พระบรมสารีริกธาตุท่านใดยังลังเลสงสัย

ก่อนอื่นผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ยังลังเลสงสัยว่าพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมานั้นของจริงหรือไม่ แต่ผมก็ยังให้ความเคารพปฏิบัติบูชาทำจิตให้ใสสะอาดเพื่อเป็นพุทธบูชาถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุอยู่เสมอ


ผมขอยืนยันต่อ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ภาพทั้งหมดเป็นภาพจริงไม่ได้มีการตัดต่อและไม่ได้มีการสับเปลี่ยนองค์พระบรมสารีริกธาตุแต่อย่างใด ขอให้ท่านดูรูปแรกผมถ่ายภาพองค์พระบรมสารีริกธาตุเมื่อวันที่ 30-12-2012 และรูปที่สองผมถ่ายภาพท่านเมื่อวันที่ 16-04-2014 ระยะเวลาห่างกันปีกว่าๆ ขอให้ท่านลองสังเกตเปรียบเทียบรูปทั้ง 2 รูป โดยรูปแรกในวงกลมจะเห็นพระบรมสารีริกธาตุกลมสีขาวขุ่นต่อมาภายหลังในรูปที่สององค์ท่านได้เปลี่ยนเป็นองค์กลมดุจแก้วมณีใส น่าอัศจรรย์มาก ส่วนรูปแรกในสีเหลี่ยมพระบรมสารีริกธาตุกลมสีน้ำเงินม่วง องค์ท่านก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงใสในรูปที่สองเช่นกัน ส่วนพระบรมสารีริกธาตุองค์อื่นๆท่านก็ใสขึ้นบ้างพอสังเกตได้

ผมหวังว่าภาพที่ผมนำมาลงจะทำให้หลายท่านที่ลังเลสงสัยในพระบรมสารีริกธาตุจะเกิดความศรัทธาเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย ก่อนที่ผมจะนำภาพมาลงนั้นผมและแฟนได้กลิ่นหอมพิสดารผมเชื่อว่าแม้แต่เทพเทวดาท่านก็อนุโมทนาความดีครั้งนี้ บุญกุศลใดใดที่จะทำให้จิตใจผู้ชมเลื่อมใสขึ้นก็ขอยกให้แก่เทวดาแล้วกันครับ

 

ไปได้มายังไงอะคับ

 

สาธุครับ..ส่วนตัวเรื่องว่าจะจริง
ไม่จริงหรือเสด็จมาเพิ่มหรือเพิ่มขนาดตลอดจนมีพระสรีระเสด็จ
มาเพิ่ม ณ ปัจจุบันไม่สงสัยครับ.ซึ่งก็ถ่ายรูปไว้เหมือนกันครับ..
แต่ไม่ได้บันทึกไว้ว่าวันไหน..
ขออนุญาตร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยนะครับ.
รบกวนอ่านให้จบก่อนนะครับ.ขอย้อนอดีตเล็กน้อย..
เมื่อก่อนหน้านี้เคยนำภาพลงในกระทู้มาเหมือน
กันครับเมื่อเกือบ๒ ปีมาแล้วได้พระบรมสารีริกธาตุ
มาหนึ่งองค์และพระสรีระสีแดงจำนวนเล็กน้อย
วันหนึ่งในนิมิตรปรากฏเป็นพระพุทธฯ ๓ ท่าน
หนึ่งในนั้นก็มีที่คุณกล่าวถึงเช่นกัน.
และพระสงฆ์มีชื่อสายเกี่ยวกับวิชาพิเศษอีก ๒ ท่าน
ที่ละสังขารไปแล้วมาปรากฏให้เห็น
เลยสะกิดใจขึ้นไปดูในห้องพระที่ตัวเองบรรจุไว้เอง
ก็พบว่ามีพระสรีระเสด็จมาเพิ่ม ตอนนั้นมีสีเหลือง
สีม่วง สีคราม สีน้ำเงิน สีฟ้า สีเขียว น่าจะประมาณนี้ครับ.
และก็อีกไม่นานยังมีนิมิตรเกี่ยวกับเรื่องนี้เด่วเล่าให้ฟังทีหลังครับ
[/url][/IMG]
ลำดับแรกเหมือนซ้ายบนแต่องค์กลางคนละองค์.มีองค์สีแดงแต่ไม่เยอะ
แล้วต่อมาเป็นอย่างขวาบน...ส่วนซ้ายล่างเปลี่ยนพระอบใหม่.
.และขวาล่างคือที่เห็นเสด็จชัดองค์สีใส..
แต่ก็ยังไม่มีประสบการณ์พระบรมสารีริกธาตุเสด็จบอกตรงๆ
ว่ารู้สึกแปลกดี.แต่ยังไม่เชื่อเต็มร้อย.และก็พลอยได้แต่ยินดี
บุคคลที่มีพระบรมสารีริกธาตุเสด็จครับ..จนกระทั่งวันหนึ่งที่
กำลังจะแบ่งพระสรีระให้ญาตที่ชอบปฏิบัติธรรม(แบ่งไปแล้ว ๔ ครั้งครับ)
.ก็มีเหตุได้พระบรมสารีริกธาตุของอดีตสมเด็จพระสังฆราชพระองค์หนึ่ง
มาเพิ่มจากบุคคลที่ได้มาจากทางญาตของท่านโดยตรง.ก็ถือว่าแปลกดีครับ.
ตรงนี้ที่พิเศษคือจะได้สีทองมาเพิ่มด้วยจำได้ว่าตักด้วยตัวเอง
ไม่น่าจะเกินอย่างมากนะครับ ๗-๘ องค์ครับ
และสีทองแดงไม่น่าเกิน ๒ องค์ครับ..เพราะจะขอพี่ที่ให้มาแค่
อย่างละองค์ถ้าเป็นองค์ใหญ่ส่วนองค์เล็กก็แล้วแต่ว่าติดช้อนที่ใช้ตักเท่าไร
[/url][/IMG]
ซ้ายก่อนองค์ที่อยู่ในผอบรูปแรกบนซ้าย(เนื่องจากพอมาอยู่แล้วมีสีเขียวมาเพิ่ม)
ล่าสุดที่นำองค์และทั้งหมดรวมสีแดงจากรูปแรกมารวมกันครับ..
จนกระทั่งผ่านไปได้ประมาณ ๓ ถึง ๔ เดือนจึงมาเปิดดูอีกรอบก็พบว่ามี
พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาเพิ่มได้จริงๆอีก ๑ องค์ครับสีใสกริ๊บ.และสีทองนั้น
ก็เพิ่มจำนวนขึ้น ส่วนสีคล้ายทองแดงก็เพิ่มขนาดขึ้น.
และจำนวนท่านโดยรวม(อย่างที่บอกครับแบ่งไปแล้ว
ให้บุคคลอื่นๆไป ๔ ท่านครับ)ก็เหมือนกับว่าจะไม่ลดลงไปด้วยครับ
และความเข็มของสีพระสรีระเท่าที่สังเกตุก็สีเข็มขึ้นด้วยครับ..
แต่ไม่ว่าด้วยเหตุอะไรก็ตามขอสรุปว่า..
[/url][/IMG]
๑.พระสรีระสามารถเปลี่ยนสีและเพิ่มขนาดได้..
๒.พระสรีระสามารถเสด็จมาเพิ่มได้.สำหรับที่ส่วนตัวมีนะครับ
(เมื่อก่อนมีสีแดงองค์เล็กๆจำนวนเล็กน้อยล้อมรอบ ตอนนี้ที่ปรากฏมี
สีเขียว สีน้ำเงิน สีคราม สีเขียว สีม่วง สีเหลือง สีใส สีฟ้า สีคล้ายทองแดง.และสีทอง ครับ.
๓.พระบรมสารีริกธาตุสามารถเสด็จมาเพิ่มได้..ส่วนตัวสีใสและมาเพิ่ม ๑ องค์ครับ.
ปล. ส่วนตัวไม่ได้สวดบูชาเป็นประจำครับ แต่ก็เน้นปฏิบัติตามแต่เหตุ.
ก็ประมาณนี้ครับ.ไว้มีโอกาสจะนำภาพมาลงให้ชม.ขอบคุณมากครับ.

 

รับมาจากญาติธรรมในเว็ปพลังจิตห้องแจกฟรีนะครับ

 

เรื่องที่ท่านเล่ามาอัศจรรย์ใจมาก พุทธบารมีของพระมากมายไม่มีประมาณอัศจรรย์ใจแก่ผู้ประสบจริงๆ พระเกษาธาตุ(องค์เม็ดเล็กๆสีดำ)ในรูปข้างบนผมก็แบ่งให้ญาติธรรมแบ่งถวายวัดไปแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยหมด องค์ท่านกลับรวมตัวเกาะกันเป็นแพและมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย น่าแปลกดีครับ

 

โดยปกติที่พระพุทธเจ้าที่ทรงมีพระชนมายุยืนยาว สามารถประดิษฐานพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
จะมีพระบรมสารีริกธาตุที่มีลักษณะรวมกันเป็นแท่งเดียว ดุจทองแท่งธรรมชาติ ซึ่งมหาชนในสมัยนั้นไม่สามารถแบ่งปัน
นำไปประดิษฐานตามที่ต่างๆได้ จึงจำต้องสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุไว้ในที่แห่งเดียว
ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน (พระสมณโคดม) ทรงเล็งเห็นว่า พระองค์มีเวลาปฏิบัติพุทธกิจเพียง 45 ปี นับว่าน้อยมาก
เมื่อเทียบกับพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ศาสนาของพระองค์ยังไม่แพร่หลาย และหมู่สัตว์ทั้งหลายเกิดมาไม่ทันสมัยพระองค์มีมากนัก
หากได้อัฐิธาตุของพระองค์ไปอุปัฎฐากบูชา จะได้บุญกุศลเป็นอันมาก จึงทรงอธิษฐานให้พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์
แตกย่อยลงเป็น 3 สัณฐาน เว้นแต่ธาตุทั้ง 7 ประการ คือ พระนลาฏ (กระดูกหน้าผาก)1 พระเขี้ยวแก้ว4
และพระรากขวัญ (กระดูกไหปลาร้า)2 นอกจากนั้นให้กระจายไปทั่วทิศานุทิศ เพื่อยังประโยชน์แก่หมู่สัตว์ทั่วไป

ที่มา : http://www.relicsofbuddha.com/page3.htm
++++++
ประสบการณ์เกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของการเสด็จมาของพระธาตุ ที่กระผมประสบมา
เป็นการเสด็จมาต่อหน้ากันเลย

ในคราวหนึ่งได้ไปช่วยงานเกี่ยวกับประเพณี ประวัติศาตร์ของวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ
ได้ไหว้วานให้พี่ผู้หญิง ที่ทำงานด้วยกันไปช่วยงานทำอาหารเลี้ยงน้องๆและชาวบ้าน
ไม่รู้ว่าจะตอบแทนพี่ผู้หญิงอย่างไร แต่ทราบว่าพี่คนนี้เขาชอบทำบุญสุนทาน
ถ้าแบ่งพระธาตุที่มีอยู่ให้พี่เขาไป เขาก็จะได้นำไปบูชา ก็จะเกิดความ ศรัทธา เชื่อมั่นยิ่งขึ้นได้
ขณะที่กำลังตักแบ่งพระธาตุสัญฐานขนาดเมล็ดงาอยู่ ปรากฎมีองค์พระธาตุ ขนาดเล็กกว่าเม็ดถั่วเขียว
สีออกชมพูๆ เสด็จมา 1 องค์ ตกลงที่โต๊ะที่ กระผมกำลังตักแบ่งพระธาตุ ก็เลยรวมองค์พระธาตุองค์นี้
ให้พี่เขาไปด้วย คงเป็นวาสนาพี่เขาแหละ
++++++++
มาถึงตอนนี้ มีข้อสงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับพระธาตุทั้งหลาย เมื่อศาสนาครบ 5,000 ปี
ท่านเพื่อนกัลยาณธรรม เคยได้ยิน ได้ฟัง มาอย่างไรกันบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

อันตรธานของพระธาตุ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 171

ชื่อว่า อันตรธานไปแห่งธาตุ พึงทราบอย่างนี้ :-

ปรินิพพานมี

๓ คือกิเลสปรินิพพาน การปรินิพพานแห่งกิเลส, ขันธปรินิพพาน
การปรินิพพานแห่งขันธ์, ธาตุปรินิพพาน การปรินิพพานแห่งธาตุ
บรรดาปรินิพพาน ๓ อย่างนั้น กิเลสปรินิพพาน ได้มีที่โพธิบัลลังก์.
ขันธปรินิพพาน ได้มีที่กรุงกุสินารา ธาตุปรินิพพาน จักมีในอนาคต.
จักมีอย่างไร ? คือครั้งนั้น ธาตุทั้งหลายที่ไม่ได้รับสักการะ และ
สัมมานะในที่นั้น ๆ ก็ไปสู่ที่ ๆ มีสักการะ และสัมมานะ ด้วยกำลัง
อธิษฐานของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย. เมื่อกาลล่วงไป สักการะและ
สัมมานะก็ไม่มีในที่ทั้งปวง. เวลาพระศาสนาเสื่อมลง พระธาตุ
ทั้งหลายในตามพปัณณิทวีปนี้ จักประชุมกัน แล้วไปสู่มหาเจดีย์
จากมหาเจดีย์ ไปสู่นาคเจดีย์ แต่นั้นจักไปสู่โพธิบัลลังก์. พระธาตุ
ทั้งหลายจากนาคพิภพบ้าง จากเทวโลกบ้าง จากพรหมโลกบ้าง
จักไปสู่โพธิบัลลังก์แห่งเดียว.

พระธาตุแม้ประมาณเท่าเมล็ดพันธุ์
ผักกาดจักไม่หายไปในระหว่าง. พระธาตุทั้งหมดจักประชุมกันที่
มหาโพธิมัณฑสถานแล้ว รวมเป็นพระพุทธรูป แสดงพุทธสรีระ
ประทับนั่งขัดสมาธิ ณ โพธิมัณฑสถาน. มหาปุริสลักษณะ ๓๒
อนุพยัญชนะ ๘๐ พระรัศมีประมาณวาหนึ่ง ทั้งหมดครบบริบูรณ์
ทีเดียว. แต่นั้นจักการทำปาฏิหาริย์แสดง เหมือนในวันแสดงยมก-
ปาฏิหาริย์. ในกาลนั้น ชื่อว่า สัตว์ผู้เป็นมนุษย์ ไม่มีไปในที่นั้น.
ก็เทวดาในหมื่นจักรวาฬ ประชุมกันทั้งหมด พากันครวญคร่ำรำพัน
ว่า วันนี้พระทสพลจะปรินิพพาน จำเดิมแต่บัดนี้ไป จักมีแต่ความมืด.
ลำดับนั้น เตโชธาตุลุกโพลงขึ้นจากพระสรีรธาตุ ทำให้พระสรีระนั้น
ถึงความหาบัญญัติมิได้. เปลวไฟที่โพลงขึ้นจากพระสรีรธาตุ พลุ่ง
ขึ้นจนถึงพรหมโลก เมื่อพระธาตุแม้สักเท่าเมล็ดพรรณผักกาดยัง
มีอยู่ ก็จักมีเปลวเพลิงอยู่เปลวหนึ่งเท่านั้น เมื่อพระธาตุหมดสิ้นไป
เปลวเพลิงก็จักขาดหายไป. พระธาตุทั้งหลายแสดงอานุภาพใหญ่
อย่างนี้แล้ว ก็อันตรธานไป.

ในกาลนั้น หมู่เทพกระทำสักการะ
ด้วยของหอม ดอกไม้และดนตรีทิพย์เป็นต้น เหมือนในวันที่พระ-
พุทธเจ้าทั้งหลายปรินิพพาน กระทำปทักษิณ ๓ ครั้ง ถวายบังคม
แล้ว กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พวกข้าพระองค์ จัก
ได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้เสด็จอุบัติขึ้นในอนาคต ดังนี้แล้วก็กลับไปที่
อยู่ของตนๆ นี้ ชื่อว่า อันตรธานแต่งพระธาตุ.

ที่มา : อันตรธานของพระธาตุ
www.dhammahome.com/webboard/topic/17831

 

เจริญศรัทธากันต่อนะครับ

พระบรมสารีริกธาตุ วรรณะทองอุไร ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน มีพระธาตุเสด็จมาเพิ่ม 4 องค์ วรรณะม่วงชมพู



ภาพขยายครับ องค์ม่วงชมพูอยู่มุมล่าง

 

พระธาตุองค์เล็กๆ ขนาดเท่าเม็ดไข่ปลาเสด็จมาในซองพระบรมสารีริกธาตุ

 

พระบรมสารีริกธาตุผอบนี้ไม่เพิ่มครับ มีแต่ลดลง (อิอิ แจกคนอื่น) สุดท้ายเหลือแค่ 8 องค์ ช่วยกันสาธุ โมทนาบุญด้วยกันเถอดครับ พระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้าวรรณะโบราณแท้ๆ

 

ผมได้รับมอบจากญาติธรรมท่านหนึ่งนับได้จำนวน 729 องค์ ตอนนี้กำลังตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านพระบรมสารีริกธาตุ หากเป็นของจริง ส่วนเหลือจากการถวายวัดและสำนักปฏิบัติธรรม แล้วจะมาแจกให้ฟรีแก่สมาชิกพลังจิตครับ

 

พระธาตุเสด็จเพิ่ม แสดงว่า การปฏิบัติธรรม ถูกทาง ครับ ยินดีด้วยครับ

 

ยินดีกับทุกท่านและขอร่วมอนุโมทนา ของข้าพเจ้าได้พระธาตุจากพระรูปหนึ่งในพม่า ท่านมีพระธาตุมากมาย(เคยออกโทรทัศน์เมืองไทย) มีผู้มาขอแบ่งปันก็ให้ไป ตอนนั้นไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ตอนเชิญไปไว้ที่ชมรมพุทธ ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่เราเคยศึกษาอยู่ ตอนนั้นแหละพระธาตุลักษณะไข่ปลาเล็กๆใสๆ บางองค์ก็ดีดขึ้นมาจากกระดาษที่ทำเป็นกรวยเพื่อเทใส่ปากขวด เพื่อนซึ่งเป็นคนท้องเห็นคนแรก ก็บอกว่า แก้วดีด(ภาษาเหนือ แก้ว หมายถึง พระธาตุ) จากนั้นก็พากันไหว้ เราก็คิดในใจว่าท่านคงต้องการแสดงให้เห็น ประสบการณ์ของเราอาจจะไม่เหมือนของคนอื่น เล่าให้อ่านอีกหนึ่งกรณี

 

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ นับจากนี้ไปคงจะเป็นหน้าที่แล้วครับ ก่อนหน้านี้เคยอธิฐานไว้ครับ ว่าอยากแจกจ่ายพระบรมสารีริกธาตุเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนานะครับ

 

สัณฐานพิเศษนอกตำราครับ ลักษณะคล้ายกระดูก เสด็จมาคราวเดียวกันกับข้างบนครับ

 

พระบรมสารีริกธาตุวรรณะรวมจำนวน 99 องค์ กำลังเตรียมจะนำไปถวายสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง อนุโมทนาบุญร่วมกันครับ (เห็นเยิ้มๆนะ คือบูชาด้วยน้ำมันจันทร์หอมครับ)

 

พระมหากัจจายนะได้ขึ้นไปบนสวรรค์ และสนทนากับสุชาตเทพบุตรถึงเหตุที่ได้มาเสวยสุข ณ ที่แห่งนี้ว่า
"...ท่านยืนอยู่บนรถดูองอาจ ดุจท้าวสักกเทวราชผู้เป็นใหญ่กว่าหมู่ทวยเทพ ผู้ทรงราชรถอันเทียมด้วยม้าอาชาไนยตั้งพัน ฉะนั้นอาตมาภาพขอถามท่านผู้มียศ ผู้ฉลาด รถอันยิ่งใหญ่นี้ท่านได้มาอย่างไร
สุชาตเทพบุตรตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ชาติก่อนข้าพเจ้าเป็นราชบุตรนามว่า สุชาตกุมาร พระคุณเจ้าอนุเคราะห์สั่งสอนข้าพเจ้าให้ตั้งอยู่ในความสำรวม และพระคุณเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าจะสิ้นอายุ ได้ให้พระบรมสารีริกธาตุแก่ข้าพเจ้า โดยกล่าวว่า ดูกรสุชาตราชกุมาร ท่านจงบูชาพระบรมสารีริกธาตุนี้เถิด พระบรมสารีริกธาตุนี้จักเป็นประโยชน์แก่ท่าน ข้าพเจ้าได้บูชาพระบรมสารีริกธาตุนั้นด้วยของหอมและพวงมาลัย ขวนขวายในการทำบุญให้ทาน ละร่างมนุษย์นั้นแล้วได้ไปบังเกิดในสวนนันทวัน เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้ามีหมู่นางเทพอัปสรฟ้อนรำ ขับร้องห้อมล้อม รื่นเริงอยู่ในสวนนันทวันอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์ เกลื่อนกล่นไปด้วยหมู่สกุณชาตินานาชนิด

 

พระมหากัสสปะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่า “ปทุมุตตระ”

พระมหากัสสปะกล่าวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทานตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าครั้นสร้างอัคฆิยเจดีย์งดงาม สูง ๑๐๐ ศอก กว้าง ๑๕๐ ศอก ดังวิมานเสียดฟ้า สั่งสมบุญไว้แล้ว ทำจิตให้เลื่อมใสในห้องบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ(ของพระปทุมุตตระ)นั้น สร้างกุศลเป็นอันมาก ระลึกถึงบุรพกรรม จึงไปเกิดในสวรรค์ชั้นไตรทิพย์ คุณวิเศษเหล่านี้คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้ทำเสร็จแล้ว”

พระธาตุปูชกะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่า “สิทธัตถะ”

พระธาตุปูกชกะกล่าวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทานตอนหนึ่งสรุปความได้ว่า “ข้าพเจ้าได้เก็บพระธาตุของพระพุทธเจ้า(พระสิทธัตถะ) ไว้บูชาตลอดว ๕ ปี เหมือนบำรุงพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ ข้าพเจ้าได้บูชาพระธาตุไว้ จึงไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบำรุงพระธาตุ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ข้าพเจ้าได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าได้ทำเสร็จแล้ว”

พระปัจจุปัฏฐานสัญญกะบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ
ของพระพุทธเจ้าพระนามว่าอัตถทัสสี

พระปัจจุปัฏฐานสัญญกะกล่าวถึงผลกรรมในอดีตชาติของตน ดังปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย อปทานตอนหนึ่งสรุปความได้ว่า “ข้าพเจ้าเกิดในกำเนิดยักษ์ ได้รับคำแนะนำให้บูชาพระธาตุของพระพุทธเจ้า(พระอัตถทัสสี) เมื่อได้ฟังดังนั้น จึงได้สร้างพระสถูปบรรจุพระธาตุ บำรุงพระสถูปอยู่ ๕ ปี ด้วยผลกรรมนั้น จึงได้รับสมบัติ ได้บรรลุอรหัตตผลแล้ว”

 

สาธุกับทุกๆท่านที่พระธาตุเสด็จคร่า