พระดี พิธีใหญ่ รับประกันแท้ทุกรายการ!!! เชิญชม บูชา ในกระทู้ได้เลยครับ"

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย HMMAmulet296, 4 กุมภาพันธ์ 2022.

  1. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณมากครับ
     
  2. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
  3. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1610. สุดยอดมวลสารและพิธี พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ ปี 2531 ให้บูชา 750 บาท


    upload_2023-3-20_18-10-22.png

    upload_2023-3-20_18-10-50.png

    ท่านเจ้าอาวาสวัดไชโย เมื่อครั้งปี พ.ศ.2470 มีความประสงค์จะลงรักปิดทองใหม่ให้กับ องค์หลวงพ่อพระมหาพุทธพิมพ์ (หลวงพ่อโต) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ภายในวิหารวัดไชโย สร้างโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านจึงเตรียมทำการลอกทองเก่าออกจากองค์พระ และได้บอกบุญกับพุทธศาสนิกชน เพื่อหาปัจจัยมาปิดทองใหม่ให้กับองค์หลวงพ่อพระมหาพุทธพิมพ์ แต่ยังไม่ทันได้ดำเนินการ ท่านได้มรณภาพลงเสียก่อน การดำเนินการปิดทองใหม่จึงได้หยุดชะงักลง ไม่มีผู้ใดดำเนินการต่อ จนกระทั่ง พ.ศ.2531 พระครูพุทธพิมพานุรักษ์ (เฉลิม จันทวัณโณ) เจ้าอาวาส ได้ริเริ่มที่จะดำเนินการปิดทององค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ต่ออีกครั้งให้แล้วเสร็จ ซึ่งก็ได้เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้น คือ หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ได้มาปรากฏในฝันของ ดร.เถลิง เหล่าจินดา โดยมาบอกกล่าวอนุญาตให้ดำเนินการลงรักปิดทองใหม่ได้ ขณะเดียวกัน ท่านเจ้าอาวาสก็ได้เกิดนิมิตว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผู้สร้างองค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ มาให้คำแนะนำกับท่านว่าให้นำผงและทองเก่าที่กะเทาะลอกออกมาจากองค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์นั้น มาสร้างเป็นพระสมเด็จ ให้ประชาชนนำไปบูชา โดยผงที่ลอกออกมาก็สร้างเป็น พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ 31 ส่วนทองคำที่ลอกออกมา ก็นำไปเป็นส่วนผสมสร้างพระทองคำ ท่านเจ้าอาวาส และ ดร.เถลิง เหล่าจินดา จึงดำเนินการทำพิธีลงรักปิดทองใหม่ให้กับองค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์ และได้นำผงที่ลอกออกมาสร้างเป็น พระสมเด็จเกศไชโย รุ่นประวัติศาสตร์ 31 พร้อมกับทั้งเป็นการระลึกถึงวาระครบรอบ 200 ปี ชาตะของพระสมเด็จพระพุทธาจารย์โต พรหมรังสี ด้วย
    ในการสร้าง พระสมเด็จ รุ่นประวัติศาสตร์31 นี้ ยังได้ใช้พระประสกที่ร่วงหล่นลงมาจากองค์พระมหาพุทธพิมพ์ มารวมเป็นมวลสารด้วย โดยในครั้งแรกมีพระประสกร่วงหล่นมาเพียง 1 อัน แต่นายช่างที่มาช่วยสร้าง พระสมเด็จรุ่นประวัติศาสตร์31 และเจ้าอาวาส ได้คิดว่าถ้าหากมีพระประสกมาเป็นมวลสารเพิ่มขึ้นอีก ก็จะช่วยเพิ่มพุทธานุภาพให้กับ พระสมเด็จรุ่นประวัติศาสตร์31 ให้มากยิ่งขึ้น และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้นอีก เมื่อท่านเจ้าอาวาสได้อธิษฐานจิตขอให้หลวงพ่อพระมหาพุทธพิมพ์ ประทานพระประสกเพิ่มขึ้นอีก และเมื่อมีการสำรวจองค์หลวงพ่ออีกครั้งก่อนดำเนินการปิดทองใหม่ ปรากฏว่ามีพระประสกชำรุดร่วงหล่นจากองค์หลวงพ่อเพิ่มอีก 47 อัน จึงเป็นอันว่าได้มีพระประสกจากองค์หลวงพ่อมหาพุทธพิมพ์มาเป็นมวลสารศักดิ์สิทธิ์ให้กับ พระสมเด็จเกศไชโยรุ่นประวัติศาสตร์31 เป็นจำนวนมาก และทางวัดได้จัดให้มีพิธีมหาพุทธาภิเษก ในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2531 โดยมีพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศจำนวนมากถึง 108 รูป มาร่วมพิธี และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จมาเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย
     
  4. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1611. พระสมเด็จคะแนน วัดวังหิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ปี2520 พิธีปลุกเสกใหญ่ ให้บูชา 550 บาท


    upload_2023-3-20_19-3-30.png



    พระสมเด็จคะแนน วัดวังหิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ปี2520 พิธีปลุกเสกใหญ่ โดยพระอาจารย์ชื่อดังในยุคนั้นเข้าร่วมอธิษฐานจิตปลุกเสกหลายรูป อาทิเช่น หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ หลวงพ่อสีหมอก วัดวังตะโก หลวงพ่อเณร วัดแสนสุข ฯลฯ
    "ไม่ต้องเอาพระฉันไปให้ใครเสกทับ ทำไว้ให้ดีแล้ว ในชลบุรี เราลองมาหมดแล้ว ไม่เท่าไหร่หรอก ไม่ต้องไปให้ใครเสก " หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกระเฌอ ชลบุรี
    ด้านพุทธาคม หลวงปู่เริ่ม ท่านมีความสนใจมาตั้งแต่ก่อนอุปสมบท มีพระอาจารย์เก่ง ๆ มีชื่อเสียงอยู่ที่ใด ท่านก็จะดั้นด้นเดินทางไปกราบขอศึกษาเล่าเรียนด้วย
    หลวงปู่เริ่มท่าน เคยเล่าให้ศิษย์ฟังว่า พระอาจารย์รูปแรกของท่านคือ หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ที่สร้างเครื่องรางในรูป “แพะ” มีพุทธคุณด้านเมตตามหานิยมเป็นที่โด่งดังไปทั่ว
    หลวงพ่อเริ่ม ท่านได้ศึกษาพุทธาคมจากหลวงพ่ออ่ำหลายอย่าง โดยเฉพาะ วิชาฝนแสนห่า และ สีผึ้งเจ็ดจันทร์ ซึ่งเป็นวิชาทางด้านเมตตามหานิยมชั้นสูง แต่ก่อนที่หลวงพ่ออ่ำจะสอนวิชาให้ ท่านได้ทดสอบสมาธิ และความกล้าหาญของหลวงปู่เริ่ม โดยจับมัดมือไพล่หลังคร่อมตออยู่ริมป่าช้าผีดุ วัดหนองกระบอก และให้คาถามา ๔ ตัว บอกให้ภาวนาจนเชือกหลุด หลวงปู่เริ่มท่านก็สามารถทำได้ หลวงพ่ออ่ำจึงรับไว้เป็นศิษย์ ถ่ายทอดวิชาดังกล่าว
    นอกจากหลวงพ่ออ่ำ แล้ว หลวงปู่เริ่มยังได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์อีกหลายรูป อย่างเช่น ไปเรียนวิชาทำปลัดขิก และหนังหน้าผากเสือ กับ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ, เรียนวิชาทำหนังหน้าผากเสือกับ หลวงพ่อสาย วัดหนองเกตุน้อย ชลบุรี, เรียนวิชาทำผง ๑๒ นักษัตร์ จาก หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ปทุมธานี, และวิชาอื่น ๆ จากพระอาจารย์หลายรูป อาทิ หลวงพ่ออ่อง วัดหนองรี ชลบุรี, หลวงพ่อผุย วัดหน้าพระธาตุ พนัสนิคม ชลบุรี, เจ้าคุณศรีฯ วัดอ่างศิลา ชลบุรี เป็นต้น
    ในตระกูลพระเนื้อผงของ หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ ที่ผสมผง ๑๒ นักษัตร..ดีทุกรุ่น ท่านเรียนมาจากหลวงปู่เทียนวัดโบสถ์มีศิษย์หลวงปู่เทียนเพียง 2 ท่านที่สำเร็จในการทำผงนี้.. ๑.หลวงปู่เริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ - ๒.หลวงปู่ลมูลวัดเสด็จ ปทุมธานี ตลอดในชีวิตของหลวงปู่เริ่ม ท่านทำผงนี้ขึ้นได้แค่ 2 ครั้ง ... คิดดูนะครับว่าทำยากขนาดไหน! พระผง 12 นักษัตรของหลวงปู่เริ่มจะรุ่นไหนก็แล้วแต่จึงเป็นของดีที่น่าใช้... เป็นพระที่พลิกดวง ทั้ง 12 ราศีปีเกิด .. ที่ดวงตกก็พลิกให้ดีที่ดีอยู่แล้วก็ส่งเสริมให้ดียิ่งๆขึ้นไป ถือเป็นพระคู่ชีวิตที่ใช้ติดตัวไปจนตายเลย เพราะใช้ดีใช้ได้ ในทุกราศีปีเกิดเลย ... พระที่ว่าราคาเป็นหมื่นเป็นแสนคิดดูแล้วจะเทียบคุณภาพกับของท่านได้หรือเปล่า.. หลวงปู่เริ่มท่านถึงบอกว่าของของท่านไม่ต้องเอาไปให้ใครเสกทับ งั้นๆแหละ .. ระดับพระอริยเจ้าอย่างหลวงปู่โต๊ะ ยอดยิ่งแห่งพระอภิญญายังหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่.. ยังกล่าวชมว่าหลวงพ่อเริ่มเป็นพระเก่ง..มองข้ามของดีกันไปมากมายเลยทีเดียว
    หลวงพ่อเริ่ม เคยบอกเล่าให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า ในสมัยก่อนนั้น หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ ปทุมธานี เป็นพระมอญที่มีชื่อเสียงในการสร้างพระผง 12 นักษัตร เปี่ยมด้วยพุทธคุณเข้มขลังไม่ด้อยไปกว่าผงสมเด็จวัดระฆัง ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
    หลวงปู่เริ่มได้ไปขอเรียนวิชาสร้างผง 12 นักษัตร ด้วยคำว่า เนื้อ 12 นักษัตร เป็นผงที่สร้างยากต้องมีความมานะพยายามสูง กว่าจะรวบรวมวัตถุมงคลให้ครบตามตำราล้วนยากเย็น อาทิ กระดูกม้าขาว กระดูกไก่ดำ ซึ่งกระดูกออกเป็นสีชมพู
    เมื่อได้มวลสารครบถ้วนตามตำราแล้ว ต้องบดผงเข้าด้วยกันแล้วปั้นเป็นแท่งดินสอเตรียมไว้ เมื่อเข้าพรรษาให้เริ่มลงอักขระเลขยันต์ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของพรรษา ทำจนครบ 3 พรรษา
    หลวงปู่เริ่มยังเล่าอีกว่า ลูกศิษย์หลวงปู่เทียนที่เรียนวิชานี้มีเพียงสองท่านเท่านั้นที่สร้างผงนี้ได้สำเร็จถูกต้องตามตำราโบราณ ซึ่งตลอดชีวิตสมณเพศกว่า 59 พรรษา ท่านทำผงนี้ได้สำเร็จถึง 2 ครั้ง ท่านลบแล้วถมจนผงลอดกระดานทุกครั้ง
    (((หลวงพ่อเริ่ม ปรโม โดย คุณชินพร สุขสถิตย์)))
    หลวงพ่อเริ่มท่านเป็นทั้งสหธรรมิก และเคยร่วมกันค้นคว้ารวมถึงการแลกเปลี่ยนวิชาบางประการกับหลวงปู่ทิม ยอดพระเกจิสายภาคตะวันออกแห่งวัดระหารไร่มาก่อน ทั้งๆที่หลวงพ่อเริ่มมีอายุน้อยกว่าหลวงปู่ทิมเกือบ 20 ปี ส่วนหลวงปู่ทิมเองท่านเคยเดินทางด้วยเท้าเปล่ามาเยี่ยมเยือน และพักค้างแรมกับหลวงพ่อเริ่มที่วัดจุกกะเฌอปีละหลาย ๆ ครั้ง ในสมัยหลวงปู่ทิมอายุราว ๆ 60-70 ปี และการคมนาคมยังไม่สะดวกเช่นปัจจุบัน การไปมาหาสู่กันต้องเดินด้วยเท้าเปล่า
    หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าว่า หลวงปู่ทิม และท่าน เมื่อมาพบกัน คุยกัน และแลกเปลี่ยนวิชา ตลอดจนทดสอบวิชากันเพียง 2 รูป ทำเรื่องที่คนเขาเห็นว่าเหลือเชื่อ ซึ่งเล่าไปก็เป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม (หมายเหตุ เข้าใจว่าท่านคงนำเอาวิชาที่เรียนมา ทดลองให้เห็นจริงเห็นจังเพียง 2 รูป เพราะหลวงปู่ทิมท่านพูดเสมอว่า อภินิหาร อิทธิฤทธิ์ นั้นมีจริง ถ้าทำจริง รู้จริง ท่านว่า ถ้ามีศีล สัจจะ ศรัทธา สมาธิ แล้วจึงจะมีอภินิหารได้)
    หลวงพ่อเริ่ม ปรโม ซึ่งผู้เขียนกล้ากล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ท่านมีอภิญญาอันแก่กล้า เป็นพระเถราจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณอยู่ในท้องถิ่น ท่านดังเงียบ ๆ มานาน ผลงานพัฒนาวัดจุกกะเฌอของท่าน อันได้แก่ กุฏิ เสนาสนะต่าง ๆ เป็นเครื่องยืนยันให้เห็นถึงความศรัทธาที่ประชาชนในถิ่นนั้นมีต่อท่านได้เป็นอย่างดี
    หลวงพ่อเริ่มท่านมีผลงานที่ยิ่งใหญ่ สร้างโรงเรียนช่วยกุลบุตร กุลธิดา ให้มีสถานศึกษาเล่าเรียนหลายโรงเรียน สร้างพระอุโบสถ และเสนาสนะสำเร็จแล้วหลายวัด แต่ในวงการพระเครื่อง(ในยุคนั้น) น้อยคนนักที่จะรู้จักท่าน เพราะเกียรติคุณ และกิตติศัพท์ของท่าน ยังไม่เคยมีประวัติลงในหนังสือพระเครื่องเล่มใด ๆ มาก่อน แต่วัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เหรียญ รูปหล่อ ตะกรุด สีผึ้ง ฯลฯ ล้วนแต่หมด เพราะผู้คนในท้องถิ่น
    หลวงพ่อเริ่มท่านมีวิทยาคมแก่กล้ามาตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ อายุท่านยังไม่ถึง 40 ปี ทางการสมัยนั้นอันมีทั้งฝ่ายปกครอง และตำรวจ ต้องมาขอร้องท่านให้เลิกอาบว่านยา และสักอักขระเลขยันต์ เพราะลูกศิษย์ของท่านหลายคนได้กลายเป็นนักเลงหัวไม้ โจร นักปล้น ตลอดจนอ้ายเสือ ทำความเดือดร้อนให้แก่บ้านเมือง เพราะกำเริบเหิมเกริมที่ได้ของดีจากท่านไปคุ้มครองตน
    ในด้านไสยเวทย์วิทยาคมนั้น หลวงพ่อเริ่มท่านสนใจมาตั้งแต่รุ่นหนุ่ม ยังไม่อุปสมบท ที่ไหนมีครูบาอาจารย์ดีมีชื่อ ท่านจะไปขอร่ำเรียนเพิ่มเติมวิชาอาคมอยู่เสมอ เมื่อหลวงพ่อเริ่มบวชได้ 6 พรรษา พ้นนิสัยพระนวกะแล้ว พอถึงฤดูแล้ง หลวงพ่อเริ่มท่านก็จะออกเดินทางไปขอเรียนวิชาจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในสมัยนั้น
    สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทัย) วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ซึ่งเชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์ วิปัสสนากรรมฐาน และเด่นทางด้านการสร้างพระปิดตาไม้แกะ ด้วยเป็นศิษย์เอกของ พระธรรมกิติ (เม่น) ผู้มีชื่อเสียงในการสร้างพระปิดตาไม้โพธิ์แกะ หลวงพ่อเริ่มก็ไปขอเรียนการสร้างพระปิดตา วิชาโหราศาสตร์ และวิปัสสนากรรมฐานจากสมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศมาแล้ว นับว่าครูบาอาจารย์ท่านมีสมณะศักดิ์สูงถึงขั้นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
    หลวงพ่อเริ่มเคยเล่าให้ฟังว่า อาจารย์รูปแรกของท่านก็คือ หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า เจ้าอาวาสวัดหนองกระบอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังทางสร้าง “แพะ” ซึ่งเป็นของเมตตามหานิยมอย่างสูง ตลอดจนใช้ป้องกันอันตรายได้อย่างวิเศษไม่ด้อยกว่า เสือ หรือ วัวธนู หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า นอกจากจะเป็นอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการอันเร้นลับให้หลายอย่างแล้ว หลวงพ่ออ่ำยังเป็น ปู่แท้ ๆ ของท่านด้วย หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าว่า ที่เรียกว่า หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า นั้น ก็เพราะมีเถ้าแก่เรือปลาชาวระยองคนหนึ่งชื่อ เถ้าแก่ย้ง อยากจะทดลองความเป็นผู้มีเมตตามหานิยมของหลวงพ่ออ่ำ เถ้าแก่มีเรือประมงอยู่ 2 ลำ เป็นเรือเก่าที่ใช้มานานแล้วลำหนึ่ง ส่วนอีกลำเป็นเรือต่อใหม่ เถ้าแก่ย้งต้องการขายเรือลำหนึ่ง จึงท้าพนันกับหลวงพ่ออ่ำว่า ถ้าหลวงพ่อมีเมตตามหานิยมสูงจริง ๆ ต้องทำให้ลูกค้าที่สมุทรสาครมาซื้อเรือลำหนึ่ง ซึ่งเถ้าแก่ตั้งราคาเรือเก่า และ เรือใหม่ ไว้ที่ราคาลำละ 90 ชั่ง เท่ากัน ถ้าลูกค้ามาซื้อเรือลำเก่า ซึ่งมีราคาเท่ากันกับเรือลำใหม่ล่ะก็ ถึงจะยอมรับว่าหลวงพ่อแน่จริง หลวงพ่ออ่ำเมื่อได้ยินเถ้าแก่ย้งท้าดังนั้น ท่านก็มาที่เรือทั้ง 2 ลำ ยกขึ้นจอดคู่กันไว้ มีขนาด และกำลังเครื่องยนต์เท่ากันทุกอย่าง หลวงพ่ออ่ำท่านขึ้นไปบนเรือลำเก่า เดินวนอยู่ 3 รอบ เจิมโน่นเจิมนี่ตามเรื่องของท่าน แล้วก็เอาน้ำมนต์พรมรอบ ๆ เรือลำเก่าจนทั่ว ส่วนเรือลำใหม่ท่านไม่ได้ขึ้นไปแตะต้องเลย เมื่อพ่อค้าปลาเมืองสมุทรสาครมาดูเรือทั้ง 2 ลำแล้ว ก็ตกลงซื้อเรือลำเก่าที่หลวงพ่อขึ้นไปเจิมไว้ในราคา 90 ชั่งเท่ากัน ผู้คนในสมัยนั้นเลยเรียกหลวงพ่ออ่ำ ปู่และครูบาอาจารย์รูปแรกของหลวงพ่อเริ่มว่า “หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า” หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าว่า ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชา ฝนแสนห่า กับ สีผึ้ง ๗ จันทร์ ที่เรียนมาจาก หลวงพ่ออ่ำ เรือเก่า ซึ่งเป็นวิชาเมตตามหานิยมอย่างสูงของหลวงพ่ออ่ำ ก่อนที่หลวงพ่ออ่ำจะรับท่านไว้เป็นลูกศิษย์ถ่ายทอดวิชา หลวงพ่ออ่ำได้ทดสอบสมาธิ และความกล้าของท่าน โดยจับท่านมัดมือไพล่หลัง คร่อมตออยู่ริมป่าช้าผีดุวัดหนองกระบอก และให้คาถาท่านมา 4 ตัว บอกให้ภาวนาให้เกิดสมาธิเชือกหลุด หลวงพ่อเริ่มท่านเล่าว่า เมื่อหลวงพ่ออ่ำมัดท่าน และพระเพื่อนอีกรูปหนึ่ง ก็เดินกลับกุฏิซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก หลวงพ่ออ่ำเดินยังไม่ทันก้าวขึ้นกุฏิ ท่านก็ทำใจจนเป็นสมาธิภาวนาจนเชือกหลุด ส่วนอีกองค์ภาวนาเท่าไรก็ไม่หลุด จนทนไม่ไหวต้องตะโกนให้คนไปแก้มัด ก็เป็นอันว่าคราวนั้น หลวงพ่ออ่ำรับหลวงพ่อเริ่มไว้เป็นลูกศิษย์เพียงรูปเดียว
     
  5. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1612. พระดีพิธีใหญ่ แดนใต้ พระผงภูธราวดี เป็นพระดีพิธีใหญ่ในอดีตที่ซึ่งปัจจุบันพิธีการสร้างแบบนี้คงจะทำได้ยากแล้ว จัดสร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ.2505-2506 ให้บูชา 899 บาท



    upload_2023-3-20_19-17-2.png


    จากบันทึกของขุนพันธ์ชื่อ “เรื่องอาจารย์นำ แก้วจันทร์” เขียน เมื่อปีพ.ศ.๒๕๒๐ ปี กล่าวว่าพ.ศ.๒๕๐๕ พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต กับผมได้สร้างพระพิมพ์ภูธราวดีด้วยผงว่าน ยาแก้-ยากันต่างๆ ผงพระ ผงวิเศษ ดินเสื้อเมือง-หลักเมือง ตะไคร่จากพระธาตุเจดีย์ทั่วประเทศ ดินท้องถ้ำ ดินยอดเขาที่มีชื่อเป็นมงคลดินสังเวชนีย์ สถานจากอินเดียโดยพลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธ์ ยุคล ทรงประทาน กับได้เททองหล่อพระประธานแบบทวาราวดี ถวายวัดพระปฐมเจดีย์ สร้างศาลากตัญญูธรรมไว้ที่หน้าองค์พระปฐมเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระซึ่งหล่อขึ้นในครั้งนั้น กับสร้างพระกริ่ง ภูธราวดีด้วยเนื้อทองนวโลหะ พระเครื่องที่สร้างขึ้นครั้งนี้ได้นำไปแจกตำรวจ ทหารทั่วประเทศ บุคคลทั่วไปตามสมควรไม่มีการให้ เช่า โดยพิธีการจัดสร้างนั้นเยี่ยมยอดทุกขั้นตอนตั้งแต่เจตนาการสร้าง การคัดสรรมวลสาร พิธีพุทธาภิเษกที่ปลุกเสกกันถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา...... มีทั้งสีน้ำตาลแบบเนื้อดินผสมว่านและสีดำแบบว่านผสมผงซึ่งส่วนผสม สำคัญ ๆ ของพระเครื่องเนื้อดินผสม ผงชุดภูธราวดี ได้แก่
    ๑. ดินจากสังเวชนียสถาน ทั้ง 4 แห่งในประเทศอินเดีย
    ๒.ว่านสำคัญ ทั้งว่านยา ว่านไสยศาสตร์ ยาแก้ยากันต่าง ๆ และว่านหายากชนิดต่างๆ ประมาณ ๔๐๐ ชนิด
    ๓.ดินจากหลักเมืองและจากภูเขา หรือสถานที่ชื่อเป็นมงคลทั่วราชอาณาจักร
    ๔.ตะไคร่จากพระเจดีย์องค์สำคัญ ๆ เช่นจากพระปฐมเจดีย์จังหวัดนครปฐม จากวัดบรมธาตุ จังหวัดนครศรีธรรมราช ฯลฯ
    ๕.พระผงแตกหักจากพระสมเด็จฯ ผงแตกหักจากพระนางตรา ผงจากพระคณาจารย์ทั่งราชอาณาจักรที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ตลอดจนน้ำพระพุทธมนต์จากพิธีสำคัญต่างๆ ในการจัดสร้างพระพิมพ์พระร่วงโรจน์ฤทธิ์ จำนวน ๑๖๘,๐๐๐ องค์ ทุกๆ ๑๐๐ องค์ จะมีพระคะแนนที่เป็นพิมพ์พิเศษแตกต่างออกอีกไป ๑ องค์ เช่น พระพิมพ์พระนางตรา พระพิมพ์ทวารวดี พระพิมพ์วัดประตูทอง เป็นต้น รวมจำนวนพระพิมพ์คะแนนพิมพ์ละประมาณไม่เกิน ๑,๖๘๐ องค์ นอกจากนี้ยังมีพิมพ์พิเศษที่มีจำนวนน้อยยิ่งกว่า พิมพ์ คะแนน อันได้แก่ พิมพ์พระสังกัจจายน์ ซึ่งไม่ถูกระบุในประวัติการจัดสร้าง ตลอดจนพระกริ่ง และ พระบูชาภูธราวดี หน้าตัก ๕ นิ้ว ที่ไม่สามารถระบุจำนวนการสร้างที่แน่ชัดได้ ส่วนผสมที่สำคัญสำหรับการหล่อพระกริ่ง พระบูชาธราวดี ซึ่งเท่าที่ปรากฏหลักฐานมีเฉพาะเนื้อนวะโลหะ ซึ่งก่อนการจัดสร้าง พระเนื้อโลหะได้มีการจัดส่งทั้งแผ่นเงิน ทอง นาค เงิน ดีบุก ให้คณาจารย์ต่างๆ ทั้งที่มาเข้าร่วมในพิธีด้วยตนเอง และไม่ได้เข้าร่วม
    พิธีลงจารอักขระ มาด้วย พิธีพุทธาภิเษกของพระชุดภูทราวดี มีทั้งสิ้น ๓ ครั้งด้วยกันได้แก่

    ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยทั้งการกดพิมพ์พระเนื้อดิน และหล่อพระเนื้อโลหะต้องเตรียมการและจัดทำ กันอยู่เป็นเดือนๆ โดยผู้ที่กดพิมพ์มีทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ข้าราชการ ผู้ที่กดพิมพ์และช่วยหล่อจะต้องนุ่งห่มขาว รับศีลสมาทาน ทุกวัน หากผู้ใดออกนอกปะรำพิธี ก่อนกลับเข้าในพิธี ต้องประพรมน้ำพระพุทธมนต์ก่อน รวมถึงต้องรับศีลใหม่ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องถือพรหมจรรย์ ห้ามรับของต่อมือผู้หญิงรวมถึงห้ามคนนอกและผู้หญิงเข้าใกล้ในเขตพิธีด้วย เมื่อเข้าที่เป็นที่เรียบร้อย จึงใช้ไม้ ที่มีนามเป็นมงคลลงเลขอักขระเป็นเชื้อเพลิง เมื่อสุมไฟได้ที่ต้องมีพระสวดชัยมงคลคาถา ๙ รูป เมื่อนำพระขึ้นมาจะต้องประพรม ด้วยน้ำมันจันทน์หอมอย่างดีจึงจะนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกต่อไป (เป็นเรื่องแปลกขณะที่จัดสร้างพระชุดนี้ได้เกิดมหาวาตภัยขึ้นที่แหลม ตะลุมพุก วิหารทั่วไปในวัดล้วนได้รับความเสียหาย แต่ในเขตพิธีอันได้แก่ วิหารหลวงไม่มีสิ่งใดได้รับความเสียหายเลย แม้กระเบื้อง มุงหลังคาสักแผ่นเดียว
    พิธีพุทธาภิเษกที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมีเกจิอาจารย์สำคัญของภาคใต้เข้าร่วมพิธีแทบทุกองค์ โดยเฉพาะ เกจิอาจารย์ทางสายเข้าอ้อ อาทิเช่น
    อาจารย์ปาล วัดเข้าอ้อ
    อาจารย์คง วัดบ้านสวน
    หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก
    อาจารย์นำ แก้วจันทร์ (ขณะนั้นยังเป็นฆราวาส ยังไม่ได้บวชอยู่ใน สมณะเพศ)
    พ่อท่านเขียว วัดหรงบล ฯลฯ ร่วมในพิธี

    ครั้งที่ ๓ ทำพิธีพุทธาภิเษกที่จังหวัดนครปฐมมีทั้งพราหมณ์ พระไทย จีน พระญวน ในนิกายต่างๆ รายนามพระคณาจารย์ต่างๆ เท่าที่รวบรวมได้ซึ่งปรากฏหลักฐานว่าเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกของพระเครื่องชุดภูธราวดีได้แก่
    ๑.สมเด็จพระสังฆราชเป็นองค์ประธานพิธีที่หน้าองค์พระปฐม เมื่อ ๒๔ เมษายน ๒๕๐๖ ๒.พระมหาวีรวงศ์-พิธีเดียวกับสมเด็จพระสังฆราช
    ๓.พระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ
    ๔.พระอาจารย์คง วัดบ้านสวน
    ๕.หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก
    ๖.อาจารย์นำ วัดดอนศาลา (ขณะเข้าพิธียังเป็นฆราวาสอยู่ มีรูปถ่ายปรากฏเป็นหลักฐาน) ๗.หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
    ๘.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา
    ๙.หลวงปู่เพิ่ม วัดกลาบางแก้ว
    ๑๐.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    ๑๑.หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์
    ๑๒.หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน
    ๑๓.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    ๑๔.พระครูอาคมสุนทร วัดสุทัศน์ฯ
    ๑๕.หลวงพ่อคล้าย (วาจาสิทธิ์) วัดสวนขันธ์
    ๑๖.หลวงปู่ทิม วัดช้างให้ ฯลฯ

    นอกจากนี้มีเกจิฯ อีกมากมายที่สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าพิธีพุทธาภิเษก ทั้ง ๓ ครั้ง และไม่ได้มีหลักฐานบันทึกไว้ มูลเหตุแห่งการสร้างและผู้ดำเนินการจัดสร้าง พระเครื่องชุดนี้สร้างขึ้นจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าของนายตำรวจ ๒ ท่านได้ แก่ พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต ท่านผู้นี้มีชื่อเสียงโด่งดังทางสายปราบปราม เคยพิชิตเสือชื่อดังต่าง ๆ ในยุคหลังสงครามที่โด่งดังใน ภาคกลางมากมายเช่น เสือใบ เสือเจริญ เสือผาด มีฉายาว่าเป็นมือปราบหนังเหนียวเนื่องจากการปะทะกับพวกโจรขณะเดินทาง จากนครปฐม เข้ากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๔๙๕ โดยปรากฏหลักฐานว่าในขณะเกิดเหตุ ท่านพกพระท่ากระดาน และลูกอม ของหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว (น่าจะเป็นสาเหตุให้พระท่ากระดานมีราคาสูงมาตั้งแต่ครั้งนั้น ) พล.ต.ต.ขุนพันธ์ รักราชเดช นามเดิม ชื่อ บุตร์ พันธรักษ์ ท่านผู้นี้มีเสียงโด่งดังทางสายปราบปรามเช่นกัน มีฉายาเป็นภาษายาวี "รรยอกะจิ"เคย พิชิตเสือร้ายที่มีชื่อเสียงโด่งดังทางภาคใต้ทางแถบเทือกเขาบูโดจังหวัดนราธิวาส เช่น ขุนโจร อาแวสะดอ ที่กล่าว กันว่าหนังเหนียวเพราะเขี้ยวหมูทอง แดง อ้ายดำหัวแพร เป็นต้น ท่านผู้นี้เป็นศิษย์ฆราวาสของสำนักเขาอ้ออันโด่งดัง นอกจากนี้ยังมี บุคคลสำคัญที่ช่วยในการจัดเตรียมวัสดุมงคลเพื่อการจัดสร้างพระโดย พลตรีพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภาณุพันธ์ ยุคล แต่มูลเหตุ หลักในการจัดสร้างพระเครื่องชุดนี้ นอกเหนือจากศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อพระพุทธศาสนาของคณะผู้ร่วมจัดสร้างแล้ว ยังต้องการ จะนำไปแจกจ่ายให้ผู้ศรัทธา และมีปรากฏในบันทึกของพล.ต.ท.ประชา ว่าได้มีการจัดพระเครื่องชุดนี้ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระตำหักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๐๖ โดยรายการที่จัดพระเครื่องทูลเกล้า ถวายมีดังนี้
    ๑. พระเครื่องภูธราวดี ๓๐๙ องค์ ในจำนวนนี้มีเลี่ยมทองคำรวม ๕ องค์
    ๒.พระเครื่องคะแนน ปางปฐมเทศนาจำนวน ๓ องค์
    ๓.พระเครื่องคะแนนพิมพ์พระนางตราจำนวน ๓ องค์
    ๔.พระเครื่องคะแนนพิมพ์ประตูทอง จำนวน ๓ องค์
    ๕.พระกริ่งภูธราวดีสร้างด้วยนวโลหะจำนวน ๒ องค์
    ๖.พระกริ่งยอดธงภูธราวดีสร้างด้วยนวโลหะจำนวน ๙ องค์ (จัดสร้างเฉพาะเพื่อทูลเกล้าถวาย ๙ องค์เท่านั้น) นับได้ว่าเป็นพระเครื่องอีกหนึ่งชุดที่มีทั้งเจตนาสร้างดี มวลสารดี พิธีเยี่ยม นอกจากนั้นทางด้านพุทธคุณก็ไม่แพ้ใครประสบการณ์ นับครั้งไม่ถ้วน
     
  6. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1613. พระสมเด็จนางพญาไพลดำ พิมพ์สมเด็จจิตรลดา เนื้อผงวิเศษผสมว่านปิดทองคำแท้ในพิมพ์ หลังไพลดำ (โดยรับพระราชทานให้จัดสร้างได้ ให้มีรูปแบบเหมือนของเดิม สมเด็จจิตรลดา ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจัดสร้างด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์เอง แต่ด้านหลังหลวงพ่อถาวร ท่านใช้ยันครูฯหลวงพ่อยี ประทับไว้แทน เพื่อจะได้ไม่ให้เหมือนของเดิม) ปิดรายการครับ


    upload_2023-3-20_22-53-48.png



    จัดสร้างด้วยมวลสารผงวิเศษ อาทิ
    - มวลสารผงจิตรดาที่ได้รับพระราชทาน และได้รับอนุญาตจากทางวังในการจัดสร้างเป็นกรณีพิเศษ
    - กิ่งใบโพธิ์ แก่นจันทร์ จากประเทศอินเดีย
    - กากยาน้ำมันมนต์ของ หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง
    - ข้าวสารดำอันเกิดจากการหุงข้าวสารด้วยไพลดำ เป็นต้น
    “ไพลดำ” เป็นว่านที่กล่าวถึงในตำนานว่านไทย ว่ามีความวิเศษ ยิ่งกว่าว่านทั้งหลาย เป็นว่านกายสิทธิ์ไพลดำ อานุภาพสูงมีสรรพคุณ เลื่องชื่อในคำว่า คงกระพันชาตรีมหาอุด และแคล้วคลาดปลอดภัย มีกระแสอิทธิฤทธิ์ที่แรงมากเป็นว่านมหามงคลมีฤทธิ์อำนาจในตัว ป้องกันอาถรรพ์และทำลายสิ่งชั่วร้าย ปกป้องภัย ดังนั้นถ้านำมาเป็นมวลสารในองค์พระจะยิ่งมีความเข้มขลังเป็นพิเศษกว่าพระโดยทั่วไป อานุภาพเทียบเท่าเหล็กไหล
    พิธีพุทธาภิเษก
    - ณ. ศาลาพระราชศรัทธา วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กทม. โดยพระคณาจารย์ 9รูป อาทิ หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน, หลวงพ่อรวย วัดตะโก และ หลวงพ่อพระมหาถาวร วัดปทุมวนาราม เป็นต้นและหลวงพ่อถาวรเชิญครูบาอาจารย์ท่านมาช่วยเสกด้วยครับ พระเครื่องหลวงพ่อถาวร จัดสร้างและเสกอธิษฐานจิต มีฆราวาสผู้ปฎิบัติธรรมสายหลวงปู่ดู่ ได้จับพลังดู ถึงกับเอ่ยปากว่าพลังพุทธคุณสูงมาก มีญานของพระผู้สำเร็จมาเสกอธิษฐานจิต ให้หลายรูป พลังและรัศมีรุนแรงมากและมีกระแสเย็นสบาย พุทธคุณครอบจักรวาล ด้านหลังเป็นยันต์เอกลักษณ์ของหลวงพ่อถาวร และฝังว่านไพลดำที่มีคุณสมบัติ ด้านคงกะพัน ป้องกันคุณไสย ป้องกันอุบัติเหตุต่างๆ
    หลวงพ่อถาวร เป็นเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ยี ปญญภาโรและหลวงปู่ใหญ่ฯทางนิมิตร ซึ่งหลวงปู่ยีก็เป็นศิษย์ในดงของหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งหลวงปู่ยีเป็นพระอภิญญา สามารถแสดงฤทธิ์ได้ สมัยก่อนเคยมีการทดสอบท่าน ท่านก็แสดงฤทธิ์ให้เห็นกันชัดๆ จนเป็นข่าวใหญ่ในสมัยนั้นกันเลยครับหลวงพ่อถาวรเป็นพระดีที่หาได้ยากในปัจจุบันนะครับ ท่านมีพลังจิตสูงมากองค์หนึ่งเลยทีเดียว ท่านใดที่ไม่สามารถจะเสาะ
    แสวงหา พระสมเด็จจิตรลดา "ยุคแรก" มาขึ้นคอ เพื่อเป็นสิริมงคลได้ หลวงพ่อถาวร ท่านก็จะแนะนำ
    ศิษยานุศิษย์ของท่าน ให้อาราธนา "พระพิมพ์สมเด็จิตรลดา หลังว่านไพลตำ" ทดแทนได้...เพราะมีมวลสาร
    ยุคแรกๆ ของ สมเด็จจิตรลดา ผสมอยู่ เป็นจำนวนมาก ท่านบอกว่า รุ่นนี้ คือ สุดยอดแห่งมวลสาร,สุดยอดแห่ง
    พุทธคุณ และต่อไปในภายภาคหน้า จะ ล้ำค่า หายากสุดพรรณนา..! ขอให้คณะศิษยานุศิษย์ ทุกๆคน จงเชื่อ...
    หลวงพ่อถาวรท่านมีเมตตาสงเคราะห์ญาติโยมอยู่เป็นประจำ ท่านมีพลังจิต และบุญฤทธิ์ และอิทธิฤทธิ์มากองค์หนึ่งในประเทศไทย สามารถทำอะไรที่เหนือธรรมชาติได้มากมาย ท่านมีญาณหยั่งรู้เรื่องราวของสิ่งที่เราติดขัดจริงๆ คำแนะนำของท่านสั้นกระชับมาก และนำไปปฏิบัติได้จริงๆ เช่นมีผู้ถามว่า ขอคำแนะนำในการปฏิบัติธรรมให้รุดหน้า ท่านแนะนำเพียง 3 คำว่า "ให้กินน้อย นอนน้อย และพูดน้อย" เท่านี้หลายๆท่านก็รีบถอยออกมาแล้วละครับ
    พระสมเด็จจิตรลดา หลังว่านไพลดำ เหมาะสำหรับท่านที่ไม่มีสมเด็จจิตรลดารุ่นแรกๆใช้ ก็ใช้รุ่นนี้ทดแทนได้เช่นกัน เพราะมีมวลสารยุคแรกๆผสมอยู่มากมาย นับว่าเป็นพระที่สุดยอดมวลสาร สุดยอดพุทธคุณ และสุดยอดหายาก หลวงพ่อถาวร ท่านโดนนิมนต์เข้าวังบ่อยครับโดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร๙ มักนิมนต์หลวงพ่อถาวร เข้ามาในพระราชวังอยู่เสมอครับทั้งนิมนต์โดยทางโลกและนิมนต์ทางฤทธิ์

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2023
  7. thitiwatyu

    thitiwatyu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2010
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +333
    ยังอยู่มั้ยครับ
    1302. สุดยอดพระดี พิธีใหญ่ พระพุทธชินราช พิมพ์อินโดจีน เนื้อผงผสมผงตะไบ หลังโค้ดตราวัด สระแก้วปทุมทอง “ต้นตำรับสูตรมหาจักรพรรดิ์ชนิดดินผสมผง” สร้างปี 2500
     
  8. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    upload_2023-3-21_10-9-38.png
     
  9. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1614. พระปิดตาเนื้อผง หลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร ปี 26 ให้บูชา 1650 บาท (เนื้อผงรุ่นแรก)



    upload_2023-3-21_11-14-7.png

    พระปิดตาหลวงปู่สุด (พระครูสมุทรธรรมสุนทร) วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร รุ่นแรก เนื้อผงพุทธคุณ มงคลอายุวัฒนครบ 81 ปี 2526 ท่านเป็นอาจารย์ของจอมโจรตี๋ใหญ่ หนังเหนียว ผู้โด่งดังในอดีต ที่มีของดีติดตัวอยู่ตลอดเวลา คือ ผ้ายันต์กับตะกรุดของหลวงพ่อสุดนั่นเอง.....พระปิดตารุ่นนี้ทันหลวงปู่สุดปลุกเสก เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2526 หลวงปู่ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2526 สิริรวมอายุ 81 ปี ปัจจุบันทางวัดกาหลง ได้นำสรีระที่เป็นโครงกระดูกของหลวงปู่สุด บรรจุอยู่ในโลงแก้ว เพื่อให้ประชาชนที่มีจิตศรัทธาไปกราบนมัสการตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญภายในวัด ซึ่งทุกๆ วันจะมีประชาชนและลูกศิษย์ที่เลื่อมใสแวะเวียนไปกราบขอพรจากสรีระของท่านทุกวัน
     
  10. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1615. สุดยอดพิธีและชนวนมวลสารเก่าของหลวงปู่ทิม พระกริ่งชินบัญชรหลวงปู่ทิม วัดละหารไร รุ่นมงคลศิลาฤกษ์ ปี2537 ให้บูชา 1450 บาท ชนวนมวลสารพระกริ่งชินบัญชร รุ่นแรกของหลวงปู่ทิม



    upload_2023-3-21_11-29-39.png

    upload_2023-3-21_11-32-37.png

    upload_2023-3-21_11-32-44.png

    พระรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่พิธีดี พิธีใหญ่ เจตนาการจัดสร้างชัดเจน เพื่อเป็นที่ระลึกวางมงคลศิลาฤกษ์ ศาลา วิจิตรธรรมาภิรัตน์ ในปี พ.ศ.2537
    พิธีพุทธาภิเษก ปลุกเสกโดยพระเกจิ

    หลวงพ่อเชย วัดละหารไร่
    หลวง พ่อสิน วัดละหารใหญ่
    หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดกระแสร์บน
    หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ
    หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า

    หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ รุ่นมงคลศิลาฤกษ์ พ.ศ. 2537พิมพ์ พระกริ่งชินบัญชร พร้อมกล่องเดิม การปลุกเสกงานนี้ เป็นการปลุกเสกหมู่ครั้งใหญ่ โดยลูกศิษย์สายหลวงปู่ทิมโดยเฉพาะ มากันแบบพร้อมเพรียงกันทั้งหมด


     
  11. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1616. นานๆได้มาครับ หนังไม่เหนียวอย่าเที่ยวสาลีโข เหรียญหลวงปู่เผือก วัดสาลีโข รุ่น2 พิมพ์ใหญ่ ปี 14 ปิดรายการครับ


    upload_2023-3-21_11-47-35.png


    พระครูธรรมกิจโกศล หรือหลวงปู่เผือก เป็นพระเถระในสมัยอยุธยาตอนปลาย ท่านอพยพภัยสงครามมาอยู่นนทบุรี หัวเมืองสมัยอดีตพร้อมพกพากฤษฎาภินิหารจากจิตทรงอภิญญามาสงเคราะห์สาธุชนด้วยสติปัญญาอันเลิศในการเรียนพระไตรปิฎก ด้วยปาฏิหาริย์แสดงได้ไม่จำกัดในคราวจำเป็น ทำให้หลวงปู่เผือกเป็นที่เคารพรักศรัทธาใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ยิ่งนัก

    จึงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นพระครูสัญญาบัตรพิเศษตำแหน่งสังฆปาโมกข์ แขวงสระบุรี – เจ้าคณะเมืองนนทบุรี ที่ “พระธรรมโกศล” และท่านก็ถึงแก่มรณภาพในรัชสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 เมื่อปี พ.ศ.2405 สิริอายุได้ 106 ปี

    “หลวงพ่อสาลีโข” เป็นนามที่ศิษย์ขานถวายโดยเคารพเฉกเช่น หลวงพ่อวัดปากน้ำ ซึ่งเมื่อเอ่ยย่อมแน่ใจได้ว่าคือ หลวงพ่อสด จันทสโร

    หลวงพ่อสาลีโข ชื่อแท้ท่านคือ หลวงพ่อสมภพ เตชปุญโญ อดีตพระลูกวัดสาลีโขภิตาราม ที่ถูกหลวงปู่เผือกในสภาวะวิญญาณ ซึ่งทรงอานุภาพดวงหนึ่ง เปลี่ยนชะตาชีวิต หน้ามือเป็นหลังมือในคืนวันขึ้น 15 ค่ำ ของปี พ.ศ.2502 ขณะที่ ท่านบวชได้เพียงพรรษาเดียว

    ดวงวิญญาณที่ไร้รูปแต่เต็มปรี่ด้วยทิพยอำนาจอันยากหยั่งถึง ได้พร่ำสอนถ่ายทอดความรู้นานาให้พระสมภพโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย นับแต่เรื่องเล็กน้อย เช่น คาถาอาคมจนถึงเรื่องใจ คือ สมาธิ

    และยังบรรจุพระเวทย์สารพัดประดามีให้พระสมภพหมดสิ้น กระทั่งพาพระหนุ่มผู้อ่อนโลกออกธุดงค์ในป่าลึกเพื่อฝึกฝนจิตตานุภาพ เพื่อทบทวนวิชาที่ให้ไป และเพื่อทดสอบอำนาจจิตอภิญญาของพระสมภพ

    จากไปหลายปี กลับมาอีกทีก็มิใช่พระสมภพองค์เดิม หากเป็นพระอาจารย์สมภพที่เพียบพร้อมด้วยคุณลักษณะแห่ง “คุรุ” ทางไสยเวทย์ความแตกฉาน และอภินิหารของพระอาจารย์สมภพ เป็นสิ่งที่ผู้ไปพบจะทราบดี

    ราวปี พ.ศ.2515 หนังสือพิมพ์ “บางกอกไทม” ลงข่าวหน้าหนึ่งครึกโครมว่า สตรีนางหนึ่งนาม น.ส. แป๋ว มีอาการเจ็บป่วยอย่างหนักหาสาเหตุไม่ได้ ครั้นญาติมั่นใจว่าเห็นทีจะถูกคุณไสยเข้า ก็หอบหิ้วกันมาพบพระอาจารย์ ท่านเริ่มรักษาตามกระบวนการที่หลวงปู่เผือกสั่งสอนมา ผู้ป่วยก็เกิดขยอกขย้อนจะอาเจียน

    เมื่อนำกระโถนใบใหญ่วางลงตรงหน้า น.ส.แป๋ว ก็อาเจียนโอ้กใหญ่ กลิ่นคาวปนเน่าคละคลุ้ง ในภาชนะนั้นไม่เพียงมีของเหลวสีคล้ำช้ำเลือดช้ำหนอง หากปรากฎซากงูเน่า จนเห็นกระดูกโพลนทั้งตัวนอนอยู่ก้นกระโถนอย่างน่าตกตะลึง

    ท่านพระอาจารย์อธิบายว่า มีบางคนประสงค์ให้ น.ส.แป๋ว ตายอย่างทรมานจึงใช้เดรัจฉานวิชาชั้นสูงปล่อยงูเป็นๆ เข้าท้อง หากแก้ไม่ตกย่อมถึงตาย นี่งูก็เน่าจวนหมดตัวแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในท้องอีกไม่นาน น.ส.แป๋ว ไม่รอดสมใจฝ่ายตรงข้ามแน่นอน

    ข่าวนี้เป็นดุจเชื้ออย่างดีที่โหมศรัทธามหาชนให้ลุกโชน คนนับพันนับหมื่นหลั่งไหลไปวัดสาลีโข เพื่อพึ่งใบบุญแห่งหลวงปู่เผือกและพระอาจารย์สมภพผู้เป็นตัวแทน ทุกคนได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์ อย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ และทุกคนร่ำร้องหาความสงเคราะห์จากหลวงปู่เผือก ดวงวิญญาณอมตะของท่านก็ยังแผ่บารมีครอบคลุมทั่วถึงอย่างไม่เลือกรักเลือกชัง

    ลุถึงปี พ.ศ.2514 หลวงปู่เผือก พระปรมาจารย์แห่งวัดสาลีโขภิตาราม ได้คำนวณฤกษ์เห็นควรประกอบมหาพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งยวด สืบเนื่องมาแต่ “มหาฤกษ์” ที่ยากจะเกิดขึ้นในแต่ละคราว นั่นคือ "ฤกษ์มหาจักรจตุรงคสันนิบาต”

    อันได้แก่ ดาวจันทร์ ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ และดาวราหู ต่างเคลื่อนเข้าสถิตอยู่ในองค์เกณท์ราศีอันเป็น “มหาจักร” แห่งตน และจะปรากฎถึง 4 วาระด้วยกันตลอดไตรมาสพรรษาปี 2514 ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทุก 200 ปีจะเกิดมีขึ้นครั้งหนึ่ง

    วาระมหามงคลที่จะถึงนั้น บรรดาผู้รู้ทั้งหลายไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยได้ หลวงพ่อสาลีโขจึงกำหนดการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้สมเวลาที่รอคอย ทั้งยังปรารถนาให้เป็น “ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต” ของท่านทีเดียว

    การสร้างอิทธิวัตถุของหลวงพ่อสาลีโขนั้นไม่เลยแม้สักครั้งเดียวที่จะใช้โลหะเปล่า ท่านเพียรพยายามยิ่งในการจารอักขระเลขยันต์สำคัญครอบคลุมสรรพวิชาทั้งมวลลงในแผ่นโลหะ เน้นหนักในทุกๆสายวิชาทั้งคงกระพัน มหาอุด ชาตรี กำบังตน มหาลาภ มหานิยม เมตตา แคล้วคลาด กันภัยกันคุณไสย กันภูตผี

    วิชาเหล่านี้ท่านเพียรจารเสกเป่า แต่ละอักขระแต่ละพระยันต์ ท่านจะบรรจงเขียนอย่างสวยงาม ปลุกเสกและลงถม นำไปหลอมเอามาลงใหม่ ซับซ้อนเช่นนี้อย่างน้อย ถึง 3 วาระด้วยกัน กระทั่งคราวหลอมเพื่อรีดปั๊มเหรียญ ช่างถึงกับตะลึงเมื่อแผ่นทองวิ่งวนอยู่ในเบ้าหลอม ไม่ยอมละลาย ได้ตักเก็บไว้เป็นหลักฐานจำนวนหลายสิบแผ่น

    แผ่นทองชนวนนับสิบกิโล แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง และวิริยะอุตสาหะ อันหาได้ยากในพระอาจารย์สมัยปัจจุบัน ไม่ควรแปลกใจเลยที่บังเกิดปาฏิหาริย์แผ่นทองไม่ละลายเพราะ“ปราณ” ที่ท่านเป่าประจุย่อมสถิตแนบแน่นอยู่ในทุกอณูแผ่นทอง จนโลหะธาตุธรรมชาติทั้งมวลถูกแปรสภาพเป็น “ธาตุสำเร็จ” จากการตั้งธาตุ ปรุงธาตุ และหนุนธาตุทั้ง 4 ขึ้นมาจากจิตที่ทรงอภิญญา

    เฉพาะ “เตโชกสิณ” นั้น ท่านเชี่ยวชาญถึงขีดสุด

    มงคลวัตถุที่สร้างประกอบด้วย พระพุทธรูปสุโขทัย หน้านาง ขนาด 9 , 5 นิ้ว , พระพุทธนาคปรก ขนาด 9, 5 นิ้ว, พระสังกัจจายน์ ขนาด 9 นิ้ว, รูปหล่อหลวงปู่เผือก ขนาด 9 , 5 นิ้ว , พระนาคปรกแขวนคอ, รูปหล่อหลวงปู่เผือกขนาดแขวนคอ, เหรียญหลวงปู่เผือก รุ่น 2 พิมพ์ใหญ่ – เล็ก, เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อสาลีโข รุ่น 2

    ชนวนมวลสารทั้งหมดถูกนำมาประกอบพิธีปลุกเสกในวันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 เวลา 18.00 น. โดยพระคณาจารย์มากมาย มีหลวงปู่เผือกประทับทรง หลวงพ่อสาลีโขเป็นประธาน เมื่อแล้วเสร็จได้จุณเจิมสรรพวัสดุด้วยกระแจะหอม และสวดหนุนด้วยพระพุทธมนต์พิเศษ คือ บทยานี , บทภาณวาร , บทคาถาพัน และอิติปิโสรัตนมาลา ก่อนจะนำแผ่นโลหะทั้งปวงมาหล่อหลอมเป็นชนวนสัมฤทธิ์เพื่อนำไปสร้างเป็นองค์พระต่อไป

    วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 เวลา 10.08 น. เป็นกำหนดจุดเทียนชัยในพิธีเททอง และเริ่มทำพิธีพุทธาภิเษก วันนี้หลวงพ่อสาลีโขถือเป็นวันสำคัญที่สุดของงาน เพราะเป็นการเชิญชนวนสัมฤทธิ์เข้าสู่เบ้าหลอมหล่อรวมกับโลหะมงคลอื่นๆ แล้วเททองลงหุ่นให้สำเร็จเป็นองค์พระ จากนั้นจึงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ยังเบ้าหลอม

    ครั้นทุบหุ่นดินออกก็อัญเชิญพระปฏิมาลงชุบน้ำศักดิ์สิทธ์จากสถานที่สำคัญเช่น น้ำสรงพระบรมธาตุ , น้ำเมืองเพชร, น้ำสระแก้ว, น้ำบ้านบางปืน ฯลฯ แล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพานเชิงใบใหญ่เคล้าคละประโปรบด้วยเครื่องหอมกระแจะจันทน์ พร้อมด้วยการเรียกสูตรตั้งนามให้เป็นสิริ ท่ามกลางพิธีมหาพุทธปรมาภิเษก พระมหานาคทั้งสี่เจริญบทมหาจักรพรรดิราช และบทพุทธาภิเษก โดยมีรายนามพระมหาเถระผู้ทรงรัตตัญญู ภาพเข้าร่วมพิธี ดังนี้

    1. พระภัทรมุกมุนี (ชิต) วัดเขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์
    2. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย สุพรรณบุรี
    3. หลวงพ่อกุหลาบ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ นนทบุรี
    4. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี
    5. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี
    6. พระครูประกาศสมาธิคุณ วัดมหาธาตุ พระนคร
    7. หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี
    8. หลวงพ่อโอด วัดจันเสน นครสวรรค์
    9. หลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต ขอนแก่น
    10. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช พระนครศรีอยุธยา
    11. หลวงพ่อมิ วัดสิงห์ ธนบุรี
    12. หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี
    13. หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย สุโขทัย
    14. หลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท
    15. หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์
    16. หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี
    17. พระครูเมธีวรานุวัตร วัดมหาธาตุ พระนคร
    18. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี
    19. หลวงพ่อจัน วัดสระเกษ พระนคร
    20. หลวงพ่อสั้น วัดท่าอิฐ นนทบุรี
    21. หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา
    22. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม
    23. หลวงพ่อจันทร์ วัดโสธรวราราม ฉะเชิงเทรา
    24. หลวงปู่เส็ง วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี
    25. หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง นนทบุรี

    วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2514 เวลา 16.00 น. พิธีมหามงคลสรงองค์พระให้สำเร็จเป็น “พระเครื่อง” โดยบริสุทธิ์บริบูรณ์ ปราศจากมลทินโทษใดๆ พระคณาจารย์ในงานเจริญบทมงคลจักรวาล , ชัยมงคลคาถา และทิพยมนต์

    วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2514 เวลา 09.00 น. ตรงกับวันมหาจักรจตุรงคสันนิบาตวันสุดท้าย เป็นวาระนัดผู้สั่งจองอิทธิวัตถุให้มารับการประสิทธิเมจากมือหลวงพ่อสาลีโขด้วยตนเองจนถ้วนทั่วทุกตัวคน


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2023
  12. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458

    upload_2023-3-21_13-2-50.png
     
  13. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1617. สืบสาน หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ตะโพนอ่างทอง สุดยอดเมตตามหานิยม เรียกคน เรียกลูกค้า ตะโพนไม้มะยมตายพายอุดผงอิทธเจ ตอกโค้ตและหมายเลข หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง ให้บูชา 850 บาท


    upload_2023-3-21_13-10-51.png

    upload_2023-3-21_13-10-57.png


    upload_2023-3-21_13-11-3.png
    สุดยอดเมตตามหานิยมใช้เองมาแล้วสุดยอดจริงๆ เลยกล้าพูดได้เต็มปาก ขุนแผนบ้านกร่างที่ว่าแน่ๆยังต้องยอม
    ตะโพน นับเป็นเครื่องรางที่ถือได้ว่าสุดยอด ด้านเมตตา มหานิยม เรียกคน เรียกลูกค้า
    สมัยหลวงพ่อยังไม่มรณะภาพ มีคณะลิเกไปเล่นที่วัด แล้วไม่มีคนดู หลวงพ่อสงสารเลยได้ลงอักขระไว้ที่กลองตะโพนคณะลิเกคณะ นั้นได้กลายเป็นคณะลิเกโด่งดังถึงทุกวันนี้ ถือว่าเป็นเครื่องรางที่ชาวอ่างทอง เสาะหา

    ตำราวัดโบสถ์เป็นผงที่ครูลิเกโบราณท่านใช้ผัดหน้าเวลาออกแสดง(ไม่สามารถเปิดเผยได้บอกได้เลยว่าแรงมากด้านมหานิยม) ซึ่งเป็นผงเด่นมากด้านเสน่ห์เมตตาให้คนรัก วิชาสายนี้เป็นวิชาสายจะเรียกว่ามหานิยมให้คนชื่นชอบก็ไม่ผิด เพราะครูลิเกโบราณหรือการแสดงต่างๆ ก็ต้องหวังผลทางให้คนชื่นชอบ การเจรจาขับร้อง หรือในทำนองว่าสะกดคนดู. การจัดสร้างครั้งนี้ถือเป็นวาระสำคัญ และเป็นวาระแรกครั้งแรก ของการสร้างตะโพนในยุคนี้ ที่เปิดตำราเดิมของหลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ บรมครูเจ้าของวิชาตะโพน แขวงเมืองวิเศษชัยชาญอันเลื่องลือ เพราะตำราอยู่ที่วัดนางในเพียงแห่งเดียว ซึ่งตำรานี้หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี ได้จดบันทึกไว้ จากเมื่อครั้งหลวงพ่อภักตร์ท่านเรียกให้ไปรับวิชาสร้างตะโพน การบรรจุมวลสารมงคล วิธีสร้าง และ. การเสกทั้งหมด เมื่อก่อนปี 2485

    สืบสาน ตะโพนอ่างทอง หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง อ่างทอง อุดผงอิทธิเจ ไม้มะยมตายพราย,ดินหน้าตะโพน อันศักสิทธิ์ ปี55 หลวงพ่อเมตตาปลุกเสกให้เป็นมงคล
    ผงอิทธิเจ ของหลวงพ่อสม เป็นที่เลื่องลือ จนมาเป็นมวลสารของวัดอื่นๆ
    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อเคยกล่าวว่าผงอิทธิเจของฉัน กับทองคำที่มี
    น้ำหนักเท่าๆกัน ถ้าให้หลวงพ่อเลือกท่านขอเลือกผงอิทธิเจของท่านดีกว่า ขอยืนยันว่าหลวงพ่อพูดประโยคนี้จริง

    หลวงพ่อเรียกสูตรทำผงเอง เขียนสูตรเอง ลบสูตรเอง มีพุทธคุณครบทุกด้าน หลวงพ่อได้เล่าถึงวิธี
    การทำผงว่า ต้องหาที่มุมสงบเพื่อให้จิตนิ่งเป็นสมาธิแล้วเขียนสูตรพร้อมเรียกสูตรไปทีละตัวอักขระ จนครบทุกตัวอักขระเลขยันต์บนกระดานชนวน
    1 ครั้ง หรือ1 รอบต้องใช้เวลาเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรเป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง แต่ผงที่ท่านมอบมาให้ครั้งนี้ท่านได้เขียน เรียก ลบสูตรถึง
    7 ครั้ง 7 รอบรวมเป็นเวลา 24 ชั่วโมงกับ 30 นาที กว่าจะครบ 7 รอบของการทำผงต้องใช้เวลาหลายเดือน เรื่องของการหาฤกษ์เขียนสูตรทำผง
    หลวงพ่อจะหาฤกษ์ที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อให้ผงนั้นมีพุทธคุณ ทรงพลานุภาพมากที่สุด
     
  14. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1618. พระปิดตา นะไม่ตรึก พ่อแก่เจ้าแสง วัดบ้านตรัง จ.ปัตตานี ปี 2557 เนื้อว่านปัดทอง(พิเศษ) รุ่น ประสบการณ์ 3 ชายแดนใต้ ปิดรายการครับ



    upload_2023-3-21_14-52-20.png

    upload_2023-3-21_14-53-19.png

    upload_2023-3-21_14-53-52.png

    ปลุกเสก 5 วาระ
    - พุทธคุณเมตตามหานิมยม มหาเสน่ห์ ค้าขายร่ำรวยโภคทรัพย์ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย

    นะไม่ตรึก เป็นอีกเอกอุวิชาที่ พ่อแก่เจ้าแสง พระเถระเฒ่าแห่งสำนักวัดบ้านตรัง ได้สำเร็จวิชานี้ โดย นะไม่ตรึก เป็นคำเรียกชื่อยันต์โบราณ ภาษาท้องถิ่นโบราณภาคใต้ ที่มีความหมายว่า "มีกิน มีใช้ ไม่รู้จักอด ไม่รู้จักอยาก" ซึ่งพ่อแก่เจ้าแสง ท่านได้เมตตาปลุกเสกอธิฐานจิต วัตถุมงคลชุดหนึ่ง ให้เป็นวัตถุมงคลตัวแทนแห่งนะไม่ตรึก ให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายมีไว้ติดตัวเพื่อเป็นสิริมงคล ครั้นในการอธิฐานจิตรอบสุดท้ายในการปลุกเสกวัตถุมงคลชุดนี้ท่านได้

    อธิษฐานจิตนานหลายชั่วโมง จนศิษย์ทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์เกิดความสงสัยว่าทำไมพ่อท่านถึงอธิจิตนานแบบนี้ ท่านได้ตอบข้อสงสัยแก่ศิษย์ทั้งหลายว่า "วิชานะไม่ตรึก ตัวคาถายาวหลายบท จะให้ปลุกเสกแค่บทสองบทไม่ได้ ทำแล้วต้องดี ต้องทำให้นะไม่ตรึกเป็นนะไม่ตรึกของจริง จะมาเสกสั้นๆไม่ได้ " พร้อมกันนี้พ่อท่านได้กำชับหนักหนาว่า "โหม่สูถ้าแลนะ ถ้าเราไม่อยู่แล้วพระนี้จะแพงหว่าทองคำแน่นอน

    ประสบการณ์ครั้งแรก
    เมื่อวันที่22 ตุลาคม 2557ขบวนรถไฟสาย ยะลา สุไหกุโหลกขบวนรถไฟที่ 454 เป็นรถไฟเที่ยวสุดท้ายถึงสถานีรือเสาะเวลา 17.45 น โจรนั้งมา 4 คนอยู่ในตู้ที่ 2 นับจากตู้สุดท้ายโยนระเบิดมาสองลูกใส่เจ้าหน้าที่ในป้อม ก่อนถึงสถานีลูกระเบิดไม่ทำงานทุกคนที่นั้งเพิ่งได้รับแจกเหรียญนะไม่ตรึกทุกคน

    ประสบการณ์ครั้งที่สอง
    "พี่นง" ลูกศิษย์ใกล้ชิดพ่อแก่เจ้าแสง ที่ใครไปวัดแล้วส่วนมากจะพบเจอ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กค.ที่ผ่านมา
    เวลา 8.08 น.พี่นงได้โดนระเบิดถังแก๊ส 2 ลูกซ้อนขณะขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าน ห่างกันไม่ถึง 3 เมตร แรงระเบิดอัดปลิวไปเลย
    แต่มีรอยแผลแค่ 2 แห่ง คือ สะบักหลังและบริเวณขาพับ นอกนั้นเรียกว่าชิวๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2023
  15. พื้นทราย

    พื้นทราย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2015
    โพสต์:
    752
    ค่าพลัง:
    +624
    ขอจองครับ
     
  16. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    รับทราบการจอง ขอบคุณมากครับ
     
  17. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1619. หายาก ทำได้ยาก ตะกรุด เสริมดวง หนุนดวงชะตา ตะกรุดคงดวงเนื้อเงินหุ้มทองแดง ปี58 ปิดรายการครับ


    upload_2023-3-21_18-10-5.png

    หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก จ.พระนครศรีอยุธยา ศิษย์ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ได้จัดสร้างและได้จารยันต์เอง ด้านในจารยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ด้านนอกได้จารยันต์พระเกตุไว้ ยันต์พระเกตุอยู่กับผู้ใดผู้นั้นย่อมไม่ตายโหง

    ผู้ใดมีตระกรุดคงดวงติดตัวจะมีพุทธคุณ เมตตามหาเสน่ห์ แคล้วคลาด คงกระพัน และคอยหนุนดวงชะตามิให้ตกต่ำ จากร้ายกลายเป็นดี จากที่ดีอยู่แล้วก็จะดียิ่งๆ ขึ้นไป

    เทวดาพระเกตุ "พระเกตุ" ถูกสร้างขึ้นมาจากพระศิวะทรงนำพญานาค ๙ ตัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง ประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วเสกได้เป็นพระเกตุ มีพระวรกายสีทอง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำ และแก้วโกเมน ทรงพญานาคเป็นพาหนะ เป็นเทวดานพเคราะห์ผู้มีฤทธิ์มากเกินหยั่งประมาณ ... ปรัชญาโหรกล่าวไว้ว่า “อายุยืนให้ทายเกตุ” หรืออีกนัยยะคือเป็น “เทพเจ้าแห่งความศักดิ์สิทธิ์และลางสังหรณ์” ... กำเนิดเกิดจากพญานาค 9 องค์ ซึ่งเมื่อกล่าวถึงเผ่าพงศ์พันธุ์แห่งพญานาค ก็จะมีหัวหน้าใหญ่ คือ องค์ท้าววิรูปักโข ซึ่งเป็นเทวดาในชั้นมหาจตุราชิกาครอบครองทางทิศตะวันตก เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน แห่งทรัพย์ในดิน และเป็นเทวมหาราช แสดงถึงฤทธิ์เดชบารมีที่มีกำลังมากเกินกว่าจินตนาการจะคณานับได้

    ข้อห้ามของผู้ใช้ตระกรุดคงดวง
    1.ห้ามด่าพ่อแม่ ครูบาอาจารย์
    2.เวลาหลับนอนกับภรรยาให้ถอดตระกรุด
    3.ห้ามนำตะกรุดเข้าสถานที่อโคจร
    4.ห้ามดื่มสุราจนขาดสติ

    คาถาอารธนา ให้ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่า นะโมพุทธายะ ประสิทธิเม

    แล้วตั้งจิตอธิฐานว่า ด้วยอำนาจบารมีของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสงฆ์ คุณหลวงพ่อจง หลวงพ่อแม้น หากแม้ข้าพเจ้าจะหลับก็ดี จะตื่นก็ดี ถ้าจะเกิดเหตุอันใด ขอให้ข้าพเจ้าแคล้วคลาด ปลอดภัยจากภัยอันอันตรายทั้งปวง ขอให้เกิดโชคลาภ และเป็นเมตตาแก่คนทั้งหลาย ด้วยเทอญ เมื่ออธิฐานเสร็จจึงใส่คอหรือนำติดตัวไปได้ ขนาดความยาว 2 นิ้ว
    ตะกรุดนี้ลงยันต์พระเกตุ ท่านที่ศึกษาโหราศาสตร์และทราบว่า พระเกตุนี้ เป็นเทวดาองค์หนึ่ง บางคนมีพระเกตุคุ้มตัว รอดอันตรายมาได้ คนเราที่ขลังเพราะมีเทวดาคุ้มตัวครับ ถ้าเทวดาไม่คุ้ม เพราะชั่วมาก หรือ หนีไป ห้อยพระดีๆ ร้อยองค์ก็ตายโหงครับ ตัวอย่างมีครับ อันนี้ พระอาจารย์ จรัล ท่านยืนยัน ผมก็เคยได้ยินพระดีๆ หลายองค์ว่าแบบนั้น ยันต์พระเกตุ นี่ก็เป็นเคล็ดที่ท่านพระอาจารย์แม้นเรียนมา สามารถ คุ้ม ดวง และคงดวงไว้ได้ ตอนดวงดียิ่งเฮงใหญ่ มาแบบเบิ้ลๆอะไรทำนองนี้ รับแทบไม่ทัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2023
  18. MATHS

    MATHS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    783
    ค่าพลัง:
    +908
    ขอจองครับ
     
  19. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณมากครับ
     
  20. HMMAmulet296

    HMMAmulet296 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,017
    ค่าพลัง:
    +458
    1620.พระกรุในตำนาน คุณค่าระดับพระสมเด็จ พระผงกรุวัดอัมพวา บางกอกน้อย กรุงเทพฯ พิมพ์พระสังกัจจายน์จันทร์ลอย ปิดรายการครับ


    upload_2023-3-21_20-59-7.png

    'พระผงน้ำมันวัดอัมพวา'คุณค่าระดับ'พระสมเด็จ'
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) วัดอรุณราชวราราม นอกจากเป็นมีตำแหน่งหน้าที่ด้านการปกครอง มีสมณศักดิ์สูงถึงชั้นสมเด็จพระราชาคณะแลัว ยังเป็นพระเถระที่มีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนาอย่างยิ่ง พระคณาจารย์หลายต่อหลายรูปที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายต่อหลายท่านก็เคยได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาทางพุทธาคมจากท่าน ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม พระครูภาวนาวิจารณ์ (ลืม) วัดอรุณฯ พระพิมลธรรม (นาค) วัดอรุณฯ รวมทั้งหลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร ที่มีชื่อเสียงมากในช่วงปี ๒๕๐๐ ก็เป็นศิษย์รุ่นเล็กของท่าน

    วิชาที่นับว่ามีชื่อเสียงและเป็นที่ต้องการของมวลศิษย์ทั้งหลายของสมเด็จฤทธิ์ คือ วิชาทำตะกรุด ทำผงกลับศัตรูเป็นมิตร เป็นวิชาทางเมตตาชั้นสูงที่เรียนสำเร็จได้ยาก จึงมีศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดไว้ได้ไม่มากนัก หนึ่งในนั้น คือ หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน ผู้สร้างพระปิดตาเนื้อผง และเหรียญรูปเหมือนที่มีค่านิยมถึงหลักล้าน

    แต่ก็น่าแปลกที่พระเครื่องในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) กลับมีมูลค่าความนิยมเพียงหลักพัน ถึงหมื่นกว่าๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่เป็นพระเครื่องที่อุดมไปด้วยมวลสารชั้นเยี่ยม แม้จะไม่มีใครเคยจดบันทึกถึงการสร้างพระเครื่องเนื้อผงน้ำมันวัดอัมพวา ว่ามีผงวิเศษและมวลสารสำคัญอะไรบ้าง แต่ก็มั่นใจได้ว่า พระคณาจารย์ยุคนั้นท่านต้องทำอย่างพิถีพิถัน อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีผงวิเศษห้าประการ เช่นเดียวกับ พระพิมพ์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง

    นอกจากนี้ยังต้องมีผงวิเศษสำคัญ สุดยอดวิชาในสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) คือ "ผงกลับศัตรูเป็นมิตร" โดยท่านได้เขียนและลบผงบนกระดานชนวนมาเป็นมวลสารสำคัญ เมื่อได้ผงวิเศษตามต้องการแล้ว ยังต้องหามวลสารอันเป็นมงคลมาบดผสมเข้าไปอีก เช่น เกสรดอกไม้ ตะไคร่เสมา ผงธูป คัมภีร์ใบลานเผา ถ่านไม้มงคล ข้าวสวย ฯลฯ นำมาผสมเข้ากับปูนเปลือกหอย เพื่อเพิ่มปริมาณของเนื้อผงที่จะนำมาทำพระพิมพ์ แล้วจึงใช้น้ำอ้อย กล้วยน้ำไท น้ำปูน เป็นตัวประสานเนื้อ และใส่น้ำมันตังอิ๊วเป็นตัวช่วยให้เนื้อพระมีความยืดหยุ่น นุ่มนวล ไม่ปริแตกง่าย

    พระผงน้ำมันวัดอัมพวา มีลักษณะของเนื้อหาใกล้เคียงกับ พระผงกรุวัดสามปลื้ม คือ มีผิวฉ่ำมัน สีอมเหลือง มีการร่อนของผิวพระเป็นจุดๆ คล้ายผิวดวงจันทร์ แต่พระผงน้ำมันวัดอัมพวาจะมีคราบกรุเบาบางกว่า ซึ่งเป็นไปได้ว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ น่าจะได้รับการถ่ายทอดวิธีการสร้างพระเนื้อผงมาจาก "พระธรรมานุกูล" (ด้วง) ผู้สร้างพระผงกรุวัดสามปลื้ม นั่นเอง

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์) ได้สร้างพระผงน้ำมันนี้ขณะครองวัดอรุณฯ แล้วนำไปบรรจุไว้ที่วัดอัมพวา เมื่อครั้งที่ท่านได้ไปบูรณะวัดนี้ราวปี ๒๔๕๐ เนื่องจากท่านเกิดและเติบโตบริเวณวัดอัมพวา ซึ่งในขณะนั้นมีสภาพใกล้เป็นวัดร้างเต็มที

    นอกจากนี้ท่านเจ้าประคุณยังได้นำชุดนี้ไปบรรจุกรุอีกหลายวัด ย่านบ้านช่างหล่อ พรานนก ซึ่งเป็นวัดที่เกี่ยวข้องกับท่านเจ้าประคุณทั้งสิ้น เช่น วัดนาคกลาง วัดดงมูลเหล็ก รวมทั้งที่กรุเจดีย์เล็กวัดอรุณฯ ซึ่งถูกขโมยเจาะเจดีย์เพื่อล้วงเอาพระมาแล้วครั้งหนึ่ง ในคืนฝนตกเมื่อปี ๒๕๐๓

    แต่พระชุดนี้ชาวบ้านและวงการพระเครื่องเรียกกันจนคุ้นหูว่า พระผงน้ำมันวัดอัมพวา เนื่องจากมีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่วัดนี้ เมื่อปี ๒๔๘๔ คราวสงครามโลกครั้งที่ ๒ โดยพระครูแป้น รชโฏ เจ้าอาวาสวัดอัมพวา ครั้งนั้นได้นำพระออกมาแจกเพื่อบำรุงขวัญทั้งทหาร ตำรวจ และชาวบ้านในย่านนั้น ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟบางกอกน้อย อันเป็นที่ตั้งกองกำลังสำคัญของทหารญี่ปุ่น เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกเครื่องบินทิ้งระเบิดไม่เว้นแต่ละวัน ว่ากันว่า คนที่มีพระผงน้ำมันวัดอัมพวา รอดตายจากเหตุการณ์สงครามครั้งนั้นทุกคน (วัดอัมพวา ตั้งอยู่ที่ถนนอิสรภาพ ใกล้สี่แยกพรานนก บางกอกน้อย ธนบุรี)

    การแตกกรุครั้งที่ ๒ เนื่องจากเจดีย์ที่บรรจุพระผงน้ำมันเกิดหักโค่นลงมา จึงมีพระเครื่องไหลออกมาจำนวนมาก มีพระบางส่วนชำรุดแตกหัก ทางวัดจึงนำพระที่แตกหักเหล่านั้นมาบด แล้วกดพิมพ์ขึ้นใหม่ พร้อมกับจัดพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้ได้ออกให้ทำบุญเพื่อบูรณะเสนาสนะและเจดีย์ในวัด พระส่วนที่เหลือได้นำเข้าบรรจุเจดีย์ทดแทนของเก่า

    พระผงน้ำมันวัดอัมพวา แม้จะมีพิมพ์ทรงหลากหลายกว่า ๑๐ พิมพ์ แต่ก็เล่นง่ายศึกษาง่าย โดยเฉพาะด้านหลังองค์พระ นอกจากหลุมบ่อแบบผิวดวงจันทร์ดังกล่าวแล้ว ยังมีลายนิ้วมือ รอยราน และสีดำคล้ายหมึกจีน ที่ฝังแน่นอยู่ตามร่องรอยแตกราน ซึ่งปรากฏให้เห็นทุกองค์ มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป พระบางองค์มีการทาชาดปิดทองมาแต่เดิม งดงามมาก ทั้งคราบกรุบางๆ ก็ช่วยให้พิจารณาความเก่าได้ง่ายขึ้น

    พุทธคุณของพระผงน้ำมันวัดอัมพวา นับว่าดีเด่นเหลือคณานับ โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจากภยันตราย กลับร้ายกลายเป็นดี กลับศัตรูให้กลายเป็นมิตร เป็นที่ยกย่องนับถือของคนยุคเก่าก่อนมาแสนนาน แม้แต่ "อาจารย์เซีย บุษปบุตร" นักนิยมพระเครื่องระดับอาวุโสผู้ล่วงลับไปแล้ว ก็ยังเคยเช่าบูชาพระผงน้ำมันวัดอัมพวา ถึงองค์ละ ๘๐ บาท และเช่าตะกรุดกลับศัตรูเป็นมิตร ซึ่งทำจากทองคำ ของยายเมี้ยน หมอตำแย ผู้ได้รับมอบตะกรุดมาจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ถึงดอกละ ๕๐๐ บาท เมื่อปี ๒๕๐๕ ในขณะที่ราคาซื้อขายทองคำเพียงบาทละ ๓๘๐ บาทเท่านั้น

    นอกจากนี้ยังเล่าลือกันว่า เจ้าสัวคนหนึ่ง นับจากข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งรกรากในเมืองไทย มีเพียงพระผงน้ำมันวัดอัมพวาติดตัวอยู่เพียงองค์เดียวเท่านั้น ท่านได้พึ่งพาพระพุทธคุณมาตลอด จนกระทั่งตั้งตัวได้ กลายเป็นมหาเศรษฐี เจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังมูลค่าหลายพันล้าน และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของเมืองไทยในปัจจุบัน
    สังเขปประวัติ

    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธัมมศิริ) เกิดเมื่อวันเสาร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๗ ปีระกา ตรงกับวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๘๐ ศึกษาอ่านเขียนกับพระมหาพลาย เปรียญ ๔ ประโยค วัดนาคกลาง ตั้งแต่อายุ ๑๐ ขวบ บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๓ ปี แล้วจึงย้ายไปอยู่วัดราชบูรณะ โดยเรียนในสำนักพระมหาเกษ เปรียญ ๔ ประโยค

    อายุ ๑๔ ปีเข้าสอบพระปริยัติธรรม สนามหลวง ณ วัดพระเชตุพน แปลได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค ได้รับพระราชทานเงิน ๑ ชั่งจาก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งยังมีพระราชดำรัสชมว่า “เด็กขนาดนี้กำลังจับเป็ดจับไก่ แต่สามเณรฤทธิ์ แปลหนังสือได้เป็น เปรียญนับว่าดีมาก”

    พ.ศ.๒๔๐๐ เมื่ออายุ ๒๑ ปี อุปสมบท ณ วัดราชบูรณะ สมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) ครั้งยังเป็น พระธรรมวโรดม วัดราชบูรณะ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอมรโมลี (นพ) วัดบุปผาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูทักษิณคณิศร (เสม) วัดพระเชตุพนฯ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    เมื่ออุปสมบทได้ ๗ พรรษา ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมอีกครั้ง ได้อีก ๒ ประโยค เป็น เปรียญ ๕ ประโยค ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สถาปนาเป็นพระราชาคณะที่ พระอมรโมลี โปรดให้ครองวัดบพิตรภิมุข (วัดเชิงเลน)

    พ.ศ.๒๔๒๒ โปรดให้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ "พระโพธิวงศาจารย์" พ.ศ.๒๔๒๘ โปรดให้เลื่อนขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่ "พระธรรมไตรโลกาจารย์" พ.ศ.๒๔๓๗ โปรดให้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าคณะรองที่ "พระธรรมวโรดม" พ.ศ.๒๔๔๑ โปรดให้ย้ายไปครองวัดอรุณราชวราราม และให้สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาที่ "สมเด็จพระพุฒาจารย์" พ.ศ.๒๔๔๘ ทรงโปรดให้สถาปนาสูงขึ้นเป็น "สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2023

แชร์หน้านี้

Loading...