พระยามิลินท์กับพระนาคเสน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 19 กรกฎาคม 2008.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    เดิมมีกษัตริย์ชาวโยนกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระเจ้ามิลินท์
    เสวยราชสมบัติอยู่ในสาคลราชธานี พระองค์มีปรีชาเฉลียวฉลาดว่องไว <O:p</O:p
    สามารถทรงทราบเหตุการณ์ได้ทันท่วงทีและมักพอพระราชหฤทัยในการ<O:p</O:p
    ไล่เลียงลัทธิต่าง ๆ จนนักปราชญ์ ในสมัยนั้นครั่นคร้ามไม่กล้าจะทูลโต้ตอบ<O:p</O:p
    พระราชปุจฉาได้<O:p</O:p
    ก็ในสมัยนั้นมีพระเถระองค์หนึ่งชื่อว่า อัสสคุตอยู่ที่ถ้ำรักขิตคูหา ณ <O:p</O:p
    ป่าหิมพานต์เมื่อได้ทราบพระเกียรติคุณของพระเจ้ามิลินท์ ดังนั้น จึงประชุม<O:p</O:p
    สงฆ์ไต่ถามว่า รูปใดจะสามารถแก้ปัญหาถวายพระเจ้ามิลินท์ได้บ้าง สงฆ์<O:p</O:p
    ทุกรูปต่างพากันนิ่ง พระอัสสคุตจึงว่า มีเทพบุตรฉลาดอยู่องค์หนึ่งชื่อว่า<O:p</O:p
    มหาเสน อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นั่นแล จะเป็นผู้สามารถโต้ตอบกับ<O:p</O:p
    พระเจ้ามิลินท์ได้ สังฆสมาคมจึงตกลงพร้อมกันขึ้นไปยังเทวโลก เล่าเรื่อง<O:p</O:p
    และความประสงค์ให้พระอินทร์และมหาเสนเทพบุตรฟัง จนตลอด <O:p</O:p
    ครั้นอัญเชิญมหาเสนเทพบุตรได้สมประสงค์แล้ว จึงพากันกลับมายัง<O:p</O:p
    มนุษยโลก แล้วจัดให้พระโรหณเถระเข้าไปเพาะความนิยมนับถือให้แก่<O:p</O:p
    ตระกูลโสณุตตรพราหมณ์ ซึ่งเป็นตระกูลที่มีมหาเสนเทพบุตรจะจุติ<O:p</O:p
    ลงมาเกิด จนตระกูลนั้นเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา<O:p</O:p
    ฝ่ายมหาเสนเทพบุตร เมื่อรับอัญเชิญจากคณะสงฆ์แล้วก็จุติลงมาเกิด<O:p</O:p
    ในตระกูลโสณุตตรพราหมณ์ ตำบลชังคลคามริมป่าหิมพานต์ ได้นามว่า<O:p</O:p
    นาคเสนกุมาร เมื่อเติบโตขึ้นก็ได้รับการศึกษาศิลปวิทยาจากสำนักครู<O:p</O:p
    ทั้งหลาย ตลอดจนไตรเพท อันเป็นคัมภีร์สำคัญของพราหมณ์ก็ได้ศึกษา<O:p</O:p
    จนชำนิชำนาญ ครั้นแล้วจึงมารำพึงว่า วิชาเหล่านี้ไม่มีแก่นสารอะไร <O:p</O:p
    ก็เกิดความเบื่อหน่าย<O:p</O:p
    อยู่มาวันหนึ่ง พระโรหณเถระเข้าไปฉันที่บ้านโสณุตตรพราหมณ์ <O:p</O:p
    พอนาคเสนกุมารเห็นก็นึกแปลกทันที จึงเรียนถามว่า ทำไมท่านจึงต้อง<O:p</O:p
    โกนผมโกนหนวดและต้องนุ่งห่มผ้าเหลือง ครั้นรู้เหตุผล จึงเรียนถามอีกว่า <O:p</O:p
    คนเพศเช่นท่านได้รับศึกษาวิชาอะไรบ้าง เมื่อได้รับตอบว่าได้รับศึกษา<O:p</O:p
    วิชาอย่างสุงสุดในโลก จึงไปขออนุญาตต่อบิดามารดาบวชเรียนบ้าง <O:p</O:p
    ครั้นบวชเป็นสามเณรแล้ว ก็เล่าเรียนพระไตรปิฎกในสำนักพระโรหณเถระ<O:p</O:p
    พออายุเต็ม ๒๐ ก็บวชเป็นพระภิกษุ ศึกษาต่อไปจนเชี่ยวชาญแตกฉานใน<O:p</O:p
    พระไตรปิฎก เมื่อพระอัสสคุตรู้ว่า พระนาคเสนเชี่ยวชาญดีแล้ว จึงนำไปหา<O:p</O:p
    พระอายุปาลเถระ ที่สังเขยบริเวณ (ใกล้พระราชวังพระเจ้ามิลินท์) เพื่อจะได้<O:p</O:p
    มีโอกาสถวายวิสัชนาพระราชปุจฉา<O:p</O:p
    วันหนึ่งพระเจ้ามิลินท์ตรัสถามเหล่าอำมาตย์ว่า <O:p</O:p
    เห็นมีใครบ้างซึ่งพอจะโต้ตอบกับเราได้ เหล่าอำมาตย์จึงกราบทูลว่า <O:p</O:p
    มีพระเถระอยู่รูปหนึ่ง ชื่อว่าอายุปาละ พอจะถวายวิสัชนา แก้ปัญหา<O:p</O:p
    ของพระองค์ได้ <O:p</O:p
    เมื่อทรงทราบดังนั้นก็เสด็จไปหาพระอายุปาลเถระตรัสถามปัญหาแรก <O:p</O:p
    พระอายุปาลเถระก็ถวาย วิสัชนาให้ทรงสิ้นสงสัยไม่ได้<O:p</O:p
    ขณะนั้นเทวมันติยอำมาตย์จึงกราบทูลว่า ยังมีพระภิกษุอยู่รูปหนึ่งชื่อว่า<O:p</O:p
    นาคเสนเป็นผู้มีปฏิภาณแตกฉานในพระไตรปิฎก พอพระเจ้ามิลินท์ทรงได้<O:p</O:p
    ยินนามว่านาคเสน ก็ทรงหวาดพระราชหฤทัย เพราะว่า เมื่อครั้นศาสนา<O:p</O:p
    พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเจ้ามิลินท์บวชเป็นสามเณรอยู่ในสำนักของ<O:p</O:p
    พระนาคเสน (ซึ่งในครั้นกระนั้น ท่านเป็นพระภิกษุรูปหนึ่ง) <O:p</O:p
    วันหนึ่งพระภิกษุรูปนั้น (คือพระนาคเสน) กวาดหยากเยื่อกองไว้ <O:p</O:p
    แล้วเรียกให้สามเณรมาขน สามเณรแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ท่านจึง<O:p</O:p
    บันดาลโทสะหยิบเอาไม้กวาดตีสามเณรๆ ก็จำใจขน ครั้นขนเสร็จแล้ว<O:p</O:p
    จึงตั้งความปรารถนาว่า ด้วยผลบุญแห่งการขนหยากเยื่อทิ้งนี้ ชาติต่อไป<O:p</O:p
    ขอให้มีเดชศักดานุภาพใหญ่หลวง และขอให้มีปัญญาเฉียบแหลมกว่า<O:p</O:p
    ชนทั้งปวง พระภิกษุรูปนั้นรู้ว่าสามเณรตั้งสัตยาธิษฐานเช่นนั้น จึงปรารถนา<O:p</O:p
    บ้างว่า ด้วยเดชแห่งกุศลที่ข้าพเจ้าได้กวาดหยากเยื่อนี้ ชาติต่อไปขอให้มี<O:p</O:p
    ปฏิภาณว่องไวสามารถโต้ตอบปัญหาแม้ของ สามเณรนี้ได้<O:p</O:p
    เมื่อพระเจ้ามิลินท์ทรงทราบข่าวจากเทวมันติยอำมาตย์ดังนั้น <O:p</O:p
    จึงเสด็จไปหาพระนาคเสนยังที่อยู่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กรกฎาคม 2008
  2. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    เมื่อพระเจ้ามิลินท์เสด็จเข้าไปถึงพระนาคเสน ทรงปราศรัยพระเถรเจ้า<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    แล้วจึงมีพระราชดำรัสว่า ข้าพเจ้ามีความประสงค์จะพูดด้วยเธอ<o:p></o:p>
    พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ขอพระองค์จงตรัสมาเถิด <o:p></o:p>
    อาตมภาพก็ใคร่จะฟังอยู่<o:p></o:p>
    ม. ข้าพเจ้าพูดแล้ว เธอฟังเอาเถิด<o:p></o:p>
    น. อาตมาภาพฟังแล้ว พระองค์ตรัสมาเถิด<o:p></o:p>
    ม. เธอฟังได้ยินว่ากระไร<o:p></o:p>
    น. พระองค์ตรัสมาว่ากระไร<o:p></o:p>
    ม. ก็ข้าพเจ้าได้ถามเธอแล้ว<o:p></o:p>
    น. อาตมาภาพก็ได้ถวายวิสัชนาแล้ว<o:p></o:p>
    ม. เธอวิสัชนามาว่ากระไร<o:p></o:p>
    น. พระองค์ตรัสถามว่ากระไร<o:p></o:p>
    เมื่อต่างฝ่ายต่างลองดูไหวพริบแห่งกันและกันอยู่ฉะนี้ ประชาชนชาว<o:p></o:p>
    โยนกก็พากันซ้องสาธุการถวายพระนาคเสน แล้วกราบทูลพระเจ้ามิลินท์ว่า <o:p></o:p>
    ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์จงตรัสถามปัญหาในทันทีนี้เถิด<o:p></o:p>
    จึงพระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระผู้เป็นเจ้าธรรมดาผู้ที่จะพูดกัน<o:p></o:p>
    ถ้าไม่รู้จักชื่อและสกุลก่อนแล้ว จะพูดกันอย่างไร เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอ<o:p></o:p>
    ทราบว่าเธอชื่อไร<o:p></o:p>
    พระนาคเสนทูลตอบว่า ชื่อของอาตมาภาพเพื่อนพรหมจารีเรียกว่า<o:p></o:p>
    นาคเสน แต่โยมทั้ง ๒ เรียกนาคเสนบ้าง วีรเสนบ้าง สุรเสนบ้าง สีหเสนบ้าง <o:p></o:p>
    ขอถวายพระพร อันคำชื่อเหล่านี้เป็นคำที่ตั้งขึ้นไว้สำหรับร้องเรียกกัน<o:p></o:p>
    เท่านั้น หามีตัวบุคคลที่จะพึงค้นได้ในชื่อนั้นไม่<o:p></o:p>
    ทันใดนั้นแล พระเจ้ามิลินท์ได้ตรัสประกาศกะบริษัทว่า<o:p></o:p>
    ท่านทั้งหลายจงเป็นพยานช่วยกันจำคำพระนาคเสนไว้ แล้วตรัสกะ<o:p></o:p>
    พระเถระว่า ดูกรพระนาคเสน ถ้าว่าคนเราไม่มีตัวตนจริงเช่นเธอว่านั้น <o:p></o:p>
    ก็ใคร่เล่าถวายบาตรจีวรแก่เธอ ใครเป็นผู้ใช้สอยบาตรจีวรนั้น และหากว่า<o:p></o:p>
    ใครฆ่าเธอ ก็คงจะไม่บาป, แล้วตรัสซักไซ้ต่อไปว่า ก็ที่เธอแสดงชื่อว่า<o:p></o:p>
    นาคเสนนั้น อะไรเล่าเป็นนาคเสน ผมหรือเป็นนาคเสนเมื่อพระเถระทูล<o:p></o:p>
    ตอบว่า มิใช่ ก็ตรัสถามต่อไปจนครบอาการ ๓๒ ทรงไล่เลียงไปแต่ละ<o:p></o:p>
    อย่างๆ ว่า เป็นนาคเสนหรือ พระเถรเจ้าก็ทูลตอบว่า มิใช่ จึงตรัสไล่<o:p></o:p>
    รวมกันว่า หรือทั้ง ๕ ขันธ์เป็นนาคเสน หรือนาคเสนมีนอกออกไปจาก<o:p></o:p>
    ขันธ์ทั้ง ๕ นั้น พระเถรเจ้าก็ทูลตอบว่า มิใช่ๆ ทุกข้อ<o:p></o:p>
    พระเจ้ามิลินท์เห็นเป็นที จึงตรัสเย้ยว่า ข้าพเจ้าถามไล่เลียงเธอ ก็ไม่พบ<o:p></o:p>
    ว่า อะไรเป็นนาคเสน เธอพูดเหลวไหล ไม่มีส่วนที่เป็นนาคเสนสักหน่อย<o:p></o:p>
    ก่อนที่พระเจ้าเถรเจ้าจะถวายวิสัชนาแก้ปัญหานั้น ได้ทูลบรรยายเป็น<o:p></o:p>
    ฐานปราศรัย เพื่ออ้อมหาช่องให้พระเจ้ามิลินท์ตรัสเป็นทีเสียก่อนว่า<o:p></o:p>
    พระองค์เป็นกษัตริย์สุขุมาลชาติ เสด็จออกจากพระนครมาเวลาเที่ยง <o:p></o:p>
    กรวดทรายตามทางกำลังร้อนจัด ถ้าทรงดำเนินมา พระบาทคงจะพอง <o:p></o:p>
    พระราชหฤทัยคงจะอ่อนเพลียเป็นแน่ <o:p></o:p>
    ขอถวายพระพร พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาด้วยพระบาทหรือ<o:p></o:p>
    ด้วยราชพาหนะ จึงพระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า ข้าพเจ้าก็มาด้วยรถสิเธอ<o:p></o:p>
    พระนาคเสนเถรเจ้าเห็นได้ทีจึงทูลถามว่า ถ้าพระองค์เสด็จมาด้วยรถ <o:p></o:p>
    ขอพระองค์ได้ตรัสบอกกะอาตมภาพว่า อะไรเป็นรถ งอนหรือเป็นรถ <o:p></o:p>
    พระเจ้ามิลินท์ตรัสตอบว่า มิใช่ พระเถรเจ้าจึงทูลถามต่อไปว่า หรือ<o:p></o:p>
    เครื่องอุปกรณ์อย่างอื่น เช่นเพลาล้อแอกแต่ละอย่างๆ เป็นรถ พระเจ้า<o:p></o:p>
    มิลินท์ก็ตรัสตอบว่า มิใช่ พระเถรเจ้าจึงถามอีกว่า หรือเครื่องอุปกรณ์<o:p></o:p>
    เหล่านั้นทั้งหมดเป็นรถ หรือว่ารถมีนอกออกไปจากเครื่องอุปกรณ์เหล่านั้น, <o:p></o:p>
    พระเจ้ามิลินท์ก็ตรัสตอบว่ามิใช่ๆ พระเถรเจ้าจึงทูลเย้ยว่า <o:p></o:p>
    อาตมาภาพทูลถามพระองค์ ก็ไม่พบว่าอะไรเป็นรถ พระองค์<o:p></o:p>
    ตรัสไม่สมกับพระดำรัสเบื้องต้น<o:p></o:p>
    ขณะนั้นเหล่าประชาชนชาวโยนกต่างก็ซ้องสาธุการถวายพระนาคเสน <o:p></o:p>
    แล้วกราบทูลพระเจ้ามิลินท์ว่า <o:p></o:p>
    ข้าแต่พระมหาราชเจ้าขอพระองค์จงตรัสแก้เสียบัดนี้เถิด<o:p></o:p>
    พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสว่า ดูก่อนพระนาคเสน คำว่ารถซึ่งข้าพเจ้า<o:p></o:p>
    ตอบเธอในเบื้องต้นนั้น เหตุอาศัยทั้งงอนทั้งเพลาเป็นต้น รวมกันเข้า <o:p></o:p>
    จึงมีชื่อเรียกเช่นนั้น<o:p></o:p>
    พระเถรเจ้าจึงทูลว่า พระองค์ตรัสถูกแล้ว <o:p></o:p>
    ขอถวายพระพร แม้คำว่านาคเสนซึ่งเป็นชื่อของอาตมภาพก็เช่นนั้น<o:p></o:p>
    เหมือนกัน อาศัยทั้งผมทั้งขนเป็นต้น อาศัยทั้งรูปทั้งนามประชุมกันเข้า <o:p></o:p>
    จึงมีคำชื่อนี้ขึ้น แต่ว่าเมื่อพูดโดยปรมัตถ์แล้ว ก็หามีตัวบุคคลที่จะพึงค้น<o:p></o:p>
    ได้ในชื่อนั้นไม่<o:p></o:p>
    เมื่อพระเถรเจ้าถวายวิสัชนาแก้ปัญหาฉะนี้แล้ว พระเจ้ามิลินท์ก็<o:p></o:p>
    ตรัสชมเชยว่า น่าฟัง ข้าพเจ้าไม่เคยได้ยินได้ฟังเช่นนี้เลย เธอวิสัชนา<o:p></o:p>
    ปัญหาไพเราะจริง ถ้าว่าพระพุทธเจ้ายังเสด็จดำรงพระชนม์อยู่ ก็คง<o:p></o:p>
    จะประทานสาธุการเป็นแน่

    ที่มา http://www.luangphor.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=404441&Ntype=1<o:p></o:p>
     
  3. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p


    _____________________________<O:p</O:p
    เชิญร่วมบริจาคหนังสือ เข้าห้องสมุดชุมชนวัดย่านยาว<O:p</O:p
    http://palungjit.org/showthread.php?t=130823<O:p</O:p
     
  4. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ผู้ถาม : เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...........?
    หลวงพ่อ : การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปี ๆ บุญก็ยังมีอยู่ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปี ก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย ไม่ใช่เราทำบุญแล้ว เดี๋ยวเดียวมันหายไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ
    ผู้ถาม :แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ...?
    หลวงพ่อ : ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ว่าเราจะให้เขาหรือไม่ให้ การอุทิศส่วนกุศล นี่นะ ถ้าเราไม่ให้ เราก็กินคนเดียวใช่ไหม..... ทีนี้ถ้าเราให้เขาของเราก็ไม่หมดอีก ส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าช้างของมหาเศรษฐี เวลาที่ท่านทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ ท่านก็สงสัยว่าการแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ท่านรับบาตรนะ ท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า

    "สมมุติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย คนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง ก็มาขอต่อไฟที่คบของโยมแล้วคบทุกคนสว่างไสวหมด อยากทราบว่าไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม....?
    ท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ
    แล้วท่านก็บอกว่า "การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน ให้เขา เขาโมทนา แต่บุญของเราเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์"


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ

    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
    <!-- / message -->​
     
  5. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    ปัญหาที่ 2

    พระเจ้ามิลินท์ตรัสถามว่า ดูก่อนพระนาคเสน เธอบวชได้กี่ปีมาแล้ว<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    พระนาคเสนทูลตอบว่า ขอถวายพระพรได้ ๗ ปีมาแล้ว<o:p></o:p>
    ม. อะไรเป็นจำนวน ๗ ตัวเธอหรือๆ ว่าการนับเป็นจำนวน ๗<o:p></o:p>
    ก็ขณะนั้นเงาของพระเจ้ามิลินท์ฉายอยู่ที่พื้นดินและในหม้อน้ำ <o:p></o:p>
    เมื่อมีพระราชดำรัสถามดังนั้น พระนาคเสนจึงทูลว่านั้นเงาพระองค์<o:p></o:p>
    ไปปรากฏอยู่ที่พื้นดินและที่หม้อน้ำ อาตมภาพขอทูลถามว่า พระองค์เป็น<o:p></o:p>
    พระราชาหรือเงานั่นเป็นพระราชา<o:p></o:p>
    ม. ข้าพเจ้าสิเป็นราชา เงามิใช่ราชา ด้วยว่าเงานี้อาศัยตัวข้าพเจ้า<o:p></o:p>
    จึงปรากฏขึ้น<o:p></o:p>
    น. ขอถวายพระพร นี่ก็เป็นเช่นนั้นแล จำนวน ๗ ปี นี้มีขึ้นก็เพราะว่า<o:p></o:p>
    นับแต่อาตมภาพบวชมาจนบัดนี้ วันคืนได้ล่วงไปเป็นจำนวนปีเท่านั้น<o:p></o:p>
    ม. เธอช่างฉลาดจริงๆ<o:p></o:p>
    จบวัสสปัญหา

    ที่มา http://www.luangphor.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=404449&Ntype=1<o:p></o:p>
     
  6. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,661
    ค่าพลัง:
    +9,236
    ขออนุโมทนาค่ะ เมื่อครั้งเป็นการ์ตูนพุทธศาสนาก็ดีมากค่ะ
     
  7. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    ประวัติพระนาคเสน

    พระนาคเสนเกิดที่ชังคลคาม (หมู่บ้านกชังคละ) ใกล้ภูเขาหิมาลัย บิดามารดาเป็นพราหมณ์ชื่อโสณุตตระพรามหณ์ และโสณุตตระพราหมณี เหตุที่ชื่อนาคเสนเพราะ เมื่อตอนเกิดใหม่ ๆ มีความงามบริสุทธิ์โสภา เมื่ออายุได้ 7 ขวบ บิดามารดาจึงให้เรียน ไตรเพท อันเป็นวิชาของพราหมณ์ และศิลปศาสตร์คือวิชาอื่นที่อาจารย์สอนนอกเหนือจากคัมภีร์ไตรเพท นาคเสนกุมารสามารถเรียนและจบได้ในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อเรียนจบแล้วได้ถามบิดาว่า ศิลปวิทยาสำหรับคนในสกุลพราหมณ์มีให้เรียนเท่านี้หรือ เมื่อบิดาตอบว่า มีเพียงเท่านี้ก็รู้สึกว่ามันน้อยนิดเหลือเกิน จึงไปนั่งนึกถึงสิ่งที่เป็นสาระของคัมภีร์และ ศิลปวิทยาที่เรียนมา ก็นึกเห็นว่าศิลปศาสตร์และไตรเพทที่เรียนมานั้นเหมือนลอมฟาง ว่างเปล่า ไม่มีแก่นสาร
    สมัยนั้น มีพระเถระรูปหนึ่งชื่อว่า โรหณะ ผู้มาบิณฑบาตที่บ้านโสณุตตระพราหมณ์เป็นประจำ รู้ว่านาคเสนกุมาร คิดอยากเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นแก่นสาร จึงเข้าไปหานาคเสนกุมาร ผู้กำลังนั่งรำพึงถึงศิลปวิทยาที่เรียนมา เมื่อนาคเสนกุมารเห็นเข้าก็มีใจยินดีเกิดปีติโสมนัสจึงไต่ถามพระโรหณะต่าง ๆ เช่น ทำไมท่านจึงนุ่งห่มเช่นนี้ ทำไมท่านจึงปลงผมและโกนหนวดออก เมื่อนาคเสนกุมารได้ฟังพระโรหณะตอบแล้วได้เกิดความเลื่อมใส และขออนุญาตบิดามารดาบรรพชา
    นาคเสนกุมารบวชเป็นสามเณรที่ถ้ำคูหารักขิตะเลณะ ท่ามกลางพระอรหันต์จำนวนมาก พระโรหณะผู้เป็นอุปัชฌาย์เห็นปัญญาอันเฉียบแหลมของสามเณรคิดว่าถ้าให้เรียนพระสูตรกับพระวินัยคงไม่ลึกซึ้งเหมือนปรมัตถธรรม ดังนั้นพระโรหณะจึงให้สามเณรเรียนพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ เมื่อสามเณรได้ฟังพระโรหณะสาธยายอภิธรรมให้ฟังเพียง ครั้งเดียวก็สามารถจดจำพระอภิธรรมทั้ง 7 คัมภีร์ได้หมด นาคเสนสามเณรจึงไปสาธยายให้พระอรหันต์ทั้งหลายฟัง เมื่อสามเณรสาธยายจบ พระอรหันต์ทั้งหลายจึงได้สรรเสริญว่าสามเณรอายุเพียง 7 ขวบ ก็สามารถจดจำพระอภิธรรมได้หมดพระพุทธศาสนาของ พระศาสดาคงเจริญรุ่งเรืองต่อไปอีกแน่
    ต่อมาเมื่อนาคเสนสามเณรมีอายุครบ 20 ปี จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระโรหณะเป็นพระอุปัชฌาย์เช่นเดิม วันรุ่งขึ้นได้ออกบิณฑบาตกับพระอุปัชฌาย์ ขณะเดินตามหลังได้คิดในใจว่า อุปัชฌาย์ของเราโง่เขลาจริง รู้แต่พระอภิธรรมอย่างเดียว ไม่รู้ พระพุทธวจนะอื่นเลย พระโรหณะรู้ความคิดของพระนาคเสน จึงบอกว่าความคิด เช่นนั้นไม่สมควรทั้งแก่ตัวเราและตัวท่าน พระนาคเสนรู้ว่าพระอุปัชฌาย์รู้ความคิดจึงคิดว่าอุปัชฌาย์นี้มีปัญญา ควรจะให้งดโทษแก่เรา จึงกล่าวขอขมาโทษกับพระอุปัชฌาย์
    พระโรหณะกล่าวว่า เรางดโทษแก่ท่านไม่ได้ มีแต่ท่านทำให้พระยามิลินท์กษัตริย์แห่งเมืองสาคละนครเลื่อมใสได้เมื่อใด เราจะงดโทษให้เมื่อนั้น พระนาคเสนกล่าวตอบว่าอย่าว่าแต่พระยามิลินท์พระองค์เดียวเลย แม้พระยาทั้งชมพูทวีปเรียงตัวกันเข้ามาถามปัญหา ก็สามารถทำให้เลื่อมใสได้ พระโรหณะกล่าวว่าท่านอย่าพูดอย่างนั้น ไว้พูดกันอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ทำให้พระยามิลินท์เลื่อมใสแล้วในพรรษานั้น พระโรหณะได้ส่งพระนาคเสนไปจำพรรษากับพระอัสสคุตเถระ ณ วัตถิยะเสนาสน์ พระอัสสคุตเถระ ไต่ถามถึงเหตุที่มาของพระนาคเสนจึงทราบว่าเป็นผู้มีปัญญาปรารถนาที่จะเรียนพระไตรปิฎก แต่เนื่องจากท่านไม่ชำนาญพระไตรปิฎก จึงแกล้งทำเป็นลงพรหมทัณฑ์ด้วยการไม่พูดด้วยแล้วก็นิ่งเฉย พระนาคเสนได้บำรุงพระเถระด้วยอุปัชฌายวัตร เช่น กวาดบริเวณ จัดน้ำล้างหน้า น้ำบ้วนปาก และไม้สีฟันมาตั้งไว้ พระอัสสคุตเถระไม่ยอมรับการบำรุงนั้น ท่านกวาดบริเวณเสียใหม่ เทน้ำทิ้งเปลี่ยนไม้สีฟันใหม่ ทรงทำเช่นนี้ตลอด 3 เดือน โดยมิได้พูดจากับพระนาคเสนเลย
    เมื่อออกพรรษาแล้ว มีอุบาสิกาผู้ปรนนิบัติพระเถระมาตลอด 30 ปีคนหนึ่งประสงค์จะถวายภัตตาหาร จึงถามพระเถระว่ามีภิกษุจำพรรษากับท่านบ้างไหม พระเถระตอบว่ามีอยู่รูปหนึ่ง อุบาสิกาจึงนิมนต์พระเถระกับพระนาคเสนไปฉันภัตตาหารที่บ้านในวันรุ่งขึ้น รุ่งขึ้นเช้าพระอัสสคตุเถระผู้ไม่ได้พูดกับพระนาคเสนาตลอดพรรษาจำต้องพูดในวันนั้นว่าอุบาสิกานิมนต์ให้ไปฉันภัตตาหารที่บ้าน พูดเท่านี้แล้วก็นุ่งสบงครองจีวรอุ้มบาตรไปบ้านอุบาสิกา เมื่อฉันเสร็จแล้ว พระอัสสคุตเถระจึงให้พระนาคเสนกล่าวอนุโมทนา ส่วนท่านกลับไปก่อน อุบาสิกาจึงกล่าวกับพระนาคเสนว่า "โยมนี้แก่เฒ่าแล้วใคร่จะฟังธรรมะอันลึกซึ้งเพื่อจะได้เจริญสติปัญญา พระนาคเสนจึงกล่าวอนุโมทนาด้วยธรรมที่สมควรกับสติปัญญาของอุบาสิกา อุบาสิกาพิจารณาตามธรรมที่พระนาคเสนแสดงเมื่อจบแล้วก็ได้บรรลุโสดาบัน
    หลังจากนั้นพระอัสสคุตเถระได้ส่งพระนาคเสนไปอยู่กับพระธรรมรักขิตที่อโศการาม เมืองปาตลีบุตร เพื่อศึกษาพระไตรปิฎก ในระหว่างเดินทางพระนาคเสนได้อาศัยเกวียนของพ่อค้าคนหนึ่ง และแสดงธรรมจนพ่อค้าบรรลุโสดาบัน เมื่อไปถึงเมืองปาตลีบุตรพระนาคเสนได้ศึกษาพระไตรปิฎกด้วยภาษามคธกับพระธรรมรักขิตเถระ ร่วมกับพระสงฆ์จากลังกา พระนาคเสนใช้เวลาเรียนพุทธพจน์ที่เป็นเนื้อความล้วน 3 เดือน ที่เป็นอรรถกถา 3 เดือนรวม 6 เดือน พระธรรมรักขิตเถระเห็นพระนาคเสนมีสติปัญญาดีมีความเชี่ยวชาญพุทธพจน์เป็นอย่างยิ่ง แต่ยังเป็นปุถุชนอยู่แม้จะเชี่ยวชาญพระไตรปิฎกจึงกล่าวเปรียบอุปมาให้พระนาคเสนฟังว่า"ธรรมดาคนเลี้ยงโค รีดนมโคขาย แต่ไม่รู้รสนมโคฉันใด บุคคลผู้เป็นปุถุชนแม้จะเชี่ยวชาญพระไตรปิฎก แต่ไม่รู้รสแห่งมรรคผลอันสมควรแก่สมณะก็เช่นนั้น" พระนาคเสนได้ฟังเช่นนั้นก็เข้าใจจึงกล่าวว่า ข้าพเจ้าจะค่อยๆ พิจารณาให้รู้รสนั้น แล้วกลับมาที่พัก พิจารณาด้วยวิปัสสนากัมมัฏฐานจนสำเร็จพระอรหันต์ ฝ่ายพระอรหันต์ ที่อยู่ที่ถ้ำคูหารักขิตะเลณะทราบว่าพระนาคเสนบรรลุพระอรหันต์ จึงส่งทูตมานิมนต์ให้ไปยังสาคละนครเพื่อแสดงธรรมต่อพระยามิลินท์
    พระยามิลินท์นั้นตั้งปัญหาถามพระเถระรูปต่าง ๆ จนคร้านจะตอบเป็นจำนวนมาก เมื่อพระองค์ได้สดับ กิตติศัพท์ของพระนาคเสน จึงสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์พระนาคเสน แต่พระนาคเสนกลับให้ทูลเชิญพระราชามาหา พระยามิลินท์จึงเสด็จมาหาพระนาคเสนที่อสงไขยบริเวณแล้วตรัสถามปัญหากับพระนาคเสนดังปรากฎในหนังสือมิลินทปัญหาจนพระยามิลินท์เลื่อมใส เช่น พระยามิลินท์ถามว่า พระพุทธเจ้ามีองค์จริง หรือไม่พระนาคเสนตอบว่ามี เมื่อถูกซักว่า ท่านเกิดไม่ทัน ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้า ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพระพุทธเข้ามีจริง พระนาคเสนใช้ปฏิภานโต้กลับว่า มหาบพิตร ท่านคงไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่ากษัตริย์ต้นวงศ์ของพระองค์มีจริง พระยามิลินท์ตอบว่า ไม่ปฏิเสธ เพราะกษัตริย์ ต้นวงศ์ของโยมมีจริง ๆ พระนาคเสนซักว่า มหาบพิตรเกิดไม่ทัน ไม่เคยเห็น มหาบพิตรรู้ได้อย่างไรว่ากษัตริย์ต้นวงศ์ของ พระองค์มีจริงพระนาคเสนได้ช่วยเหลือการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระยะกาลต่อมาจนนิพพาน
    คุณสมบัติที่ควรยึดถือเป็นแบบอย่าง
    1.เป็นผู้ใฝ่รู้อย่างยิ่ง เรียกคุณธรรมนี้ว่า ธัมมกามตา คือฉันทะใคร่รู้ใคร่ศึกษา เริ่มตั้งแต่เรียนจบคัมภีร์ไตรเพทของศาสนาพราหมณ์ตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วพิจารณาเห็นว่า เป็นเหมือนลอมฟางว่างเปล่าไม่มีแก่นสาร เมื่อบวชในพุทธศาสนาแล้วได้ศึกษาพระอภิธรรมจากพระโรหณะ จนเชี่ยวชาญในพระอภิธรรม ทั้งยังศึกษาพระพุทธวจนะ (พระไตรปิฎก) ในสำนักของพระธรรมรักขิต โดยใช้เวลาไม่นานก็เรียนจบพระไตรปิฎก ซึ่งความสำเร็จ ทั้งหมดนี้เป็นผลเนื่องมาจากความเป็นผู้ใฝ่รู้นั่นเอง.
    2.ยอมรับผิดและแก้ไขตนเอง เป็นธรรมดาของผู้ที่มีความรู้มากหรือเป็นพหูสูตร มักจะมีความเชื่อมั่นในตนเองสูง จนบางครั้งเลยขอบเขตจนกลายเป็นทิฏฐิมานะ ดูหมิ่น ดูแคลนผู้อื่น ซึ่งพระนาคเสนก็เป็นเช่นนั้นในบางครั้ง แต่เมื่อรู้สึกตัวว่าผิด ก็พร้อมที่จะ รับผิดและพยายามแก้ไข
    3.ฉลาดในการอธิบายธรรม พระนาคเสนถึงแม้จะเป็นพระปุถุชน ยังมิได้บรรลุพระอรหันต์ แต่ก็สามารถอธิบายธรรมให้ผู้อื่นรับรู้จนได้เป็นอริยบุคคลหลายคน นับว่า พระนาคเสนมีความฉลาดในการอธิบายธรรมให้ถูกกับบุคคลได้ดี
    4.มีความอดทนเป็นเยี่ยม แม้พระอัสสคุตเถระจะไม่ยอมรับและไม่พูดจาด้วยตลอด 3 เดือน แต่พระนาคเสนก็มีความอดทนเพื่อจะได้ศึกษาวิชาความรู้ ไม่แสดงอาการเกียจคร้าน หมั่นปรนนิบัติอาจารย์จนถึงที่สุด และได้รับการยอมรับให้ศึกษาเล่าเรียนได้ นับว่าพระนาคเสนมีความอดทนเป็นอย่างยิ่ง


    ที่มา http://www.bp-smakom.org/BP_School/Social/BUDDA/na-ka-sean.htm

     
  8. atomdekst

    atomdekst Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    406
    ค่าพลัง:
    +79
    กำลังอยากรู้ประวัติย่อๆของเรื่องนี้อยู่พอดี
    สงสัยไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เอามาลงให้อ่าน
    ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ อย่างนี้

    อนุโมทนาสาธุครับ
     
  9. deneta

    deneta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    2,711
    ค่าพลัง:
    +5,720
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...