พระผู้ทรงอภิญญา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย satan, 19 มีนาคม 2010.

  1. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
    พระผู้ทรงอภิญญา

    เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วผมเคยอ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่งได้กล่าวถึงชื่อพระสายหลวงปู่มั่นที่ได้อภิญญาและปฏิสัมภิทา หากเป็นทั่วไปแล้วผมอาจมองพระที่เทศน์นี้ว่า มั่ว แล้วก็เลิกอ่านไป แต่สำหรับหนังสือเล่มนี้ผมคงต้องเชื่อโดยสนิทใจไม่กล้าสงสัยเพราะผู้เทศน์คือหลวงปู่คำดี ปภาโส แห่งวัดถ้ำผาปู่ จ.เลย

    เหตุผลคืออัฐิหลวงปู่คำดีที่เจดีย์วัดถ้ำผาปู่ได้แปรสภาพเป็น พระธาตุ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันคุณธรรมในองค์หลวงปู่คำดีได้เป็นอย่างดี หลังจากตามหาหนังสือเล่มนี้อยู่หลายปีจึงมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งกรุณานำมาให้ยืม

    ในเทศน์ได้กล่าวถึงพระที่มีอภิญญา ตรงนี้มีผู้รู้บางท่านได้กล่าวว่าพระอภิญญามี 2 ประเภทคือ
    1. พระที่มีอภิญญา5 หรือพระที่มีฤทธิ์
    2. พระที่มีอภิญญา6 หรือพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์

    ถ้ากล่าวตามตัวอักษรจึงไม่อาจบอกได้ว่า พระอภิญญา ในความหมายของหลวงปู่คำดีเป็นพระอรหันต์ แต่สำหรับพระปฏิสัมภิทา เท่าที่ผมเคยศึกษามาบ้าง หมายถึงพระอรหันต์ที่ได้อภิญญา6 แล้วได้วิชาพิเศษซึ่งมีอยู่ 4อย่างคือ
    1. อัตถปฏิสัมภิทา คือความแตกฉานในการอธิบายธรรมะย่อๆ ให้พิสดารได้
    2. ธัมมปฏิสัมภิทา คือสามารถเอาภาษิตยกขึ้นมาแล้วผูกเป็นกระทู้ขึ้นมาได้โดยอาจใช้อตีตังสญาณ
    3. นิรุตติปฏิสัมภิทา คือความเข้าใจในภาษา รู้จักใช้ถ้อยคำพูดอธิบายให้คนเข้าใจ ตลอดจนรู้ภาษาต่างๆ อาจชักนำคนให้เชื่อถือหรือนิยมตามคำพูด
    4. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา คือเป็นคนฉลาดมีไหวพริบทั้งในการถามและตอบโต้หรือแตกฉานในเหตุที่จะให้บรรลุมรรคผล

    หากได้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ครบทั้ง 4 เรียก ปฏิสัมภิทานุสาสน์ หรือ จตุปฏิสัมภิทานุโลมญาณ (เป็นคุณสมบัติของพระอรหันต์ผู้ที่ได้จตุปฏิสัมภิทาญาณไม่เต็มเปี่ยม: จากหนังสือบูรพาจารย์ พิมพ์โดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ) หากได้ครบทั้ง 4 ก็จะเรียก จตุปฏิสัมภิทาญาณหรือกล่าวโดยอักษรจะสามารถบอกได้ว่า พระปฏิสัมภิทา คือ พระอรหันต์ประเภทหนึ่ง

    ตามพระไตรปิฎกพระอรหันต์มี 4 ประเภทคือ
    1. พระสุกขวิปัสสโก หรือพระอรหันต์ ที่ทำอาสวะให้สิ้นไป (อาสวักขยญาณ) โดยไม่ได้มีอิทธิฤทธิ์หรีอวิชาพิเศษ
    2. พระเตวิชโช หรือพระอรหันต์ที่ได้วิชชา 3 คือ รู้ระลึกชาติได้(บุพเพนิวาสานุสสติญาณ), รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย(จุตูปปาตญาณ) ,รู้ทำอาสวะให้สิ้น(อาสวักขยญาณ)
    3. พระฉฬภิญโญ หรือพระอรหันต์ที่ได้ 6 คือ ตาทิพย์(ทิพฺพจักขุ), หูทิพย์(ทิพยโสต), แสดงฤทธิ์ได้ (อิทธิวิธี), รู้ใจผู้อื่นได้(เจโตปริยญาณ), ระลึกชาติได้(บุพเพนิวาสานุสสติญาณ), และญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป(อาสวักขยะญาณ)
    4. พระปฏิสัมภิทา หรือพระอรหันต์ที่ได้ ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4 คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง 4 ประการ ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

    กล่าวโดยวาสนาและวิชาพิเศษ พระปฏิสัมภิทา คือพระอรหันต์ที่มีวิชาและความรู้ที่นอกเหนือจากทำอาสวะให้สิ้นไป มากที่สุด ที่กล่าวมายืดยาวเพราะผมเชื่อว่าน่าจะมีบางท่านไม่เข้าใจคำศัพท์ที่เป็นบาลีหลายคำจึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติมมา ซึ่งต้องขอยอมรับโดยดีว่าเมื่อสิบกว่าปี่ก่อนผมเองก็ไม่เข้าใจ

    สำหรับเทศน์ของหลวงปู่คำดีผมได้ตัดมาเรื่องเดียวคือเรื่อง “อภิญญา” หากท่านใดสนใจสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือแก่นพระพุทธศาสนา (ISBN 974-619-019-9)

    ธรรมเทศนาเรื่อง “อภิญญา” จากหนังสือแก่นพระพุทธศาสนา โดยหลวงปู่คำดี ปภาโส วัดถ้ำผาปู่

    เมื่อได้ฌานแล้วบางครั้งก็จะได้ถึงขั้นอภิญญา ซึ่งเป็นความรู้พิเศษ ผู้ที่เวลาปฎิบัติเกิดนิมิตมากๆมักจะได้อภิญญา เมื่อมีเหตุการณ์ใดๆที่จะเกิดขึ้น ท่านมักจะรู้ล่วงหน้าก่อนเสมอ เช่น จะรู้ล่วงหน้าว่าวันนี้จะมีผู้มาหา เป็นต้น อภิญญาเกิดจากฌานสมาธิ อภิญญานี้ไม่แน่นอนมักจะเสื่อมได้ หรืออาจจะเป็นวิปลาสจะพูดไม่ตรงต่อธรรมวินัย เมื่อผู้ที่ได้อภิญญาแล้ว ถ้าไม่รู้ทัน ก็จะทำให้เกิดความหลงได้ ในสายของหลวงปู่มั่นนี้ ท่านที่ได้อภิญญาที่สำคัญ คือ ท่านอาจารย์ฝั้น อาจาโร ท่านสามารถที่จะพูดกันได้กับท่านหลวงปู่มั่นเวลาท่านไปเยี่ยมกัน
    ท่านมักถามเป็นปัญหาว่า “เมื่อคืนรับแขกมากไหม”คำว่า “แขก” ในที่นี้ก็หมายถึงพวกเทพยดาในสวรรค์ชั้นต่างๆตลอดจนถึงพรอินทร์ที่ลงมากราบมาเยี่ยม

    สำหรับท่านพระอาจารย์ฝั้น ท่านประสบเหตุมามาก ท่านเคยเล่าให้อาตมาหลายเรื่อง ถ้าเขียนเป็นหนังสือ ก็จะได้เล่มหนาทีเดียว ท่านอาจารย์อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม ท่านเคยอยู่กับท่านอาจารย์ฝั้นหลายปี ท่านเคยเล่าให้อาตมาฟังว่า มีนกฮูกตัวหนึ่งมันร้องกุ๊กๆกู้ฮูก จับอยู่ที่ต้นไม้ใกล้กับที่พักของท่าน เมื่อได้เวลาประมาณ 2 ทุ่ม มันก็ร้องอยู่อย่างนั้นทุกคืน ท่านมีฌาน ท่านเลยเพ่งนกฮูก ปรากฏว่าพอท่านเพ่งไปเท่านั้นแหละ ขนของนกฮูกก็หลุดกระจุยเลย และก็มีเสียงตกลงดิน ท่านก็คิดว่ามันจะเป็นหรือตายอย่างไรหนอ ท่านกลัวจะเป็นโทษ ท่านเดินไปค้นหาซากของมัน ก็ไม่ปรากฏเห็น

    หลวงปู่มั่นท่านก็ประสบเหตุทำนองนี้เหมือนกัน คือมีบ่างใหญ่ตัวหนึ่งมาร้องอยู่บนต้นไม้ใกล้ๆกับท่านทุกวัน พอท่านเพ่งไปที่บ่าง บ่างก็ตกดินเลย แต่ปรากฏว่าไม่ตาย หลวงปู่มั่นท่านว่า หลังจากที่ผมเพ่งวันนั้นแล้ว ไม่ปรากฏเห็นบ่างตัวนั้นมาร้องอีก แสดงว่านกหรือบ่างอาจจะกระเทือนจิตใจของมันเหมือนกัน

    พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด ก็เป็นอีกองค์หนึ่งที่แตกฉานในธัมมปฏิสัมภิทา แตกฉานในการพูด การแสดงธรรม การแต่งหนังสือ โดยเฉพาะการแต่งหนังสือนั้น ท่านได้เขียนเกี่ยวกับประวัติของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ไว้ได้อย่างละเอียดมาก ตลอดทั้งหนังสือที่เกี่ยวกับธรรมปฎิบัติอีกหลายเล่ม

    อย่างท่านเจ้าคุณนิโรธ ฯ (พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี) ก็เคยได้ไปกราบเยี่ยมท่าน พักอยู่กับท่านครั้งละหลายๆวัน ท่านให้เคยให้นโยบายเทศน์ให้ฟัง แต่ท่านไม่ได้เล่าเกี่ยวกับอภิญญา โดยท่านมักจะปกปิด ไม่เล่าให้ฟังทั่วๆไป

    ท่านหลวงปู่มั่น หรือท่านอาจารย์ฝั้นก็เช่นเดียวกัน ท่านก็จะพูดให้ผู้ที่ไว้ใจได้ฟังเท่านั้น ในขณะที่มีพระเณรญาติโยมมากๆ ท่านก็จะไม่พูด เพราะท่านว่าถ้าพูดไปเขาไม่เชื่อ เกรงว่าเขาจะหลบหลู่ดูหมิ่น จะเป็นบาปเป็นกรรมแก่พวกเขา หลวงปู่มั่นท่านจะหลบหลีกหมู่(เพื่อน) ไปธุดงค์องค์เดียวหรือสองสามองค์เป็นอย่างมาก บรรดาหมู่คณะหรือผู้ปฎิบัติเกิดความรู้ต่างๆหรือมีปัญหาที่จะต้องกราบเรียนถาม ก็จะต้องออกตามหาท่านเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตามท่านพบเสียด้วย

    บุคคลที่มีปัญญาแก่กล้า ไตรลักษณ์จะเกิดในปฐมฌานหรือทุติยฌาน ส่วนบุคคลที่มีปัญญาขนาดกลาง ไตรลักษณ์จะเกิดเมื่อสำเร็จฌาน 4 แล้ว บุคคลใดที่สามารถสำเร็จฌาน 4 ก็มักจะไม่เกิดความกำหนัดหรือที่เรียกว่า จิตตกกระแสธรรม มันจะเป็นของมันเอง เรียกว่าเป็นผลของฌานสมาธิก็ได้ ไตรลักษณ์ นี้จะเป็นเครื่องตัดสินถูกหรือผิด จะเป็นสัมมาสมาธิหรือมิจฉาสมาธิ ถึงแม้ว่าบุคคลใดจะทำสมาธิได้ดี จะได้รับความสุขขนาดไหนก็ตามหรือจะได้อภิญญาเพียงใดก็ตาม ถ้าไตรลักษณญาณยังไม่เกิดแล้ว ก็ยังนับว่าเป็นมิจฉาสมาธิ ยังอยู่ในวงเขตที่ผิด

    เมื่อพิจารณาขันธ์ 5 ธาตุ 4 เห็นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว จนเกิดญาณ ความรู้พิเศษ เมื่อเกิดความรู้พิเศษแล้ว วิปัสสนูกิเลสหรือวิปลาส ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เมื่อสิ่งใดหรือความรู้ใดเกิดขึ้นก็จะเอาไตรลักษณ์เป็นเครื่องตัดสิน

    การพิจารณาให้ถือเอารู้รูปกายตามความเป็นจริง รู้เวทนาตามความเป็นจริง รู้จิตตามความเป็นจริง ให้ยึดถือความรู้นี้เป็นหลัก ความรู้อย่างอื่นไม่สำคัญ ถึงจะเกิดอภิญญารู้ในเหตุผลต่างๆ ครั้งแรก ๆ ก็อาจเป็นจริง แต่ถ้าเรายึดถือในสิ่งเหล่านั้นต่อไป ก็จะกลายเป็นเรื่องหลอกลวงเรา ท่านจึงห้ามไม่ให้ถือเอานิมิตเป็นสิ่งสำคัญ ท่านจึงว่า ถ้าไตรลักษณญาณยังไม่เกิด ก็ยังเป็นมิจฉาสมาธิต้องทำการศึกษาและเร่งความเพียรยิ่งขึ้นไป

    พระภิกษุรูปใดเด็ดเดี่ยว ชอบไปบำเพ็ญภาวนารูปเดียว มักจะได้อภิญญารู้เหตุผลต่างๆแม้แต่ในครั้งพุทธกาล พระภิกษุที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็ยังมีคุณสมบัติไม่เสมอเหมือนกัน ตัวอย่างเช่นพระอรหันต์ที่สำเร็จอย่างแห้งแล้ง แสดงธรรมสอนผู้อื่นไม่ได้ไม่มีปฎิภาณโวหาร
    แต่ก็สามารถสิ้นอาสวะกิเลส เรียกพระอรหันต์จำพวกนี้ว่า “สุกขวิปัสสโก” ถ้าพูดถึงความสุขของผู้ที่สิ้นอาสวะกิเลสแล้ว ก็เหมือนกันหมด มีความสุขความสบายเท่าเทียมกัน เป็นพระนิพพานเหมือนกันหมด การที่ท่านผู้ใดจะได้วิชชา 3 อภิญญา 6 ปฏิสัมภิทา 4 นั้นก็จะต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของแต่ละท่านด้วย

    ผู้ที่ปฎิบัติเพียง2-3 ครั้ง ก็สามารถที่ทำจิตให้สงบได้ มีความรู้บาป บุญคุณโทษ ทำให้เพิ่มความเชื่อความเลื่อมใส จิตใจเยือกเย็นได้รับความสุข นี่ก็เป็นเพราะอำนาจบารมีเก่าที่ได้สะสมมา สิ่งที่ควรตั้งความปรารถนาให้เป็นอุปนิสัย คือ ทาน ศีล ภาวนา ถ้าบุคคลใดมีอุปนิสัยครบทั้ง 3 ประการนี้แล้ว หากเกิดภพชาติใดๆได้พบพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง หรือสาวกของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแล้ว เมื่อได้ยินได้ฟังธรรมพระเทศนาก็มักจะได้บรรลุผลในการฟัง ในครั้งพุทธกาล มีท่านที่สำเร็จจากการฟังเป็นพระโสดาบันบ้าง พระสกทาคามีบ้าง พระอนาคามีบ้าง แสดงว่าท่านเหล่านี้เคยบำเพ็ญสร้างสมอบรมมา ตั้งแต่หนึ่งชาติขึ้นไป ส่วนผู้ที่ปรารถนาใหญ่ เช่นปรารถนาเป็นอัครสาวก ต้องเกิดเป็นมนุษย์เพื่อที่จะสร้างสมบารมีถึงแสนชาติ อย่างพระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร เป็นต้นไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ถ้าได้บำเพ็ญติดต่อกัน 1-3 ชาติ ก็จะเป็นอุปนิสัย ถ้าได้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์ ก็จะทำสมาธิได้ง่าย หรือเจริญฌานได้ง่ายขอให้พวกท่านจงทำกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็สามารถปฎิบัติได้เหมือนกัน เมื่อตั้งใจทำแล้ว จะไร้ผลเสียเลยก็ไม่มี อย่างต่ำก็เป็นการเพิ่มบุญวาสนาบารมีของเราให้แก่กล้าขึ้น พูดมาก็สมควรแก่เวลา........

    http://www.navaraht.com/forum/forum15/topic1530.html

    NAVARAHT "นวรัตน์ดอทคอม"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2010
  2. ฮุโต๋

    ฮุโต๋ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +44,568
    ส่วนใหญ่เมื่อมีฤทธิ์ หรืออภิญญา ก็มักจะหลง เกิดมีมานะ แต่พระอรหันต์ที่ท่านได้อภิญญา มีฤทธิ์ แล้วไม่หลง ก็ได้กลับคืนสู่พระนิพพานก็มีมาก
    โมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...