พระธาตุพนมล้ม ความโศกาของชาวพุทธสองฝั่งโขง

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ออฟศัก, 12 มกราคม 2018.

  1. ออฟศัก

    ออฟศัก ทิพย์นาคาพระเครื่อง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +17
    เมื่อได้เกิดแผ่นดินไหวในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๘
    เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นมากมาย ลามจากส่วนบนที่เริ่มปริร้าวลงมายังฐาน
    องค์พระธาตุพนมก็เริ่มเอียงจากแกนเดิม ต่อมาเข้าช่วงฤดูฝน ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
    มีฝนตกหนักเกือบทุกวัน และมีลมแรงพัดตลอดเวลารอยร้าวที่มีแต่เดิมเริ่มแยกออกกว้างขึ้น

    วันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ ๒๕๑๘

    ตอนเช้า ฐานพระธาตุพนมด้านทิศตะวันออก ผนังปูนตรงลวดลายประตูจำหลักซึ่งอยู่
    กึ่งกลางของด้านตลอดถึงส่วนที่เป็นซุ้มทรงบายศรี ปูนกะเทาะหลุดร่วงลงมาทั้งแผ่นล่วงมา
    ถึงเวลาเย็นอิฐหลุดร่วงจะได้ยินเสียงครืดคราดออกมาจากภายในองค์พระธาตุส่วนฐานนั้น อิฐร่วงลงมาเป็นระยะ ๆ
    ทะลวงลึกเข้าไปเป็นช่องเหมือนถูกคว้านให้เป็นโพรงอยู่ภายในฐาน

    การหลุดร่วงของอิฐในตอนนี้มีทั้งอิฐและดินหล่นลงมา
    จนกระทั่งมองเห็นหินแท่งยาวแบนอยู่ภายในแท่งหินทำให้เข้าใจว่า
    ส่วนฐานขององค์พระธาตุพนมภายในเป็นดินมากกว่าอิฐหรือหิน องค์พระธาตุเอียงไปทางทิศตะวันออกจนเห็นได้ชัด
    ครั้นถึงเวลา ๑๙.๓๘ น. พระธาตุพนมได้ล้มทลายลงมาทั้งองค์

    องค์พระธาตุพนมได้หักล้มลงไปทางทิศตะวันออกทั้งองค์ ทับวัตถุก่อสร้างอยู่ในบริเวณนั้น
    เช่น หอพระทิศเหนือและทิศใต้ ศาลาการเปรียญและและพระวิหารหอพระแก้วเสียหายทั้งหมด
    ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากฐานหรือพระธาตุชั้นที่ ๑ ซึ่งสร้างในสมัยแรกนั้นเก่าแก่มาก และไม่สามารถทานน้ำหนักส่วนบนได้
    จึงเกิดพังทลายลงมาดังกล่าว
    2016-07-14_175402.jpg
    รอยร้าวพระธาตุพนม

    2016-07-14_175839.jpg
    ฐานพระธาตุพนม
    2016-07-14_180146.jpg 2016-07-14_180313.jpg

    2016-07-14_180431.jpg
    2016-07-14_180539.jpg

    2016-07-14_180624.jpg
    2016-07-14_180734.jpg

    2016-07-14_180904.jpg 2016-07-14_181058.jpg 2016-07-14_181223.jpg

    2016-07-14_181336.jpg

    2016-07-14_181452.jpg

    2016-07-14_181543.jpg

    2016-07-14_181702.jpg
    พระอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอุรังคธาตุ

    2016-07-15_071557.jpg
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ
    และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารฯ
    เสด็จวัดพระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม

    2016-07-15_072535.jpg
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
    สาเหตุการพังทลายขององค์พระธาตุพนม

    อาการพังทลายไม่ได้ทรุดที่ฐาน หากเริ่มจากยอดที่เป็นน้ำหนัก ในแนวดิ่งที่หนักมาก
    มากดคอบัวฐานชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ให้บิออกเป็นแนวฉีกลึกไปในเจดีย์ เพราะอิฐเปียกยุ่ยจากฝนตก
    ติดต่อกันอย่างหนัก ต่อจากนั้นอิฐผนังที่ยุ่ยอยู่แล้วก็ค่อย ๆ ทลายลงเป็นแถบ ๆ ยอดเจดีย์กด
    พุ่งลงมาตามแนวดิ่งหักลงเป็นท่อน ๆ องค์พระธาตุได้ล้มฟาดลงมาทางทิศตะวันออก
    แตกหักออกเป็นท่อน มีลักษณะเป็น 3 ตอน คือ

    ตอนที่ 1 คือฐานชั้นล่างที่ก่อด้วยอิฐแดงจำหลักลวดลายสูง 8 เมตร คือดอนที่เก่าที่สุด
    สร้างด้วยอิฐเรียงสอด้วยวัตถุเหนียวแตกทับตัวเอง หลุดร่วงและล้มเป็นกองเศษอิฐแตกกระจายออกทั้ง 4 ด้าน
    พูนขึ้นเป็นกองอิฐขนาดใหญ่

    ตอนที่ 2 ระหว่างเรือนธาตุชั้นที่ 2 กับฐานบัลลังก์เป็นส่วนที่ได้รับการบูรณะในภายหลังแตกออกเป็น 2 ท่อน
    ท่อนล่างละเอียดหมด ท่อนบนยังดีอยู่ ล้มกองไปตามทางทิศตะวันออก

    ตอนที่ 3 คือส่วนยอดที่สร้างครอบยอดเดิมไว้เมื่อครั้ง พ.ศ. 2483 เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กยาวประมาณ 20 เมตร
    (ความสูงใหญ่ 10 เมตร ระยะของความสูงเดิมจากฐานบัลลังก์ขึ้นไป) หักล้มไปทางทิศตะวันออก
    ทับศาลาการเปรียญหรือโรงธรรมสภาแหลกละเอียด
    และหอพระแก้วราบทะลายลงไปทั้งสองหลังเฉพาะหอพระแก้วเหลือแต่เพียงมุขด้านหน้าไว้เท่านั้น
    ส่วนฉัตรที่ทำด้วยทองคำสวมยอดพระธาตุนั้น เอนปะทะพิงอยู่กับผนังหอพระแก้ว
    ความเสียหายของฉัตรบุบสลายเพียงเล็กน้อย

    ความเสียหายเนื่องจากพระธาตุพนมล้ม มีดังนี้

    1. กำแพงแก้วรอบองค์พระธาตุพนมชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2
    2. หอข้าวพระทรงปราสาทยอดมณฑป ซึ่งสร้างในสมัยเจ้าพระยานครหลวงพิชิตทศทิศราชธานีศรีโคตรบูรหลวง
    บูรณะพระธาตุพนมเมื่อ พ.ศ. 2153
    3. ศาลาการเปรียญหรือโรงธรรมสภาสร้างเมื่อ พ.ศ. 2466
    4. วิหารหอพระแก้ว หรือวิหารหลวง แรกสร้างในสมัยพระเจ้าโพธิสารได้บูรณะพระธาตุพนม เมื่อราว พ.ศ. 2073
    5. หอพระด้านทิศเหนือและทิศใต้

    ส่วนพระอุโบสถซึ่งอยู่ด้านทิศใต้ของหอพระแก้ว รอดพ้นอันตรายไปได้อย่างหวุดหวิด
    เพราะอาคารทั้งสองสร้างอยู่ใกล้ชิดกันมาก (ระยะห่างเพียง 5 เมตรเท่านั้น)
    จากการศึกษาของคณะอนุกรรมการ

    เพื่อรักษาสภาพเดิมขององค์พระธาตุพนม และบริษัทวิศวกรรมที่เข้ามาศึกษาหาสาเหตุภัยพิบัติครั้งนี้
    ได้ตั้งสมมุติฐานไว้ดังนี้คือ
    1. ฐานรากขององค์พระธาตุทรุดตัวไม่เท่ากัน ทำให้อาคารเสียการทรงตัว
    2. วัสดุก่อสร้างซึ่งสร้างมานาน เป็นอิฐบางส่วนเสื่อมสภาพไม่สามารถรับน้ำหนักดีเท่าด้านอื่น
    ทำให้เสียศูนย์ จึงล้มพังทลาย
    3. เกิดจากแรงกดน้ำหนักภายในของวัสดุในองค์พระธาตุพนม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความชื้น
    จนผนังอิฐบางส่วนทนรับน้ำหนักไม่ไหว แตกร้าวล้มในที่สุด
    จากการศึกษาของบริษัทวิศวกรรม

    ได้ขุดศึกษาชั้นดินลงมาพบชั้นกรวดในระดับความลึก 20 เมตร ซึ่งจัดว่าเป็นชั้นรากฐานที่ดีมาก
    และไม่มีการทรุดตัวของชั้นดินโดยรอบเลย ประเด็นในข้อที่ 1 จึงตกไป

    ส่วนในข้อที่ 2 และ 3 นั้น มีเค้าความเจริญอยู่มาก แต่ไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในกรณีทั่วๆ ไป
    เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องที่สร้างสมติดต่อกันมาไม่น้อยกว่าสามสิบปี กล่าวคือ
    เมื่อมีการต่อยอดโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กซึ่งเป็นโครงสร้างขนาดใหญ่ ในปี พ.ศ. 2483-2484 นั้น
    ไม่มีการเสริมความแข็งแรงฐานเรือนธาตุทั้งสองชั้นใหม่ ทั้งที่ฐานทั้งสองต้องแบกน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล
    ความแข็งแรงมั่นคง
    เท่าที่มีอยู่ได้กลับเป็นความรอบคอบของท่านราชครูหลวงโพนสะเม็ก
    การต่อยอดครั้งนั้นได้อัดอิฐดินภายในโพรงอาคารเดิมจนทึบตันรับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
    และลำพังอิฐก่อสร้างอาคารในส่วนที่ดีอยู่นั้น (อยู่ในช่วงประมาณ พ.ศ. 1300-1400)
    มีความแข็งแรงเกือบเท่าคอนกรีต

    ความแข็งแรงทั้งหมดนี้จึงแยกน้ำหนักของยอดอาคารองค์พระธาตุได้เป็นอย่างดียิ่ง
    ต่อเมื่อมีการต่อยอดเสริมขึ้นใหม่นั้นเปิดช่องระบายอากาศทุกด้าน ช่องเหล่านี้เป็นทางให้น้ำฝนสาดเข้าไปได้
    แต่ไม่ได้เปิดทางระบายน้ำไว้ เมื่อน้ำเข้าไปช่องเหล่านี้ก็จะไหลไปกองอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งที่ไม่ได้ระดับ
    น้ำเหล่านี้ค่อย ๆ ซึมเซาะอิฐให้เสื่อมสภาพไปอย่างช้า ๆ จนฐานรากไม่สามารถรับน้ำหนักท่อนบนไหว
    พังทลายลงมาทั้งองค์
    2016-07-15_073133.jpg
    ผอูบบรรจุพระอุรังคธาตุ วัดพระธาตุพนม
    2016-07-15_073533.jpg
    ภาพการก่อสร้าพระธาตุพนมองค์ใหม่ พ.ศ ๒๕๒๑
    แทนองค์เก่าที่พังทลาย เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘
    ณ ฐานที่ตั้งองค์เดิมพระธาตพนม
    เสร็จสิ้นเมื่อปี พ.ศ ๒๕๒๒

    2016-07-15_073835.jpg
    พระธาตุพนม องค์สร้างขึ้นใหม่
    2016-07-15_080350.jpg
    พระราชพิธียกฉัตรพระธาตุพนม

    จากเหตุการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน
    ทำให้องค์พระธาตุพนม พุทธศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนครพนม
    อายุ ๒, ๐๐๐ ปี ทรุดตัวพังทลายลงทั้งองค์
    เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘

    รัฐบาลและประชาชนชาวไทยได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์
    องค์พระธาตุให้สง่างามดังเดิม เมื่อแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ
    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการพระราชพิธียกฉัตร
    ยอดองค์พระธาตุพนมในวันที่ ๒๒ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๒
    และได้เสด็จพระราชดำเนินไป ในพระราชพิธีเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
    ขึ้นบรรจุในองค์พระธาตุพนม เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ปีเดียวกัน
    ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม



    ที่มาของภาพ/ข้อมูล
    http://www.haii.or.th/
     

แชร์หน้านี้

Loading...