พระผู้ถอนกามคุณ ออกจากจิตใจจนสิ้น

"สายเดียวกัน ...สายพระพุทธเจ้า"

โดยภายนอก แม้จะแบ่งแยกพระพุทธศาสนาออกเป็นเถรวาทกับอาจริยวาท (มหายาน) แล้วยังแบ่งย่อยเถรวาทออกเป็นมหานิกายและธรรมยุติ แถมเวลาสนทนากันก็มักใช้คำว่าพระอาจารย์สายนั้นสายนี้บ้าง เป็นพระบ้านหรือพระป่าบ้าง
แต่โดยเนื้อแท้แล้ว ไม่ได้มีการแบ่งแยก เพราะขึ้นชื่อว่าพระภิกษุสงฆ์ก็ย่อมอยู่ภายใต้พระธรรมวินัยอันเดียวกัน และมีพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์เดียวกัน
หลวงปู่ดู่ แม้จะเป็นพระในสังกัดมหานิกาย (พระบ้าน) แต่ท่านก็ยกย่องครูบาอาจารย์ในสังกัดธรรมยุติกนิกาย (พระป่า) เช่นอย่างหลวงปู่มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ขาว หลวงตามหาบัว ฯลฯ อย่างมาก และก็ปรากฏว่าครูบาอาจารย์ทางอีสานหลายท่าน รวมทั้งหลวงปู่บุดดา ถาวโร ก็ให้ความเคารพนับถือในหลวงปู่ดู่มากเช่นกัน
พระภิกษุสงฆ์ไม่ว่านิกายไหนๆ หากเข้าถึงธรรมก็ย่อมเป็น "สังฆรัตนะ" ดุจเดียวกัน

ระลึกถึงหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก

และหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร วัดป่าหมู่ใหม่ สังฆรัตนะผู้มีรอยยิ้มพิมพ์ใจ รอยยิ้มของผู้ไม่มีกิเลส

 

คณะศรัทธาหลายร้อยคน ยืนรอใส่บาตรท่ามกลางสายฝนที่ตกไม่ขาดสายมาตลอดคืน ... พระภิกษุลงรับบาตรกว่า 500 รูป

 

องค์หลวงปู่ลี กุสลธโร
ได้มอบคบไฟกับไม้จันทน์
โดยให้พระนำไปให้
หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร
เพื่อประชุมเพลิงสรีระสังขาร
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
สายสัมพันในอดีต....
หลวงปู่ลีกับหลวงพ่อประสิทธิ์
ท่านเคยจำพรรษาร่วมกันที่วัดหนองบัวบาน
ทั้งเป็นคนบ้านเดียวกันด้วย
แผ่นดินนี้จะหาที่ไหนได้
พระอรหันต์เผาพระอรหันต์
ไม่มีเกียรติไดมากไปกว่านี้อีกแล้ว
สาธุ นิพพาน ปัจจโย โหตุ

 

หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร
เป็นผู้จุดไฟถวายเพลิงสรีระสังขาร
หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
ณ เมรุชั่วคราว วัดถ้ำสหาย
น้อมส่งพ่อแม่ครูจารย์หลวงพ่อประสิทธิ์สู่พระนิพพาน
‪#‎เวลาเหลืออีกไม่มาก‬ ‪#‎ชีวิตนี้สั้นนักถ้าไม่เร่งความเพียรก็เสียชาติเกิด‬
‪#‎เดินตามรอยธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์‬

 

พระมหาเถระและพระเถระ ..พระเถรานุเถระ ที่มาร่วมงานถวายเพลิง
สรีระสังขารหลวงพ่อประสิทธิ์ ไม่เรียงลำดับพรรษา

หลวงปู่บุญมี ปริปุญโณ วัดป่าศิลาพร
จ.ยโสธร
พระอาจารย์โสภา สุมโน จ.นครราชสีมา
หลวงปู่โส วัดป่าลัน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
หลวงพ่อทองแดง วัดดอยพระเจ้าตนหลวง จ.เชียงใหม่
หลวงพ่อโส ไร่ส้ม
หลวงพ่อ สมศรี อัตตสิริ จ.เลย
หลวงปู่ทิวา อาภากโร
หลวงบุญมา คัมภีรธัมโม จ.สกลนคร
( แสดงธรรม )
หลวงปู่ไม อินทสิริ
หลวงปู่อร่าม ชินวังโส
หลวงปู่สุวัตน์ อาจาโร
หลวงพ่อกัณหา สุขกาโร
หลวงพ่อบุญจันทร์ จันทสีโล วัดป่ากิ่วดู่

หลวงพ่อประสงค์ สุตันโต วัดป่าประจงค์จิต จ.ชัยภูมิ
หลวงปู่สาย จ กาฬสินธิ์
หลวงพ่อสมเกียรติ ชุติมาโร จ.อุดรธานี
หลวงพ่อถาวร วัดเหวไฮ อุดรธานี
หลวงพ่อบุญหนัก
หลวงปู่สวาท ปัญญาธโร
หลวงปู่ลี ตานังกโร
หลวงปู่บุญมา สุชีโว จ.หนองบัวลำภู
หลวงปู่บุญทัน
หลวงตาสมหมาย วัดสันติกาวาส
หลวงพ่อศรีนวล จ.เชียงใหม่ ฯลฯ

 

ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุทั้งสี่ ขององค์หลวงพ่อประสิทธิ์ สลายแตกดับไปแล้ว.ลงสู่ไตรลักษณ์ เป็นธาตุธรรม ญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธา ยังคงเจริญจิตตภาวนา..

 

"พุทโธ ธัมโม สังโฆ

ไปที่ไหนก็เอาติดใจไปทุกหนทุกแห่ง
มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เรียกว่าเป็นของดีในพระพุทธศาสนา
ของที่คุ้มครองรักษาเรา
เป็นที่พึ่งทางใจเราทุกคน
เป็นสิ่งที่นำชีวิตของเรา
ให้เป็นไปสู่สวรรค์สู่พระนิพพานได้
ก็พุทโธ ธัมโม สังโฆนี่แหละ"

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

 

แจ้งให้ทราบ

ขณะนี้วัดป่าหมู่ใหญ่ได้อัญเชิญอัฐิธาตุของหลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโรมาประดิษฐานที่วัดป่าหมู่ใหม่เรียบร้อยแล้ว

 

ยามเมื่อไม่รู้อันใดมานั่งณที่นี้ท่านคอยพร่ำสอน ย่อมกะจ่างชัด
ในยามใดมีทุกข์ด้วยโรคธรรมบีบรัดจิตใจย่อมผ่อนคลายเมื่อมาณที่นี้
ในยามใดสับสนเมื่อมาถึงที่นี้กลับความคิดเป็นผู้มีใจตรงมั่นคง
แม้ในยามนี้เมื่อมานั่งณที่แห่งนี้ยังอบอุ่นในใจ เสมอ

กราบคุณแห่งพ่อ


https://www.facebook.com/photo.php?...495.1073741826.100005237230647&type=3&theater

 

การฟังธรรมะตามแบบของผู้อยู่ป่า อาศัยความสงบของสถานที่ เพื่อไม่ให้เสียงภายนอกเข้ามารบกวน การที่เราฝึกนั่งภาวนา ก็คือการฝึกทำ ฝึกฟังธรรมในจิตของเราที่กำหนดภาวนาอยู่ เพราะเรากำหนดภาวนา มีสติรู้อารมณ์อยู่ อะไรที่มันคิดเกิดขึ้นในขณะจิตที่เรานั่งภาวนาอยู่ อันนั้นก็คือธรรม คือความคิดที่เป็นธรรม มันจะคิดเป็นฝ่ายกุศลฝ่ายบุญ จะคิดเป็นฝ่ายบาปฝ่ายอกุศล มันก็คิดเกิดขึ้นมาเป็นคู่กัน สลับสับเปลี่ยนกันเกิดขึ้น ก็อยู่ซักขณะหนึ่งมันก็เปลี่ยนไป เหตุนั้นการฟังธรรมแบบในจิต ฟังธรรมแบบหลักภาวนา ธรรมแบบภายใน คือเราได้ยินอยู่ไม่ว่าใกล้หรือไกลก็ได้ยินอยู่ในใจได้ยินชัดเจน


โอวาทธรรม องค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

 

ถวาย 10 ล้าน ก็ไม่รับ

ผู้มักน้อยสมควรแก่สมณะธรรม


เคยมีบริษัทเครื่องดื่มมึนเมาบริษัทหนึ่งเข้าไปกราบท่านแล้วถวายเช็ค 10,000,000 บาท พิมพ์ไม่ผิดครับสิบล้านจริงๆ เข้าไปถวายแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เข้าไปถวายเพราะศรัทธาจริงๆ แต่พอหลวงพ่อรับเช็คดูยอดเงินท่านก็ยื่นเช็คคืนพร้อมกล่าวเรียบๆ ว่า “ตอนนี้วัดไม่มีอะไรต้องใช้” และก็ไม่เอาจริงๆ
หรือแม้แต่ท่านพระอาจารย์ติ๊ก ฌานุตโม ขอโอกาสสร้างโบสถ์ถวายท่าน ขอเพียงหลวงพ่อตกลงที่เหลือท่านพระอาจารย์ติ๊กจะจัดการเอง ท่านก็ปฏิเสธโดยให้เหตุผลเพียงว่า “เสียดายป่า” ใครไปวัดท่านก็จะเห็นเพียงศาลาหลังน้อยที่ถ้าคนไปนั่งแบบเบียดๆ ก็นั่งได้แค่ร้อยกว่าคน ท่านบอก “แค่นี้ก็พอแล้ว”

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
วัดป่าหมู่ใหม่ จ.เชียงใหม่

 

สติรู้ตัวพิจารณาให้เห็นความจริง
มีสติพิจารณาในความเป็นธรรมชาติ ที่มีเห็นอยู่ รอบๆ ตัวเรานี้
ล้วนเป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่คงทนถาวรอยู่ได้ตลอดไป
เกิดมีขึ้นแล้ว ต้องมีการเปลี่ยนแปลงไป
ไม่หยุดนิ่ง แล้วก็ดับหายตายจากไป
ไม่เราจากสิ่งนั้นไปก่อน สิ่งนั้นก็จากเราไปก่อน
ไม่มีใครจะยึดเหนี่ยวรั้งสิ่งใดไว้ได้
เป็นธรรมชาติที่เลื่อนไหลไปอยู่อย่างนั้นเป็นธรรมดา
อย่ายึดถือไว้เป็นความทุกข์


หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร
วัดป่าหมู่ใหม่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

 

เรื่องที่ว่าความอยากของร่างกาย เค้าก็เหมือนความอยากของใจทีนี้ มันอยู่คู่กันมาอย่างนั้น แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เลี้ยงตามความอยาก ท่านเลี้ยงตามศีลตามธรรม คือได้สิ่งที่เป็นศีลเป็นธรรม ไม่ได้ด้วยความอยากด้วยตัณหา รู้จักประมาณในสิ่งที่จะทำให้พอเหมาะพอดี ไม่ให้เกิดความทุกข์มาก ไม่ให้เกิดความดิ้นรนความทะเยอทะยานมาก

โอวาทธรรม หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

 

พื้นฐานของศรัทธาชาวพุทธเรา คือให้มีศีลห้าเป็นพื้นฐาน ให้มีศีลห้าเป็นนิจศีลอย่างนี้ อันนี้เป็นพื้นฐาน ศีลสำหรับชาวบ้าน คือทั่วไป มันเป็นพื้นของศีลทั้งหมด เพราะศีลนั้นมีมาก ที่ท่านไม่เอามาบัญญัติลงในสิกขาบทใหญ่ ๆ ส่วนปลีกย่อยส่วนสาขามีมาก แต่ก็เป็นอันเดียวกัน คือมันแยกออกจากต้น จากศีลห้า คือร่างกายของเรา มันแยกไปจากนี่ ก็นับแยกไป ศีลห้าก็เท่ากับตัวของเรา ในห้าแยกห้าอย่าง อย่างที่ว่าแขนสองขาสองหัวหนึ่ง นี่ก็ว่าเป็นห้าแล้ว เหตุนั้นร่างกายของเรา ก็เป็นตัวศีลห้า มีประจำมาแต่กำเนิด คือเกิดมาได้มาอย่างนั้น

โอวาทธรรม หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร