###พระกริ่งดีหลวง... เททองโดยศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพที่เหลือเพียงองค์เดียวในลพบุรี###

ห้ามพลาดนะครับ

 

บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด

 

....

 

ในวงการพระเครื่อง โดยเฉพาะผู้ที่นิยมสะสม "พระกริ่ง" มักจะมีการพูดถึง "พระกริ่ง" สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม กันอยู่เสมอ จนผู้ที่เพิ่งเข้ามาสู่วงการนี้ใหม่ๆ และไม่ได้สนใจศึกษาความเป็นมาของ "พระกริ่ง" มักจะเข้าใจกันผิดๆ คิดว่า "พระกริ่ง" สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม คือ ต้นกำเนิดของพระกริ่งในเมืองไทย ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่




ในหนังสือ "มรดกล้ำค่า" สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ โดย บุญเหลือ ออประเสริฐ ได้กล่าวไว้ในหน้า ๓๙ ตอนหนึ่งโดยสรุปได้ว่า

"...มูลเหตุที่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ทรงสร้าง "พระกริ่ง" และ "พระชัยวัฒน์" ...ทรงเล่าว่า เมื่อครั้งพระองค์ดำรงสมณศักดิ์เป็น "พระศรีสมโพธิ์" นั้น สมเด็จพระวันรัต (แดง) ซึ่งเป็นสมเด็จพระอุปัชฌาย์ได้อาพาธเป็นอหิวาตกโรค สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ครั้งยังทรงเป็น "กรมหมื่น" ได้เสด็จมาเยี่ยม รับสั่งว่า เคยเห็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ อาราธนา "พระกริ่ง" แช่น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์ แล้วให้คนไข้ที่เป็นอหิวาตกโรคกิน จนหายเป็นปกติ จึงรับสั่งให้มหาดเล็กไปนำ "พระกริ่ง" ที่วัดบวรฯ แต่สมเด็จฯทูลว่า "พระกริ่ง" ที่กุฏิมี จึงรับสั่งให้นำมาแล้วอาราธนา "พระกริ่ง" แช่น้ำอธิษฐานขอน้ำพระพุทธมนต์ แล้วนำไปถวาย สมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อท่านฉันแล้วโรคอหิวาต์ก็บรรเทาหายเป็นปกติ"

ตั้งแต่นั้นมา สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ก็เริ่มสนพระทัยในการสร้าง "พระกริ่ง" ขึ้นเป็นลำดับ และได้มีการสร้าง "พระกริ่ง" ในเวลาต่อมาหลายรุ่น จนโด่งดังมาถึงทุกวันนี้

สำหรับ "ตำรา" การสร้างพระกริ่ง นั้น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรฯ ทรงได้ตำราจาก สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพนฯ ซึ่งสืบทอดกันมาจาก สมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว อยุธยา (พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช)

ต่อมา "ตำรา" การสร้างพระกริ่ง นี้ไปตกอยู่กับ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ท่านเจ้ามา) วัดจักรวรรดิราชาวาส

หลังจากนั้น "ท่านเจ้ามา" ได้ประสาธน์ตำรานี้ให้กับ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนฯ ในขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ "พระเทพโมฬี" และได้สร้างพระกริ่งขึ้นเป็นครั้งแรก (พระกริ่งเทพโมฬี) เมื่อปีพ.ศ.๒๔๔๑

ประวัติพระกริ่งปวเรศ

กริ่งปวเรศ ที่ถือเป็นสุดยอดพระกริ่ง นั้น พระเดชพระคุณสมเด็จพระสงฆราชเจ้าได้นำเนื้อที่ตัดออกจากฐานพระพุทธชินสิห์ที่ชำรุด
และฉีกออกมาสร้างเป็นแกนเนือพระ พระจะมีเนื้อเป็นสีน้ำตาลเข็มอมดำ สร้างได้ 11 องค์แล้วนำถวายแด่พระบาทสมเด็ขพระเจ้าอยู่หัว ภายหลังมีการสร้างขึ้นใหม่โดยใช้ชนวนเก่า + กับเนื้อใหม่
พระจะมีเนื้อกลับดำมากกว่าครั้งแรกกระแสออกเงิน พระที่ได้จะตกแต่งผิวแต่ก็มีเอกลักษณ์เช่นเม็ดพระศกจะตอกด้วยตุ๊ดตู
รูปศิลปองค์พระไม่เหมือนพระกริ่งทั่วไปของทางวัดสุทัศน์เป็นต้น การสร้างมีจำนวนน้อน ไม่ทราบจำนวนจึงถือเป็นของหายาก และเป็นที่สุดของพระกริ่งครับ

แต่หากมีการสร้างอีกโดยไม่ใช่ท่านสร้าง ก็ไม่ถือว่าเป็นสุดยอดพระกริ่งสร้างครั้งแรกกันเป็นทองแดงครับ ประมาณ ไม่เกิน30 องค์ (บางตำราว่า 9 องค์ 10 องค์ หรือ 11 องค์)
ไม่มีโค๊ตต่อมาหลวงชำนาญเลขา ได้ขออนุญาติสร้าได้พยายามค้นคว้าเพิ่มเติมว่าหลังจากนั้นมีใครสร้างพิมพ์นี้อีก

ในการสร้างครั้งแรก พระทั้งหมดถวายพระเจ้าอยู่หัวและเชื้อพระวงค์ มีเก็บที่วัดบวร 1 องค์จนถึงทุกวันนี้ส่วนสร้างคี้งที่สองไม่มีบันทึกว่าแจกจ่ายให้ใครบ้าง
แต่มีบันทึกเพิ่มเติมว่าภายหลัง ท่านเจ้าคุณเฒ่า วัดมกุฎกษัตรย์ฯ ได้แกะพิมพ์นี้ และได้สร้างใว้เช่นกันแต่มีข้อสังเกตุว่าองค์จะเล็ก และเตี้ยกว่า ดัวนั้นหากพบองค์ที่เล็กและเตี้ยกว่า
ก็สัณนิฐานได้ว่าเป็นของเจ้าคุณเฒ่าได้งเนื้อจะเป็นสัมฤทธิ์แก่ทองแล้วกลับดำ ก้นอุดด้วยโลหะทองเหลือง มีโค๊ตเม็ดงาด้านหลังใกล้ๆ บัว
สร้างครั้งที่สองประมาณ เท่าไรไม่ปรากฎ แต่รู้ว่าน้อยได้พยายามค้นคว้าเพิ่มเติมว่าหลังจากนั้นมีใครสร้างพิมพ์นี้อีก

ในการสร้างครั้งแรก พระทั้งหมดถวายพระเจ้าอยู่หัวและเชื้อพระวงค์ มีเก็บที่วัดบวร 1 องค์จนถึงทุกวันนี้ส่วนสร้างคี้งที่สองไม่มีบันทึกว่าแจกจ่ายให้ใครบ้าง


(สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศฯ สิ้นพระชนม์เมื่อ ๒๙ ก.ย.๒๔๓๕ แสดงว่า พระกริ่งปวเรศฯต้องสร้าง ก่อนปีพ.ศ.๒๔๓๕ )

พุทธลักษณะ "พระกริ่งปวเรศ" นั้นสันนิษฐานว่าทรงสร้างขึ้นโดยอาศัยเค้าจาก "พระกริ่งจีน" ที่นิยมเรียกกันว่า "พระกริ่งใหญ่" ในปัจจุบัน

พระองค์จะทรงสร้างขึ้นในปีใด ไม่มีผู้ใดทราบได้แน่ชัด ภายหลัง หลวงชำนาญเลขา (หุ่น) สมุห์บัญชีในกรมของพระองค์ ได้ขอประทานพระอนุญาตนำแบบพิมพ์ไปสร้างขึ้นอีก มีจำนวนเท่าไรก็ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดเช่นกัน

โดยที่ "พระกริ่ง" นี้ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงสร้างขึ้น จึงนิยมเรียกกันทั่วไปว่า "พระกริ่งปวเรศ" ในวงการพระเครื่องนับถือกันว่า "พระกริ่งปวเรศ" เป็น พระเนื้อนวโลหะ ที่มีค่านิยมสูงและยากยิ่งที่จะเสาะแสวงหาไว้สักการะบูชา จึงเป็นปูชนียวัตถุที่มีคุณค่าทางพุทธศิลป์และทางจิตใจ กล่าวได้ว่า "พระกริ่งปวเรศ" เป็น "พระกริ่งรุ่นแรก" ที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังมีส่วนส่งเสริมให้เกิดความนิยมสร้างพระพุทธปฏิมาในลักษณะ "พระกริ่ง" เดียวกันนี้ในเวลาต่อมาอย่างแพร่หลายด้วย

"พระกริ่งปวเรศ" นับเป็น "พระกริ่ง" ที่มีปัญหาถกเถียงกันมาก โดยมีผู้อ้างกันว่า "พระกริ่ง" ที่ตนมีอยู่ก็เป็น "พระกริ่งปวเรศ" เช่นกัน ทั้งๆ ที่หน้าพระพักตร์แตกต่างกันมากมาย และโดยที่ "ของแท้" มีจำนวนไม่เกิน ๓๐ องค์ดังกล่าว โอกาสที่พบเห็นได้ง่ายๆ คงไม่มีแน่นอน

สำหรับภาพ "พระกริ่งปวเรศ" ที่นำมาลงในหน้านี้ เป็นภาพที่ได้มาจากหนังสือรวมภาพพระวัดบวรฯฉบับสมบูรณ์ ที่คณะศิษย์วัดบวรฯจัดทำขึ้น โดยคุณธวัช สุรมังกรวงศ์ เป็นผู้เอื้อเฟื้อภาพจากหนังสือเล่มนี้มาให้ จึงเป็นหลักฐานอันสำคัญว่า "พระกริ่งปวเรศ" ของแท้ ต้องเป็นเหมือนในภาพนี้

 

พุทธมหายานจากอินเดีย มีพระสูตรหนึ่ง ชื่อพระพุทธไภษัชยคุรุไวฑูรย์ประภาราชามูลปณิธานสูตร แปลเป็นภาษาจีน ราวพุทธศตวรรษที่ 10 มีความตอนหนึ่งว่า

ดูก่อนกุลบุตร จากที่นี้ไปทางทิศตะวันออก ผ่านโลกธาตุอันมีจำนวนดุจเม็ดทรายในคงคานที 10 นทีรวมกัน ณ ที่นั้น มีโลกธาตุหนึ่ง นามว่า วิสุทธิ

 

ห้ามพลาดนะครับตอนนี้งบประมาณในการสร้างหลวงพ่อทวดเเละฐานท่านขาดเงินอยู่ที่ประมาณสองเเสนบาทก็จะครบจำนวนเเล้วเมื่อครบเเล้วพระกริ่งจะไม่มีให้ทำบุญอีกเพราะพระกริ่งนี้เป็นที่ระลึกสำหรับการสร้างอนุสรณ์สถานหลวงพ่อทวดเป็นการเฉพาะ <!-- / message -->

 

อย่าพลาดนะครับ

 

เผยชนวนสุดยอดที่ฝากไว้ในเเผ่นดินส่วนหนึ่งเท่านั้น

ชนวนพระกริ่งจากอาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ผู้สร้างพระกริ่งชินบัญชร ปี2517
ประกอบด้วย
ชนวนพระกริ่งปวเรศ วัดบวรนิเวศ ปี2530 อันเป็นพระกริ่งปวเรศที่ในหลวงและสมเด็จพระญาณสังวร ทรงประกอบพิธีเททองด้วยพระองค์เอง นับว่าปรากฏความเป็น พระมหากษัตราธิคุณ อันเป็นมหาราชฝ่ายอาณาจักร และ ยังด้วย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นสังฆราชา ที่ทรงเป็นเสาหลักฝ่ายศาสนจักร ซึ่งชนวนนี้นับว่าถึงความเป็นขีดสุดของพระกริ่งปวเรศโดยแท้เเละยังมีชนวนเเท้ของวัดบวรรุ่นเก่านับไม่ถ้วนอีกด้วย

ชนวนพระกริ่งชินบัญชร ปี2517 ซึ่ง คุณชินพรเป็นผู้สร้างถวายหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เรียกได้ว่าพระกริ่งในตำนานที่ลือลั่นมีค่านิยมเรือนเเสนเรือนล้าน
อีกทั้งงมเข็มในมหาสมุทรก็ไม่ปาน

เหรียญพระกาฬ รุ่นเเรก ที่อาจารย์ชินพร มอบให้เป็นเหรียญหายากเหรียญหนึ่งซึ่งท่านเองบอกว่าสงสัยเบื้องบนคงดลใจให้นำมาหลอมในงานนี้ทั้งที่อาจารย์เองหวงเเหนมาก
ชนวนพระกริ่งที่อาจารย์สุธัน สุนทรเสวีมอบให้ประกอบด้วย

ชนวนพระกริ่งสมัยสมเด็จพระสังฆราชเเพ เจ้าคุณศรี สนธิ์ และเจ้าคุณศรีประหยัดหลายรุ่น
ชนวนพระกริ่งสังวรวิมล หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
ชนวนพระกริ่งอโยธยา วัดกษัตราธิราช อยุธยา
ชนวนพระกริ่งไตรสรณาคมณ์ หลวงพ่อดู่ วัดสะเเก
ชนวนพระกริ่งอนันตคุณ 2527
ชนวนพระกริ่งนวโลกุตรญาณมุณี2529
ชนวนพระกริ่งสามภพพ่าย
ชนวนพระกริ่งธนบดี
ชนวนพระกริ่งวัฒนะ
ชนวนพระกริ่งมหาราช
ชนวนพระกริ่งสหัสวรรษ

แผ่นพระยันต์108นะ14ตามพระตำราสมเด็จพระพนรัต วัดป่าเเก้ว พระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
แผ่นพระยันต์โสฬส108แผ่น
แผ่นพระยันต์สุกิตติมา108แผ่น
แผ่นพระยันต์อาวุธพระพุทธเจ้า108แผ่น
แผ่นพระยันต์มงคลวิเศษ108แผ่น
แผ่นพระยันต์สัมพุทเธหงสา108แผ่น
แผ่นพระยันต์อิติปิโสเกราะเพชร108แผ่น
แผ่นพระยันต์ไตรสรณาคมณ์108แผ่น
แผ่นพระคาถาชินบัญชรจารโดยหลวงปู่วิเวียร วัดดวงเเข
แผ่นพระยันต์จักรพรรดิ์ตราธิราช หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม
แผ่นพระยันต์เกราะเพชรหลวงพ่อมหาโพธิ์ วัดคลองมอญ


แผ่นพระยันต์ได้รับการอธิษฐานจิตจากสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร

 

.....

 

ห้ามพลาดนะครับ