เหรียญชินราชคุ้มเกล้า หลังภปร.พ.ศ. 2521

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 8 พฤษภาคม 2019.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    upload_2019-5-21_23-43-50-jpeg.jpg
    เมื่อ สามเณรวิริยังค์บรรพชาเป็นสามเณรประมาณเดือนเศษ พระอาจารย์กงมาฯ มีกิจนิมนต์ต้องไปกรุงเทพฯ ด้วยความเป็นห่วงท่านจึงนำ สามเณรวิริยังค์ไปฝากไว้ที่พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าศรัทธารวม อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นวัดป่าที่อยู่ใกล้กองทหารและก็เป็นการฝึกฝนตนอีกครั้งหนึ่งกับพระอาจารย์ฝั้นฯ ของสามเณรวิริยังค์

    วันหนึ่ง สามเณรวิริยังค์ก็ต้องแปลกใจ เพราะเห็นแมวตัวหนึ่งเป็นตัวผู้สีขาวแดงใหญ่ เดินจงกรมตามพระอาจารย์ฝั้นฯ หลังจากท่านเดินจงกรมเสร็จ สามเณรวิริยังค์ได้เข้าไปคอยฟังโอวาท เสร็จแล้วก็ทำการบีบนวดถวาย

    สามเณรวิริยังค์ได้ถามว่า “ทำไมแมวมันจึงเดินตามท่านอาจารย์”

    ท่านอาจารย์ตอบว่า “สอนมัน”

    สามเณรวิริยังค์ทวนคำ สอนแมวไม่ใช่ของง่าย ไม่เหมือนสุนัข ถ้าเป็นสุนัข สามเณรวิริยังค์จะไม่สงสัย สามเณรวิริยังค์จึงถามต่อไปว่า “ทำไมท่านอาจารย์จึงสอนแมวได้”

    ท่านตอบว่า “เอาใจสอน”

    เป็นอันว่าสามเณรวิริยังค์เข้าใจ

    วันหนึ่ง สามเณรวิริยังค์คิดว่า พระอาจารย์ฝั้นฯ นี้ จะเก่งเท่ากับพระอาจารย์ของสามเณรริริยังค์หรือเปล่าหนอ แต่เห็นฝึกแมวได้ ชักเชื่อว่าเก่งพอสมควรทีเดียว สามเณรวิริยังค์นี้เป็นผู้ที่ได้ฝึกจิตมาพอสมควรแล้ว และตั้งใจว่าจะศึกษาไปให้มากที่สุด ดังนั้นเมื่อได้มาอยู่กับพระอาจารย์ฝั้นฯ สามเณรวิริยังค์ก็พยายามที่จะเข้าใกล้ชิดให้มากที่สุด จึงได้ขอเข้าทำการบีบนวดก็ให้โอกาส เป็นอันว่าสามเณรริริยังค์ได้อยู่ใกล้ชิดสมความตั้งใจ แม้จะเป็นระยะอันสั้น สามเณรริริยังค์ก็พยายามศึกษาอย่างเต็มที่

    อยู่มาวันหนึ่ง มันเป็นเวลาดึกแล้ว สามเณรวิริยังค์อยู่เพียงลำพังผู้เดียวที่คอยปฏิบัติท่าน เพราะสามเณรอื่นพากันขี้เกียจ กลับไปนอนหมด สำหรับสามเณรวิริยังค์นั้นเป็นผู้มาใหม่ รู้สึกว่าท่านจะเกรงใจบางอย่าง หรือท่านอาจจะเข้าใจในตัวท่านว่า เราฝึกศิษย์ไม่ดีพอจึงทำให้ศิษย์ของท่านไม่เอาใจใส่ท่าน อาจจะเข้าใจว่าสู้ศิษย์ของท่านอาจารย์กงมาฯ เช่นกับ สามเณรวิริยังค์ไม่ได้ ครั้นจะให้ สามเณรวิริยังค์ไปตามพวกเณรเหล่านั้นมา ก็รู้สึกว่ายิ่งจะเป็นการเสียหายต่อท่านมากขึ้น

    ขณะนั้น สามเณรวิริยังค์จำต้องแปลกใจเหลือหลายอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเห็นสมเณรท่านองค์หนึ่ง เดินขึ้นบันไดมาโดยอาการมึนงง ตาก็ลืมนิดๆ เดินตรงรี่เข้ามาหา สามเณรวิริยังค์แล้วมองไปที่อาจารย์ฝั้นฯ เห็นท่านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วสามเณรรูปนั้น ก็เดินไปที่กระติกน้ำร้อน จัดการชงชาพร้อมทั้งยกถวาย ท่านพระอาจารย์ฝั้นฯ ก็รับ รับแล้วก็ฉัน สามเณรวิริยังค์ยิ่งงงยิ่งขึ้นเมื่อสามเณรรูปนั้นขณะที่ทำงานทุกอย่างตาก็ลืมนิดๆ บางทีตาลืมขึ้นมามากแต่ก็ไม่มองอะไร สามเณรวิริยังค์สังเกตดูตาช่างไม่มีแววเอาเลย เอ นี่มันยังไงกัน หลังจากสามเณรทำทุกอย่างเกี่ยวกับถวายน้ำชาและเก็บกาน้ำถวายชาล้างเรียบร้อยแล้ว สามเณรรูปนั้นก็ทำตาปรือๆ เดินกลับกุฏิไป

    ท่านอาจารย์ฝั้นฯ ก็เอนหลังลงให้ สามเณรวิริยังค์บีบนวดต่อไป สามเณรวิริยังค์ทนไม่ไหวที่เห็นอากัปกิริยาของสามเณรรูปนั้นทำแปลก ยังกับไม่มีชีวิตจิตใจ จึงถามท่านอาจารย์ฝั้นฯว่า

    “ท่านอาจารย์ทำยังไง เณรจึงทำท่าทางเหมือนไม่มีจิตใจอย่างนั้น”

    ท่านตอบว่า “มันอยากขี้เกียจ ต้องทรมานมันมั่ง”

    “ทรมาน” สามเณรวิริยังค์ทวนคำ

    “หมายความว่า ท่านอาจารย์สะกดจิตอย่างนั้นหรือ” สามเณรวิริยังค์ถาม

    “ใช่” แล้วท่านก็ไม่พูดอะไรปล่อยให้สามเณรวิริยังค์บีบนวดจนเกือบเที่ยงคืน

    เมื่อท่านอนุญาตให้กลับแล้ว สามเณรวิริยังค์ได้ไปที่กุฏิสามเณรรูปนั้นด้วยความสงสัยอยากรู้ พอเปิดประตูเข้าไปสามเณรรูปนั้นหลับเงียบ สามเณรวิริยังค์คิดว่าไม่รบกวนละ พรุ่งนี้จะถามแต่เช้าทีเดียว

    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-phun/lp-phun-hist-07-01.htm

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงหลวงปู่วิริยัง ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)
    %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2019
  2. Suppasit_S

    Suppasit_S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +3,869
    องค์ละ 300 มี 3 องค์ใช่ไหมครับ และรวมที่จองไว้ตอนแรกด้วย ยอด+ค่าส่งเป็นเท่าไร
    ครับ
    450+900 = 1350 ค่าส่งอีกเท่าไรครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2019
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    1400 ครับ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    https://palungjit.org/video/ประวัติหลวงพ่อไพบูลย์-สุมังคโล-วัดอนาลโยทิพยาราม.173000/
    https://www.phuttha.com/พระสงฆ์/สังเขปประวัติพระภิกษุสงฆ์/พระอาจารย์ไพบูลย์-สุมงฺคโล
    แผ่นดินไม่สิ้นพระโพธิสัตว์ "หลวงพ่อไพบูลย์" ผู้ได้รับพุทธพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ที่เหล่าพระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่นต่างรับรอง
    190901-1-1.jpg “พระนิยตโพธิสัตว์” คือ พระโพธิ์สัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าแล้ว
    #พระเทพวิสุทธิญาณ (หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล) ท่านเป็นพระมหาโพธิสัตว์ผู้สร้างบารมีจาก “ศรัทธาธิกะ” ที่หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร, หลวงปู่แว่น ธนปาโล, หลวงปู่หลวง กตปุญโญ, หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร, หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร และพระอาจารย์เด่น นันทิโย รับรอง จากหนังสือประวัติของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม...หลวงปู่ชอบท่านบอกว่า “หลวงพ่อไพบูลย์เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมีในพระศาสนา"
    190901-1-2.jpg






    190901-2-1.jpg
    หลวงปู่ชอบท่านยกเรื่องอดีตชาติของท่านกับหลวงพ่อไพบูลย์ให้ฟังว่า “ในสมัยพระพุทธเจ้ากะกุสันโธ หลวงปู่ชอบท่านเกิดเป็นอาจารย์ฤาษี อยู่ที่เมืองยอน ประเทศพม่า ท่านบอกในชาตินั้นเราได้ฌานสมาบัติ ๘ เหาะเหินเดินอากาศได้ ในชาติที่ท่านเกิดเป็นอาจารย์ฤาษี ที่เมืองยอน ประเทศพม่า ท่านมีลูกศิษย์ฤาษีที่ได้มาบวชพบกันในศาสนาพระพุทธเจ้าสมณโคดมองค์ปัจจุบัน มี ท่านพ่อลี ธัมมธโร, หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ, หลวงปู่จาม มหาปุญโญ, หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร, หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล และครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท ฯลฯ
    190901-2-2.jpg




    190901-3-1.jpg
    ในส่วนของหลวงพ่อไพบูลย์นั้น หลวงปู่ชอบบอกหลวงพ่อไพบูลย์ท่านได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ากะกุสันโธรับรองความเป็นพระมหาโพธิสัตว์ให้กับท่าน ในชาติที่ท่านเกิดเป็นฤาษี ที่เมืองยอน ประเทศพม่า หลวงปู่ชอบท่านบอกภัทรกัปป์หน้าจะมีพระพุทธเจ้า ๑๐ พระองค์ หลวงพ่อไพบูลย์ท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๘ ในภัทรกัปป์หน้า”
    น้อมกราบบูชา และขอโมทนาบุญบารมี แห่งท่านพ่อไพบูลย์ ด้วยเศียรเกล้าครับ.. สาธุ ๆ
    ที่มา FB: เพจ หลวงปู่แว่น ธนปาดล – ลูกศิษย์

    190901-3-2.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญมังกรหลวงพ่อไพบูลย์ ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ
    อ.ไพบูลย์.jpg อ.ไพบูลย์หลัง.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    https://www.phuttha.com/พระสงฆ์/สังเขปประวัติพระภิกษุสงฆ์/หลวงปู่ชอบ-ฐานสโม
    https://www.tnews.co.th/columnist/213358/ประวัติหลวงปู่ชอบ-ฐานสโม
    ประวัติหลวงปู่ชอบ ฐานสโม


    CHOB1-1.jpg

    ชาติกำเนิด

    ท่านเกิดเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444 ท่านเกิดเมื่อวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 ปีฉลู ณ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นบุตรของนายมอ และ นางพิลา แก้วสุวรรณ แต่เดิมครอบครัวท่านอยู่อำเภอด่านซ้ายดินแดนอันศักดิ์สิทธ์แห่งพระธาตุศรีสองรักเนื่องจากตัวอำเภอด่านซ้ายอยู่กลางหุบเขาพื้นที่ราบมีไม่มากนัก ทำให้การทำมาหากินลำบากจึงได้พากันอพยพมาอยู่บ้านโคกมน

    การอุปสมบท การศึกษา และธรรมปฎิบัติ อภิญญา

    บวชสามเณรเมื่ออายุ 19 ปี ณ วัดบ้านนาแก ตำบลบบ้านากลาง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นสามเณรอยู่ถึง 4 ปีกว่า และได้อุปสมบทเมื่ออายุ 23 ปี วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2467 ณ วัดศรีธรรมาราม อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร โดยมีพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สังกัดธรรมยุติกนิกาย

    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ท่านเป็นศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น โปรดปรานมากที่สุด และเป็นพระอริยสงฆ์ กล่าวกันกันว่าเป็นพระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญาญาน คือผู้ทรงความรู้ยิ่งในพระพุทธศาสนามีคุณสมบัติพิเศษ 6 อย่าง

    1. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ 2. ทิพโสต หูทิพย์ 3.เจโตปริยญาณ รู้จักกำหนดใจผู้อื่น 4.บุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้ 5.ทิพจักขุ ตาทิพย์ 6. อาสวักขยญาณ รู้จักทำอาสวะให้สิ้นไป

    CHOB1-2.jpg






    CHOB-2-2.jpg

    CHOB-2-1.jpg

    ท่านได้พบพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ณ เสนาสนะป่าบ้านสามผง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม หลวงปู่มั่นได้ให้โอวาทสั้นๆ ว่า “ท่านเคยภาวนามาอย่างไร ก็ให้ทำต่อไปเช่นนั้น อย่าได้หยุด ธรรม 84,000 พระธรรมขันธ์ที่พระพุทธเจ้าท่านทรงแสดงไว้นั้น มันอยู่ที่ใจเรานี่แหละ ถ้าอยากรู้อยากเห็นธรรมเหล่านั้น ก็ให้ค้นหาเอาที่ใจของท่านเอง” และจากการที่ท่านมีนิสัยชอบโดดเดี่ยวเที่ยวไปอยู่ในป่า ทำในสิ่งที่บุคคลอื่นทำได้ยาก ไม่ชอบเกี่ยวข้องกับหมู่ชนพระเณร เป็นผู้มีความองอาจเด็ดเดี่ยวอดทนเป็นเลิศ ไม่กลัวความทุกข์ยากลำบาก เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กล้าได้กล้าเสียในการปราบกิเลส ถึงกับพระอาจารย์มั่นออกปากชมท่ามกลางสภาสงฆว่า “ให้ทุกองค์ภาวนาให้ได้เหมือนท่านชอบสิ ท่านองค์นี้ภาวนาไปไกลลิบเลย” ท่านสามารถแสดงธรรมและสนทนาธรรมเป็นภาษาต่างๆ ได้หมด เพียงกำหนดจิตดูว่าภาษานั้นเขาใช้พูดกันว่าอย่างไร ท่านสามารถแสดงธรรมโปรดเทวดา พญานาค ตลอดจนภพภูมิต่างๆ ได้ ในระยะที่ท่านอยู่กับหลวงปู่มั่นนั้น ท่านได้รับความไว้วางใจและมอบหมาย ให้ช่วยดูแลพระเณรที่คิดอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่ถูกต้องตามครรลองของผู้ทรงศีลธรรม ท่านก็จะตักเตือน เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นว่า ท่านมีความรู้ภายในว่องไวไม่แพ้หลวงปู่มั่น พระเณรทั้งหลายจึงเกรงกลัวท่านมาก และท่านก็ยังสามารถระลึกชาติรู้อดีตชาติของท่านเองว่าเคยเกิดเป็นอะไรมาบ้าง เช่น เคยเกิดเป็นพระภิกษุรักษาศีลอยู่กับพระอนุรุทธะ เคยเป็นสามเณรน้อยลูกศิษย์พระมหากัสสปะ เคยเกิดเป็นท้าวมหาพรหมในพรหมโลกและเป็นสัตว์หลายชนิดอีกด้วย หลวงปู่ชอบท่านบำเพ็ญภาวนาอยู่ตามป่าตามเขา ส่วนมากทางภาคเหนือหลายพื้นที่รวมถึงประเทศพม่าด้วย


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่ชอบ ปี 2535 ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลป.ชอบ.jpg ลป.ชอบหลัง.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    พระญาณสิทธาจารย์


    (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)

    วัดถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

    โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่ม ๑๒

    จัดพิมพ์เป็นธรรมบรรณาการ

    สำหรับผู้ร่วมบริจาค

    กองทุนพระมหาธาตุมณฑปอนุสรณ์บูรพาจารย์

    และโครงการหนังสือบูรพาจารย์

    วัดป่าอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต)

    บ้านแม่กอย ต.เวียง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    เรียบเรียงโดย รศ.ดร.ปฐม -รศ.ภัทรา นิคมานนท์

    เดือนมกราคม ๒๕๕๐

    โดยได้รับอนุญาตจากผู้เรียบเรียง


    ตอนที่ ๕ : พัฒนาถ้ำผาปล่อง

    lp-sim-pic-9999.jpg


    lp-sim-pic-99990.jpg
    ภายในถ้ำผาปล่อง
    ปากถ้ำผาปล่อง และทางขึ้นช่วงสุดท้าย


    ๗๐. เริ่มพัฒนาถ้ำผาปล่อง

    ผมขอพาท่านผู้อ่านย้อนกลับไปเริ่มที่ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ กันใหม่ในปีนั้น “ปฏิทินพรรษา” ของหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร บันทึกไว้ว่า

    “ปี พ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๑๘ (พรรษาที่ ๓๙-๔๗) ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสทุกวัด เริ่มพัฒนาถ้ำผาปล่อง”

    ที่ว่า ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสทุกวัด ก็คือ : -

    ๑. เจ้าอาวาสวัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ มอบให้พระเถระองค์อื่น ทำหน้าที่เจ้าอาวาสต่อไป

    ๒. เจ้าอาวาสวัดสันติธรรม จ.เชียงใหม่ ได้แต่งตั้งให้หลวงพ่อพระมหาทองอินทร์ กุสลจิตฺโต เป็นเจ้าอาวาสอย่างเป็นทางการ ในปีพ.ศ. ๒๕๑๐

    ๓. เจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส จ. สกลนคร ได้แต่งตั้งให้ หลวงปู่แว่น ธนปาโล เป็นเจ้าอาวาสลำดับถัดไป

    ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงปู่สิม ท่านจึงกลับไปจำพรรษาที่ ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ. เชียงใหม่ เป็นการเริ่มต้นพัฒนาถ้ำผาปล่อง ให้เป็นสำนักสงฆ์ ที่ถาวรต่อไป

    เหตุการณ์การเริ่มต้นพัฒนาถ้ำผาปล่อง ได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือ“ละอองธรรม” ดังนี้ : -

    เจ็ดปีหลังจากหลวงปู่พบ ถ้ำผาปล่อง คือในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ หลวงปู่ จึงวางภารกิจที่อื่นทั้งหมด เริ่มพัฒนาถ้ำผาปล่องอย่างจริงจัง

    โยมที่อยู่ในคณะบุกเบิกรุ่นแรก ได้ช่วยกันเล่าบรรยากาศของสำนักสงฆ์แห่งใหม่ ในตอนนั้นให้ฟังว่า

    หลวงปู่ในช่วงบุกเบิกนั้นยังเป็น “ท่านอาจารย์” แม้วัยใกล้๖๐ ท่านยังทะมัดทะแมงแข็งขัน และไม่หวั่นงานหนัก

    นอกจากงานด้านสถานที่ก่อสร้างเสนาสนะแล้ว ท่านยังเอาธุระจัดหาฟืนที่ใช้ในโรงครัวด้วย โดยรวบรวมกิ่งไม้เก่าๆ ที่แห้งอยู่บริเวณถ้ำแงบ ซึ่งเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ ในปัจจุบัน สมทบกับฟืนแห้งที่เด็กผ่าจากไม้สดเตรียมไว้ แล้วท่านก็แบกไปให้ที่โรงครัว

    บางครั้งหลวงปู่ แบกฟืนท่อนใหญ่ เท่าสองกำมือไปให้ทางโรงครัวเผาถ่านไว้ใช้เอง

    ฝ่ายหญิงนอกจากเผาถ่านแล้ว ก็ขนกรวดโรยทางเดินเข้าครัวด้วย

    ถึงเวลาสรงน้ำ “ท่านอาจารย์” ไปสรงที่ลำธารต้นน้ำ ขาเดินไปก็เก็บกวาดทำความสะอาดทางน้ำ ไม่ให้มีใบไม้เน่าหล่นลงมาที่รางน้ำโจ้ก

    พร้อมกันนั้น ท่านก็หมายตาหินก้อนสวยๆ เอาไว้ สรงน้ำเสร็จขากลับก็เก็บหินมาทำขั้นบันได้

    ถ้าหินก้อนใหญ่ ท่านก็แบกใส่บ่า ขนาดย่อมหน่อย ท่านก็แบกก้อนหนึ่ง หิ้วหอบอีกก้อนหนึ่ง

    หลวงปู่ใช้เวลาทุกนาที “ได้ประโยชน์หลายอย่าง” แม้มือข้างเดียวท่านก็ไม่ยอมให้ว่าง

    มีเหมือนกันที่บางวัน หลวงปู่สรงน้ำในแอ่งบริเวณใต้สะพานข้ามห้วยในปัจจุบัน

    ครั้งหนึ่ง หลังเสร็จจากสรงน้ำที่แอ่ง มีคนเห็นหลวงปู่เขียนตัวหนังสือไว้บนแผ่นหินข้างๆ แห่งน้ำ มีใจความคล้ายจะประกาศสถานภาพขององค์ท่านในเวลานั้น ว่า “ฤๅษีภิกขุ”http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-sim/lp-sim-hist-501.htm
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่สิม ถ้ำผาปล่อง ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    ลป.สิม.jpg ลป.สิมหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2019
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    lp-toon-jpg.jpg
    หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ
    นามเดิม ทูล นนฤาชา ฉายา ขิปฺปปญฺโญ เกิด เมื่อวันจันทร์ วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ อุปสมบท ที่วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัด

    หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ เกิด ณ บ้านหนองค้อ ตำบลบัวค้อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันจันทร์ ที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๘ ท่านอุปสมบทเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๔ ขณะอายุ ๒๖ ปี ที่วัดโพธิสมภรณ์ จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์(จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์
    ช่วงแรกที่ออกปฏิบัติภาวนานั้น ท่านได้จาริกบำเพ็ญสมณธรรมไปยังสถานที่สัปปายะหลายแห่ง ได้เข้าถวายตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หลังจากที่หลวงปู่ขาวละสังขารแล้ว ท่านจึงได้นำคณะศิษย์มาพำนักปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดป่าบ้านค้อ
    ท่านได้อุทิศชีวิตให้กับงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท่านได้เขียนหนังสือธรรมภาคปฏิบัติเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ดังนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติว่า เป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร สาขาการแต่งหนังสือทางพระพุทธศาสนา
    จากการที่ท่านได้ทำประโยชน์แก่ประเทศชาติและพระศาสนาเป็นอย่างมาก ดังนั้นในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ นามว่า “พระปัญญาพิศาลเถร”
    หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ มรณภาพ เมื่อวันอังคารที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ณ วัดป่าบ้านค้อ รวมสิริอายุ ๗๓ ปี ๔๘ พรรษา และได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ณ วัดป่าบ้านค้อ
    อัฐิธาตุของหลวงพ่อทูลได้แปรสภาพเป็นพระธาตุ เป็นเครื่องประกาศคุณธรรมที่บริสุทธิ์ เป็นพระอริยบุคคลอีกท่านหนึ่งที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สมดังความมุ่งมั่นตามที่ท่านได้ตั้งสัจจะในครั้งออกบวชว่า
    “ท่านจะขอมอบกายและถวายชีวิตเพื่อบูชาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆ์เจ้า จะทำประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท”

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7796
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    ล๊อคเก็ต หลวงพ่อทูล วัดป่าบ้านค้อ อุดรธานี

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%A5-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    229-a221.jpg

    ๑. ออกบวช

    ทีนี้ก่อนอื่นที่จะออกบวชในศาสนานั้น แต่ก่อนมาโน้น ก็ยังไม่ได้ใฝ่ฝันในการบวชหรอก ให้เห็นพระตามสถานที่ต่าง ๆ นั้น ก็มีใจยินดีอยู่ แต่ยังไม่คิดว่าอยากจะบวช ต่อเมื่อได้สร้างโลก (มีครอบครัว) จบสิ้นลงไปแล้วทีนี้ก็เลยคิดอยากจะออกบวช ทั้งนี้เพราะมีความคิดถึงผู้บังเกิดเกล้าเหล่ามารดาบิดาผู้มีพระคุณอย่างสุดยิ่ง คิดว่าจะบวชบำเพ็ญบุญอุทิศไปให้ท่าน เพราะนักปราชญ์ทั้งหลายท่านพูดว่า จะทำอะไรเพื่อทดแทนบุญคุณของบิดามารดานั้นทำได้แสนยากนัก จะไปทำไร่ทำนาค้าขายหารายได้จากสิ่งเหล่านั้นมาตอบแทนก็ไม่สมดุลกับบุญคุณนั้นจะเอาบิดามารดาขึ้นมานั่งบนบ่าถ่ายราดหนักเบา ให้ท่านอยู่เย็นสบายทั้งวันคืนก็ยังไม่สมดุลกับบุญคุณของท่าน

    บุญคุณของมารดาเท่ากับแผ่นดิน บุญคุณของบิดาเท่ากับแผ่นฟ้าอากาศกว้างกลางหาว จะหาสิ่งใดมาตอบแทนได้ไม่เสมอเหมือน

    ปี ๒๔๙๐ ก็เลยได้ออกบวช ครั้นเมื่อออกบวชแล้วก็ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมด้วยการเดินจงกรม ยืนภาวนา นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์ เสร็จแล้ว ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม ก็อุทิศส่วนบุญไปให้ทุกวันว่า “แม่ข้าพเจ้าชื่อว่า นางเลี่ยม ชมพูวิเศษ ตายแล้วไปตกอยู่สถานที่ใดหนอ เป็นสุขหรือทุกข์ประการใด ขอบุญกุศีลส่วนนี้จงไปถึง และช่วยเหลือให้พ้นจากสถานที่ทุกข์ร้อนด้วยเกิด”

    นั่นแหละ กระทำอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ มาเป็นระยะ ๆ จนอายุพรรษาล่วงมาได้ ๘ พรรษา

    ในสมัยหนึ่งได้ไปภาวนาอยู่ที่ วัดป่าหนองแซง อ หนองวัวซอ จ อุดรธานี กับหลวงปู่บัว สิริปุณโณ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น วันนั้นทำความเพียรอย่างหนัก ไม่ฉันอาหาร เดินจงกรมวันยังค่ำ พอค่ำมาก็เข้าที่นั่งสมาธิ ตลอดทั้งคืน ไม่ยอมนอน พอล่วงไปถึง ๔ ทุ่มความทุกข์เกิดขึ้น ความร้อนเกิดขึ้น จนถึงเที่ยงคืนจึงดับพอตี ๑ ความร้อนแสบเย็นเกิดขึ้นอีกเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งแจ้งเป็นวันใหม่ นั่งอยู่อย่างนั้น ไม่กระดุกกระดิก

    มาวันหลังเข้าที่นั่งสมาธิอีก จิตก็สงบ พอจิตสงบลงไปก็เกิดนิมิตเห็นสัตว์ทั้งหลาย มีกบเขียดปูหอยนกหนูปูปีกที่ตนได้ฆ่าเขามาแล้วนั้น ทั้งวัวและหมูก็ได้ทำมาแล้วแต่ควายไม่ได้ทำ และมนุษย์ก็ไม่ได้ทำ สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นหลั่งไหลมาเต็มสถานที่นั้น จึงกำหนดจิตถามไปว่า

    “มาทำอะไรกันมากมายเช่นนี้ ?”

    เขาก็ตอบว่า “ได้ทราบข่าวว่าท่านมาบวชในศาสนาแล้ว จึงมาขอรับส่วนบุญ ขอท่านจงแบ่งส่วนบุญให้ด้วย เพราะท่านเมื่อสมัยที่เป็นฆราวาสนั้นได้ฆ่าพวกข้าพเจ้ากินเป็นอาหาร ฉะนั้น ถ้าไม่แบ่งส่วนบุญให้ จะขอจองเวรจองกรรมนะ ขอให้เป็นผู้ได้ประสบพบปะแต่เหตุเภทร้าย อายุสั้นพลันตาย ประกอบด้วยโรคภัยนานาชนิด ไม่มีวันจบสิ้น”

    เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้น ก็เลยตั้งจิตอุทิศแบ่งส่วนบุญไปให้และให้เขารับพระไตรสรณคมน์ และศีล ๕ แล้วก็บอกให้เขามารับทุกวัน

    เขาก็ว่า “ดีแล้ว นับว่าเป็นโชคลาภอันดี จะได้มีโอกาสไปเกิดเป็นมนุษย์ เพราะภพชาติของพวกข้าพเจ้านี้ต่ำช้าลามก ไม่มีอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น”

    ก็เลยอุทิศส่วนบุญไปให้อย่างนั้นไม่ลดละ จนกระทั่งอายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๐ พรรษา ไม่พบเห็นสัตว์เหล่านั้นมาหาอีกเลย จึงได้ไปกราบเรียนถามหลวงปู่บัว

    ท่านก็ว่า “ผมเองก็เหมือนกัน เมื่อภาวนาจนจิตสงบลงไปแล้ว จะเห็นฝูงสัตว์ทั้งหลายมากันสนั่นหวั่นไหวหลั่งไหลมาขอรับส่วนบุญ เมื่ออุทิศให้แล้ว เขาก็รับ แล้วไปเกิดเป็นมนุษย์ เขาไม่มาจองเวรจองกรรมอีกต่อไปเพราะเขาเห็นว่า ภพชาติสังขารของเขานั้นมันต่ำช้าลามก ไม่เหมือนกับพวกมนุษย์ มนุษย์เป็นภพชาติสูงส่งยิ่งกว่าใด ๆ ทั้งหมด สามารถทำคุณงามความดีได้ยิ่งเลิศประเสริฐทุกอย่าง”

    นั่นแหละ ที่เรียกว่า การบวชบำเพ็ญบุญล้างบาป เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นแล้วก็สิ้นสงสัย

    ทีนี้เรื่องการอุทิศส่วนบุญให้แม่นั้น พออายุพรรษาล่วงมาได้ ๒๕ พรรษา แม่ก็พ้นจากนรกมืดมาเกิดกับหลานสาว พออายุได้ ๒ ปี ก็พูดจาได้ความ รู้เรื่อง

    แม่ยายเขาเรียกใช้ว่า “อีหล้า ไปหยิบของมาให้แม่หน่อย”

    “มึงอย่ามาเรียกกูว่า อีหล้า กูเป็นแม่มึงนะ”

    “เป็นแม่ได้อย่างไร เพิ่งเกิดมาได้ ๒ ปี”

    สมบัติร่างกายนี้ไม่ใช่แม่หรอก เป็นหลาน แต่ว่า ใจของฉันนั้นเป็นแม่ของพวกท่าน”

    นั่นแหละ เขาก็เลยมานิมนต์ให้ไปซักไซ้ไต่ถามดู ก็เลยได้ความว่า เคยเป็นแม่ในชาติก่อน เมื่อถามว่า เป็นแม่นั้น มีบุตรกี่คน

    เขาก็ตอบได้ว่า มีบุตร ๖ คน คนที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, และ ๖ เขาก็ไล่ชื่อเสียงเรียงนามได้หมด รวมทั้งสามีภรรยา ญาติมิตรสายโลหิต ปู่ ย่า ตา ยาย เพื่อนบ้าน เขาบอกได้ถูกต้องทุกอย่าง ตลอดจนเรื่องเรือกสวนไร่นานั้น ก็บอกได้ถูกต้อง รวมทั้งหลักฐาน เครื่องหมายต่าง ๆ ก็บอกได้ไม่ผิด แต่แล้วก็ยังไม่ลงเอยก้นนะ จึงได้ถามเขาต่อไปอีกว่า

    “หลวงพ่อ คิดถึงเจ้านั่นแหละ จึงได้ออกบวช แล้วอุทิศส่วนบุญไปให้ ได้รับหรือไม่ ?”

    เขาว่า “ได้รับ ได้รับแต่ตอนกลางคืน ๕ ทุ่ม ได้รับทุกคืน แต่ตอนเช้าไม่ได้รับ ไปอยู่ที่ไหนเล่า ?” เขาต่อว่ากลับมาอีก

    “โอ๋...ตอนเช้าหลวงพ่อทำบุญน้อย พอตี ๒ ก็ลุกขึ้นมาทุกวัน แล้วนั่งสมาธิตั้งแต่นั้นไป จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่ แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเช้า จากนั้นก็ไปทำกิจวัตร จึงไม่ได้อุทิศส่วนบุญไปให้ อุทิศให้เฉพาะตอนเย็นเพราะตอนเย็น เดินจงกรมตั้งแต่ ๖ โมงเย็นไปจนถึง ๕ ทุ่ม ทุกวัน แล้วก็หยุดยืน นั่งสมาธิ ไหว้พระสวดมนต์อุทิศส่วนบุญไปให้ เพราะตอนเย็นนั้นได้บำเพ็ญบุญมาก

    เขาว่า “ถ้าได้ทั้งเช้าและเย็น ก็คงจะพ้นจากนรกมืดได้เร็วกว่านี้”

    ก็เลยถามเขาต่อไปว่า “ไปอยู่ในนรกมืดนั้นเป็นอย่างไร ?”

    เขาก็ว่า “เมื่อขาดใจแล้ว นายนิริยบาลมาคุมตัวไปฝากไว้ในนรกมืด ไม่มีแสงสว่างเลย มืดทั้งวันคืน ไม่ได้เห็นแสงพระอาทิตย์ พระจันทร์เลย”

    “ในนรกมีคนมากเท่าไหร่ ?”

    “โอ๋...ดวงวิญญาณในนรกมืดนั้นแน่นขนัด อัดแอกันอยู่เหมือนข้าวสารยัดกระสอบนั่นแหละ”

    ทีนี้เมื่อพวกท่านอุทิศส่วนบุญไปให้ จ่ายมบาลก็ว่า

    “นางเลี่ยม ชมภูวิเศษ จงมารับเอาส่วนบุญ ที่ลูกบวชในศาสนาอุทิศมาให้ทุกวันคืน”

    นั่นแหละฉันก็ดีใจ เมื่อรับเอาบุญทุกวันคืน ตั้งแต่ปี ๒๔๙๐ ไปถึง ๒๕ พรรษา ก็เลยพ้นจากกรรมชั่วช้าลามกทั้งหลายทั้งปวงนั้น มาอยู่เหนืออำนาจการบังคับของจ่ายมบาล เพราะอำนาจของบุญนั้นตัดกระแสของบาปกรรมในนรกออกได้ เขาก็ปล่อยไปตามเรื่อง หมดกรรมเวรแล้ว ขอแม่เจ้าจงไปตามเรื่องเถิด จงไปเกิดที่เมืองมนุษย์ แล้วเขาก็เปิดประตูเหล็กให้ เสียงประตูดังสั่นเหมือนฟ้าร้อง ได้เห็นแสงพระอาทิตย์สว่างจ้า ก็ดีใจ แล้วก็หันหน้าไปร้องบอกลาพวกที่ยังอยู่ในนรกว่า

    “พี่น้องทั้งหลาย ฉันขอลาไปเกิดเมืองมนุษย์ก่อน”

    พวกที่เหลืออยู่ก็ร้องไห้กันสนั่นหวั่นไหว เหมือนอึ่งอ่างในฤดูฝน ไปไหนไม่ได้ เพราะบาปกรรมรึงรัดผูกมัดไว้กับสถานที่นั้น บาปไม่อนุญาตให้ไป เพราะยังไม่หมดเขตเวรกรรม

    จากนั้น จ่ายมบาลก็ว่า “ขอให้ไปดี โชคแม่มีแล้วเพราะได้ลูกเป็นนักปราชญ์ชาติเมธี ใจดีมีศีลธรรม ออกบวชบำเพ็ญบุญส่งมาให้ก็ดีมาก นับว่าหาได้ยากในโลกนี้”

    นั่นแหละ ก็เห็นอำนาจของการบวชบำเพ็ญบุญ อุทิศส่วนบุญไปให้ แม่ไปตกนรกมืด บุญก็ไปช่วยเหลือให้มาเกิดตระกูลเดิมได้ ก็หมดความห่วงใยอาลัยแล้ว ได้เห็นผลประจักษ์อย่างนั้น

    ทีนี้ก็ย้อนมาถามพี่สาวบ้างว่า “ไม่ได้ทำบุญอุทิศไปให้แม่บ้างหรือ ?”

    พี่สาวก็ว่า ทำ ๓ ครั้ง น้าสาว (น้องแม่) เขาคิดถึงพี่สาวเขาก็เลยพาหลานสาวทำบุญอุทิศไปให้แม่ ทำถึง ๓ ครั้ง

    “ทำอย่างไรเล่า ?”

    น้าสาวพาทำบุญใส่เหล้าลงไปครั้งละโหลนะ ครั้งละโหลไหใหญ่ ๆ ฝังไว้ในป่าสับปะรด ป่ากล้วย ฆ่าวัว ฆ่าควาย สมัยนั้นวัวควายราคาถูก ทำบุญแต่ละครั้งหมดวัวควายไป ๔ - ๕ ตัว ตัวละ ๑๐ สลึงก็มี ตัวละ ๖ สลึงก็มี บาทหนึ่งก็มี ๕๐ สตางค์มี สมัยนั้น วัวควายไม่มีราคา

    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-chanta/lp-chanta-02-01.htm

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงหลวงปู่จันทา ถาวโร

    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลป.จันทา.jpg ลป.จันทาหลัง.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ปี๒๕๓๔

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลป.ดู่.jpg ลป.ดู่หลัง.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    พระผงรูปเหมือนรุ่นแรก พิมพ์หลังเตารีด หลวงพ่ออบ อินทวิริโย วัดถ้ำแก้ว จ.เพชรบุรี ปี ๒๕๑๖ ของดีที่ไม่ควรมองข้ามครับ คนเมืองเพชรรู้ดี "ความเหนียว คงกระพันชาตี ไม่เป็นรองใคร" พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อีกท่านหนึ่งของเมืองเพชรบุรี รายละเอียดยังคงชัดอยู่ ทุกจุด เก็บไว้ใช้ในพุทธคุณครับพี่ รับรองว่าคุ้มค่ามากครับ ต่อไปพระของท่านจะหายากนะครับ ดูอย่างเหรียญรุ่นแรกของท่านราคาไปไกลแล้วนะครับ
    พระผงรูปเหมือนพิมพ์หลังเตารีด หลวงพ่ออบ อินทวิริโย อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำแก้ว ต.ไร่ส้ม อ.เมือง จ.เพชรบุรี เป็นพระผงรูปเหมือนเนื้อว่านยาที่สร้างขึ้นในปี ๒๕๑๖ และ แจกในปี ๒๕๑๗ โดยใช้เนื้อเดียวกับพระปิดตาเนื้อผงว่านยาที่สร้างขึ้นในวาระเดียวกัน จากข้อมูลในหนังสือ ๘๐ ยอดพระปิดตายุคหลังกึ่งพุทธกาล ของชายนำ ภาววิมล ระบุว่า พระผงรูปเหมือนเนื้อว่านยา สร้างขึ้นพร้อมกับพระปิดตาเนื้อผงว่านยา พระปรกใบมะขาม เหรียญหลวงพ่ออบ อินทวิริโย รุ่นสอง เพื่อเป็นที่ระลึกในงานสมโภชกำแพงแก้ว ในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๑๗ พระชุดนี้ หลวงพ่ออบ อินทวิริโย อธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวในวันเสาร์ห้าปี พ.ศ. ๒๕๑๖ (๗ เมษายน ๒๕๑๖) และทำพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวตลอดไตรมาส ปี ๒๕๑๖

    ขออนุญาติ ลงประวัติความเป็นมาของหลวงพ่อให้ผู้ที่ยังไม่รู้ได้รับทราบครับ

    หลวงพ่ออบ อินทวิริโย เป็นชาวบ้านหนองช้างปลัก ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เกิดปีระกา ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ พุทธศักราช ๒๔๕๒ นามบิดา ผึ่ง กลีบจงกล นามมารดา เพี้ยน กลีบจงกล มีพี่น้องร่วมกัน ๖ คน หลวงพ่ออบเป็นคนหัวปี
    หลวงพ่ออบอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ อุโบสถวัดถ้ำแก้ว มีพระอุปัชฌาย์ คือหลวงพ่อทิม วัดโคก หลวงพ่อเช้า วัดเวียงคอย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่ออยู่ วัดถ้ำแก้วเป็นพระนุสาวนาจารย์ เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงพ่ออบก็จำพรรษาอยู่วัดถ้ำแก้ว ศึกษาวิปัสสนาธุระ และพุทธคมกับหลวงพ่ออยู่ ด้วยความพากเพียรเป็นเวลาถึง ๕ พรรษา จากนั้นจึงเดินออกธุดงค์อยู่ทุกปี ร่ำเรียนวิชากับพระอาจารย์ต่าง ๆ คือ อาจารย์วัดลาดบัวขาว จังหวัดปราจีนบุรี หลวงปู่นาค วัดหัวหิน อาจารย์อยู่ อาจารย์หยอย เจ้าอาวาสวัดถ้ำแก้ว และ ปู่แสง (โยมพระอาจารย์หยอย) ซึ่งเป็นฆราวาสถือศีลกินเพล ซึ่งเรืองวิทยาคมและมีชื่อเสียงดังมากในจังหวีดเพชรบุรีสมัยนั้น

    วัตถุมงคลที่ท่านทำนั้น มี ตระกรุด ผ้ายันต์ และ เหรียญที่ท่านได้ปลุกเสก มี ๓ รุ่น ทุกรุ่นผ่านประสบการณ์ความคงกระพันมากมายๆ นับไม่ถ้วน

    หลวง พ่ออบ ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เมืองเพชรบุรีที่มีวิทยาคมเก่งกล้าด้านคงกระพันชาตรี จากประวัติคำบอกเล่ามีว่า ครั้งหนึ่งมีคนบ้าถือมีดพร้าตรงเข้ามาทำร้าย ใช้มีดฟัน หลวงพ่ออบท่านถึงในวัด เสียงดัง บึกๆ แต่ไม่ระคายผิวท่านเลยแม้แต่น้อย ซึ่งสอดคล้องกับที่หลวงพ่อแดงเคยบอกผู้ที่ไปกราบท่านว่า"ถ้าจะเอาเหนียว ต้องไปหาท่านอบ วัดถ้ำแก้ว" หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว พระเถระที่ประพฤติปฏิบัติ ดี ตามพระธรรมวินัย เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนเป็นจำนวนมาก
    แต่เนื่องจากการมรณภาพของท่าน ที่มี ผู้รู้มั่งไม่รู้มั่งนำไปพูดจาไม่ดี ทำให้หลวงพ่ออบ ท่านเงียบหายไปกับสายลม นั่นคือท่านมรณภาพด้วยการที่ซุงบนรถบรรทุก หล่นลงมาทับร่างของท่านจนถึงแก่มรณะภาพ ทั้งนี้เนื่องมาจากโซ่ที่ใช้รัดซุงดังกล่าวขาด แต่ ที่น่าแปลกคือ ก่อนเกิดเหตุนั้น ท่านได้บอกกับคนอื่นที่ต้องไปช่วยงานท่านในการตีตราซุงเหล่านั้นให้หลบออกไป จากบริเวณดังกล่าวให้หมด รวมทั้งภายหลังที่เกิดเหตุแล้ว เมื่อไปพบร่างท่าน ปรากฏว่า ร่างกายท่านแทบไม่มีเลือดออกเลย มีเพียงเลือดเล็กน้อย ที่บริเวณปากท่านเท่านั้น นี่เองที่ทำให้พวก คิดไม่ดี ปากไม่ดี นำไปพูดว่า ขนาดท่านยังมรณภาพแบบนี้เลย แล้วพระท่านจะดีได้อย่างไร รวมทั้งผู้ที่ใช้ก็อาจจะตายไม่ดีเช่นนี้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นคำพูดที่ผิดอย่างมาก เป็นคำพูดของคนที่เต็มไปอวิชชาแท้ๆ

    อย่าลืมว่า ในอดีตยุคพุทธกาลนั้น พระสาวกที่ทรงด้วยอิทธิฤทธิ์ เช่น พระโมคคัลานะ ก็มรณภาพด้วยการถูกตีจากกลุ่มโจร ก่อนที่ท่านจะเข้าสู่นิพพาน และจากกรณีที่เครื่องบินตก แล้วมีพระเถราจารย์ มรณภาพ อาทิเช่น พระอาจารย์วัน , พระอาจารย์จวน เป็นต้นนั้น เวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า ท่านเป็นผู้บรรลุธรรมชั้นสูงทั้งนั้น นั่นคือ อัฐิของท่านเหล่านี้ ได้แปรสภาพเป็นพระธาตุไปจนหมด ดังนั้น จึงไม่อยากให้มองข้ามของดีๆไป

    หลวงพ่อ แดง วัดเขาบันไดอิฐ พระเกจิอาจารย์ผู้ลือนามแห่ง จ.เพชรบุรี ท่านได้กล่าวไว้ว่า "หากฉันตายให้ไปหาหลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว เขาสามารถแทนฉันได้ " นี่เป็นคำกล่าวยืนยันจากหลวงพ่อแดงท่านได้กล่าวไว้
    ขอให้ท่านพิจารณาครับ ไม่อยากให้พลาดของดี เช่นนี้

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงหลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว รุ่นแรก

    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.อบ.jpg ลพ.อบหลัง.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    1934762_1220395924655982_4507988873218024095_n.jpg

    พระครูสัจจานุรักษ์"หลวงพ่อเที่ยง ปภังกโร"
    วัดพระพุทธบาทเขากระโดง. อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

    "พระครูสัจจานุรักษ์" หรือ "หลวงพ่อเที่ยง ปภังกโร" พระเกจิชื่อดังและพระนักพัฒนา ที่ชาวอีสานใต้ให้ความเลื่อมใสศรัทธา เนื่องจากเป็นพระเถระที่มีเมตตา ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย

    ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

    มีนามเดิม เที่ยง อารมณ์ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 ม.ค. 2484 ที่บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 12 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

    ในวัยเด็กมีความขยันหมั่นเพียร กตัญญูต่อบิดามารดา ช่วยกิจการงานทุกอย่าง ทำนา หว่านกล้า เก็บเกี่ยวข้าว ด้วยความอุตสาหะอดทน

    จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนในหมู่บ้าน จากนั้นก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนามาตลอด

    กระทั่งอายุ 29 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ที่ วัดอิสาณ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2513 มีพระเมธีธรรมาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อบุญมา ปัญญาปโชโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อจำรัส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายานาม ปภังกโร

    หลังอุปสมบท ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทเขากระโดง ตั้งใจขยันหมั่นเพียรศึกษาพระปริยัติธรรม ด้วยเป็นผู้มีความวิริยะสูง จดท่องแม่นยำยิ่งนัก ทั้งฝักใฝ่หาความรู้ เพียรหาครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละแม้จะไกลไปยาก ก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไป

    ศึกษาวิทยาคมและวิปัสสนากรรมฐานจากหลวงพ่อบุญมาอยู่หลายปี จนมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งหลวงพ่อบุญมาได้แนะนำว่า "ถ้าจะบรรลุถึงธรรมปฏิบัติที่แท้จริงแล้วจะต้องออกธุดงค์ เพื่อหาความวิเวกฝึกจิตสมาธิให้กล้าแข็ง"

    ท่านจึงออกเดินธุดงค์จาริกหาความวิเวกไปตามป่าดงดิบทั้งไทย พม่า และเขมร ต่อมาหลวงพ่อบุญมาถึงแก่มรณภาพ ท่านเดินทางกลับมาเพื่อช่วยจัดการเกี่ยวกับศพหลวงพ่อบุญมา กระทั่งพระอธิการบุญเย็น พระอาวุโสในวัดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสรูปต่อมา

    หลังจากนั้น หลวงพ่อเที่ยงออกท่องธุดงค์อีก คราวนี้ขึ้นไปทางเหนือ จุดหมายปลายทาง คือ ฝั่งเมียวดี ประเทศพม่า ผ่านทางแม่สอด จ.ตาก แล้วข้ามฟากมุ่งสู่ยอดดอยลิ้นกี่ ฝั่งเมียวดี เข้ากัมมัฏฐานรักษาศีลปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นเป็นเวลาเกือบปี

    วันหนึ่ง ท่านได้พบกับพระภิกษุชาวลาวรูปหนึ่งชื่อว่า หลวงพ่อมหาตันอ่อน เป็นพระเถระจากเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งเชี่ยวชาญในวิทยาคม ท่านทั้งสองได้แลกเปลี่ยนวิชาความรู้กัน และความรู้ด้านปฏิบัติสมถะสำหรับในด้านวิทยาคม

    ครั้นพอออกพรรษา หลวงพ่อเที่ยงแบกกลดคู่ชีพธุดงค์มุ่งหน้าสู่เขาพระวิหาร เพื่อบำเพ็ญเพียร และได้พบกับพระเถระเขมรระดับเกจิหลายรูปด้วยกัน และฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาด้านวิชาอาคม

    หลวงพ่อเที่ยงธุดงค์เข้าไปในเขมรพร้อมกับพระอาจารย์อุทัยเพื่อนสหธรรมิก พบกับพระเกจิอาจารย์ขมังเวทชาวเขมรได้รับความเมตตาสั่งสอนถ่ายทอดวิทยาคมต่างๆ อย่างไม่ปิดบัง

    สำหรับวัดพระพุทธบาทเขากระโดง ตั้งอยู่เชิงเขากระโดง ซึ่งเป็นวนอุทยาน ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

    เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.2498 โดยหลวงพ่อบุญมา อาจารย์สอนวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในที่ดิน 5 ไร่

    หลวงพ่อบุญมาชักชวนประชาชนพระภิกษุ-สามเณรร่วมกันพัฒนาบนยอดเขาและทางขึ้นเขา

    หลังหลวงพ่อบุญมามรณภาพ ต่อมา วัดพระพุทธบาทเขากระโดง ได้รับประกาศตั้งเป็นวัดถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อปี พ.ศ.2521







    วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2531 บนยอดเขากระโดง อันเป็นภูเขาไฟที่ดับมานับพัน ๆ ปี อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งของวนอุทยานเขากระโดง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กลุ่มข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดสี่ห้านายพร้อมด้วย ชาวบ้านอีกหลายคนได้ขึ้นไปชุุมนุมกันอยู่ที่นั่น... ชื่อของบรรดาข้าราชการจังหวัดบุรีรัมย์นั้น ท่านขอให้สงวนเอาไว้ด้วยเหตุผลส่วนตัวบางอย่าง แต่ชาวบ้านที่พอจะเปิดเผยได้ก็มี คุณวรพจน์ ลิ้มพานุกิจ คุณอุทัย ใจชื่น และคุณกลิ่น โนนสังกาศ เป็นชาวตลาดในเมืองบุรีรัมย์


    เขามาชุมนุมทำอะไรกัน? การกระทำครั้งนี้ ในตอนแรกต้องการปกปิดเป็นความลับ เพราะไม่อยากให้ใครได้รู้เห็น แต่หลังจากผ่านการทดลองไปแล้ว ความลับทั้งหลายจึงถูกเปิดเผยขึ้น มีสิ่งหนึ่งแขวนอยู่กับกิ่งไม้ นั่นก็คือ ตะกรุด ดอกหนึ่ง ซึ่งชาวคณะได้นำมาจาก วัดพระพุทธบาทเขากระโดง เป็นของ หลวงพ่อเที่ยง ปภังกโร พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งดินแดนที่ราบสูง ได้รับจากมือมาก็เอามาลองกันเลย เพื่อที่จะดูว่าแน่จริงสมคำร่ำลือหรือเปล่า...........


    ใครจะเป็นคนยิง ? เสียงผู้อาวุโสคนหนึ่งในคณะถามขึ้น ข้าราชการสังกัด นปพ. อาสาเป็นผู้ยิงเดินเข้าหาตะกรุดพร้อมด้วยปืนพกกึ่งอัตโนมัติขนาด 11 มม. ในมือ มีเสียงทัดทานของใครคนหนึ่งเตือนมาข้างหลัง.....เดี๋ยวเถอะมึง ได้รู้ว่าหมู่หรือจ่า หลวงพ่อท่านบอกห้ามลองของนะโว้ย!!! เฮียเงียบเถอะ เขากำลังจะเอาจริงเอาจัง. เสียงห้ามจากอีกคนยืนอยู่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ


    การทดลองวัตถุมงคลต่าง ๆ ของหลวงพ่อเที่ยงนั้นเป็น ข้อห้ามอย่างเด็ดขาด เพราะจะนำเอาสิ่งไม่ดีมาสู่ตัวเอง แต่คณะทดลองของขลังนี้ก็ยอมเสี่ยงด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าของที่ได้มา นั้นดีจริง เนื่องจากเห็นพิธีการสร้างแล้วน่าทึ่งแปลกพิสดารล้ำลึก ชนิดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนเลยนั่นเอง เริ่มตั้งแต่พิธีบวงสรวงเทพารักษ์ และดวงวิญญาณของพญาเสือโคร่ง ซึ่งน่าขนลุกขนพอง หลังจากนั้นก็มีการลงอักขระยันต์ลงบนหนังเสือโคร่ง กว่าจะเสร็จกินเวลานานมาก แล้วมาถึงพิธีปลุกเสกพระคาถากำกับ หัวใจเสือ เป็นอันแล้วเสร็จ ตะกรุดพญาเสือโคร่งมหาอำนาจ



    5005432-302c1%281%29.jpg


    หลวงพ่อเที่ยง











    ากกระบอกปืนถูกจ่อห่างจากตะกรุดดอก นั้นประมาณ 2 ฟุต ทุกคนกลั้นลมหายใจอย่างตื่นเต้น เดี๋ยวจะได้รู้กันว่าของหลวงพ่อนั้นแน่แค่ไหน แต่ก็มีเสียงทักท้วงขึ้นอีก หัวหน้าทีมสั่งให้เปลี่ยนปืนที่จะใช้ยิงเป็นปืนวอลเว่อร์แทน เพราะเก็บกระสุนที่ด้านง่ายกว่าปืนออโต้ ซึ่งจะต้องกระชากลำเลื่อนเพื่อคายกระสุนปืนที่ด้านออกจากรังเพลิงทำให้เสีย เวลา เอาล่ะยิงได้ !! มือปืนกระตุกไกยิงทันที แชะ...แชะ...!! ยิงไม่ออก กระสุนด้าน เฮ้ย ซัดให้หมดโม่ไปเลย !! เสียงหัวหน้าทีมกำกับบท มือปืนจาก นปพ. จึงสับไกรวดเดียว แชะ...แชะ...แชะ...แชะ...!! น่าอัศจรรย์..กระสุนชุดนั้นไม่ลั่นเลยแม้แต่นัดเดียว ! หัวหน้าทีมน้ำเสียงสั่น สั่งให้หันปากกกระบอกปืนไปทางอื่นแล้วลองยิงดู เปรี้ยง...เปรี้ยง...!! ทุกคนตกตะลึงเมื่อเสียงปะทุแตกของกระสุนปืนขนาด .38 ดังกึกก้อง มือปืนยังไม่แน่ใจแหงนลำกล้องขึ้นฟ้าอีกสองนัด มันก็ระเบิดออกมาไม่เหลือ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    พระกริ่งหลวงพ่อเที่ยง เขากระโดง
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ


    ลพ.เที่ยง.jpg ลพ.เที่ยงกล่อง.jpg ลพ.เที่ยงฐาน.jpg ลพ.เที่ยงหลัง.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=21487
    หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก แห่งวัดป่าโนนแสงทอง ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ถือเป็นพระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มีพุทธศาสนิกชนให้ความเคารพศรัทธามาเนิ่นนาน

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า พิสมัย โสภาจร เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2573 ณ บ้านนาเตียง ต.ตาลเนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายสาและ นางเพ็ง โสภาจร

    ชีวิตในวัยเด็กมีหน้าที่ช่วยบิดามารดาทำงานในเรือกสวนไร่นา พร้อมทั้งต้องทำหน้าที่ช่วยพี่ๆ น้องๆ บ้านเกิดก็เป็นป่า สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกันทำงานกันตัวเป็นเกลียว ในการช่วยในการไถ ปักกล้า ดำนาด้วย

    จนอายุ 9 ขวบ ได้เข้าเรียนชั้นประถมปีที่ 1 ที่โรงเรียนประชาบาล ตั้งอยู่ในวัดอัมพวัน บ้านนาเตียง ต.เนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    กระทั่งเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จึงได้ลาออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา
    ต่อมา โยมบิดาได้นำฝากให้เป็นเด็กวัดกับพระซึ่งอยู่วัดเหนือ อ.เมือง จ.สกลนคร พระที่อยู่ด้วยได้เอาไปฝากเข้าโรงเรียนช่างไม้สกลนคร ปัจจุบันมีชื่อว่าโรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล อ.เมือง จ.สกลนคร เป็นเวลา 3 ปี เมื่อมีอายุได้ 16 ปี ได้กลับมาอยู่ที่บ้านนาเตียง ช่วยบิดามารดาทำการงานในเรือกสวนไร่นาต่อไป ล่วงเข้าสู่วัยหนุ่มอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2493 ณ วัดสามัคคีบำเพ็ญผล บ้านนาเตียง ต.เนิ้ง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

    ในสมัยนั้นได้บวชด้วยกัน 4 รูป คือ บวชพระ 3 รูป และบวชเป็นสามเณร 1 รูป ที่ฉิมน้ำบ้านหนองดินดำ โดยมีพระครูพุฒิวราคม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์นนท์ โกวิโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    ภายหลังอุปสมบท ท่านได้เดินทางไปจังหวัดนครพนม พร้อมกับพระกรรมวาจาจารย์ พักอยู่ที่วัดอรัญญิกาวาส โดยมีพระอาจารย์บุญมา มหายโส (พระครูไพโรจปัญญาคุณ) เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น

    สำหรับผู้ที่บวชพร้อมกับท่านทั้งหมด 4 รูป คือ

    1.หลวงปู่เคน เขมาสโย เจ้าอาวาสวัดป่าหนองหว้า บ้านหนองหว้า ต.ทรายมูล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

    2.หลวงพ่อประสาร ปัญญาพโล (พระครูพิศาลปัญญาคม) เจ้าอาวาสวัดป่าคามวาสี บ้านหนองดินดำ ต.ตาลโกน อ.สว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร และเจ้าคณะอำเภอสว่างแดนดิน

    3.หลวงปู่สมัย ทีฆายุโก เจ้าอาวาสวัดป่าโนนแสงทอง บ้านสร้างดู่-ดอนเขือง ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร

    4.สามเณรชาลี โคตรสมบูรณ์ บวชเณรและลาเพศสิกขาเป็นฆราวาสครองเรือนในปัจจุบัน
    ชีวิตในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ หลวงปู่สมัยได้เดินทางไปทุกที่ทุกแห่งที่เห็นว่าสงบ ออกวิเวกและอยู่ตามป่าเขา และในพรรษาที่ 12-13 หลวงปู่ได้เดินทางกลับจำพรรษาที่วัดป่าสามัคคีธรรมาวาส บ้านโพนทอง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
    ครั้งหนึ่ง ได้มีโอกาสไปศึกษาพระธรรมกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมโม ที่วัดป่าอรัญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    กระทั่งในพรรษาที่ 48 ได้มาจำพรรษาที่วัดป่าโนนแสงทอง บ้านสร้างดู่-ดอนเขือง ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
    หลวงปู่สมัยเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เคร่งครัดทางวินัย เป็นเนื้อนาบุญแก่พุทธศาสนิกชนอย่างแท้จริง
    ท่านมักกล่าวเสมอว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในโลกนี้เป็นเพียงสัก แต่ว่าเป็นธาตุสี่เท่านั้น แต่คนเราไปสมมติแล้วหลงสมมติตนเองต่างหาก มันจึงต้องยุ่งและเดือดร้อนด้วยประการทั้งปวง"
    ตลอดชีวิตสมณเพศ หลักธรรมที่ท่านได้พร่ำสอนญาติโยม คือ การรักษาศีล 5 และให้รู้จักดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เพราะความประมาทเป็นหนทางแห่งความหายนะ

    ขอบขอบคุณที่มาบทความข้อมุลอย่างสุงครับ

    เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่สมัย วัดป่าโนนแสงทอง ปี ๒๕๒๖ สร้างน้อย สภาพสวยเดิมๆครับ

    ให้บูชา 1400 บาท ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    หลวงพ่อหล่ำ สิริธัมโม (พระครูสิริธรรมรัต)วัดสามัคคีธรรม ถนนลาดพร้าว 64 (ซอยเกตุนุติ) แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร

    หลวงพ่อหล่ำ สิริธัมโม (พระครูสิริธรรมรัต) เดิมชื่อ หล่ำ แซ่เจ็ง เกิดเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๒ ตรงกับวันเสาร์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะเส็ง เอกศก เวลา ๑๔.๕๕ น. ที่บ้านหมู่ ๑ ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โยมบิดาชื่อ จุ้ยเตียง แซ่เจ็ง โยมมารดาชื่อ ปิ่น แซ่ซิ้ม เมื่ออายุได้ ๗ ปี โยมมารดาถึงแก่กรรม จึงต้องมาอยู่กับโยมตาโยมยายเมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๙ ที่บ้านหมู่ ๘ ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เมื่ออายุเข้าเกณฑ์ศึกษา ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประชาบาลวัดแหลม กระทั้งจบชั้นประถมปีที่ ๔ หลังจากนั้นได้ช่วยทางบ้านประกอบอาชีพทำสวน ต่อมาโยมตาได้ถึงแก่กรรมลง หลังจากงานตามประเพณีแล้ว จึงได้ไปขอเรียนภาษาอัการขอมกับ พระอาจารย์ฉัตร ผาสุโก วัดบางหญ้าแพรก กระทั่งสามารถอ่านออกเขียนได้ เมื่ออายุครบบวช จึงเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดบางหญ้าแพรก เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๒ โดยมีพระครูสิริสีลคุณ (พระราชวิริยาภรณ์) เข้าคณะจ้งหวัดสมุทรปราการเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูเผย (พระครูสถิตย์ธรรมคุณ) เจ้าอาวาสวัดบางหญ้าแพรก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสมุห์ผ่อง (พระครูบวรสมุทรกิจ) เจ้าอาวาสวัดปุณหังสนาวาส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "สิริธัมโม" หลังจากอุปสมบทแล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดบางหญ้าแพรก เรียนพระปริยัติธรรม และวิปัสสนากรรมฐานกับโยมอาจารย์อาบ สมสนิท จนออกพรรษา แล้วสอบพระปริยัติธรรมสนามหลวงได้นักธรรมตรี ในปี พ.ศ.๒๔๙๒ ในปี พ.ศ.๒๔๙๓ หลังออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อหล่ำได้ออกเดินธุดงค์ปฏิบัติกรรมฐานไปตามจังหวัดต่างๆ และได้เป็นหัวหน้านำการเดินธุดงค์ มีพระรุ่นพี่รุ่นน้อง พอครบ ๓ เดือน จึงเดินทางกลับวัดบางหญ้าแพรก และได้ พยายามค้นคว้าตำรับตำรายารักษาโรคแผนโบราณบ้าง อักษรขอมบ้าง รวมทั้งเลขยันต์ต่างๆ ซึ่งเป็นของครูบาอาจารย์ในวัดแต่ก่อนๆ ในระหว่างเดินธุดงค์แต่ละปี หลวงปู่หล่ำได้มีโอกาสพบปะครูบาอาจารย์ทั้งฆราวาสและบรรพชิต ได้เรียนวิชากับพระอาจารย์เกลี้ยง (พระครูโสภณวิสุทธิ์) เจ้าอาวาสวัดสุทธิโสภณ จังหวัดศรีษะเกษ เรียนวิชาเวทย์มนตร์คาถาเลขยันต์จากอาจารย์ พาน นนท์ตา อดีตกำนัน ต.ทุ่งสะอาด อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งเคยมอบตัวเป็นศิษย์เรียนวิชากับหลวงปู่ ศุข วัดมะขามเฒ่า ขณะที่อาจารย์พาน ยังบวชอยู่ นอกจากนี้หลวงปู่หล่ำ ยังได้มอบตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อครื้น (พระครูโฆสิตธรรมสาร) วัดสังโฆสิตาราม สุพรรณบุรี แต่ไม่ได้พักอยู่จำพรรษากับท่าน เดินทางไปกลับ บางครั้งไม่ได้ค้างคืน บางครั้งก็ค้างคืน

    การฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ นับว่าเป็นเรื่องบังเอิญเกินคาดคิด เมื่อวันหนึ่งหลวงพ่อครื้นกับพระและทายกผู้ติดตามเดินทางมาวัดบางหญ้าแพรก เพื่อเป็นอุปัชฌาย์บวชนาค ซึ่งตอนนั้นท่านเจ้าอาวาสกำลังอาพาธอยู่ หลวงพ่อหล่ำได้จัดที่พักรับรองท่านอย่างดี มีโอกาสเข้าไปกราบท่าน ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์เรียนวิชาด้วย หลวงพ่อครื้นไม่รับปากเพียงแต่พูดคุยกันตามธรรมดา แต่ก็รู้ว่าถ้อยคำที่พูดคุยกันหลวงพ่อครื้นใช้วาจาล้วงลูกสอบถามและทดสอบพลังจิตแบบไม่ให้รู้ตัว และทดสอบความรู้ที่มีอยู่ในตัวมาแต่ก่อน รู้สึกว่าท่านจะพอใจในวิชาภาษาขอมที่หลวงพ่อหล่ำมีความชำนาญอ่านออกเขียนได้แปลความหมายได้ลึกซึ้ง สมัยก่อนวิชาอาคมต่างๆ ที่บันทึกไว้ในใบลานคัมภีร์ต่างล้วนเป็นอักขระอักษรขอมแทบทั้งสิ้น พอรุ่งเข้าได้มีคนนิมนต์ไปวัดบางพลีใหญ่ใน หรือวัดหลวงพ่อโต อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อหลวงพ่อครื้นเสร็จภารกิจที่จังหวัดสมุทรปราการแล้ว ท่านก็เดินทางกลับวัดสังโฆ บางปลาม้าในวันรุ่งขึ้น

    เหตุการณ์ผ่านไปหลายวัน หลวงพ่อหล่ำแทบลืมเรื่องการเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อครื้นเนื่องจากมัวยุ่งอยู่กับภาระหน้าที่ในวัดบางหญ้าแพรก วันหนึ่งได้มีพระมาพบหลวงพ่อหล่ำบอกว่าหลวงพ่อครื้นให้มาตาม ให้ไปพบท่านที่วัดเป็นการด่วน ไม่บอกว่ามีเรื่องอะไร ท่านก็ไป พอไปถึงเข้าไปกราบสนทนากัน เห็นท่านมีร่างกายอ่อนแอ ด้วยอยู่ในวัยชราภาพมากแล้ว ขณะนั้นเป็นเวลาเย็นใกล้ค่ำ ท่านพูดอย่างคนกันเองว่า "เฮ้ย ท่านไม่ให้กุอยู่แล้ว" ความหมายในคำพูดของหลวงพ่อครื้นก็คือ ใกล้วาระแห่งการดับขันธ์ของท่านแล้ว ท่านปรารภว่า สอนวิชาให้ใครต่อใครมาก็มาก แต่วิชาตุ๊กแกยังไม่มีใครสืบทอดเลย ไม่ใช่หวงวิชา แต่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่จะเป็นผู้สืบทอดเรียนวิชานี้ยังไม่มี หลวงพ่อครื้นท่านเห็นว่าหลวงพ่อหล่ำเป็นนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน มีพลังจิตกล้าแข็ง เหมาะสมที่จะเรียนวิชานี้ได้ จึงสอนวิชาปลุกเสกตุ๊กแกให้ด้วยความเต็มใจ หลวงพ่อครื้นท่านทดสอบให้หลวงพ่อหล่ำภาวนาคาถาตุ๊กแกด้วยสมาธิจิตมั่น จนสามารถให้ตุ๊กแกมาหา มารวมกันให้เท่าที่มีอยู่ในบริเวณนั้น จึงเป็นอันว่าทดสอบผ่าน การลงอักขระ เมื่อสร้างวัตถุชนิดใดก็ตามเป็นรูปแบบตุ๊กแก ให้ลงอักขระ นะวะหอระคุณ และคาถาตวาดหิมพานต์ ลงที่หัวเรื่อยมาถึงหาง ถ้าสร้างตุ๊กแกเป็นเนื้อผงให้ทำผงลบ ปลุกเสกจนสามารถขยับตัวเคลื่อนไหวได้ จึงถูกต้องตามตำรา หากตุ๊กแกขนาดเล็ก ท่านจะปลุกเสกรวมภาวนาคาถา ๑๐๘ เที่ยว จึงเสร็จพิธี ภาพวัดสามัคคีธรรม
    https://palungjit.org/threads/หลวงปู่หล่ำ-วัดสามัคคีธรรม-ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อครื้น.262757/
    ปจัจุบันท่านมรณภาพแล้วครับ
    ขอบขอบคุณที่มาบทความข้อมุลอย่างสุงครับ

    เหรียญหลวงพ่อหล่ำ วัดสามัคคีธรรม กรุงเทพ

    ให้บูชา 300 บาท ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ลพ.หล่ำ.jpg ลพ.หล่ำหลัง.jpg
     
  14. Suppasit_S

    Suppasit_S เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,147
    ค่าพลัง:
    +3,869
    โอนเงินเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ เวลา 18.13 น. ที่อยู่เดิมชลบุรี

    ขอบคุณครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    พระสังกัจจายน์เนื้อผงน้ำมัน วัดพระพุทธบาท สระบุรี ปี 2520 หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อกวย ร่วมปลุกเสก

    พระสังกัจจายน์ วัดพระพุทธบาท สระบุรี ปี 2520 เนื้อผงน้ำมัน เรียกว่าพระนอกบ้านแต่น่าใช้น่าเก็บ ลักษณะร่างกายของท่านอ้วนล่ำ อุทรพลุ้ย "เป็นสัญลักษณ์แห่งความ สมบูรณ์พูนสุขและให้โชคลาภ" ทำให้ผู้พบเลื่อมใสในรูปกายของท่านว่า เป็นสัญลักษณ์แห่งความ สมบูรณ์พูนสุขและให้โชคลาภ พระสังกัจจายน์ พระมหาเถระรูปนี้เป็นที่เคารพศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นนิกายมหายานหรือเถรวาท เพราะเชื่อว่าด้วยอานุภาพแห่งมหาเถระพระสังกัจจายน์ จะประทานความสมบูรณ์พูนสุขและโชคลาภให้แก่ผู้ได้สักการะบูชาท่าน ในเมืองไทยเราได้มีวัดวาอารามต่าง ๆ สร้างรูปท่านไว้สักการะกราบไหว้เป็นอันมาก.
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสังกัจจายน์เนื้อผงน้ำมัน วัดพระพุทธบาท สระบุรี ปี 2520 หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อกวย ร่วมปลุกเสก
    ให้บูชา200บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    วัดพระบาท.jpg วัดพระบาทหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2019
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    หลวงปู่กลั่น คุณวโร แห่งวัดใหม่อินทราวาส อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง แรกเริ่มเดิมที ท่านเป็นชาวโพธิ์พระยา จ.สุพรรณบุรี สมัยยังเป็นฆราวาส ก็มีชีวิตเหมือนลูกผู้ชายไทยในอดีต คือ.เสือเก่า ท่านมีความสนิทสนม กันมากกับ อดีตเสือใหญ่แห่งเมืองสุพรรณฯ(เสือฝ้าย เพ็ชนะ)
    ท่านขลังมาตั้งแต่ก่อนบวชเสียอีก เพราะยามว่างท่านก็ไปรับจ้างลงใบลานในวัด และ เล่าเรียนวิชาจากพระอาจารย์(ลป.อ่อน อุตโม วัดชีสุขเกษม เป็นพระอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาหลักๆของท่านเป็นส่วนใหญ่-ต้นตำหรับพระยันต์ที่ท่านใช้เป็นตัวหลักคือ."น.ทอทรหด") และ ลป.คำ วัดหน่อพุทธางกูล(อยู่ตรงกันข้าม) ท่านแสวงหาวิชา-พระอาจารย์ผู้ทรงคุณมากมายหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น ลพ.อี๋(ไปเอา"กันหะ เนหะ"), ลพ.ภักต์ วักโบสถ์, ลพ.ภู วัดดอนรัก(เอาการสร้างตะกรุด), ลพ.คำ โพธิ์ปล้ำ, พ่อท่านคล้าย สวนขัน(เอา ฤ ฤามา-ฦ ฦาไป ใช้เวลา.6 เดือนกว่าจะได้.ใช้เวลาเรียนมาที่สุดในเท่าที่เรียนมาทุกๆ พระอาจารย์ฯ) และ ฆราวาส(อิสลาม) จ.ปัตตานี(เอาวิชาดูตูดจาน"เปิด3โลก") ส่วนที่ว่า ท่านเป็นลูกศิษย์ ลพ.ดิ่ง วัดบางวัวนั้นไม่จริง ท่านไม่เคยไปเรียนกับ ลพ.ดิ่ง บางวัวเลย วิชา.ลิง(หนุมาน) และปลักขิก ท่านเรียนมาจาก ลป.อ่อน อุตโม ทั้งสิ้น เพราะ ลป.อ่อน อุตโม ท่านสร้างปลัดขิก และ ลิงไม้แกะ ด้วย ส่วนพระยันต์(สัพวิชาต่างๆ) ลป.กลั่น คุณวโรท่านนำมาใส่เสริมลงไปในวัตถุมงคลท่าน(เปรียบเสมือนยาหม้อใหญ่) วัตถุมงคลของท่านที่ทุกท่านรู้จักเสียส่วนใหญ่ ก็คือ.ปลัดขิก แต่จริงๆท่านสร้างไว้มากมาย ล้วนแล้วแต่มากประสบการณ์มากมาย วัตถุมงคลท่านๆท่านเสกเอง องค์เดียว ไม่นิมนต์ท่านใดมาร่วมเสก
    ท่านเคยบอกว่า(สมัยสร้างพระประธานในโบสถ์"หลวงพ่อในโบสถ์"พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์")ว่า.
    (ลูกศิษย์): ลป.ครับ จะนิมนต์พระอาจารย์รูปใดบ้าง มาฉลองโบสถหลังใหม่และพระประธาน
    (ลป.กลั่น คุณวโร): จะเชิญท่านมาทำไม เราก็สร้างเอง-เสกเองได้ ดั่งที่ที่โบราณท่านว่าไว้.ชาติเสือ ไม่ขอเนื้อใครกิน
    วัตถุมงคลของท่านก่อนที่จะให้ใครไป ท่านจะต้องมั่นใจดีแล้วจึงให้ไป ท่านว่า.มันจะเป็นบาป-เป็นกรรม แต่ท่านก็ไม่เคยบอกกล่าวใครนะว่า.ของท่านดีอย่างไร-กันอะไร ท่านก็แค่กล่าวว่า.ของดี-ของมงคล จะเอาไว้ที่บ้านก็ดี เป็นมงคลบ้าน ไว้ที่ตัวก็ดี เป็นมงคลตัว ใครจะมาบอกว่า.พอเอาของท่านไปๆพบเจออะไรบ้างท่านก็เฉย กล่าวแต่ว่า.ก็ดี เป็นของมงคล แล้วก็ยิ้ม /
    ที่มาจากคุณโอ่ง สงขลา (ลูกศิษย์จ.สงขลาที่เคารพลป.กลั่น คุณวโร อย่างที่สุด)

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    1 พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อกลั่น วัดอินทาวาส
    ให้บูชาบาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.กลั่น.jpg ลพ.กลั่นหลัง.jpg
    2 พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อกลั่น วัดอินทาวาส
    ให้บูชาบาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.กลั่น1.jpg ลพ.กลั่น1หลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2022
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติ หลวงพ่อลำใย ปิยวัณโณ เกจิดังแห่งวัดทุ่งลาดหญ้า

    02-221-113.jpg

    หลวงพ่อลำใย แห่งวัดทุ่งลาดหญ้า ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ท่านเป็นพระเถระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา มีกิจวัตรอันประเสริฐยิ่ง ตลอดชีวิตแห่งการดำรงเพศพรหมจรรย์ นับตั้งแต่บรรพชาเป็นสามเณรจวบจนกระทั่งอุปสมบทเป็นพ ระภิกษุในพระพุทธศาสนา ยาวนานกว่า 60 ปี

    คุณงามความดีที่ท่านได้สร้างสมไว้แก่พระพุทธศาสนา และสังคมประเทศชาติ มากมาย จนมิอาจจะกล่าวได้หมดในเวลาอันสั้นนับแต่ได้รับภาระเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ และเป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากจะพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง ได้เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างของกรมการศาสนาแล้ว

    ท่านยังสร้างวัดและร่วมพัฒนาวัดทั้งในเขตปกครองและนอกเขตปกครองอีกกว่า 200 วัด เป็นประธานหาทุนทรัพย์สร้างโบสถ์ ศาลาการเปรียญ อีกกว่า 100 วัด สร้างโรงเรียน ทั้งมัธยม-ประถม (รวมที่ดินและอาคารเรียน) กว่า 10 แห่ง (โรงเรียนมัธยมวัดทุ่งลาดหญ้า-หลวงพ่อลำใย อุปถัมภ์ ได้รับการยกระดับเป็นโรงเรียนมัธยมระดับตำบลเป็นแห่ง แรกของประเทศไทย)

    หลวงพ่อสร้างสถานีอนามัยมอบให้แก่ทางราชการทั้งอาคาร และที่ดินนับได้ประมาณ 20 แห่ง ครั้งหลังสุดเพิ่งสร้างสถานพยาบาลบ้านพักคนชรา บนเนื้อที่ราว 70 ไร่ สิ้นค่าก่อสร้างประมาณ 100 ล้านบาท มอบให้แก่กรมประชาสงเคราะห์ และห้องสมุดประชาชนกาญจนาภิเษก ต.ลาดหญ้า พร้อมที่ดิน มูลค่ากว่า 20 ล้าน(ที่ดินติดถนนใหญ่)

    มอบให้แก่กรมการศึกษานอกโรงเรียนหลวงพ่อสร้างระบบประปา มอบให้แก่หมู่บ้านต่างๆหลายสิบแห่ง และสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแคว ตรงด้านหน้าวัดทุ่งลาดหญ้า มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท และอีกแห่งตรงช่วงที่ผ่านตำบลหนองบัว มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท มอบให้เป็นสาธารณะประโยชน์ ในส่วนของการสงเคราะห์ผู้ยากไร้

    หลวงพ่อได้กระทำอย่างต่อเนื่องนับเป็นเวลาหลายสิบปี ท่านเป็นธุระจัดหาข้าวสารอาหารแห้งให้แก่สถานสงเคราะ ห์คนชราที่ท่านสร้างขึ้น และทุกวันที่ 14 เมษายน หลวงพ่อจะจัดงานเทกระจาด แจกข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นแก่ผู้ยากไร้ เป็นงานประจำปีที่วัดทุ่งลาดหญ้าในเขตปกครองของท่าน คืออำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นอำเภอติดชายแดน มีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

    00ed20c1d8324e8b858f61069d8256428a24713e_291x390_Q75.jpg ทั้ง มอญ กระเหรี่ยง และกระหร่าง เป็นอำเภอที่ทุระกันดานมาก ในช่วงเข้าพรรษา ท่านก็จะนำข้าวสารอาหารแห้ง รวมถึงสิ่งของจำเป็น ไปแจกจ่ายแก่พระสงฆ์ตามวัดต่างๆอย่างทั่วถึงนับเป็นร ัอยวัด ทำให้เขตปกครองของท่านมีความสงบเรียบร้อยมาก ซึ่งเป็นผลดีต่อบ้านเมืองจากผลงานและจริยาวัตรอันประ เสริฐของท่าน ทำให้ท่านได้การยกย่องเชิดชูจากสถาบันต่างๆมากมาย รวมถึงได้รับพระราชทาน เสมาธรรมจักรในฐานะคนดีศรีสังคม จากสมเด็จพระเทพฯ

    โครงการที่ท่านกำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ คือการสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ภายในบริเวณวัดทุ่งลาดหญ้า ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วบางส่วน น่าเสียดายที่ท่านด่วนจากไป ด้วยความดีอันมากล้นของหลวงพ่อ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระมงคลสิทธิคุณ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2539 คนๆหนึ่ง พระสงฆ์รูปหนึ่ง เกิดมามีชีวิตที่ไม่สูญเปล่า สร้างคุณประโยชน์ให้แก่สังคมประเทศชาติมากมาย

    ตลอดชีวิตของท่านมีแต่การให้และการเสียสละโดยไม่เห็น แก่ความเหนื่อยยากลำบากกายใดๆ ท่านได้ทำหน้าที่ "พระสงฆ์" ที่สมควรกราบไหว้จนถึงนาทีสุดท้ายแห่งชีวิต สมควรที่เราทั้งหลายจะยกย่องเชิดชูให้เป็นปูชนียบุคคลอันประเสริฐยิ่ง

    หลวงพ่อลำใย ขึ้นชื่อลือนามในเรื่องวัตถุมงคลของขลัง สิ่งที่ท่านสร้างขึ้นแต่ละอย่าง ล้วนเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ มีประสบการณ์ให้เป็นที่เลื่องลือทุกร่นทุกพิมพ์ จนผู้ที่มีไว้บูชาต่างเชื่อมั่นในอานุภาพสรรพคุณอย่างสนิทใจ และท่านก็เป็นพระเกจิอาจารย์ที่สร้างกุมารทอง ท่านคือเกจิกุมารทองที่ทรงไว้ ด้วยวิชามหามนต์อันเปี่ยมล้นด้วยความเข้มขลังอีกท่านหนึ่ง

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    1 พระผงรูปเหมือนเคลือบหลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า
    ให้บูชา100บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลพ.ลำใย.jpg ลพ.ลำใยหลัง.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    __10_144.jpg

    ประวัติและปฏิปทา
    พระราชภาวนาพินิจ
    (หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย)

    วัดพุทธบูชา
    แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ


    ๏ อัตโนประวัติ

    “ถ้ายังมีความสงสัยอยู่ตราบใด
    เชื่อว่ายังมีปัญหาอยู่ตราบนั้น
    และยังมีความทุกข์อยู่ตราบนั้นด้วย
    เพราะความสงสัยเป็นเหตุ
    ฉะนั้นขอให้พิจารณาหาเหตุแห่งความสงสัยนั้นให้พบ
    และรีบดับความสงสัยนั้นด้วยการปฏิบัติชอบ
    ความสงสัยก็จะดับไป และความสุขจะเกิดขึ้น”

    คติธรรมจาก “พระราชภาวนาพินิจ” หรือที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยรู้จักกันดีในนามของ “หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย” พระกรรมฐานกลางกรุง ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ

    ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่มีวัตรปฏิปทาน่าเลื่อมใสเป็นที่เคารพบูชาของคณะศรัทธาญาติโยม คณะศิษยานุศิษย์ และสาธุชนโดยทั่วกัน ทั้งยังดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พระภิกษุ สามเณร และฆราวาสรุ่นหลัง สร้างคุณูปการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ปัจจุบันสิริอายุ 75 พรรษา (เมื่อปี พ.ศ.2552)

    พระราชภาวนาพินิจ (หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย) มีนามเดิมว่า สนธิ์ คำมั่น เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พุทธศักราช 2477 ตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 7 ปีจอ ณ บ้านโนนชาติ อ.เลิงนกทา จ.อุบลราชธานี (ปัจจุบันอยู่ในจังหวัดยโสธร) โยมบิดา-โยมมารดาชื่อ นายเป และนางกัน คำมั่น ครอบครัวมีอาชีพทำนา

    ในช่วงวัยเยาว์ ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบ้านสร้างมิ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนใกล้บ้าน แม้จะอยู่ในวัยเด็กแต่มีนิสัยรักสงบ เชื่อฟังโยมบิดา-โยมมารดา กลัวบาป ท่านมีความรู้สึกที่แตกต่างจากเด็กรุ่นเดียวกัน มีความคิดอยากจะบวช และปรารภอยากไปอยู่วัด แต่โยมมารดาไม่ยอมให้ไป

    paragraphparagraph__1_201.jpg
    พระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงปู่มหาทองสุก สุจิตฺโต)

    268_1242568668.jpg_115.jpg
    พระอาจารย์กว่า สุมโน


    ๏ การอุปสมบท

    กระทั่งตอนอายุ 18 ปี ได้มีโอกาสเดินทางไปที่วัดป่าอุดมสมพร (วัดหลวงปู่ฝั้น อาจาโร) ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ได้เห็นความอัศจรรย์ และระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสิ่งที่มีจริง จึงตัดสินใจออกบวช แต่ช่วงนั้นได้เตรียมตัวก่อนบวช ต้องสวดมนต์และทานข้าวมื้อเดียว ร่างกายซูบผอมลง แต่สุดท้ายท่านไม่ได้บวชเรียน ต้องกลับมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ

    อย่างไรก็ตาม ท่านยังมีความคิดอยากจะบวชอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดท่านได้นึกถึงที่โยมมารดาสั่งเสียไว้ว่า “จะทำอะไรจะมีครอบครัวก็ให้บวชเสียก่อน ขอให้บวชให้แม่ก่อน”

    ท่านจึงตัดสินใจเดินทางไปยัง จ.สกลนคร และเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดป่าสุทธาวาส บ้านคำสะอาด ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2497 โดยมี พระครูอุดมธรรมคุณ (หลวงปู่มหาทองสุก สุจิตฺโต) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์กว่า สุมโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระมหาสนธิ์ ขนฺตยาคโม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “อนาลโย” ซึ่งแปลว่า “ผู้ไม่มีความอาลัย”

    หลังอุปสมบทแล้ว ได้กลับไปอยู่จำพรรษาที่วัดป่ากลางโนนภู่ ต.ไร่ อ.พรรณานิคม ได้ปฏิบัติเดินจงกรม ฝึกภาวนา พิจารณากัมมัฏฐานตามที่พระอุปัชฌาย์บอก จนเกิดความรู้สึกปีติยินดี

    ปี พ.ศ.2498 พระอาจารย์กว่า สุมโน ไม่มีผู้ใดอุปัฏฐาก ท่านต้องกลับไปดูแลปรนิบัติรับใช้ และมาเรียนหนังสือที่วัดป่าสุทธาวาส เมืองสกลนคร วันแรกที่ไปอยู่วัดป่าสุทธาวาส ได้เกิดนิมิตว่าผีเจ้าของที่มาคอยหลอกหลอนรบกวน ท่านจึงปรารภความเพียรยิ่ง ระลึกถึงพระคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำความเพียรภาวนาต่อเนื่องกระทั่งจิตสงบสบาย จิตใจมีแต่ความเมตตาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    paragraph_100_861.jpg
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี


    ๏ ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

    ต่อมาท่านได้ไปอยู่ที่วัดป่ากลางโนนภู่ บังเอิญ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ได้ขึ้นไปจังหวัดสกลนคร ไปพักที่วัดป่าสุทธาวาส ได้ให้คนไปตามพระอาจารย์สนธิ์ให้ไปหาที่วัดป่าสุทธาวาส

    หลวงปู่เทสก์จึงได้พาพระอาจารย์สนธิ์ไปอยู่จังหวัดภูเก็ต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2499 ได้อยู่ปฏิบัติรับใช้หลวงปู่เทสก์อย่างใกล้ชิด โดยท่านให้พระอาจารย์สนธิ์อยู่กุฏิเดียวกับท่าน

    พระอาจารย์สนธิ์ชื่นชมในปฏิปทาของหลวงปู่เทสก์ ได้ปฏิบัติต่อหลวงปู่อย่างสม่ำเสมอ หลังจากถวายนวดเส้นแล้วก็จะออกมาปฏิบัติเดินจงกรมก่อนที่จะพักผ่อน


    ๏ มาพำนักจำพรรษาที่วัดพุทธบูชา

    ครั้นต่อมา ท่านมีความคิดที่อยากไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะอายุพรรษายังน้อย อยากเรียนบาลี จึงกราบเรียนขออนุญาตหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ซึ่งหลวงปู่เทสก์ก็ไม่คัดค้าน โดยมาพำนักจำพรรษาที่วัดพุทธบูชา ต่อมาท่านมุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมจนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ

    ทั้งนี้ หลวงพ่อสนธิ์ได้เล่าถึงความหลังให้ฟังว่า “ที่วัดพุทธบูชาในขณะนั้นบิณฑบาตลำบาก จะบิณฑบาตแต่ละครั้งก็ยาก ต้องลุยโคลนลุยเลนลำบากมาก เกิดมีมานะขึ้นมา ถ้าอย่างไรก็เรียนก่อนเถอะ ได้ตั้งใจมาแล้วต้องอดทนอยู่ต่อไป”

    ครั้งหนึ่งหลวงพ่อสนธิ์ได้รับกิจนิมนต์ไปเจริญพระพุทธมนต์ที่รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จำเป็นต้องต่อเครื่องบินจากเมืองดัลลัส ไปลงที่รัฐเทนเนสซี่ ระหว่างที่เครื่องบินกำลังบินอยู่ เกิดเหตุอากาศแปรปรวนและเครื่องบินเกิดมีปัญหา ทำให้เครื่องบินสั่นเสียการทรงตัว

    ผู้โดยสารบนเครื่องบินเกิดอาการหวาดกลัวว่าเครื่องบินจะตก หลวงพ่อได้นั่งภาวนาจนจิตนิ่ง จึงกำหนดจิตภาวนา เมื่อจิตสงบนิ่ง รู้สึกว่าจิตนิ่ง และไม่คิดเสียดายชีวิต ยอมตาย และรู้สึกว่ากายหายไป ในขณะนั้นได้มีเสียงมากระซิบว่า “ไม่ตายๆ” ปรากฏว่าเครื่องบินได้เปลี่ยนเส้นทางบินมาลงจอด เพื่อซ่อมเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย
    https://sites.google.com/site/watphutradio/prawati-hlwng-pu-srwng นี้ก็เข้าไปอ่านได้ครับ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญรุ่น3หลวงปู่สนธ์ วัดพุทธบูชา สภาพสวยเดิมๆครับ ให้บูชา150บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    อ.สนธฺ์.jpg อ.สนธฺ์หลัง.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,196
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญสิทธิโชค จง มี ทอง เงิน นาค ปี2529 พิธีใหญ่ ลพ.มีวัดมารวิชัยเสกด้วยแน่นอน

    ให้บูชา100บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ

    ลป.มี.jpg ลป.มีหลัง.jpg
     
  20. supachaipnu

    supachaipnu ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,476
    ค่าพลัง:
    +7,306
    close พระสังกัจจายน์เนื้อผงน้ำมัน วัดพระพุทธบาท สระบุรี ปี 2520 หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อกวย ร่วมปลุกเสก
    ให้บูชา200บาทค่าจัดส่งEMS50 บาทครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...