พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์

Mahāsthāmaprāpta พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์
大勢至 Dà Shì Zhì 勢至 Seishi















มุทราประจำองค์


มนตร์ประจำองค์
オン　サンザンサク　ソワカ Om Sanzansaku Sowaka
ओंशंजांसःस्वाहा॥[oṃ saṃ jaṃ saḥ svāhā]
即帰命煩悩障・所知障 遠離生滅 成就
พีชะ (อักษรสันสกฤตแบบโบราณแทนพระองค์)

วันคล้ายวันโพธิสัตว์สมภพ คือ วันที่ ๑๓ เดือน ๗ จีน ปี ๒๕๕๐ จะตรงกับวันที่ ๒๕ สิงหาคม
พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ คือพระโพธิสัตว์อัครสาวกของพระอมิตาภะพุทธเจ้า เคียงคู่กับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระองค์มีชื่อเรียกในภาษาเวียดนามว่า “ด่ายเท้จี๊โบ่ต๊าก” ภาษาจีนว่า “ไต่ ซี้ จี” หรือ “เต็กไต่ซี้” บางแห่งเรียก “ไต่ซีจู้” ซึ่งมีความหมายเหมือนกัน อันมีความหมายของพระนามดังนี้ “มหา” แปลว่า ยิ่งใหญ่ มหาศาล “สถามะ” แปลว่า เดชานุภาพ พละกำลัง “ปราปต์” แปลว่า เข้าถึงแล้ว บรรลุแล้ว ดังนั้นพระนามของพระองค์จึงแปลได้ว่า พระโพธิสัตว์ผู้ทรงบรรลุแล้วซึ่งเดชะพละยิ่งใหญ่


พระมหาสถามปราปต์ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ที่แสดงถึงพระพลาธิคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง คล้ายกับพระมัญชุศรีที่ทรงเป์นองค์แทนแห่งพระปัญญาธิคุณ พระอวโลกิเตศวรทรงเป็นองค์แทนแห่งพระกรุณาธิคุณ พระจุณฑิทรงเป็นองค์แทนแห่งพระบริสุทธิคุณ เป็นต้น พระมหาสถามปราปต์จะทรงถือดอกปัทมา (ดอกบัว) ในพระหัตถ์ บางครั้งจะทรงประณมหัตถ์ไว้ที่พระอุระ บางครั้งจะทรงถือวัชระ จึงทำให้พระองค์มีอีกพระนามว่า พระวัชรหัตถ์ บางแห่งเรียกพระวัชรปาณี ก็มี
ในพระสุขาวดีวยูหสูตร กล่าวว่าเมื่อครั้งสมัยที่พระอมิตาภะพุทธเจ้ายังทรงเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าจักรพรรดิเมื่อกาลก่อนทรงมีพระโอรส ๑,๐๐๐ พระองค์ มีพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์เป็นพระโอรสองค์โต และมีพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์เป็นพระโอรสองค์รอง ทั้ง ๓ พระองค์ทรงประกาศมหาปณิธานจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้ถึงที่สุด ณ เบื้องพระพักตร์แห่งพระรัตนครรภ์พุทธเจ้า ส่งผลให้ทั้งสามพระองค์ทรงเป็นพระโลกนาถเจ้าแห่งสุขาวดีโลกธาตุและยังทรงเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณาคุณปกแผ่ไพศาลมา เพื่อโปรดสรรพสัตว์ยังโลกทั้งปวงไม่เว้นแม้แต่โลกแห่งความทุกข์ที่นี้ด้วย
ในพระศูรางคมธารณีสูตร กล่าวว่า พระมหาสถามปราปต์กราบทูลต่อพระพุทธเจ้าถึงปฏิปทาแนวทางปฏิบัติของพระองค์ว่า ในจิตของพระองค์มีแต่น้อมระลึกและเรียกขานแต่พระนามพระอมิตาภะพุทธเจ้าอยู่ตลอดลมหายใจและทรงปฏิบัติเช่นนี้มาตลอดนานนับหลายอสงไขยกัลป์ แม้นในปัจจุบันที่พระองค์ทรงได้บรรลุเป็นพระมหาโพธิสัตว์แล้วก็ยังภาวนาถึงพระอมิตาภะอยู่ทุกวาระจิตเช่นเคย ซึ่งพระมหาสถามปราปต์ทรงให้เหตุผลว่า ประดุจเรียกร้องหาผู้เป็นมารดาตลอด แล้วผู้เป็นมารดาจะทอดทิ้งบุตรผู้นั้นได้อย่างไร (เปรียบเทียบว่าพระพุทธเจ้าทรงรักและเมตตาสรรพสัตว์ทั้งปวงดุจมารดาอาทรต่อบุตร) นอกจากนี้ยังมีตำนานของช่างปั้นพระพุทธรูปในพุทธศาสนา นิกายมหายาน ว่า พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ทรงมีพระปัญญาเฉียบแหลม ทำให้ทรงจำพระพุทธลักษณะของพระพุทธเจ้าได้ครบถ้วนทั้งมหาปุริษสลักษณะ ๓๒ ประการและอนุพยัญชนะทั้ง ๘๐ ประการได้ และนำมาบอกกล่าวให้แก่ช่างปั้นพระพุทธรูปเพื่อให้ประดิษฐ์พระพุทธรูปให้ถูกต้องตามพระพุทธลักษณะ จึงมีการนับถือพระองค์ว่าเป็นพระโพธิสัตว์แห่งศิลปศาสตร์ในหมู่ชาวพุทธ นิกายมหายาน

 

นำมอ ไต้ซีจี ผ่อสัก

 

สาธุๆ โอม ซัม จัม จัม (สะ) โซฮา ฯ

 

พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ (ภาษาจีน: 大勢至 Da Shì Zhì ไต้ซือจู้, ภาษาญี่ปุ่น 勢至 Seishi Vi Đại Thế Trí Bồ Tát ไดเซชิ)เป็นพระโพธิสัตว์ที่ถือเป็นอัครสาวกของพระอมิตาภะเช่นเดียวกับพระอวโลกิเตศวร แต่มีคนรู้จักน้อยกว่า ถือว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ด้านกำลัง สะท้อนพลังจิตที่เข้มแข็งของพระพุทธเจ้า ใกล้เคียงกับความหมายของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์


พระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์รูปลักณ์ของท่านอยู่ในท่ายืน มือซ้ายอยู่ในท่าประทาน มือขวาอยู่ในท่าคิด บางครั้งมือทั้งสองจะประสานกันในท่าไขว้

ความเชื่อ


นิกายสุขาวดีกำหนดให้ท่านเป็นผู้คุ้มครองดวงจิตของผู้ที่จะไปอุบัติในพุทธเกษตร ในอีกแนวหนึ่งเชื่อว่าพระมหาสถามปราปต์พัฒนามาจากพระอินทร์ของศาสนาพราหมณ์ เนื่องจากลักษณะในยุคแรกของท่านถือวัชระเช่นเดียวกับพระอินทร์ ต่อมามีการสร้างพระโพธิสัตว์องค์ใหม่ เรียกว่าพระวัชรปาณีโพธิสัตว์ แยกออกมาจากพระมหาสถามปราปต์ ความนิยมนับถือพระมหาสถามปราปต์จึงลดลง ความหมายต่างๆของท่านได้หลอมรวมกลายเป็นส่วนหนึ่งของพระโพธิสัตว์องค์อื่นๆ ไป

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

นำมอ ไต่ซี้จี้ ผ่อสัก มอฮอสัก ผู่ที้ ซอผอฮอ

 

อนุโมทนาครับ

พระไต่ซีจี กับ พระอวโลกิเตศวร เป็นคู่พระโพธิสัตว์ในสุขาวดีพุทธเกษตร เป็นพระโอรสทั้งสองของพระอมิตาภพุทธเจ้า เป็นผู้คุ้มครองผู้บูชาพระอมิตาพุทธเจ้า และเป็นผู้ช่วยนำดวงวิญญาณของผู้ที่ต้องการไปเกิดในดินแดนในนั้นไปสู่แดนสุขาวดีได้
คตินิยมเหล่านี้เราต้องไม่ลืมว่า ต้องเกิดจากการที่เราเป็นผู้กระทำก่อน จึงได้รับผลคือ ต้องกระทำคือการเลื่อมใส ศรัทธาในพระรัตนตรัย ต้องละอกุศลกรรมบถ 10 ต้องปฏิบัติมรรคมีองค์ 8 จึงจะทำให้ทางเดินไปสู่แดนสุขาวดีสดใส และชัดเจน หาไม่แล้วพระพุทธองค์ พระโพธิสัตว์ทั้งสองก็ไม่สามารถนำไปได้
นะโม อามิตตาพุทธ
นะโม อวโลกิเตศวารายะ โพธิสัตวายะ มหาสัตวายะ
นะโม มหาสถามปรามะ โพธิสัตวายะ มหาสัตวายะ