่งมีตำนานเล่าขานกันว่า ในที่สุดแล้ว น้องสาวคนสุดท้อง กลับพบรักกับชายหนุ่มและแต่งงานกัน จึงเกิดอาเพศฟ้าผ่าพระพุทธรูปที่แทนตัวของน้องสาวคนสุดท้องพังทลายลงมา จนต้องมีการสร้างขึ้นมาใหม่ตามที่เห็นในปัจจุบัน

จากนั้นมีบูรณะ วัดนี้เมื่อ พ.ศ.2019 พระเจดีย็นี้มีพระพุทธรูปปางประทับนั่งโดยรอบทั้ง 4 ทิศ อันได้แก่
สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ทางทิศเหนือ
พระ พุทธเจ้าโกนาคมโน ทางทิศใต้
พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ทางทิศตะวันออก
พระพุทธเจ้ามหากัสสปะ ในทิศตะวันตก



พระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุด และมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว สั่งผลิตมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะรวมไปถึงพระจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ

 

ขอบคุณค่ะ..น้องเจง
มีรูปสวย ๆ มาแบ่งปันกัน..

 

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1560730/[/MUSIC]

​

 

​

​

​

....ที่ยังไม่ได้เล่า คือ การเดินทางขึ้นบนพระธาตุค่ะ..เพราะถ้าเล่าตั้งแต่แรก..หลายคนอาจท้อและขอดูแต่รูปเท่านั้น...เราเดินทางกันโดยรถหกล้อขนาดกลางค่ะ..ที่มีที่นั่งแบบนั่งกันเป็นราว จุคนได้จำนวนมากราว ๆ ห้าสิบหกสิบคน..ฮา..เต็มที่แล้วเหมือนขนหมูเลยค่ะ..

....เราเดินทางขึ้นเขาแบบต้องเกาะกันแน่น ๆ บนรถ เพราะกลัวตกมากเลยค่ะ รถขึ้นเขาซึ่งชันและคดเคี้ยวไปมา และต้องรอหลีกกันเป็นระยะกับรถที่สวนลงมาค่ะ..

 

​

​

..เรานั่งรถกันไประยะหนึ่งค่ะ..เพราะทางเล็กและแคบลง..การเดินทางต่อไปจึงต้องเดินด้วยเท้า หรือโดยวิธีอื่น ๆ ..คนที่เดินไหวก็เดินค่ะ..เดินไม่ไหว..ก็มีเสลี่ยงหาม...นี่เป็นที่นิยมสุด ๆ ..(เพราะทัวร์เก็บเงินเราไปแล้ว..และอีกอย่างคือเราอยากลงนั่งเสลี่ยง....ซึ่งอิทธิพลของอย่างหลังมากกว่าค่ะ..

​

 

​

​

...ตอนที่รถไปจอดในที่ที่จะต้องรวมกัน แล้วแลกบัตรคิวของคนที่จะหามเสลี่ยงขึ้นไป..บริเวณนั้นผู้คนดูวุ่นวายมาก (นักท่องเที่ยวทั้งหลาย)..แต่ชาวพม่าดูเป็นระเบียบมากค่ะ..คนที่จะหามเสี่ยงเค้าจะใส่เสื้อสีเดียวแบบเดียวกัน..ปัญหาของเราคือมันเหมือนกันไปหมดเลย..จะจำกันได้งัย..เหตุผลที่ทางพม่าให้คนที่จะมาหามเสลี่ยงแต่งตัวเหมือนกัน คือ เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย..และอีกอย่างจะสะดวกในการติดตามตัวกรณีที่ทำให้นักท่องเที่ยวมีปัญหา..เช่น ไปส่งไม่ถึงที่ที่ตกลงกันไว้..ของหายระหว่างทาง..หรือทำกิริยาที่ไม่ดีต่อนักท่องเที่ยว..เพราะระยะทางที่เค้าต้องหามเราขึ้นไปนับว่าไกล ..และลาดชันเป็นช่วง ๆ ค่ะ..​

.....เวลาที่คณะของเราไปถึงที่ที่จะต้องขึ้นเสลี่ยงเป็นราว ๆ เกือบห้าโมงเย็น..ตอนที่ถึงใหม่ ๆ แดดร้อนจัดมาก..แต่ระหว่างคอยราว ๆ ๑๐-๑๕ นาที ก็เห็นเมฆดำลอยมาปกคลุมยอดเขาไว้เกือหมดค่ะ..แหงนมองขึ้นไป.ใจก็ยังหวั่นว่า...ถ้าระหว่างทางเกิดฝนตกเราทำงัย..ไม่มีที่หลบฝน..เปียกลูกเดียว...​

 

​

​

​

...ครั้งนี้คณะของเราได้อาศัยเมตตา บารมีของหลวงปู่อร่าม และหลวงปู่พัน กันจริง ๆ ค่ะ..เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ๆ ในพม่า คณะของเราก็ไม่เคยพบกับอุปสรรคใด ๆ เลย..การถูกหามขึ้นไปกราบพระธาตุอินทร์แขวน..จึงมีแต่เพียงหมอกหนาทึบ และเบาบางเป็นช่วง ๆ ให้เราสูดเข้าปอดอย่างชื่นอกชื่นใจ...ตลอดทางจนถึงโรงแรมที่พักค่ะ...มาได้ทราบข่าวกันทีหลังว่าคณะที่ตามขึ้นมาหลังคณะของเราเพียงครึ่งชั่วโมงเจอฝนกันอย่างเต็ม ๆ ...

....และภาษาพม่าที่เราต้องใช้อีกคำหนึ่งก็คือ เอ็งไต..แปลว่าห้องน้ำ..ไกด์สอนวิธีจำคำนี้ให้เราว่าให้นึกถึงว่าถ้าไม่ได้เข้าห้องน้ำเราจะแย่ค่ะ..แต่คนที่จะแย่กว่าเราคือคนหามเราถ้าเค้าไม่ปล่อยเราลงจากเสลี่ยง เลยต้องคอยกำกับไว้ว่า...เอ็งไต..หรือ เอ็งตาย ค่ะ..
.....ขาขึ้นไม่เท่าไหร่ แต่ขาลงเล่นเอาแย่เหมือนกัน..เพราะขาลงเราถูกกระแทกเป็นระยะ ๆ ก็เลยต้องตาไว ..มองหาห้องน้ำไว้ตลอดทาง...
....สองข้างทางมีร้านค้า บ้านของชาวพม่าเป็นช่วง ๆ ค่ะ คนหามก็จะมีวิธีการให้เราเสียเงินจากความสงสาร..เพราะเรานั่งให้เค้าหาม ซึ่งถ้าตัวโตเค้าก็คงหนักมากค่ะ..ร้านค้าข้างทางจึงมักเป็นจุดหยุดพัก..แล้วคนไทยใจดีก็จ่ายค่าน้ำเลี้ยงคนหามทั้งสี่คน...ที่จริงแล้วรัฐบาลห้ามไม่ให้เรียกร้องจากนักท่องเที่ยว...แค่คนไทยก็คือคนไทยค่ะ..ความเมตตาสงสารมีเต็มเปี่ยมไม่ว่าจะไปเมืองใดที่ใด...ก็ทำบุญกันได้ทุกที่..ทั้งที่เป็นทรัพย์เป็นปัจจัย เป็นความช่วยเหลืออื่น ๆ สารพัด..จนเป็นที่ประทับใจของชนชาติต่าง ๆ ..

​