พระผู้ถอนกามคุณ ออกจากจิตใจจนสิ้น

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย NAMOBUDDHAYA, 10 พฤษภาคม 2015.

  1. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    "อยู่ให้ถึงร้อยปีเด้อ"

    หลวงปู่สังข์เมตตาอวยพรแก่หลวงพ่อประสิทธิ์ในวันคล้ายวันเกิดครบ 75 ปี
    น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์พระครูภาวนาภิรัต หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ วัดป่าอาจารย์ตื้อ เชียงใหม่ ด้วยเศียรเกล้า





    [​IMG]


    [​IMG]
     
  2. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    วันที่ ๕ มีนาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดเจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๗๕ ปี หลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร ได้มีโอกาสใส่บาตรหลวงปู่ประสิทธิ์ และฟังธรรม ท่านเมตตาสอนว่า ".. คนติดในรูปหลงในรูป มันต้องมาปฏิบัติจะได้ละได้ปล่อยได้วาง รูปมันก็ของเก่า คนก็คนเก่าส่องกระจกดูก็เห็น คนปฏิบัติแค่อาบน้ำก็พอแค่นี้เนื้อตัวก็สะอาด ไม่ต้องไปดัดไปย้อมไปแต่ง มันผิดธรรมชาติ.." ขออนุโมทนาบุญกุศลในครั้งนี้ให้กับทุกท่านนะครับ...สาธุ
    ประวัติหลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร โดยสังเขป
    ◎ ถิ่นกำเนิด-ชาติสกุล
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร เกิดที่บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๕ มีนาคม พ.ศ.๒๔๘๔ บิดาชื่อ พ่อสนธิ์ มารดาชื่อแม่มุก นามสกุล สิมมะลี มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ๗ คน เป็นชาย และหญิง ๔ คน
    ◎ ชีวิตในวัยเด็ก
    หลวงพ่อประสิทธิ์ เท่ากับเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว เมื่อมีอายุ ๗ ปี ได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนประชาบาล บ้านหนองบัวบาน ตำบลหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ สอบไล่ได้ตำแหน่งที่ ๑ หรือ ที่ ๒ เป็นประจำทุกปี ตลอดจนจบชั้นประถมปีที่ ๔ พอจบชั้นประถมแล้ว ครูใหญ่ชื่อ “ปรีชา” ให้ไปเรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมพิทยานุกุล ในตัวจังหวัดอุดรธานี หลวงพ่อได้ถามบิดาว่า “ จะเรียนดีหรือไม่เรียนดี” และเมื่อบิดาบอกว่ “ทำไร่ทำนาดีกว่า สบายใจดี” หลวงพ่อฯ จึงตัดสินใจช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา
    ◎ หลวงพ่อประสิทธิ์ เมื่อเยาว์วัย จึงเป็นแรงสำคัญช่วยงานบิดา มารดา อย่างเต็มความสามารถ ตั้งแต่ยังเรียนหนังสือชั้นประถม จนเช้าสู่วัยหนุ่มอายุ ๑๙ ปี จึงเกิดความคิดอยากเข้าวัด เนื่องจากวัดป่านิโครธาราม ของหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ อยู่ใกล้บ้าน ท่านได้ทบทวนชีวิตฆราวาส ผ่านมาได้ช่วยบิดามารดามา จนเป็นที่พอใจแล้ว ฐานะทางครอบครัวก็พอดีๆ ไม่รวยและไม่จน และพี่น้องต่างก็โต พอจะช่วยงานของครอบครัว พ่อแม่ได้แล้ว หลวงพ่อท่านคิดว่า ได้เกิดมาใช้หนี้บุญคุณพ่อแม่พอที่ได้อาศัย ท่านมาเกิดในชาตินี้แล้ว จึงคิดมองหา เส้นทางจิต ที่คิด ไม่อยากกลับมาเกิดเป็นหนี้ภพชาติอีกต่อไป โดยเกิดศรัทธาปัญญาในทางพระพุทธศาสนา คิดจะบวชไม่มีกำหนดตลอดชีวิต หวังอยู่ปฏิบัติ ตนเพื่อหลุดพ้น ความเกิดจนถึงอมตะพระนิพพาน
    ◎ บรรพชาและอุปสมบท
    ต่อมาครอบครัว ได้พาหลวงพ่อเข้าไปฝากตัวกับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๓ เวลา ๑๙.๐๐ น. และได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๓ ณ วัดโพธสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ครั้นเมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ.ศ.๒๕๐๔ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี ในวันที่ ๑ มิถุนายน โดยมีพระธรรมเจดีย์ (หลวงปู่จูม พันธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุดรคณานุศาสน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ◎ การปฏิบัติธรรม
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญฺญมากโร ได้บวชและอยู่ศึกษาอบรมธรรมะกับหลวงปู่อ่ออน ญาณสิริ วัดนิโครธาราม ตำบลหมากหญ้า อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ภายหลังหลวงปู่อ่อน มรณภาพลง ท่านได้ไปปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
    จากนั้นได้เดินธุดงค์ขึ้นสู่ภาคเหนือ มาอยู่ปฏิบัติธรรมร่วมกับหลวงปู่แหวน สุจิณฺโร วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเดินธุดงค์ แสวงหาความวิเวก จนกระทั่งมาพบสถานที่ป่าสงบเงียบ หลังที่ทำการชลประทานแม่แตง จึงได้ขออนุญาตจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ และยกฐานะเป็นวัดตามลำดับ
    วัดป่าหมู่ใหม่ เป็นวัดป่าสายธรรมยุตที่สงบเงียบ หลวงพ่อประสิทธิ์ ได้อนุรักษ์สภาพพื้นที่ป่าเดิม พร้อมกับปลูกป่าเสริมเพิ่มต้นไม้ตลอดเวลา ทำให้วัดมีต้นไม้ใหญ่สมบูรณ์ร่มรื่น
    การที่วัดป่าหมู่ใหม่มีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง แต่ละกฏิไม่มีการสะสมสิ่งของ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ เป็นวัดปฏิบัติธรรม จึงเป็นวัดป่าศักดิ์สิทธิ์ และมีเสน่ห์สำหรับผู้เข้าไปสัมผัส ทั้งนี้เพื่อ มรรค ผล นิพพาน อย่างแท้จริงนั่นเอง



    [​IMG]





    เครดิต https://www.facebook.com/thindham
     
  3. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ท่านให้ธรรมะว่า

    "...คนติดในรูปหลงในรูป มันต้องมาปฏิบัติจะได้ละได้ปล่อยได้วาง รูปมันก็ของเก่า คนก็คนเก่าส่องกระจกดูก็เห็น คนปฏิบัติแค่อาบน้ำก็พอแค่นี้เนื้อตัวก็สะอาด ไม่ต้องไปดัดไปย้อมไปแต่ง มันผิดธรรมชาติ.."



    ทำให้นึกถึงเรื่องของพระนางสุเมธาราชกัญญาในสมัยพุทธกาล ลองอ่านดูครับ คนที่ใฝ่ธรรมะปรารถนาความหลุดพ้นทั้งหลาย อ่านแล้วโอปนยิโกน้อมมาสู่ตนกันนะครับ...สาธุ






    [​IMG]




    “นางสุเมธาราชกัญญา ผู้เห็นโทษในกาม ปรารถนาออกบวช ปฏิเสธการอภิเษกสมรสกับพระเจ้าอนิกรัตตะ ผู้ครองแคว้นกรุงวารณวดี”
    (อยากให้ทุกคนได้อ่านบทธรรมเรื่องนี้ เป็นการกล่าวธรรมวาจาของพระสุเมธาเถรี ก่อนออกบวช ในเรื่องการละกาม การเห็นภัยในการครองเรือน และการเวียนว่ายตายเกิด พระคาถาที่ท่านกล่าวให้บิดามารดา และว่าที่เจ้าบ่าวนั้น กล่าวได้อย่างซาบซึ้งจับใจมากครับ)

    ...ในสมัยพุทธกาล ได้มีพระธิดาผู้มีสิริโฉมอันงดงามนางหนึ่ง นามของเธอคือ “สุเมธาราชกัญญา” เป็นธิดาของพระเจ้าโกญจะ แห่งกรุงมันตาวดี เมื่อพระนางยังเป็นทาริกาอยู่ พระบิดมารดาทรงปรึกษากันว่าจักถวายพระนางแด่พระเจ้าอนิกรัตตะ ผู้ครองแคว้นกรุงวารณวดี

    เมื่อพระนางสุเมธาเจริญวัยขึ้น พระนางพร้อมด้วยราชธิดาที่มีวัยปูนเดียวกัน และเหล่าทาสี ก็พากันไปสำนักภิกษุณี ได้ฟังธรรม ในสำนักภิกษุณีแล้ว ก็เกิดสังเวชในสังสารวัฏ เพราะทรงบำเพ็ญบารมีมาเป็นเวลาช้านาน ทรงเลื่อมใสยิ่งในพระศาสนา เมื่อทรง เจริญวัยขึ้น ก็ได้มีพระทัยหันกลับจากกามทั้งหลาย

    เมื่อพระนางได้ยินการปรึกษาของพระบิดามารดาและพระประยูรญาติ ถึงเรื่องจะถวายพระนางแด่พระเจ้าอนิกรัตตะ พระนางจึงเข้าไปหาแล้วตรัสว่า
    “ ลูกไม่ประสงค์กิจฆราวาส ลูกจักบวชเพคะ แล้วตรัสต่อไปว่า
    “ ลูกยินดีย่างยิ่ง ในพระนิพพาน ภพถึงแม้ว่าจะเป็นทิพย์ก็ไม่ยั่งยืน จะป่วยกล่าวไปใย ถึง กามทั้งหลาย ซึ่งเป็นของ ว่างเปล่า อร่อยน้อย คับแค้นมาก ”
    “ กามทั้งหลาย เผ็ดร้อน เปรียบด้วยงูพิษ ที่พวกคนเขลาพากันจมดักดาน คนเขลาเหล่านั้น แออัดกันในนรก ต้องเดือดร้อน เป็นทุกข์เป็นเวลาช้านาน ”
    “ พวกคนเขลา ผู้ไม่สำรวมกาย วาจา ใจ ทำกรรมที่เป็นบาป พอกพูนแต่บาป ย่อมเศร้าโศกในอบายทุกเมื่อ คนเขลาเหล่านั้น ไม่มีปัญญา ไม่มีเจตนา ถูกทุกขสมุทัยปิดไว้ เมื่อไม่รู้อภิธรรมที่ท่านแสดง ก็ไม่ตรัสรู้อริยสัจ.
    “ ทูลกระหม่อมแม่เพคะ คนเขลาเหล่าใด เมื่อไม่รู้สัจจะทั้งหลาย ที่พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐทรงแสดงแล้ว ยังชื่นชมภพ กระหยิ่ม การเกิดในหมู่เทพทั้งหลาย คนเขลาเหล่านั้น มีจำนวนมากกว่าเพคะ ”
    “ เมื่อภพไม่เที่ยง ความเกิดในหมู่เทพทั้งหลายก็ไม่ยั่งยืน พวกคนเขลา ย่อมไม่หวาดสะดุ้งต่อคนที่ต้องเกิดบ่อย ๆ ”
    “ อบายทั้ง ๔ (นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน) สัตว์ทั้งหลายย่อมได้กันสะดวก ส่วนคติ ๒ (มนุษย์, เทวดา) ได้กันลำบาก ในนรกของเหล่าสัตว์ที่เข้าถึงอบาย ไม่มีการบวชดอกเพคะ ”
    “ ขอพระบิดา พระมารดาทั้งสองพระองค์ โปรดทรงอนุญาตให้ลูกบวชในพระธรรมวินัยของพระทศพลเถิด ลูกจักขวนขวายน้อย (สันโดษ) พากเพียรเพื่อละชาติและมรณะ ”
    “ จะมีประโยชน์อะไรด้วยโทษ คือ กายที่ไร้สาระในภพ ซึ่งพวกคนเขลาชื่นชมนักหนา ขอทรงโปรดอนุญาตเถิด ลูกจักบวชเพื่อดับภวตัณหา ความอยากในภพ ”
    “ ความอุบัติของพระพุทธะทั้งหลาย ลูกได้แล้ว อขณะก็เว้นไปแล้ว ขณะลูกก็ได้แล้ว ลูกจะไม่ประทุษร้ายศีล และพรหมจรรย์ ตลอดชีวิต ” พระนางสุเมธากราบทูลพระบิดามารดา อีกว่า
    “ ถ้าจะให้ลูกยังเป็นคฤหัสถ์ ลูกจักไม่เสวยอาหาร จักยอมตายเพคะ ”

    พระมารดาทรงกันแสง (ร้องไห้) พระบิดานั้น พระอัสสุชลก็นองทั่วทั้งพระพักตร์ ทั้งสองพระองค์ทรงพากเพียรเกลี้ยกล่อม พระนางสุเมธา ซึ่งฟุบลงที่พื้นปราสาทว่า.
    “ ลูกเอ๋ย ลุกขึ้นเถิด จะเศร้าโศกไปทำไม พ่อยกลูกให้ที่กรุงวารณวดีแล้วนะ พระเจ้าอนิกรัตตะ ทรงงามสง่า พ่อยกลูกถวาย พระองค์แล้ว ”
    “ ลูกจักเป็นเอกอัครมเหสีของพระเจ้าอนิกรัตตะ ศีล พรหมจรรย์ บรรพชา ทำได้ยากนะลูกนะ ”
    “ อำนาจ ทรัพย์ ความเป็นใหญ่ โภคะ สุขในราชสมบัติ ทั้งลูกก็ยังเป็นสาว จงบริโภคกามเถิด ลูกจงวิวาหะเสียเถิด นะลูกนะ ”

    พระนางสุเมธากราบทูลพระชนกชนนีนั้นว่า
    “ อำนาจเป็นต้นเช่นนี้ อย่ามีมาเลย เพราะภพหาสาระมิได้ การบวชหรือความตายเท่านั้นจักมีแก่ลูก ลูกไม่ยอมวิวาหะแน่แท้ ”
    “ กายอันเน่าเหมือนหนอน ไม่สะอาด กลิ่นเหม็นคลุ้งไป น่าสะพรึงกลัว ดุจถุงหนังบรรจุซากศพ เต็มด้วยของไม่สะอาด ไหลออกอยู่เป็นนิตย์ อันคนเขลายึดถืออยู่ ”
    “ ลูกรู้จักซากศพนั้นเป็นเหมือนอะไร เป็นเหมือนของปฏิกูล ฉาบด้วยเนื้อและเลือด เป็นที่อยู่ของลูกหลานหนอน เป็นอาหารของแร้งกา ทำไมทูลกระหม่อม จึงพระราชทานซากศพอันสกปรกโสโครกนี้ แก่พระราชาพระองค์นั้นเล่า ”
    “ ไม่ช้า ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณ อันหมู่ญาติผู้เกลียด ทอดทิ้งไปเหมือนท่อนไม้ เขาก็นำไปป่าช้า บิดามารดาของตนยังเกลียด ครั้นเอาซากศพนั้นไปทิ้งให้เป็นอาหารสัตว์อื่นในป่าช้าแล้ว เมื่อกลับมาก็ต้องอาบน้ำ สระผม จะป่วยกล่าวไปใยถึงหมู่ชนทั่ว ๆ ไปเล่า ”
    “ หมู่ชนยึดถืออยู่ในซากศพที่ไม่มีแก่นสาร เป็นร่างของกระดูกและเอ็น เป็นกายอันเน่าเต็มไปด้วยน้ำ น้ำตา และอุจจาระ ”
    “ ผู้ใดพึงชำแหละร่างกายนั้น เอาข้างในมาไว้ข้างนอก ก็จะทนกลิ่นเหม็นของร่างกายนั้นไม่ได้ แม้แต่มารดาของตน ก็ยังเกลียด ”
    “ บัณฑิต (ผู้มีปัญญา) ทั้งหลาย เลือกเฟ้นโดยอุบายแยบคายว่าขันธ์ (ร่างกาย) ธาตุ (ธาตุ ๔) อายตนะ (เครื่องสัมผัสทั้งหลาย) อันปัจจัยปรุงแต่งแล้วเป็นทุกข์ ที่มีชาติ (ความเกิด) เป็นมูล ก็ทำไมลูกยังจะปรารถนาวิวาหะเล่าเพคะ ”
    “ หอก ๓๐๐ เล่ม ใหม่เอี่ยม จะพึงตกต้องที่กายทุกๆ วัน ทิ่มแทงอยู่ถึง ๑๐๐ ปี ยังประเสริฐกว่า หากว่าความสิ้นทุกข์ จะพึงมีได้ด้วยอาการอย่างนี้ ”
    “ ชนใดรู้คำสั่งสอนของพระศาสดาอย่างนี้ ยังจะยอมรับการทิ่มแทง(ของทุกข์) อยู่อีกต่อไป สังสารวัฏก็ย่อมยืดยาว สำหรับชนเหล่านั้น ซึ่งเดือดร้อนอยู่ร่ำไป ”
    “ ในเทวดา มนุษย์ ในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน หมู่อสุรกาย เปรต และนรก การทำร้ายกันยังปรากฏอยู่ หาประมาณมิได้ ”
    “ สำหรับสัตว์อยู่ในอบายที่กำลังถูกเบียดเบียน ยังมีการทำร้ายกันเป็นอันมากในนรก แม้เทวดาทั้งหลายก็ช่วยไม่ได้ สุข นอกจากสุขคือ พระนิพพานไม่มีเลย ”
    ” ชนเหล่าใด ประกอบอยู่ในธรรมวินัยของพระทศพล ขวนขวายน้อย พากเพียรเพื่อละชาติ (ความเกิด) มรณะ (ความตาย) ชนเหล่านั้นก็จะถึงพระนิพพาน ”
    “ ทูลกระหม่อมพ่อเพคะ วันนี้นี่แหละลูกจักออกบวช ประโยชน์อะไรด้วยโภคะทั้งหลายที่ไม่มีแก่นสาร กามทั้งหลายลูกเบื่อหน่ายแล้ว ลูกทำให้เสมอด้วยของที่คายแล้ว (เหมือนอาเจียน) ลูกไม่อาจจะกลืนเข้าไปอีกแล้ว ลูกทำให้เหมือนตาลยอดด้วนแล้ว (คือตาลที่ถูกตัดยอด) ไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไป ”

    ขณะที่พระนางสุเมธา กราบทูลพระบิดามารดาอย่างนี้ พระเจ้าอนิกรัตตะ ผู้ที่ได้รับพระราชทานพระนางสุเมธาก็เสด็จมาถึง พระนครมันตาวดีพร้อมด้วยราชบริพาร เพื่อการวิวาหะมงคล

    พระนางสุเมธา ครั้นทราบว่าพระเจ้าอนิกรัตตะเสด็จมา จึงใช้พระขรรค์ตัดพระเกศาอันดำสนิทที่รวบไว้อ่อนสลวย ทรงปิดปราสาทเข้าปฐมฌาน เจริญอสุภสัญญาอยู่ในปราสาท (อสุภสัญญา คือ การเห็นจริงว่าร่างกายเป็นของสกปรก ไม่ใช่ของสวยงาม เป็นแต่ของน่าเกลียด ฯลฯ)

    ขณะที่พระนางสุเมธากำลังมนสิการ คือใคร่ครวญธรรมนั้นอย่างละเอียดแยบยลอยู่ พระเจ้าอนิกรัตตะก็เสด็จมาถึง ทรงแต่ง พระองค์ด้วยทองและมณี รีบเสด็จขึ้นปราสาท ทรงประคองอัญชลี ทูลอ้อนวอนพระนางสุเมธาว่า
    “ อำนาจ ทรัพย์ อิสริยะ โภคะ สุข ในราชสมบัติขอมอบถวายพระน้องนาง พระน้องนางก็ยังสาวอยู่ ขอเชิญบริโภคสมบัติ อันเป็น ความสุขอันหาได้ยากในโลก นะพระน้องนาง ”
    “ ราชสมบัติพี่สละให้แล้ว ขอได้โปรดบริโภคโภคะ ถวายทานทั้งหลายตามความปรารถนาเถิด อย่าได้เสียพระทัยเลย พระบิดา มารดาของพระน้องนางทรงเป็นทุกข์ ”
    พระนางสุเมธา ผู้ไม่ต้องการด้วยกามทั้งหลาย ทรงปราศจากโมหะแล้ว จึงทูลพระเจ้าอนิกรัตตะว่า
    “ อย่าทรงเพลิดเพลินกามเลย โปรดทรงเห็นโทษในกามทั้งหลายเถิด ”
    “ พระเจ้ามันธาตุราช เจ้าทวีปทั้ง ๔ ทรงเป็นยอดของผู้บริโภคกามทั้งหลาย ยังไม่ทรงอิ่ม ก็เสด็จสวรรคตไปแล้ว ”
    “ แม้เทวดาจะหลั่งรัตนะ ๗ ประการ ให้ตกลงมาโดยรอบ ความอิ่มด้วยกามทั้งหลายก็ไม่มี นรชนทั้งหลายที่ยังไม่อิ่ม ก็พากันตายไป ”
    “ กามทั้งหลาย เปรียบด้วยดาบและหลาว เปรียบด้วยหัวงูเห่า เปรียบด้วยคบเพลิงตามเผาอยู่ เปรียบด้วยร่างกระดูก ”
    “ กามทั้งหลาย ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีทุกข์มาก มีพิษมาก เป็นมูลแห่งทุกข์ มีทุกข์เป็นผล เหมือนก้อนเหล็ก ที่ร้อนโชน ”
    “ กามทั้งหลาย เปรียบด้วยผลไม้ เปรียบด้วยชิ้นเนื้อเป็นทุกข์ กามทั้งหลายเปรียบด้วยความฝัน หลอกลวง เปรียบด้วยของที่ขอยืมเขามา ”
    “ กามทั้งหลาย เปรียบด้วยหอก หลาว เป็นหัวฝี เป็นทุกข์ เป็นความลำบาก เสมือนหลุมถ่านเพลิง เป็นมูลแห่งทุกข์ เป็นภัย เป็นเพชฌฆาต ”
    “ กามทั้งหลาย มีทุกข์มากดังกล่าวมานี้ บัณฑิตทั้งหลายจึงกล่าวว่า ทำอันตราย เชิญเจ้าพี่เสด็จกลับไปเสียเถิด หม่อมฉัน ไม่พิศวาสในความมีโชคของพระองค์ ดอกเพคะ ”
    “ เมื่อไฟกำลังไหม้ศีรษะของหม่อมฉันอยู่ คนอื่นจะช่วยอะไรหม่อมฉันได้ เมื่อชราและมรณะติดตามอยู่ ก็ควรที่จะพยายาม ทำลายชรา มรณะ นั้นเสีย ”
    เมื่อพระนางเห็นพระบิดามารดา และพระเจ้าอนิกรัตตะ ประทับนั่งทรงกันแสงอยู่ จึงกราบทูลว่า
    “ สังสารวัฏยืดยาว สำหรับเหล่าคนเขลาที่ร้องไห้บ่อย ๆ เพราะบิดาตาย พี่ชายถูกฆ่า เพราะตัวเองถูกฆ่า ในสังสารวัฏที่มีเงื่อนต้น เงื่อนปลาย ตามไปไม่รู้แล้ว ”
    “ โปรดทรงระลึกถึงสังสารวัฏ ที่ประกอบด้วยน้ำตา น้ำนม และน้ำเลือด โดยความเป็นสังสารวัฏที่เงือนต้นเงื่อนปลายตามไป ไม่รู้แล้ว ”
    “ โปรดระลึกถึงกองกระดูกทั้งหลายของเหล่าสัตว์ที่ท่องเที่ยวอยู่ ”
    “ โปรดทรงระลึกถึงมหาสมุทรทั้ง ๔ ในน้ำตา น้ำนม และน้ำเลือด ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงน้อมนำมาเปรียบเทียบ ”
    “ โปรดทรงระลึกถึงกองกระดูกในกัปหนึ่งๆ ที่เทียบเท่ากับภูเขาวิปุลบรรพต ”
    “ โปรดทรงระลึกถึงแผ่นดินชมพูทวีป ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำมาเปรียบเทียบสังสารวัฏของสัตว์ที่ท่องเที่ยวอยู่ในสังสารวัฏ แผ่นดินทั้งหลายทำเป็นก้อนขนาดเมล็ดพุทรา ก็มากไม่พอกับจำนวนแม่และยายทั้งหลาย ”
    “ โปรดทรงระลึกถึงหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงนำมาเปรียบเทียบ เพราะสังสารวัฏมีเงื่อนต้นเงื่อนปลาย ที่ตามไปไม่รู้แล้ว ท่อนไม้ทั้งหลายมีขนาด ๔ องคุลี ก็มากไม่เท่ากับจำนวนบิดาและปู่ทั้งหลาย ”
    “ โปรดทรงระลึกถึงความยาวนาน ที่จะได้อัตภาพมนุษย์นั้น เปรียบช่องแอกลอยในท้องสมุทรกว่าจะสวมหัวเต่าตาบอดที่ขึ้นมา หายใจ ๑๐๐ ปี ต่อครั้ง นานแค่ไหน ”
    “ โปรดทรงระลึกถึงโทษ คือกาย ที่ไม่มีแก่นสารสาระเปรียบประดุจฟองน้ำ โปรดเห็นขันธ์ทั้งหลายไม่เที่ยง โปรดทรงระลึกถึง นรกทั้งหลาย ที่มีความคับแค้นมาก ”
    “ เมื่ออมตนิพพานมีอยู่ พระองค์จะต้องการอะไรด้วยกามทั้งหลายที่เร่าร้อน เพราะว่าความยินดีกามทุกอย่าง อันไฟติดโพลงแล้ว ให้เดือดแล้ว ให้หวั่นไหวแล้ว เผาให้ร้อนแล้ว ”
    “ เมื่อเนกขัมมะที่ไม่มีข้าศึกมีอยู่ พระองค์จะทรงต้องการอะไรด้วยกามทั้งหลายที่มีข้าศึกมาก กามทั้งหลายมีภัยทั่วไป คือ โจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย และอัปปิยภัย (ภัยจากคนร่วมมรดกที่ไม่ถูกกัน) ชื่อว่ามีข้าศึกมาก ”
    “ เมื่อโมกขธรรมมีอยู่ พระองค์ยังจะต้องการอะไรด้วยกามทั้งหลาย ซึ่งมีการฆ่าและการจองจำเล่า เพราะว่าการฆ่าการจองจำ มีอยู่ในกามทั้งหลาย ”
    “ กามทั้งหลายเหมือนคบเพลิงที่ลุกโพลง ย่อมไหม้คนถือที่ไม่ยอมปล่อย เพราะว่ากามทั้งหลายเปรียบเหมือนคบเพลิง ย่อมจะไหม้คนที่ไม่ยอมปล่อยคบเพลิง ”
    “ โปรดอย่าทรงละสุขอันไพบูลย์ เพราะเหตุแห่งกามสุขอันเล็กน้อยเลย อย่าทรงเป็นดุจปลากลืนเบ็ดแล้วต้องเดือดร้อนภายหลัง ”
    “ โปรดอย่าหมุนไปหมุนมาเพราะกามทั้งหลาย ดุจสุนัขถูกล่ามโซ่เลย เพราะว่ากามทั้งหลายจักทำผู้นั้น ให้เป็นเหมือนจัณฑาลหิวจัด แม้สุนัขก็ฆ่ากินได้ ”
    “ พระองค์ทรงประกอบด้วยกาม จักเสวยทุกข์อันหาประมาณมิได้ และความเสียใจอย่างมาก โปรดทรงสละกามอันไม่ยั่งยืน เสียเถิด ”
    “ เมื่อพระนิพพานที่ไม่มีความแก่มีอยู่ พระองค์ยังจะต้องการอะไรด้วยกามทั้งหลาย ที่มีความแก่เล่า ชาติ คือความเกิดทั้งปวง ได้ถูกความแก่ ความเจ็บ ความตายกำกับไว้แล้ว ในภพทุกภพ ”
    “ พระนิพพานนี้ไม่แก่ พระนิพพานนี้ไม่ตาย พระนิพพานนี้เป็นบทอันไม่แก่ไม่ตาย ไม่มีความเศร้าโศก ไม่ถูกข้าศึกเบียดเบียน ไม่พลาด ไม่น่ากลัว ไม่มีความเดือดร้อน ”
    “พระนิพพานนี้ พระอริยะเป็นอันมากบรรลุแล้ว อมตนิพพานนี้ อันผู้พยายามโดยแยบคาย ควรได้ในวันนี้นี่แหละ แต่ผู้ไม่พยายามอาจหาได้ไม่ ”

    เมื่อพระนางสุเมธาทรงเกลี้ยกล่อมพระเจ้าอนิกรัตตะอยู่นั้น ก็ได้ทรงเหวี่ยงพระเกศาลงที่พื้นดิน พระเจ้าอนิกรัตตะ ก็เสด็จลุกขึ้น ประคองอัญชลีทูลวอนพระบิดาของพระนางว่า
    “ ขอทรงโปรดปล่อยพระนางสุเมธาให้ทรงผนวชเถิด เพราะพระนางทรงเห็นวิโมกข์และสัจจะแล้ว ”

    พระบิดามารดาจึงทรงปล่อยให้พระนางสุเมธาทรงผนวช ครั้นทรงผนวชแล้ว ก็ทรงเริ่มตั้งวิปัสสนา มีพระญาณแก่กล้าโดยชอบแล้ว ไม่นานนักก็บรรลุอรหันตผลพร้อมปฏิสัมภิทา แล้วจึงได้กล่าวอุทานว่า
    “ ชนเหล่าใด เชื่อพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้มีพระบัญญัติอันงดงาม ชนเหล่านั้นย่อมเบื่อหน่ายในภพ ครั้นเบื่อหน่ายแล้ว ย่อมคลายกำหนัด เมื่อคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ทุกข์ก็ดับไป ถึงแล้วซึ่งพระนิพพาน ”

    พระเถรีรูปนี้ ได้บำเพ็ญบารมีมาในกาลสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ สร้างสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาในภพนั้น ๆ เพิ่มพูนสัมภารธรรม เครื่องปรุงแต่งวิโมกข์โดยเคารพ ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าโกนาคมนะ ก็บังเกิดในเรือนสกุล รู้เดียงสาแล้ว ก็ร่วมกับเหล่ากุลธิดาสหายของตน สร้างอารามใหญ่ถวายพระภิกษุสงฆ์ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพราะบุญกรรมนั้น เมื่อแตกกาย ทำลายขันธ์ นางก็บังเกิดในสวรรค์ชั้นต่าง ๆ เสวยทิพยสมบัติอันยิ่งใหญ่ เป็นมเหสีของท้าวเทวราชในสวรรค์ชั้นนั้น ๆ

    มาในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่ากัสสปะ นางก็ได้กำเนิดเป็นธิดาของเศรษฐีมีสมบัติมาก เมื่อนางรู้เดียงสาแล้ว ก็มีความ เลื่อมใสในพระศาสนาได้กระทำบุญกรรมอันโอฬารเฉพาะพระรัตนตรัย นางอาศัยบุญกรรมหล่อเลี้ยงชีวิต ยินดีมั่นในกุศลธรรมจน ตลอดชีวิต เมื่อสิ้นอัตภาพมนุษย์แล้ว ก็บังเกิดในสวรรค์ชั้นต่างๆ อีก ท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ ในสุคติเท่านั้น เมื่อมาเป็นมนุษย์ ก็ได้เป็น พระมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิหรือมหากษัตริย์ที่เป็นเอกราช

    ในสมัยพระผู้มีพระภาคเจ้าพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ก็ได้มาบังเกิดเป็นพระธิดาของพระเจ้าโกญจะ กรุงมันตาวดี แล้วได้ปฏิเสธการอภิเษกสมรสกับพระมหากษัตริย์ พระเจ้าอนิกรัตตะ แล้วออกบวชจนบรรลุพระอรหัตผล เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งที่น่ายกย่องในบวรพระพุทธศาสนา ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว..สาธุ

    ขอเชิญอ่านพุทธประวัติบางตอน ประวัติปฏิปทาพระอรหันตสาวก และสาวิกาในสมัยพุทธกาลได้ที่ลิงค์ครับ
    https://www.facebook.com/thindham/media_set?set=a.592972097420002.1073741872.100001216522700&type=1

    ภาพประกอบ ยืมมาจากศิลปิน อ.สมภพ บุตราช ขออนุญาต และอนุโมทนาบุญมา ณ โอกาสนี้ครับ .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กรกฎาคม 2016
  4. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    สวัสดีวันพระ... เรื่องเล่าจากลูกศิษย์

    มีอยู่คราวหนึ่ง องค์หลวงพ่อได้รับกิจนิมนต์ไปเทศน์ที่จังหวัดจันทบุรี ในงานบวชชีพราหมณี มีคนมาฟังเทศน์กันมากพอสมควรหลายร้อยคน พอองค์หลวงพ่อเทศน์จบเดี๋ยวนั้น ก็มีหญิงท่านหนึ่งร้องให้ขึ้นมากลางงาน จะด้วยเหตุอันไหนนั้น ตอนแรกไม่มีใครทราบได้ พอมีคนถาม หญิงท่านนั้นก็ตอบด้วยความดีใจตื้นตันในจิตในใจอย่างมาก เพราะตั้งแต่ตนไปร่วมงานบุญมาสิบกว่าปีนี้ ไม่เคยได้ยินเสียงพระเทศน์เลย เพราะตนเองนั้นหูหนวก แต่วันนี้แปลกได้ยินเสียงหลวงพ่อเทศน์ตั้งแต่ต้นจนจบ จึงเกิดปีติร้องไห้ขึ้นมา




    นำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นกำลังใจแห่งธรรม.




    [​IMG]
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    ดับหมดมืด หมดก็มืด มืดก็ไม่เห็นตัวคน
    มันมืดแต่ตา แต่พยายามอย่าให้ใจมืด ถ้าใจมืดนี่มันหมดคุณค่า เหตุนั้นคนที่จิตใจสงบ สว่าง สะอาด ก็เรียกว่าเป็นคนที่มีคุณค่ามาก เพราะสิ่งที่มีในร่างกายก็มีใจเป็นเจ้าของมีกายเป็นเครื่องอยู่อาศัย แล้วก็มีอายตนะ มีตาเป็นที่หนึ่ง แล้วก็รองลำดับไป ที่สองก็เป็นหู ที่สามก็จมูก ที่สี่ก็ลิ้น ที่ห้าก็ร่างกาย อันนี้มันเป็นที่อยู่ เป็นรังเป็นเรือนเป็นบ้าน ของคนเราทุกคน มีตาก็เหมือนประตู มีหูก็เหมือนหน้าต่าง อวัยวะต่าง ๆ ก็เป็นช่องเป็นปล่องเป็นท่อลมท่ออากาศ ปรับอากาศอะไร มันก็เหมือนเราสร้างบ้านสร้างที่อยู่ มันมีในร่างกายของเราทุกคน มันเป็นที่เข้าออก ที่ไว้สำหรับดู อย่างตานี่สำหรับดู อันนี้เป็นที่หนึ่ง ถ้าคนมีความดีมาก มีประสาทตาดีก็จะมองเห็นอะไรชัดเจน แล้วก็มองเห็นไกล อันนั้นคือเป็นส่วนที่เราได้รับมา เป็นสมบัติของแต่ละร่าง มันไม่เท่ากัน

    โอวาทธรรมหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร




    [​IMG]
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    รักษาความรู้รักษาระดับจิตของเราอยู่ไม่ให้เสื่อม ไม่ให้หลง ให้มีอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้ตกลงไปที่ต่ำ อันนี้เป็นธรรมที่ท่านสอนเตือนสติให้เรา ผู้เคารพต่อความรู้ต่อธรรมะที่เราได้รู้ได้เห็นได้เป็นไป เรื่องได้มากได้น้อยเท่าไรนั้น มันอยู่ที่กำลังการเร่งการเคร่งความเพียรของเราแต่ละคน


    โอวาทธรรมหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมาก


    [​IMG]
     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    พระพุทธเจ้าท่านเป็นสัพพัญญู รู้เองโดยชอบ คือรู้เรื่องต่าง ๆ ของจิตวิญญาณของสัตว์โลก อันนี้เราเอาชื่อของพระพุทธเจ้ามาเป็นหลักเพื่อให้รู้ความหมาย เพราะชื่อพระพุทธเจ้าท่านมีความหมายกว้างใหญ่ ก็ใช้พุทโธเป็นคำภาวนา พุทโธแปลว่าผู้รู้ พุทโธแปลว่าผู้ตื่น พุทโธแปลว่าผู้เบิกบาน ท่านแปลไปได้หลายศัพท์ ก็คือจิตคนเราทุกคน มีจิตเป็นผู้รู้ ๆ เป็นผู้รับ หลับตื่นกระทบสิ่งต่าง ๆ รอบด้าน แล้วก็จิตพุทโธที่เบิกบานที่ไม่เหี่ยวแห้ง มันก็อยู่ที่จิตความสงบของเรา


    โอวาทธรรมหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    [​IMG]



    "...การฟังโอวาทธรรม ก็ให้ตั้งใจภาวนาฟัง แต่เสียงที่ดังไปสู่หู ก็ไม่ต้องมาถือเป็นความรู้ มันเป็นเสียง เหตุนั้นเราฟังด้วยจิตสงบ ทำให้จิตเป็นสมาธิ นั้นคือการฟังที่ถูกต้อง อย่างที่เราอบรมเป็นประจำ ก็เรียกว่าช่วยสืบความจำ สืบการปฏิบัติให้ได้ความสงบ แต่ถ้าเราฟังแล้วเราไม่ได้อะไรเลย มันก็เหมือนคนทำนาไม่ได้ข้าว น้ำท่วมตายหมด อันนี้ก็เป็นเครื่องอุปมา ให้เราเข้าใจ ว่าเราไม่ได้เอาใจไปฟังที่หู เราฟังที่ใจ ฟังเรื่องใจสงบ ถ้าใจไม่สงบ ก็ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ..."


    คัดลอกจากพระธรรมเทศนา หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
    ชื่อกัณฑ์ วิธีฟังธรรมะปฏิบัติ
    สถานที่ วัดป่าหมู่ใหม่ ต.แม่แตง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
    วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    เทศน์ให้คนหูหนวกฟัง

    มีอยู่คราวหนึ่ง องค์หลวงพ่อได้รับกิจนิมนต์ไปเทศน์ที่จังหวัดจันทบุรี ในงานบวชชีพราหมณี มีคนมาฟังเทศน์กันมากพอสมควรหลายร้อยคน พอองค์หลวงพ่อเทศน์จบเดี๋ยวนั้น ก็มีหญิงท่านหนึ่งร้องให้ขึ้นมากลางงาน จะด้วยเหตุอันไหนนั้น ตอนแรกไม่มีใครทราบได้ พอมีคนถาม หญิงท่านนั้นก็ตอบด้วยความดีใจตื้นตันในจิตในใจอย่างมาก เพราะตั้งแต่ตนไปร่วมงานบุญมาสิบกว่าปีนี้ ไม่เคยได้ยินเสียงพระเทศน์เลย เพราะตนเองนั้นหูหนวก แต่วันนี้แปลกได้ยินเสียงหลวงพ่อเทศน์ตั้งแต่ต้นจนจบ จึงเกิดปีติร้องไห้ขึ้นมา
    นำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นกำลังใจแห่งธรรม.




    [​IMG]
     
  11. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    ประกาศ วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่
    เรื่อง หลวงพ่อประสิทธิ์พักรักษาอาการอาพาธ ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
    เนื่องจากในขณะนี้ทาง Social Media ต่างๆ มีการโพสต์ข่าวการอาพาธขององค์หลวงพ่ออย่างมากมาย ซึ่งทางวัดได้ติดตามข่าวมาตลอด แล้วเห็นว่าเป็นข่าวที่ขาดความถูกต้อง บิดเบือนไม่ตรงตามความเป็นจริง
    ส่วนสาเหตุ...ที่องค์หลวงพ่อเข้ารักษาตัวอยู่ในห้อง ICU หลายท่านได้ยินแล้วคงตกใจ แต่เพราะมีคุณหมอ พยาบาล เขาดูแลตลอดเวลา องค์หลวงพ่อติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ผลแลปยังไม่ออก เลยต้องรอดูไปก่อน อาการโดยรวม ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ที่อยู่ห้อง ICU เพราะคุณหมอดูแล ติดตามตลอด ดังนั้นจึงไม่เข้าพักห้องพิเศษ
    ตอนนี้ งดเยี่ยมโดยเด็ดขาดจนกว่าผลเลือดจะออกมา หรือจนกว่าจะออกจาก ICU แล้ว ซึ่งการงดเยี่ยมนั้น เพราะต้องการให้องค์หลวงพ่อได้พักผ่อน และคุณหมอจะได้ดูแลอย่างเต็มที่ การงดเยี่ยมจะรวมทุกกรณี ไม่มีการยกเว้น ทั้งพระ ญาติ ญาติโยม หรือลูกศิษย์ทั้งหมด
    ขอบคุณครับ
    วัดป่าหมู่ใหม่ เชียงใหม่
    23 มิถุนายน 2559
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มิถุนายน 2016
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    ..แจ้งข่าวอาการอาพาธขององค์หลวงปู่ประสิทธิ์ ปุญญมากโร. วัดป่าหมู่ใหม่. ณ วันที่ 2/7/2559 เวลา 20.00 น.
    1.องค์หลวงปู่ฯ ออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับมาพักที่วัดป่าหมู่ใหม่แล้ว. เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้
    2.อาการอาพาธโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ระดับดีพอใช้ แต่ยังต้องใช้สายสวนปัสสวะอยู่ครับ
    3.หลวงปู่ต้องการพักให้มากที่สุด คณะผู้ดูแล ยังงดให้เยี่ยมทั้งพระและญาติโยม
    ..จึงเรียนให้ทราบโดยทั่วกัน..
    ..อนุโมทนาบุญ..‪



    #‎แจ้งข่าวโดยตุ๋ยเอ็มเค‬ ฝาง..
     
  13. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    ด่วน!!!

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2016
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    "..คนสมัยใหม่นี่เป็นคนสุขสบาย คือไม่อยากทำแต่อยากได้...มันเป็นไปไม่ได้ เพราะธรรมก็ชื่อว่าทำอยู่แล้ว คือจะต้องลงมือทำ จะต้องใช้ร่างกายทำ ไม่ใช่ว่าเราพูดทำได้ คือเราพูดให้เป็นวัตถุเป็นสมบัติเป็นอะไร ให้มันเป็นขึ้นมา มันเป็นไม่ได้หรอก มันเป็นได้ก็เพราะการทำ เราจึงพูดว่าธรรม เราทำมันน้อยไปมันก็ไม่เห็นเพราะว่าพระพุทธเจ้าเราทำมามาก ทำมาจนเกินหละทีนี้ จนว่าสละชีวิต เลือดเนื้อร่างกายทุกอย่างพระองค์สละหมดแล้วไม่ห่วงคือไม่ห่วงร่างกายไม่ห่วงชีวิต.."



    โอวาทธรรม
    องค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
    วัดป่าหมู่ใหม่ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    (หลวงปู่บุญส่งเล่าถึงหลวงปู่ประสิทธิ์ให้ฟัง)
    หลวงปู่บุญส่งทราบว่าหลวงปู่ประสิทธิ์อาพาธ ท่านจึงถามไถ่ถึงอาการอาพาธ ท่านเล่าถึงหลวงปู่ประสิทธิ์ให้ฟังว่า ??
    ""สมัยเราออกธุดงค์ขึ้นเชียงใหม่ เราปลีกวิเวกท่องเที่ยวไปตามป่าตามเขาทำความเพียรกับอ.ประสิทธิ์หลายครั้ง คุ้นเคยสนิทกันดีในบรรดาพระทางเชียงใหม่ เราจะคุยกับอ.ประสิทธิ์ได้ นอกนั้นเราก็ไม่ค่อยคบหาใคร เพราะชอบมาคุยกับเราเรื่องอิทธิปาฏิหาร เอามาคุยอวดมาแสดงกันไร้แก่นสาร แต่อ.ประสิทธิ์น่ะมีธรรมแท้ เราจึงคุยกับท่านได้ ท่านทิ้งหมดข้ามหมดแล้วเรื่องอิทธิปาฏิหารนี่ท่านไม่เอาเลย มีแต่ธรรม พระที่ข้ามอิทธิปาฏิหารได้นั่นน่ะคือยอดแห่งพระแล้ว ไม่ยึดติดแล้วทิ้งได้หมด เราธุดงค์ไปกันกับอ.ประสิทธิ์หลายที่อ.ประสิทธิ์ท่านเป็นไข้ป่า เป็นไข้เลือดออก เลือดแดงๆแทบจะผุดออกจากผิวอ.ประสิทธิ์เป็นจ้ำๆ ท่านก็ไม่ไปให้หมอรักษาไม่กินยาเข้าสมาธิระงับเวทนาจนหายเป็นปรกติ ถ้าเป็นคนธรรมดาคงตายไปแล้ว นับว่าเด็ดเดี่ยวมาก เป็นอะไรก็ไม่กินยา ท่านใช้สมาธิรักษาใช้ธรรมบำบัดอย่างเดียว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    เรื่อง "กระดูกหลวงพ่อประสิทธิ์ ใสเป็นแก้ว"

    เมื่อประมาณปี พศ.๒๕๔๒ หลวงพ่อประสิทธิ์ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จังหวัดลำปาง รถยนต์ได้พลิกคว่ำ หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านฯ ไม่มีบาดแผล มีแต่รอยฟกช้ำที่แขนข้างซ้าย ทำให้แขนบวม เนื่องมาจากลูกบวบจีวรได้ไปเกี่ยวกับประตูรถยนต์ ท่านฯ จึงได้เดินทางมาที่รพ.วัดสวนดอก(เชียงใหม่) เพื่อตรวจร่างกายและทำการเอ็กเรย์ที่แขนข้างที่ได้รับอุบัติเหตุฯ ปรากฏว่า เมื่อถ่าย x-ray ท่านออกมาปรากฎว่ากระดูกข้างในเป็นแก้วทั้งหมด คุณหมอทั้งหลายที่ใน ร.พสวนดอก(เชียงใหม่) ต่างยกย่องกล่าวขานถึงหลวงพ่อประสิทธิ์ว่าน่าอัศจรรย์แท้ (ข่าวนี้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2545)
    ต่อมามีนักข่าวนสพ.ข่าวสด ได้เดินทางมาที่วัดป่าหมู่ใหม่ เพื่อถ่ายรูปขอสัมภาษณ์องค์ท่านฯ ถูกท่านฯเอ็ดต่อว่า ไม่ให้นำข่าวที่กระดูกท่านฯใสเป็นแก้วไปลงตีพิมพ์ แต่ในที่สุดข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปจนเป็นข่าวโด่งดัง ในเวลาต่อมา ขณะนั้นได้มีลูกศิษย์คนหนึ่ง ได้มีโอกาสฟังหลวงพ่อประสิทธิ์ เล่าเหตุการณ์ที่ท่านฯ ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ลำปาง และได้เห็นฟีลม์เอ็กซ์เรย์ที่กระดูกใสเป็นแก้ว และได้มีวาสนามีโอกาสรับใช้อุปัฐฐากหลวงพ่อฯ เป็นผู้นวดถวายแขนที่บวมฟกช้ำ จนกระทั่งแขนท่านค่อยดีขึ้นและหายในที่สุด จึงได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดนวดถวายท่านฯทุกคืน และได้ฟังธรรมและเรียนถามปัญหาธรรมสนทนาธรรมกับองค์ท่านฯเป็นประจำทุกคืน
    หลวงพ่อประสิทธิ์ ท่านเป็นเสาหลักของพระกรรมฐานภาคเหนือ ท่านฯ มีวัดสาขามากมายกว่า ๓๐ วัด ในเขตนอกตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระลูกศิษย์ท่านฯ ได้อยู่อบรมฝึกฝนนิสัยข้อวัตรปฏิบัติมาพอสมควร หลวงพ่อประสิทธิ์ จะส่งพระไปฝึกฝนอบรมตนตามวัดสาขาต่างๆ เนื่องจากวัดสาขาจะตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดารขาดแคลนปัจจัยไทยทาน แต่เพื่อเป็นการฝึกศิษย์แต่ละองค์ให้ไปยังสถานที่วิเวกฝึกฝนตน และองค์ท่านฯจะไปเยี่ยมเกือบทุกเดือนโดยนำสิ่งของจำเป็นไปมอบให้เสมอ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่หมู่ศิษย์ที่หลวงพ่อไม่เคยทอดทิ้งศิษย์คนใด
    หลวงพ่อท่านฯ จึงเป็นที่เคารพรักของหมู่ศิษย์ทุกคน ในทุกปักษ์พระลูกศิษย์ของท่านฯ จะมาฟังพระปาฏิโมกข์ที่วัดป่าหมู่ใหม่ พระที่จะขึ้นสวดพระปาฏิโมกข์จะต้องมาสวดทวนให้หลวงพ่อฟังก่อนขึ้นสวด เพื่อตรวจสอบอักขระและการออกเสียงที่ถูกต้องตามสำนวนพระบาลี ทั้งนี้ นอกจากมาฟังสวดพระปาฏิโมกข์แล้วยังเป็นการมาฟังโอวาทธรรมของท่านฯ ถือเป็นการรวมตัวกันของพระป่ากรรมฐานศิษย์ของหลวงพ่อท่านฯ
    จากพระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ตอนหนึ่งที่ยกมา
    "พระหมดกิเลส" ในสาย "หลวงปู่มั่น" นี้ก็ไม่ใช่น้อย แต่ท่านไม่เปล่งบอกใครเพราะเกี่ยวกับอรรถกับธรรมเห็นธรรม ดีเลิศกว่า แต่ที่เราบอกเราก็ไม่ได้อวดอุตริ ใด ๆ ทั้งสิ้น จริงคือจริงไม่มีปิดบัง ไม่สงสัยในธรรม ใครจะเอาตำราไหนมาอ้าง ก็ให้มันเอามาได้เลย ที่วัดป่าบ้านตาด เราไม่สะทกสะเทือน จะชี้แจงแถลงไขให้เข้าใจเอง เอ้าเชิญมา นี่ล้วนเป็นพระอริยสงฆ์เนื้อนาบุญของโลก สายท่านจารย์มั่น มีเยอะนะที่สำเร็จอรหันต์..อริสงฆ์มากมายนับไม่ถ้วนทั้งศิษย์ ทั้งรุ่นลูกร่นหลาน รุ่นเหลนมีหมด นี่นะศิษย์ดี ครูดี ปฏิบัติดี "ปฏิบัติตรงปฏิบัติชอบ" อยู่ในป่าในเขาอีกก็มาก..ที่ท่านไม่ชอบคุกคลีกับหมู่คณะท่านเพียงเพื่อบำเพ็ญเพียรทางจิตโดยถ่ายเดียวเป็นพอ ท่านเหล่านี้ไม่ใช่พระขี้ทูตนะ ไม่ใช่พระโกเรโกโส นะ ท่านเป็นพระแท้พระจริงนะท่านไม่ใช่พระเทียม ท่านไม่ใช่มารศาสนาอลัชชีเดียรถีย์ทั้งหลายที่แอบอ้างนะ นี่แหละท่านที่ประเสริฐ สมควรแก่การกราบไหว้บูชา เป็นเนื้อนาบุญของโลก ใครมาทำทานด้วยแล้วก็ได้บุญได้กุศลร้อยเปอร์ซ็น ไม่มีแคลบเคืองใจดูเอานะ กว่าจะได้ธรรมมาแทบเป็นแทบตาย ไม่ใช่ได้มาง่าย ๆ นะ นั่งภาวนาจนก้นเลือเยิ้มออก สลบแล้วสลบอีก ร่างกายซุบผอม นี่ไม่ใช่ธรรมดาเป็นการขัดเกลากิเลส อดหลับอดนอบผ่อนสั้น ผ่อนยาว จึงจะได้มาได้มาง่าย ที่ไหนละธรรม
    ท่านที่มรณภาพแล้วอัฐิท่านก็แปรเป็นพระธาตุ เขาเรียกว่า "ธรรมมาซักฟอกขัดกิเลส" จนกระดูกเป็น "ธาตุวรรณะสีใส" บางท่านก็เป็นได้ตั้งแต่ยังไม่มรณภาพก็มีหลายท่าน เช่นหลวงปู่แหวนเรา นี่ก็ใช่ นี่แหละธรรมเกินคิดเกินคาดเกินฝันขนาดไหน ให้พากันตั้งใจทำประพฤติปรพปฏิบัติทำเอาเอง อย่ามัวถามผู้อื่น เอาละ



    [​IMG]


    https://www.facebook.com/1101236199...236199896160/1213823275304118/?type=3&theater
     
  19. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    [​IMG]
     
  20. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,243
    กระทู้เรื่องเด่น:
    998
    ค่าพลัง:
    +70,040
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...