พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ตามคติมหายาน

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ศักดิ์, 28 พฤศจิกายน 2011.

  1. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    พระศากยมุนีพุทธเจ้า (本師釋迦牟尼佛)
    พระศากยมุนีพุทธเจ้า ของทางฝ่ายมหายานออกเสียงพระนามทับศัพท์ว่า เสกเกีย(釋迦)คือ ศากยะ และ เมา นี( 牟尼) คือ มุนี รวมเป็นศากยมุนี ซึ่งก็คือพระมหาสมณโคดม หรือเจ้าชายสิทธัตถะ ที่ประสูติในสวนลุมพินีวัน ประเทศอินเดีย(ปัจจุบันอยู่ในอาณาเขตของประเทศเนปาล) ตรัสรู้ใต้ร่มโพธิพฤกษ์ ริม
    แม่น้ำเนรัญชรา(พุทธคยา) และเสด็จดับขันธ์สู่ห้วงมหาปรินิพพานใต้ควงไม้สาละ ที่เมืองกุสินาราพระองค์เดียวกันกับพระพุทธเจ้าทางฝ่ายเถรวาทเรา พระองค์ทรงประกาศพระศาสนาเพื่อยังประโยชน์แก่สรรพสัตว์ทั้งปวง ซึ่งพอจะสรุปคำสอนได้ว่า “การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำกุศลให้ถึงพร้อม การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ ธรรม ๓ อย่างนี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย” พระพุทธองค์ทรงยังประโยชน์และตรัสแสดงพระธรรมเทศนาแบ่งเป็น ๓หมวด หรือพระไตรปิฏกอันมี ๑.พระวินัยปิฏก ๒.พระอภิธรรมปิฏก และ ๓.พระสุตตันตปิฏก(พระสูตร) แบ่งย่อยเป็นข้อธรรม ๘๔,๐๐๐ หมวดด้วยกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นอุบายธรรมที่ใช้ขัดเกลาสรรพสัตว์ที่เหมาะสมแต่ละบุคคลพระศากยมุนีพุทธเจ้า ตามแบบมหายานโดยมากจะทรงถือดวงแก้วมณีที่พระหัตถ์ซ้าย ซึ่งจะวาด
    เป็นสีแดง และพระหัตถ์ขวาจะทรงท่ารัตนตรัยมุทรา หรือท่าประทานเทศนา หรือประทานพร อันสาธุชนสามารถศึกษาพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ได้ตามฉบับของฝ่ายเถรวาท
    วันคล้ายวันพุทธสมภพคือ วันที่ ๘ เดือน ๔ จีน
    วันคล้ายวันเสด็จออกผนวชคือ วันที่ ๘ เดือน ๒ จีน
    วันคล้ายวันทรงตรัสรู้พระโพธิญาณคือ วันที่ ๘ เดือน ๑๒ จีน
    วันคล้ายวันเสด็จดับขันธปรินิพพานคือ วันที่ ๑๕ เดือน ๒ จีน​
    จาก www..mahaparamita.com
     
  2. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]



    พระอมิตาภะพุทธเจ้า (阿彌陀佛)
    พระอมิตาภะพุทธเจ้า แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้มีแสงรัศมีเปล่งประภาสออกมาไม่มีประมาณ (無量光佛, 無邊光佛) ทรงมีอีกพระนามคือ พระอมิตายุพุทธเจ้า แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้มีอายุขัยยาวนานไม่มีประมาณ (無量壽佛) แต่สาธุชนนิยมเอ่ยพระนามของพระองค์แบบทับศัพท์ว่า ออ มี ท้อ ฮุก(阿彌陀佛) แปลว่า พระอมิตาพุทธเจ้า ซึ่งคำว่า “อมิตา” แปลว่าไม่มีประมาณ เข้าใจว่าเป็นการเรียกขานพระนามของพระพุทธองค์ในความหมายทั้ง ๒ คือ ๑.แสงรัศมีไม่มีประมาณ และ ๒. อายุขัยไม่มีประมาณ พระสูตรของมหายานกล่าวว่า “หากผู้ใดภาวนาพระนามของพระองค์อย่างแน่วแน่ตลอดเวลา ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน จนถึงตลอด ๗ วัน ๗ คืน เวลาใกล้จะสิ้นใจพระอมิตาภะพุทธเจ้าพร้อมด้วยอริยบริษัทจะเสด็จมารับดวงวิญญาณของผู้นั้นไปเกิดยังดินแดนสุขาวดีอันสุขารมณ์” อันแดนสุขาวดี(極樂世界)นี้ เป็นชื่อเฉพาะของพุทธเกษตรหรือดินแดนของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของโลกเรานี้ห่างออกไปไกลแสนไกล พระสูตรกล่าวว่า แดนสุขาวดีเป็นสถานที่สวยงามวิจิตรที่สุดยิ่งกว่าแห่งใดๆ ทั้งทศทิศ ผู้ที่ได้เกิดยังโลกแห่งนั้นจะเป็นผู้ปราศจากทุกข์ภัยทั้งปวง จะได้ฟังธรรมเทศนาจากพระอมิตาภะและพระมหาโพธิสัตว์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดจนตนเองได้สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ แล้วกลับมาช่วยเหลือสรรพสัตว์อื่นๆ ต่อไป การจะได้ไปเกิดก็ไม่ยากเพียงระลึกถึงพระอมิตาภะพุทธเจ้าโดยการสวดพระนามของพระองค์โดยสม่ำเสมอว่า “นำ มอ ออ มี ท้อ ฮุก” (南無阿彌陀佛) และเพียรประกอบกุศลกรรมความดีงามทั้งปวง กตัญญูรู้คุณ ฯลฯ พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานมุ่งไปเกิดยังพุทธเกษตรของพระองค์ด้วยความตั้งมั่นอันผู้ที่ไปเกิดยังแดนสุขาวดีนั้น จะได้เสวยความสุขารมณ์ที่ละเอียดอ่อนยิ่งกว่าสวรรค์ชั้นพรหมและแดนสุขาวดีนั้นก็มีความวิจิตรงดงามยิ่งกว่าที่ประทับของพระศิวะเจ้าอีก ซึ่งคุณสมบัติของแดนพุทธเกษตรของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์นั้น ผู้ที่มีจิตมุ่งมั่นไปอุบัติ หากแม้นได้หมั่นเพียรบำเพ็ญจนได้ไปอุบัติสมปรารถนาแล้ว ก็จะเป็นผู้ที่ไม่ต้องหวนกลับมาสู่ภพภูมิเบื้องต่ำอีก ซึ่งต่างกับการไปเกิดบนสวรรค์ชั้นกามภูมิ หรือพรหมภูมิชั้นต่างๆที่หากสิ้นบุญเมื่อใดก็จะต้องหวนกลับมาสู่ภูมิเบื้องต่ำเช่นเกิดเป็นมนุษย์บ้าง เดรัจฉานบ้าง เปรตบ้าง สัตว์นรกบ้างตามแรงกรรมเฉพาะตนพระปฏิมาหรือภาพวาดของพระองค์จะประดิษฐานอยู่เบื้องขวาของพระศากยมุนีพุทธเจ้า พระอมิตาภะพุทธเจ้าจะทรงมีปัทมบัลลังก์อยู่บนพระหัตถ์ที่ประสานกันในท่าสมาธิ บางแห่งจะทรงแบพระหัตถ์ขวาออกมาเบื้องหน้าแสดงกิริยารับดวงวิญญาณของสรรพสัตว์ที่ประกอบกุศลพร้อมกับระลึกถึงพระองค์ไปเกิดยังแดนสุขาวดี​
    วันคล้ายวันพุทธสมภพคือ วันที่ ๑๗ เดือน ๑๑ จีน
    จาก www..mahaparamita.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011
  3. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต (藥師琉璃光如來)

    พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต มาทางจีนจะแปลความหมายของพระองค์ว่า เอียะ ซือ หยูไล(藥師如來) หากจะแปลทับศัพท์ก็คือ ปี ซา แซ ลิว ลู เผก ลิว ลี ปอ ลา พอ ออ ลา แซ แย (鞞殺社窶嚕薜琉璃鉢喇婆喝囉闍也)เพราะหากจะแปลทับศัพท์แล้วจะมิอาจทราบได้เลยว่าคือพระพุทธเจ้าพระองค์ใด พระนามของพระองค์มีความหมายว่า ไภษัชย (藥) คือ ยา,โอสถรักษาโรค คุรุ (師) คือ ครูอาจารย์,ผู้เชี่ยวชาญ ไวฑูรย(琉璃) คือ แก้วรัตนะชนิดหนึ่งมีสีน้ำเงินใส ไทยเรียกว่า ไพฑูรย์ประภา(光) คือ แสงรัศมีที่ส่องสว่าง ตถาคต(如來) คือ คำเรียกหมายถึงพระผู้เสด็จมาแล้วด้วยดีอย่างนั้นซึ่งหมายถึงการเรียกขานพระพุทธเจ้า คล้ายๆกับการเรียกว่าพระพุทธเจ้า (佛) พระโลกนาถ(世尊) เป็นต้นสรุปความหมายพระนามโดยรวมคือ “พระตถาคตเจ้าผู้เป็นคุรุผู้เชี่ยวชาญทางโอสถรักษาโรค ผู้มีแสงรัศมีสีน้ำเงินบริสุทธิ์ประดุจแก้วไวฑูรย์” พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าทรงมีพุทธเกษตรของพระองค์เองอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ของโลกเราแห่งนี้ออกไปไกลแสนไกลชื่อว่า “ศุทธิไวฑูรย์”(淨琉璃世界) ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับแดนสุขาวดีที่อยู่ทางทิศตะวันตก ในพระสูตรบรรยายว่าดินแดนของพระองค์นั้นมีความสวยงามอลังการและวิเศษเสมือนกับแดนสุขาวดีทุกประการมิแตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย ผู้ที่ไปเกิดก็จะปราศจากความทุกข์ทรมานทั้งปวง ทั้งจะเป็นผู้มิเสื่อมถอยจากกุศลและภูมิธรรม จะได้บำเพ็ญตนสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์เพื่อกลับมาช่วยสรรพสัตว์ จนสำเร็จพระพุทธมรรคได้ยังศุทธิไวฑูรย์พุทธเกษตรแห่งนั้น การจะไปเกิดก็โดยการตั้งปณิธานอธิษฐานจิตต่อพระองค์ และประกอบกุศลกรรมบำเพ็ญธรรมดีงามเพื่อมุ่งไปเกิด พร้อมกับการภาวนาพระนามของพระองค์โดยสม่ำเสมอว่า ขอนอบน้อมแด่พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต เป็นจีนว่า นำ มอ หยก ซือ ลิว ลี กวง ยู ไล (南無藥師琉璃光如來) หรือ ขอนอบน้อมแด่พระนิรันตรายจิรายุวัฒนาไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เป็นจีนว่า นำ มอ เซียว ไจ เอียง ซิวหยก ซือ ฟู (南無消災延壽藥師佛) ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ที่หมั่นภาวนามีสุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืนมิต้องประสบกับโรคร้ายเบียดเบียนทั้งโรคกรรมโรคปีศาจทั้งปวง ให้ได้สมหวังดังปรารถนาทุกประการพระปฏิมาของพระองค์จะประดิษฐานทางเบื้องซ้ายของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงถือรัตนเจดีย์หรือบาตรบรรจุทิพยโอสถ หรือบ้างก็ถือแจกันในพระหัตถ์ที่ประสานกันในท่าสมาธิ บางแห่งจะให้แบพระหัตถ์ขวาออกในกิริยารับดวงวิญญาณไปเกิด ธิเบตจะถือต้นยาวิเศษชื่อ “อคทะ” ทางจีนจะถือเห็ดหลินจือ โบราณเชื่อว่าเป็นของหายากที่สุดและเป็นยาอายุวัฒนะของเซียน หากเป็นภาพวาดของธิเบตจะวาดพระวรกายของพระองค์เป็นสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งพระกริ่งที่นิยมกันแพร่หลายในประเทศไทยก็คือพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้านั่นเอง
    วันคล้ายวันพุทธสมภพคือ วันที่ ๓๐ เดือน ๙ จีน
    จาก www..mahaparamita.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011
  4. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ (文殊師利菩薩)
    พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ มีความหมายว่า ประเสริฐยิ่ง มงคลยิ่ง (妙吉祥) สวยงามยิ่งพระองค์เป็นองค์แทนของพระมหาปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง ทั้งทรงมีหลายพระนามเช่น มัญชุโฆษ(五字文殊) มัญชุกุมารภูตะ(文殊童子) มัญชุศรีธรรมราชกุมาร(文殊法王子) มหามติโพธิสัตว์ (大智菩薩) เป็นต้น พระองค์ทรงปรากฏอยู่ในพระสูตรต่างๆ มากมายในฐานะของผู้อาราธนาพระพุทธเจ้าให้แสดงธรรมเทศนา หรือเป็นผู้บรรยายธรรม หรือโต้ธรรมกับพระโพธิสัตว์ด้วยกัน หรือกับพระอรหันตสาวก มหายานจะบูชาพระองค์ท่านเพื่อความมีสติปัญญาดี รู้แจ้งแทงตลอดในอรรถธรรมที่ลึกซึ้ง เพราะว่าพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ทรงเป็นมหาโพธิสัตว์ชั้นสูง ทรงเป็นอาจารย์ของพระพุทธเจ้าทั้งปวง กล่าวคือพระมัญชุศรีทรงสั่งสอนและชี้แนะแนวทางของโพธิสัตว์หรือแนวทางที่จะให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าคือบารมี ๖ มีทาน ศีล ขันติ วิริยะ ฌาน ปัญญาให้แก่พระพุทธเจ้าทั้งปวงในตอนที่ยังมิทรงตรัสรู้ ทั้งคอยชี้แนะการบำเพ็ญโดยตลอด พระพุทธเจ้าทั้งปวงจึงทรงสรรเสริญพระมัญชุศรีว่า “มัญชุศรีเป็นผู้ยังให้เราได้ตรัสรู้พระโพธิญาณ ทั้งเป็นคุรุแห่งเราในสมัยนั้น”พระมัญชุศรีโพธิสัตว์มีพระมหาปณิธานว่า “หากสรรพสัตว์ใดได้สดับพระนามแล้วจิตใจตั้งมั่นระลึกอยู่แต่พระองค์ หากสรรพสัตว์นั้นมิได้บรรลุถึงปัญญาญาณอันยิ่งใหญ่แล้วไซร้ พระองค์จะมิขอสำเร็จพระโพธิญาณ ฯลฯ” ด้วยความตั้งพระทัยอันยิ่งใหญ่นี้ ทำให้พระองค์ยังให้สรรพสัตว์จำนวนมหาศาลสำเร็จซึ่งพุทธปัญญาอันยิ่งใหญ่แล้วพระปฏิมาหรือภาพวาดของพระองค์ทางจีนและธิเบตจะให้พระองค์ประทับบนพญาราชสีห์สีเขียวอันแสดงถึงการประกาศธรรมหรือการแสดงธรรมที่เปี่ยมด้วยเดชานุภาพ คือพระมหาปัญญาญาณที่ยิ่งใหญ่ปราศจากอุปสรรค และมิมีผู้ใดปราดเปรื่องไปยิ่งกว่า ประดุจการคำรามหรือการบันลือสิงหนาทของพญาราชสีห์ ที่หากคำรามขึ้นคราใดบรรดาสรรพสัตว์น้อยใหญ่ก็ให้ขยาดหวั่นเกรงมิกล้าออกมาต่อกร ความหมายคือพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งปวงทรงประกาศธรรมที่เป็นความจริงแท้ของสรรพสิ่ง คือความทุกข์ของความไม่เที่ยง ยังให้สรรพสัตว์หรือมารเดียรถีร์ที่ยังลุ่มหลงอยู่ตระหนกตกใจและหวั่นเกรงในภัยของวัฏสงสาร เร่งรีบหันกลับมาบำเพ็ญธรรมด้วยความไม่ประมาณ บางแห่งประทับบนดอกบัวก็มีบางแห่งจะทรงถือพระขรรค์ที่พระหัตถ์ขวา หมายถึงการตัดบ่วงแห่งวิจิกิจฉาความสงสัยที่ผูกมัดจิตให้ขาดสิ้น พระหัตถ์ซ้ายทรงถือคัมภีร์ปรัชญาปารมิตาสูตร แสดงถึงศูนยตาความว่างเปล่าแห่งธรรมทั้งปวง บางแห่งก็ทรงถือคฑาจินดามณี (如意)
    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือ วันที่ ๔ เดือน ๔ จีน​
    จาก www..mahaparamita.com
     
  5. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ (普賢菩薩)
    พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ มีความหมายคือ ผู้เจริญโดยรอบ ผู้ประเสริฐโดยรอบ บ้างก็เรียกว่าพระวัชรสัตว์<WBR></WBR>(金剛薩埵) พระองค์ทรงปรากฎเป็นพระมหาจ<WBR></WBR>ริยาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระ<WBR></WBR>พุทธเจ้าทั้งปวง มักจะปรากฏคู่กับพระมัญชุศร<WBR></WBR>ีโพธิสัตว์ ในฐานะหัวหน้าของพระโพธิสัต<WBR></WBR>ว์ทั้งปวง ในพระสูตรกล่าวว่าพระองค์ทร<WBR></WBR>งเป็นสภาวะของจักรวาล มีความว่างเปล่าและยิ่งใหญ่<WBR></WBR>ประดุจอากาศ ทรงมีมหาปณิธาน ๑๐ ประการ ที่สาธุชนนิยมสวดสาธยายและย<WBR></WBR>ึดถือปฏิบัติดังนี้ ๑.ขอคารวะนอบน้อมต่อพระพุทธ<WBR></WBR>เจ้าทั้งปวง ๒.ขอกล่าวสดุดีพระตถาคตเจ้า<WBR></WBR>ทั้งปวง๓.ขอถวายสักการะด้วย<WBR></WBR>ความยิ่งใหญ่อลังการ ๔.ขอขมาสำนึกในความผิดบาปทั<WBR></WBR>้งปวง ๕.ขออนุโมทนาในบุญกุศลทั้งป<WBR></WBR>วง ๖.ขออาราธนา(พระพุทธเจ้าทั้<WBR></WBR>งปวง)ให้ทรงหมุนเคลื่อนพระธ<WBR></WBR>รรมจักร ๗.ขออาราธนา(พระพุทธเจ้าทั้<WBR></WBR>งปวง)ให้ทรงดำรงพระชนมชีพอย<WBR></WBR>ู่ในโลก ๘.ขอศึกษาบำเพ็ญตามพระพุทธอ<WBR></WBR>งค์ ๙.ขออนุโลมคล้อยตามสรรพสัตว<WBR></WBR>์๑๐.ขออุทิศซึ่งกุศลบารมีทั<WBR></WBR>้งปวง(แด่สรรพสัตว์และโพธิญ<WBR></WBR>าณ)ด้วยพระมหาปณิธานทั้ง ๑๐ ประการนี้ สาธุชนมหายานจึงถวายสมญาแด่<WBR></WBR>พระองค์ว่า “มหาจริยาราชาโพธิสัตว์” (大願王菩薩,大行王菩薩) คือพระผู้มีกิจกรรมและการกร<WBR></WBR>ะทำที่ประเสริฐและยิ่งใหญ่พ<WBR></WBR>ระปฏิมาของพระองค์ประทับบนค<WBR></WBR>ชสารเผือก ๖ งา หมายถึงพระโพธิสัตว์เป็นผู้<WBR></WBR>มีพละกำลังมากเหมือนช้างสาร สามารถบรรทุกนำพาสรรพสัตว์ใ<WBR></WBR>ห้ข้ามห้วงทะเลแห่งสังสารวั<WBR></WBR>ฏได้คราวละมากๆ และ ๖ งานั้นหมายถึงบารมี ๖ ประการของพระโพธิสัตว์ที่เป<WBR></WBR>็นเครื่องยังให้บรรลุถึงควา<WBR></WBR>มเป็นพระพุทธเจ้า และช้างเผือกนั้นหมายถึงควา<WBR></WBR>มเป็นสัตว์ประเสริฐหายากและ<WBR></WBR>เป็นสิ่งมงคล ภาพศิลปะโบราณจะวาดคชสารที่<WBR></WBR>ประทับนี้มี ๗ ขา ซึ่งหมายถึงตอนพระพุทธประสู<WBR></WBR>ติ ทรงก้าวเดิน ๗ ก้าว แล้วบันลือสิงหนาทอันยิ่งให<WBR></WBR>ญ่ว่า “ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของ<WBR></WBR>เรา เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดใน<WBR></WBR>จักรวาล” ซึ่งถ้าเป็นสัตว์ชนิดอื่นก็<WBR></WBR>มิอาจทำได้เช่นนี้ หรืออาจเปรียบช้างนี้ได้กับ<WBR></WBR>มหายานที่สามารถนำพาสรรพสัต<WBR></WBR>ว์ให้พ้นทุกข์ได้ทีละมากๆทา<WBR></WBR>งธิเบตให้พระองค์ทรงถือวัชร<WBR></WBR>าวุธในพระหัตถ์ขวา และทรงระฆังวัชระที่พระหัตถ<WBR></WBR>์ซ้ายในนามของ“พระวัชรสัตว์<WBR></WBR>” ที่แปลว่า สัตว์ผู้มีความแข็งแกร่งประ<WBR></WBR>ดุจเพชร ซึ่งภายในสรรพสัตว์ทั้งปวงก<WBR></WBR>็มีความแข็งแกร่งประการนี้อ<WBR></WBR>ยู่ หรือก็คือพุทธภาวะนั้นเอง
    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือ<WBR></WBR> วันที่ ๒๑ เดือน ๒ จีน

    จากwww..mahaparamita.com

    <FORM onsubmit="return Event.__inlineSubmit(this,event)" action=# method=post ajaxify="/ajax/photos/photo/edit/save.php" rel="async">







    <LABEL class="clear uiCloseButton" for=u6gn4j_12></LABEL>




    <LABEL class="uiButton uiButtonConfirm" for=u6gn4j_16></LABEL><LABEL class=uiButton id=u6gn4j_1 for=u6gn4j_17></LABEL>
    </FORM>
     
  6. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ (地藏王菩薩)

    พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ แปลว่า พระโพธิสัตว์ผู้เป็นครรภ์แห่งแผ่นดิน หรือเป็นนัยยะว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่ใต้พื้นพิภพ เพราะพระองค์มีมหาปณิธานว่า “ตราบใดที่ยังมีสัตว์หลงเหลือในนรกภูมิแม้เพียงหนึ่งพระองค์จะมิทรงเข้าสู่พระพุทธภูมิ” ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าสัตว์ในนรกนั้นมีจำนวนมากมายกว่าประชากรบนสวรรค์และโลกมนุษย์มาก เนื่องจากคนทำชั่วมีมากกว่าคนทำดี ด้วยพระองค์ทรงประกาศมหาปณิธานที่ยิ่งใหญ่และยากยิ่งนักที่จะสำเร็จได้ สาธุชนจึงสดุดีพระองค์ว่า “พระมหาปณิธานโพธิสัตว์” (大願菩薩) และมีพระวจนะหนึ่งของพระองค์ที่เป็นที่ซาบซึ้งประทับใจสรรพสัตว์ทั้งปวงว่า “หากเรามิเข้าสู่นรกภูมิแล้วไซร้ ผู้ใดเล่าจะเป็นผู้เข้านรกภูมิ”ตามประวัติพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ทรงวิภูษณะอาภรณ์ประดุจมหาบุรุษ แต่ในสมัยหนึ่งเจ้าชายเมือง “ซินหลอ 新羅國” (ปัจจุบันคือ ประเทศเกาหลี) พระนามว่า “กิมเคียวกัก 金喬覺” ทรงเบื่อหน่ายในโลกียวิสัย แล้วเสด็จออกผนวช ธุดงค์มาถึงประเทศจีนบนภูเขาเก้ายอด(九華山) พร้อมกับสุนัขสีขาวชื่อซ่านทิง (善聽) แล้วสั่งสอนสาธุชนอยู่ ณ ที่นั้น จนเมื่อมรณภาพให้ปรากฎมีเปลวเพลิวพวยพุ่งออกจากหลุมพระศพเป็นอัศจรรย์ ทำให้เชื่อว่าพระองค์เป็นนิรมาณกายของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ลงไปฉุดช่วยสรรพสัตว์ในนรกภูมิ ด้วยเหตุผลนี้เราจึงเห็นพระปฏิมาของพระองค์เป็นภิกษุจีนแต่งกายแบบพระถังซัมจั้ง พระหัตถ์ซ้ายทรงไม้ขักขระทองคำ พระหัตถ์ขวาทรงดวงแก้วมณีมีคติความเชื่อที่มิถูกต้องยิ่งนักที่ว่า “พระกวนอิมโปรดเฉพาะคนเป็น พระตี่จั้งโปรดเฉพาะคนตาย” ทำให้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์(พระตี่จั้ง) ไม่เป็นที่นิยมกราบไหว้ในครัวเรือน เพราะผู้ไม่รู้เข้าใจว่าจะเป็นการชักนำดวงวิญญาณให้ตามพระองค์เข้ามาในบ้านด้วย โดยที่แท้แล้วเมื่อครั้งพุทธกาลพระพุทธองค์ทรงแสดงอานิสงค์แห่งการบูชาพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ไว้ถึง ๒๘ ประการ คือ ๑.เทพนาคาปกปักษ์รักษาและระลึกถึงอยู่เป็นนิจ๒.กุศลผลบุญเจริญรุ่งเรืองไพบูลย์ยิ่งๆขึ้นทุกทิวากาล ๓.เป็นการสร้างสมอริยมรรคเป็นสมุฏฐาน ทั้งยังถือเป็นเหตุปัจจัยแห่งกุศลกรรม ๔.ไม่ท้อถอยในการบังเกิดโพธิจิต ๕.สมบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคตลอดกาล ๖.แคล้วคลาดปราศจากโรคาพยาธิ ๗.รอดพ้นจากอุทกภัย อัคคีภัย ๘.นิราศจากโจรภัยมาเบียดเบียน ๙.เป็นที่เคารพยกย่องของนรชนทั่วไป ๑๐.เทพารักษ์คุ้มครองอุ้มชูช่วยเหลืออยู่เสมอ ๑๑.สตรีปรารถนากลับเพศเป็นบุรุษได้ ๑๒.เกิดในตระกูลวงศาแห่งกษัตริย์และอำมาตย์ ๑๓.มีรูปอินทรีย์ กายอินทรีย์สมบูรณ์ ๑๔.ได้อุบัติในแดนสวรรค์ ๑๕.ภพหน้าจะได้กำเนิดเป็นพระมหาราชาธิราช ๑๖.สามารถหยั่งรู้ระลึกเหตุการณ์ในอดีตชาติ ๑๗.คิดประสงค์สิ่งใดย่อมได้ดั่งปรารถนา ๑๘.ญาติวงศ์และบริวารเสวยแต่ความสุขปราศจากทุกข์ ๑๙.สิ่งอัปมงคลทั้งหลายสูญหายมลายสิ้น ๒๐.ไม่ต้องบังเกิดในทุคติภูมิ ๒๑. หากสัญจรไป ณ แห่งใดย่อมได้รับความสะดวก พ้นจากอุปสรรคทั้งมวล ๒๒.ในยามราตรีย่อมสุบินในทางศุภมงคล ปราศจากนิมิตอันชั่วร้าย ๒๓.บรรพบุรุษและญาติวงศ์ที่ล่วงลับไปทั้งหลาย ๒๖.มีสติปัญญารอบรู้เป็นเลิศ ๒๗.มีจิตเปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรมธรรมเป็นสมุฏฐาน ๒๘.และจะได้สำเร็จพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่สุดทั้งหมดนี้คือผลที่ได้รับจากกราบไหว้บูชาพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ ซึ่งผู้มีปัญญาทั้งหลายควรจะพิจารณาให้เห็นจริงตามนี้เถิด
    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือ วันที่ ๓๐ เดือน ๗ จีน​
    จาก ก www..mahaparamita.com
     
  7. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (觀世音菩薩)

    พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ แปลว่า พระโพธิสัตว์ผู้เพ่งมองด้วยความเป็นอิสระ (觀自在菩薩) และพระโพธิสัตว์ผู้เพ่งพิจารณาในกระแสเสียงของโลก (觀世音菩薩) หรือที่สาธุชนทั่วไปรู้จักพระองค์ในนามของ “กวนอิม” ผู้เปี่ยมด้วยพระมหาเมตตา พระมหากรุณา (大慈大悲) ในคัมภีร์พระสูตรหลายเล่มกล่าวถึงพระองค์ว่าหากได้สรรเสริญเอ่ยขานพระนามของพระองค์ด้วยความศรัทธาแล้ว ถึงแม้จะตกในหลุมเพลิง หลุมเพลิงจะกลายเปลี่ยนเป็นสายชล หากจมน้ำจะได้พบที่ตื้นเขิน หากพลัดตกจากเขาสูง ก็จะล่องลอยอยู่ในอากาศ ภูติผีปีศาจร้ายมิกล้าแม้แต่จ้องมอง ฯลฯ เป็นต้น นี้แลคือพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์อันจักตอบสนองได้ทุกความต้องการของสรรพสัตว์ ยังให้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นที่เคารพบูชาของสาธุชนมากที่สุด ผนวกกับเรื่องราวปฏิหาริย์แห่งเมตตาของพระองค์ที่มีบันทึกสืบทอดต่อเนื่องมาแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันมิได้ขาด ยังให้ทุกครัวเรือนรู้จักและกราบไหว้พระโพธิสัตว์พระองค์นี้ด้วยรูปลักษณะต่างๆ นานัปการแต่เดิมมานั้นพระอวโลกิเตศวรทรงวิภูษณะอาภรณ์แบบมหาบุรุษ ตามแบบอินเดียโบราณ (ชมได้ที่โรงพยาบาลเทียนฟ้า วงเวียนโอเดียน) เมื่อมาถึงประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ถังก็ยังคงศิลปะอินเดียแบบเปลือยพระอุระอยู่ แต่พอมายุคหลังคือสมัยราชวงศ์หยวนพระอวโลกิเตศวรจึงเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นสตรีเพศ เนื่องจากคติความเชื่อในเรื่องขององค์หญิงเมี่ยวซ่าน (妙善) ที่ทรงเคร่งครัดและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาก ทรงเปี่ยมด้วยเมตตาการุญต่ออาณาประชาราษฎร์ ที่ในสมัยนั้นพระราชบิดาของพระองค์ทรงเป็นทรราชชอบทำศึกสงครามขูดรีดประชาชน ฯลฯ องค์หญิงพระองค์นี้ทรงถือกำเนิดมาเพื่อปลดเปลื้องทุกข์เข็ญของปวงประชาในครั้งนั้น ทรงยังให้พระราชบิดากลับพระทัยได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รูปปฏิมากรของพระอวโลกิเตศวรเป็นสตรีอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันและพระองค์ยังทรงนิรมาณกายได้หลากหลายคือ หากผู้มีจริตสมควรได้รับการโปรดด้วยรูปกายของพระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิ พระอรหันตสาวก ท้าวมเหศวร องค์อินทราธิราช ท้าวจตุโลกบาล พุทธบริษัท ๔ พราหมณ์ สตรีเพศ เด็กหญิงเด็กชาย หรือจักเป็นเทวดา ยักษ์ นาค อสูร กินนร มโหราค(ภูติชนิดหนึ่งมีร่างเป็นงูใหญ่) ครุฑ มนุษย์และอมนุษย์ทั้งปวง พระอวโลกิเตศวรก็จักอวตารกายเป็นรูปลักษณ์ที่ประเสริฐอลังการกว่าบุคคลนั้นเพื่อสยบทิฐิมานะของผู้นั้นเสียก่อนแล้วจึงเทศนาธรรมโปรดในภายหลังพระปฏิมารูปเคารพของพระอวโลกิเตศวรมีพระหัตถ์ตั้งแต่ ๒ ขึ้นไปจนถึง ๑,๐๐๐ บางแห่งสร้างถึง ๘๔,๐๐๐ พระหัตถ์ก็มี ทั้งยังมีพระเนตรและพระเศียรจำนวนมากมายตามจำนวนดังกล่าวนี้ด้วย เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระมหาเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ไพศาล สามารถสอดส่องช่วยเหลือสรรพสัตว์ได้อย่างทั่วถึงเป็นต้น
    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือ วันที่ ๑๙ เดือน ๒ จีน
    วันคล้ายวันเสด็จออกผนวชคือ วันที่ ๑๙ เดือน ๙ จีน
    วันคล้ายวันสำเร็จธรรมคือ วันที่ ๑๙ เดือน ๖ จีน
    จาก www..mahaparamita.com
     
  8. แชมป์คุง

    แชมป์คุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +279
    พระสูตรมหายานมักมีอรรถข้อความเรียกว่า กลบท หรือ ธรรมปริศนาให้ขบคิด
    อย่างในพระสูตร สัทธรรมปุณฑริก อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สมันตมุขปริวรรค
    ใน กรณี โจรภัย ก็หมายถึงโจรแห่งอารมณ์ซุ้งซ่าน

    โจรทางหู..อยากฟังเสียงไพเราะ ก่อเกิดตัณหา
    โจรทางตา..อยากดูหนังละคร ของสวยงาม บำเราความอยาก
    โจรทางจมูก..ชอบแต่กลิ่นี่ดี
    โจรทางปาก..อยากรับประานของที่มีรสอร่อยๆดิ้นรนหามาป้อนความอยากตน
    โจรทางกาย.. อยากแต่งตัวสวยๆ ริ่นรมน์กับ สุรา นารี บุรุษ
    โจรทางใจ.. คิดอยากได้ของๆเขา คิดในทางอกุศล
    หากผู้ใดไตร่ตรองตามทำนองของพระสูตร นำเอาปัญญาคุณมาพิจารณา ย่อมรู้ว่า ทรัะพย์ได้พยายามหามาด้วยความยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยนั้นได้ถูกปล้นไปในทางอารมณ์ฟุ้งซ่าน ถ้าเอาปัญญาคุณมาใช้โจรภัยแห่งอารมณ์ผฟุ้งซ่านเหล่านั้นก็จะปราศจากไปเอง

    เมี่ยว วิธีมหัศจรรย์อาตยะหกสะอาด
    สาน สัมพันธ์ดีแปรเปลี่ยนเป็นธาตุ
    กวน เพ่งว่างเพ่งรูปรู้สึกแน่
    อิม เสียงแท้หากได้ยินแสวงหา
     
  9. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    พระเวทโพธิสัตว์ (韋馱菩薩)

    พระเวทโพธิสัตว์ ทรงเป็นหนึ่งในบรรดาเทพธรรมบาล หรือมหาเทพผู้ปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาและพระพุทธธรรมจำนวน ๒๔ พระองค์ (二十四諸天) โดยกล่าวว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีพระองค์หนี่ง ที่กำลังจะได้ตรัสรู้พระสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายคือ องค์ที่ ๑,๐๐๐ ของภัทรกัลป์นี้ คือ พระรุจิพุทธเจ้า (樓至佛) พระองค์ก็คือพระสกันธหรือพระขันธกุมารในศาสนาฮินดูพระองค์ทรงมีพลานุภาพมากคอยบำราบมารพระศาสนา หรือผู้ที่ทำให้พระศาสนาเสื่อมเสีย ทั้งคอยบันดาลลาภสักการะให้บังเกิดแก่พระอารามที่ภิกษุสงฆ์ตั้งมั่นในศีลาจารวัตร ให้มีทายกทายิกาเข้ามาอุปถัมภ์อารามให้รุ่งเรือง
    พระปฏิมาของพระองค์ทรงเครื่องวิภูษณะอลังการแบบมหาขุนพล ทรงสุวรรณเกราะ ในพระหัตถ์จะประคองคฑาวัชราวุธบำราบมาร มีทั้งแบบประณมหัตถ์บ้าง ประคองคฑาวุธบ้าง จรดคฑาวุธไว้ที่พื้นดินบ้าง ซึ่งมีความหมายโดยนัยยะต่างกันไป ว่าผู้สัญจรรอนแรมในประเทศจีนโบราณหากจะหาที่ค้างแรมแล้วไซร้ พึงต้องสังเกตเทวรูปของพระเวทะนี้เป็นอันดับแรกว่าหากพระคฑาวุธของพระองค์จรดลงกับพื้นดิน แสดงว่าอารามแห่งนั้นมิอนุญาตให้บุคคลภายนอกพักอาศัยได้ อาจเนื่องจากเหตุผลต่างๆ ของวัตรปฏิบัติหรือข้อบังคับของนิกายนั้นๆแต่หากพระเวทโพธิสัตว์ทรงประคองคฑาวุธไว้ในพระหัตถ์ หรือทรงประณมหัตถ์ก็เป็นนัยยะแสดงว่าสามารถพักค้างแรมได้ โดยทั่วไปแล้วพระปฎิมาของพระองค์จะประดิษฐานอยู่ในอารามอยู่เบื้องซ้ายของพระประธาน แต่บางแห่งจะหันหลังชนกับพระเมตไตรยในวิหารแรกโดยหันพระพักตร์เข้าสู่อารามซึ่งสาธุชนสมควรกราบไหว้บูชา เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเมตตากรุณาคุณของพระองค์ในการที่ทรงช่วยปกป้องพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ (สังเกตจากหนังสือพระสูตร หรือหนังสือสวดมนต์ของมหายานทุกเล่มจะมีรูปของพระเวทโพธิสัตว์สถิตอยู่ด้านท้าย) จะทรงช่วยให้พระเถระผู้ใหญ่ที่มีศีลบริสุทธิ์ผู้เป็นธงธรรมของพระศาสนาให้อายุมั่นขวัญยืน และทรงช่วยคุ้มครองศาสนิกชนผู้ตั้งมั่นในศีลให้ปลอดภัยบำเพ็ญธรรมราบรื่นไร้อุปสรรค ได้บรรลุถึงมรรคผลที่ปรารถนาโดยเร็วแล
    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือวันที่ ๓ เดือน ๖ จีน
    จาก www..mahaparamita.com
     
  10. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    พระวิหารบาลโพธิสัตว์ หรือ พระสังฆารามโพธิสัตว์ (伽藍菩薩)

    พระวิหารบาลโพธิสัตว์ มีความหมายคือ พระโพธิสัตว์ผู้ปกปักษ์รักษาพระวิหารอาราม ตามอารามบางแห่งจะประดิษฐานพระวิหารบาลโพธิสัตว์เคียงคู่กับพระเวทโพธิสัตว์หน้าพระประธาน ซึ่งท่านจะมีพระพักตร์สีเขียวบ้าง ดำบ้าง น้ำตาลบ้าง มีหนวดเคราบ้าง ไม่มีบ้าง ทรงถืออาวุธเป็นง้าว ขวาน ฯลฯ ตามแต่ผู้สร้างจะจินตนาการหรือต้องการเนื่องจากพระวิหารบาลโพธิสัตว์นั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล กล่าวคือไม่ว่าเทพเจ้าที่อยู่ประจำพื้นที่นั้นมาก่อนที่จะก่อสร้างอารามหรือหลังจากนั้นก็ดี ครั้นเมื่ออารามได้ก่อตั้งแล้ว เทพเจ้าหรือเจ้าที่ที่เกิดศรัทธาปสาทะ ได้รับพระพุทธบารมีจากการที่มีอารามตั้งอยู่ในพื้นที่ของตน และจากการที่บรรดาพุทธบริษัทสาธยายพุทธมนต์แผ่เมตตาอุทิศให้โดยนิจสิน ทั้งมีการประกอบกิจกุศลบำเพ็ญธรรมในพื้นที่ก็ดี ยังให้บรรดาเทพเจ้าอนุโมทนายินดีและเกิดจิตเมตตาจะปกปักษ์อารามนั้นให้ปลอดภัยจากมารทั้งปวง เราก็บูชาท่านในนามของพระวิหารบาลโพธิสัตว์หรือผู้ที่มีอุปการะคุณต่ออารามตั้งแต่เมื่อคราที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อวายชนม์ไปแล้วก็ได้รับการยกย่องเป็นพระวิหารบาลโพธิสัตว์ทั้งสิ้น ยกตัวอย่างเทพเจ้ากวนอู เป็นต้น ที่เมื่อคราที่พระองค์ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ทรงได้อุปถัมภ์บวรพระพุทธศาสนา ค้ำจุนภิกษุสงฆ์ ยังให้พระศาสนาเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก แลเมื่อคราที่พระองค์เสด็จทิวงคตไปแล้ว บรรดาพุทธศาสนิกชนก็พร้อมใจกันยกย่องพระองค์ในฐานะผู้อุปถัมภ์พระศาสนา แล้วสร้าง
    รูปเคารพของพระองค์ไว้ในอาราม เพื่อสวดมนต์ระลึกถึงคุณงามความดีของพระองค์ อันจะสังเกตได้ว่ามีอารามที่จัดสร้างพระวิหารบาลโพธิสัตว์ เป็นเทพเจ้ากวนอูก็มีอยู่มิน้อยพระวิหารบาล ชาวพุทธมหายานให้ความยกย่องว่าท่านคือพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งเหมือนกันเนื่องจากท่านมีจิตตั้งมั่นต่อการปกป้องพระศาสนาและผู้ที่บำเพ็ญธรรมยิ่งนัก อันเป็นปฏิปทาเดียวกันกับพระโพธิสัตว์ทั้งปวง สาธุชนทั้งหลายจึงสมควรกราบไหว้บูชาด้วยสำนึกในพระคุณของพระวิหารบาลทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้แล.
    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือ วันที่ ๑๓ เดือน ๕ จีน

    ที่มาจาก www..mahaparamita.com
     
  11. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022

    [​IMG]
    พระเมตไตรยโพธิสัตว์​
    (
    彌勒菩薩)

    พระเมตไตรยโพธิสัตว์
    เขียนแบบบาลีว่า พระเมตตรัย ทรงมีหลายพระนาม ทางบาลีเราจะเรียกว่า พระศรีอาริย์บ้าง พระอชิตะบ้าง บางครั้งฝ่ายจีนจะเขียนพระนามของพระองค์ว่า แปลว่าผู้เมตตา หรือ 一生補處แปลว่า พระผู้มีเอกชาติปฏิพันธ์ หรือพระผู้เกี่ยวข้องกับการเกิดอีกเพียงชาติเดียวก็จักได้บรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง มิต้องหวนกลับมาเวียนว่ายในสังสารวัฏอีกสาธุชนเวลากราบไหว้บูชาพระเมตไตรย หรือเวลาทำบุญก็มักจะอธิษฐานให้กุศลที่กระทำนี้เป็นปัจจัยส่งให้ได้พบกับพระศรีอาริย์พุทธเจ้าในอนาคต เมื่อกาลที่สิ้นพระศาสนาของพระศากยมุนีพุทธเจ้าแล้ว ซึ่งแต่เดิมนั้นพระเมตไตรยโพธิสัตว์ทรงแต่งกายแบบลักษณะมหาบุรุษเช่นเดียวกับพระโพธิสัตว์พระองค์อื่นๆ แต่มีประวัติว่า มีพระภิกษุรูปร่างอ้วนท้วนอยู่รูปหนึ่ง ชอบถือถุงย่ามใบใหญ่ติดตัวเสมอ ใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบานตลอดเวลาและชอบพูดปริศนาธรรมในนิกายเซ็นอยู่เสมอ ชื่อว่าชี่ฉื่อ 契此หรือ เชียง เทง จื้อ 長汀子ซึ่งสาธุชนเรียกขานท่านว่า หลวงพ่อย่ามใหญ่ 布袋和尚ได้ดับขันธ์โดยการนั่งสมาธิที่แท่นหินของอารามงักลิ้มยี่ 岳林寺 ในปีที่ ๓ แห่งรัชสมัยเจงเม้ง (ปี ๑๔๖๐) โดยท่านได้ประพันธ์โศลกไว้บทหนึ่งว่า

    เมตไตรยจริงแท้คือเมตไตรย
    彌勒眞彌勒

    แบ่งกายเป็นร้อยพันโกฏิ
    化身千百億

    โปรดสรรพสัตว์มากมาย
    廣度諸衆生

    แต่ส่ำสัตว์หารู้จักไม่
    衆生都不識

    ดังนั้นเมื่อท่านละสังขารไปแล้ว บรรดาพุทธศาสนิกชนจึงสันนิษฐานว่าท่านคือพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ อวตารกายมาโปรดสัตว์ยังโลกมนุษย์ จากนั้นมาจึงนิยมสร้างรูปของท่านแทนลักษณะแห่งความสุขความเจริญ และโชคลาภ ปัจจุบันมีข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับ
    พระเมตไตรยโพธิสัตว์ของมหายาน กับพระสังขจายอรหันต์ของเถรวาทอยู่มาก กล่าวคือพระเมตไตรยพุงพลุ้ยนี้เป็นพระภิกษุในประเทศจีนหลังจากพระพุทธเจ้า
    ทรงเสด็จปรินิพพานแล้วกว่า ๑
    ,๔๐๐ ปี แต่พระสังขจายอรหันต์เป็นพระอรหันตสาวกมีชีวิตอยู่ร่วมในสมัยพระพุทธเจ้าก่อนพระเมตไตรยพุงพลุ้งนี้ เพียงแต่พระอริยะเจ้าทั้ง ๒ พระองค์นี้มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนกันเท่านั้นเอง

    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือ วันที่ ๑ เดือน ๑ จีน
    จาก www..mahaparamita.com
     
  12. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]
    กระผมได้มีโอกาสนมัสการพระ弥勒菩萨ที่วัดลามะ ในกรุงปักกิ่ง (北京) เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 54 ได้เห็นความยิ่งใหญ่และความศรัทธาของคนสมัยก่อนในการสรรค์สร้างองค์พระฯแต่เสียดายที่ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ.........ภาพจากอินเทอร์เนต...พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตต์ (弥勒菩萨)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2011
  13. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    ภาพ[​IMG]
    พระเมตไตรยโพธิสัตว์ พุทธศิลป์แบบทิเบต​
     
  14. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    ภาพ..พระศรีอาริยเมตไตรย พุทธศิลป์แบบทิเบต​
     
  15. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]


    [​IMG]

    ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 27-04-54 ณ วัดพระอุโบสถ์วัดพระศรีอารย์ จังหวัดราชบุรี ภาพวาดด้านหลัง พระประธานพระอุโบสถ์ เป็นภาพพระพุทธเจ้าทั้ง 4 พระองค์ และองค์กลางคือพระศรีอารยเม<WBR></WBR>ตไตรยโพธิสัตว์ (พระพุทธเจ้าในอนาคต) ซึ่งในภัทรกัลป์จะมีพระพุทธ<WBR></WBR>เจ้าอุบัติขึ้นทั้งหมด 5 พระองค์ด้วยกัน
     
  16. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG] พระพระเมตไตรยโพธิสัตว์ หรือในภาษาญีปุ่น mirokubosatu ส่วนในภาษาจีนคือ弥勒菩薩
     
  17. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]

    ภาพวาดพระเมตไตรยโพธิสัตว์ พุทธศิลป์แบบญีปุ่น みろくぼさつ (mirokubosatu)
     
  18. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]


    พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ (大勢至菩薩)


    พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์คือพระโพธิสัตว์อัครสาวกของพระอมิตาภะพุทธเจ้า เคียงคู่กับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระองค์มีชื่อเรียกในภาษาจีนว่า ไต่ ซี้ จี(大勢至)หรือ เต็ก ไต่ ซี้(得大勢)บางแห่งเรียก ไต่ ซี จู้(大勢主)ซึ่งมีความหมายเหมือนกัน อันมีความหมายของพระนามดังนี้ มหา ()แปลว่า ยิ่งใหญ่,มหาศาล สถามะ() แปลว่า เดชานุภาพ,พละกำลัง ปราปต์() แปลว่า เข้าถึงแล้ว,บรรลุแล้ว ดังนั้นพระนามของพระองค์จึงคือ พระโพธิสัตว์ผู้ทรงบรรลุแล้วซึ่งเดชาพละยิ่งใหญ่พระมหาสถามปราปต์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่แสดงถึงพระพลาธิคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง คล้ายกับพระมัญชุศรีที่ทรงเป็นองค์แทนแห่งพระปัญญาธิคุณ พระอวโลกิเตศวรทรงเป็นองค์แทนแห่งพระกรุณาธิคุณพระจุณฑิทรงเป็นองค์แทนแห่งพระบริสุทธิคุณเป็นต้น พระมหาสถามปราปต์จะทรงถือดอกปัทมาในพระหัตถ์บางครั้งจะทรงประณมหัตถ์ไว้ที่พระอุระ บางครั้งจะทรงถึงวัชระ จึงทำให้พระองค์มีอีกพระนามว่า พระวัชรหัตถ์บางแห่งเรียกพระวัชรปาณี(金剛手)ก็มีในพระสุขาวดีวยูหสูตร(無量壽經)กล่าวว่าเมื่อครั้งสมัยที่พระอมิตาภะพุทธเจ้ายังทรงเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิเมื่อกาลก่อนทรงมีพระโอรส ๑,๐๐๐ พระองค์ มีพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นพระโอรสองค์โต และมีพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์เป็นพระโอรสองค์รอง ทั้ง ๓ พระองค์ทรงประกาศมหาปณิธานจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้ถึงที่สุด ณ เบื้องพระพักตร์แห่งพระรัตนครรภ์พุทธเจ้า (寶藏佛) ส่งผลให้ทั้ง ๓ พระองค์ทรงเป็นพระโลกนาถเจ้าแห่งสุขาวดีโลกธาตุ และยังทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณาคุณปกแผ่ไพศาลมา เพื่อโปรดสรรพสัตว์ยังโลกทั้งปวงไม่เว้นแม้แต่โลกแห่งความทุกข์ที่นี้ด้วยในพระศูรางคมธารณีสูตร (楞嚴經) กล่าวว่า พระมหาสถามปราปต์กราบทูลต่อพระพุทธเจ้าถึงปฏิปทาแนวทางปฎิบัติของพระองค์ว่า ในจิตของพระองค์มีแต่น้อมระลึกและเรียกขานแต่พระนามของพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่ตลอดลมหายใจ และทรงปฏิบัติเช่นนี้มาตลอดนานนับหลายอสงไขยกัลป์ แม้นในปัจจุบันที่พระองค์ทรงได้บรรลุเป็นพระมหาโพธิสัตว์แล้วก็ยังทรงภาวนาถึงพระอมิตาภะอยู่ทุกวาระจิตเช่นเคย ซึ่งพระมหาสถามปราปต์ทรงให้เหตุผลว่า ประดุจบุตรร้องเรียกหาผู้เป็นมารดาตลอด แล้วผู้เป็นมารดาจะทอดทิ้งบุตรผู้นั้นได้อย่างไร (เปรียบเทียบว่าพระพุทธเจ้าทรงรักและเมตตาสรรพสัตว์ทั้งปวงดุจมารดาอาทรต่อบุตร)ด้วยอานิสงค์แห่งการระลึกถึงพระคุณแห่งพระอมิตาภะพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าทั้งปวงนั้นยิ่งใหญ่ไพศาลปานฉะนี้ ดังนั้นสาธุชนที่ได้ทราบแล้วสมควรปฏิบัติตามแนวทางภาวนาแห่งพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์เจ้าเถิด





    วันคล้ายวันโพธิสัตวสมภพคือ วันที่ ๑๓ เดือน ๗ จีน


    จาก www..mahaparamita.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2011
  19. mp38

    mp38 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +386
    ผมชอบศึกษาครับพี่ศักดิ์แต่หาข้อูลไม่ได้ รบกวนช่วยลงเพิ่มเติมครับ โดยเฉพาะเกี่ยวกับโพธิสัตว สาวกพระไภษัชยคุรุ
     
  20. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    โอ้วว้าว..........ผมหาข้อมูลเพื่ออ่านศึกษามานานแล้วครับแต่ยังหาไม่ได้ ขอขอบพระคุณคุณศักดิ์เป็นอย่างสูงครับกับความรู้ด้านมหาญาณ จะติดตามอ่าน ขอบคุณอีกครั้งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...