พระกรุวังหน้ามีการสร้างในยุคพ.ศ. 2411 จริงหรือไม่จริง

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย kongpak, 15 มิถุนายน 2016.

  1. kongpak

    kongpak เลื่อมใสอย่างยิ่งในตถาคต ถึงที่สุดโดยส่วนเดียว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    802
    ค่าพลัง:
    +6,117
    (ต่อจากฉบับที่แล้ว) ในฉบับที่แล้วได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยเรื่องการปลอม “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต” เกิดขึ้นในช่วงที่มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ “วัดพระแก้วมรกต” ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๙-๒๕๒๔ โดยพบขณะที่ทำการบูรณะ “หลังคาพระอุโบสถวัดพระแก้วมรกต” จึงเรียกกันว่า “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต” ซึ่งตามที่ผู้เขียนสาธยายมาก็ล้วนแต่เป็น “ข้อมูล” ที่บรรดา “นักปลอมพระ” กุข่าวขึ้นมาทั้งสิ้นด้วยการแต่ง “นิยาย” เป็นการประกอบการขายเพื่อให้ “เหยื่อ” หลงเชื่อซึ่งก็ถือว่า “ได้ผล” ในระดับหนึ่งเพราะมี “คนหลงเชื่อ” มากมายทีเดียวเนื่องจาก “แก๊งปลอมพระ” แก๊งนี้มันเล่นเล่านิยายจนเลยเถิดโดยบังอาจแอบอ้าง “เบื้องสูง” เพื่อให้การหลอกขาย “ของปลอม” ที่พวกมันสร้างขึ้นดู “สมจริงสมจัง” มากขึ้น
    .
    ทั้งนี้ก็เพราะการปลอมพระ “สมเด็จกรุ วัดพระแก้วมรกต” ครั้งนี้มีการสร้างออกมาหลากหลายพิมพ์ รวมทั้ง “พระสมเด็จสายรุ้ง” ที่บางพิมพ์ก็มี “๕ สี” และบางพิมพ์ก็มี “๗ สี” ที่ดูแล้วคล้ายกับ “พระสมเด็จ” ของ “หลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง” ยังไงยังงั้น นอกจากนี้พวกแก๊งปลอมพระชุดนี้ยังตั้งชื่อ พระสมเด็จสายรุ้งที่ว่านี้เสีย “โก้หรู” คือเรียกขานว่า “พระสมเด็จพิมพ์เบญจรงค์” บ้าง “พระสมเด็จ สัตตรงค์” บ้าง รวมทั้ง “พระสมเด็จจตุรงค์” และ “พระสมเด็จไตรรงค์” ไปโน่นเลยโดยอาศัยตรงที่ “พระสมเด็จปลอม” ชุดนี้มีความ “สวยงาม” อีกทั้งเฉดสีก็มี “หลายสี” ในองค์เดียวกันดังกล่าวข้างต้น
    .
    ซึ่งหากจะอธิบายให้ชัดก็คือคล้ายกับการเรียก “จตุคามรามเทพ” ที่เป็น “เนื้อก้นครก” นั่นเองซึ่งก็คือ “ที่มา” ของการเรียกชื่อเหมือนกันแต่ “ขอโทษ” แม้จะพยายามผลักดัน “ของปลอม” ให้เป็น “ของแท้” เช่นไร แต่ก็ผลักดัน “ไม่ได้” เพราะของปลอมก็คือ “ของปลอม” วันยังค่ำ นอกจากนี้แล้ว “พระสมเด็จปลอม” ชุดนี้ยังมี “พิรุธ” ให้จับได้อีกหลายประการ เช่นนอกจากปลอมพระสมเด็จ “พิมพ์มาตรฐาน” ทั้งของ “วัดระฆัง” และ “บางขุนพรหม” แล้วยังปลอมพิมพ์ “รูปเหมือนสมเด็จโตรุ่น ๑๐๐ ปี” ที่สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๕ พร้อมทั้งรุ่น “๑๐๘ ปี” ที่สร้างเมื่อปี ๒๕๒๓ และ ๒๕๓๓ แค่นั้นไม่พอยังทำการปลอมพิมพ์ “รูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดร” ออกมาอีกด้วย เพราะแก๊งปลอมพระชุดนี้ “มองการณ์ไกล” ว่าสามารถ “ทำเงิน” ให้พวกมันได้ “อิ่มหมีพีมัน” ได้แน่นอนนั่นเอง
    .
    ทั้งหมดที่บรรยายมานี้คือ “พิรุธ” ที่ทำให้นักสะสมพระอาชีพ “จับได้” และ “ไล่ทัน” เพราะการสร้าง “พระสมเด็จปลอม” ชุดนี้แล้วทำการสร้างข่าวแบบอ้างอิงว่าเป็น “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต” และเป็นพระสมเด็จที่ “สมเด็จ (โต วัดระฆัง)” สร้างขึ้นมาเพื่อถวาย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ดังนั้น “คนภายนอก” จะไม่มีใครทราบนอกจากพวก “แก๊งปลอมพระ” เท่านั้นที่ทราบ ซึ่งนั่นก็คืออีก “หนึ่งพิรุธ” ของแก๊งปลอมพระชุดนี้ เพราะใน “ความเป็นจริง” แล้วพระสมเด็จปลอมชุดนี้ทำการสร้างขึ้นเมื่อ ปี ๒๕๒๕-๒๕๓๐ นี้เอง โดยอาศัยช่วงที่มีการบูรณปฏิสังขรณ์ “วัดพระแก้วมรกต” และ “พระบรมมหา ราชวัง” ระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๕๑๙-๒๕๒๔ มาอ้างอิง ซึ่งหากท่านผู้อ่าน “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” ทราบถึงมูลเหตุแห่งการ “บูรณปฏิสังขรณ์” วัดพระแก้วมรกตแล้วก็จะทราบดีว่า
    .
    “ก่อนการฉลองสมโภชพระนครที่ครบ ทุก ๕๐ ปี ก็จะมีการบูรณปฏิสังขรณ์ “วัดพระแก้วมรกต” และ “พระบรมมหาราชวัง” ก่อนทุกคราวตามประเพณีที่คุณ “ศุทธิวิทย์ กิจไชยพร” นำเรื่องราวเหรียญ “พระแก้วมรกตหลัง ภ.ป.ร.” ที่สร้างเป็น “ที่ระลึก” ในคราวฉลองพระนครครบ “๒๐๐ ปี” เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ ตรงเนื้อที่ “มุมนี้มีดีอวด” ประจำฉบับ “ทุกวันอาทิตย์” โดยเนื้อหามีว่า “ก่อนการฉลองพระนครครบ “๕๐ ปี” ในปี พ.ศ. ๒๓๗๕ ของ “รัชกาลที่ ๓” ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา “พระเจ้าน้องยาเธอฯ” เป็นแม่กองคุมงานบูรณะวัดพระแก้วมรกตก่อนการฉลองพระนคร และต่อมาในรัชสมัย “พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ ๕ ก่อนการฉลองพระนครครบ “๑๐๐ ปี” ในปี พ.ศ. ๒๔๒๕ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาแม่กองเพื่อควบคุมงานบูรณะปฏิสังขรณ์เช่นกัน
    .
    จากตรงนี้เองที่เป็น “จุดสำคัญ” ของการจับ “พิรุธ” แก๊งปลอมพระสมเด็จวัดพระแก้วมรกตคือ “หากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต วัดระฆัง)” ทำการสร้าง “พระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกต” ขึ้นถวาย “พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” จริง แล้วไฉนพระสมเด็จชุดนี้จึงรอดพ้น “สายตา” ของบรรดานายช่างที่ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระแก้วมรกตถึง “๒ ครั้ง ๒ ครา” คือครั้งแรกคราวที่กรุงรัตนโกสินทร์ครบ “๑๐๐ ปี” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๕ และครั้งที่สองครบ “๑๕๐ ปี” ในปี พ.ศ. ๒๔๗๕ เพราะตามบันทึกประวัติศาสตร์ “การบูรณะวัดพระแก้วมรกต” ก่อนการฉลองพระนครในทุก “๕๐ ปี” จะเป็นการบูรณะครั้งใหญ่ที่ถือเป็นประเพณีสืบมา
    .
    ดังนั้นจึง “เป็นไปไม่ได้” ที่ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต วัดระฆัง)” จะทำการสร้าง “พระสมเด็จวัดพระแก้วมรกต” แล้วบรรจุไว้บนเพดาน โบสถ์พระแก้วมรกตตามที่ “แก๊งปลอมพระสมเด็จ” ชุดนี้สร้างนิยายน้ำเน่ามาหลอกลวงกัน
    .
    จากจุดนี้เองวงการ “พระเครื่อง” จึงไม่ยอมรับ “พระสมเด็จวัดพระแก้วมรกต” เข้าไว้ใน สารบบของ “การสะสม” เพราะหากวิเคราะห์ด้วย “หลักการ” ตามที่ผู้เขียนบรรยายมาก็เพียงพอต่อการ “ชี้ชัด” ได้ว่าเป็นการ “สร้างปลอม” ขึ้นมาพื่อ “เจตนา” หลอกขายนักสะสมที่โง่เขลาเบาปัญญาเท่านั้น ฉะนั้นหากไม่อยากตกเป็นผู้โง่เขลาเบาปัญญาแล้วถ้ามี “มนุษย์ตนใด” นำพระสมเด็จกรุวัดพระแก้วมรกตมาท้าพิสูจน์จะด้วย “หลักอะไร” รวมทั้งหลัก “วิทยาศาสตร์” แล้วจงรู้ไว้เถอะว่า “ท่านกำลังถูกมันหลอกลวง” ฉะนั้นก่อนที่จะถูกมันหลอกเอาต้องไล่ “ตะเพิดมันไปซะก่อน” ดีที่สุด หรือหากไม่อยาก “มีเรื่อง” ก็อย่าไปข้องแวะแล้วท่านจะ “ปลอดภัยไร้กังวล” ทุกกรณี.
    .
    ประการสำคัญที่เป็น “จุดเด่น” ของการพยายาม “บิดเบือน” ข้อเท็จจริงของคนกลุ่มนี้ก็คือ “การเป็นคนใจถึง” ที่ประกาศ “รับซื้อ” พระสมเด็จปลอมเหล่านี้ในราคา “หลักแสนบาท” พร้อมทำการจ่ายเงินสด ๆ ให้เห็นกันอีกด้วยโดยมีหนังสือ “พระเครื่อง” ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อ “สังคม” เห็นแก่เศษเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่กลุ่มนักบิดเบือนเหล่านี้ “โยนให้” เป็นค่าโฆษณาชวนเชื่อจึงสร้าง “ความน่าเชื่อถือ” ให้กับ “นักสะสมรุ่นใหม่” ที่เพิ่งก้าวเข้าวงการใหม่ได้ดีพอสมควรจึงหันไป “ซื้อพระปลอม” ดังกล่าวมาแขวนคอกันหลายรายเลยทีเดียวและการพยายามบิดเบือน “ข้อเท็จจริง” ของพระสมเด็จวัดระฆังที่ “น่ากลัว” ของคนกลุ่มนี้ก็คือเป็นกลุ่มคนมี “เงิน” และ “ใจถึง” เพราะ “จิตผิดปกติ” ที่เพื่อนพ้องของผู้เขียนสันนิษฐานว่า “คงไปโดนเซียนพระหลอกขายพระสมเด็จปลอมมาก่อนเลยเกิด “เจ็บใจ” ครั้นจะตามไปเอาเงินคืนเซียนพระที่ขายของปลอมก็ “หายหัว” ไปแล้วจึงหันมาใช้วิธี “หลอกคนอื่นต่อ” เพื่อจะได้ความสะใจกลับมาเนื่องจากบางคนมีหน้าที่การงานดี มีหน้ามีตาเป็นที่ยอมรับของสังคมและหนังสือที่จัดทำขึ้นก็เป็นหนังสือชั้นดีมีราคาแพง ดังนั้นต้นทุนการจัดพิมพ์จึงสูงหากเป็นคน “เงินน้อย” คงไม่มีเงินลงทุนแน่” ส่วนที่ผู้เขียนนำมา “เปิดเผย” ก็เพราะเกรงแฟน ๆ ของ “เดลินิวส์” จะไปพลาดท่าเลยต้องมาบอกกล่าวกันเท่านั้นเองโยม!!.
    .
    ‘นายรู้ลึก แสนรู้ชัด’
     

แชร์หน้านี้

Loading...