"พระพุทธเจ้าตรัสรู้ตรงทุกข์สมุทัยนิโรธมรรค" : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย Nana nora, 29 พฤษภาคม 2023.

  1. Nana nora

    Nana nora สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    5
    ค่าพลัง:
    +68
    1736.jpg

    #พระพุทธเจ้าตรัสรู้ตรงทุกข์สมุทัยนิโรธมรรค

    “...ความตายนี่มันจ้องอยู่ตลอดนะลูกนะ นี่แหละมรณสติเป็นกรรมฐานขั้นสุดยอด ตอนแรกเราก็ไม่ลงนะเรื่องภาวนาเนี่ยมันไม่ลงใจอันนั้นก็ไม่ลง อันนั้นก็ไม่ลง คือเราไม่ลงเลยนะทำยังไงมันก็ไม่ลง พอได้มรณะสติปั๊บเท่านั้นแหละจิตหลวงปู่เย็นวูบๆๆ ถ้าหลวงปู่นะมันเป็นอย่างงั้น อ๋อ...ตัวนี้เป็นถนน เป็นทาง เป็นมรรคของเราเนี่ยเห็นไหมล่ะ พุธโท พุทโธ พุทโธ นี้เป็นพละกำลังของจิต มรณะสติเป็นปัญญาหลวงปู่นะเนี่ย “พุทโธๆเป็นกำลังของจิตมรสติเป็นสติกำลังปัญญา” มันจะอยู่อย่างงั้นหมุนกันสำหรับหลวงปู่นะ หมุนเข้าหากันปั๊ปนี่พอพุทโธ พุทโธ กำลังของจิตมีมากมันก็มาพิจารณาความตาย จากความตายมันก็ได้พละกำลังมันก็เข้าสู่พุทโธมันอยู่อย่างงี้นะ ตลอดๆจนพุทโธตัวนี้มันละเอียดกับมรณะสติมันละเอียด มันก็จะเป็นอุเบกขาจิตวางกลางเฉย ยืนเดินนั่งนอนพูดคิดดื่มทำรู้อย่างเดียวนี่เห็นไหมล่ะ ตัวหยาบมันวางไปเหลือตัวละเอียดเนี่ยมันเป็นอย่างงั้นนะ

    เราเลยนึกตรึกตรองดู หมู่คณะว่าปฏิบัติธรรมมันง่าย เออ...มันไม่เห็นทุกข์แล้วมันจะสามารถทรงมรรคทรงผลได้ยังไงเราก็เลยนึกตรึกตรองตัวนั้นใช่ไหมล่ะ อย่างงั้นเหมือนกับเราทำลายพระสัทธรรม ทำลายหลักคำสอนของพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสรู้ตรงทุกข์สมุทัยนิโรธมรรค คณะสงฆ์ก็ตรัสรู้ตรงนี้ แล้วพวกเราจะบอกว่าทำสมาธิแล้วสามารถทรงมรรคทรงผล วุ้ย...ไม่ลงนะ นี่พ่อพูดให้ฟังตรงๆนะเนี่ยลองดูนะลูกนะมันเหมือนที่หลวงปู่พูดจริงไหม ถ้าพวกเรานี้ปฏิบัติธรรมแบบสบายๆแล้วสิ้นกิเลสเลยเนี่ย พระพุทธเจ้าไม่ต้องอุบัติขึ้นเนี่ยเข้าใจไหม แล้วไม่ต้องเอาธรรมะขั้นสุดยอดทุกข์สมุทัยนิโรธมรรคมาสอนเราพูดให้ฟังตรงๆเลยนะ

    ถ้าเราปฏิบัติธรรมไปแล้วจิตเรารวมเข้าๆๆ และสิ้นอาสาวะไปเลย เย็นไปเลยก็แสดงว่าพวกเธอหลงทางมันไม่ใช่ของแท้เพราะพวกเธอยังไม่เห็นทุกข์นี่ แม้แต่พระพุทธเจ้าเนี่ยเขารูปฌานสี่ อรูปฌานสี่ นิโรธสมาบัติ กลับออกมาเป็นกลางๆไม่เข้าฌานใดๆทั้งสิ้นนั่น เหมือนแสดงให้พวกเราเห็นว่าทุกข์ก็รู้สุขก็รู้นั่นเป็นกลางๆก็รู้ คืออุเบกขาจิตก็รู้ไง กุสะลา ก็รู้ อะกุสะลา ก็รู้ อัพยาจิต ก็รู้ แล้วก็วางภาระทั้งหมดวันที่พระองค์เสด็จเข้าสู่มหาปรินิพพานนั่นเข้าใจหรือยัง แล้วจะบอกว่าเรานี่เทศน์ผิดอีกเอาอะไรมาเทศน์ถ้าไม่เอาธรรมเอาวินัยมาเทศน์ ถ้าไม่เอาของจริงมาเทศน์ใช่ไหมล่ะแล้วจะบอกว่า เนี่ยทำไปเลยอันนี้ถูกต้องแล้ววางไปเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอกถ้ามรรคมันยังไม่สมบูรณ์ เธอจะเป็นผู้ใหญ่เธอก็ต้องเป็นเด็กก่อน เธอจะเป็นผู้ใหญ่เลยไม่ได้ ยกเว้นโอปปาติกะนี่ แต่โอปปาติกะที่เป็นเทวดาที่เป็นพรหมเป็นอะไรก็ตาม ต้องอาศัยเหตุเป็นเด็ก คำว่าเป็นเด็กหลวงปู่หมายถึงเป็นมนุษย์มาก่อนนั่น สร้างบุญสร้างกุศลก็แสดงว่าเป็นเด็ก ฝึกหัดอบรมบ่มนิสัยตัวเองนั่น ค้านกันไม่ได้

    นี่คือมหาเหตุของมันเลยพูดให้ฟัง เดี๋ยวจะบอกว่าเรานี่ประมาทคนนั้นประมาทคนนี้ เหมือนกับที่ซัดเรานี่ พวกผ้าเหลืองห่มหมาเราว่ามันก็ถูกต้องเห็นไหมล่ะ มนุษย์เดรัจฉานโต ร่างเป็นมนุษย์ใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน แล้วก็พอมาบวชก็ไม่รู้บุญไม่รู้บาป มันเหมือนหลวงปู่พูดจริงไหม พวกทำลายศาสนามีเยอะ

    เหมือนเจ้ากิตติพูดให้ฟังว่าท่านพระอาจารย์ตั๋นท่านพูด โฮ...ถูกต้อง บวชที่วัดท่านต้องบวชเณรเสียก่อน ศึกษาพระวินัยเสียก่อนจึงจะให้บวชพระต่อ แก่ขนาดไหนก็ตาม นี่พระวินัยลูก ศิษย์หลวงพ่อชา สุภัทโท ถ้าไม่คิดจะบวชมาเพื่อมรรคเพื่อผลไม่ต้องมาบวชดีกว่า ท่านพระอาจารย์ตั๋น เจ้ากิตติพูดให้ฟัง เพราะเสียเวลาอุปฐากพ่อแม่จึงจะได้บุญกว่า เป็นความจริงล้วนๆนี่เนี่ยเห็นไหมถ้าพวกเธอคิดว่านี่คืออาชีพนี่แหละคือใกล้นรกที่สุด...”

    พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
    วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
    ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
     

แชร์หน้านี้

Loading...